The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

ในช่วงบ่ายหลินมู่อวี่กลับไปที่เรือนรับรองของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดซึ่งประจำการในเมืองหลันเยี่ยน เขาพบว่าเรือนรับรองนี้ขยายออกไปมาก มีร้านโอสถก่อตั้งด้านข้างและบ้านทรงต่ำหลายหลัง มีสนามเด็กเล่นขนาดเล็กถูกสร้างขึ้น เมื่อหลินมู่อวี่เดินเข้าไปก็เห็นทหารม้าหลายสิบนายกำลังฝึกซ้อมขี่ม้าจากระยะไกล

ผู้รับผิดชอบเรือนรับรองแห่งนี้คือหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ลั่วเจี้ยนที่ไม่ได้เจอมานาน เขาฝึกฝนวิทยายุทธ์จนสามารถทะลวงขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งขึ้นเป็นชั้นที่สอง ระดับพลังยุทธ์ของเขาดีขึ้นมาก และแววตาของลั่วเจี้ยนก็เปลี่ยนไปเมื่อเปรียบเทียบกับตอนเริ่มต้น

“ผู้บัญชาการ”

ลั่วเจี้ยนพาหลินมู่อวี่เข้ามาในเรือนรับรองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รองผู้บัญชาการหลัวอวี่ฝากมาบอกท่านหลินมู่อวี่ว่า กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดขณะนี้มีทหารฝีมือดีมากกว่าสองหมื่นนายแล้ว และพวกเขาได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี รวมทั้งมีอุปกรณ์อย่างครบครัน และหมู่บ้านหลงหยานที่ใต้ภูเขามีผู้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตลอด กระทั่งมีประชากรเกินหนึ่งแสนคน”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “พื้นที่พักอาศัยเพียงพอหรือไม่?”

“เพียงพอสำหรับตอนนี้ขอรับ ทว่าก็มีการขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ท่านหลัวอวี่ส่งทีมลาดตระเวนห้านายคอยสอดส่องหมู่บ้านตลอดเวลา การรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านหลงหยานมิได้ด้อยไปกว่าเมืองหลันเยี่ยนเลย”

“ดี! มีความจำเป็นอื่นอีกหรือไม่?”

“ขอรับ”

ลั่วเจี้ยนแตะจมูกและยิ้มเล็กน้อย “ท่านหลัวอวี่ต้องการศรเศวตรมณีเพิ่มเติม ดังนั้นจึงส่งให้ข้าไปลำเลียงลูกศรหนึ่งแสนดอก ทว่าเมื่อเกวียนทั้งสิบเล่มผ่านประตูทิศเหนือของเมืองหลันเยี่ยน ก็ถูกขัดขวางโดยกองทัพองครักษ์ และถูกพิจารณาว่าลูกศรจำนวนมากเหล่านี้เกินความจำเป็นสำหรับการฝึกวิทยายุทธ์ พวกเขาเชื่อว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดกำลังลักลอบขนส่งอุปกรณ์ทางการทหาร”

“จริงหรือ…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ข้าจะนำตราทหารไปรับลูกศรกลับมาโดยเร็ว กองทัพองครักษ์จะส่งกลับคืนอย่างแน่นอนเมื่อเห็นตราทหารนี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิทรงรับรอง”

“ขอรับ”

“มีอีกหนึ่งสิ่ง”

“สิ่งใดหรือขอรับท่านผู้บัญชาการ?”

“ข้าได้ทูลขอฝ่าบาทให้กระทรวงอุตสาหกรรมหล่อเหรียญตราจักรพรรดิสองหมื่นชิ้นให้พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด อีกไม่นานพวกเขาจะส่งเหรียญตรามาให้ เจ้านำเหรียญกลับภูเขาหลงหยานและบอกกับเหล่าพี่น้องว่า องค์จักรพรรดิทรงทราบถึงการมีอยู่ของพวกเขา และจดจำทุกคนในฐานะนักรบที่ต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ ให้พวกเขาฝึกฝนและพัฒนาประสิทธิภาพการต่อสู้อยู่เสมอ เพื่อเป็นทหารผู้แกร่งกล้าแห่งเมืองหลันเยี่ยน!”

“ขอรับ!” ลั่วเจี้ยนดีใจมาก และพูดด้วยรอยยิ้ม “หากทุกคนเห็นเหรียญตรานี้คงมีความสุขมาก โดยเฉพาะท่านรองผู้บัญชาการหลัวอวี่!”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า เขารู้ว่าบรรพบุรุษของหลัวอวี่คือหลัวตงไห่ ซึ่งเป็นอันดับสองจากยี่สิบหกวีรบุรุษของหอหลิงหยุน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตหลัวอวี่คือการเป็นนายพลที่มีชื่อเสียงเฉกเช่นบรรพบุรุษ การเข้าร่วมจักรวรรดิเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ทว่าก็เป็นก้าวที่สำคัญมาก!

ใช้เวลาไม่นาน กระทรวงอุตสาหกรรมก็ลำเลียงเหรียญตราทองคำมาให้ หลินมู่อวี่เซ็นชื่อรับด้วยตนเอง หลังจากส่งคนของกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว เขาก็เปิดกล่องดู แสงสีทองพลันเปล่งประกายออกมา หลินมู่อวี่หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็พบว่าคนของกระทรวงอุตสาหกรรมมีฝีมือและชาญฉลาดมาก ตรานี้แทบไม่แตกต่างจากตราทหารทั่วไปของจักรวรรดิ ดอกจื่อยินสีทองส่องแสงแพรวพราว และบนตราสลักตัวหนังสือขนาดเล็กว่า ‘มังกรผงาด’ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่แม้แต่ทหารแห่งจักรวรรดิก็ไม่เคยได้รับ

ลั่วเจี้ยนหัวเราะปากกว้าง ก่อนจะหยิบเหรียญตราขึ้นมาติดกับชุดเกราะ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้กองทัพองครักษ์จะไม่สามารถขัดขวางกิจของเราในการเข้าออกเมืองเมืองหลวงได้อีกต่อไป!”

“ใช่”

ขณะเดียวกันเสียงล้อเกวียนก็ดังขึ้นด้านนอก ซึ่งมาจากเกวียนทั้งสิบที่ลำเลียงลูกศรมา หลินมู่อวี่รีบออกคำสั่ง “ส่งลูกศรทั้งหมดไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์!”

“ขอรับ!”

เมื่อกลับมาถึงวิหาร หลินมู่อวี่ก็ทานอาหารเย็น ก่อนจะเริ่มทำงานในสำนักงานใหญ่ของผู้ดูแลวิหาร ทหารรักษาการณ์นำลูกศรจำนวนหนึ่งเข้ามาและวางตรงหน้าหลินมู่อวี่ เมื่อเห็นลูกศรกองใหญ่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนหัว ทว่าเมื่อนึกถึงพลังของศรเศวตรมณี เขาจำเป็นต้องอดทนต่อไป ศรเศวตรมณีเหล่านี้เป็นอาวุธสังหารชั้นดีและยังสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้ ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด มันก็คุ้มค่ากับความพยายาม

หลินมู่อวี่เรียกติ่งหลอมอาวุธออกมา และนำลูกศรสี่ลูกออกมาปรับแต่งอย่างรวดเร็ว และนำแก่นเพชรสีขาววางลงบนปลายของลูกศร มันเป็นงานที่น่าเบื่อซึ่งต้องใช้แรงกายและพลังปราณ หลังจากทำกระบวนการซ้ำไปมาตลอดทั้งคืน ในที่สุดศรเศวตรมณีทั้งสองหมื่นลูกก็สำเร็จ ทว่าหลินมู่อวี่ยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมาก!

“เฮ้อ…”

เมื่อมองไปยังกองลูกศร หลินมู่อวี่พลันทรุดลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยหอบ ปราณในร่างกายเกือบทั้งหมดถูกบีบออกเพื่อใช้ในติ่งหลอม หลินมู่อวี่จำเป็นต้องพักผ่อนและอาศัยวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าดูดซับพลังทางโลก พลังงานทางจิตวิญญาณเติมเต็มปราณยุทธ์ที่ขาดหายไปอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นน้ำเต้าพลันเปล่งแสงสีทองจางๆ ห่อหุ้มร่างกายหลินมู่อวี่ราวกับเป็นรูปปั้นทองคำ หลังจากเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่สอง วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เหล่ยหงและชวีฉู่เคยกล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะได้อย่างถูกต้องว่าวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองในปัจจุบันยังคงเป็นระดับสิบหรือไม่ ทว่าแก่นแท้ของพลังอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับระดับสาม ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงของเฟิงจี้สิง และนั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง

ฌานสัมผัสจมลงในทะเลจิตอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเห็นชิ้นส่วนสีเขียวมรกตทั่วขอบฟ้า ไม่รู้ว่าครานี้ราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะปลูกผลไม้แห่งจิตวิญญาณชนิดไหนอีก หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลอยลงพื้นและพบว่าสีเขียวมรกตที่เห็นนั้นเป็นเถาวัลย์ที่เติบโตเต็มที่และมีผลไม้ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายแตงโม

หลินมู่อวี่พลันหยิบมากัดทันที น้ำผลไม้กระจายเต็มปากซึ่งมันหวานมาก!

“เฮ้ย! เจ้าหัวขโมยน้อยมาจากไหน?!”

เสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปดังขึ้นด้านหลัง หลินมู่อวี่ยิ้มโดยไม่หันกลับไปมอง “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป เจ้ายึดพื้นที่ทุ่งจิตวิญญาณของข้าเป็นไร่ของตัวเอง นึกจะปลูกแตงโมก็ปลูก นึกจะปลูกถั่วก็ปลูก นี่มันเกินไปแล้ว เจ้าไม่เคยขอความยินยอมจากข้าแม้แต่น้อย”

“ดูเจ้าพูดสิ เราไม่เคยแม้แต่ทำสัญญากันเลย?” ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเลิกคิ้ว เสื้อคลุมสีแดงเลือดด้านหลังปลิวไสวตามสายลม ขณะที่ผมยาวสีแดงเข้มถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะและถักเปียอย่างประณีตซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลามาก อาจเป็นเพราะผลผลิตในทุ่งวิญญาณที่ทำให้พลังวิญญาณของราชาปีศาจเจ็ดประทีปเริ่มสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งร่างกายของราชาปีศาจเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดและกลับเป็นราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่สง่างามอีกครั้ง

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะตกใจ “ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มเล็กน้อย “ใช่ พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าฟื้นฟูแล้วอย่างน้อยเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ข้ากำลังกลับไปเป็นเทพจักรพรรดิผู้เกรียงไกรอีกครั้ง ไก่อ่อนหลินอิจฉาหรือ?”

“อิจฉาอะไร” แม้ว่าหลินมู่อวี่จะรู้สึกอิจฉามากทว่าเขาก็หยิ่งผยองและพูดว่า “แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ แต่เจ้าก็ยังไม่มีร่างกายอยู่ดี”

“โอ้…”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “หลินมู่อวี่ ราชาปีศาจเจ็ดประทีปผู้นี้เดินทางผ่านสรวงสวรรค์ ขุมนรก และดินแดนมนุษย์มาหลายแสนปี ข้าพบเห็นร่างภาชนะมากมายนับไม่ถ้วน ทว่ามีเพียงเจ้าคนเดียวที่ข้าชื่นชม และทำให้ข้าตกตะลึงอย่างแท้จริง…ดังนั้นข้าจึงต้องการร่างของเจ้า เกรงว่าจะมีร่างกายของเจ้าเท่านั้นที่เหมาะสมกับข้ามากที่สุดจากทั้งสามโลก กระนั้นเราก็อยู่ด้วยกันมานาน และข้าไม่ต้องการเห็นวันที่เจ้าต้องกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ดังนั้นก่อนที่ข้าจะไป…ข้าจะมอบพลังเจ็ดประทีปให้ ไม่ว่าเจ้าจะเรียนรู้มันได้มากเพียงใดก็ตาม ถือว่าเป็นของขวัญจากราชาปีศาจเจ็ดประทีป”

“ด้วยเหตุอันใด? เจ้าจะจากไปแล้วหรือ?” หลินมู่อวี่ผงะและรู้สึกสูญเสียบางสิ่งในจิตใจ ใช่แล้ว…หลังจากอยู่ในแผ่นดินนี้มานาน มีคนผู้หนึ่งที่คอยช่วยเหลือเขาทุกครั้งเมื่อเผชิญกับอันตราย แม้ว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะต้องการยึดร่างหลินมู่อวี่ ทว่าผลสุดท้ายก็เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ จู่ๆ ราชาปีศาจก็พูดว่ากำลังจะจากไป ทำให้เกิดความเศร้าขึ้นในใจหลินมู่อวี่เล็กน้อย

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปอยู่ในทะเลจิตของหลินมู่อวี่ เขาจึงสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหลินมู่อวี่ได้ ราชาปีศาจยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ ปกติเจ้ามักแสดงความเหนืออำนาจเสมอ เหตุใดวันนี้จึงทำตัวอ่อนไหวราวกับหญิงสาว? นี่ไม่ใช่ไก่อ่อนหลินที่ข้ารู้จัก! เด็กน้อย เมื่อข้าฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ข้าจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงพอที่จะออกจากทะเลจิตของเจ้าและสร้างร่างเนื้อใหม่ สักวันข้าก็ต้องแยกออกไปเดินคนละเส้นทางกับเจ้า หนทางเดินของข้าคือสรวงสวรรค์อันกว้างใหญ่และเหล่าทวยเทพมากมาย ขณะที่ทางเดินของเจ้าคือโลกแห่งความโกลาหล เต็มไปด้วยม้าหุ้มเหล็กและการต่อสู้ไม่สิ้นสุด! เอาล่ะ เจ้าควรไปนอน แล้วข้าจะสอนพลังทั้งหมดให้ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะเรียนรู้มันได้หรือไม่…”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาและเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่นานแสงและเงาก็กะพริบไหวทั่วจิตใจ ทะเลแห่งดวงดารา ป่าแห่งจิตวิญญาณชั่วราย และอีกมากมายลอยผ่านห้วงความคิด ไม่นานก็มีพลังลึกลับกระทบกับจิตวิญญาณและร่างกายอย่างรุนแรง อีกทั้งยังไร้ความปรานี ราชาปีศาจเป็นเช่นนี้เสมอ หลินมู่อวี่ได้แต่นึกสงสัย…เหตุใดบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ปีศาจ’ เช่นนี้จึงเป็นเทพแห่งสวรรค์? ท้ายที่สุดหลินมู่อวี่ก็สามารถดูดซับความแข็งแกร่งของพลังเจ็ดประทีปได้ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากหากทำไม่ได้ เขาอาจต้องจ่ายมันด้วยชีวิต…

แน่นอนว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปยังคงมีความเมตตา มิเช่นนั้นพลังสะท้อนอาจรุนแรงยิ่งกว่านี้ กระนั้นก็ไม่เป็นปัญหาต่อแกนกลางพลังของหลินมู่อวี่ เนื่องจากมันแข็งแกร่งขึ้นมากจากการฝึกฝน ทว่าอย่างไรก็ตาม…หลินมู่อวี่ก็ยังคงอ่อนแอดังชื่อเรียกไก่อ่อน!

แม้ว่าหลินมู่อวี่จะหลับ แต่ความเจ็บปวดก็ชัดเจนมาก เขาอดไม่ได้ที่จะกัดฟันขมวดคิ้วและส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ขณะเดียวกันก็มีเสียง ‘โฮก…’ ร้องดังในจิตใจ เป็นเสียงร้องของมังกรผลึกโลหิตที่ได้ลงนามพันธะวิญญาณกับหลินมู่อวี่ ดังนั้นทั้งสองจึงแบ่งปันความเจ็บปวดให้แก่กัน ผลกระทบของพลังเจ็ดประทีปนั้นหนักหนาสำหรับสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้

ไม่…แท้จริงแล้วมันมีอายุหนึ่งพันปี ซึ่งไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

ในช่วงบ่ายหลินมู่อวี่กลับไปที่เรือนรับรองของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดซึ่งประจำการในเมืองหลันเยี่ยน เขาพบว่าเรือนรับรองนี้ขยายออกไปมาก มีร้านโอสถก่อตั้งด้านข้างและบ้านทรงต่ำหลายหลัง มีสนามเด็กเล่นขนาดเล็กถูกสร้างขึ้น เมื่อหลินมู่อวี่เดินเข้าไปก็เห็นทหารม้าหลายสิบนายกำลังฝึกซ้อมขี่ม้าจากระยะไกล

ผู้รับผิดชอบเรือนรับรองแห่งนี้คือหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ลั่วเจี้ยนที่ไม่ได้เจอมานาน เขาฝึกฝนวิทยายุทธ์จนสามารถทะลวงขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งขึ้นเป็นชั้นที่สอง ระดับพลังยุทธ์ของเขาดีขึ้นมาก และแววตาของลั่วเจี้ยนก็เปลี่ยนไปเมื่อเปรียบเทียบกับตอนเริ่มต้น

“ผู้บัญชาการ”

ลั่วเจี้ยนพาหลินมู่อวี่เข้ามาในเรือนรับรองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รองผู้บัญชาการหลัวอวี่ฝากมาบอกท่านหลินมู่อวี่ว่า กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดขณะนี้มีทหารฝีมือดีมากกว่าสองหมื่นนายแล้ว และพวกเขาได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี รวมทั้งมีอุปกรณ์อย่างครบครัน และหมู่บ้านหลงหยานที่ใต้ภูเขามีผู้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตลอด กระทั่งมีประชากรเกินหนึ่งแสนคน”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “พื้นที่พักอาศัยเพียงพอหรือไม่?”

“เพียงพอสำหรับตอนนี้ขอรับ ทว่าก็มีการขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ท่านหลัวอวี่ส่งทีมลาดตระเวนห้านายคอยสอดส่องหมู่บ้านตลอดเวลา การรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านหลงหยานมิได้ด้อยไปกว่าเมืองหลันเยี่ยนเลย”

“ดี! มีความจำเป็นอื่นอีกหรือไม่?”

“ขอรับ”

ลั่วเจี้ยนแตะจมูกและยิ้มเล็กน้อย “ท่านหลัวอวี่ต้องการศรเศวตรมณีเพิ่มเติม ดังนั้นจึงส่งให้ข้าไปลำเลียงลูกศรหนึ่งแสนดอก ทว่าเมื่อเกวียนทั้งสิบเล่มผ่านประตูทิศเหนือของเมืองหลันเยี่ยน ก็ถูกขัดขวางโดยกองทัพองครักษ์ และถูกพิจารณาว่าลูกศรจำนวนมากเหล่านี้เกินความจำเป็นสำหรับการฝึกวิทยายุทธ์ พวกเขาเชื่อว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดกำลังลักลอบขนส่งอุปกรณ์ทางการทหาร”

“จริงหรือ…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ข้าจะนำตราทหารไปรับลูกศรกลับมาโดยเร็ว กองทัพองครักษ์จะส่งกลับคืนอย่างแน่นอนเมื่อเห็นตราทหารนี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิทรงรับรอง”

“ขอรับ”

“มีอีกหนึ่งสิ่ง”

“สิ่งใดหรือขอรับท่านผู้บัญชาการ?”

“ข้าได้ทูลขอฝ่าบาทให้กระทรวงอุตสาหกรรมหล่อเหรียญตราจักรพรรดิสองหมื่นชิ้นให้พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด อีกไม่นานพวกเขาจะส่งเหรียญตรามาให้ เจ้านำเหรียญกลับภูเขาหลงหยานและบอกกับเหล่าพี่น้องว่า องค์จักรพรรดิทรงทราบถึงการมีอยู่ของพวกเขา และจดจำทุกคนในฐานะนักรบที่ต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ ให้พวกเขาฝึกฝนและพัฒนาประสิทธิภาพการต่อสู้อยู่เสมอ เพื่อเป็นทหารผู้แกร่งกล้าแห่งเมืองหลันเยี่ยน!”

“ขอรับ!” ลั่วเจี้ยนดีใจมาก และพูดด้วยรอยยิ้ม “หากทุกคนเห็นเหรียญตรานี้คงมีความสุขมาก โดยเฉพาะท่านรองผู้บัญชาการหลัวอวี่!”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า เขารู้ว่าบรรพบุรุษของหลัวอวี่คือหลัวตงไห่ ซึ่งเป็นอันดับสองจากยี่สิบหกวีรบุรุษของหอหลิงหยุน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตหลัวอวี่คือการเป็นนายพลที่มีชื่อเสียงเฉกเช่นบรรพบุรุษ การเข้าร่วมจักรวรรดิเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ทว่าก็เป็นก้าวที่สำคัญมาก!

ใช้เวลาไม่นาน กระทรวงอุตสาหกรรมก็ลำเลียงเหรียญตราทองคำมาให้ หลินมู่อวี่เซ็นชื่อรับด้วยตนเอง หลังจากส่งคนของกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว เขาก็เปิดกล่องดู แสงสีทองพลันเปล่งประกายออกมา หลินมู่อวี่หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็พบว่าคนของกระทรวงอุตสาหกรรมมีฝีมือและชาญฉลาดมาก ตรานี้แทบไม่แตกต่างจากตราทหารทั่วไปของจักรวรรดิ ดอกจื่อยินสีทองส่องแสงแพรวพราว และบนตราสลักตัวหนังสือขนาดเล็กว่า ‘มังกรผงาด’ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่แม้แต่ทหารแห่งจักรวรรดิก็ไม่เคยได้รับ

ลั่วเจี้ยนหัวเราะปากกว้าง ก่อนจะหยิบเหรียญตราขึ้นมาติดกับชุดเกราะ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้กองทัพองครักษ์จะไม่สามารถขัดขวางกิจของเราในการเข้าออกเมืองเมืองหลวงได้อีกต่อไป!”

“ใช่”

ขณะเดียวกันเสียงล้อเกวียนก็ดังขึ้นด้านนอก ซึ่งมาจากเกวียนทั้งสิบที่ลำเลียงลูกศรมา หลินมู่อวี่รีบออกคำสั่ง “ส่งลูกศรทั้งหมดไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์!”

“ขอรับ!”

เมื่อกลับมาถึงวิหาร หลินมู่อวี่ก็ทานอาหารเย็น ก่อนจะเริ่มทำงานในสำนักงานใหญ่ของผู้ดูแลวิหาร ทหารรักษาการณ์นำลูกศรจำนวนหนึ่งเข้ามาและวางตรงหน้าหลินมู่อวี่ เมื่อเห็นลูกศรกองใหญ่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนหัว ทว่าเมื่อนึกถึงพลังของศรเศวตรมณี เขาจำเป็นต้องอดทนต่อไป ศรเศวตรมณีเหล่านี้เป็นอาวุธสังหารชั้นดีและยังสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้ ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด มันก็คุ้มค่ากับความพยายาม

หลินมู่อวี่เรียกติ่งหลอมอาวุธออกมา และนำลูกศรสี่ลูกออกมาปรับแต่งอย่างรวดเร็ว และนำแก่นเพชรสีขาววางลงบนปลายของลูกศร มันเป็นงานที่น่าเบื่อซึ่งต้องใช้แรงกายและพลังปราณ หลังจากทำกระบวนการซ้ำไปมาตลอดทั้งคืน ในที่สุดศรเศวตรมณีทั้งสองหมื่นลูกก็สำเร็จ ทว่าหลินมู่อวี่ยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมาก!

“เฮ้อ…”

เมื่อมองไปยังกองลูกศร หลินมู่อวี่พลันทรุดลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยหอบ ปราณในร่างกายเกือบทั้งหมดถูกบีบออกเพื่อใช้ในติ่งหลอม หลินมู่อวี่จำเป็นต้องพักผ่อนและอาศัยวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าดูดซับพลังทางโลก พลังงานทางจิตวิญญาณเติมเต็มปราณยุทธ์ที่ขาดหายไปอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นน้ำเต้าพลันเปล่งแสงสีทองจางๆ ห่อหุ้มร่างกายหลินมู่อวี่ราวกับเป็นรูปปั้นทองคำ หลังจากเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่สอง วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เหล่ยหงและชวีฉู่เคยกล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะได้อย่างถูกต้องว่าวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองในปัจจุบันยังคงเป็นระดับสิบหรือไม่ ทว่าแก่นแท้ของพลังอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับระดับสาม ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงของเฟิงจี้สิง และนั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง

ฌานสัมผัสจมลงในทะเลจิตอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเห็นชิ้นส่วนสีเขียวมรกตทั่วขอบฟ้า ไม่รู้ว่าครานี้ราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะปลูกผลไม้แห่งจิตวิญญาณชนิดไหนอีก หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลอยลงพื้นและพบว่าสีเขียวมรกตที่เห็นนั้นเป็นเถาวัลย์ที่เติบโตเต็มที่และมีผลไม้ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายแตงโม

หลินมู่อวี่พลันหยิบมากัดทันที น้ำผลไม้กระจายเต็มปากซึ่งมันหวานมาก!

“เฮ้ย! เจ้าหัวขโมยน้อยมาจากไหน?!”

เสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปดังขึ้นด้านหลัง หลินมู่อวี่ยิ้มโดยไม่หันกลับไปมอง “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป เจ้ายึดพื้นที่ทุ่งจิตวิญญาณของข้าเป็นไร่ของตัวเอง นึกจะปลูกแตงโมก็ปลูก นึกจะปลูกถั่วก็ปลูก นี่มันเกินไปแล้ว เจ้าไม่เคยขอความยินยอมจากข้าแม้แต่น้อย”

“ดูเจ้าพูดสิ เราไม่เคยแม้แต่ทำสัญญากันเลย?” ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเลิกคิ้ว เสื้อคลุมสีแดงเลือดด้านหลังปลิวไสวตามสายลม ขณะที่ผมยาวสีแดงเข้มถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะและถักเปียอย่างประณีตซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลามาก อาจเป็นเพราะผลผลิตในทุ่งวิญญาณที่ทำให้พลังวิญญาณของราชาปีศาจเจ็ดประทีปเริ่มสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งร่างกายของราชาปีศาจเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดและกลับเป็นราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่สง่างามอีกครั้ง

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะตกใจ “ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มเล็กน้อย “ใช่ พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าฟื้นฟูแล้วอย่างน้อยเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ข้ากำลังกลับไปเป็นเทพจักรพรรดิผู้เกรียงไกรอีกครั้ง ไก่อ่อนหลินอิจฉาหรือ?”

“อิจฉาอะไร” แม้ว่าหลินมู่อวี่จะรู้สึกอิจฉามากทว่าเขาก็หยิ่งผยองและพูดว่า “แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ แต่เจ้าก็ยังไม่มีร่างกายอยู่ดี”

“โอ้…”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “หลินมู่อวี่ ราชาปีศาจเจ็ดประทีปผู้นี้เดินทางผ่านสรวงสวรรค์ ขุมนรก และดินแดนมนุษย์มาหลายแสนปี ข้าพบเห็นร่างภาชนะมากมายนับไม่ถ้วน ทว่ามีเพียงเจ้าคนเดียวที่ข้าชื่นชม และทำให้ข้าตกตะลึงอย่างแท้จริง…ดังนั้นข้าจึงต้องการร่างของเจ้า เกรงว่าจะมีร่างกายของเจ้าเท่านั้นที่เหมาะสมกับข้ามากที่สุดจากทั้งสามโลก กระนั้นเราก็อยู่ด้วยกันมานาน และข้าไม่ต้องการเห็นวันที่เจ้าต้องกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ดังนั้นก่อนที่ข้าจะไป…ข้าจะมอบพลังเจ็ดประทีปให้ ไม่ว่าเจ้าจะเรียนรู้มันได้มากเพียงใดก็ตาม ถือว่าเป็นของขวัญจากราชาปีศาจเจ็ดประทีป”

“ด้วยเหตุอันใด? เจ้าจะจากไปแล้วหรือ?” หลินมู่อวี่ผงะและรู้สึกสูญเสียบางสิ่งในจิตใจ ใช่แล้ว…หลังจากอยู่ในแผ่นดินนี้มานาน มีคนผู้หนึ่งที่คอยช่วยเหลือเขาทุกครั้งเมื่อเผชิญกับอันตราย แม้ว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะต้องการยึดร่างหลินมู่อวี่ ทว่าผลสุดท้ายก็เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ จู่ๆ ราชาปีศาจก็พูดว่ากำลังจะจากไป ทำให้เกิดความเศร้าขึ้นในใจหลินมู่อวี่เล็กน้อย

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปอยู่ในทะเลจิตของหลินมู่อวี่ เขาจึงสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหลินมู่อวี่ได้ ราชาปีศาจยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ ปกติเจ้ามักแสดงความเหนืออำนาจเสมอ เหตุใดวันนี้จึงทำตัวอ่อนไหวราวกับหญิงสาว? นี่ไม่ใช่ไก่อ่อนหลินที่ข้ารู้จัก! เด็กน้อย เมื่อข้าฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ข้าจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงพอที่จะออกจากทะเลจิตของเจ้าและสร้างร่างเนื้อใหม่ สักวันข้าก็ต้องแยกออกไปเดินคนละเส้นทางกับเจ้า หนทางเดินของข้าคือสรวงสวรรค์อันกว้างใหญ่และเหล่าทวยเทพมากมาย ขณะที่ทางเดินของเจ้าคือโลกแห่งความโกลาหล เต็มไปด้วยม้าหุ้มเหล็กและการต่อสู้ไม่สิ้นสุด! เอาล่ะ เจ้าควรไปนอน แล้วข้าจะสอนพลังทั้งหมดให้ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะเรียนรู้มันได้หรือไม่…”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาและเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่นานแสงและเงาก็กะพริบไหวทั่วจิตใจ ทะเลแห่งดวงดารา ป่าแห่งจิตวิญญาณชั่วราย และอีกมากมายลอยผ่านห้วงความคิด ไม่นานก็มีพลังลึกลับกระทบกับจิตวิญญาณและร่างกายอย่างรุนแรง อีกทั้งยังไร้ความปรานี ราชาปีศาจเป็นเช่นนี้เสมอ หลินมู่อวี่ได้แต่นึกสงสัย…เหตุใดบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ปีศาจ’ เช่นนี้จึงเป็นเทพแห่งสวรรค์? ท้ายที่สุดหลินมู่อวี่ก็สามารถดูดซับความแข็งแกร่งของพลังเจ็ดประทีปได้ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากหากทำไม่ได้ เขาอาจต้องจ่ายมันด้วยชีวิต…

แน่นอนว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปยังคงมีความเมตตา มิเช่นนั้นพลังสะท้อนอาจรุนแรงยิ่งกว่านี้ กระนั้นก็ไม่เป็นปัญหาต่อแกนกลางพลังของหลินมู่อวี่ เนื่องจากมันแข็งแกร่งขึ้นมากจากการฝึกฝน ทว่าอย่างไรก็ตาม…หลินมู่อวี่ก็ยังคงอ่อนแอดังชื่อเรียกไก่อ่อน!

แม้ว่าหลินมู่อวี่จะหลับ แต่ความเจ็บปวดก็ชัดเจนมาก เขาอดไม่ได้ที่จะกัดฟันขมวดคิ้วและส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ขณะเดียวกันก็มีเสียง ‘โฮก…’ ร้องดังในจิตใจ เป็นเสียงร้องของมังกรผลึกโลหิตที่ได้ลงนามพันธะวิญญาณกับหลินมู่อวี่ ดังนั้นทั้งสองจึงแบ่งปันความเจ็บปวดให้แก่กัน ผลกระทบของพลังเจ็ดประทีปนั้นหนักหนาสำหรับสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้

ไม่…แท้จริงแล้วมันมีอายุหนึ่งพันปี ซึ่งไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

ในช่วงบ่ายหลินมู่อวี่กลับไปที่เรือนรับรองของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดซึ่งประจำการในเมืองหลันเยี่ยน เขาพบว่าเรือนรับรองนี้ขยายออกไปมาก มีร้านโอสถก่อตั้งด้านข้างและบ้านทรงต่ำหลายหลัง มีสนามเด็กเล่นขนาดเล็กถูกสร้างขึ้น เมื่อหลินมู่อวี่เดินเข้าไปก็เห็นทหารม้าหลายสิบนายกำลังฝึกซ้อมขี่ม้าจากระยะไกล

ผู้รับผิดชอบเรือนรับรองแห่งนี้คือหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ลั่วเจี้ยนที่ไม่ได้เจอมานาน เขาฝึกฝนวิทยายุทธ์จนสามารถทะลวงขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งขึ้นเป็นชั้นที่สอง ระดับพลังยุทธ์ของเขาดีขึ้นมาก และแววตาของลั่วเจี้ยนก็เปลี่ยนไปเมื่อเปรียบเทียบกับตอนเริ่มต้น

“ผู้บัญชาการ”

ลั่วเจี้ยนพาหลินมู่อวี่เข้ามาในเรือนรับรองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รองผู้บัญชาการหลัวอวี่ฝากมาบอกท่านหลินมู่อวี่ว่า กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดขณะนี้มีทหารฝีมือดีมากกว่าสองหมื่นนายแล้ว และพวกเขาได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี รวมทั้งมีอุปกรณ์อย่างครบครัน และหมู่บ้านหลงหยานที่ใต้ภูเขามีผู้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตลอด กระทั่งมีประชากรเกินหนึ่งแสนคน”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “พื้นที่พักอาศัยเพียงพอหรือไม่?”

“เพียงพอสำหรับตอนนี้ขอรับ ทว่าก็มีการขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ท่านหลัวอวี่ส่งทีมลาดตระเวนห้านายคอยสอดส่องหมู่บ้านตลอดเวลา การรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านหลงหยานมิได้ด้อยไปกว่าเมืองหลันเยี่ยนเลย”

“ดี! มีความจำเป็นอื่นอีกหรือไม่?”

“ขอรับ”

ลั่วเจี้ยนแตะจมูกและยิ้มเล็กน้อย “ท่านหลัวอวี่ต้องการศรเศวตรมณีเพิ่มเติม ดังนั้นจึงส่งให้ข้าไปลำเลียงลูกศรหนึ่งแสนดอก ทว่าเมื่อเกวียนทั้งสิบเล่มผ่านประตูทิศเหนือของเมืองหลันเยี่ยน ก็ถูกขัดขวางโดยกองทัพองครักษ์ และถูกพิจารณาว่าลูกศรจำนวนมากเหล่านี้เกินความจำเป็นสำหรับการฝึกวิทยายุทธ์ พวกเขาเชื่อว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดกำลังลักลอบขนส่งอุปกรณ์ทางการทหาร”

“จริงหรือ…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ข้าจะนำตราทหารไปรับลูกศรกลับมาโดยเร็ว กองทัพองครักษ์จะส่งกลับคืนอย่างแน่นอนเมื่อเห็นตราทหารนี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิทรงรับรอง”

“ขอรับ”

“มีอีกหนึ่งสิ่ง”

“สิ่งใดหรือขอรับท่านผู้บัญชาการ?”

“ข้าได้ทูลขอฝ่าบาทให้กระทรวงอุตสาหกรรมหล่อเหรียญตราจักรพรรดิสองหมื่นชิ้นให้พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด อีกไม่นานพวกเขาจะส่งเหรียญตรามาให้ เจ้านำเหรียญกลับภูเขาหลงหยานและบอกกับเหล่าพี่น้องว่า องค์จักรพรรดิทรงทราบถึงการมีอยู่ของพวกเขา และจดจำทุกคนในฐานะนักรบที่ต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ ให้พวกเขาฝึกฝนและพัฒนาประสิทธิภาพการต่อสู้อยู่เสมอ เพื่อเป็นทหารผู้แกร่งกล้าแห่งเมืองหลันเยี่ยน!”

“ขอรับ!” ลั่วเจี้ยนดีใจมาก และพูดด้วยรอยยิ้ม “หากทุกคนเห็นเหรียญตรานี้คงมีความสุขมาก โดยเฉพาะท่านรองผู้บัญชาการหลัวอวี่!”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า เขารู้ว่าบรรพบุรุษของหลัวอวี่คือหลัวตงไห่ ซึ่งเป็นอันดับสองจากยี่สิบหกวีรบุรุษของหอหลิงหยุน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตหลัวอวี่คือการเป็นนายพลที่มีชื่อเสียงเฉกเช่นบรรพบุรุษ การเข้าร่วมจักรวรรดิเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ทว่าก็เป็นก้าวที่สำคัญมาก!

ใช้เวลาไม่นาน กระทรวงอุตสาหกรรมก็ลำเลียงเหรียญตราทองคำมาให้ หลินมู่อวี่เซ็นชื่อรับด้วยตนเอง หลังจากส่งคนของกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว เขาก็เปิดกล่องดู แสงสีทองพลันเปล่งประกายออกมา หลินมู่อวี่หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็พบว่าคนของกระทรวงอุตสาหกรรมมีฝีมือและชาญฉลาดมาก ตรานี้แทบไม่แตกต่างจากตราทหารทั่วไปของจักรวรรดิ ดอกจื่อยินสีทองส่องแสงแพรวพราว และบนตราสลักตัวหนังสือขนาดเล็กว่า ‘มังกรผงาด’ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่แม้แต่ทหารแห่งจักรวรรดิก็ไม่เคยได้รับ

ลั่วเจี้ยนหัวเราะปากกว้าง ก่อนจะหยิบเหรียญตราขึ้นมาติดกับชุดเกราะ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้กองทัพองครักษ์จะไม่สามารถขัดขวางกิจของเราในการเข้าออกเมืองเมืองหลวงได้อีกต่อไป!”

“ใช่”

ขณะเดียวกันเสียงล้อเกวียนก็ดังขึ้นด้านนอก ซึ่งมาจากเกวียนทั้งสิบที่ลำเลียงลูกศรมา หลินมู่อวี่รีบออกคำสั่ง “ส่งลูกศรทั้งหมดไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์!”

“ขอรับ!”

เมื่อกลับมาถึงวิหาร หลินมู่อวี่ก็ทานอาหารเย็น ก่อนจะเริ่มทำงานในสำนักงานใหญ่ของผู้ดูแลวิหาร ทหารรักษาการณ์นำลูกศรจำนวนหนึ่งเข้ามาและวางตรงหน้าหลินมู่อวี่ เมื่อเห็นลูกศรกองใหญ่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนหัว ทว่าเมื่อนึกถึงพลังของศรเศวตรมณี เขาจำเป็นต้องอดทนต่อไป ศรเศวตรมณีเหล่านี้เป็นอาวุธสังหารชั้นดีและยังสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้ ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด มันก็คุ้มค่ากับความพยายาม

หลินมู่อวี่เรียกติ่งหลอมอาวุธออกมา และนำลูกศรสี่ลูกออกมาปรับแต่งอย่างรวดเร็ว และนำแก่นเพชรสีขาววางลงบนปลายของลูกศร มันเป็นงานที่น่าเบื่อซึ่งต้องใช้แรงกายและพลังปราณ หลังจากทำกระบวนการซ้ำไปมาตลอดทั้งคืน ในที่สุดศรเศวตรมณีทั้งสองหมื่นลูกก็สำเร็จ ทว่าหลินมู่อวี่ยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมาก!

“เฮ้อ…”

เมื่อมองไปยังกองลูกศร หลินมู่อวี่พลันทรุดลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยหอบ ปราณในร่างกายเกือบทั้งหมดถูกบีบออกเพื่อใช้ในติ่งหลอม หลินมู่อวี่จำเป็นต้องพักผ่อนและอาศัยวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าดูดซับพลังทางโลก พลังงานทางจิตวิญญาณเติมเต็มปราณยุทธ์ที่ขาดหายไปอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นน้ำเต้าพลันเปล่งแสงสีทองจางๆ ห่อหุ้มร่างกายหลินมู่อวี่ราวกับเป็นรูปปั้นทองคำ หลังจากเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่สอง วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เหล่ยหงและชวีฉู่เคยกล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะได้อย่างถูกต้องว่าวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองในปัจจุบันยังคงเป็นระดับสิบหรือไม่ ทว่าแก่นแท้ของพลังอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับระดับสาม ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงของเฟิงจี้สิง และนั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง

ฌานสัมผัสจมลงในทะเลจิตอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเห็นชิ้นส่วนสีเขียวมรกตทั่วขอบฟ้า ไม่รู้ว่าครานี้ราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะปลูกผลไม้แห่งจิตวิญญาณชนิดไหนอีก หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลอยลงพื้นและพบว่าสีเขียวมรกตที่เห็นนั้นเป็นเถาวัลย์ที่เติบโตเต็มที่และมีผลไม้ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายแตงโม

หลินมู่อวี่พลันหยิบมากัดทันที น้ำผลไม้กระจายเต็มปากซึ่งมันหวานมาก!

“เฮ้ย! เจ้าหัวขโมยน้อยมาจากไหน?!”

เสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปดังขึ้นด้านหลัง หลินมู่อวี่ยิ้มโดยไม่หันกลับไปมอง “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป เจ้ายึดพื้นที่ทุ่งจิตวิญญาณของข้าเป็นไร่ของตัวเอง นึกจะปลูกแตงโมก็ปลูก นึกจะปลูกถั่วก็ปลูก นี่มันเกินไปแล้ว เจ้าไม่เคยขอความยินยอมจากข้าแม้แต่น้อย”

“ดูเจ้าพูดสิ เราไม่เคยแม้แต่ทำสัญญากันเลย?” ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเลิกคิ้ว เสื้อคลุมสีแดงเลือดด้านหลังปลิวไสวตามสายลม ขณะที่ผมยาวสีแดงเข้มถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะและถักเปียอย่างประณีตซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลามาก อาจเป็นเพราะผลผลิตในทุ่งวิญญาณที่ทำให้พลังวิญญาณของราชาปีศาจเจ็ดประทีปเริ่มสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งร่างกายของราชาปีศาจเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดและกลับเป็นราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่สง่างามอีกครั้ง

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะตกใจ “ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มเล็กน้อย “ใช่ พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าฟื้นฟูแล้วอย่างน้อยเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ข้ากำลังกลับไปเป็นเทพจักรพรรดิผู้เกรียงไกรอีกครั้ง ไก่อ่อนหลินอิจฉาหรือ?”

“อิจฉาอะไร” แม้ว่าหลินมู่อวี่จะรู้สึกอิจฉามากทว่าเขาก็หยิ่งผยองและพูดว่า “แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ แต่เจ้าก็ยังไม่มีร่างกายอยู่ดี”

“โอ้…”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “หลินมู่อวี่ ราชาปีศาจเจ็ดประทีปผู้นี้เดินทางผ่านสรวงสวรรค์ ขุมนรก และดินแดนมนุษย์มาหลายแสนปี ข้าพบเห็นร่างภาชนะมากมายนับไม่ถ้วน ทว่ามีเพียงเจ้าคนเดียวที่ข้าชื่นชม และทำให้ข้าตกตะลึงอย่างแท้จริง…ดังนั้นข้าจึงต้องการร่างของเจ้า เกรงว่าจะมีร่างกายของเจ้าเท่านั้นที่เหมาะสมกับข้ามากที่สุดจากทั้งสามโลก กระนั้นเราก็อยู่ด้วยกันมานาน และข้าไม่ต้องการเห็นวันที่เจ้าต้องกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ดังนั้นก่อนที่ข้าจะไป…ข้าจะมอบพลังเจ็ดประทีปให้ ไม่ว่าเจ้าจะเรียนรู้มันได้มากเพียงใดก็ตาม ถือว่าเป็นของขวัญจากราชาปีศาจเจ็ดประทีป”

“ด้วยเหตุอันใด? เจ้าจะจากไปแล้วหรือ?” หลินมู่อวี่ผงะและรู้สึกสูญเสียบางสิ่งในจิตใจ ใช่แล้ว…หลังจากอยู่ในแผ่นดินนี้มานาน มีคนผู้หนึ่งที่คอยช่วยเหลือเขาทุกครั้งเมื่อเผชิญกับอันตราย แม้ว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะต้องการยึดร่างหลินมู่อวี่ ทว่าผลสุดท้ายก็เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ จู่ๆ ราชาปีศาจก็พูดว่ากำลังจะจากไป ทำให้เกิดความเศร้าขึ้นในใจหลินมู่อวี่เล็กน้อย

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปอยู่ในทะเลจิตของหลินมู่อวี่ เขาจึงสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหลินมู่อวี่ได้ ราชาปีศาจยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ ปกติเจ้ามักแสดงความเหนืออำนาจเสมอ เหตุใดวันนี้จึงทำตัวอ่อนไหวราวกับหญิงสาว? นี่ไม่ใช่ไก่อ่อนหลินที่ข้ารู้จัก! เด็กน้อย เมื่อข้าฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ข้าจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงพอที่จะออกจากทะเลจิตของเจ้าและสร้างร่างเนื้อใหม่ สักวันข้าก็ต้องแยกออกไปเดินคนละเส้นทางกับเจ้า หนทางเดินของข้าคือสรวงสวรรค์อันกว้างใหญ่และเหล่าทวยเทพมากมาย ขณะที่ทางเดินของเจ้าคือโลกแห่งความโกลาหล เต็มไปด้วยม้าหุ้มเหล็กและการต่อสู้ไม่สิ้นสุด! เอาล่ะ เจ้าควรไปนอน แล้วข้าจะสอนพลังทั้งหมดให้ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะเรียนรู้มันได้หรือไม่…”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาและเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่นานแสงและเงาก็กะพริบไหวทั่วจิตใจ ทะเลแห่งดวงดารา ป่าแห่งจิตวิญญาณชั่วราย และอีกมากมายลอยผ่านห้วงความคิด ไม่นานก็มีพลังลึกลับกระทบกับจิตวิญญาณและร่างกายอย่างรุนแรง อีกทั้งยังไร้ความปรานี ราชาปีศาจเป็นเช่นนี้เสมอ หลินมู่อวี่ได้แต่นึกสงสัย…เหตุใดบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ปีศาจ’ เช่นนี้จึงเป็นเทพแห่งสวรรค์? ท้ายที่สุดหลินมู่อวี่ก็สามารถดูดซับความแข็งแกร่งของพลังเจ็ดประทีปได้ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากหากทำไม่ได้ เขาอาจต้องจ่ายมันด้วยชีวิต…

แน่นอนว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปยังคงมีความเมตตา มิเช่นนั้นพลังสะท้อนอาจรุนแรงยิ่งกว่านี้ กระนั้นก็ไม่เป็นปัญหาต่อแกนกลางพลังของหลินมู่อวี่ เนื่องจากมันแข็งแกร่งขึ้นมากจากการฝึกฝน ทว่าอย่างไรก็ตาม…หลินมู่อวี่ก็ยังคงอ่อนแอดังชื่อเรียกไก่อ่อน!

แม้ว่าหลินมู่อวี่จะหลับ แต่ความเจ็บปวดก็ชัดเจนมาก เขาอดไม่ได้ที่จะกัดฟันขมวดคิ้วและส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ขณะเดียวกันก็มีเสียง ‘โฮก…’ ร้องดังในจิตใจ เป็นเสียงร้องของมังกรผลึกโลหิตที่ได้ลงนามพันธะวิญญาณกับหลินมู่อวี่ ดังนั้นทั้งสองจึงแบ่งปันความเจ็บปวดให้แก่กัน ผลกระทบของพลังเจ็ดประทีปนั้นหนักหนาสำหรับสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้

ไม่…แท้จริงแล้วมันมีอายุหนึ่งพันปี ซึ่งไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP.314 สรวงสวรรค์ของเหล่าเทพ

ในช่วงบ่ายหลินมู่อวี่กลับไปที่เรือนรับรองของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดซึ่งประจำการในเมืองหลันเยี่ยน เขาพบว่าเรือนรับรองนี้ขยายออกไปมาก มีร้านโอสถก่อตั้งด้านข้างและบ้านทรงต่ำหลายหลัง มีสนามเด็กเล่นขนาดเล็กถูกสร้างขึ้น เมื่อหลินมู่อวี่เดินเข้าไปก็เห็นทหารม้าหลายสิบนายกำลังฝึกซ้อมขี่ม้าจากระยะไกล

ผู้รับผิดชอบเรือนรับรองแห่งนี้คือหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ลั่วเจี้ยนที่ไม่ได้เจอมานาน เขาฝึกฝนวิทยายุทธ์จนสามารถทะลวงขอบเขตนภาชั้นที่หนึ่งขึ้นเป็นชั้นที่สอง ระดับพลังยุทธ์ของเขาดีขึ้นมาก และแววตาของลั่วเจี้ยนก็เปลี่ยนไปเมื่อเปรียบเทียบกับตอนเริ่มต้น

“ผู้บัญชาการ”

ลั่วเจี้ยนพาหลินมู่อวี่เข้ามาในเรือนรับรองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “รองผู้บัญชาการหลัวอวี่ฝากมาบอกท่านหลินมู่อวี่ว่า กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดขณะนี้มีทหารฝีมือดีมากกว่าสองหมื่นนายแล้ว และพวกเขาได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี รวมทั้งมีอุปกรณ์อย่างครบครัน และหมู่บ้านหลงหยานที่ใต้ภูเขามีผู้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตลอด กระทั่งมีประชากรเกินหนึ่งแสนคน”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “พื้นที่พักอาศัยเพียงพอหรือไม่?”

“เพียงพอสำหรับตอนนี้ขอรับ ทว่าก็มีการขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ท่านหลัวอวี่ส่งทีมลาดตระเวนห้านายคอยสอดส่องหมู่บ้านตลอดเวลา การรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านหลงหยานมิได้ด้อยไปกว่าเมืองหลันเยี่ยนเลย”

“ดี! มีความจำเป็นอื่นอีกหรือไม่?”

“ขอรับ”

ลั่วเจี้ยนแตะจมูกและยิ้มเล็กน้อย “ท่านหลัวอวี่ต้องการศรเศวตรมณีเพิ่มเติม ดังนั้นจึงส่งให้ข้าไปลำเลียงลูกศรหนึ่งแสนดอก ทว่าเมื่อเกวียนทั้งสิบเล่มผ่านประตูทิศเหนือของเมืองหลันเยี่ยน ก็ถูกขัดขวางโดยกองทัพองครักษ์ และถูกพิจารณาว่าลูกศรจำนวนมากเหล่านี้เกินความจำเป็นสำหรับการฝึกวิทยายุทธ์ พวกเขาเชื่อว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดกำลังลักลอบขนส่งอุปกรณ์ทางการทหาร”

“จริงหรือ…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ข้าจะนำตราทหารไปรับลูกศรกลับมาโดยเร็ว กองทัพองครักษ์จะส่งกลับคืนอย่างแน่นอนเมื่อเห็นตราทหารนี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิทรงรับรอง”

“ขอรับ”

“มีอีกหนึ่งสิ่ง”

“สิ่งใดหรือขอรับท่านผู้บัญชาการ?”

“ข้าได้ทูลขอฝ่าบาทให้กระทรวงอุตสาหกรรมหล่อเหรียญตราจักรพรรดิสองหมื่นชิ้นให้พวกเรากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด อีกไม่นานพวกเขาจะส่งเหรียญตรามาให้ เจ้านำเหรียญกลับภูเขาหลงหยานและบอกกับเหล่าพี่น้องว่า องค์จักรพรรดิทรงทราบถึงการมีอยู่ของพวกเขา และจดจำทุกคนในฐานะนักรบที่ต่อสู้เพื่อจักรวรรดิ ให้พวกเขาฝึกฝนและพัฒนาประสิทธิภาพการต่อสู้อยู่เสมอ เพื่อเป็นทหารผู้แกร่งกล้าแห่งเมืองหลันเยี่ยน!”

“ขอรับ!” ลั่วเจี้ยนดีใจมาก และพูดด้วยรอยยิ้ม “หากทุกคนเห็นเหรียญตรานี้คงมีความสุขมาก โดยเฉพาะท่านรองผู้บัญชาการหลัวอวี่!”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้า เขารู้ว่าบรรพบุรุษของหลัวอวี่คือหลัวตงไห่ ซึ่งเป็นอันดับสองจากยี่สิบหกวีรบุรุษของหอหลิงหยุน ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตหลัวอวี่คือการเป็นนายพลที่มีชื่อเสียงเฉกเช่นบรรพบุรุษ การเข้าร่วมจักรวรรดิเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ทว่าก็เป็นก้าวที่สำคัญมาก!

ใช้เวลาไม่นาน กระทรวงอุตสาหกรรมก็ลำเลียงเหรียญตราทองคำมาให้ หลินมู่อวี่เซ็นชื่อรับด้วยตนเอง หลังจากส่งคนของกระทรวงอุตสาหกรรมแล้ว เขาก็เปิดกล่องดู แสงสีทองพลันเปล่งประกายออกมา หลินมู่อวี่หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ ก็พบว่าคนของกระทรวงอุตสาหกรรมมีฝีมือและชาญฉลาดมาก ตรานี้แทบไม่แตกต่างจากตราทหารทั่วไปของจักรวรรดิ ดอกจื่อยินสีทองส่องแสงแพรวพราว และบนตราสลักตัวหนังสือขนาดเล็กว่า ‘มังกรผงาด’ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่แม้แต่ทหารแห่งจักรวรรดิก็ไม่เคยได้รับ

ลั่วเจี้ยนหัวเราะปากกว้าง ก่อนจะหยิบเหรียญตราขึ้นมาติดกับชุดเกราะ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนี้กองทัพองครักษ์จะไม่สามารถขัดขวางกิจของเราในการเข้าออกเมืองเมืองหลวงได้อีกต่อไป!”

“ใช่”

ขณะเดียวกันเสียงล้อเกวียนก็ดังขึ้นด้านนอก ซึ่งมาจากเกวียนทั้งสิบที่ลำเลียงลูกศรมา หลินมู่อวี่รีบออกคำสั่ง “ส่งลูกศรทั้งหมดไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์!”

“ขอรับ!”

เมื่อกลับมาถึงวิหาร หลินมู่อวี่ก็ทานอาหารเย็น ก่อนจะเริ่มทำงานในสำนักงานใหญ่ของผู้ดูแลวิหาร ทหารรักษาการณ์นำลูกศรจำนวนหนึ่งเข้ามาและวางตรงหน้าหลินมู่อวี่ เมื่อเห็นลูกศรกองใหญ่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนหัว ทว่าเมื่อนึกถึงพลังของศรเศวตรมณี เขาจำเป็นต้องอดทนต่อไป ศรเศวตรมณีเหล่านี้เป็นอาวุธสังหารชั้นดีและยังสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้ ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด มันก็คุ้มค่ากับความพยายาม

หลินมู่อวี่เรียกติ่งหลอมอาวุธออกมา และนำลูกศรสี่ลูกออกมาปรับแต่งอย่างรวดเร็ว และนำแก่นเพชรสีขาววางลงบนปลายของลูกศร มันเป็นงานที่น่าเบื่อซึ่งต้องใช้แรงกายและพลังปราณ หลังจากทำกระบวนการซ้ำไปมาตลอดทั้งคืน ในที่สุดศรเศวตรมณีทั้งสองหมื่นลูกก็สำเร็จ ทว่าหลินมู่อวี่ยังคงมีงานที่ต้องทำอีกมาก!

“เฮ้อ…”

เมื่อมองไปยังกองลูกศร หลินมู่อวี่พลันทรุดลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยหอบ ปราณในร่างกายเกือบทั้งหมดถูกบีบออกเพื่อใช้ในติ่งหลอม หลินมู่อวี่จำเป็นต้องพักผ่อนและอาศัยวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าดูดซับพลังทางโลก พลังงานทางจิตวิญญาณเติมเต็มปราณยุทธ์ที่ขาดหายไปอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้นน้ำเต้าพลันเปล่งแสงสีทองจางๆ ห่อหุ้มร่างกายหลินมู่อวี่ราวกับเป็นรูปปั้นทองคำ หลังจากเข้าสู่ขอบเขตนภาชั้นที่สอง วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดดและเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เหล่ยหงและชวีฉู่เคยกล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกแยะได้อย่างถูกต้องว่าวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าทองในปัจจุบันยังคงเป็นระดับสิบหรือไม่ ทว่าแก่นแท้ของพลังอย่างน้อยก็เทียบเท่ากับระดับสาม ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าหมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วงของเฟิงจี้สิง และนั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกสิ่ง

ฌานสัมผัสจมลงในทะเลจิตอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเห็นชิ้นส่วนสีเขียวมรกตทั่วขอบฟ้า ไม่รู้ว่าครานี้ราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะปลูกผลไม้แห่งจิตวิญญาณชนิดไหนอีก หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลอยลงพื้นและพบว่าสีเขียวมรกตที่เห็นนั้นเป็นเถาวัลย์ที่เติบโตเต็มที่และมีผลไม้ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายแตงโม

หลินมู่อวี่พลันหยิบมากัดทันที น้ำผลไม้กระจายเต็มปากซึ่งมันหวานมาก!

“เฮ้ย! เจ้าหัวขโมยน้อยมาจากไหน?!”

เสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปดังขึ้นด้านหลัง หลินมู่อวี่ยิ้มโดยไม่หันกลับไปมอง “ราชาปีศาจเจ็ดประทีป เจ้ายึดพื้นที่ทุ่งจิตวิญญาณของข้าเป็นไร่ของตัวเอง นึกจะปลูกแตงโมก็ปลูก นึกจะปลูกถั่วก็ปลูก นี่มันเกินไปแล้ว เจ้าไม่เคยขอความยินยอมจากข้าแม้แต่น้อย”

“ดูเจ้าพูดสิ เราไม่เคยแม้แต่ทำสัญญากันเลย?” ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเลิกคิ้ว เสื้อคลุมสีแดงเลือดด้านหลังปลิวไสวตามสายลม ขณะที่ผมยาวสีแดงเข้มถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะและถักเปียอย่างประณีตซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลามาก อาจเป็นเพราะผลผลิตในทุ่งวิญญาณที่ทำให้พลังวิญญาณของราชาปีศาจเจ็ดประทีปเริ่มสมบูรณ์มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งร่างกายของราชาปีศาจเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดและกลับเป็นราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่สง่างามอีกครั้ง

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะตกใจ “ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มเล็กน้อย “ใช่ พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าฟื้นฟูแล้วอย่างน้อยเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ข้ากำลังกลับไปเป็นเทพจักรพรรดิผู้เกรียงไกรอีกครั้ง ไก่อ่อนหลินอิจฉาหรือ?”

“อิจฉาอะไร” แม้ว่าหลินมู่อวี่จะรู้สึกอิจฉามากทว่าเขาก็หยิ่งผยองและพูดว่า “แม้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ แต่เจ้าก็ยังไม่มีร่างกายอยู่ดี”

“โอ้…”

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “หลินมู่อวี่ ราชาปีศาจเจ็ดประทีปผู้นี้เดินทางผ่านสรวงสวรรค์ ขุมนรก และดินแดนมนุษย์มาหลายแสนปี ข้าพบเห็นร่างภาชนะมากมายนับไม่ถ้วน ทว่ามีเพียงเจ้าคนเดียวที่ข้าชื่นชม และทำให้ข้าตกตะลึงอย่างแท้จริง…ดังนั้นข้าจึงต้องการร่างของเจ้า เกรงว่าจะมีร่างกายของเจ้าเท่านั้นที่เหมาะสมกับข้ามากที่สุดจากทั้งสามโลก กระนั้นเราก็อยู่ด้วยกันมานาน และข้าไม่ต้องการเห็นวันที่เจ้าต้องกลายเป็นวิญญาณไร้ร่าง ดังนั้นก่อนที่ข้าจะไป…ข้าจะมอบพลังเจ็ดประทีปให้ ไม่ว่าเจ้าจะเรียนรู้มันได้มากเพียงใดก็ตาม ถือว่าเป็นของขวัญจากราชาปีศาจเจ็ดประทีป”

“ด้วยเหตุอันใด? เจ้าจะจากไปแล้วหรือ?” หลินมู่อวี่ผงะและรู้สึกสูญเสียบางสิ่งในจิตใจ ใช่แล้ว…หลังจากอยู่ในแผ่นดินนี้มานาน มีคนผู้หนึ่งที่คอยช่วยเหลือเขาทุกครั้งเมื่อเผชิญกับอันตราย แม้ว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปจะต้องการยึดร่างหลินมู่อวี่ ทว่าผลสุดท้ายก็เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ จู่ๆ ราชาปีศาจก็พูดว่ากำลังจะจากไป ทำให้เกิดความเศร้าขึ้นในใจหลินมู่อวี่เล็กน้อย

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปอยู่ในทะเลจิตของหลินมู่อวี่ เขาจึงสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหลินมู่อวี่ได้ ราชาปีศาจยิ้ม “เจ้าเด็กนี่ ปกติเจ้ามักแสดงความเหนืออำนาจเสมอ เหตุใดวันนี้จึงทำตัวอ่อนไหวราวกับหญิงสาว? นี่ไม่ใช่ไก่อ่อนหลินที่ข้ารู้จัก! เด็กน้อย เมื่อข้าฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ข้าจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงพอที่จะออกจากทะเลจิตของเจ้าและสร้างร่างเนื้อใหม่ สักวันข้าก็ต้องแยกออกไปเดินคนละเส้นทางกับเจ้า หนทางเดินของข้าคือสรวงสวรรค์อันกว้างใหญ่และเหล่าทวยเทพมากมาย ขณะที่ทางเดินของเจ้าคือโลกแห่งความโกลาหล เต็มไปด้วยม้าหุ้มเหล็กและการต่อสู้ไม่สิ้นสุด! เอาล่ะ เจ้าควรไปนอน แล้วข้าจะสอนพลังทั้งหมดให้ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะเรียนรู้มันได้หรือไม่…”

“อืม…”

หลินมู่อวี่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาและเข้าสู่ห้วงนิทรา ไม่นานแสงและเงาก็กะพริบไหวทั่วจิตใจ ทะเลแห่งดวงดารา ป่าแห่งจิตวิญญาณชั่วราย และอีกมากมายลอยผ่านห้วงความคิด ไม่นานก็มีพลังลึกลับกระทบกับจิตวิญญาณและร่างกายอย่างรุนแรง อีกทั้งยังไร้ความปรานี ราชาปีศาจเป็นเช่นนี้เสมอ หลินมู่อวี่ได้แต่นึกสงสัย…เหตุใดบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ปีศาจ’ เช่นนี้จึงเป็นเทพแห่งสวรรค์? ท้ายที่สุดหลินมู่อวี่ก็สามารถดูดซับความแข็งแกร่งของพลังเจ็ดประทีปได้ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก เนื่องจากหากทำไม่ได้ เขาอาจต้องจ่ายมันด้วยชีวิต…

แน่นอนว่าราชาปีศาจเจ็ดประทีปยังคงมีความเมตตา มิเช่นนั้นพลังสะท้อนอาจรุนแรงยิ่งกว่านี้ กระนั้นก็ไม่เป็นปัญหาต่อแกนกลางพลังของหลินมู่อวี่ เนื่องจากมันแข็งแกร่งขึ้นมากจากการฝึกฝน ทว่าอย่างไรก็ตาม…หลินมู่อวี่ก็ยังคงอ่อนแอดังชื่อเรียกไก่อ่อน!

แม้ว่าหลินมู่อวี่จะหลับ แต่ความเจ็บปวดก็ชัดเจนมาก เขาอดไม่ได้ที่จะกัดฟันขมวดคิ้วและส่งเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ขณะเดียวกันก็มีเสียง ‘โฮก…’ ร้องดังในจิตใจ เป็นเสียงร้องของมังกรผลึกโลหิตที่ได้ลงนามพันธะวิญญาณกับหลินมู่อวี่ ดังนั้นทั้งสองจึงแบ่งปันความเจ็บปวดให้แก่กัน ผลกระทบของพลังเจ็ดประทีปนั้นหนักหนาสำหรับสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้

ไม่…แท้จริงแล้วมันมีอายุหนึ่งพันปี ซึ่งไม่ใช่เด็กเล็กแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+