[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 126 ออกตามล่าวัตถุดิบแปลกใหม่

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 126 ออกตามล่าวัตถุดิบแปลกใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในโลกปกติไป๋อี้มองไม่เห็นวิญญาณใด ๆ เขายื่นมือออกมาพร้อมกับหลับตาทั้งสองข้าง ในขณะเดียวกันเขาก็เพิ่มสัมผัสทั้งห้าทั้งหมดให้ถึงขีดสุด มือขวาของไป๋อี้ผ่านทะลุวิญญาณนั้นที่โม่โม่กล่าวถึง แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย ทุกคนมองไปที่ไป๋อี้โดยที่ไม่รู้ว่าไป๋อี้พยายามทดลองทำอะไรกันแน่

        “ไม่รู้สึกอะไร ก็เหมือนปกติ ถึงแม้โม่โม่จะบอกว่ามีวิญญาณตนหนึ่งอยู่แต่ก็สังเกตไม่เห็นอะไรเลยสักนิด” ไป๋อี้ส่ายหัว

        “เอ๊ะ จางหายไปแล้ว!” โม่โม่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มือขวาของไป๋อี้ทะลุผ่านวิญญาณที่ไม่รู้ชื่อตนนั้น ในสายตาของโม่โม่ก็เห็นวิญญาณตนนั้นกลายเป็นฟองที่ถูกจิ้มจนแตกและสูญสลายไป แม้ว่าหลังจากที่ไป๋อี้นำมือออกมาแล้วร่างวิญญาณตนนั้นจะกลับมาเป็นปกติ แต่กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งโปร่งใสมากขึ้นและดูเหมือนว่าจะจางหายไปในไม่ช้า

        เวลาไม่นานยังไม่ทันที่โม่โม่จะพูดจบดีเจ้าวิญญาณนั้นก็หายไปในอากาศและระเหยกลายเป็นไอไปอย่างสิ้นเชิง

        “หายไปแล้ว!” โม่โม่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

        ไป๋อี้ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา แม้ว่าตอนนี้โม่โม่เพิ่งจะอายุห้าขวบกว่า ๆ แต่เธอก็แตกต่างจากเด็กทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เป็นอย่างที่คิดไว้สีหน้าท่าทางของโม่โม่สงบมากและเธอไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าหรือเห็นอกเห็นใจอะไรวิญญาณแปลกหน้าตนนั้นเลย นิวซีแลนด์ในตอนนี้การใช้ความรู้สึกแบบนั้นมันจะเป็นการฟุ่มเฟือยเกินไป

        ไป๋อี้รอคนอื่น ๆ จัดสิ่งของให้เป็นระเบียบใหม่อีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่นับว่าเป็นสิ่งของที่สำคัญอะไรมากนัก แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ลำบากมากหากต้องการจัดเรียงสิ่งเหล่านั้นใหม่ทั้งหมดจริง ๆ ในขณะที่จัดเรียงสิ่งของเหล่านี้ ชาร์ไป่ก็ได้ตามกลิ่นบางอย่างไปและพบเข้ากับหลุมขนาดใหญ่ที่เพิ่งถูกฝัง ภายในคือศพที่ถูกฝังเมื่อไม่นานนัก ศพนี้มีความสูงประมาณ 3 เมตรและจากลักษณะภายนอกนั้นดูได้ไม่ค่อยชัดเจนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เนื่องจากศพนั้นเน่าเปื่อยไปแล้วบ้างเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ตามมันเป็นสัตว์ประหลาดและไม่มีอะไรที่จะบรรยายถึงมันได้

        เมื่อมองดูศพนี้เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งตายไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ และเมื่อนึกถึงวิญญาณตนนั้นที่หายไปภายในห้อง ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ถึงได้เข้าใจคำพูดพวกนั้นของจอห์นนี่

        บรรยากาศในดินแดนสิงสถิตแตกต่างจากโลกภายนอก วิญญาณสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนสิงสถิตแต่ที่โลกปกติภายนอกในสายตาของมนุษย์ ดวงวิญญาณจะค่อย ๆ สลายหายไป ถ้าว่ากันแบบนี้ล่ะก็เมย์ริสที่ตายในเวลลิงตันนั้นนับว่าโชคดีกว่ามาร์ตินและคนอื่น ๆ …… ทันทีที่ไป๋อี้นึกมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะอยากตบหัวตัวเอง อะไรคือการที่เรียกว่าตายแบบโชคดีกัน การพูดแบบนี้นี่มันออกจะแปลกประหลาดเสียจริง

        “วูล์ฟ นายกับพูพูไปล่าเหยื่อกลับมาหน่อยเถอะ ฉันจะทำอาหารมื้ออร่อย”

        ไป๋อี้เห็นว่าถุง ‘เครื่องปรุงรส’ ที่เขาทำนั้นยังมีอยู่จึงพูดกับวูล์ฟอย่างช่วยไม่ได้ ถุงเครื่องปรุงรสเหล่านี้เป็นไป๋อี้ที่จัดผสมให้เข้ากันด้วยตัวเอง บางทีไป๋อี้อาจจะมีความชำนาญทางด้านพฤกษศาสตร์แต่ก็เป็นเครื่องปรุงรสโดยธรรมชาติ เขายังคงเก่งกาจกว่าคนส่วนใหญ่ในเรื่องนี้ แต่เมื่อมองไปที่ถุงเครื่องปรุงรสจากธรรมชาติที่ถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่มาที่นี่ไม่รู้จักประโยชน์เกี่ยวกับมันเอาเสียเลย แน่นอนว่าถ้าหากเครื่องปรุงรสเหล่านี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมมันก็ไม่อร่อยจริง ๆ และอาจจะเป็นพิษจนถึงขั้นทำให้คนตายได้เลยทีเดียว

        นี่คือประเทศนิวซีแลนด์ในตอนนี้และมากกว่า 50% ของสัตว์และพืชต่างก็มีอันตรายในตัวเองทั้งนั้น

        กว่าครึ่งเดือนมานี้แม้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะยังสามารถหาอาหารในเวลลิงตันได้ แต่มันก็ไม่ได้อร่อยมากนัก พวกเขามักจะรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเวลลิงตันพวกนั้นดูเหมือนกับว่านำพาบรรยากาศผี ๆ มาด้วย

        หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋อี้ วูล์ฟจึงยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่าเขารับรู้แล้ว ถึงแม้ว่านิวซีแลนด์จะอันตรายมากสำหรับมนุษย์ส่วนใหญ่ แต่ว่าผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางส่วนยังคงสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายนอกต่อไปได้ ไป๋อี้และกลุ่มของพวกเขาถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าแม้แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าที่จะประมาทมากจนเกินไป เพราะว่าเมื่อพวกเขาประมาทเกินไปก็อาจเกิดอันตรายใด ๆ ขึ้นจนถึงแก่ชีวิตได้

        แม้ว่าวูล์ฟจะมีความเฉื่อยช้าไปบ้างเล็กน้อย แม้จะเป็นคนที่ผิวเผินดูเลินเล่อ แต่ว่าแท้จริงนั้นเขาเป็นคนละเอียดอ่อนมาก จะเห็นได้ว่าผู้ชายคนนี้จะติดตามไป๋อี้มาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ได้เริ่มขึ้น เวลาที่นานขนาดนี้เขายังไม่ถูกคนที่นำมาซึ่งโชคร้ายอย่างไป๋อี้เผชิญกับเรื่องใด ๆ จนตัวตายก็เป็นอันรู้กันดีแล้ว นอกจากนี้ถึงแม้ว่าพูพูจะเป็นหมูแคระตัวหนึ่งแต่ก็ค่อนข้างที่จะฉลาดปราดเปรื่องทีเดียว

        หลังจากที่ทั้งสองออกไป ไป๋อี้และเฮลัวส์ก็จัดเตรียมสถานที่บริเวณนี้เพื่อเตรียมทำอาหาร

        “มันใสสะอาดมาก!” เฮลัวส์มองไปในน้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำและเอ่ยขึ้นมา

        “อืม มันใสสะอาดจริง ๆ” ไป๋อี้พยักหน้า เดิมทีแล้วนิวซีแลนด์มีประชากรเบาบางและเวลาผ่านไปกว่า 9 เดือนแล้วนับตั้งแต่การสาบสูญไปจนหมดสิ้นของอุตสาหกรรมของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันนิวซีแลนด์ได้กลายเป็นดินแดนดึกดำบรรพ์โดยสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในแม่น้ำสายนี้ มีเพียงแต่ความบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติตลอดสาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีการปนเปื้อนจากเซลล์ดัดแปลง ไวรัส หรือสารพิษใด ๆ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วแหล่งน้ำเหล่านี้จึงสามารถใช้ดื่มได้

        ในขณะที่ไป๋อี้และเฮลัวส์กลับมา พวกเขาพบว่าชาร์ไป่ก็กลับมาจากสถานที่อีกที่หนึ่งด้วยเช่นกัน อีกทั้งมันยังตัวเปียกปอนมาด้วย

        “ชาร์ไป่?”

        “โฮ่ง บรู๊ว” ชาร์ไป่เห่าใส่ไป๋อี้ไปครั้งหนึ่ง มันพยายามสะบัดตัวอย่างสุดกำลังเพื่อสลัดน้ำบนตัวออก จากนั้นจึงเดินไปหาโม่โม่

        “นายรู้สึกไหมว่าชาร์ไป่ช่วงนี้ดูผิดปกติไปนะ” เฮลัวส์ถามขึ้น

        “อย่างนั้นเหรอ?”

        “บางทีฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้” เฮลัวส์เห็นว่าไป๋อี้ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

        ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ไป๋อี้ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่แปลกไปของชาร์ไป่มากนัก ในความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ชาร์ไป่เพิ่งจะไปกินศพที่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากศพเน่าเปื่อยบ้างแล้วเล็กน้อยจึงนำมาซึ่งกลิ่นที่รุนแรง ดังนั้นชาร์ไป่จึงไปอาบน้ำที่ต้นน้ำด้านล่างของแม่น้ำสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นชาร์ไป่ก็เดินมาหมอบลงที่ข้างโม่โม่อย่างเงียบ ๆ พลางหลับตาพักผ่อนร่างกาย โม่โม่รู้ว่าชาร์ไป่ไปทำอะไรมาแต่ว่าโม่โม่ไม่อยากบอกพ่อของเธอ

        ชาร์ไป่กินคน แม้ว่าจะเป็นพ่อแต่เธอก็เป็นกังวลมากจนไม่กล้าพูดอะไรออกไป

        ในใจที่บริสุทธิ์ของโม่โม่ดูเหมือนจะเดาปฏิกิริยาโต้ตอบของไป๋อี้ได้ดังนั้นเธอจึงเก็บซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ แต่ถ้าหากชาร์ไป่ยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะก็คงจะลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ด้านนอกไม่เหมือนเวลลิงตันที่ศพจะสามารถพบเจอได้ในทุก ๆ ที่ ชาร์ไป่นอนหมอบอยู่บนพื้นราวกับว่ากำลังหลับอย่างไม่สบายตัวเท่าใดนัก ศีรษะของมันขยับเล็กน้อยและกระดูกไหล่ด้านซ้ายที่งอกออกมาจากโครงร่างใกล้กับลำคอก็มีรอยแตกเล็กน้อย

        ……………

        “วูล์ฟ นายจับอะไรกลับมาเนี่ย” เมื่อเฮลัวส์เห็นเหยื่อที่วูล์ฟกำลังลากเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะต้องตื่นตกใจ

        เจ้านี่ … มันคือตัวหนอนแก้วเหรอ?

        เหยื่อที่วูล์ฟและพูพูลากมานั้นมีความยาวกว่าหนึ่งเมตร ตัวของมันหนาและอวบอ้วน ทั้งตัวยังปกคลุมไปด้วยหนวดและจุดด่างสีเขียวอมน้ำเงินกำลังเลื้อยขยุกขยิกต่อสู้ดินรนไม่หยุด นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นหนอนแก้วที่กำลังขยายใหญ่ วูล์ฟและพูพูใช้ต้นเถาวัลย์ทีละต้นมัดรวบพวกมันเข้าด้วยกันและนำกลับมาสิบกว่าตัว ตอนนี้หนอนแก้วสิบกว่าตัวเหล่านี้ยังคงขยับโค้งงอไปมาไม่หยุด หนวดและเท้าสั้น ๆ ของมันยังไม่ยอมที่จะหยุดคืบคลานอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกได้ถึงอาการขนลุก

        “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ช่วยไม่ได้ ตอนที่ฉันมองหาเหยื่อ ก็เจอกลุ่มสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการที่บินได้เข้า แต่ว่าฉันไล่จับมันไม่ได้ ฉันเจอนกพวกนั้นกำลังกินหนอนแก้วเป็นอาหารก็เลยคาดว่ามันคงไม่เป็นพิษน่ะ” วูล์ฟพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้จะมีสัตว์ประหลาดมากมายในนิวซีแลนด์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการหาอาหารจะทำได้ง่าย ๆ ทันใจหรืออยากจะจับอะไรก็สามารถจับได้ทันที

        “เหอะ ๆ ถึงอย่างไรไป๋อี้ก็เป็นคนจัดการกับมันต่อ ดูสิว่าเขาจะแสดงออกอย่างไร”

        สิ่งที่แสดงออกเมื่อตอนที่ไป๋อี้เห็นเจ้าหนอนแก้วอวบอ้วนกว่าสิบตัวนั้นเขาก็อึ้งไปชั่วขณะ วูล์ฟนายออกล่าหาสิ่งแปลกใหม่กว่านี้มาหน่อยได้ไหม แต่ว่าไป๋อี้ก็รู้ดีว่าบางครั้งก็เป็นแบบนี้แหละ การหาอาหารถ้าหาไม่ได้ก็คือหาไม่ได้ แค่มีอาหารกินก็ไม่เลวแล้ว

        “ลากไปที่แม่น้ำ” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ

        “เข้าใจแล้ว!” วูล์ฟเห็นว่าไป๋อี้ไม่ได้พูดอะไรก็รู้เลยว่า 80% ของอาหารในวันนี้คือเจ้าตัวหนอนแก้วเหล่านี้

        ไป๋อี้มาที่แม่น้ำและหยิบมีดทำครัวออกมาหลังจากคิดได้แล้วเขาก็หยิบมีดผ่าตัดปลายแหลมเล็ก ๆ ออกมาอีก ไป๋อี้ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับส่วนผสมแปลกใหม่นี้อย่างไรดังนั้นเขาจึงเริ่มคลำสำรวจดู ไป๋อี้ใช้เจ้าตัวหนอนตัวหนึ่งเป็นตัวทดสอบการผ่าอย่างระมัดระวัง

        เขาจัดการอย่างละเอียดรอบคอบช้า ๆ และทดสอบความเป็นพิษของมัน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะมีรสชาติอร่อยหรือไม่แต่ถ้าหากว่ามันมีพิษแล้วล่ะก็คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย แม้ว่าวูล์ฟจะบอกว่านกพวกนั้นกำลังกินหนอนแก้วเป็นอาหารแต่ไป๋อี้ก็ยังไม่กล้าประมาทอยู่ดี ในท้ายที่สุดไป๋อี้ก็ตัดสินว่ามันมีพิษเล็กน้อยและด้วยวิวัฒนาการของสมรรถภาพทางกายของมนุษย์นั้นยังสามารถทนได้ แน่นอนว่าเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการแล้วในนิวซีแลนด์ตอนนี้ เพราะถ้าหากเป็นมนุษย์ธรรมดาภายนอกแล้วล่ะก็คงไม่ได้รับพรที่จะเพลิดเพลินกับอาหารประเภทนี้อย่างแน่นอน

        เป็นครั้งแรกที่ได้จัดการเจ้าหนอนแก้วแบบนี้ ไป๋อี้โยนอวัยวะภายในที่ยากต่อการจัดการออกไปทั้งหมดเหลือไว้เพียงผิวหนังที่มีไขมันด้านนอก เขาจัดการรูปลักษณ์ของเจ้าหนอนแก้วให้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความลื่นและอ่อนนุ่มเหมือนกับพุงที่อ้วนฉุถูกปรุงด้วยเครื่องปรุงที่จัดผสมให้เข้ากันโดยไป๋อี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำอาหารออกมาได้อร่อยมากตามที่คาดไว้ ไป๋อี้ลองทำอาหารแบบหลากหลายวิธีและพบว่าวิธีการใช้ความร้อนนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับหนอนแก้วชนิดนี้ ในท้ายที่สุดเขาก็ทำหม้อไฟเสียเลย

        “มันอร่อยมาก คาดไม่ถึงเลยว่าหนอนแก้วจะอร่อยขนาดนี้” วูล์ฟกินจนน้ำมันเยิ้มเต็มปาก

        “นั่นก็เป็นเพราะไป๋อี้มีฝีมือดีในเรื่องศิลปะการทำอาหารยังไงล่ะ” เฮลัวส์พูดติดตลกมาประโยคหนึ่ง

        ไป๋อี้ยิ้มเล็กน้อย ศิลปะการทำอาหารดีอย่างนั้นเหรอ ความจริงแล้วศิลปะการทำอาหารของเขายังอยู่ในระดับปานกลาง เพียงแต่เขาชำนาญในด้านการจัดการวัตถุดิบดีกว่าคนส่วนใหญ่เท่านั้นเอง แต่ว่าหนอนแก้วสิบกว่าตัวเหล่านี้ ไป๋อี้เสียทั้งกำลังและเวลาไปกว่าครึ่งวันเลยทีเดียว ในครั้งแรกที่พบกับวัตถุดิบชนิดนี้มันดูจะยุ่งยากมากจริง ๆ

        “ชาร์ไป่ไม่กินเหรอ?” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นว่าชาร์ไป่ดูจะขี้เกียจนิด ๆ ในเวลานี้ ขณะนั้นเองไป๋อี้ก็หวนนึกถึงสิ่งที่เฮลัวส์เคยเตือนเขาว่าชาร์ไป่ดูผิดปกติไปเล็กน้อยในช่วงนี้

        “เอ่อ แบบว่าชาร์ไป่คงมีอาการเบื่ออาหารบ้าง เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะค่ะ” โม่โม่เอ่ยขึ้นอย่างกังวลทันที

        ไร้เดียงสาเกินไปแล้วโม่โม่ เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้แค่ถามถึงชาร์ไป่เท่านั้น เธอจะเป็นกังวลอะไรกัน ไป๋อี้มองไปที่โม่โม่และชาร์ไป่ทันทีด้วยความสงสัยว่าพวกเขากำลังทำอะไร เมื่อเห็นแววตาสงสัยในดวงตาของพ่อ ร่างกายของโม่โม่ก็ดูเกร็งตึงเครียดขึ้นมาทันที เธอยืนขวางอยู่ที่ด้านหน้าของชาร์ไป่ แต่ชาร์ไป่ยืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ และดูเหมือนจะต้องการเผชิญหน้ากับไป๋อี้โดยตรง

          หืม?

        แต่ในเวลานี้ไป๋อี้ได้มองไปทางด้านข้าง บริเวณด้านหลังในทิศทางนั้นมีการขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อยและบางเบาอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเวลาในชั่วขณะนั้นที่ด้านหลังบริเวณพื้นมีบางสิ่งที่ขยับอยู่ คาดว่าพวกไป๋อี้ก็คงยังจะไม่ได้ยินเสียงนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 126 ออกตามล่าวัตถุดิบแปลกใหม่

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 126 ออกตามล่าวัตถุดิบแปลกใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในโลกปกติไป๋อี้มองไม่เห็นวิญญาณใด ๆ เขายื่นมือออกมาพร้อมกับหลับตาทั้งสองข้าง ในขณะเดียวกันเขาก็เพิ่มสัมผัสทั้งห้าทั้งหมดให้ถึงขีดสุด มือขวาของไป๋อี้ผ่านทะลุวิญญาณนั้นที่โม่โม่กล่าวถึง แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย ทุกคนมองไปที่ไป๋อี้โดยที่ไม่รู้ว่าไป๋อี้พยายามทดลองทำอะไรกันแน่

        “ไม่รู้สึกอะไร ก็เหมือนปกติ ถึงแม้โม่โม่จะบอกว่ามีวิญญาณตนหนึ่งอยู่แต่ก็สังเกตไม่เห็นอะไรเลยสักนิด” ไป๋อี้ส่ายหัว

        “เอ๊ะ จางหายไปแล้ว!” โม่โม่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มือขวาของไป๋อี้ทะลุผ่านวิญญาณที่ไม่รู้ชื่อตนนั้น ในสายตาของโม่โม่ก็เห็นวิญญาณตนนั้นกลายเป็นฟองที่ถูกจิ้มจนแตกและสูญสลายไป แม้ว่าหลังจากที่ไป๋อี้นำมือออกมาแล้วร่างวิญญาณตนนั้นจะกลับมาเป็นปกติ แต่กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งโปร่งใสมากขึ้นและดูเหมือนว่าจะจางหายไปในไม่ช้า

        เวลาไม่นานยังไม่ทันที่โม่โม่จะพูดจบดีเจ้าวิญญาณนั้นก็หายไปในอากาศและระเหยกลายเป็นไอไปอย่างสิ้นเชิง

        “หายไปแล้ว!” โม่โม่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

        ไป๋อี้ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา แม้ว่าตอนนี้โม่โม่เพิ่งจะอายุห้าขวบกว่า ๆ แต่เธอก็แตกต่างจากเด็กทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เป็นอย่างที่คิดไว้สีหน้าท่าทางของโม่โม่สงบมากและเธอไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าหรือเห็นอกเห็นใจอะไรวิญญาณแปลกหน้าตนนั้นเลย นิวซีแลนด์ในตอนนี้การใช้ความรู้สึกแบบนั้นมันจะเป็นการฟุ่มเฟือยเกินไป

        ไป๋อี้รอคนอื่น ๆ จัดสิ่งของให้เป็นระเบียบใหม่อีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่นับว่าเป็นสิ่งของที่สำคัญอะไรมากนัก แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ลำบากมากหากต้องการจัดเรียงสิ่งเหล่านั้นใหม่ทั้งหมดจริง ๆ ในขณะที่จัดเรียงสิ่งของเหล่านี้ ชาร์ไป่ก็ได้ตามกลิ่นบางอย่างไปและพบเข้ากับหลุมขนาดใหญ่ที่เพิ่งถูกฝัง ภายในคือศพที่ถูกฝังเมื่อไม่นานนัก ศพนี้มีความสูงประมาณ 3 เมตรและจากลักษณะภายนอกนั้นดูได้ไม่ค่อยชัดเจนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เนื่องจากศพนั้นเน่าเปื่อยไปแล้วบ้างเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ตามมันเป็นสัตว์ประหลาดและไม่มีอะไรที่จะบรรยายถึงมันได้

        เมื่อมองดูศพนี้เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งตายไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ และเมื่อนึกถึงวิญญาณตนนั้นที่หายไปภายในห้อง ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ถึงได้เข้าใจคำพูดพวกนั้นของจอห์นนี่

        บรรยากาศในดินแดนสิงสถิตแตกต่างจากโลกภายนอก วิญญาณสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนสิงสถิตแต่ที่โลกปกติภายนอกในสายตาของมนุษย์ ดวงวิญญาณจะค่อย ๆ สลายหายไป ถ้าว่ากันแบบนี้ล่ะก็เมย์ริสที่ตายในเวลลิงตันนั้นนับว่าโชคดีกว่ามาร์ตินและคนอื่น ๆ …… ทันทีที่ไป๋อี้นึกมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะอยากตบหัวตัวเอง อะไรคือการที่เรียกว่าตายแบบโชคดีกัน การพูดแบบนี้นี่มันออกจะแปลกประหลาดเสียจริง

        “วูล์ฟ นายกับพูพูไปล่าเหยื่อกลับมาหน่อยเถอะ ฉันจะทำอาหารมื้ออร่อย”

        ไป๋อี้เห็นว่าถุง ‘เครื่องปรุงรส’ ที่เขาทำนั้นยังมีอยู่จึงพูดกับวูล์ฟอย่างช่วยไม่ได้ ถุงเครื่องปรุงรสเหล่านี้เป็นไป๋อี้ที่จัดผสมให้เข้ากันด้วยตัวเอง บางทีไป๋อี้อาจจะมีความชำนาญทางด้านพฤกษศาสตร์แต่ก็เป็นเครื่องปรุงรสโดยธรรมชาติ เขายังคงเก่งกาจกว่าคนส่วนใหญ่ในเรื่องนี้ แต่เมื่อมองไปที่ถุงเครื่องปรุงรสจากธรรมชาติที่ถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่มาที่นี่ไม่รู้จักประโยชน์เกี่ยวกับมันเอาเสียเลย แน่นอนว่าถ้าหากเครื่องปรุงรสเหล่านี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมมันก็ไม่อร่อยจริง ๆ และอาจจะเป็นพิษจนถึงขั้นทำให้คนตายได้เลยทีเดียว

        นี่คือประเทศนิวซีแลนด์ในตอนนี้และมากกว่า 50% ของสัตว์และพืชต่างก็มีอันตรายในตัวเองทั้งนั้น

        กว่าครึ่งเดือนมานี้แม้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะยังสามารถหาอาหารในเวลลิงตันได้ แต่มันก็ไม่ได้อร่อยมากนัก พวกเขามักจะรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเวลลิงตันพวกนั้นดูเหมือนกับว่านำพาบรรยากาศผี ๆ มาด้วย

        หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋อี้ วูล์ฟจึงยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่าเขารับรู้แล้ว ถึงแม้ว่านิวซีแลนด์จะอันตรายมากสำหรับมนุษย์ส่วนใหญ่ แต่ว่าผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางส่วนยังคงสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายนอกต่อไปได้ ไป๋อี้และกลุ่มของพวกเขาถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าแม้แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าที่จะประมาทมากจนเกินไป เพราะว่าเมื่อพวกเขาประมาทเกินไปก็อาจเกิดอันตรายใด ๆ ขึ้นจนถึงแก่ชีวิตได้

        แม้ว่าวูล์ฟจะมีความเฉื่อยช้าไปบ้างเล็กน้อย แม้จะเป็นคนที่ผิวเผินดูเลินเล่อ แต่ว่าแท้จริงนั้นเขาเป็นคนละเอียดอ่อนมาก จะเห็นได้ว่าผู้ชายคนนี้จะติดตามไป๋อี้มาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ได้เริ่มขึ้น เวลาที่นานขนาดนี้เขายังไม่ถูกคนที่นำมาซึ่งโชคร้ายอย่างไป๋อี้เผชิญกับเรื่องใด ๆ จนตัวตายก็เป็นอันรู้กันดีแล้ว นอกจากนี้ถึงแม้ว่าพูพูจะเป็นหมูแคระตัวหนึ่งแต่ก็ค่อนข้างที่จะฉลาดปราดเปรื่องทีเดียว

        หลังจากที่ทั้งสองออกไป ไป๋อี้และเฮลัวส์ก็จัดเตรียมสถานที่บริเวณนี้เพื่อเตรียมทำอาหาร

        “มันใสสะอาดมาก!” เฮลัวส์มองไปในน้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำและเอ่ยขึ้นมา

        “อืม มันใสสะอาดจริง ๆ” ไป๋อี้พยักหน้า เดิมทีแล้วนิวซีแลนด์มีประชากรเบาบางและเวลาผ่านไปกว่า 9 เดือนแล้วนับตั้งแต่การสาบสูญไปจนหมดสิ้นของอุตสาหกรรมของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันนิวซีแลนด์ได้กลายเป็นดินแดนดึกดำบรรพ์โดยสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในแม่น้ำสายนี้ มีเพียงแต่ความบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติตลอดสาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีการปนเปื้อนจากเซลล์ดัดแปลง ไวรัส หรือสารพิษใด ๆ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วแหล่งน้ำเหล่านี้จึงสามารถใช้ดื่มได้

        ในขณะที่ไป๋อี้และเฮลัวส์กลับมา พวกเขาพบว่าชาร์ไป่ก็กลับมาจากสถานที่อีกที่หนึ่งด้วยเช่นกัน อีกทั้งมันยังตัวเปียกปอนมาด้วย

        “ชาร์ไป่?”

        “โฮ่ง บรู๊ว” ชาร์ไป่เห่าใส่ไป๋อี้ไปครั้งหนึ่ง มันพยายามสะบัดตัวอย่างสุดกำลังเพื่อสลัดน้ำบนตัวออก จากนั้นจึงเดินไปหาโม่โม่

        “นายรู้สึกไหมว่าชาร์ไป่ช่วงนี้ดูผิดปกติไปนะ” เฮลัวส์ถามขึ้น

        “อย่างนั้นเหรอ?”

        “บางทีฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้” เฮลัวส์เห็นว่าไป๋อี้ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

        ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ไป๋อี้ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่แปลกไปของชาร์ไป่มากนัก ในความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ชาร์ไป่เพิ่งจะไปกินศพที่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากศพเน่าเปื่อยบ้างแล้วเล็กน้อยจึงนำมาซึ่งกลิ่นที่รุนแรง ดังนั้นชาร์ไป่จึงไปอาบน้ำที่ต้นน้ำด้านล่างของแม่น้ำสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นชาร์ไป่ก็เดินมาหมอบลงที่ข้างโม่โม่อย่างเงียบ ๆ พลางหลับตาพักผ่อนร่างกาย โม่โม่รู้ว่าชาร์ไป่ไปทำอะไรมาแต่ว่าโม่โม่ไม่อยากบอกพ่อของเธอ

        ชาร์ไป่กินคน แม้ว่าจะเป็นพ่อแต่เธอก็เป็นกังวลมากจนไม่กล้าพูดอะไรออกไป

        ในใจที่บริสุทธิ์ของโม่โม่ดูเหมือนจะเดาปฏิกิริยาโต้ตอบของไป๋อี้ได้ดังนั้นเธอจึงเก็บซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ แต่ถ้าหากชาร์ไป่ยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะก็คงจะลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ด้านนอกไม่เหมือนเวลลิงตันที่ศพจะสามารถพบเจอได้ในทุก ๆ ที่ ชาร์ไป่นอนหมอบอยู่บนพื้นราวกับว่ากำลังหลับอย่างไม่สบายตัวเท่าใดนัก ศีรษะของมันขยับเล็กน้อยและกระดูกไหล่ด้านซ้ายที่งอกออกมาจากโครงร่างใกล้กับลำคอก็มีรอยแตกเล็กน้อย

        ……………

        “วูล์ฟ นายจับอะไรกลับมาเนี่ย” เมื่อเฮลัวส์เห็นเหยื่อที่วูล์ฟกำลังลากเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะต้องตื่นตกใจ

        เจ้านี่ … มันคือตัวหนอนแก้วเหรอ?

        เหยื่อที่วูล์ฟและพูพูลากมานั้นมีความยาวกว่าหนึ่งเมตร ตัวของมันหนาและอวบอ้วน ทั้งตัวยังปกคลุมไปด้วยหนวดและจุดด่างสีเขียวอมน้ำเงินกำลังเลื้อยขยุกขยิกต่อสู้ดินรนไม่หยุด นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นหนอนแก้วที่กำลังขยายใหญ่ วูล์ฟและพูพูใช้ต้นเถาวัลย์ทีละต้นมัดรวบพวกมันเข้าด้วยกันและนำกลับมาสิบกว่าตัว ตอนนี้หนอนแก้วสิบกว่าตัวเหล่านี้ยังคงขยับโค้งงอไปมาไม่หยุด หนวดและเท้าสั้น ๆ ของมันยังไม่ยอมที่จะหยุดคืบคลานอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกได้ถึงอาการขนลุก

        “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ช่วยไม่ได้ ตอนที่ฉันมองหาเหยื่อ ก็เจอกลุ่มสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการที่บินได้เข้า แต่ว่าฉันไล่จับมันไม่ได้ ฉันเจอนกพวกนั้นกำลังกินหนอนแก้วเป็นอาหารก็เลยคาดว่ามันคงไม่เป็นพิษน่ะ” วูล์ฟพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้จะมีสัตว์ประหลาดมากมายในนิวซีแลนด์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการหาอาหารจะทำได้ง่าย ๆ ทันใจหรืออยากจะจับอะไรก็สามารถจับได้ทันที

        “เหอะ ๆ ถึงอย่างไรไป๋อี้ก็เป็นคนจัดการกับมันต่อ ดูสิว่าเขาจะแสดงออกอย่างไร”

        สิ่งที่แสดงออกเมื่อตอนที่ไป๋อี้เห็นเจ้าหนอนแก้วอวบอ้วนกว่าสิบตัวนั้นเขาก็อึ้งไปชั่วขณะ วูล์ฟนายออกล่าหาสิ่งแปลกใหม่กว่านี้มาหน่อยได้ไหม แต่ว่าไป๋อี้ก็รู้ดีว่าบางครั้งก็เป็นแบบนี้แหละ การหาอาหารถ้าหาไม่ได้ก็คือหาไม่ได้ แค่มีอาหารกินก็ไม่เลวแล้ว

        “ลากไปที่แม่น้ำ” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ

        “เข้าใจแล้ว!” วูล์ฟเห็นว่าไป๋อี้ไม่ได้พูดอะไรก็รู้เลยว่า 80% ของอาหารในวันนี้คือเจ้าตัวหนอนแก้วเหล่านี้

        ไป๋อี้มาที่แม่น้ำและหยิบมีดทำครัวออกมาหลังจากคิดได้แล้วเขาก็หยิบมีดผ่าตัดปลายแหลมเล็ก ๆ ออกมาอีก ไป๋อี้ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับส่วนผสมแปลกใหม่นี้อย่างไรดังนั้นเขาจึงเริ่มคลำสำรวจดู ไป๋อี้ใช้เจ้าตัวหนอนตัวหนึ่งเป็นตัวทดสอบการผ่าอย่างระมัดระวัง

        เขาจัดการอย่างละเอียดรอบคอบช้า ๆ และทดสอบความเป็นพิษของมัน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะมีรสชาติอร่อยหรือไม่แต่ถ้าหากว่ามันมีพิษแล้วล่ะก็คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย แม้ว่าวูล์ฟจะบอกว่านกพวกนั้นกำลังกินหนอนแก้วเป็นอาหารแต่ไป๋อี้ก็ยังไม่กล้าประมาทอยู่ดี ในท้ายที่สุดไป๋อี้ก็ตัดสินว่ามันมีพิษเล็กน้อยและด้วยวิวัฒนาการของสมรรถภาพทางกายของมนุษย์นั้นยังสามารถทนได้ แน่นอนว่าเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการแล้วในนิวซีแลนด์ตอนนี้ เพราะถ้าหากเป็นมนุษย์ธรรมดาภายนอกแล้วล่ะก็คงไม่ได้รับพรที่จะเพลิดเพลินกับอาหารประเภทนี้อย่างแน่นอน

        เป็นครั้งแรกที่ได้จัดการเจ้าหนอนแก้วแบบนี้ ไป๋อี้โยนอวัยวะภายในที่ยากต่อการจัดการออกไปทั้งหมดเหลือไว้เพียงผิวหนังที่มีไขมันด้านนอก เขาจัดการรูปลักษณ์ของเจ้าหนอนแก้วให้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความลื่นและอ่อนนุ่มเหมือนกับพุงที่อ้วนฉุถูกปรุงด้วยเครื่องปรุงที่จัดผสมให้เข้ากันโดยไป๋อี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำอาหารออกมาได้อร่อยมากตามที่คาดไว้ ไป๋อี้ลองทำอาหารแบบหลากหลายวิธีและพบว่าวิธีการใช้ความร้อนนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับหนอนแก้วชนิดนี้ ในท้ายที่สุดเขาก็ทำหม้อไฟเสียเลย

        “มันอร่อยมาก คาดไม่ถึงเลยว่าหนอนแก้วจะอร่อยขนาดนี้” วูล์ฟกินจนน้ำมันเยิ้มเต็มปาก

        “นั่นก็เป็นเพราะไป๋อี้มีฝีมือดีในเรื่องศิลปะการทำอาหารยังไงล่ะ” เฮลัวส์พูดติดตลกมาประโยคหนึ่ง

        ไป๋อี้ยิ้มเล็กน้อย ศิลปะการทำอาหารดีอย่างนั้นเหรอ ความจริงแล้วศิลปะการทำอาหารของเขายังอยู่ในระดับปานกลาง เพียงแต่เขาชำนาญในด้านการจัดการวัตถุดิบดีกว่าคนส่วนใหญ่เท่านั้นเอง แต่ว่าหนอนแก้วสิบกว่าตัวเหล่านี้ ไป๋อี้เสียทั้งกำลังและเวลาไปกว่าครึ่งวันเลยทีเดียว ในครั้งแรกที่พบกับวัตถุดิบชนิดนี้มันดูจะยุ่งยากมากจริง ๆ

        “ชาร์ไป่ไม่กินเหรอ?” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นว่าชาร์ไป่ดูจะขี้เกียจนิด ๆ ในเวลานี้ ขณะนั้นเองไป๋อี้ก็หวนนึกถึงสิ่งที่เฮลัวส์เคยเตือนเขาว่าชาร์ไป่ดูผิดปกติไปเล็กน้อยในช่วงนี้

        “เอ่อ แบบว่าชาร์ไป่คงมีอาการเบื่ออาหารบ้าง เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะค่ะ” โม่โม่เอ่ยขึ้นอย่างกังวลทันที

        ไร้เดียงสาเกินไปแล้วโม่โม่ เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้แค่ถามถึงชาร์ไป่เท่านั้น เธอจะเป็นกังวลอะไรกัน ไป๋อี้มองไปที่โม่โม่และชาร์ไป่ทันทีด้วยความสงสัยว่าพวกเขากำลังทำอะไร เมื่อเห็นแววตาสงสัยในดวงตาของพ่อ ร่างกายของโม่โม่ก็ดูเกร็งตึงเครียดขึ้นมาทันที เธอยืนขวางอยู่ที่ด้านหน้าของชาร์ไป่ แต่ชาร์ไป่ยืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ และดูเหมือนจะต้องการเผชิญหน้ากับไป๋อี้โดยตรง

          หืม?

        แต่ในเวลานี้ไป๋อี้ได้มองไปทางด้านข้าง บริเวณด้านหลังในทิศทางนั้นมีการขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อยและบางเบาอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเวลาในชั่วขณะนั้นที่ด้านหลังบริเวณพื้นมีบางสิ่งที่ขยับอยู่ คาดว่าพวกไป๋อี้ก็คงยังจะไม่ได้ยินเสียงนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 126 ออกตามล่าวัตถุดิบแปลกใหม่

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 126 ออกตามล่าวัตถุดิบแปลกใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในโลกปกติไป๋อี้มองไม่เห็นวิญญาณใด ๆ เขายื่นมือออกมาพร้อมกับหลับตาทั้งสองข้าง ในขณะเดียวกันเขาก็เพิ่มสัมผัสทั้งห้าทั้งหมดให้ถึงขีดสุด มือขวาของไป๋อี้ผ่านทะลุวิญญาณนั้นที่โม่โม่กล่าวถึง แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย ทุกคนมองไปที่ไป๋อี้โดยที่ไม่รู้ว่าไป๋อี้พยายามทดลองทำอะไรกันแน่

        “ไม่รู้สึกอะไร ก็เหมือนปกติ ถึงแม้โม่โม่จะบอกว่ามีวิญญาณตนหนึ่งอยู่แต่ก็สังเกตไม่เห็นอะไรเลยสักนิด” ไป๋อี้ส่ายหัว

        “เอ๊ะ จางหายไปแล้ว!” โม่โม่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มือขวาของไป๋อี้ทะลุผ่านวิญญาณที่ไม่รู้ชื่อตนนั้น ในสายตาของโม่โม่ก็เห็นวิญญาณตนนั้นกลายเป็นฟองที่ถูกจิ้มจนแตกและสูญสลายไป แม้ว่าหลังจากที่ไป๋อี้นำมือออกมาแล้วร่างวิญญาณตนนั้นจะกลับมาเป็นปกติ แต่กลับกลายเป็นว่ามันยิ่งโปร่งใสมากขึ้นและดูเหมือนว่าจะจางหายไปในไม่ช้า

        เวลาไม่นานยังไม่ทันที่โม่โม่จะพูดจบดีเจ้าวิญญาณนั้นก็หายไปในอากาศและระเหยกลายเป็นไอไปอย่างสิ้นเชิง

        “หายไปแล้ว!” โม่โม่เอ่ยขึ้นเบา ๆ

        ไป๋อี้ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา แม้ว่าตอนนี้โม่โม่เพิ่งจะอายุห้าขวบกว่า ๆ แต่เธอก็แตกต่างจากเด็กทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เป็นอย่างที่คิดไว้สีหน้าท่าทางของโม่โม่สงบมากและเธอไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าหรือเห็นอกเห็นใจอะไรวิญญาณแปลกหน้าตนนั้นเลย นิวซีแลนด์ในตอนนี้การใช้ความรู้สึกแบบนั้นมันจะเป็นการฟุ่มเฟือยเกินไป

        ไป๋อี้รอคนอื่น ๆ จัดสิ่งของให้เป็นระเบียบใหม่อีกครั้ง แม้ว่ามันจะไม่นับว่าเป็นสิ่งของที่สำคัญอะไรมากนัก แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ลำบากมากหากต้องการจัดเรียงสิ่งเหล่านั้นใหม่ทั้งหมดจริง ๆ ในขณะที่จัดเรียงสิ่งของเหล่านี้ ชาร์ไป่ก็ได้ตามกลิ่นบางอย่างไปและพบเข้ากับหลุมขนาดใหญ่ที่เพิ่งถูกฝัง ภายในคือศพที่ถูกฝังเมื่อไม่นานนัก ศพนี้มีความสูงประมาณ 3 เมตรและจากลักษณะภายนอกนั้นดูได้ไม่ค่อยชัดเจนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เนื่องจากศพนั้นเน่าเปื่อยไปแล้วบ้างเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ตามมันเป็นสัตว์ประหลาดและไม่มีอะไรที่จะบรรยายถึงมันได้

        เมื่อมองดูศพนี้เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งตายไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ และเมื่อนึกถึงวิญญาณตนนั้นที่หายไปภายในห้อง ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ถึงได้เข้าใจคำพูดพวกนั้นของจอห์นนี่

        บรรยากาศในดินแดนสิงสถิตแตกต่างจากโลกภายนอก วิญญาณสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนสิงสถิตแต่ที่โลกปกติภายนอกในสายตาของมนุษย์ ดวงวิญญาณจะค่อย ๆ สลายหายไป ถ้าว่ากันแบบนี้ล่ะก็เมย์ริสที่ตายในเวลลิงตันนั้นนับว่าโชคดีกว่ามาร์ตินและคนอื่น ๆ …… ทันทีที่ไป๋อี้นึกมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะอยากตบหัวตัวเอง อะไรคือการที่เรียกว่าตายแบบโชคดีกัน การพูดแบบนี้นี่มันออกจะแปลกประหลาดเสียจริง

        “วูล์ฟ นายกับพูพูไปล่าเหยื่อกลับมาหน่อยเถอะ ฉันจะทำอาหารมื้ออร่อย”

        ไป๋อี้เห็นว่าถุง ‘เครื่องปรุงรส’ ที่เขาทำนั้นยังมีอยู่จึงพูดกับวูล์ฟอย่างช่วยไม่ได้ ถุงเครื่องปรุงรสเหล่านี้เป็นไป๋อี้ที่จัดผสมให้เข้ากันด้วยตัวเอง บางทีไป๋อี้อาจจะมีความชำนาญทางด้านพฤกษศาสตร์แต่ก็เป็นเครื่องปรุงรสโดยธรรมชาติ เขายังคงเก่งกาจกว่าคนส่วนใหญ่ในเรื่องนี้ แต่เมื่อมองไปที่ถุงเครื่องปรุงรสจากธรรมชาติที่ถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแบบนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่มาที่นี่ไม่รู้จักประโยชน์เกี่ยวกับมันเอาเสียเลย แน่นอนว่าถ้าหากเครื่องปรุงรสเหล่านี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมมันก็ไม่อร่อยจริง ๆ และอาจจะเป็นพิษจนถึงขั้นทำให้คนตายได้เลยทีเดียว

        นี่คือประเทศนิวซีแลนด์ในตอนนี้และมากกว่า 50% ของสัตว์และพืชต่างก็มีอันตรายในตัวเองทั้งนั้น

        กว่าครึ่งเดือนมานี้แม้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะยังสามารถหาอาหารในเวลลิงตันได้ แต่มันก็ไม่ได้อร่อยมากนัก พวกเขามักจะรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเวลลิงตันพวกนั้นดูเหมือนกับว่านำพาบรรยากาศผี ๆ มาด้วย

        หลังจากได้ยินคำพูดของไป๋อี้ วูล์ฟจึงยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่าเขารับรู้แล้ว ถึงแม้ว่านิวซีแลนด์จะอันตรายมากสำหรับมนุษย์ส่วนใหญ่ แต่ว่าผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นบางส่วนยังคงสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายนอกต่อไปได้ ไป๋อี้และกลุ่มของพวกเขาถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าแม้แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าที่จะประมาทมากจนเกินไป เพราะว่าเมื่อพวกเขาประมาทเกินไปก็อาจเกิดอันตรายใด ๆ ขึ้นจนถึงแก่ชีวิตได้

        แม้ว่าวูล์ฟจะมีความเฉื่อยช้าไปบ้างเล็กน้อย แม้จะเป็นคนที่ผิวเผินดูเลินเล่อ แต่ว่าแท้จริงนั้นเขาเป็นคนละเอียดอ่อนมาก จะเห็นได้ว่าผู้ชายคนนี้จะติดตามไป๋อี้มาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ได้เริ่มขึ้น เวลาที่นานขนาดนี้เขายังไม่ถูกคนที่นำมาซึ่งโชคร้ายอย่างไป๋อี้เผชิญกับเรื่องใด ๆ จนตัวตายก็เป็นอันรู้กันดีแล้ว นอกจากนี้ถึงแม้ว่าพูพูจะเป็นหมูแคระตัวหนึ่งแต่ก็ค่อนข้างที่จะฉลาดปราดเปรื่องทีเดียว

        หลังจากที่ทั้งสองออกไป ไป๋อี้และเฮลัวส์ก็จัดเตรียมสถานที่บริเวณนี้เพื่อเตรียมทำอาหาร

        “มันใสสะอาดมาก!” เฮลัวส์มองไปในน้ำที่ไหลอยู่ในแม่น้ำและเอ่ยขึ้นมา

        “อืม มันใสสะอาดจริง ๆ” ไป๋อี้พยักหน้า เดิมทีแล้วนิวซีแลนด์มีประชากรเบาบางและเวลาผ่านไปกว่า 9 เดือนแล้วนับตั้งแต่การสาบสูญไปจนหมดสิ้นของอุตสาหกรรมของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันนิวซีแลนด์ได้กลายเป็นดินแดนดึกดำบรรพ์โดยสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในแม่น้ำสายนี้ มีเพียงแต่ความบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติตลอดสาย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีการปนเปื้อนจากเซลล์ดัดแปลง ไวรัส หรือสารพิษใด ๆ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วแหล่งน้ำเหล่านี้จึงสามารถใช้ดื่มได้

        ในขณะที่ไป๋อี้และเฮลัวส์กลับมา พวกเขาพบว่าชาร์ไป่ก็กลับมาจากสถานที่อีกที่หนึ่งด้วยเช่นกัน อีกทั้งมันยังตัวเปียกปอนมาด้วย

        “ชาร์ไป่?”

        “โฮ่ง บรู๊ว” ชาร์ไป่เห่าใส่ไป๋อี้ไปครั้งหนึ่ง มันพยายามสะบัดตัวอย่างสุดกำลังเพื่อสลัดน้ำบนตัวออก จากนั้นจึงเดินไปหาโม่โม่

        “นายรู้สึกไหมว่าชาร์ไป่ช่วงนี้ดูผิดปกติไปนะ” เฮลัวส์ถามขึ้น

        “อย่างนั้นเหรอ?”

        “บางทีฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้” เฮลัวส์เห็นว่าไป๋อี้ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

        ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ไป๋อี้ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่แปลกไปของชาร์ไป่มากนัก ในความจริงแล้วเมื่อครู่นี้ชาร์ไป่เพิ่งจะไปกินศพที่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากศพเน่าเปื่อยบ้างแล้วเล็กน้อยจึงนำมาซึ่งกลิ่นที่รุนแรง ดังนั้นชาร์ไป่จึงไปอาบน้ำที่ต้นน้ำด้านล่างของแม่น้ำสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นชาร์ไป่ก็เดินมาหมอบลงที่ข้างโม่โม่อย่างเงียบ ๆ พลางหลับตาพักผ่อนร่างกาย โม่โม่รู้ว่าชาร์ไป่ไปทำอะไรมาแต่ว่าโม่โม่ไม่อยากบอกพ่อของเธอ

        ชาร์ไป่กินคน แม้ว่าจะเป็นพ่อแต่เธอก็เป็นกังวลมากจนไม่กล้าพูดอะไรออกไป

        ในใจที่บริสุทธิ์ของโม่โม่ดูเหมือนจะเดาปฏิกิริยาโต้ตอบของไป๋อี้ได้ดังนั้นเธอจึงเก็บซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ แต่ถ้าหากชาร์ไป่ยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะก็คงจะลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ด้านนอกไม่เหมือนเวลลิงตันที่ศพจะสามารถพบเจอได้ในทุก ๆ ที่ ชาร์ไป่นอนหมอบอยู่บนพื้นราวกับว่ากำลังหลับอย่างไม่สบายตัวเท่าใดนัก ศีรษะของมันขยับเล็กน้อยและกระดูกไหล่ด้านซ้ายที่งอกออกมาจากโครงร่างใกล้กับลำคอก็มีรอยแตกเล็กน้อย

        ……………

        “วูล์ฟ นายจับอะไรกลับมาเนี่ย” เมื่อเฮลัวส์เห็นเหยื่อที่วูล์ฟกำลังลากเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะต้องตื่นตกใจ

        เจ้านี่ … มันคือตัวหนอนแก้วเหรอ?

        เหยื่อที่วูล์ฟและพูพูลากมานั้นมีความยาวกว่าหนึ่งเมตร ตัวของมันหนาและอวบอ้วน ทั้งตัวยังปกคลุมไปด้วยหนวดและจุดด่างสีเขียวอมน้ำเงินกำลังเลื้อยขยุกขยิกต่อสู้ดินรนไม่หยุด นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นหนอนแก้วที่กำลังขยายใหญ่ วูล์ฟและพูพูใช้ต้นเถาวัลย์ทีละต้นมัดรวบพวกมันเข้าด้วยกันและนำกลับมาสิบกว่าตัว ตอนนี้หนอนแก้วสิบกว่าตัวเหล่านี้ยังคงขยับโค้งงอไปมาไม่หยุด หนวดและเท้าสั้น ๆ ของมันยังไม่ยอมที่จะหยุดคืบคลานอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกได้ถึงอาการขนลุก

        “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ช่วยไม่ได้ ตอนที่ฉันมองหาเหยื่อ ก็เจอกลุ่มสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการที่บินได้เข้า แต่ว่าฉันไล่จับมันไม่ได้ ฉันเจอนกพวกนั้นกำลังกินหนอนแก้วเป็นอาหารก็เลยคาดว่ามันคงไม่เป็นพิษน่ะ” วูล์ฟพูดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้จะมีสัตว์ประหลาดมากมายในนิวซีแลนด์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการหาอาหารจะทำได้ง่าย ๆ ทันใจหรืออยากจะจับอะไรก็สามารถจับได้ทันที

        “เหอะ ๆ ถึงอย่างไรไป๋อี้ก็เป็นคนจัดการกับมันต่อ ดูสิว่าเขาจะแสดงออกอย่างไร”

        สิ่งที่แสดงออกเมื่อตอนที่ไป๋อี้เห็นเจ้าหนอนแก้วอวบอ้วนกว่าสิบตัวนั้นเขาก็อึ้งไปชั่วขณะ วูล์ฟนายออกล่าหาสิ่งแปลกใหม่กว่านี้มาหน่อยได้ไหม แต่ว่าไป๋อี้ก็รู้ดีว่าบางครั้งก็เป็นแบบนี้แหละ การหาอาหารถ้าหาไม่ได้ก็คือหาไม่ได้ แค่มีอาหารกินก็ไม่เลวแล้ว

        “ลากไปที่แม่น้ำ” ไป๋อี้พูดกับวูล์ฟ

        “เข้าใจแล้ว!” วูล์ฟเห็นว่าไป๋อี้ไม่ได้พูดอะไรก็รู้เลยว่า 80% ของอาหารในวันนี้คือเจ้าตัวหนอนแก้วเหล่านี้

        ไป๋อี้มาที่แม่น้ำและหยิบมีดทำครัวออกมาหลังจากคิดได้แล้วเขาก็หยิบมีดผ่าตัดปลายแหลมเล็ก ๆ ออกมาอีก ไป๋อี้ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับส่วนผสมแปลกใหม่นี้อย่างไรดังนั้นเขาจึงเริ่มคลำสำรวจดู ไป๋อี้ใช้เจ้าตัวหนอนตัวหนึ่งเป็นตัวทดสอบการผ่าอย่างระมัดระวัง

        เขาจัดการอย่างละเอียดรอบคอบช้า ๆ และทดสอบความเป็นพิษของมัน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะมีรสชาติอร่อยหรือไม่แต่ถ้าหากว่ามันมีพิษแล้วล่ะก็คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย แม้ว่าวูล์ฟจะบอกว่านกพวกนั้นกำลังกินหนอนแก้วเป็นอาหารแต่ไป๋อี้ก็ยังไม่กล้าประมาทอยู่ดี ในท้ายที่สุดไป๋อี้ก็ตัดสินว่ามันมีพิษเล็กน้อยและด้วยวิวัฒนาการของสมรรถภาพทางกายของมนุษย์นั้นยังสามารถทนได้ แน่นอนว่าเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการแล้วในนิวซีแลนด์ตอนนี้ เพราะถ้าหากเป็นมนุษย์ธรรมดาภายนอกแล้วล่ะก็คงไม่ได้รับพรที่จะเพลิดเพลินกับอาหารประเภทนี้อย่างแน่นอน

        เป็นครั้งแรกที่ได้จัดการเจ้าหนอนแก้วแบบนี้ ไป๋อี้โยนอวัยวะภายในที่ยากต่อการจัดการออกไปทั้งหมดเหลือไว้เพียงผิวหนังที่มีไขมันด้านนอก เขาจัดการรูปลักษณ์ของเจ้าหนอนแก้วให้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความลื่นและอ่อนนุ่มเหมือนกับพุงที่อ้วนฉุถูกปรุงด้วยเครื่องปรุงที่จัดผสมให้เข้ากันโดยไป๋อี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำอาหารออกมาได้อร่อยมากตามที่คาดไว้ ไป๋อี้ลองทำอาหารแบบหลากหลายวิธีและพบว่าวิธีการใช้ความร้อนนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับหนอนแก้วชนิดนี้ ในท้ายที่สุดเขาก็ทำหม้อไฟเสียเลย

        “มันอร่อยมาก คาดไม่ถึงเลยว่าหนอนแก้วจะอร่อยขนาดนี้” วูล์ฟกินจนน้ำมันเยิ้มเต็มปาก

        “นั่นก็เป็นเพราะไป๋อี้มีฝีมือดีในเรื่องศิลปะการทำอาหารยังไงล่ะ” เฮลัวส์พูดติดตลกมาประโยคหนึ่ง

        ไป๋อี้ยิ้มเล็กน้อย ศิลปะการทำอาหารดีอย่างนั้นเหรอ ความจริงแล้วศิลปะการทำอาหารของเขายังอยู่ในระดับปานกลาง เพียงแต่เขาชำนาญในด้านการจัดการวัตถุดิบดีกว่าคนส่วนใหญ่เท่านั้นเอง แต่ว่าหนอนแก้วสิบกว่าตัวเหล่านี้ ไป๋อี้เสียทั้งกำลังและเวลาไปกว่าครึ่งวันเลยทีเดียว ในครั้งแรกที่พบกับวัตถุดิบชนิดนี้มันดูจะยุ่งยากมากจริง ๆ

        “ชาร์ไป่ไม่กินเหรอ?” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเห็นว่าชาร์ไป่ดูจะขี้เกียจนิด ๆ ในเวลานี้ ขณะนั้นเองไป๋อี้ก็หวนนึกถึงสิ่งที่เฮลัวส์เคยเตือนเขาว่าชาร์ไป่ดูผิดปกติไปเล็กน้อยในช่วงนี้

        “เอ่อ แบบว่าชาร์ไป่คงมีอาการเบื่ออาหารบ้าง เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะค่ะ” โม่โม่เอ่ยขึ้นอย่างกังวลทันที

        ไร้เดียงสาเกินไปแล้วโม่โม่ เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้แค่ถามถึงชาร์ไป่เท่านั้น เธอจะเป็นกังวลอะไรกัน ไป๋อี้มองไปที่โม่โม่และชาร์ไป่ทันทีด้วยความสงสัยว่าพวกเขากำลังทำอะไร เมื่อเห็นแววตาสงสัยในดวงตาของพ่อ ร่างกายของโม่โม่ก็ดูเกร็งตึงเครียดขึ้นมาทันที เธอยืนขวางอยู่ที่ด้านหน้าของชาร์ไป่ แต่ชาร์ไป่ยืนขึ้นมาอย่างช้า ๆ และดูเหมือนจะต้องการเผชิญหน้ากับไป๋อี้โดยตรง

          หืม?

        แต่ในเวลานี้ไป๋อี้ได้มองไปทางด้านข้าง บริเวณด้านหลังในทิศทางนั้นมีการขยับเคลื่อนไหวเล็กน้อยและบางเบาอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเวลาในชั่วขณะนั้นที่ด้านหลังบริเวณพื้นมีบางสิ่งที่ขยับอยู่ คาดว่าพวกไป๋อี้ก็คงยังจะไม่ได้ยินเสียงนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+