The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 354 รำลึกความหลัง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 354 รำลึกความหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.354 รำลึกความหลัง

วันต่อมาหลินมู่อวี่ตื่นแต่เช้า หลังฝึกใช้หมัดเสียงปีศาจได้หนึ่งรอบ จึงไปแต่งตัวด้วยชุดทหารอวี้หลินโดยมีเกอหยางช่วยติดกระดุมใบไม้สีทองให้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อันงดงามของผู้นำวิหาร ด้านหลังเกอหยางมีใต้เท้าสามคนคือเจิ้งซานเหอ โจวเย่าและไป๋หลีอยู่ตรงแท่นบูชารอรับคำสั่ง

เจิ้งซานเหอถือโล่เหล็กรออยู่ที่ม้าพลางประสานหมัดกล่าว “เราพร้อมแล้วขอรับท่านผู้นำ!”

เกอหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “จะไปที่ใดกันหรือ?”

“อนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิ”

หลินมู่อวี่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าจะไปพบพี่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน พี่ฉินเหลย ปู่เหล่ยหงและท่านชวีฉู่ขอรับ”

“ดีแล้ว เช่นนั้นก็จงไปเถิด”

“เช่นนั้นข้าขอฝากการฝึกช่วงเช้าให้ท่านปู่เกอหยางดูแลนะขอรับ”

“ได้” ใบหน้าเหี่ยวย่นของเกอหยางยิ้มกว้าง “ครั้งท่านผู้นำเหล่ยหงยังอยู่ ข้าก็เป็นคนดูแลเรื่องนี้อยู่ทุกวัน…วางใจเถิด”

“ขอรับ ไปกันได้!”

หลินมู่อวี่คว้าบังเหียนม้าจากทหารยามม้าสามตัว กระทั่งออกมาจากวิหารก็พบเฟิงจี้สิง จางเหว่ยและเซี่ยโหวซางรออยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงฉินอิน ถังเสี่ยวซีและฉู่เหยาด้วย

“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ เสี่ยวอิน?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

ฉินอินยิ้ม “ปกติข้าไปอนุสรณ์ทุกสามวันอยู่แล้ว อีกทั้งงานกระทรวงไม่ได้ยุ่งมากเพราะมีท่านตาและหลานกงคอยช่วยดูให้”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เข้าใจแล้ว ไปกันเถิด”

“อืม”

ฉินอินตามกลุ่มคนทั้งหนึ่งร้อยคนไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารจากเมืองหยาดสายัณห์ที่ถูกส่งมาอารักขาโดยซูมู่หยุน หลินมู่อวี่ไม่กล่าวสิ่งใด เขาไม่รู้ว่าซูมู่หยุนเป็นห่วงฉินอินจริงหรือเพียงต้องการควบคุมนาง ดูเหมือนเขาต้องการให้ทุกการกระทำของฉินอินอยู่ในสายตาของตน หลินมู่อวี่อยากจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้ไวที่สุด มิเช่นนั้นฉินอินคงไม่สามารถขยายอำนาจได้

นอกเมืองหลันเยี่ยน ระหว่างทางรายล้อมไปด้วยเหล่านกน้อยและดอกไม้สวยงาม กลุ่มของหลินมู่อวี่มุ่งตรงสู่ภูเขารังอินทรี หลุมศพถูกตั้งอยู่บริเวณขอบหน้าผาใต้ภูเขาลูกนี้ โดยมีแผ่นจารึกคู่หนึ่งตั้งอยู่ข้างกัน ที่นี่เป็นหลุมที่ใช้ฝังศพฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและเจิ้งเซียง ซึ่งเว่ยโฉวและคนอื่นๆ รีบฝังทั้งคู่ไว้ที่นี่

สาเหตุที่ไม่ย้ายทั้งสองไปยังอนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิเพราะฉินอินรู้สึกว่าเป็นการสมควรแล้วที่จะฝังทั้งคู่ไว้ตรงนี้

หลุมศพถูกปกคลุมด้วยตะไคร้น้ำ หลินมู่อวี่ก้าวไปปัดมันออกด้วยมือเปล่าพร้อมกับตัดเถาวัลย์ที่ขึ้นโดยรอบ เถาวัลย์หนารัดพันดาบขึ้นสนิมที่ปักอยู่ซึ่งเป็นดาบของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ดาบยาวนั้นนิ่งสงบเหมือนเจ้าของผู้ล่วงลับของมัน

ผีเสื้อสีขาวสองตัวกระพือปีกบินไปมาเหนือดาบราวกับถูกบางสิ่งดึงดูด

หลินมู่อวี่ถอยหลังคุกเข่ากับพื้น มองหลุมศพอย่างสงบนิ่งก่อนจะกล่าว “ท่านพี่ฉู่ ข้ากลับมาแล้ว…ขออภัยด้วยที่ไม่ได้มาหาท่านตั้งแต่แรก”

ฉู่เหยาคุกเข่าลงข้างกันพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล

ฉินอินคุกเข่าตามโดยไม่สนว่าพื้นจะสกปรกเพียงใด “ท่านแม่ทัพฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ท่านคือความภาคภูมิใจของจักรวรรดิ หวังว่าในภพหน้าท่านคงไม่ต้องพรากจากท่านเจิ้งเซียงอีก”

เฟิงจี้สิงค่อยๆ คุกเข่า “ตาแก่ฉู่ หลับให้สบายเถิด ความเกลียดชังทั้งหมดของเจ้า ข้ากับอาอวี่จะเอาคืนให้เอง เลือดทุกหยดที่เจ้าใช้ปกป้องชาวเมืองไว้ เฟิงจี้สิงผู้นี้ขอสัญญาว่าจะสานต่อเจตนารมณ์ของเจ้า!”

จางเหว่ย เว่ยโฉว เจิ้งซานเหอและคนอื่นๆ คุกเข่าร่วมกัน

แม้ฉู่ฮว๋ายเหมีย่นจะไม่ถูกฝังอยู่ในอนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิ ทว่าทุกคนก็รู้ถึงคุณงามความดีของเขาที่ถูกจัดว่าเป็นอันดับสองของผู้พลีชีพ เมื่อหนึ่งปีก่อน ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนได้รับการยกย่องให้เป็นราชา เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ที่เขานำมาสู่ตระกูลฉู่จนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งแผ่นดิน

หลังจากทำการไว้อาลัยให้แก่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและเจิ้งเซียงแล้ว ทุกคนจึงกลับข้าม้าและมุ่งหน้าสู่อนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิต่อไป ระหว่างทางควบม้าผ่านแนวป่า หลินมู่อวี่เอ่ยขึ้น “พี่เฟิง มีข่าวจากเจิ้งอี้ฝานบ้างหรือไม่?”

“ไม่เลย”

เฟิงจี้สิงส่ายศีรษะ “หลังจากเจิ้งอี้ฝานออกจากเมืองหลันเยี่ยนไป ก็ไม่ได้ยินข่าวจากเขาอีกเลย อันที่จริงการก่อกบฏที่เกิดขึ้นเราคิดว่าเป็นฝีมือของมัน…ทว่ากลับคิดผิด กลายเป็นฉินอี้พระเชษฐาขององค์จักรพรรดิที่ยกทัพจากจักรวรรดิอี้เหอเข้าโจมตี”

“ตอนนี้กองกำลังทางฝั่งอี้เหอเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ค่อยดีนัก…” เฟิงจี้สิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตั้งแต่สามปีก่อนที่เราได้รับรายงานมาคือพวกมันกำลังรวบรวมกองกำลังใหม่ได้ห้าแสนคนซึ่งเป็นจำนวนพอๆ กับกองทัพของจักรวรรดิเรา กระทั่งสองเดือนก่อน ทหารของเราพ่ายศึกที่เทือกเขาฉิน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวกมันแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และที่น่ากังวลกว่าคือมณฑลหลิงตงกับมณฑลทงเทียนถูกพวกมันยึดไป หากจะสู้รบกับเราอีกครั้งทหารจากทั้งสองมณฑลต้องถูกเกณฑ์เพิ่มอีกแน่นอน”

หลินมู่อวี่กำหมัดด้วยสายตาแห่งความเคียดแค้น “หนี้แค้นต้องถูกชำระในเร็ววัน ข้าจะแขวนคอฉินอี้และหลงเซียนหลินไว้บนหลังคาของตำหนักเจ๋อเทียน!”

หลังกล่าวจบหลินมู่อวี่ก็ถามต่อ “เจอร่างขององค์จักรพรรดิหรือไม่?”

“อืม ถูกฝังอยู่บริเวณชายหาดของทะเลสาบภูตโดยปราศจากแท่นหลุมศพใด” เฟิงจี้สิงกล่าวเสียงเบา “เป็นสิ่งที่หยุนกงและหลานกงตัดสินใจร่วมกัน”

ฉินอินที่อยู่ด้านข้างกล่าว “เสด็จพ่อผู้รักศักดิ์ศรีของตัวเองถูกฆ่าตายที่ทะเลสาบภูต อาจเป็นเรื่องดีแล้วที่ฝังเขาไว้ที่นั่น เพราะหากยังมีชีวิตอยู่เขาก็คงไม่อยากถูกฝังในฐานะจักรพรรดิเช่นกัน”

“อืม” เฟิงจี้สิงพยักหน้า

หลินมู่อวี่มองแนวป่าไม้ที่วิ่งผ่านพลันเอ่ยถาม “มณฑลชางหนานตอนนี้เป็นของผู้ใด?”

เว่ยโฉวประสานหมัดกล่าว “มิถุนายนปีที่แล้ว เซี่ยงอวี้นำกองทัพวางยาพิษใส่แม่น้ำต้าวเจียงเพื่อตัดแหล่งเสบียงของทหารอาสาในเมืองห้าหุบเขาจนเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ เมืองห้าหุบเขาจึงกลายเป็นเมืองร้างและตกอยู่ภายใต้อำนาจของเซี่ยงอวี้และหลานกงในทันใด ตลอดสามปีมานี้ แม้จะมีผู้คนทยอยเข้าไปตั้งรกรากจำนวนมาก ทว่าเมืองห้าหุบเขาก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์เช่นเมื่อก่อนแล้ว ส่วนประชากรก็เหลือเพียงห้าแสนคนเท่านั้น”

หลินมู่อวี่ร่างสั่นเทิ้มด้วยความโมโหพลางส่งยิ้มอย่างไม่พอใจ “ไม่แปลกที่จะมีข่าวลือว่าจักรวรรดิอี้เหอสังหารหมู่คนทั้งเมืองหลันเยี่ยนในครึ่งเดือนมากพอๆ กับเซี่ยงอวี้ผู้เป็นวีรบุรุษสังหารประชาชนของตน”

เฟิงจี้สิงกล่าว “การกระทำของเซี่ยงอวี้นั้นโหดร้ายและไร้ยางอาย ถึงกระนั้นแม้เขาจะไม่ใช่คนที่ใจบุญ ทว่าเขาก็เป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่ง ในช่วงเวลาสำคัญที่เจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ที่นั่น ทำให้มีเซี่ยงอวี้ในวันนี้ หึ! หากไม่มีเซี่ยงอวี้หลานกงคงไม่สามารถต่อต้านหยุนกงได้เลย”

“เช่นนั้นคงต้องขอบพระคุณหลานกงและหยุนกงสิอย่างนั้นสิ”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“ตอนนี้หยุนกงครอบครองอำนาจทั้งหมดหรือยัง? ข้าเกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นฉินอินคงถูกกำจัดและหยุนกงคงขึ้นครองราชย์แทน!” แววตาอาฆาตของหลินมู่อวี่ปรากฏขึ้น

ฉินอินชะงักไปชั่วครู่ “พี่อาอวี่ เป็นไปไม่ได้…เขาเป็นตาของข้า!”

“ขณะที่เมืองหลันเยี่ยนถูกล้อมรอบด้วยกองทหารจากจักรวรรดิอี้เหอ ทว่าเขากลับไม่ส่งกำลังเสริมมาช่วย เท่านี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้ห่วงความเป็นตายของเจ้าเลย แม้เจ้าจะนึกถึงเขา…กลับกันในใจท่านตานึกถึงเจ้าไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเมืองด้วยซ้ำ” หลินมู่อวี่ถอนหายใจมองฉินอิน “หากวันนั้นมาถึง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลังเล…”

ฉินอินขมวดคิ้วพยักหน้าด้วยความเจ็บปวดโดยไม่กล่าวอันใด

จางเหว่ยยิ้มอยู่ด้านข้าง “อย่างที่ท่านผู้นำกล่าว ฝ่าบาทมิได้สำคัญกับหยุนกงเลย แล้ว…ในใจของท่านเล่า องค์จักรพรรดินีสำคัญเพียงใด?”

ทุกคนต่างหันมองหลินมู่อวี่เป็นตาเดียว เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ข้าไม่รู้ ทว่าสักวันข้าจะทำให้ใจของทั้งสองกลับมาตรงกันให้ได้”

เฟิงจี้สิงประหลาดใจกับคำพูดของหลินมู่อวี่ก่อนจะยิ้มกริ่ม

ทหารเมืองหยาดสายัณห์ด้านหลังฉินอินมองหลินมู่อวี่ด้วยความตกตะลึง ทุกสัมผัสได้ถึงความหยิ่งผยองที่ออกมาจากใจของหลินมู่อวี่ทว่ากลับทำสิ่งใดไม่ได้

ณ อนุสรณ์สถานในเขตหลุมฝังศพราชวงศ์ฉิน

แท่นหินซึ่งถูกทำเป็นอนุสรณ์ตั้งอยู่เรียงราย โดยมีแท่นที่อยู่หน้าสุดคืออนุสรณ์หลัก หลินมู่อวี่ ฉินอิน เฟิงจี้สิงและคนอื่นๆ ลงจากม้าก่อนจะเงยหน้ามองรายชื่อที่คุ้นเคย…ชื่อหลินมู่อวี่ที่ถูกสลักไว้ด้วยลายมืออันสวยงาม

“อยากลบชื่อออกหรือไม่?” ฉินอินถาม

“ไม่”

หลินมู่อวี่ยังคงเงยหน้ามองและยิ้ม “ข้าตายไปแล้วในวันนั้น ทิ้งชื่อไว้เช่นนี้…ข้าจะได้รำลึกกับตัวเองไว้เสมอ ว่าหากต้องตายอีกครั้ง ยังมีท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ท่านฉินเหลยและคนอื่นๆ รอข้าอยู่”

ฉินอินพยักหน้า “ตกลง!”

หลินมู่อวี่ประสานหมัดกล่าวอย่างจริงจังต่อหน้าอนุสรณ์ “ท่านพี่ฉินเหลย ท่านปู่เหล่ยหง ท่านปู่ชวีฉู่่ ท่านพี่หลัวเลี่ย หลินมู่อวี่ผู้นี้ยังไม่ตาย! โปรดเฝ้ามองข้าจากบนสวรรค์ ข้าและท่านพี่เฟิงจะช่วยเสี่ยวอินกอบกู้แผ่นดินนี้กลับมาให้จงได้ ศัตรูทั้งหมดต้องถูกกำจัด อาณาจักรนี้ต้องกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง!”

เฟิงจี้สิงประสานหมัด “ฉินเหลย ผู้นำเหล่ยหง เฒ่าฉู่ เสี่ยวเลี่ยจงพักผ่อนบนสวรรค์ให้สบายเถิด ตอนนี้อาอวี่กลับมาแล้ว ข้าไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไป เราไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงลิขิตแห่งสวรรค์นี้ได้มากน้อยเพียงใด…แต่จะทำให้ดีที่สุด!”

ฉินอินเงยหน้ามองฟ้าพร้อมพึมพำ “เสด็จพ่อ พี่อาอวี่กลับมาแล้วเห็นหรือไม่เจ้าคะ? เขาจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 354 รำลึกความหลัง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 354 รำลึกความหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ep.354 รำลึกความหลัง

วันต่อมาหลินมู่อวี่ตื่นแต่เช้า หลังฝึกใช้หมัดเสียงปีศาจได้หนึ่งรอบ จึงไปแต่งตัวด้วยชุดทหารอวี้หลินโดยมีเกอหยางช่วยติดกระดุมใบไม้สีทองให้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อันงดงามของผู้นำวิหาร ด้านหลังเกอหยางมีใต้เท้าสามคนคือเจิ้งซานเหอ โจวเย่าและไป๋หลีอยู่ตรงแท่นบูชารอรับคำสั่ง

เจิ้งซานเหอถือโล่เหล็กรออยู่ที่ม้าพลางประสานหมัดกล่าว “เราพร้อมแล้วขอรับท่านผู้นำ!”

เกอหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “จะไปที่ใดกันหรือ?”

“อนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิ”

หลินมู่อวี่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าจะไปพบพี่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน พี่ฉินเหลย ปู่เหล่ยหงและท่านชวีฉู่ขอรับ”

“ดีแล้ว เช่นนั้นก็จงไปเถิด”

“เช่นนั้นข้าขอฝากการฝึกช่วงเช้าให้ท่านปู่เกอหยางดูแลนะขอรับ”

“ได้” ใบหน้าเหี่ยวย่นของเกอหยางยิ้มกว้าง “ครั้งท่านผู้นำเหล่ยหงยังอยู่ ข้าก็เป็นคนดูแลเรื่องนี้อยู่ทุกวัน…วางใจเถิด”

“ขอรับ ไปกันได้!”

หลินมู่อวี่คว้าบังเหียนม้าจากทหารยามม้าสามตัว กระทั่งออกมาจากวิหารก็พบเฟิงจี้สิง จางเหว่ยและเซี่ยโหวซางรออยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงฉินอิน ถังเสี่ยวซีและฉู่เหยาด้วย

“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ เสี่ยวอิน?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

ฉินอินยิ้ม “ปกติข้าไปอนุสรณ์ทุกสามวันอยู่แล้ว อีกทั้งงานกระทรวงไม่ได้ยุ่งมากเพราะมีท่านตาและหลานกงคอยช่วยดูให้”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เข้าใจแล้ว ไปกันเถิด”

“อืม”

ฉินอินตามกลุ่มคนทั้งหนึ่งร้อยคนไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารจากเมืองหยาดสายัณห์ที่ถูกส่งมาอารักขาโดยซูมู่หยุน หลินมู่อวี่ไม่กล่าวสิ่งใด เขาไม่รู้ว่าซูมู่หยุนเป็นห่วงฉินอินจริงหรือเพียงต้องการควบคุมนาง ดูเหมือนเขาต้องการให้ทุกการกระทำของฉินอินอยู่ในสายตาของตน หลินมู่อวี่อยากจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้ไวที่สุด มิเช่นนั้นฉินอินคงไม่สามารถขยายอำนาจได้

นอกเมืองหลันเยี่ยน ระหว่างทางรายล้อมไปด้วยเหล่านกน้อยและดอกไม้สวยงาม กลุ่มของหลินมู่อวี่มุ่งตรงสู่ภูเขารังอินทรี หลุมศพถูกตั้งอยู่บริเวณขอบหน้าผาใต้ภูเขาลูกนี้ โดยมีแผ่นจารึกคู่หนึ่งตั้งอยู่ข้างกัน ที่นี่เป็นหลุมที่ใช้ฝังศพฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและเจิ้งเซียง ซึ่งเว่ยโฉวและคนอื่นๆ รีบฝังทั้งคู่ไว้ที่นี่

สาเหตุที่ไม่ย้ายทั้งสองไปยังอนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิเพราะฉินอินรู้สึกว่าเป็นการสมควรแล้วที่จะฝังทั้งคู่ไว้ตรงนี้

หลุมศพถูกปกคลุมด้วยตะไคร้น้ำ หลินมู่อวี่ก้าวไปปัดมันออกด้วยมือเปล่าพร้อมกับตัดเถาวัลย์ที่ขึ้นโดยรอบ เถาวัลย์หนารัดพันดาบขึ้นสนิมที่ปักอยู่ซึ่งเป็นดาบของฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ดาบยาวนั้นนิ่งสงบเหมือนเจ้าของผู้ล่วงลับของมัน

ผีเสื้อสีขาวสองตัวกระพือปีกบินไปมาเหนือดาบราวกับถูกบางสิ่งดึงดูด

หลินมู่อวี่ถอยหลังคุกเข่ากับพื้น มองหลุมศพอย่างสงบนิ่งก่อนจะกล่าว “ท่านพี่ฉู่ ข้ากลับมาแล้ว…ขออภัยด้วยที่ไม่ได้มาหาท่านตั้งแต่แรก”

ฉู่เหยาคุกเข่าลงข้างกันพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล

ฉินอินคุกเข่าตามโดยไม่สนว่าพื้นจะสกปรกเพียงใด “ท่านแม่ทัพฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ท่านคือความภาคภูมิใจของจักรวรรดิ หวังว่าในภพหน้าท่านคงไม่ต้องพรากจากท่านเจิ้งเซียงอีก”

เฟิงจี้สิงค่อยๆ คุกเข่า “ตาแก่ฉู่ หลับให้สบายเถิด ความเกลียดชังทั้งหมดของเจ้า ข้ากับอาอวี่จะเอาคืนให้เอง เลือดทุกหยดที่เจ้าใช้ปกป้องชาวเมืองไว้ เฟิงจี้สิงผู้นี้ขอสัญญาว่าจะสานต่อเจตนารมณ์ของเจ้า!”

จางเหว่ย เว่ยโฉว เจิ้งซานเหอและคนอื่นๆ คุกเข่าร่วมกัน

แม้ฉู่ฮว๋ายเหมีย่นจะไม่ถูกฝังอยู่ในอนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิ ทว่าทุกคนก็รู้ถึงคุณงามความดีของเขาที่ถูกจัดว่าเป็นอันดับสองของผู้พลีชีพ เมื่อหนึ่งปีก่อน ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนได้รับการยกย่องให้เป็นราชา เกียรติยศอันยิ่งใหญ่ที่เขานำมาสู่ตระกูลฉู่จนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งแผ่นดิน

หลังจากทำการไว้อาลัยให้แก่ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนและเจิ้งเซียงแล้ว ทุกคนจึงกลับข้าม้าและมุ่งหน้าสู่อนุสรณ์สถานแห่งจักรวรรดิต่อไป ระหว่างทางควบม้าผ่านแนวป่า หลินมู่อวี่เอ่ยขึ้น “พี่เฟิง มีข่าวจากเจิ้งอี้ฝานบ้างหรือไม่?”

“ไม่เลย”

เฟิงจี้สิงส่ายศีรษะ “หลังจากเจิ้งอี้ฝานออกจากเมืองหลันเยี่ยนไป ก็ไม่ได้ยินข่าวจากเขาอีกเลย อันที่จริงการก่อกบฏที่เกิดขึ้นเราคิดว่าเป็นฝีมือของมัน…ทว่ากลับคิดผิด กลายเป็นฉินอี้พระเชษฐาขององค์จักรพรรดิที่ยกทัพจากจักรวรรดิอี้เหอเข้าโจมตี”

“ตอนนี้กองกำลังทางฝั่งอี้เหอเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ค่อยดีนัก…” เฟิงจี้สิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตั้งแต่สามปีก่อนที่เราได้รับรายงานมาคือพวกมันกำลังรวบรวมกองกำลังใหม่ได้ห้าแสนคนซึ่งเป็นจำนวนพอๆ กับกองทัพของจักรวรรดิเรา กระทั่งสองเดือนก่อน ทหารของเราพ่ายศึกที่เทือกเขาฉิน ทำให้คาดการณ์ได้ว่าพวกมันแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และที่น่ากังวลกว่าคือมณฑลหลิงตงกับมณฑลทงเทียนถูกพวกมันยึดไป หากจะสู้รบกับเราอีกครั้งทหารจากทั้งสองมณฑลต้องถูกเกณฑ์เพิ่มอีกแน่นอน”

หลินมู่อวี่กำหมัดด้วยสายตาแห่งความเคียดแค้น “หนี้แค้นต้องถูกชำระในเร็ววัน ข้าจะแขวนคอฉินอี้และหลงเซียนหลินไว้บนหลังคาของตำหนักเจ๋อเทียน!”

หลังกล่าวจบหลินมู่อวี่ก็ถามต่อ “เจอร่างขององค์จักรพรรดิหรือไม่?”

“อืม ถูกฝังอยู่บริเวณชายหาดของทะเลสาบภูตโดยปราศจากแท่นหลุมศพใด” เฟิงจี้สิงกล่าวเสียงเบา “เป็นสิ่งที่หยุนกงและหลานกงตัดสินใจร่วมกัน”

ฉินอินที่อยู่ด้านข้างกล่าว “เสด็จพ่อผู้รักศักดิ์ศรีของตัวเองถูกฆ่าตายที่ทะเลสาบภูต อาจเป็นเรื่องดีแล้วที่ฝังเขาไว้ที่นั่น เพราะหากยังมีชีวิตอยู่เขาก็คงไม่อยากถูกฝังในฐานะจักรพรรดิเช่นกัน”

“อืม” เฟิงจี้สิงพยักหน้า

หลินมู่อวี่มองแนวป่าไม้ที่วิ่งผ่านพลันเอ่ยถาม “มณฑลชางหนานตอนนี้เป็นของผู้ใด?”

เว่ยโฉวประสานหมัดกล่าว “มิถุนายนปีที่แล้ว เซี่ยงอวี้นำกองทัพวางยาพิษใส่แม่น้ำต้าวเจียงเพื่อตัดแหล่งเสบียงของทหารอาสาในเมืองห้าหุบเขาจนเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ เมืองห้าหุบเขาจึงกลายเป็นเมืองร้างและตกอยู่ภายใต้อำนาจของเซี่ยงอวี้และหลานกงในทันใด ตลอดสามปีมานี้ แม้จะมีผู้คนทยอยเข้าไปตั้งรกรากจำนวนมาก ทว่าเมืองห้าหุบเขาก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์เช่นเมื่อก่อนแล้ว ส่วนประชากรก็เหลือเพียงห้าแสนคนเท่านั้น”

หลินมู่อวี่ร่างสั่นเทิ้มด้วยความโมโหพลางส่งยิ้มอย่างไม่พอใจ “ไม่แปลกที่จะมีข่าวลือว่าจักรวรรดิอี้เหอสังหารหมู่คนทั้งเมืองหลันเยี่ยนในครึ่งเดือนมากพอๆ กับเซี่ยงอวี้ผู้เป็นวีรบุรุษสังหารประชาชนของตน”

เฟิงจี้สิงกล่าว “การกระทำของเซี่ยงอวี้นั้นโหดร้ายและไร้ยางอาย ถึงกระนั้นแม้เขาจะไม่ใช่คนที่ใจบุญ ทว่าเขาก็เป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่ง ในช่วงเวลาสำคัญที่เจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ที่นั่น ทำให้มีเซี่ยงอวี้ในวันนี้ หึ! หากไม่มีเซี่ยงอวี้หลานกงคงไม่สามารถต่อต้านหยุนกงได้เลย”

“เช่นนั้นคงต้องขอบพระคุณหลานกงและหยุนกงสิอย่างนั้นสิ”

“หมายความว่าอย่างไร?”

“ตอนนี้หยุนกงครอบครองอำนาจทั้งหมดหรือยัง? ข้าเกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นฉินอินคงถูกกำจัดและหยุนกงคงขึ้นครองราชย์แทน!” แววตาอาฆาตของหลินมู่อวี่ปรากฏขึ้น

ฉินอินชะงักไปชั่วครู่ “พี่อาอวี่ เป็นไปไม่ได้…เขาเป็นตาของข้า!”

“ขณะที่เมืองหลันเยี่ยนถูกล้อมรอบด้วยกองทหารจากจักรวรรดิอี้เหอ ทว่าเขากลับไม่ส่งกำลังเสริมมาช่วย เท่านี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้ห่วงความเป็นตายของเจ้าเลย แม้เจ้าจะนึกถึงเขา…กลับกันในใจท่านตานึกถึงเจ้าไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเมืองด้วยซ้ำ” หลินมู่อวี่ถอนหายใจมองฉินอิน “หากวันนั้นมาถึง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลังเล…”

ฉินอินขมวดคิ้วพยักหน้าด้วยความเจ็บปวดโดยไม่กล่าวอันใด

จางเหว่ยยิ้มอยู่ด้านข้าง “อย่างที่ท่านผู้นำกล่าว ฝ่าบาทมิได้สำคัญกับหยุนกงเลย แล้ว…ในใจของท่านเล่า องค์จักรพรรดินีสำคัญเพียงใด?”

ทุกคนต่างหันมองหลินมู่อวี่เป็นตาเดียว เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ข้าไม่รู้ ทว่าสักวันข้าจะทำให้ใจของทั้งสองกลับมาตรงกันให้ได้”

เฟิงจี้สิงประหลาดใจกับคำพูดของหลินมู่อวี่ก่อนจะยิ้มกริ่ม

ทหารเมืองหยาดสายัณห์ด้านหลังฉินอินมองหลินมู่อวี่ด้วยความตกตะลึง ทุกสัมผัสได้ถึงความหยิ่งผยองที่ออกมาจากใจของหลินมู่อวี่ทว่ากลับทำสิ่งใดไม่ได้

ณ อนุสรณ์สถานในเขตหลุมฝังศพราชวงศ์ฉิน

แท่นหินซึ่งถูกทำเป็นอนุสรณ์ตั้งอยู่เรียงราย โดยมีแท่นที่อยู่หน้าสุดคืออนุสรณ์หลัก หลินมู่อวี่ ฉินอิน เฟิงจี้สิงและคนอื่นๆ ลงจากม้าก่อนจะเงยหน้ามองรายชื่อที่คุ้นเคย…ชื่อหลินมู่อวี่ที่ถูกสลักไว้ด้วยลายมืออันสวยงาม

“อยากลบชื่อออกหรือไม่?” ฉินอินถาม

“ไม่”

หลินมู่อวี่ยังคงเงยหน้ามองและยิ้ม “ข้าตายไปแล้วในวันนั้น ทิ้งชื่อไว้เช่นนี้…ข้าจะได้รำลึกกับตัวเองไว้เสมอ ว่าหากต้องตายอีกครั้ง ยังมีท่านฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน ท่านฉินเหลยและคนอื่นๆ รอข้าอยู่”

ฉินอินพยักหน้า “ตกลง!”

หลินมู่อวี่ประสานหมัดกล่าวอย่างจริงจังต่อหน้าอนุสรณ์ “ท่านพี่ฉินเหลย ท่านปู่เหล่ยหง ท่านปู่ชวีฉู่่ ท่านพี่หลัวเลี่ย หลินมู่อวี่ผู้นี้ยังไม่ตาย! โปรดเฝ้ามองข้าจากบนสวรรค์ ข้าและท่านพี่เฟิงจะช่วยเสี่ยวอินกอบกู้แผ่นดินนี้กลับมาให้จงได้ ศัตรูทั้งหมดต้องถูกกำจัด อาณาจักรนี้ต้องกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง!”

เฟิงจี้สิงประสานหมัด “ฉินเหลย ผู้นำเหล่ยหง เฒ่าฉู่ เสี่ยวเลี่ยจงพักผ่อนบนสวรรค์ให้สบายเถิด ตอนนี้อาอวี่กลับมาแล้ว ข้าไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพังอีกต่อไป เราไม่รู้จะเปลี่ยนแปลงลิขิตแห่งสวรรค์นี้ได้มากน้อยเพียงใด…แต่จะทำให้ดีที่สุด!”

ฉินอินเงยหน้ามองฟ้าพร้อมพึมพำ “เสด็จพ่อ พี่อาอวี่กลับมาแล้วเห็นหรือไม่เจ้าคะ? เขาจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+