The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 284 สาส์นท้ารบ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 284 สาส์นท้ารบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สี่วันต่อมา จักรพรรดิฉินจิ้นออกคำสั่งแต่งตั้งให้แม่ทัพพิทักษ์เมืองหมินยวี่หลินย้ายไปประจำตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัะพเขี้ยวกระบี่ที่มณฑลอวิ้นจงแทนซูฉิน ทำให้ตอนนี้กองกำลังทหารของอวิ้นจงกว่าครึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฉินจิ้น

เนื่องจากกองกำลังของเซี่ยงอวี้ถูกส่งมอบก่อนเนรเทศ ทหารหมื่นนายในมณฑลชางหนานจึงอยู่ใต้อำนาจของซีกงฝาน และเมื่อคำสั่งจากฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนผู้บัญชาการแห่งกองทัพเขาเหินถูกเผยแพร่ กองกำลังทางทหารของทั้งมณฑลหลิงเป่ย อวิ้นจง รวมไปถึงชางหนานตกอยู่ใต้อาณัติของจักรพรรดิแห่งเมืองหลวง

อีกไม่กี่วันฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็จะกลับเมืองหลันเยี่ยนพร้อมกับกองกำลังเขาเหินหนึ่งพันคน พร้อมเหตุผลว่าถูกกลุ่มสำนักอัศวินซุ่มโจมตี กองทัพเขาเหินเสียกำลังคนและแตกพ่ายส่วนนักโทษเซี่ยงอวี้นั้นถูกธนูยิงตายคาที่ อย่างไรก็ตาม…หลินมู่อวี่ เฟิงจี้สิงและคนอีกจำนวนหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครหน้าไหนจากชางหนานกล้าโจมตีกองทัพเขาเหินได้อีก เว้นแต่เซี่ยงอวี้ที่รู้ความจริง…ทว่าเขาก็ได้ตายจากโลกนี้ไปเสียแล้ว

ชายผู้ได้ขึ้นชื่อว่าผู้สืบทอดและเทพสังหารเซี่ยงเหวินเทียน ทั้งยังเป็นผู้ถือครองพลังเก้าโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ สิ้นใจตายท่ามกลางหุบเขาอันแห้งแล้ง…ช่างน่าอนาถใจจริง

หนึ่งเดือนต่อมา ฤดูหนาวอันทรหดได้พัดผ่านเมืองหลันเยี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นฤดูแห่งการกำเนิดใหม่ที่เวียนกลับมาอีกครา

“มู่มู่!”

เสียงหัวเราะราวกระดิ่งของถังเสี่ยวซีดังก้องไปทั่ววิหารศักดิ์สิทธิ์ นางมาหาหลินมู่อวี่บ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน ทันทีที่ถังเสี่ยวซีเปิดประตูห้องทำงานก็พบว่ามีคลื่นพลังและสายฟ้าสีม่วงก่อตัวขึ้นจนบรรยากาศรอบห้องสั่นสะเทือน พลันปรากฏร่างของมังกรผลึกโลหิตตัวน้อยส่งเสียงร้องขณะพยายามใช้กรงเล็บแหวกรอยแยกมิติ เจ้าแอปเปิลน้อยโผล่หัวออกมามองโลกภายนอกนอกมิติ มันกระดิกหูตั้งเมื่อได้ยินเสียงของถังเสี่ยวซีและรีบพุ่งกระโจนออกจากรอยแยกนั้น หางอันยางหนาของมันสะบัดไปมาขณะทำท่าออดอ้อนประจบประแจงถังเสี่ยวซี

ถังเสี่ยวซีหัวเราะพลางล้วงเนื้อเป็ดสีเหลืองทองจากตะกร้าไม้ไผ่และวางมันลงบนพื้น “แอปเปิลน้อยเจ้าเด็กดี พี่สาวเอาเป็ดย่างร้อนๆ จากเตาของโปรดเจ้ามาให้ด้วย ค่อยๆ กินอย่าเผามันเสียล่ะ”

เจ้ามังกรทำท่าดีอกดีใจก่อนจะเริ่มละเลงเนื้อเป็ดตรงหน้า

บริเวณโต๊ะทำงานด้านข้าง หลินมู่อวี่พยายามควบคุมปราณยุทธ์และทะเลจิตให้กลับมาคงที่ ทันใดนั้นรอยแยกมิติขนาดกว้างยี่สิบเมตรเบื้องหน้าก็เปล่งแสงหายวับไปในพริบตา

“เรียบร้อยแล้วหรือมู่มู่?” ถังเสี่ยวซียิ้มถาม

“อืม” หลินมู่อวี่พยักหน้า “น่าเสียดายที่ข้ายังควบคุมมันได้ไม่ดีนัก จึงสามารถแยกมิติได้เพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น”

“หมายความว่า…” ถังเสี่ยวซีกะพริบตาสวยก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าพยายามจะเข้าไปในมิตินั้นหรือ?”

“ข้า…”

หลินมู่อวี่รีบส่ายหน้าพลางยิ้มตอบ “ร่างมนุษย์ของข้าผ่านมิตินั้นไม่ได้ หากไม่ใช่ร่างมังกรเหมือนเจ้าแอปเปิลน้อย มนุษย์ทั่วไปที่ผ่านรอยแยกนั้นจะได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ต่างจากมังกรที่แทบไม่รู้สึกอะไร ผลกระทบจากการบิดเบือนของมิติจะทำให้ข้ากลายเป็นเหมือนเป็ดอย่าง…อีกอย่างข้าไม่รู้วิธีกลับออกมาด้วย”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!” ถังเสี่ยวซียิ้ม “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด ข้าก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น มิเช่นนั้นข้าคงไม่ได้เจอเจ้าอีกและข้าคงเป็นห่วงเจ้ามาก!”

“ถูกของเจ้า…ช่วงนี้ข้าแทบไม่รู้เลยว่าเสี่ยวอินทำสิ่งใดอยู่ งานในวิหารและรังอินทรียุ่งเสียจนข้าไม่มีเวลา”

“นาง…”

เสี่ยวซียิ้มจางๆ “ตอนนี้เสี่ยวอินได้เป็นผู้บัญชาการกองสารวัตรทหารแล้ว นางใช้เวลากว่าครึ่งวันยุ่งอยู่กับการแก้วินัยทหารและส่งคนออกตรวจตราทั่วอาณาจักร ส่วนเวลาที่เหลือก็ใช้เตรียมงานเทศกาลเก็บเกี่ยวที่ใกล้เข้ามา!”

“เทศกาลเก็บเกี่ยว…”

“ใช่” ถังเสี่ยวซีพยักหน้า “เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิเพื่อต้อนรับการเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างเริ่มฟื้นฟู…ประชาชนเริ่มเพาะปลูกพืชผลต่างๆ อีกครั้ง”

“คล้ายกับเทศกาลใบไม้ผลิของเราเลย…”

“เทศกาลใบไม้ผลิ?”

“ถูกต้อง หรือเรียกอีกชื่อว่าเทศกาลปีใหม่” หลินมู่อวี่เลื่อนกองเอกสารมาด้านหน้าก่อนพูดคุยกับถังเสี่ยวซีและตรวจงานไปพลาง

ถังเสี่ยวซีเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มู่มู่ บอกข้ามาตามตรงเถิดว่าเจ้ามาจากที่ใด?”

“โลก” หลินมู่อวี่ตอบความจริง

“โลก?”

ถังเสี่ยวซีหัวเราะก่อนจะเอนกายพิงบ่าหลินมู่อวี่ “มู่มู่อย่าล้อข้าเล่นสิ คนจะอาศัยอยู่บนลูกกลมๆ นี้ได้อย่างไรกัน ไม่ลื่นตกหรอกหรือ?”

หลินมู่อวี่ตอบอย่างซื่อตรง “มันเป็นสถานที่กลมและยิ่งใหญ่ราวสวรรค์ และมีชื่อเรียกว่าโลก”

“เช่นนั้น…”

ถังเสี่ยวซีเม้มริมฝีปาก “หากมู่มู่มีเวลาว่างและไม่มีพันธะทางทหารใดแล้ว พาข้าไปบ้านเกิดของเจ้าที่เรียกว่าโลกได้หรือไม่?”

หลินมู่อวี่เงยหน้ามองเสี่ยวซี ใบหน้าสวยของเจ้าหญิงเปล่งประกายแวววับราวกับมีแสงส่อง เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “เพื่อความงามของเจ้า บางทีข้าอาจใช้เงินทุนของหลงซินกรุปพาเจ้าไปฮอลลีวูดได้อย่างไม่ยากนัก”

“สิ่งใดคือฮอลลีวูด…”

“อ๋อ…แค่ชื่อท่าเรือ”

“ข้ายิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ มู่มู่นับวันยิ่งแปลกนัก แต่เอาเถิด…มะรืนก็จะถึงเทศกาลเก็บเกี่ยวแล้ว วิหารศักดิ์สิทธิ์เตรียมงานเฉลิมฉลองหรือยัง?”

“อืม เอกสารส่วนใหญ่ที่ข้าดูแลช่วงนี้ก็เกี่ยวข้องกับเทศกาลเก็บเกี่ยวนี่แหละ ทางวิหารได้สั่งซื้อเหล้า ไวน์และอาหารมากมาย ต่อเมื่อวันนั้นมาถึงข้าจะดื่มให้เมาไปข้างหนึ่ง”

“ข้าก็คิดว่า…” ถังเสี่ยวซีคว่ำปาก “ข้าคิดว่ามู่มู่จะอยากเที่ยวงานเทศกาลกับข้าเสียอีก!”

หลินมู่อวี่พลันนึกถึงเรื่องของเสี่ยวซี แม้นางจะยิ่งใหญ่มีผู้คนล้อมรอบ ณ เมืองชีไห่ ทว่างานเทศกาลเก็บเกี่ยวถูกจัดขึ้นในเมืองหลันเยี่ยน แสดงว่านางต้องเหงามากเป็นแน่…

ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงวางปากกาและยิ้มกล่าว “หากเจ้าชอบงานเทศกาล ก็จงไปวิหาศักดิ์สิทธิ์แล้วฉลองกับข้าเถิด พาองครักษ์ไปคุ้มกันสองถึงสามคนก็พอ ข้าจะไม่ดื่มจนเมามาก”

“ได้หรือ?”

“เหตุใดเล่า? ข้าเป็นถึงผู้นำของวิหารแล้วตอนนี้”

“เช่นนั้นข้าขอสรุป! ช่วงบ่ายวันเทศกาลเจ้ากับข้าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ขององค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางในตำหนักเจ๋อเทียน ต่อเมื่อแล้วเสร็จเราจะไปฉลองกันต่อที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ตอนเย็น”

“ได้เลย ข้าจะให้คนเตรียมห้องไว้ให้เจ้า”

“อืม!”

“อีกอย่างเสี่ยวซี…”

“หืม?” ถังเสี่ยวซีกระโดดลงจากโต๊ะพลางเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ด้วยความสงสัย

“เรื่องที่ข้าใช้พลังมิติที่สี่เปิดช่องว่าง…เจ้าอย่าได้แพร่งพราย มิเช่นนั้นข้าอาจตกที่นั่งลำบาก”

“ทราบแล้ว เสี่ยวซีเป็นคนมีเหตุผล”

“ขอบใจเจ้ามาก ข้าคงต้องทำงานต่อ เชิญเจ้าเดินเล่นในวิหารไปพลางก่อนเถิด ต่อเมื่อแล้วเสร็ตข้าจะออกไปตามหา”

“อืม!”

ทันทีที่ถังเสี่ยวซีจากไป ทหารยามก็เข้ามารายงาน “ใต้เท้าหลิน มีคนอ้างว่ามาจากกลุ่มมังกรผงาดชื่อเฟิงสี่ขอเข้าพบ อนุญาตหรือไม่ขอรับ?”

“เฟิงสี่มารึ?”

หลินมู่อวี่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มตอบ “ให้เขาเข้ามา”

“ขอรับ!”

ไม่นานเฟิงสี่ในชุดทหารรับจ้างก็ปรากฏตัวกับตรารองผู้บัญชาการทหารรับจ้างมังกรผงาดบนออกเสื้อ “ท่านผู้บัญชาการคงทำงานหนักเลยสินะขอรับ ต้องตรวจตราเอกสารทุกวัน…น่าเบื่อแย่”

หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยิ้ม “เฟิงสี่รึ? เข้ามาจิบชาก่อนเถิด”

“ข้าขอไม่รบกวนดีกว่าขอรับท่าน”

เฟิงสี่คำนับพลางนั่งลงเก้าอี้ถัดจากหลินมู่อวี่ “เหตุที่ข้ามาขอเข้าพบท่านมีสองประการขอรับ”

“เรื่องใดเล่า?”

“วานนี้มีชายมาที่ภูเขาหลงหยานเพื่อรับตัวหูเสี่ยวอวิ๋น”

“ว่าอย่างไรนะ?” หลินมู่อวี่ลุกขึ้นทันทีด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เฟิงสี่ เจ้าหมายถึง…หลงเซียนหลินยังไม่ตายและกลับมายังเมืองหลันเยี่ยนอย่างนั้นรึ? แล้วเกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”

“ทุกอย่างยังเรียบร้อยดีขอรับ” เฟิงสี่กล่าวต่อ “แม่ทัพหลงเซียนหลินมาที่เหมืองหลันเยี่ยนด้วยการปลอมตัว ก่อนหน้านี้กบดานอยู่ที่หมิงซานหนึ่งในสี่มณฑลใหญ่ตามคำแนะนำของหลินอวี่ลูกพี่ลูกน้องเขา เหตุที่เดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อพาเมียกลับ เขาฝากข้ามาบอกท่านว่า… ‘ข้ารู้สึกทราบซึ้งในความกรุณาของท่านมาก และในอนาคตหากมีโอกาสข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน ทว่าด้วยอาชญากรรมที่ข้าก่อกับฉินจิ้นจึงไม่สามารถไปทักทายท่านในเมืองหลวงด้วยตรเองได้’”

“อืม…” หลินมู่อวี่รู้สึกโล่งใจ “ไม่เป็นไร…หลงเซียนหลินเป็นถึงแม่ทัพ คงน่าอับอายหากต้องมาตายในเมืองนี้”

เฟิงสี่หัวเราะ “ท่านผู้บัญชาการช่างมีความรักความเมตตามากเสียจริง…ข้าขอนับถือ ทว่าอย่าได้ห่วงไปขอรับ มณฑลหมิงซานอยู่ไกลจากมณฑลหลิงเป่ยไปอีกพันกว่าไมล์ ด้วยภูเขาสูงชันและหนทางอันยาวไกลหลงเซียนหลินจะปลอดภัยที่นั่น”

“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น แล้วอีกเรื่องของเจ้าเล่า?”

“อ้อ เรื่องการสู้รับกับพวกทหารรับจ้างมีดสังหารขอรับ” เฟิงสี่แววตาลุกโชนขณะกล่าว “ทหารรับจ้างกลุ่มนี้มีสมาชิกแปดพันนาย เป็นที่รู้จักกันดีในมณฑลหลิงเป่ย ตอนนี้พวกมันต้องการขยายอาณาเขตไปมณฑลอวิ้นจงซึ่งเป็นเขตของเรา พวกมันส่งสาส์นท้ารบมาเมื่อวานซืนขอรับ”

หลินมู่อวี่หรี่ตาครุ่นคิด “พวกมันมีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด?”

เฟิงสี่สูดหายใจลึกก่อนจะกล่าว “หากสู้ตัวต่อตัวกับพวกมีดสังหาร พวกมันมีโอกาสชนะเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น ทว่าหากข้าเดาไม่ผิด…พวกมันต้องร่วมมือกับกลุ่มทหารรับจ้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ ซึ่งกองกำลังของทั้งสองกลุ่มรวมกันได้ราวหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคนขอรับ”

“แล้วคนของเรามีเท่าไร?”

“ราวหนึ่งหมื่นห้าพันแปดร้อยคนของรับ!” เฟิงสี่คำนับก่อนจะกล่าวต่อ “แม้กองกำลังจะมีจำนวนใกล้เคียงกัน ข้าก็รับประกันชัยชนะอย่างแน่นอนขอรับ เราฝึกยิงธนูและรูปแบบการรบต่างๆ ทุกวันตามมาตรฐานของทหารอวี้หลิน ซึ่งเมื่อเทียบกับทหารอวี้หลินในจำนวนเท่ากันแล้ว ข้าเชื่อว่าเราแข็งแกร่งกว่า เพราะนอกจากทักษะอัดยอดเยี่ยมอุปกรณ์อาวุธของเราก็จัดว่าเป็นของชั้นดี ชัยชนะมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นคงไม่หนีไปไหนขอรับหากเรากำจัดทหารรับจ้างมีดสังหารและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ กลุ่มมังกรผงาดของเราก็จะกลายเป็นทหารรับจ้างอันดับหนึ่งแห่งหลิงเป่ยและไม่มีใครกล้ามาต่อว่าเราอีก!”

เฟิงสี่ยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิ “ทว่ามีปัญหาอยู่อย่างเดียว ขณะนี้กองทัพเขาเหินหนึ่งพันคนอยู่ห่างจากภูเขาหลงหยานของเราไม่ถึงสิบไมล์ ดังนั้นหากการปะทะกันของทหารรับจ้างสามกลุ่มใหญ่รู้ถึงหูจักรพรรดิ ข้าเกรงว่าพวกเขาคงไม่มานั่งดูเรารบกันเฉยๆ แน่ขอรับ”

“อย่ากังวลไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 284 สาส์นท้ารบ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 284 สาส์นท้ารบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สี่วันต่อมา จักรพรรดิฉินจิ้นออกคำสั่งแต่งตั้งให้แม่ทัพพิทักษ์เมืองหมินยวี่หลินย้ายไปประจำตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัะพเขี้ยวกระบี่ที่มณฑลอวิ้นจงแทนซูฉิน ทำให้ตอนนี้กองกำลังทหารของอวิ้นจงกว่าครึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฉินจิ้น

เนื่องจากกองกำลังของเซี่ยงอวี้ถูกส่งมอบก่อนเนรเทศ ทหารหมื่นนายในมณฑลชางหนานจึงอยู่ใต้อำนาจของซีกงฝาน และเมื่อคำสั่งจากฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนผู้บัญชาการแห่งกองทัพเขาเหินถูกเผยแพร่ กองกำลังทางทหารของทั้งมณฑลหลิงเป่ย อวิ้นจง รวมไปถึงชางหนานตกอยู่ใต้อาณัติของจักรพรรดิแห่งเมืองหลวง

อีกไม่กี่วันฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็จะกลับเมืองหลันเยี่ยนพร้อมกับกองกำลังเขาเหินหนึ่งพันคน พร้อมเหตุผลว่าถูกกลุ่มสำนักอัศวินซุ่มโจมตี กองทัพเขาเหินเสียกำลังคนและแตกพ่ายส่วนนักโทษเซี่ยงอวี้นั้นถูกธนูยิงตายคาที่ อย่างไรก็ตาม…หลินมู่อวี่ เฟิงจี้สิงและคนอีกจำนวนหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครหน้าไหนจากชางหนานกล้าโจมตีกองทัพเขาเหินได้อีก เว้นแต่เซี่ยงอวี้ที่รู้ความจริง…ทว่าเขาก็ได้ตายจากโลกนี้ไปเสียแล้ว

ชายผู้ได้ขึ้นชื่อว่าผู้สืบทอดและเทพสังหารเซี่ยงเหวินเทียน ทั้งยังเป็นผู้ถือครองพลังเก้าโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ สิ้นใจตายท่ามกลางหุบเขาอันแห้งแล้ง…ช่างน่าอนาถใจจริง

หนึ่งเดือนต่อมา ฤดูหนาวอันทรหดได้พัดผ่านเมืองหลันเยี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นฤดูแห่งการกำเนิดใหม่ที่เวียนกลับมาอีกครา

“มู่มู่!”

เสียงหัวเราะราวกระดิ่งของถังเสี่ยวซีดังก้องไปทั่ววิหารศักดิ์สิทธิ์ นางมาหาหลินมู่อวี่บ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน ทันทีที่ถังเสี่ยวซีเปิดประตูห้องทำงานก็พบว่ามีคลื่นพลังและสายฟ้าสีม่วงก่อตัวขึ้นจนบรรยากาศรอบห้องสั่นสะเทือน พลันปรากฏร่างของมังกรผลึกโลหิตตัวน้อยส่งเสียงร้องขณะพยายามใช้กรงเล็บแหวกรอยแยกมิติ เจ้าแอปเปิลน้อยโผล่หัวออกมามองโลกภายนอกนอกมิติ มันกระดิกหูตั้งเมื่อได้ยินเสียงของถังเสี่ยวซีและรีบพุ่งกระโจนออกจากรอยแยกนั้น หางอันยางหนาของมันสะบัดไปมาขณะทำท่าออดอ้อนประจบประแจงถังเสี่ยวซี

ถังเสี่ยวซีหัวเราะพลางล้วงเนื้อเป็ดสีเหลืองทองจากตะกร้าไม้ไผ่และวางมันลงบนพื้น “แอปเปิลน้อยเจ้าเด็กดี พี่สาวเอาเป็ดย่างร้อนๆ จากเตาของโปรดเจ้ามาให้ด้วย ค่อยๆ กินอย่าเผามันเสียล่ะ”

เจ้ามังกรทำท่าดีอกดีใจก่อนจะเริ่มละเลงเนื้อเป็ดตรงหน้า

บริเวณโต๊ะทำงานด้านข้าง หลินมู่อวี่พยายามควบคุมปราณยุทธ์และทะเลจิตให้กลับมาคงที่ ทันใดนั้นรอยแยกมิติขนาดกว้างยี่สิบเมตรเบื้องหน้าก็เปล่งแสงหายวับไปในพริบตา

“เรียบร้อยแล้วหรือมู่มู่?” ถังเสี่ยวซียิ้มถาม

“อืม” หลินมู่อวี่พยักหน้า “น่าเสียดายที่ข้ายังควบคุมมันได้ไม่ดีนัก จึงสามารถแยกมิติได้เพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น”

“หมายความว่า…” ถังเสี่ยวซีกะพริบตาสวยก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าพยายามจะเข้าไปในมิตินั้นหรือ?”

“ข้า…”

หลินมู่อวี่รีบส่ายหน้าพลางยิ้มตอบ “ร่างมนุษย์ของข้าผ่านมิตินั้นไม่ได้ หากไม่ใช่ร่างมังกรเหมือนเจ้าแอปเปิลน้อย มนุษย์ทั่วไปที่ผ่านรอยแยกนั้นจะได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ต่างจากมังกรที่แทบไม่รู้สึกอะไร ผลกระทบจากการบิดเบือนของมิติจะทำให้ข้ากลายเป็นเหมือนเป็ดอย่าง…อีกอย่างข้าไม่รู้วิธีกลับออกมาด้วย”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!” ถังเสี่ยวซียิ้ม “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด ข้าก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น มิเช่นนั้นข้าคงไม่ได้เจอเจ้าอีกและข้าคงเป็นห่วงเจ้ามาก!”

“ถูกของเจ้า…ช่วงนี้ข้าแทบไม่รู้เลยว่าเสี่ยวอินทำสิ่งใดอยู่ งานในวิหารและรังอินทรียุ่งเสียจนข้าไม่มีเวลา”

“นาง…”

เสี่ยวซียิ้มจางๆ “ตอนนี้เสี่ยวอินได้เป็นผู้บัญชาการกองสารวัตรทหารแล้ว นางใช้เวลากว่าครึ่งวันยุ่งอยู่กับการแก้วินัยทหารและส่งคนออกตรวจตราทั่วอาณาจักร ส่วนเวลาที่เหลือก็ใช้เตรียมงานเทศกาลเก็บเกี่ยวที่ใกล้เข้ามา!”

“เทศกาลเก็บเกี่ยว…”

“ใช่” ถังเสี่ยวซีพยักหน้า “เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิเพื่อต้อนรับการเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างเริ่มฟื้นฟู…ประชาชนเริ่มเพาะปลูกพืชผลต่างๆ อีกครั้ง”

“คล้ายกับเทศกาลใบไม้ผลิของเราเลย…”

“เทศกาลใบไม้ผลิ?”

“ถูกต้อง หรือเรียกอีกชื่อว่าเทศกาลปีใหม่” หลินมู่อวี่เลื่อนกองเอกสารมาด้านหน้าก่อนพูดคุยกับถังเสี่ยวซีและตรวจงานไปพลาง

ถังเสี่ยวซีเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มู่มู่ บอกข้ามาตามตรงเถิดว่าเจ้ามาจากที่ใด?”

“โลก” หลินมู่อวี่ตอบความจริง

“โลก?”

ถังเสี่ยวซีหัวเราะก่อนจะเอนกายพิงบ่าหลินมู่อวี่ “มู่มู่อย่าล้อข้าเล่นสิ คนจะอาศัยอยู่บนลูกกลมๆ นี้ได้อย่างไรกัน ไม่ลื่นตกหรอกหรือ?”

หลินมู่อวี่ตอบอย่างซื่อตรง “มันเป็นสถานที่กลมและยิ่งใหญ่ราวสวรรค์ และมีชื่อเรียกว่าโลก”

“เช่นนั้น…”

ถังเสี่ยวซีเม้มริมฝีปาก “หากมู่มู่มีเวลาว่างและไม่มีพันธะทางทหารใดแล้ว พาข้าไปบ้านเกิดของเจ้าที่เรียกว่าโลกได้หรือไม่?”

หลินมู่อวี่เงยหน้ามองเสี่ยวซี ใบหน้าสวยของเจ้าหญิงเปล่งประกายแวววับราวกับมีแสงส่อง เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “เพื่อความงามของเจ้า บางทีข้าอาจใช้เงินทุนของหลงซินกรุปพาเจ้าไปฮอลลีวูดได้อย่างไม่ยากนัก”

“สิ่งใดคือฮอลลีวูด…”

“อ๋อ…แค่ชื่อท่าเรือ”

“ข้ายิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ มู่มู่นับวันยิ่งแปลกนัก แต่เอาเถิด…มะรืนก็จะถึงเทศกาลเก็บเกี่ยวแล้ว วิหารศักดิ์สิทธิ์เตรียมงานเฉลิมฉลองหรือยัง?”

“อืม เอกสารส่วนใหญ่ที่ข้าดูแลช่วงนี้ก็เกี่ยวข้องกับเทศกาลเก็บเกี่ยวนี่แหละ ทางวิหารได้สั่งซื้อเหล้า ไวน์และอาหารมากมาย ต่อเมื่อวันนั้นมาถึงข้าจะดื่มให้เมาไปข้างหนึ่ง”

“ข้าก็คิดว่า…” ถังเสี่ยวซีคว่ำปาก “ข้าคิดว่ามู่มู่จะอยากเที่ยวงานเทศกาลกับข้าเสียอีก!”

หลินมู่อวี่พลันนึกถึงเรื่องของเสี่ยวซี แม้นางจะยิ่งใหญ่มีผู้คนล้อมรอบ ณ เมืองชีไห่ ทว่างานเทศกาลเก็บเกี่ยวถูกจัดขึ้นในเมืองหลันเยี่ยน แสดงว่านางต้องเหงามากเป็นแน่…

ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงวางปากกาและยิ้มกล่าว “หากเจ้าชอบงานเทศกาล ก็จงไปวิหาศักดิ์สิทธิ์แล้วฉลองกับข้าเถิด พาองครักษ์ไปคุ้มกันสองถึงสามคนก็พอ ข้าจะไม่ดื่มจนเมามาก”

“ได้หรือ?”

“เหตุใดเล่า? ข้าเป็นถึงผู้นำของวิหารแล้วตอนนี้”

“เช่นนั้นข้าขอสรุป! ช่วงบ่ายวันเทศกาลเจ้ากับข้าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ขององค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางในตำหนักเจ๋อเทียน ต่อเมื่อแล้วเสร็จเราจะไปฉลองกันต่อที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ตอนเย็น”

“ได้เลย ข้าจะให้คนเตรียมห้องไว้ให้เจ้า”

“อืม!”

“อีกอย่างเสี่ยวซี…”

“หืม?” ถังเสี่ยวซีกระโดดลงจากโต๊ะพลางเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ด้วยความสงสัย

“เรื่องที่ข้าใช้พลังมิติที่สี่เปิดช่องว่าง…เจ้าอย่าได้แพร่งพราย มิเช่นนั้นข้าอาจตกที่นั่งลำบาก”

“ทราบแล้ว เสี่ยวซีเป็นคนมีเหตุผล”

“ขอบใจเจ้ามาก ข้าคงต้องทำงานต่อ เชิญเจ้าเดินเล่นในวิหารไปพลางก่อนเถิด ต่อเมื่อแล้วเสร็ตข้าจะออกไปตามหา”

“อืม!”

ทันทีที่ถังเสี่ยวซีจากไป ทหารยามก็เข้ามารายงาน “ใต้เท้าหลิน มีคนอ้างว่ามาจากกลุ่มมังกรผงาดชื่อเฟิงสี่ขอเข้าพบ อนุญาตหรือไม่ขอรับ?”

“เฟิงสี่มารึ?”

หลินมู่อวี่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มตอบ “ให้เขาเข้ามา”

“ขอรับ!”

ไม่นานเฟิงสี่ในชุดทหารรับจ้างก็ปรากฏตัวกับตรารองผู้บัญชาการทหารรับจ้างมังกรผงาดบนออกเสื้อ “ท่านผู้บัญชาการคงทำงานหนักเลยสินะขอรับ ต้องตรวจตราเอกสารทุกวัน…น่าเบื่อแย่”

หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยิ้ม “เฟิงสี่รึ? เข้ามาจิบชาก่อนเถิด”

“ข้าขอไม่รบกวนดีกว่าขอรับท่าน”

เฟิงสี่คำนับพลางนั่งลงเก้าอี้ถัดจากหลินมู่อวี่ “เหตุที่ข้ามาขอเข้าพบท่านมีสองประการขอรับ”

“เรื่องใดเล่า?”

“วานนี้มีชายมาที่ภูเขาหลงหยานเพื่อรับตัวหูเสี่ยวอวิ๋น”

“ว่าอย่างไรนะ?” หลินมู่อวี่ลุกขึ้นทันทีด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เฟิงสี่ เจ้าหมายถึง…หลงเซียนหลินยังไม่ตายและกลับมายังเมืองหลันเยี่ยนอย่างนั้นรึ? แล้วเกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”

“ทุกอย่างยังเรียบร้อยดีขอรับ” เฟิงสี่กล่าวต่อ “แม่ทัพหลงเซียนหลินมาที่เหมืองหลันเยี่ยนด้วยการปลอมตัว ก่อนหน้านี้กบดานอยู่ที่หมิงซานหนึ่งในสี่มณฑลใหญ่ตามคำแนะนำของหลินอวี่ลูกพี่ลูกน้องเขา เหตุที่เดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อพาเมียกลับ เขาฝากข้ามาบอกท่านว่า… ‘ข้ารู้สึกทราบซึ้งในความกรุณาของท่านมาก และในอนาคตหากมีโอกาสข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน ทว่าด้วยอาชญากรรมที่ข้าก่อกับฉินจิ้นจึงไม่สามารถไปทักทายท่านในเมืองหลวงด้วยตรเองได้’”

“อืม…” หลินมู่อวี่รู้สึกโล่งใจ “ไม่เป็นไร…หลงเซียนหลินเป็นถึงแม่ทัพ คงน่าอับอายหากต้องมาตายในเมืองนี้”

เฟิงสี่หัวเราะ “ท่านผู้บัญชาการช่างมีความรักความเมตตามากเสียจริง…ข้าขอนับถือ ทว่าอย่าได้ห่วงไปขอรับ มณฑลหมิงซานอยู่ไกลจากมณฑลหลิงเป่ยไปอีกพันกว่าไมล์ ด้วยภูเขาสูงชันและหนทางอันยาวไกลหลงเซียนหลินจะปลอดภัยที่นั่น”

“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น แล้วอีกเรื่องของเจ้าเล่า?”

“อ้อ เรื่องการสู้รับกับพวกทหารรับจ้างมีดสังหารขอรับ” เฟิงสี่แววตาลุกโชนขณะกล่าว “ทหารรับจ้างกลุ่มนี้มีสมาชิกแปดพันนาย เป็นที่รู้จักกันดีในมณฑลหลิงเป่ย ตอนนี้พวกมันต้องการขยายอาณาเขตไปมณฑลอวิ้นจงซึ่งเป็นเขตของเรา พวกมันส่งสาส์นท้ารบมาเมื่อวานซืนขอรับ”

หลินมู่อวี่หรี่ตาครุ่นคิด “พวกมันมีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด?”

เฟิงสี่สูดหายใจลึกก่อนจะกล่าว “หากสู้ตัวต่อตัวกับพวกมีดสังหาร พวกมันมีโอกาสชนะเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น ทว่าหากข้าเดาไม่ผิด…พวกมันต้องร่วมมือกับกลุ่มทหารรับจ้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ ซึ่งกองกำลังของทั้งสองกลุ่มรวมกันได้ราวหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคนขอรับ”

“แล้วคนของเรามีเท่าไร?”

“ราวหนึ่งหมื่นห้าพันแปดร้อยคนของรับ!” เฟิงสี่คำนับก่อนจะกล่าวต่อ “แม้กองกำลังจะมีจำนวนใกล้เคียงกัน ข้าก็รับประกันชัยชนะอย่างแน่นอนขอรับ เราฝึกยิงธนูและรูปแบบการรบต่างๆ ทุกวันตามมาตรฐานของทหารอวี้หลิน ซึ่งเมื่อเทียบกับทหารอวี้หลินในจำนวนเท่ากันแล้ว ข้าเชื่อว่าเราแข็งแกร่งกว่า เพราะนอกจากทักษะอัดยอดเยี่ยมอุปกรณ์อาวุธของเราก็จัดว่าเป็นของชั้นดี ชัยชนะมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นคงไม่หนีไปไหนขอรับหากเรากำจัดทหารรับจ้างมีดสังหารและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ กลุ่มมังกรผงาดของเราก็จะกลายเป็นทหารรับจ้างอันดับหนึ่งแห่งหลิงเป่ยและไม่มีใครกล้ามาต่อว่าเราอีก!”

เฟิงสี่ยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิ “ทว่ามีปัญหาอยู่อย่างเดียว ขณะนี้กองทัพเขาเหินหนึ่งพันคนอยู่ห่างจากภูเขาหลงหยานของเราไม่ถึงสิบไมล์ ดังนั้นหากการปะทะกันของทหารรับจ้างสามกลุ่มใหญ่รู้ถึงหูจักรพรรดิ ข้าเกรงว่าพวกเขาคงไม่มานั่งดูเรารบกันเฉยๆ แน่ขอรับ”

“อย่ากังวลไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+