[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 108 เมืองเวลลิงตันอันรกร้าง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 108 เมืองเวลลิงตันอันรกร้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะหันไปมองดอกไม้ประหลาดสีขาวตรงกลางนั้น เกาะปีศาจในตอนนี้แตกต่างกับโลกที่สงบสุขภายนอก พืชที่กลายพันธุ์ทุกชนิดในตอนนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับทุกคน ถ้ามันเป็นพืชธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่บนเกาะปีศาจแห่งนี้ พืชจำนวนมากกว่าหนึ่งในสามนั้นมีอันตรายเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณอาจมีสิทธิ์ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุได้ในทุกครั้งที่ลองสำรวจพืชชนิดใหม่

        ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการกระจายข้อมูลต่าง ๆ ไม่ได้สะดวกนัก และผู้คนยังคงมีความเห็นแก่ตัวกันอยู่บ้าง ทำให้ถึงแม้ข้อมูลบางส่วนจะได้รับการสรุปรวบรวมมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ไม่สามารถเผยแพร่ให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีคนตายจากสาเหตุนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

        ……

        หยูหานเดินเข้าไปหาดอกไม้สีขาวตรงกลางนั้นอย่างช้า ๆ

        “หยูหาน ระวังนะ!” หนิงเสวี่ยกล่าวเตือน

        “ฉันรู้แล้ว” หยูหานพยักหน้า ตอนนี้หยูหานและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ดอกไม่สีขาวตรงกลางนั้นอย่างตกตะลึงจนลืมเรื่องยุงปีศาจที่อยู่ด้านนอกไปหมดสิ้น  เป้าหมายของพวกหยูหานคือเจ้าดอกไม้มรณะ เมื่อมีความเข้าใจข้อมูลทางธรรมชาตินั่นก็ยิ่งทำให้เขาเป็นคนละเอียดมากขึ้น ในตอนที่หยูหานเปิดเผยข้อมูลของเซลล์ดัดแปลงทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นวงกว้างและในเวลาเดียวกันก็ยังได้รับความเชื่อใจจากคนมากมายอีกด้วย เขาค้นพบวิธีเก็บดอกไม้มรณะโดยบังเอิญจากคำบอกเล่าของคนที่ถูกหยูหานช่วยชีวิตไว้คนหนึ่ง เมื่อหยูหานยื่นมือซ้ายออกมา คนข้าง ๆ ก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาทันที  หยูหานหยิบขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋า แล้วดูดสารละลายขึ้นมาเล็กน้อยด้วยหลอดหยดสาร

        ในสารละลายนี้มีเส้นใยสีเขียวของพืชบางชนิดอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เพียงสิ่งที่ละเอียดอ่อน แต่นี่คือสิ่งที่พวกหยูหานได้เรียนรู้มาว่ามันสามารถปัดเป่าวิญญาณได้

        ดอกไม้มรณะ สามารถดูดซับการเติบโตของจิตวิญญาณ แต่ก็สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ด้วยเช่นกัน การจะหยิบมันด้วยมือเปล่านั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะวิญญาณที่เหลือรอดจากการดูดซับนั้นสามารถติดไปกับร่างกายมนุษย์ได้เมื่อสัมผัสมัน ถึงแม้ว่ามองดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรในระยะสั้น แต่ทุกคนที่ใช้มือสัมผัสมันโดยตรงท้ายที่สุดจะตายอย่างประหลาด  หยูหานไม่ต้องการให้ตนเองต้องตายไปแบบนั้น

        สารละลายสีขุ่นหยดลงไปบนกลีบของดอกไม้มรณะ เสียงหยดติ๋งของมันคล้ายดั่งเสียงหยดน้ำค้างในตอนเช้าที่ดังขึ้นชัดเจนในหูของทุกคน

        ทุกคนเห็นสารละลายกระจายตัวอย่างรวดเร็วบนดอกไม้มรณะ แล้วทันใดนั้นก็มีควันสีดำพุ่งมาจากด้านใต้ของดอกไม้ คาดว่าสิ่งที่ออกมานั้นคือจิตวิญญาณที่หลงเหลือจากการดูดซับของดอกไม้ จิตวิญญาณเหล่านี้ไม่ใช่ผีหรือวิญญาณแต่อย่างใด หากต้องเรียกชื่อมันจริง ๆ ล่ะก็พวกมันคือความสกปรกของวิญญาณ

        กลุ่มหยูหานถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง ด้วยเกรงว่าตนจะแปดเปื้อนสิ่งเหล่านี้

        ผ่านไประยะหนึ่ง กลุ่มควันก็ได้สลายไปจนหมด ดอกไม้มรณะดูสวยงามน่าทะนุถนอมอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ได้ ราวกับว่าดอกไม้ทั้งต้นถูกแผ่คลุมไปด้วยแสงสว่างเรืองรองอย่างไรอย่างนั้น  ภายใต้บรรยากาศมืดมนเช่นนี้  ดอกไม้สีขาวดอกเล็กนี้ดูคล้ายกับกำลังเปล่งประกายจาง ๆ อย่างโดดเดี่ยวเหนือเบ้าตาของโครงกระดูก  ดอกไม้ที่เดิมทีเป็นเพียงแค่ดอกธรรมดา ตอนนี้มันแสดงให้เห็นถึงความสวยงามที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

        นี่คือดอกไม้มรณะที่สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ตามข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วโลกอยู่ตอนนี้

        ทุกคนมองดูดอกไม้อย่างโง่งม ผ่านไปสักพัก หยูหานก็ยื่นมือไปเด็ดที่ก้านดอกไม้อย่างแผ่วเบา เมื่อหยูหานค่อย ๆ ดึงดอกไม้มรณะออกจากเบ้าตาของกะโหลกศีรษะ ก็มีเงาสีดำเงาหนึ่งลอยออกมาจากกะโหลกศีรษะนี้  ทุกคนล้วนตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หัวงูที่แขนซ้ายของหยูหานพุ่งเข้าไปกัดทันที แต่ก็ยังช้าไป เงาสีดำนั้นได้พุ่งกัดเข้าที่มือของหยูหานเสียก่อน ทำให้เขารู้สึกชาขึ้นมาทันที             

        จากนั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายแมลงปีกแข็งสีดำแดงขนาดเท่าหัวแม่มือก็บินออกไปทันที

        ชายที่ยืนอยู่ทางนั้นจึงเอียงตัวดึงมีดยาวที่เอวออกจากฝักพร้อมกับฟันลงไปบนแมลงปีกแข็งสีดำแดงนั้นจนเกิดเสียงดังเคร้ง

        แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าผลสุดท้ายมีดยาวนั้นจะหักเป็นสองท่อน เสียงกระแทกดังสนั่น แมลงตัวนั้นถูกแรงมีดกระแทกกระเด็นแล้วบินออกไปอีกครั้ง เมื่อเห็นดังนั้นคนอื่น ๆ จึงเริ่มขยับตัว และกรูเข้าไปจับเจ้าแมลงปีกแข็งตัวนั้นไว้

        “อย่าตีมันลงกับพื้น” หนิงเสวี่ยตะโกนบอกเมื่อเห็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดคิดจะตีแมลงปีกแข็งนั้นลงพื้น จากระดับความแข็งของมันที่เห็นเมื่อครู่นี้ ถ้าหากตีมันกระแทกลงกับพื้น นอกจากมันจะไม่ตายแล้ว อาจจะทำให้มันหนีออกไปได้อีกด้วย

        หลังจากไล่ล่าอย่างวุ่นวายสักพัก  เมื่อแมลงปีกแข็งบินเข้ามาหาหนิงเสวี่ย เธอจึงยื่นเล็บนิ้วชี้ข้างขวาออกไป เล็บนี้มีความยาวกว่าสิบเมตร ทั้งยังแหลมยิ่งกว่าปลายเข็มเสียอีก และทันใดนั้น รูม่านตาของหนิงเสวี่ยก็หดลงคล้ายตาแมว พร้อมกับปลายนิ้วชี้ที่พุ่งแทงออกไปทันที

        เล็บของเธอแหลมเกินกว่าสิ่งใดจะเปรียบเทียบได้ ซึ่งมันได้แทงเข้าไปในปากทะลุถึงตัวของแมลงปีกแข็งตัวนี้ทันทีดังฉึก

        แต่เมื่อแทงเข้าไป เล็บของหนิงเสวี่ยก็หลุดออกทันที และแม้ว่ามันจะถูกแทงทะลุด้วยเล็บ แต่เจ้าแมลงตัวนี้ก็ยังไม่ตาย แต่มันกลับตามมากัดเล็บโลหะประกายสีดำเงาเมทัลลิกที่หลุดไปไม่หยุด

        “หยูหาน นายโอเคไหม” ทันทีที่หนิงเสวี่ยจัดการกับแมลงปีกแข็งนี้ได้ ก็รีบไปหาหยูหานทันที

        ในตอนนี้เปียนแพทย์ในกลุ่มของหยูหานกำลังตรวจดูหยูหานอยู่ แมลงปีกแข็งดำแดงที่เติบโตมาท่ามกลางสถานที่หยั่งรากของดอกไม้มรณะ แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ดีแน่ มือซ้ายของหยูหานที่ถูกมันกัดนั้น คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา แน่นอนว่าสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือหยูหานอาจจะตาย

        แต่ขณะที่เปียนตรวจดูมือข้างซ้ายของหยูหาน เขาก็พบว่าหยูหานเหมือนจะไม่ได้รับพิษอะไรเลย

        “หยูหาน นายรู้สึกผิดปกติอะไรบ้างไหม?” เปียนถาม

        “เหมือนว่าจะไม่มีอะไรนะ” หยูหานขยับมือซ้ายดู ความรู้สึกเย็น ๆ ชา ๆ ที่มาจากบาดแผลก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม เขายังรู้สึกวาแขนซ้ายของเขาสบายดีมากอย่างแปลกประหลาด เขาขยับและกุมมือเป็นรูปหัว หัวงูก็กลับเข้ามาพันรอบโล่เต่าของเขา

        “ไม่มีอะไรจริงหรอ?”

        “ไม่เป็นอะไรจริง ๆ” หยูหานพยักหน้า

        “ทำเอาพวกเราตกใจแทบแย่ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับนายจริง ๆ ได้ยินหนิงเสวี่ยบอกว่าแขนซ้ายของนายเป็นเหมือนเสวียนอู่ (เต่าดำ เทพแห่งทิศเหนือ จากสัตว์เทพทั้งสี่ของจีน) เทพเจ้าในตำนานของจีน ช่างดูแตกต่างจริง ๆ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวชมแกมอิจฉา

        “ใช่ที่ไหน  มันก็แค่รูปลักษณ์คล้ายคลึงเท่านั้นเอง” หยูหานพูดอย่างถ่อมตัว แต่ในใจก็รู้สึกภูมิใจอยู่เล็ก ๆ แขนซ้ายของเขานั้นความจริงแล้วไม่เพียงแค่เหมือนเสวียนอู่เท่านั้น แต่พลังของมันก็แข็งแกร่งเช่นกัน หยูหานมั่นใจว่า แมลงปีกแข็งตัวเมื่อครู่ต้องมีพิษหรืออะไรบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีผลใด ๆ กับเขา  ใช่แล้ว มันไม่เพียงแต่ไม่มีผลอะไร ตรงกันข้ามหยูหานกลับรู้สึกว่าแขนซ้ายของเขาดูเหมือนจะค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นอีก

        โชคจากความหายนะ?

        ว่าแต่ มันไม่ส่งผลกระทบใด ๆ จริงเหรอ….?

        เมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าหยูหานไม่เป็นอะไร ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็มีคนไปเก็บแมลงปีกแข็งตัวนั้นกับดอกไม้มรณะอย่างระมัดระวัง เมื่อหนิงเสวี่ยเห็นว่าหยูหานไม่เป็นอะไรเธอก็สบายใจ เธอแอบอิงอยู่ข้าง ๆ หยูหานเหมือนกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แม้ว่าจะเพิ่งมีฉากโจมตีจากเล็บที่แหลมเฉียบคมของเธอเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ก็ตาม

        หยูหานเห็นหนิงเสวี่ยเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกถึงความรักที่ขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างห้ามไม่ได้  พวกเขาผ่านอะไรต่าง ๆ มาด้วยกันอย่างเนิ่นนาน หยูหานสามารถพูดได้ว่าเขาได้หลงรักหนิงเสวี่ยที่ติดตามเขามาตลอดเข้าแล้วจริง ๆ และหนิงเสวี่ยก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมานี้ เธอไม่ใช่ดอกไม้สีขาวที่อ่อนแออีกต่อไป เมื่อถึงเวลาต่อสู้เธอมีทั้งความสงบนิ่งและเฉียบคม แต่หลังจากการต่อสู้ เธอก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนและเชื่อฟังได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หยูหานชอบเธอมาก

        “ฉันบอกว่าพวกนายอย่ามาแสดงความรักกันที่นี่จะได้ไหมนะ” คนข้าง ๆ พูดแซว

        “ถ้าพวกนายไม่พอใจ ก็ไปหาภรรยาของตัวเองซะสิ” หยูหานยิ้มอย่างเย่อหยิ่งเล็กน้อย คนอื่นไม่ได้รู้สึกว่าหยูหานเย่อหยิ่งแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกว่าหยูหานในตอนนี้อยู่ในภาวะผู้นำแล้ว

       ————————————

       นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากข้อมูลที่สมบูรณ์ของหยูหาน เพราะพวกไป๋อี้ไม่รู้ว่าจะต้องเก็บดอกไม้มรณะอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยวางเรื่องดอกไม้ดอกเล็กกับใหญ่สองดอกนั้นไปแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เป้าหมายที่พวกไป๋อี้มาที่นี่ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้ แต่พวกเขามาเพื่อฆ่าหยูหาน

            เพียงแต่ถึงจะรู้ว่าหยูหานมาที่เวลลิงตัน แต่คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีผีสิงอยู่ แม้ว่าจู่ ๆ โม่โม่จะสามารถมองเห็นผีได้ และไม่ได้มีอะไรวุ่นวายเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศของที่แห่งนี้ก็ไม่พึงประสงค์สักเท่าไหร่ ไม่เพียงแต่รู้สึกอึมครึมเศร้าหมองเท่านั้น  จะพูดอย่างไรดีล่ะ ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน  สัญชาติญาณของร่างกายก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที

        “ฉันจะขึ้นไปดูจากบนฟ้า” เฮลัวส์พูด

        “อืม” ไป๋อี้พยักหน้า

        เฮลัวส์กางปีกและบินขึ้นไป สูงขึ้นและสูงขึ้น เดิมทีเธอคิดว่ายิ่งบินไปสูงจะได้สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น แต่หลังจากบินมาถึงข้างบนแล้ว ข้างล่างก็ยิ่งดูเลือนลางมากขึ้นทุกที  เมฆดคล้ายกับเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เงาของดวงอาทิตย์ก็หายไปด้วยเช่นกัน

        มันผิดปกติจริง ๆ!

        เวลลิงตันเคยเป็นเมืองหลวงของนิวซีแลนด์เลยนะ ไม่น่าจะมีพวกผีอะไรแบบนี้โผล่ออกมา เซลล์ดัดแปลงจะส่งผลต่อภูมิประเทศได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ? คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เฮลัวส์คิดในใจแล้วจึงบินลงไป แต่เมื่อบินลงมาเฮลัวส์ก็ได้แต่ตกตะลึง …… เธอบินตรงขึ้นไปจากจุดที่เธอยืน แต่แล้วตอนนี้พวกไป๋อี้ล่ะ

        ไม่ใช่สิ ทิวทัศน์ที่นี่กับก่อนหน้านี้มันไม่เหมือนกันเลย เธอบินมาผิดที่เหรอ?

        ทางพวกไป๋อี้เองก็รอกันสักพักแล้ว แต่เฮลัวส์ยังไม่ลงมา พวกเขาจึงรับรู้ได้ว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ แววตาของไป๋อี้ทอประกายความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงเริ่มเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่านิยายผีก็มักจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน เหมือนจะเรียกว่าผีบังตา?

        “โมโม่ อีกเดี๋ยวถ้าเจอผีตัวอื่น ให้บอกนะ แล้วถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเวลลิงตันด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ถามว่าเฮลัวส์อยู่ที่ไหนแล้ว” ไป๋อี้พูดกับโม่โม่

        “ค่ะ”

        “เกิดอะไรขึ้นกับเฮลัวส์?” วูล์ฟถาม

        “เวลลิงตันในตอนนี้เป็นเมืองร้าง เฮลัวส์อาจจะเจออะไรบางอย่างและทำให้พลัดหลงจากพวกเราโดยไม่ตั้งใจ หลังจากนี้พวกเราก็ระวังตัวกันหน่อย โชคดีที่โม่โม่มองเห็นผีได้ มันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายมาก” ไป๋อี้อธิบายช้า ๆ

         

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 108 เมืองเวลลิงตันอันรกร้าง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 108 เมืองเวลลิงตันอันรกร้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะหันไปมองดอกไม้ประหลาดสีขาวตรงกลางนั้น เกาะปีศาจในตอนนี้แตกต่างกับโลกที่สงบสุขภายนอก พืชที่กลายพันธุ์ทุกชนิดในตอนนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับทุกคน ถ้ามันเป็นพืชธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่บนเกาะปีศาจแห่งนี้ พืชจำนวนมากกว่าหนึ่งในสามนั้นมีอันตรายเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณอาจมีสิทธิ์ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุได้ในทุกครั้งที่ลองสำรวจพืชชนิดใหม่

        ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการกระจายข้อมูลต่าง ๆ ไม่ได้สะดวกนัก และผู้คนยังคงมีความเห็นแก่ตัวกันอยู่บ้าง ทำให้ถึงแม้ข้อมูลบางส่วนจะได้รับการสรุปรวบรวมมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ไม่สามารถเผยแพร่ให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีคนตายจากสาเหตุนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

        ……

        หยูหานเดินเข้าไปหาดอกไม้สีขาวตรงกลางนั้นอย่างช้า ๆ

        “หยูหาน ระวังนะ!” หนิงเสวี่ยกล่าวเตือน

        “ฉันรู้แล้ว” หยูหานพยักหน้า ตอนนี้หยูหานและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ดอกไม่สีขาวตรงกลางนั้นอย่างตกตะลึงจนลืมเรื่องยุงปีศาจที่อยู่ด้านนอกไปหมดสิ้น  เป้าหมายของพวกหยูหานคือเจ้าดอกไม้มรณะ เมื่อมีความเข้าใจข้อมูลทางธรรมชาตินั่นก็ยิ่งทำให้เขาเป็นคนละเอียดมากขึ้น ในตอนที่หยูหานเปิดเผยข้อมูลของเซลล์ดัดแปลงทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นวงกว้างและในเวลาเดียวกันก็ยังได้รับความเชื่อใจจากคนมากมายอีกด้วย เขาค้นพบวิธีเก็บดอกไม้มรณะโดยบังเอิญจากคำบอกเล่าของคนที่ถูกหยูหานช่วยชีวิตไว้คนหนึ่ง เมื่อหยูหานยื่นมือซ้ายออกมา คนข้าง ๆ ก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาทันที  หยูหานหยิบขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋า แล้วดูดสารละลายขึ้นมาเล็กน้อยด้วยหลอดหยดสาร

        ในสารละลายนี้มีเส้นใยสีเขียวของพืชบางชนิดอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เพียงสิ่งที่ละเอียดอ่อน แต่นี่คือสิ่งที่พวกหยูหานได้เรียนรู้มาว่ามันสามารถปัดเป่าวิญญาณได้

        ดอกไม้มรณะ สามารถดูดซับการเติบโตของจิตวิญญาณ แต่ก็สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ด้วยเช่นกัน การจะหยิบมันด้วยมือเปล่านั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะวิญญาณที่เหลือรอดจากการดูดซับนั้นสามารถติดไปกับร่างกายมนุษย์ได้เมื่อสัมผัสมัน ถึงแม้ว่ามองดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรในระยะสั้น แต่ทุกคนที่ใช้มือสัมผัสมันโดยตรงท้ายที่สุดจะตายอย่างประหลาด  หยูหานไม่ต้องการให้ตนเองต้องตายไปแบบนั้น

        สารละลายสีขุ่นหยดลงไปบนกลีบของดอกไม้มรณะ เสียงหยดติ๋งของมันคล้ายดั่งเสียงหยดน้ำค้างในตอนเช้าที่ดังขึ้นชัดเจนในหูของทุกคน

        ทุกคนเห็นสารละลายกระจายตัวอย่างรวดเร็วบนดอกไม้มรณะ แล้วทันใดนั้นก็มีควันสีดำพุ่งมาจากด้านใต้ของดอกไม้ คาดว่าสิ่งที่ออกมานั้นคือจิตวิญญาณที่หลงเหลือจากการดูดซับของดอกไม้ จิตวิญญาณเหล่านี้ไม่ใช่ผีหรือวิญญาณแต่อย่างใด หากต้องเรียกชื่อมันจริง ๆ ล่ะก็พวกมันคือความสกปรกของวิญญาณ

        กลุ่มหยูหานถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง ด้วยเกรงว่าตนจะแปดเปื้อนสิ่งเหล่านี้

        ผ่านไประยะหนึ่ง กลุ่มควันก็ได้สลายไปจนหมด ดอกไม้มรณะดูสวยงามน่าทะนุถนอมอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ได้ ราวกับว่าดอกไม้ทั้งต้นถูกแผ่คลุมไปด้วยแสงสว่างเรืองรองอย่างไรอย่างนั้น  ภายใต้บรรยากาศมืดมนเช่นนี้  ดอกไม้สีขาวดอกเล็กนี้ดูคล้ายกับกำลังเปล่งประกายจาง ๆ อย่างโดดเดี่ยวเหนือเบ้าตาของโครงกระดูก  ดอกไม้ที่เดิมทีเป็นเพียงแค่ดอกธรรมดา ตอนนี้มันแสดงให้เห็นถึงความสวยงามที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

        นี่คือดอกไม้มรณะที่สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ตามข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วโลกอยู่ตอนนี้

        ทุกคนมองดูดอกไม้อย่างโง่งม ผ่านไปสักพัก หยูหานก็ยื่นมือไปเด็ดที่ก้านดอกไม้อย่างแผ่วเบา เมื่อหยูหานค่อย ๆ ดึงดอกไม้มรณะออกจากเบ้าตาของกะโหลกศีรษะ ก็มีเงาสีดำเงาหนึ่งลอยออกมาจากกะโหลกศีรษะนี้  ทุกคนล้วนตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หัวงูที่แขนซ้ายของหยูหานพุ่งเข้าไปกัดทันที แต่ก็ยังช้าไป เงาสีดำนั้นได้พุ่งกัดเข้าที่มือของหยูหานเสียก่อน ทำให้เขารู้สึกชาขึ้นมาทันที             

        จากนั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายแมลงปีกแข็งสีดำแดงขนาดเท่าหัวแม่มือก็บินออกไปทันที

        ชายที่ยืนอยู่ทางนั้นจึงเอียงตัวดึงมีดยาวที่เอวออกจากฝักพร้อมกับฟันลงไปบนแมลงปีกแข็งสีดำแดงนั้นจนเกิดเสียงดังเคร้ง

        แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าผลสุดท้ายมีดยาวนั้นจะหักเป็นสองท่อน เสียงกระแทกดังสนั่น แมลงตัวนั้นถูกแรงมีดกระแทกกระเด็นแล้วบินออกไปอีกครั้ง เมื่อเห็นดังนั้นคนอื่น ๆ จึงเริ่มขยับตัว และกรูเข้าไปจับเจ้าแมลงปีกแข็งตัวนั้นไว้

        “อย่าตีมันลงกับพื้น” หนิงเสวี่ยตะโกนบอกเมื่อเห็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดคิดจะตีแมลงปีกแข็งนั้นลงพื้น จากระดับความแข็งของมันที่เห็นเมื่อครู่นี้ ถ้าหากตีมันกระแทกลงกับพื้น นอกจากมันจะไม่ตายแล้ว อาจจะทำให้มันหนีออกไปได้อีกด้วย

        หลังจากไล่ล่าอย่างวุ่นวายสักพัก  เมื่อแมลงปีกแข็งบินเข้ามาหาหนิงเสวี่ย เธอจึงยื่นเล็บนิ้วชี้ข้างขวาออกไป เล็บนี้มีความยาวกว่าสิบเมตร ทั้งยังแหลมยิ่งกว่าปลายเข็มเสียอีก และทันใดนั้น รูม่านตาของหนิงเสวี่ยก็หดลงคล้ายตาแมว พร้อมกับปลายนิ้วชี้ที่พุ่งแทงออกไปทันที

        เล็บของเธอแหลมเกินกว่าสิ่งใดจะเปรียบเทียบได้ ซึ่งมันได้แทงเข้าไปในปากทะลุถึงตัวของแมลงปีกแข็งตัวนี้ทันทีดังฉึก

        แต่เมื่อแทงเข้าไป เล็บของหนิงเสวี่ยก็หลุดออกทันที และแม้ว่ามันจะถูกแทงทะลุด้วยเล็บ แต่เจ้าแมลงตัวนี้ก็ยังไม่ตาย แต่มันกลับตามมากัดเล็บโลหะประกายสีดำเงาเมทัลลิกที่หลุดไปไม่หยุด

        “หยูหาน นายโอเคไหม” ทันทีที่หนิงเสวี่ยจัดการกับแมลงปีกแข็งนี้ได้ ก็รีบไปหาหยูหานทันที

        ในตอนนี้เปียนแพทย์ในกลุ่มของหยูหานกำลังตรวจดูหยูหานอยู่ แมลงปีกแข็งดำแดงที่เติบโตมาท่ามกลางสถานที่หยั่งรากของดอกไม้มรณะ แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ดีแน่ มือซ้ายของหยูหานที่ถูกมันกัดนั้น คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา แน่นอนว่าสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือหยูหานอาจจะตาย

        แต่ขณะที่เปียนตรวจดูมือข้างซ้ายของหยูหาน เขาก็พบว่าหยูหานเหมือนจะไม่ได้รับพิษอะไรเลย

        “หยูหาน นายรู้สึกผิดปกติอะไรบ้างไหม?” เปียนถาม

        “เหมือนว่าจะไม่มีอะไรนะ” หยูหานขยับมือซ้ายดู ความรู้สึกเย็น ๆ ชา ๆ ที่มาจากบาดแผลก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม เขายังรู้สึกวาแขนซ้ายของเขาสบายดีมากอย่างแปลกประหลาด เขาขยับและกุมมือเป็นรูปหัว หัวงูก็กลับเข้ามาพันรอบโล่เต่าของเขา

        “ไม่มีอะไรจริงหรอ?”

        “ไม่เป็นอะไรจริง ๆ” หยูหานพยักหน้า

        “ทำเอาพวกเราตกใจแทบแย่ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับนายจริง ๆ ได้ยินหนิงเสวี่ยบอกว่าแขนซ้ายของนายเป็นเหมือนเสวียนอู่ (เต่าดำ เทพแห่งทิศเหนือ จากสัตว์เทพทั้งสี่ของจีน) เทพเจ้าในตำนานของจีน ช่างดูแตกต่างจริง ๆ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวชมแกมอิจฉา

        “ใช่ที่ไหน  มันก็แค่รูปลักษณ์คล้ายคลึงเท่านั้นเอง” หยูหานพูดอย่างถ่อมตัว แต่ในใจก็รู้สึกภูมิใจอยู่เล็ก ๆ แขนซ้ายของเขานั้นความจริงแล้วไม่เพียงแค่เหมือนเสวียนอู่เท่านั้น แต่พลังของมันก็แข็งแกร่งเช่นกัน หยูหานมั่นใจว่า แมลงปีกแข็งตัวเมื่อครู่ต้องมีพิษหรืออะไรบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีผลใด ๆ กับเขา  ใช่แล้ว มันไม่เพียงแต่ไม่มีผลอะไร ตรงกันข้ามหยูหานกลับรู้สึกว่าแขนซ้ายของเขาดูเหมือนจะค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นอีก

        โชคจากความหายนะ?

        ว่าแต่ มันไม่ส่งผลกระทบใด ๆ จริงเหรอ….?

        เมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าหยูหานไม่เป็นอะไร ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็มีคนไปเก็บแมลงปีกแข็งตัวนั้นกับดอกไม้มรณะอย่างระมัดระวัง เมื่อหนิงเสวี่ยเห็นว่าหยูหานไม่เป็นอะไรเธอก็สบายใจ เธอแอบอิงอยู่ข้าง ๆ หยูหานเหมือนกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แม้ว่าจะเพิ่งมีฉากโจมตีจากเล็บที่แหลมเฉียบคมของเธอเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ก็ตาม

        หยูหานเห็นหนิงเสวี่ยเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกถึงความรักที่ขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างห้ามไม่ได้  พวกเขาผ่านอะไรต่าง ๆ มาด้วยกันอย่างเนิ่นนาน หยูหานสามารถพูดได้ว่าเขาได้หลงรักหนิงเสวี่ยที่ติดตามเขามาตลอดเข้าแล้วจริง ๆ และหนิงเสวี่ยก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมานี้ เธอไม่ใช่ดอกไม้สีขาวที่อ่อนแออีกต่อไป เมื่อถึงเวลาต่อสู้เธอมีทั้งความสงบนิ่งและเฉียบคม แต่หลังจากการต่อสู้ เธอก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนและเชื่อฟังได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หยูหานชอบเธอมาก

        “ฉันบอกว่าพวกนายอย่ามาแสดงความรักกันที่นี่จะได้ไหมนะ” คนข้าง ๆ พูดแซว

        “ถ้าพวกนายไม่พอใจ ก็ไปหาภรรยาของตัวเองซะสิ” หยูหานยิ้มอย่างเย่อหยิ่งเล็กน้อย คนอื่นไม่ได้รู้สึกว่าหยูหานเย่อหยิ่งแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกว่าหยูหานในตอนนี้อยู่ในภาวะผู้นำแล้ว

       ————————————

       นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากข้อมูลที่สมบูรณ์ของหยูหาน เพราะพวกไป๋อี้ไม่รู้ว่าจะต้องเก็บดอกไม้มรณะอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยวางเรื่องดอกไม้ดอกเล็กกับใหญ่สองดอกนั้นไปแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เป้าหมายที่พวกไป๋อี้มาที่นี่ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้ แต่พวกเขามาเพื่อฆ่าหยูหาน

            เพียงแต่ถึงจะรู้ว่าหยูหานมาที่เวลลิงตัน แต่คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีผีสิงอยู่ แม้ว่าจู่ ๆ โม่โม่จะสามารถมองเห็นผีได้ และไม่ได้มีอะไรวุ่นวายเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศของที่แห่งนี้ก็ไม่พึงประสงค์สักเท่าไหร่ ไม่เพียงแต่รู้สึกอึมครึมเศร้าหมองเท่านั้น  จะพูดอย่างไรดีล่ะ ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน  สัญชาติญาณของร่างกายก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที

        “ฉันจะขึ้นไปดูจากบนฟ้า” เฮลัวส์พูด

        “อืม” ไป๋อี้พยักหน้า

        เฮลัวส์กางปีกและบินขึ้นไป สูงขึ้นและสูงขึ้น เดิมทีเธอคิดว่ายิ่งบินไปสูงจะได้สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น แต่หลังจากบินมาถึงข้างบนแล้ว ข้างล่างก็ยิ่งดูเลือนลางมากขึ้นทุกที  เมฆดคล้ายกับเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เงาของดวงอาทิตย์ก็หายไปด้วยเช่นกัน

        มันผิดปกติจริง ๆ!

        เวลลิงตันเคยเป็นเมืองหลวงของนิวซีแลนด์เลยนะ ไม่น่าจะมีพวกผีอะไรแบบนี้โผล่ออกมา เซลล์ดัดแปลงจะส่งผลต่อภูมิประเทศได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ? คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เฮลัวส์คิดในใจแล้วจึงบินลงไป แต่เมื่อบินลงมาเฮลัวส์ก็ได้แต่ตกตะลึง …… เธอบินตรงขึ้นไปจากจุดที่เธอยืน แต่แล้วตอนนี้พวกไป๋อี้ล่ะ

        ไม่ใช่สิ ทิวทัศน์ที่นี่กับก่อนหน้านี้มันไม่เหมือนกันเลย เธอบินมาผิดที่เหรอ?

        ทางพวกไป๋อี้เองก็รอกันสักพักแล้ว แต่เฮลัวส์ยังไม่ลงมา พวกเขาจึงรับรู้ได้ว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ แววตาของไป๋อี้ทอประกายความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงเริ่มเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่านิยายผีก็มักจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน เหมือนจะเรียกว่าผีบังตา?

        “โมโม่ อีกเดี๋ยวถ้าเจอผีตัวอื่น ให้บอกนะ แล้วถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเวลลิงตันด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ถามว่าเฮลัวส์อยู่ที่ไหนแล้ว” ไป๋อี้พูดกับโม่โม่

        “ค่ะ”

        “เกิดอะไรขึ้นกับเฮลัวส์?” วูล์ฟถาม

        “เวลลิงตันในตอนนี้เป็นเมืองร้าง เฮลัวส์อาจจะเจออะไรบางอย่างและทำให้พลัดหลงจากพวกเราโดยไม่ตั้งใจ หลังจากนี้พวกเราก็ระวังตัวกันหน่อย โชคดีที่โม่โม่มองเห็นผีได้ มันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายมาก” ไป๋อี้อธิบายช้า ๆ

         

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 108 เมืองเวลลิงตันอันรกร้าง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 108 เมืองเวลลิงตันอันรกร้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะหันไปมองดอกไม้ประหลาดสีขาวตรงกลางนั้น เกาะปีศาจในตอนนี้แตกต่างกับโลกที่สงบสุขภายนอก พืชที่กลายพันธุ์ทุกชนิดในตอนนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับทุกคน ถ้ามันเป็นพืชธรรมดาก็ไม่เป็นไร แต่บนเกาะปีศาจแห่งนี้ พืชจำนวนมากกว่าหนึ่งในสามนั้นมีอันตรายเป็นอย่างมาก ซึ่งคุณอาจมีสิทธิ์ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุได้ในทุกครั้งที่ลองสำรวจพืชชนิดใหม่

        ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากการกระจายข้อมูลต่าง ๆ ไม่ได้สะดวกนัก และผู้คนยังคงมีความเห็นแก่ตัวกันอยู่บ้าง ทำให้ถึงแม้ข้อมูลบางส่วนจะได้รับการสรุปรวบรวมมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ไม่สามารถเผยแพร่ให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มีคนตายจากสาเหตุนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ

        ……

        หยูหานเดินเข้าไปหาดอกไม้สีขาวตรงกลางนั้นอย่างช้า ๆ

        “หยูหาน ระวังนะ!” หนิงเสวี่ยกล่าวเตือน

        “ฉันรู้แล้ว” หยูหานพยักหน้า ตอนนี้หยูหานและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ดอกไม่สีขาวตรงกลางนั้นอย่างตกตะลึงจนลืมเรื่องยุงปีศาจที่อยู่ด้านนอกไปหมดสิ้น  เป้าหมายของพวกหยูหานคือเจ้าดอกไม้มรณะ เมื่อมีความเข้าใจข้อมูลทางธรรมชาตินั่นก็ยิ่งทำให้เขาเป็นคนละเอียดมากขึ้น ในตอนที่หยูหานเปิดเผยข้อมูลของเซลล์ดัดแปลงทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นวงกว้างและในเวลาเดียวกันก็ยังได้รับความเชื่อใจจากคนมากมายอีกด้วย เขาค้นพบวิธีเก็บดอกไม้มรณะโดยบังเอิญจากคำบอกเล่าของคนที่ถูกหยูหานช่วยชีวิตไว้คนหนึ่ง เมื่อหยูหานยื่นมือซ้ายออกมา คนข้าง ๆ ก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาทันที  หยูหานหยิบขวดเล็กๆออกมาจากกระเป๋า แล้วดูดสารละลายขึ้นมาเล็กน้อยด้วยหลอดหยดสาร

        ในสารละลายนี้มีเส้นใยสีเขียวของพืชบางชนิดอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เพียงสิ่งที่ละเอียดอ่อน แต่นี่คือสิ่งที่พวกหยูหานได้เรียนรู้มาว่ามันสามารถปัดเป่าวิญญาณได้

        ดอกไม้มรณะ สามารถดูดซับการเติบโตของจิตวิญญาณ แต่ก็สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ด้วยเช่นกัน การจะหยิบมันด้วยมือเปล่านั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะวิญญาณที่เหลือรอดจากการดูดซับนั้นสามารถติดไปกับร่างกายมนุษย์ได้เมื่อสัมผัสมัน ถึงแม้ว่ามองดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรในระยะสั้น แต่ทุกคนที่ใช้มือสัมผัสมันโดยตรงท้ายที่สุดจะตายอย่างประหลาด  หยูหานไม่ต้องการให้ตนเองต้องตายไปแบบนั้น

        สารละลายสีขุ่นหยดลงไปบนกลีบของดอกไม้มรณะ เสียงหยดติ๋งของมันคล้ายดั่งเสียงหยดน้ำค้างในตอนเช้าที่ดังขึ้นชัดเจนในหูของทุกคน

        ทุกคนเห็นสารละลายกระจายตัวอย่างรวดเร็วบนดอกไม้มรณะ แล้วทันใดนั้นก็มีควันสีดำพุ่งมาจากด้านใต้ของดอกไม้ คาดว่าสิ่งที่ออกมานั้นคือจิตวิญญาณที่หลงเหลือจากการดูดซับของดอกไม้ จิตวิญญาณเหล่านี้ไม่ใช่ผีหรือวิญญาณแต่อย่างใด หากต้องเรียกชื่อมันจริง ๆ ล่ะก็พวกมันคือความสกปรกของวิญญาณ

        กลุ่มหยูหานถอยหลังออกมาก้าวหนึ่ง ด้วยเกรงว่าตนจะแปดเปื้อนสิ่งเหล่านี้

        ผ่านไประยะหนึ่ง กลุ่มควันก็ได้สลายไปจนหมด ดอกไม้มรณะดูสวยงามน่าทะนุถนอมอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ได้ ราวกับว่าดอกไม้ทั้งต้นถูกแผ่คลุมไปด้วยแสงสว่างเรืองรองอย่างไรอย่างนั้น  ภายใต้บรรยากาศมืดมนเช่นนี้  ดอกไม้สีขาวดอกเล็กนี้ดูคล้ายกับกำลังเปล่งประกายจาง ๆ อย่างโดดเดี่ยวเหนือเบ้าตาของโครงกระดูก  ดอกไม้ที่เดิมทีเป็นเพียงแค่ดอกธรรมดา ตอนนี้มันแสดงให้เห็นถึงความสวยงามที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

        นี่คือดอกไม้มรณะที่สามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้ตามข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วโลกอยู่ตอนนี้

        ทุกคนมองดูดอกไม้อย่างโง่งม ผ่านไปสักพัก หยูหานก็ยื่นมือไปเด็ดที่ก้านดอกไม้อย่างแผ่วเบา เมื่อหยูหานค่อย ๆ ดึงดอกไม้มรณะออกจากเบ้าตาของกะโหลกศีรษะ ก็มีเงาสีดำเงาหนึ่งลอยออกมาจากกะโหลกศีรษะนี้  ทุกคนล้วนตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หัวงูที่แขนซ้ายของหยูหานพุ่งเข้าไปกัดทันที แต่ก็ยังช้าไป เงาสีดำนั้นได้พุ่งกัดเข้าที่มือของหยูหานเสียก่อน ทำให้เขารู้สึกชาขึ้นมาทันที             

        จากนั้นเจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายแมลงปีกแข็งสีดำแดงขนาดเท่าหัวแม่มือก็บินออกไปทันที

        ชายที่ยืนอยู่ทางนั้นจึงเอียงตัวดึงมีดยาวที่เอวออกจากฝักพร้อมกับฟันลงไปบนแมลงปีกแข็งสีดำแดงนั้นจนเกิดเสียงดังเคร้ง

        แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าผลสุดท้ายมีดยาวนั้นจะหักเป็นสองท่อน เสียงกระแทกดังสนั่น แมลงตัวนั้นถูกแรงมีดกระแทกกระเด็นแล้วบินออกไปอีกครั้ง เมื่อเห็นดังนั้นคนอื่น ๆ จึงเริ่มขยับตัว และกรูเข้าไปจับเจ้าแมลงปีกแข็งตัวนั้นไว้

        “อย่าตีมันลงกับพื้น” หนิงเสวี่ยตะโกนบอกเมื่อเห็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดคิดจะตีแมลงปีกแข็งนั้นลงพื้น จากระดับความแข็งของมันที่เห็นเมื่อครู่นี้ ถ้าหากตีมันกระแทกลงกับพื้น นอกจากมันจะไม่ตายแล้ว อาจจะทำให้มันหนีออกไปได้อีกด้วย

        หลังจากไล่ล่าอย่างวุ่นวายสักพัก  เมื่อแมลงปีกแข็งบินเข้ามาหาหนิงเสวี่ย เธอจึงยื่นเล็บนิ้วชี้ข้างขวาออกไป เล็บนี้มีความยาวกว่าสิบเมตร ทั้งยังแหลมยิ่งกว่าปลายเข็มเสียอีก และทันใดนั้น รูม่านตาของหนิงเสวี่ยก็หดลงคล้ายตาแมว พร้อมกับปลายนิ้วชี้ที่พุ่งแทงออกไปทันที

        เล็บของเธอแหลมเกินกว่าสิ่งใดจะเปรียบเทียบได้ ซึ่งมันได้แทงเข้าไปในปากทะลุถึงตัวของแมลงปีกแข็งตัวนี้ทันทีดังฉึก

        แต่เมื่อแทงเข้าไป เล็บของหนิงเสวี่ยก็หลุดออกทันที และแม้ว่ามันจะถูกแทงทะลุด้วยเล็บ แต่เจ้าแมลงตัวนี้ก็ยังไม่ตาย แต่มันกลับตามมากัดเล็บโลหะประกายสีดำเงาเมทัลลิกที่หลุดไปไม่หยุด

        “หยูหาน นายโอเคไหม” ทันทีที่หนิงเสวี่ยจัดการกับแมลงปีกแข็งนี้ได้ ก็รีบไปหาหยูหานทันที

        ในตอนนี้เปียนแพทย์ในกลุ่มของหยูหานกำลังตรวจดูหยูหานอยู่ แมลงปีกแข็งดำแดงที่เติบโตมาท่ามกลางสถานที่หยั่งรากของดอกไม้มรณะ แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ดีแน่ มือซ้ายของหยูหานที่ถูกมันกัดนั้น คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา แน่นอนว่าสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือหยูหานอาจจะตาย

        แต่ขณะที่เปียนตรวจดูมือข้างซ้ายของหยูหาน เขาก็พบว่าหยูหานเหมือนจะไม่ได้รับพิษอะไรเลย

        “หยูหาน นายรู้สึกผิดปกติอะไรบ้างไหม?” เปียนถาม

        “เหมือนว่าจะไม่มีอะไรนะ” หยูหานขยับมือซ้ายดู ความรู้สึกเย็น ๆ ชา ๆ ที่มาจากบาดแผลก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม เขายังรู้สึกวาแขนซ้ายของเขาสบายดีมากอย่างแปลกประหลาด เขาขยับและกุมมือเป็นรูปหัว หัวงูก็กลับเข้ามาพันรอบโล่เต่าของเขา

        “ไม่มีอะไรจริงหรอ?”

        “ไม่เป็นอะไรจริง ๆ” หยูหานพยักหน้า

        “ทำเอาพวกเราตกใจแทบแย่ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับนายจริง ๆ ได้ยินหนิงเสวี่ยบอกว่าแขนซ้ายของนายเป็นเหมือนเสวียนอู่ (เต่าดำ เทพแห่งทิศเหนือ จากสัตว์เทพทั้งสี่ของจีน) เทพเจ้าในตำนานของจีน ช่างดูแตกต่างจริง ๆ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวชมแกมอิจฉา

        “ใช่ที่ไหน  มันก็แค่รูปลักษณ์คล้ายคลึงเท่านั้นเอง” หยูหานพูดอย่างถ่อมตัว แต่ในใจก็รู้สึกภูมิใจอยู่เล็ก ๆ แขนซ้ายของเขานั้นความจริงแล้วไม่เพียงแค่เหมือนเสวียนอู่เท่านั้น แต่พลังของมันก็แข็งแกร่งเช่นกัน หยูหานมั่นใจว่า แมลงปีกแข็งตัวเมื่อครู่ต้องมีพิษหรืออะไรบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีผลใด ๆ กับเขา  ใช่แล้ว มันไม่เพียงแต่ไม่มีผลอะไร ตรงกันข้ามหยูหานกลับรู้สึกว่าแขนซ้ายของเขาดูเหมือนจะค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นอีก

        โชคจากความหายนะ?

        ว่าแต่ มันไม่ส่งผลกระทบใด ๆ จริงเหรอ….?

        เมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าหยูหานไม่เป็นอะไร ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็มีคนไปเก็บแมลงปีกแข็งตัวนั้นกับดอกไม้มรณะอย่างระมัดระวัง เมื่อหนิงเสวี่ยเห็นว่าหยูหานไม่เป็นอะไรเธอก็สบายใจ เธอแอบอิงอยู่ข้าง ๆ หยูหานเหมือนกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แม้ว่าจะเพิ่งมีฉากโจมตีจากเล็บที่แหลมเฉียบคมของเธอเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ก็ตาม

        หยูหานเห็นหนิงเสวี่ยเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกถึงความรักที่ขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างห้ามไม่ได้  พวกเขาผ่านอะไรต่าง ๆ มาด้วยกันอย่างเนิ่นนาน หยูหานสามารถพูดได้ว่าเขาได้หลงรักหนิงเสวี่ยที่ติดตามเขามาตลอดเข้าแล้วจริง ๆ และหนิงเสวี่ยก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมานี้ เธอไม่ใช่ดอกไม้สีขาวที่อ่อนแออีกต่อไป เมื่อถึงเวลาต่อสู้เธอมีทั้งความสงบนิ่งและเฉียบคม แต่หลังจากการต่อสู้ เธอก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นอ่อนโยนและเชื่อฟังได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หยูหานชอบเธอมาก

        “ฉันบอกว่าพวกนายอย่ามาแสดงความรักกันที่นี่จะได้ไหมนะ” คนข้าง ๆ พูดแซว

        “ถ้าพวกนายไม่พอใจ ก็ไปหาภรรยาของตัวเองซะสิ” หยูหานยิ้มอย่างเย่อหยิ่งเล็กน้อย คนอื่นไม่ได้รู้สึกว่าหยูหานเย่อหยิ่งแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกว่าหยูหานในตอนนี้อยู่ในภาวะผู้นำแล้ว

       ————————————

       นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากข้อมูลที่สมบูรณ์ของหยูหาน เพราะพวกไป๋อี้ไม่รู้ว่าจะต้องเก็บดอกไม้มรณะอย่างไร ดังนั้นพวกเขาจึงปล่อยวางเรื่องดอกไม้ดอกเล็กกับใหญ่สองดอกนั้นไปแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เป้าหมายที่พวกไป๋อี้มาที่นี่ไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้ แต่พวกเขามาเพื่อฆ่าหยูหาน

            เพียงแต่ถึงจะรู้ว่าหยูหานมาที่เวลลิงตัน แต่คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีผีสิงอยู่ แม้ว่าจู่ ๆ โม่โม่จะสามารถมองเห็นผีได้ และไม่ได้มีอะไรวุ่นวายเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศของที่แห่งนี้ก็ไม่พึงประสงค์สักเท่าไหร่ ไม่เพียงแต่รู้สึกอึมครึมเศร้าหมองเท่านั้น  จะพูดอย่างไรดีล่ะ ยิ่งเดินลึกเข้าไปข้างใน  สัญชาติญาณของร่างกายก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดมากขึ้นทุกที

        “ฉันจะขึ้นไปดูจากบนฟ้า” เฮลัวส์พูด

        “อืม” ไป๋อี้พยักหน้า

        เฮลัวส์กางปีกและบินขึ้นไป สูงขึ้นและสูงขึ้น เดิมทีเธอคิดว่ายิ่งบินไปสูงจะได้สามารถมองเห็นได้ไกลขึ้น แต่หลังจากบินมาถึงข้างบนแล้ว ข้างล่างก็ยิ่งดูเลือนลางมากขึ้นทุกที  เมฆดคล้ายกับเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เงาของดวงอาทิตย์ก็หายไปด้วยเช่นกัน

        มันผิดปกติจริง ๆ!

        เวลลิงตันเคยเป็นเมืองหลวงของนิวซีแลนด์เลยนะ ไม่น่าจะมีพวกผีอะไรแบบนี้โผล่ออกมา เซลล์ดัดแปลงจะส่งผลต่อภูมิประเทศได้ถึงเพียงนี้เลยเหรอ? คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เฮลัวส์คิดในใจแล้วจึงบินลงไป แต่เมื่อบินลงมาเฮลัวส์ก็ได้แต่ตกตะลึง …… เธอบินตรงขึ้นไปจากจุดที่เธอยืน แต่แล้วตอนนี้พวกไป๋อี้ล่ะ

        ไม่ใช่สิ ทิวทัศน์ที่นี่กับก่อนหน้านี้มันไม่เหมือนกันเลย เธอบินมาผิดที่เหรอ?

        ทางพวกไป๋อี้เองก็รอกันสักพักแล้ว แต่เฮลัวส์ยังไม่ลงมา พวกเขาจึงรับรู้ได้ว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ แววตาของไป๋อี้ทอประกายความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงเริ่มเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่านิยายผีก็มักจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน เหมือนจะเรียกว่าผีบังตา?

        “โมโม่ อีกเดี๋ยวถ้าเจอผีตัวอื่น ให้บอกนะ แล้วถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเวลลิงตันด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ถามว่าเฮลัวส์อยู่ที่ไหนแล้ว” ไป๋อี้พูดกับโม่โม่

        “ค่ะ”

        “เกิดอะไรขึ้นกับเฮลัวส์?” วูล์ฟถาม

        “เวลลิงตันในตอนนี้เป็นเมืองร้าง เฮลัวส์อาจจะเจออะไรบางอย่างและทำให้พลัดหลงจากพวกเราโดยไม่ตั้งใจ หลังจากนี้พวกเราก็ระวังตัวกันหน่อย โชคดีที่โม่โม่มองเห็นผีได้ มันอาจจะไม่มีอะไรเลวร้ายมาก” ไป๋อี้อธิบายช้า ๆ

         

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+