The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 396 ถอนทัพ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 396 ถอนทัพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.396 ถอนทัพ

หลังจากฉินอินจัดเสื้อผ้าและสวมรองเท้า นางก็เอ่ยถาม “เว่ยโฉว เกิดสิ่งใดขึ้นด้านนอก?”

เว่ยโฉวเปิดประตูกระโจมพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท เสียงกลองดังจากเมืองเจียงตง ดูเหมือนว่าเผ่าปีศาจกำลังเตรียมตัวโจมตี แต่…พวกมันไม่เคยตีกลองศึกเมื่อเริ่มจู่โจมมาก่อน”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ทหาร นำชุดเกราะของข้ามาและออกไปดูกัน!”

“ขอรับ!”

ฉินอินรีบพูด “เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังต้องการออกไปสู้อีกหรือ?”

“ข้าเพียงออกไปดูเท่านั้น และนี่ก็เป็นแค่แผลถลอก ข้าไม่เป็นไร”

หลินมู่อวี่ยืนกรานที่จะไปให้ได้ จากนั้นก็สวมชุดเกราะและขี่ม้านำฉินอิน เว่ยโฉว และคนอื่นๆ ออกจากเมือง พวกเขามองเห็นเปลวเพลิงปลิวไสวจากระยะไกล อสูรเกราะจำนวนมหาศาลส่งเสียงขู่พร้อมตะโกนดังด้วยภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ

“ผู้บัญชาการหลิน”

ซูอวี่นำทหารม้าหนักมาด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการหลินได้รับบาดบาดเจ็บสาหัส เหตุใดจึงออกมาด้านนอกเช่นนี้”

“หากเผ่าปีศาจกำลังจะโจมตีจริง ข้าจำเป็นต้องออกมา”

หลินมู่อวี่ออกคำสั่ง “ป้องกันศัตรูพร้อมเตรียมน้ำมันบีชสีดำ เมื่อใดที่มันเริ่มโจมตี จงทำให้มันกลายเป็นเนื้อย่างซะ!”

“ขอรับท่านผู้บัญชาการ!”

กระนั้นหลังจากรอเป็นเวลานาน ปีศาจก็ไม่มีทีท่าจะเริ่มโจมตี ก่อนที่เสียงจะค่อยๆ เงียบลง

“ดูเหมือนว่ามันเพียงต้องการเรียกร้องความสนใจเท่านั้น” หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว “ให้ทหารส่งสารไปยังป้อมปราการอีกหกแห่งเพื่อรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา พฤติกรรมของพวกปีศาจเหล่านี้ดูผิดปกติเกินไป”

“ขอรับพี่ใหญ่!” ฉินเหยียนหันกลับออกไป

ซูอวี่ทอดสายตามองฝั่งตรงข้ามด้วยดวงตาคู่งามพร้อมกล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะโจมตี ผู้บัญชาการหลินคิดเหมือนกันหรือไม่? อสูรเกราะปักหลักอยู่อีกฝั่งเกือบสองแสนตัว พวกมันมีร่างกายใหญ่โตและคงต้องการอาหารไม่น้อย มณฑลชางหนานไม่ใช่พื้นที่เก็บเสบียงของเผ่าปีศาจ ดังนั้นเสบียงต่างๆ ของมันจึงด้อยกว่าพวกเรามาก อีกทั้งไม่ได้มีผู้คนมากมายให้พวกมันจับกิน”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “ป้าอวี่กล่าวมีเหตุผล อย่างไรก็ตามเราเพิ่งเริ่มต้นสร้างกำแพงเหล็ก เฉียนเฟิงเป็นผู้มีไหวพริบ เขาคงไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่”

“อืม…” ซูอวี่มองไปยังฉินอินและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดเสี่ยวอินจึงอยู่ที่นี่ด้วย?”

ฉินอินหน้าแดงก่ำ “ข้าอยู่กับพี่อาอวี่ในค่าย จึงออกมาด้วยกันเจ้าค่ะ”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

ซูอวี่สังเกตอากัปกิริยาได้จึงเดินเข้าไปหาฉินอินและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ความจริงป้าอวี่มองออกว่าเสี่ยวอินชอบอาอวี่ และอาอวี่ก็ชอบเสี่ยวอิน เช่นนั้น…เหตุใดจึงไม่ให้ท่านตาจัดพิธีสมรสให้? หากเสี่ยวอินแต่งงานกับอาอวี่ คงเป็นคู่ที่น่าอิจฉาที่สุด”

ฉินอินประหลาดใจพร้อมใบหน้าแดงก่ำ “ขะ…ข้า…”

“พูดไม่ออกหรือ?” ซูอวี่หัวเราะคิกคัก “เช่นนั้นให้ป้าอวี่ช่วยไหม?”

“ไม่เจ้าค่ะ…”

ฉินอินขมวดคิ้ว “ข้ารับรู้ถึงน้ำใจของท่านป้า แต่มันยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้จักรวรรดิสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด จักรวรรดิอี้เหอทำให้แผ่นดินแยกออกจากกัน อีกทั้งมีปีศาจมารุกราน หากเสี่ยวอินแต่งงานในช่วงเวลานี้ ผู้คนคงพากันตัดสินว่าจักรพรรดินีมัวแต่ลุ่มหลงในเสน่หา อีกทั้ง…ท่านตาคงไม่เห็นด้วย”

“อืม นั่นสินะ…”

ซูอวี่ถอนหายใจและกล่าวว่า “แม้อาอวี่จะเป็นผู้บัญชาการที่อายุน้อยที่สุดและโดดเด่นมากในจักรวรรดิ แต่ความชอบธรรมยังมีไม่เพียงพอสำหรับคุณสมบัติองค์ชาย เช่นนั้นคงต้องรอไปก่อน…ป้าจะคอยสนับสนุนให้เสี่ยวอินได้อยู่กับคนที่รักแน่นอน!”

ฉินอินยิ้มหวาน “ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้าอวี่!”

หลินมู่อวี่กระแอม “ท่านคิดว่าข้าไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้แล้วหรือ?”

ซูอวี่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “อาอวี่ เจ้าไม่ต้องการแต่งงานกับเสี่ยวอินรึ?”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่…” หลินมู่อวี่ตอบ “มันยังไม่ถึงเวลา หลังจากสามารถยึดครองมณฑลหลิงหนานและขับไล่เผ่าปีศาจ ข้าจะกอบกู้แผ่นดินทั้งหมดเพื่อเป็นสินสอดขอเสี่ยวอินแต่งงาน เช่นนั้นข้าจะได้เหมาะสมกับสถานะของนางมากขึ้น อีกทั้งหากเป็นไปได้…ข้าอยากพาเสี่ยวอินกลับไปแต่งงานที่บ้านเกิด อืม…แล้วจะจัดโต๊ะรับแขกกว่าหนึ่งพันตัว พร้อมรถโรลส์รอยซ์กว่าร้อยคันคอยต้อนรับ อีกทั้งจัดงานแบบหรูหราที่สุด…”

ซูอวี่ประหลาดใจ “อาอวี่ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ…แม้จะไม่รู้ว่าพูดถึงสิ่งใด แต่คิดว่ามันต้องดูดีมากเป็นแน่”

“ฮ่าๆ โอ้…พวกมันตีกลองอีกแล้ว เกิดบ้าอะไรขึ้น…”

ภายในค่ายเผ่าปีศาจ ณ กระโจมหลักของจอมพล พายุปราณสีเลือดลอยขึ้นแผ่วเบาขณะที่เฉียนเฟิงใช้ฝ่ามือยันพื้นเพื่อยกร่างกายขึ้นในลักษณะกลับหัว พลังปราชญ์แห่งปีศาจยังคงลอยอยู่รอบแขนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บในท่าทางที่แปลกประหลาด ทันใดนั้นแสงดวงดาวบนร่างกายของเขาสั่นไหว ก่อนที่พลังเจ็ดประทีปจะสลายไป

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าพร้อมพลิกตัวนั่งลงบนพรม ในที่สุดใบหน้าของเขาก็เริ่มมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น เขาสวมเสื้อและกล่าวว่า “เข้ามา!”

กลุ่มนายพลอาวุโสของเผ่าปีศาจก้าวเข้ามาในค่ายโดยมีปิดบังใบหน้าไว้ อสูรระดับสี่ดาวตนหนึ่งก้าวเข้ามาประสานหมัด “ท่านจอมพลอาการดีขึ้นแล้วหรือไม่?”

“อืม”

เฉียนเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “พลังลึกลับของหลินมู่อวี่ทรงพลังมากจนเกือบสังหารข้า ศึกครานี้พรากชีวิตแม่ทัพขวาและองค์ชายสามอย่างน่าสลด เป็นเพราะข้าบัญชาการไม่ดี หลังจากกลับเมืองหลวง ข้าจะต้องทูลขอประทานอภัยต่อองค์จักรพรรดิอสูร”

“ท่านจอมพลอย่าโทษตัวเอง…ทั้งหมดเป็นเพราะพวกมนุษย์มีเล่ห์เหลี่ยมยิ่ง”

“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนหรือไม่?”

“ขอรับ” อสูรระดับสี่ดาวแสดงความเคารพ “ข้าคำรามพร้อมตีกลองทุกครั้งที่จุดกำยาน จากนั้นอสูรปีกจะถอยกลับ และทำให้กองทัพมนุษย์เผชิญหน้ากับความตื่นตระหนก”

“อืม”

เฉียนเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย “หลังจากก่อกวนสองถึงสามวัน กองทัพมนุษย์คงหมดแรง จากนั้นจะเป็นเวลาของเราที่จะค่อยๆ ถอนทัพกลับเมืองตงฉวง”

“เรากำลังจะกลับเมืองตงฉวงจริงหรือ? ท่านจอมพล ไม่ใช่ว่ากองกำลังของเรายังมีพลังเหนือกว่ามนุษย์อย่างนั้นเหรอ? หากท่านล่าถอยโดยไม่ต่อสู้ จะเป็นการเสียเกียรติยศจอมพลของท่านหรือไม่?”

“เสียเกียรติ?”

เฉียนเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา “ในศึกแม่น้ำต้าวเจียงนี้เราสูญเสียองค์ชายสามและกองกำลังมากมาย อีกทั้งดูเหมือนว่าพวกมนุษย์ได้เตรียมน้ำมันบีชสีดำจำนวนมากเพื่อเผาอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นเนื้อสัตว์สำหรับอสูรเกราะไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ที่นี่คือดินแดนของมนุษย์ซึ่งมีเสบียงอยู่พร้อม ขณะที่พวกเราไม่สามารถขนส่งเสบียง จึงการปักหลักอยู่ที่นี่ต่อไปนั้นทำได้ยาก หากอสูรเกราะหิวโหยจนเริ่มกินกันเอง ข้าเกรงว่ากองทัพมนุษย์จะฉวยโอกาสข้ามแม่น้ำและมอบหายนะให้แก่เรา”

อสูรระดับสี่ดาวเผยท่าทีหวาดกลัว “มนุษย์…แข็งแกร่งมากเลยหรือ?”

“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร?”

เฉียนเฟิงเม้มริมฝีปากที่แห้งผาก “ศึกครานี้ทำให้ข้าตระหนักว่า การพิชิตพวกมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่สามารถทำได้อย่างเร่งรีบ อีกทั้ง…พวกมันมีแม่ทัพที่เก่งกล้าอย่างเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และเซี่ยงอวี้ ซึ่งไม่ง่ายที่จะเอาชนะ ตรงกันข้ามหากเราถอยทัพปักหลักที่เมืองตงฉวงและฝึกฝน เราก็จะมีโอกาสมากขึ้น”

“เราจะทำสิ่งใดต่อหลังจากกลับเมืองตงฉวงขอรับ?”

“รับเสบียงที่ฝ่าบาทส่งมา จากนั้น…” เฉียนเฟิงคร่ำครวญ “ฝึกอสูรเกราะใหม่ทั้งหมด ต่อจากนี้ห้ามผู้ใดกินมนุษย์อีกนอกเหนือจากคำสั่งของข้า พร้อมส่งคนไปรวบรวมมนุษย์ที่เป็นช่างฝีมือจากมณฑลหลิงตงและมณฑลทงเทียน สั่งชาวนาให้ปลูกข้าว ให้ช่างตีเหล็กทำอาวุธใหม่ให้ข้า และสิ่งสำคัญที่สุด…ให้พวกมันทำอุปกรณ์ต่างๆ ในการทำศึก ไม่ว่าจะเป็นเกวียน หรือบันไดลอยฟ้าที่ใช้พาดกำแพงเมืองเพื่อให้อสูรเกราะปีนเข้าไปในเมืองได้ หึ! ครานี้เมืองมนุษย์จะต้องแตกพ่ายอย่างง่ายดาย!”

อสูรระดับสี่ดาวมองอย่างความเคารพ ก่อนจะประสานหมัดพร้อมกล่าวว่า “ท่านจอมพลช่างปราดเปรื่องยิ่ง!”

“ถอนทัพสามวันหลังจากนี้ และ…ส่งคนไปรายงานสถานการณ์แก่องค์จักรพรรดิอสูรพร้อมทูลขออสูรระดับห้าดาวส่งไปยังเมืองตงฉวงเพื่อรอรับพวกเรา”

“ท่านจอมพลต้องการลอบสังหารผู้นำมนุษย์หรือ?”

“ใช่ แม่ทัพมนุษย์เช่นเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และเซี่ยงอวี้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่พวกมันก็ไม่อาจเทียบได้กับอสูรระดับห้า พวกเขาต้องแปลงกายเป็นมนุษย์แฝงตัวเข้าไปและตัดหัวพวกมันมาให้ข้า!”

“ขอรับ! ท่านจอมพล เช่นนั้นเราสามารถส่งอสูรที่แข็งแกร่งไปสังหารจักรพรรดินีฉินอิน แล้วจากนั้น…จักรวรรดิมนุษย์ก็จะล่มสลายทันที!”

“ไม่!”

เฉียนเฟิงหันมองและกล่าวอย่างแน่วแน่ “ห้ามผู้ใดสังหารจักรพรรดินีฉินอิน จงจำไว้ว่านางจะต้องไม่ตาย สักวันหนึ่งข้าจะแต่งงานกับนาง!”

“ขะ…ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ!”

“สถานการณ์ของจอมพลเหล่ยฉงเป็นอย่างไร?”

“ยังไม่มีความคืบหน้าในการโจมตีเทือกเขาฉินเลยขอรับ”

“อืม เจ้าโง่นั่น…” เฉียนเฟิงยิ้มบางๆ “ปล่อยให้เขาค่อยๆ โจมตีและติดอยู่ที่นั่นต่อไป ข้าได้ยินมาว่ามีแม่ทัพเก่งกล้านามว่าหลงเซียนหลินในจักรวรรดิอี้เหอใช่หรือไม่?”

“ขอรับ หลงเซียนหลินเป็นผู้ขัดขวางจอมพลเหล่ยฉง”

“อืม…” ความตื่นเต้นฉายบนดวงตาของเฉียนเฟิง “หากมีโอกาส ข้าคงได้เผชิญหน้ากับหลงเซียนหลินสักวัน!”

สามวันต่อมา กองทัพเผ่าปีศาจค่อยๆ ถอนทัพกลับ

“พวกปีศาจถอยหนีแล้ว!”

“ไอ้พวกปีศาจพ่ายแพ้!”

“พวกเราชนะแล้ว!!”

เสียงร้องยินดีดังก้องท่ามกลางกองทัพมนุษย์ ทุกคนต่างยินดีหลังจากสถานการณ์ตึงเครียดมานาน ในที่สุดเผ่าปีศาจก็ถอยหนี ซึ่งหมายถึงโอกาสที่จะมีชีวิตรอดของผู้คน

ถังหลาน ซูมู่หยุน เฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และคนอื่นๆ อยู่ในกระโจมหลักของค่าย

“ปีศาจได้ถอนทัพแล้ว” ฉินอินกวาดตามองทุกคนและกล่าวว่า “ในนามตัวแทนของประชาชน ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่หลั่งเลือดเพื่อแผ่นดิน และรักษาจักรวรรดิสืบต่อไป!”

ถังหลานประสานหมัดกล่าว “ฝ่าบาท ที่แห่งนี้เป็นสนามรบ ไม่ใช่สถานที่ที่พระองค์ควรประทับเป็นเวลานาน กระหม่อมแนะนำให้พระองค์เสด็จกลับตำหนักเจ๋อเทียนโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม”

ฉินอินพยักหน้า “สำหรับแนวป้องกันเรายังไม่สามารถวางใจได้ ป้อมปราการทุกแห่งจำเป็นต้องมีทหารเหลือไว้สามหมื่นนาย ส่วนคนที่เหลือติดตามข้ากลับเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิ พี่อาอวี่ควรกลับไปพร้อมกับข้า อยู่ข้างนอกนานเช่นนี้ท่านคงเหนื่อย”

หลินมู่อวี่ประสานหมัดรับ “พ่ะย่ะค่ะ”

เฟิงจี้สิงแตะจมูก “ฝ่าบาทช่างลำเอียงยิ่ง ข้าเองก็เดินเตร่อยู่ด้านนอกมานาน รับลมหนาวจนเป็นหวัด…ไม่เห็นพระองค์จะตรัสถึงกระหม่อมบ้าง…”

ทุกคนในกระโจมพลันยิ้ม

ฉินอินหน้าแดงก่ำพร้อมกล่าวว่า “เมื่อท่านกลับไปเมืองหลันเยี่ยน จะได้รับคุณความดีแน่นอน ผู้บัญชาการเฟิงไม่ต้องห่วง! กองทหารแต่ละกองจะให้รองผู้บัญชาการเป็นผู้ดูแล ส่วนผู้บัญชาการคนอื่นๆ เตรียมตัวกลับเมืองหลันเยี่ยนในอีกสามวัน อีกทั้งจงรีบเกณฑ์คนสร้างกำแพงเหล็ก ยิ่งเสร็จเร็วเท่าใดยิ่งดี”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”

เหล่าข้าราชบริพารประสานหมัดรับ ในที่สุดเผ่าปีศาจก็ยอมล่าถอยหลังจากผ่านมาหลายวัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันที่ดีอย่างแท้จริง

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด