The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 205 เหรียญตรามังกรทอง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 205 เหรียญตรามังกรทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวันถัดมา แสงอาทิตย์ยามฟ้าสางสาดส่องไปทั่วเมืองหลันเยี่ยน สะท้อนกับกำแพงที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวจนเกิดประกายระยิบระยับ หลินมู่อวี่ควบม้าเข้าเมืองตรงไปยังร้านค้าจักรวรรดิด้วยหน้าอ่อนล้า

“ท่านพี่อาอวี่!”

น้ำเสียงอันอ่อนหวานของจินเสี่ยวถังดังขึ้น แม้หลินมู่อวี่จะรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นเพียงทักษะการหว่านล้อมทางการขายของนางเท่านั้น ทว่านางก็น่ารักสมกับเป็นน้องสาวอย่างช่วยไม่ได้ เขาหัวเราะเยาะตัวเอง ช่างเป็นคนใจง่ายเสียจริง!

“ขายโอสถฝันคืนสู่สูงสุดได้ขวดละเจ็ดพันเจ็ดร้อยเหรียญทอง ทั้งหมดหนึ่งร้อยขวดเท่ากับเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นเหรียญทอง หักค่าภาษีหนึ่งในสิบ ดังนั้นท่านพี่ได้จะได้รับทั้งสิ้นเจ็ดร้อยเหรียญเพชร เชิญท่านพี่นับเจ้าค่ะ…”

กองเหรียญเพชรขนาดใหญ่สะท้อนแสงประกายวิบวับ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิช่างร่ำรวยเสียจริง เพราะเป็นร้านที่ขายตั้งแต่อาวุธชั้นยอดยันข้าวสารประทังชีวิต เท่านี้ก็พูดได้ว่าร้านค้าแห่งนี้เป็นหัวเรือใหญ่ที่ควบคุมเศรษฐกิจในเมืองหลันเยี่ยนไปกว่าครึ่ง ไม่แปลกใจที่จินเสี่ยวถังจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเมือง สาวสวยที่ใช้เวลาไปกับการปกปิดพลังและการค้าขายเสียส่วนใหญ่ หากไม่มีใครคิดต่อต้านนางหาได้สนใจผู้ใดไม่…

หลินมู่อวี่โกยเหรียญเพชรเข้าถุงสรรพสิ่งอย่างปลื้มปีติ

จินเสี่ยวถังแอบสงสัยขณะมองหลินมู่อวี่เก็บเงินของตน สายตาสะดุดเข้ากับกระบี่วิญญาณมังกรที่เขาสะพายอยู่ หล่อนเบิกตากว้างพลางเอ่ยถาม “ท่านพี่ทำอาวุธใหม่หรือเจ้าคะ?”

“อืม”

“มันชื่อว่าอะไรหรือ?”

“กระบี่วิญญาณมังกร สร้างจากศิลากระด้างหลอมรวมกับวิญญาณงูมังกรหมื่นปี”

“มันดูทรงพลังมาก…”

จินเสี่ยวถังเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่จะว่าอะไรไหม…หากเสี่ยวถังอยากลองสัมผัสมันสักหน่อย? ข้ารู้สึกได้ว่ากระบี่เล่มนี้คมมากใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“อืม แล้วเจ้าอยากจะทดสอบมันอย่างไรเล่า?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

จินเสี่ยวถังนิ่งคิดครู่หนึ่ง “ร้านค้าจักรวรรดิของเราเพิ่งได้รับโล่ที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อมาอันหนึ่ง เดี๋ยวข้าให้คนเอาโล่มาแล้ว…ลองทดสอบดาบดูได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่มีปัญหา”

จินเสี่ยวถังเปิดประตูเรียกใครบางคนด้านนอก “ลุงหวัง ช่วยสั่งให้คนขายโล่นำโล่เกราะเพลิงอันน่าทึ่งนั้นมาให้ข้าทีเจ้าค่ะ ข้าได้ยินเขาคุยโอ้อวดตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าโล่นี่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่มีอาวุธใดทำลายมันได้แม้แต่กระบี่ไร้วิญญาณ์ก็ตาม”

“ขอรับคุณหนู ข้าจะตามให้เดี๋ยวนี้! ”

ไม่นานนักลุงคนหนึ่งก็มาพร้อมกับโล่สีเพลิงในมือ เขาคือเจ้าของร้านขายโล่ที่จินเสี่ยวถังเอ่ยถึง ในวันหิมะตกชายคนนี้กลับสวมเพียงเสื้อกล้ามผ้าฝ้าย ด้วยขนหน้าอกอันรุงรังนั่นสมกับเป็นสุดยอดพ่อค้าจริงๆ เขาเดินเข้ามาพลางวางโล่ไว้กับพื้น “คุณหนูเสี่ยวถัง…เจออาวุธที่ทำลายโล่เกราะเพลิงนี้ได้แล้วหรือ? ฮ่าๆๆ ทว่าหากอาวุธนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะขอรับ ข้าไม่รับประกันว่ามันจะทนความแข็งของโล่นี้ได้!”

จินเสี่ยวถังยิ้ม “หากลุงโจวมั่นใจในโล่ถึงเพียงนี้ เรามาเดิมพันกันดีไหมเจ้าคะ?”

“เดิมพันรึ? ได้…เชิญคุณหนูเสนอมาได้เลยขอรับว่าต้องการเดิมพันสิ่งใด”

จินเสี่ยวถังกล่าวพร้อมขยิบตา “ฉะนั้นหากข้าทำลายโล่เกราะเพลิงได้ ส่วนแบ่งยอดขายโล่ข้าขอขึ้นจากหนึ่งเป็นสองในสิบ”

คนขายโล่แววตาเป็นประกาย “เช่นนั้นหากคุณหนูทำไม่สำเร็จ?”

จินเสี่ยวถังยกมือป้องปากพร้อมกับหัวเราะ “หากไม่สำเร็จ ร้านขายโล่ของท่านไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ให้ข้าเลยสักแดงเดียว สนใจหรือไม่เจ้าคะ?”

คนขายโล่เผยท่าทีพึงพอใจอย่างมาก เขายกโล่ขึ้นและกล่าว “ข้าตกลง”

หลินมู่อวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยแทรก “เช่นนั้นข้าขอวางชิปเดิมพันด้วยได้หรือไม่?”

“ชิปอะไร?”

“หากข้าทำลายโล่เกราะเพลิงนี้ได้ ท่านลุงคนขายโล่ต้องมอบสองร้อยโล่คุณภาพดีให้แก่ข้า ตกลงหรือไม่?”

หัวหน้าโจวยักคิ้ว “ตามที่เจ้าขอเลย ข้ามั่นใจในโล่ของข้า”

“เช่นนั้นโปรดถือโล่ไว้ให้มั่นและระวังเจ็บตัวนะขอรับ”

“วางใจเถิด! เข้ามา!”

หัวหน้าโจวคำรามลั่นและปล่อยปราณยุทธ์ออกมา ยืนกระชับโล่ในมืออย่างมั่นคงจนหลินมู่อวี่รู้สึกนับถือในความพยายามอยู่ลึกๆ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิแห่งนี้ช่างเต็มไปด้วยคนแข็งแกร่งเสียจริง แม้กระทั่งคนขายโล่ยังมีวิชายุทธ์อยู่ขอบเขตปฐพีขั้นสอง!

“เปรี้ยง!”

กระบี่วิญญาณมังกรเปล่งแสงประกายออกจากฝัก หลินมู่อวี่จับมันไว้ด้วยมือเดียวแล้วปล่อยพลังปราณเข้าไป ทันใดนั้นรูปลักษณ์ของงูมังกรก็ปรากฏขึ้นรอบตัวกระบี่

“อสูรวิญญาณระดับปราชญ์!” จินเสี่ยวถังอ้าปากค้าง “แสดงว่านี่เป็นอาวุธระดับปราชญ์ไม่ผิดแน่ ฮ่าๆๆ ลุงโจวต้องระวังตัวแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

หลินมู่อวี่กระโดดม้วนตัวกลางอากาศและฟันกระบี่ด้วยมือเดียว! กระบี่วิญญาณมังกรฟาดประกายแสงใส่โล่เกราะเพลิงด้วยปราณยุทธ์มหาศาล!

“ฉับ!”

เสียงคมกระบี่ตัดผ่านโล่ดังขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนที่หลินมู่อวี่จะเก็บกระบี่เข้าฝักเหมือนไม่เคยดึงมันออกมา

เพียงพริบตาเดียวโล่แกร่งก็ถูกตัดขาด หัวหน้าโจวได้แต่ยืนอึ้งกับพลังที่หลินมู่อวี่ปล่อยออกมาเมื่อครู่ นี่มันยอดฝีมือขอบเขตนภา!

โล่เกราะเพลิงแยกเป็นสองซีกร่วงลงบนพื้น หลินมู่อวี่ควบคุมพลังได้อย่างดีให้ปราณยุทธ์จากกระบี่ตัดผ่านโล่เท่านั้น มิเช่นนั้นด้วยความคมของตัวกiะบี่อาจผ่าหัวหน้าโจวเป็นสองท่อนได้ ทว่าดูเหมือนหัวหน้าโจวจะรู้สึกเหมือนถูกฟันแยกเป็นห้าส่วนแล้ว!

“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน…”

หัวหน้าโจวมองซากโล่บนพื้นอย่างไม่เชื่อในสายตา “นี่…นี่เป็นโล่ที่สร้างจากเกราะเพลิงของเต่าทมิฬหมื่นปี เหตุจึงแหลกได้ง่ายดายเพียงนี้…”

จินเสี่ยวถังตบไหล่หัวหน้าโจ “ลุงโจวเจ้าคะ ยอมรับเสียเถิดว่าลุงแพ้พนันแล้ว!”

หัวหน้าโจวพยักหน้า “แน่นอน…ทว่าข้าขอดูกระบี่ของนายท่านได้หรือไม่?”

หลินมู่อวี่กอดอกพลางส่ายหัว “ไม่มีสิ่งใดให้ท่านดูหรอก มันก็แค่กระบี่คมๆ เล่มหนึ่ง”

หลินมู่อวี่รู้ว่าตนไม่ควรเปิดกรุสมบัติให้ใครดู เหตุผลเดียวที่เขาร่วมพนันก็เพื่อช่วยจินเสี่ยวถัง แม้จะไม่อยากชักกระบี่ให้ใครเห็นก็ตาม เพราะยิ่งมีคนรู้เรื่องของกระบี่วิญญาณมังกรนี้มากเท่าไร ยิ่งเป็นผลเสียต่อเขามากเท่านั้น

“ก็ได้…”

หัวหน้าโจวเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “เช่นนั้นท่านมากับข้า ตามข้อตกลงข้าจะมอบสองร้อยโล่ให้ ข้าสงสัยจริงว่าท่านจะเอาโล่พวกนี้ไปให้ใคร?”

“ท่านส่งตรงไปยังรังอินทรีได้เลย”

“เข้าใจแล้ว”

หัวหน้าโจวตกใจอีกครั้ง “ท่าน…ท่านเป็นผูบัญชาการคนใหม่ของรังอินทรี หลินมู่อวี่ผู้ช่วยชีวิตองค์หญิงฉินอินใช่หรือไม่?

“อืม”

“ฮ่า! หากเป็นเช่นนั้นโล่ทั้งสองร้อยของข้าก็ไม่เสียของแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจไป ร้านขายโล่เล็กๆ นี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้องครักษ์อวี้หลิน”

โล่ทั้งสองร้อยถูกส่งไปยังรังอินทรีตอนค่ำ และทำการแจกจ่ายให้คนที่ยังขาดโล่ หลินมู่อวี่ที่ขึ้นชื่อว่า ‘ผู้บัญชาการจอมอู้’ ในที่สุดก็กลับฐานได้เสียที ยังดีที่มีเว่ยโฉวและเซี่ยโหวซางคอยช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ มิเช่นนั้นคงวุ่นวายกันทั้งฐานเป็นแน่

“ท่านขอรับ”

เว่ยโฉวที่อยู่ด้านข้างคำนับและเอ่ยขึ้น “หลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงเหมันตฤดู ตำหนักเจ๋อเทียนได้มอบหมายภารกิจใหม่ให้หน่วยองครักษ์อินทรี ซึ่งครั้งนี้เป็นภารกิจธรรมดาขอรับ เราต้องเข้าป่าล่ากวางเมฆาสามสิบตัวแและหนังหมาป่าวาโยห้าร้อยตัว นอกจากนั้นองค์จักรพรรดิที่กำลังเตรียมชุดเกราะพิเศษให้แก่ผู้บัญชาการองครักษ์แถบชายแดน ยังต้องการหนังจิ้งจอกหิมะอีกหนึ่งร้อยตัวขอรับ และวานนี้ข้าได้นำกองทหารเข้าไปในป่าล่ามังกรเพื่อทำภารกิจ ซึ่งตอนนี้หาหนังจิ้งจอกได้สี่สิบตัวแล้วขอรับ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เจ้าทำได้ถึงขนาดนี้เชียวรึ?”

เซี่ยโหวซางเอ่ยล้อเลียน “ทักษะธนูของท่านเว่ยโฉวนั้นสง่างามมาก ยิงร้อยทีฆ่าได้ร้อยตัว ด้วยคันศรกลืนปีศาจที่ท่านได้มอบให้ทำให้เขายิงจิ้งจอกหิมะได้ราวกับฆ่าไก่ในเล้าด้วยมีดทำครัวเลยขอรับ”

เว่ยโฉวเอ่ยขึ้นอย่างเขินอาย “เซี่ยโหวซางเจ้าก็กล่าวเกินจริงไป นี่เป็นเพราะการร่วมมือกันของทุกคนในการทำภารกิจต่างหากเล่า”

เมื่อกล่าวจบเว่ยโฉวก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “ท่านขอรับ อีกห้าวันนับจากนี้จะมีการประลองยอดฝีมือที่จัดขึ้นทุกๆ สามปี เหลือเวลาลงทะเบียนอีกไม่ถึงสามวัน ท่านจัดการแล้วหรือยังขอรับ? ข้าได้ยินมาว่าท่านเฟิงจี้สิง ท่านฉินเหลยและคนอื่นๆ ก็เข้าร่วมนะขอรับ”

“ในที่สุดการประลองยอดฝีมือก็จะเริ่มแล้วอย่างนั้นรึ?”

หลินมู่อวี่เอ่ยถาม “แล้วข้าจะไปลงทะเบียนได้ที่ไหน?”

“การประลองจัดขึ้นโดยตำหนักเจ๋อเทียน ท่านตรงไปที่ตำหนักได้เลยขอรับ การลงทะเบียนมีค่าใช้จ่ายคนละหนึ่งร้อยเหรียญทองซึ่งค่อนข้างแพง คนธรรมดาจึงไม่มีมีสิทธิเข้าร่วม ทั้งยังมีการทดสอบทางการทหารอีกจึงเป็นไปไม่ได้เลยหากคนไม่มีพื้นฐานจะเข้าไป”

“เป็นเช่นนี้เอง…” หลินมู่อวี่กล่าวต่อ “แล้วหากชนะการประลองจะได้สิ่งใดเป็นรางวัล?”

“ผู้ชนะจะได้รับ ‘เหรียญตรามังกรทอง’ มอบโดยองค์จักรพรรดิ ซึ่งมีค่าสูงกว่าเหรียญตราพยัคฆ์ ใครก็ตามที่ได้รับตรามังกรทองจะสามารถเกณฑ์ทหารหนึ่งหมื่นคนได้จากทุกมณฑลโดยแจ้งแก่ตำหนักก่อน ส่วนตัวข้ามองว่าตรามังกรทองนั้นสำคัญมากขอรับ!”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วถาม “เช่นนั้นต้องมีคนเข้าร่วมการประลองมากมายเลยใช่หรือไม่?”

“ขุนนางยอดฝีมือเลื่องชื่อหลายคนเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้รวมไปถึงผู้คนจากสิบเอ็ดมณฑล เพราะสำหรับขุนนางที่ตกอับแล้ว ตรามังกรทองที่ได้มาสามารถนำชื่อเสียงกลับมาสู่วงศ์ตระกูลได้เลยทีเดียว”

“ผู้บัญชาการเซียงอวี้เข้าร่วมหรือไม่?” หลินมู่อวี่ถาม “หากเซียงอวี้ร่วมด้วย ข้าว่าคงหมดหวังจะเอาชนะได้…”

เว่ยโฉวหัวเราะ “แต่ท่านไม่ต้องวิตกไปหรอกขอรับ ท่านผู้บัญชาการเซียงอวี้ไม่ได้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้”

“เหตุใดกัน?”

“เพราะการประลองยอดฝีมือจำกัดอายุไม่เกินสามสิบห้าปี และท่านผู้บัญชาการเซียงอวี่ก็สามสิบเจ็ดแล้ว…”

“เยี่ยมมาก! ข้าตัดสินใจแล้ว!”

หลินมู่อวี่ตบโต๊ะพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เว่ยโฉว! ไปตำหนักเจ๋อเทียนกับข้า!”

“ขอรับ!”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา 205 เหรียญตรามังกรทอง

Now you are reading The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา Chapter 205 เหรียญตรามังกรทอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในวันถัดมา แสงอาทิตย์ยามฟ้าสางสาดส่องไปทั่วเมืองหลันเยี่ยน สะท้อนกับกำแพงที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวจนเกิดประกายระยิบระยับ หลินมู่อวี่ควบม้าเข้าเมืองตรงไปยังร้านค้าจักรวรรดิด้วยหน้าอ่อนล้า

“ท่านพี่อาอวี่!”

น้ำเสียงอันอ่อนหวานของจินเสี่ยวถังดังขึ้น แม้หลินมู่อวี่จะรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นเพียงทักษะการหว่านล้อมทางการขายของนางเท่านั้น ทว่านางก็น่ารักสมกับเป็นน้องสาวอย่างช่วยไม่ได้ เขาหัวเราะเยาะตัวเอง ช่างเป็นคนใจง่ายเสียจริง!

“ขายโอสถฝันคืนสู่สูงสุดได้ขวดละเจ็ดพันเจ็ดร้อยเหรียญทอง ทั้งหมดหนึ่งร้อยขวดเท่ากับเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นเหรียญทอง หักค่าภาษีหนึ่งในสิบ ดังนั้นท่านพี่ได้จะได้รับทั้งสิ้นเจ็ดร้อยเหรียญเพชร เชิญท่านพี่นับเจ้าค่ะ…”

กองเหรียญเพชรขนาดใหญ่สะท้อนแสงประกายวิบวับ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิช่างร่ำรวยเสียจริง เพราะเป็นร้านที่ขายตั้งแต่อาวุธชั้นยอดยันข้าวสารประทังชีวิต เท่านี้ก็พูดได้ว่าร้านค้าแห่งนี้เป็นหัวเรือใหญ่ที่ควบคุมเศรษฐกิจในเมืองหลันเยี่ยนไปกว่าครึ่ง ไม่แปลกใจที่จินเสี่ยวถังจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเมือง สาวสวยที่ใช้เวลาไปกับการปกปิดพลังและการค้าขายเสียส่วนใหญ่ หากไม่มีใครคิดต่อต้านนางหาได้สนใจผู้ใดไม่…

หลินมู่อวี่โกยเหรียญเพชรเข้าถุงสรรพสิ่งอย่างปลื้มปีติ

จินเสี่ยวถังแอบสงสัยขณะมองหลินมู่อวี่เก็บเงินของตน สายตาสะดุดเข้ากับกระบี่วิญญาณมังกรที่เขาสะพายอยู่ หล่อนเบิกตากว้างพลางเอ่ยถาม “ท่านพี่ทำอาวุธใหม่หรือเจ้าคะ?”

“อืม”

“มันชื่อว่าอะไรหรือ?”

“กระบี่วิญญาณมังกร สร้างจากศิลากระด้างหลอมรวมกับวิญญาณงูมังกรหมื่นปี”

“มันดูทรงพลังมาก…”

จินเสี่ยวถังเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่จะว่าอะไรไหม…หากเสี่ยวถังอยากลองสัมผัสมันสักหน่อย? ข้ารู้สึกได้ว่ากระบี่เล่มนี้คมมากใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“อืม แล้วเจ้าอยากจะทดสอบมันอย่างไรเล่า?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

จินเสี่ยวถังนิ่งคิดครู่หนึ่ง “ร้านค้าจักรวรรดิของเราเพิ่งได้รับโล่ที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อมาอันหนึ่ง เดี๋ยวข้าให้คนเอาโล่มาแล้ว…ลองทดสอบดาบดูได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่มีปัญหา”

จินเสี่ยวถังเปิดประตูเรียกใครบางคนด้านนอก “ลุงหวัง ช่วยสั่งให้คนขายโล่นำโล่เกราะเพลิงอันน่าทึ่งนั้นมาให้ข้าทีเจ้าค่ะ ข้าได้ยินเขาคุยโอ้อวดตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าโล่นี่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่มีอาวุธใดทำลายมันได้แม้แต่กระบี่ไร้วิญญาณ์ก็ตาม”

“ขอรับคุณหนู ข้าจะตามให้เดี๋ยวนี้! ”

ไม่นานนักลุงคนหนึ่งก็มาพร้อมกับโล่สีเพลิงในมือ เขาคือเจ้าของร้านขายโล่ที่จินเสี่ยวถังเอ่ยถึง ในวันหิมะตกชายคนนี้กลับสวมเพียงเสื้อกล้ามผ้าฝ้าย ด้วยขนหน้าอกอันรุงรังนั่นสมกับเป็นสุดยอดพ่อค้าจริงๆ เขาเดินเข้ามาพลางวางโล่ไว้กับพื้น “คุณหนูเสี่ยวถัง…เจออาวุธที่ทำลายโล่เกราะเพลิงนี้ได้แล้วหรือ? ฮ่าๆๆ ทว่าหากอาวุธนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะขอรับ ข้าไม่รับประกันว่ามันจะทนความแข็งของโล่นี้ได้!”

จินเสี่ยวถังยิ้ม “หากลุงโจวมั่นใจในโล่ถึงเพียงนี้ เรามาเดิมพันกันดีไหมเจ้าคะ?”

“เดิมพันรึ? ได้…เชิญคุณหนูเสนอมาได้เลยขอรับว่าต้องการเดิมพันสิ่งใด”

จินเสี่ยวถังกล่าวพร้อมขยิบตา “ฉะนั้นหากข้าทำลายโล่เกราะเพลิงได้ ส่วนแบ่งยอดขายโล่ข้าขอขึ้นจากหนึ่งเป็นสองในสิบ”

คนขายโล่แววตาเป็นประกาย “เช่นนั้นหากคุณหนูทำไม่สำเร็จ?”

จินเสี่ยวถังยกมือป้องปากพร้อมกับหัวเราะ “หากไม่สำเร็จ ร้านขายโล่ของท่านไม่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ให้ข้าเลยสักแดงเดียว สนใจหรือไม่เจ้าคะ?”

คนขายโล่เผยท่าทีพึงพอใจอย่างมาก เขายกโล่ขึ้นและกล่าว “ข้าตกลง”

หลินมู่อวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยแทรก “เช่นนั้นข้าขอวางชิปเดิมพันด้วยได้หรือไม่?”

“ชิปอะไร?”

“หากข้าทำลายโล่เกราะเพลิงนี้ได้ ท่านลุงคนขายโล่ต้องมอบสองร้อยโล่คุณภาพดีให้แก่ข้า ตกลงหรือไม่?”

หัวหน้าโจวยักคิ้ว “ตามที่เจ้าขอเลย ข้ามั่นใจในโล่ของข้า”

“เช่นนั้นโปรดถือโล่ไว้ให้มั่นและระวังเจ็บตัวนะขอรับ”

“วางใจเถิด! เข้ามา!”

หัวหน้าโจวคำรามลั่นและปล่อยปราณยุทธ์ออกมา ยืนกระชับโล่ในมืออย่างมั่นคงจนหลินมู่อวี่รู้สึกนับถือในความพยายามอยู่ลึกๆ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิแห่งนี้ช่างเต็มไปด้วยคนแข็งแกร่งเสียจริง แม้กระทั่งคนขายโล่ยังมีวิชายุทธ์อยู่ขอบเขตปฐพีขั้นสอง!

“เปรี้ยง!”

กระบี่วิญญาณมังกรเปล่งแสงประกายออกจากฝัก หลินมู่อวี่จับมันไว้ด้วยมือเดียวแล้วปล่อยพลังปราณเข้าไป ทันใดนั้นรูปลักษณ์ของงูมังกรก็ปรากฏขึ้นรอบตัวกระบี่

“อสูรวิญญาณระดับปราชญ์!” จินเสี่ยวถังอ้าปากค้าง “แสดงว่านี่เป็นอาวุธระดับปราชญ์ไม่ผิดแน่ ฮ่าๆๆ ลุงโจวต้องระวังตัวแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

หลินมู่อวี่กระโดดม้วนตัวกลางอากาศและฟันกระบี่ด้วยมือเดียว! กระบี่วิญญาณมังกรฟาดประกายแสงใส่โล่เกราะเพลิงด้วยปราณยุทธ์มหาศาล!

“ฉับ!”

เสียงคมกระบี่ตัดผ่านโล่ดังขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนที่หลินมู่อวี่จะเก็บกระบี่เข้าฝักเหมือนไม่เคยดึงมันออกมา

เพียงพริบตาเดียวโล่แกร่งก็ถูกตัดขาด หัวหน้าโจวได้แต่ยืนอึ้งกับพลังที่หลินมู่อวี่ปล่อยออกมาเมื่อครู่ นี่มันยอดฝีมือขอบเขตนภา!

โล่เกราะเพลิงแยกเป็นสองซีกร่วงลงบนพื้น หลินมู่อวี่ควบคุมพลังได้อย่างดีให้ปราณยุทธ์จากกระบี่ตัดผ่านโล่เท่านั้น มิเช่นนั้นด้วยความคมของตัวกiะบี่อาจผ่าหัวหน้าโจวเป็นสองท่อนได้ ทว่าดูเหมือนหัวหน้าโจวจะรู้สึกเหมือนถูกฟันแยกเป็นห้าส่วนแล้ว!

“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน…”

หัวหน้าโจวมองซากโล่บนพื้นอย่างไม่เชื่อในสายตา “นี่…นี่เป็นโล่ที่สร้างจากเกราะเพลิงของเต่าทมิฬหมื่นปี เหตุจึงแหลกได้ง่ายดายเพียงนี้…”

จินเสี่ยวถังตบไหล่หัวหน้าโจ “ลุงโจวเจ้าคะ ยอมรับเสียเถิดว่าลุงแพ้พนันแล้ว!”

หัวหน้าโจวพยักหน้า “แน่นอน…ทว่าข้าขอดูกระบี่ของนายท่านได้หรือไม่?”

หลินมู่อวี่กอดอกพลางส่ายหัว “ไม่มีสิ่งใดให้ท่านดูหรอก มันก็แค่กระบี่คมๆ เล่มหนึ่ง”

หลินมู่อวี่รู้ว่าตนไม่ควรเปิดกรุสมบัติให้ใครดู เหตุผลเดียวที่เขาร่วมพนันก็เพื่อช่วยจินเสี่ยวถัง แม้จะไม่อยากชักกระบี่ให้ใครเห็นก็ตาม เพราะยิ่งมีคนรู้เรื่องของกระบี่วิญญาณมังกรนี้มากเท่าไร ยิ่งเป็นผลเสียต่อเขามากเท่านั้น

“ก็ได้…”

หัวหน้าโจวเอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “เช่นนั้นท่านมากับข้า ตามข้อตกลงข้าจะมอบสองร้อยโล่ให้ ข้าสงสัยจริงว่าท่านจะเอาโล่พวกนี้ไปให้ใคร?”

“ท่านส่งตรงไปยังรังอินทรีได้เลย”

“เข้าใจแล้ว”

หัวหน้าโจวตกใจอีกครั้ง “ท่าน…ท่านเป็นผูบัญชาการคนใหม่ของรังอินทรี หลินมู่อวี่ผู้ช่วยชีวิตองค์หญิงฉินอินใช่หรือไม่?

“อืม”

“ฮ่า! หากเป็นเช่นนั้นโล่ทั้งสองร้อยของข้าก็ไม่เสียของแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจไป ร้านขายโล่เล็กๆ นี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้องครักษ์อวี้หลิน”

โล่ทั้งสองร้อยถูกส่งไปยังรังอินทรีตอนค่ำ และทำการแจกจ่ายให้คนที่ยังขาดโล่ หลินมู่อวี่ที่ขึ้นชื่อว่า ‘ผู้บัญชาการจอมอู้’ ในที่สุดก็กลับฐานได้เสียที ยังดีที่มีเว่ยโฉวและเซี่ยโหวซางคอยช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ให้ มิเช่นนั้นคงวุ่นวายกันทั้งฐานเป็นแน่

“ท่านขอรับ”

เว่ยโฉวที่อยู่ด้านข้างคำนับและเอ่ยขึ้น “หลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวงเหมันตฤดู ตำหนักเจ๋อเทียนได้มอบหมายภารกิจใหม่ให้หน่วยองครักษ์อินทรี ซึ่งครั้งนี้เป็นภารกิจธรรมดาขอรับ เราต้องเข้าป่าล่ากวางเมฆาสามสิบตัวแและหนังหมาป่าวาโยห้าร้อยตัว นอกจากนั้นองค์จักรพรรดิที่กำลังเตรียมชุดเกราะพิเศษให้แก่ผู้บัญชาการองครักษ์แถบชายแดน ยังต้องการหนังจิ้งจอกหิมะอีกหนึ่งร้อยตัวขอรับ และวานนี้ข้าได้นำกองทหารเข้าไปในป่าล่ามังกรเพื่อทำภารกิจ ซึ่งตอนนี้หาหนังจิ้งจอกได้สี่สิบตัวแล้วขอรับ”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เจ้าทำได้ถึงขนาดนี้เชียวรึ?”

เซี่ยโหวซางเอ่ยล้อเลียน “ทักษะธนูของท่านเว่ยโฉวนั้นสง่างามมาก ยิงร้อยทีฆ่าได้ร้อยตัว ด้วยคันศรกลืนปีศาจที่ท่านได้มอบให้ทำให้เขายิงจิ้งจอกหิมะได้ราวกับฆ่าไก่ในเล้าด้วยมีดทำครัวเลยขอรับ”

เว่ยโฉวเอ่ยขึ้นอย่างเขินอาย “เซี่ยโหวซางเจ้าก็กล่าวเกินจริงไป นี่เป็นเพราะการร่วมมือกันของทุกคนในการทำภารกิจต่างหากเล่า”

เมื่อกล่าวจบเว่ยโฉวก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “ท่านขอรับ อีกห้าวันนับจากนี้จะมีการประลองยอดฝีมือที่จัดขึ้นทุกๆ สามปี เหลือเวลาลงทะเบียนอีกไม่ถึงสามวัน ท่านจัดการแล้วหรือยังขอรับ? ข้าได้ยินมาว่าท่านเฟิงจี้สิง ท่านฉินเหลยและคนอื่นๆ ก็เข้าร่วมนะขอรับ”

“ในที่สุดการประลองยอดฝีมือก็จะเริ่มแล้วอย่างนั้นรึ?”

หลินมู่อวี่เอ่ยถาม “แล้วข้าจะไปลงทะเบียนได้ที่ไหน?”

“การประลองจัดขึ้นโดยตำหนักเจ๋อเทียน ท่านตรงไปที่ตำหนักได้เลยขอรับ การลงทะเบียนมีค่าใช้จ่ายคนละหนึ่งร้อยเหรียญทองซึ่งค่อนข้างแพง คนธรรมดาจึงไม่มีมีสิทธิเข้าร่วม ทั้งยังมีการทดสอบทางการทหารอีกจึงเป็นไปไม่ได้เลยหากคนไม่มีพื้นฐานจะเข้าไป”

“เป็นเช่นนี้เอง…” หลินมู่อวี่กล่าวต่อ “แล้วหากชนะการประลองจะได้สิ่งใดเป็นรางวัล?”

“ผู้ชนะจะได้รับ ‘เหรียญตรามังกรทอง’ มอบโดยองค์จักรพรรดิ ซึ่งมีค่าสูงกว่าเหรียญตราพยัคฆ์ ใครก็ตามที่ได้รับตรามังกรทองจะสามารถเกณฑ์ทหารหนึ่งหมื่นคนได้จากทุกมณฑลโดยแจ้งแก่ตำหนักก่อน ส่วนตัวข้ามองว่าตรามังกรทองนั้นสำคัญมากขอรับ!”

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วถาม “เช่นนั้นต้องมีคนเข้าร่วมการประลองมากมายเลยใช่หรือไม่?”

“ขุนนางยอดฝีมือเลื่องชื่อหลายคนเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้รวมไปถึงผู้คนจากสิบเอ็ดมณฑล เพราะสำหรับขุนนางที่ตกอับแล้ว ตรามังกรทองที่ได้มาสามารถนำชื่อเสียงกลับมาสู่วงศ์ตระกูลได้เลยทีเดียว”

“ผู้บัญชาการเซียงอวี้เข้าร่วมหรือไม่?” หลินมู่อวี่ถาม “หากเซียงอวี้ร่วมด้วย ข้าว่าคงหมดหวังจะเอาชนะได้…”

เว่ยโฉวหัวเราะ “แต่ท่านไม่ต้องวิตกไปหรอกขอรับ ท่านผู้บัญชาการเซียงอวี้ไม่ได้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้”

“เหตุใดกัน?”

“เพราะการประลองยอดฝีมือจำกัดอายุไม่เกินสามสิบห้าปี และท่านผู้บัญชาการเซียงอวี่ก็สามสิบเจ็ดแล้ว…”

“เยี่ยมมาก! ข้าตัดสินใจแล้ว!”

หลินมู่อวี่ตบโต๊ะพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เว่ยโฉว! ไปตำหนักเจ๋อเทียนกับข้า!”

“ขอรับ!”

…………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+