The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 391 แลกเปลี่ยน

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 391 แลกเปลี่ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.391 แลกเปลี่ยน

“เปรี้ยง!”

เฉียนเฟิงตบโต๊ะอย่างรุนแรงจนหัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยถามด้วยจิตสังหาร “ข้าโกรธตัวเองยิ่งนัก องค์ชายสามถูกหลินมู่อวี่จับตัวไปอย่างนั้นรึ?”

“ขอรับ…”

อสูรปีกตนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าน้อยเห็นจากระยะไกลว่าองค์ชายสามและกลุ่มนักรบเผ่าเทพถูกนำตัวเข้าไปยังเมืองของหลินมู่อวี่ พระองค์ทรงถูกจับกุมจริงๆ…”

“บังอาจ!!”

เฉียนเฟิงกัดฟันแน่น “มีข่าวสารจากพวกมนุษย์หรือไม่? พวกมันต้องการรีดไถเงินหรือต้องการสิ่งอื่นใด?”

“ยังขอรับ”

ปีศาจยศนายพลพลันประสานหมัดและกล่าวว่า “ท่านจอมพลเริ่มโจมตีเถิดขอรับ! พวกมนุษย์ไม่เหลือน้ำมันบีชสีดำมากนัก ตราบใดที่เราเริ่มบุกอีกครั้ง พวกมันจะต้องได้รับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เรายังมีกองกำลังอสูรเกราะอีกหนึ่งแสนตน!”

“ไม่ได้”

เฉียนเฟิงกล่าวด้วยสายตาเย็นชา “หากมีวิธีอื่น ก็อย่าเพิ่งใช้วิธีนี้ แม้อสูรเกราะจะแข็งแกร่ง แต่พวกมันไม่เชี่ยวชาญในการทำศึกในน้ำ อีกทั้งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกอสูรเกราะแต่ละตัว เช่นนั้นข้าไม่ต้องการให้พวกมันตายอย่างไร้ประโยชน์”

“ท่านจอมพลหมายความว่าอย่างไร”

เฉียนเฟิงหรี่ตาคมของตนพร้อมกล่าวว่า “พวกมันจับองค์ชายสามไป เช่นนั้นพวกเราจะต้องไปจับผู้ที่มีความสำคัญมากพอแต่สามารถจับได้ง่าย…คงต้องคิดหาวิธีดึงเจ้าสองพี่น้องถังลู่และถังเทียนออกจากเมืองเพื่อจับกุม!”

“ขอรับ!”

นายพลเผ่าปีศาจยิ้มเล็กน้อย “สองพี่น้องถังลู่และถังเทียนไม่ทำสิ่งใดเลยตลอดทั้งวัน แต่หลังจากพ่ายแพ้จากสงคราม พวกมันต้องการเดินทางออกจากมณฑลชางหนานเพื่อล่าสัตว์ในป่าฉีหลิง กล่าวกันว่าทั้งสองตามหาสาวงามจากหมู่บ้านและเมืองที่อยู่ใกล้เคียง เรื่องนี้ข้าจะเป็นผู้จัดการเองขอรับ!”

“ไม่ ข้าจะไปกับเจ้า รีบออกเดินทางเถิด”

“ขอรับ!”

ทางใต้ของกองทหารที่เจ็ดเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีหมู่บ้านและเมืองมากมายกระจายอยู่ในป่าลึกภายใต้เขตอำนาจของมณฑลชางหนาน บางพื้นที่เจริญรุ่งเรืองมากซึ่งมีพลเมืองนับหมื่นคน ขณะนี้เหล่าทหารม้าเมืองชีไห่ล้อมรอบชายทั้งสองที่สวมชุดเครื่องแบบผู้บัญชาการ…พวกเขาคือสองพี่น้องถังลู่และถังเทียน

แขนของถังลู่มีผ้าพันแผลพร้อมเลือดไหลซิบ เขาคว้าบังเหียนพลางมองดูบาดแผลของตน ก่อนจะขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ไอ้พวกปีศาจเกือบจะตัดแขนข้าขาด ฮึ่ม! พวกมันทั้งสองพันตัวสมควรถูกเผาทั้งเป็น!”

ถังเทียนกล่าว “พี่สอง พวกเราสูญเสียทหารไปเกือบหนึ่งหมื่นนาย ไม่รู้ว่าองค์จักรพรรดินีจะทรงสำเร็จโทษพวกเราหรือไม่…”

ถังลู่ยิ้มตอบ “อย่าได้เป็นกังวล ทหารเมืองชีไห่ของเราแข็งแกร่งและมีจำนวนมาก อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในเรื่องการค้า พระองค์ยังต้องพึ่งพาเมืองชีไห่ และตราบใดที่ท่านปู่ยังมีชีวิต พระองค์คงไม่ลงมือ อย่าลืมว่าแม่ทัพเซี่ยงอวี้ผู้บัญชาการของกองทหารที่สามก็เป็นคนของเราเช่นกัน”

“จริงด้วย”

ถังเทียนยิ้มเล็กน้อยและมองไปยังรถม้าด้านหลัง “ครานี้ข้าซื้อสาวงามมาด้วยราคาเพียงสามร้อยเหรียญทองเท่านั้น ช่างน่าประหลาดใจยิ่งที่มีสาวทรงเสน่ห์เช่นนี้บนภูเขา”

ถังลู่กล่าว “ท่านปู่เคยกล่าวไว้ว่า จอมยุทธ์ไม่ควรหลงระเริงในกาม น้องสาม…ข้าคิดว่าเจ้าควรยับยั้งกิเลสของตนเองสักเล็กน้อย”

“ไม่ใช่ว่าพี่สองเองก็ซื้อหญิงสาวกลับมาด้วยรึ?”

“ข้าซื้อมาเพียงหนึ่ง ไม่เหมือนกับเจ้าที่ซื้อมาถึงห้า ไม่โลภไปหน่อยหรือ?”

“ฮ่าๆๆ ข้าเพียงชอบความรู้สึกที่ได้ครอบครอง อีกอย่างข้าได้ยินว่ามีผู้หญิงท่ามกลางปีศาจระดับสูงด้วย พวกมันกล่าวอ้างว่าเป็นเผ่าเทพและมีรูปร่างดั่งเทพธิดา หากวันหนึ่งสามารถเอาชนะเผ่าปีศาจได้ หึ! ข้าจะจับผู้หญิงจากเผ่ากลับมาเล่นสนุกด้วย พี่สองคิดว่าอย่างไร?”

ถังลู่ตอบ “ฮ่าๆ เจ้าเด็กนี่ ข้ารู้เพียงว่ามันจะต้องสนุก เช่นนั้นมาคุยกันเถิด หากเผ่าปีศาจถูกทำลาย เจ้าจะทำอย่างไรกับพวกมัน?”

ทันใดนั้น! ลูกศรถูกยิงจากระยะไกล

“ฉึก!”

ผู้บัญชาการนายหนึ่งตกลงจากหลังม้าพร้อมคอที่ถูกยิงทะลุ ดวงตาถังลู่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและตะโกน “ผู้ใดบังอาจโจมตีทหารตระกูลถัง!?”

ผู้คนที่ซ่อนอยู่ในป่าไม่ตอบกลับ แต่ส่งลูกศรเย็นยะเยือกออกมาอีกครั้ง ทหารม้าของกองหน้าล้มลงทีละนาย กระทั่งกองทหารเกือบร้อยนายเสียชีวิตและบาดเจ็บหนักในพริบตา

“บัดซบ!”

ดวงตาถังลู่เย็นชาพร้อมปลดปล่อยพลังวิญญาณยุทธ์ขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วและยกฝ่ามือขึ้นควบแน่นดาวสีทองเปล่งประกาย ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “ออกมาซะ!”

ผนึกสังเวยดวงดารา!

“ตูม!”

ผนึกสังเวยดวงดารากระแทกพุ่มไม้อย่างรุนแรงจนทำให้ฝุ่นคลุ้งกระจาย ทันใดนั้น! ร่างคนผู้หนึ่งพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าพร้อมตวัดดาบเข้าใส่

“เปรี้ยง!”

ถังลู่ไม่มีเวลาชักดาบออกจากฝัก เขายกมันรับการโจมตีพร้อมถูกกระแทกถอยหลังไปหลายก้าวและมีเลือดไหลออกจากมุมปาก ด้วยการโจมตีรุนแรงอย่างฉับพลัน ทำให้ปราณยุทธ์ในร่างกายของเขาปั่นป่วนจนไม่สามารถใช้ผนึกสังเวยดวงดาราได้อีกครั้ง

ผู้ที่โจมตีเป็นนายพลเผ่าปีศาจใบหน้าหล่อเหลา เขาสวมดาวสีทองห้าดวงบนปกเสื้อและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผนึกจิ้งจอกอัคนีประจำตระกูลถัง…ดูเหมือนจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลยนี่”

“ไอ้สารเลว!” ถังลู่รีบชักดาบออกมาพร้อมเอ่ยถาม “เจ้าเป็นใคร?”

“จอมพลกองทัพที่หนึ่งแห่งเผ่าเทพ…เฉียนเฟิง”

เฉียนเฟิงเพียงยิ้มเล็กน้อย ทันใดนั้น! เขายกมือซ้ายส่งคลื่นพลังสีแดงเลือดพุ่งตรงไปคว้าดาบยาวของถังลู่กลางอากาศ มันคือจิตวิญญาณแห่งอสูร ซึ่งทรงพลังมากจนทำให้ถังลู่ไม่สามารถต้านทานได้ ก่อนที่จะหมุนตัวตามกระบี่ที่ถูกบิด

“จัดการซะ!”

เฉียนเฟิงขยับฝ่ามือเบาๆ ทันใดนั้นจิตวิญญาณแห่งอสูรพุ่งเข้าใส่ถังลู่อย่างรวดเร็วจนทำให้อีกฝ่ายตะลึงงัน จากนั้นเขาพุ่งทะยานเข้าหาถังเทียนที่อยู่ท่ามกลางทหารม้าอย่างไม่รีรอ

พลังยุทธ์ของถังเทียนไม่ดีเท่าถังลู่ เขาตะโกนออกไปอย่างตื่นตระหนก “ปกป้องข้า!!”

ทหารม้าตระกูลถังหลายสิบนายพุ่งออกไปด้านหน้า แต่พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียนเฟิง…

“ตูม!”

แรงกดทับจากเขตแดนไร้ลักษณ์ปกคลุมทั่วบริเวณและทำให้ทหารม้าที่กำลังจู่โจมต้องหยุดชะงัก ขณะเดียวกันเฉียนเฟิงพุ่งคว้าตัวถังเทียนบนม้าศึกและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฆ่า เจ้ายังคงมีประโยชน์อยู่”

ทันทีที่เฉียนเฟิงคว้าตัวถังเทียนได้ พลังปราณสีดำด้านหลังพองตัวและระเบิดขึ้นรุนแรงจนทำให้ทหารม้าเหล็กด้านหลังสลายกลายเป็นจุณ พลังปราชญ์แห่งปีศาจแข็งแกร่งเหนือการรับรู้ของมนุษย์ยิ่ง!

“มันจบแล้ว…”

ผู้บัญชาการกองร้อยกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด “เร็วเข้า! ส่งจดหมายขนนกไปให้ผู้บัญชาการเฟิงและรายงานว่าท่านหลิงเป่ยโหวและหลิงซี่โหวถูกปีศาจจับไปแล้ว! รีบถอยทัพเร็ว!”

อีกด้านหนึ่งของป่า อสูรปีกสี่ตัวปรากฏขึ้นบนกิ่งไม้พร้อมถือเชือกในมือ มันลากร่างถังลู่ขึ้นไปบนท้องนภา ก่อนที่จะมีอีกหลายตัวโผล่ออกมา จากนั้นพวกมันรวมตัวกันภายใต้การนำของเฉียนเฟิงและปีศาจระดับสูงตนอื่นๆ บินตรงไปยังฝั่งตะวันตก

ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังกองทหารอื่นๆ เฟิงจี้สิงและเซี่ยงอวี้รีบไปยังกองทหารที่สี่เพื่อเข้าพบฉินอิน ในช่วงเย็นวันเดียวกันหลานกงนำทหารม้าจากมณฑลชางหนานเดินทางมาด้วยตนเอง

“คารวะท่านหลานกง”

หลินมู่อวี่และเซี่ยงอวี้ด้านข้างทำความเคารพถังหลานที่เดินเข้ามาในกระโจมหลัก

ฉินอินในชุดจักรพรรดินีนั่งอยู่ที่ตำแหน่งผู้บังคับบัญชา นางเงยหน้ามองถังหลานที่เดินเข้ามาพร้อมพยักหน้าและเอ่ยถาม “ท่านหลานกงอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”

ถังหลานประสานหมัดด้วยใบหน้าซีดเซียว “เป็นความผิดของกระหม่อมเองที่ปล่อยให้เด็กไร้ความสามารถทั้งสองถูกเผ่าปีศาจจับตัวไป…”

ถังหลานคุกเข่าลงด้วยร่างกายที่สั่นเทา

ฉินอินยืนขึ้นพร้อมกล่าว “ท่านหลานกงไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับท่านเลย เพียงแต่หลิงเป่ยโหวและหลิงซี่โหวออกจากค่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเปิดโอกาสให้พวกมันโจมตี”

ถังหลานยืนขึ้นและกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ฝ่าบาท…ถังลู่และถังเทียนเป็นสองทายาทสุดท้ายของตระกูลถัง หากเกิดเรื่องร้ายกับพวกเขาในค่ายเผ่าปีศาจ ข้าเกรงว่าตระกูลถังอาจถึงคราล่มสลาย…”

เฟิงจี้สิงขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ท่านหลานกงควรรู้ว่าผู้บัญชาการหลินจับองค์ชายสามนามของเผ่าปีศาจได้เมื่อไม่กี่วันก่อนเพื่อใช้ในการต่อรองให้พวกมันถอยทัพ แต่วันนี้จอมพลเฉียนเฟิงส่งม้วนหนังสือขอให้เราแลกเปลี่ยนหลิงเป่ยโหวและหลิงซี่โหวกับองค์ชายสาม ซึ่งมันอาจทำลายข้อได้เปรียบของเรา”

“เรื่องนี้…”

ถังหลานถอนหายใจ “หากเป็นเช่นนั้น เพื่อเห็นแก่จักรวรรดิ…กระหม่อมทูลขอพระองค์ทรงอย่ารับเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนของเผ่าปีศาจ และหาทางเจรจาให้พวกมันล่าถอย ส่วนถังลู่และถังเทียน…คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาของพวกเขาเอง!”

“ท่านหลานกง!” ฉินอินยิ้มเล็กน้อย “จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? อย่ากังวลไปเลย ข้าจะยอมรับเงื่อนไขของเฉียนเฟิง พรุ่งนี้เที่ยงจะมีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นที่แม่น้ำ”

ถังหลานตะลึง “ว่าอย่างไรนะ?”

เซี่ยงอวี้ประสานหมัด “ท่านหลานกง ฝ่าบาททรงตอบรับทูตของเฉียนเฟิงแล้วว่า พรุ่งนี้เที่ยงเราจะส่งเรือไปแลกเปลี่ยนที่กลางแม่น้ำ ทั้งสองฝ่ายสามารถส่งเรือออกไปได้เพียงหนึ่งลำและผู้คุ้มกันเชลยศึกเพียงสามคนเท่านั้น”

เซี่ยงอวี้สูดหายใจเข้าก่อนจะกล่าวต่อ “ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยให้ข้า เฟิงจี้สิง พร้อมหลินมู่อวี่ในการคุ้มกันองค์ชายสามของเผ่าปีศาจ และใช้โอกาสนี้สังหารเฉียนเฟิง!”

ถังหลานกล่าว “ข้าเกรงว่าเฉียนเฟิงไม่ใช่คนเขลา…เช่นนั้นคงไม่ถูกหลอกง่ายๆ ใช่หรือไม่?”

“นี่เป็นข้อได้เปรียบของเรา”

เฟิงจี้สิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรือรบของเราสามารถบรรจุคนได้หลายร้อย และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโชคชะตา เมื่อใดที่สังหารเฉียนเฟิงได้ กองกำลังเผ่าปีศาจจะต้องถอยทัพอย่างแน่นอน เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำให้เต็มที่!”

ถังหลานกล่าว “เช่นนั้น…คงต้องพึ่งพาผู้บัญชาการเฟิงและผู้บัญชาการหลิน!”

เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่ประสานหมัดรับ แต่ภายในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล ไม่มีผู้ใดเคยเผชิญหน้ากับเฉียนเฟิงมาก่อน กระนั้นก็เป็นดังที่เฟิงจี้สิงกล่าว พวกเขาเพียงต้องพยายามอย่างเต็มที่ และปล่อยให้จอมยุทธ์ที่มีฝีมือโดดเด่นอย่างเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่ และเซี่ยงอวี้เป็นคนจัดการ หากทั้งสามไม่สามารถสังหารเฉียนเฟิงได้…ชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเผ่าปีศาจนั้นเป็นที่ประจักษ์!

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด