[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 12 หูแมว

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 12 หูแมว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

        ขณะนี้เรื่องการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดในเมืองแฮมิลตันประเทศนิวซีแลนด์ได้ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตเป็นที่เรียบร้อย ชาวนิวซีแลนด์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาตื่นตระหนกและไม่รู้จะทำอย่างไร ในขณะที่ผู้คนจากประเทศอื่น ๆ รู้สึกราวกับได้ดูการแสดงภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน ซึ่งตราบใดที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตรง พวกเขาจะมารู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่แท้จริงได้อย่างไร

 

  และนอกเหนือจากนั้น ขณะนี้บุคคลระดับสูงของนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ได้บินไปยังประเทศอื่นเพื่อขอลี้ภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหัวหน้ารัฐบาลนิวซีแลนด์ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างปกติ แต่ต้องมี … การกักตัว!

 

        ประเทศใหญ่ ๆ เหล่านั้นรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในนิวซีแลนด์ และตอนนี้บุคคลระดับสูงที่ยื่นขอลี้ภัยเหล่านี้

 

        ทุกคนน่าจะมี …….. เซลล์ดัดแปลงแฝงอยู่ในร่างกาย จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะอพยพออกไปง่าย ๆ ราวกับเป็นเหตุการณ์ปกติ และไม่เพียงแค่นั้น ทุกประเทศยังออกคำสั่งให้ทุกคนที่ออกมาจากนิวซีแลนด์จะต้องถูกกักตัวแยกออกมาคนเดียวไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม

 

        ล้อเล่นน่า  แม้แต่นายกรัฐมนตรีแห่งนิวซีแลนด์ยังถูกกักตัวแล้วบุคคลระดับสูงอื่น ๆ จะเป็นอย่างไรได้?

 

  ——————————————

 

        บางทีอาจเป็นเพราะมาร์ตินที่ไป๋อี้พามาบอกข่าวสำคัญเช่นนี้กับทุกคน หรือบางทีอาจเป็นเพราะไป๋อี้ที่หนีรอดพ้นจากปากของปีศาจมาได้ ถึงส่งผลให้ในเวลานี้ไป๋อี้ได้รับความเชื่อใจจากคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก หลังจากการตัดสินของเขาก็ไม่มีใครคัดค้านสักคน หรือบางทีในใจของทุกคนอาจเชื่อมั่นในตัวของไป๋อี้ไปแทบทั้งใจแล้วก็เป็นได้ แต่ในตอนนี้ทุกคนยังคงรู้สึกกังวลมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในนิวซีแลนด์และยังคงเปิดดูข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง

 

        เป็นเวลาครึ่งวันแล้วที่สัตว์ประหลาดต่าง ๆ ปรากฏตัวในแฮมิลตันและมีภาพสัตว์ประหลาดจำนวนมากปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ต ดูจากภาพนี้แล้วจะเห็นได้ว่าเป็นอย่างที่มาร์ตินกล่าวไว้ สัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นลูกผสมที่บริสุทธิ์ของยีนจากสัตว์ชนิดต่าง ๆ หลายตัวซึ่งสามารถมองเห็นได้คร่าว ๆ ว่ามีความเป็นมนุษย์อยู่ด้วย แต่ตอนนี้รูปลักษณ์ของพวกมันช่างดูน่าขยะแขยงอะไรอย่างนี้

  

        ในบรรดาสัตว์ประหลาดเหล่านี้ภาพถ่ายที่เห็นลักษณะอย่างละเอียดที่สุดและน่าประหลาดใจที่สุดคือปีศาจอสรพิษยักษ์ที่ไป๋อี้และพวกเขาพบเจอ ไม่รู้ว่าช่างภาพถ่ายมันได้จากมุมไหนถึงได้ชัดมากขนาดนี้ รูปลักษณ์ที่น่าเกลียดและดุร้ายขณะที่มันกำลังเลื้อยไปมารอบตึกถูกบันทึกภาพไว้ได้ รวมถึงเหตุการณ์ขณะที่ไป๋อี้และวูล์ฟวิ่งมาตามพื้นผิวกำแพงก็ถูกบันทึกไว้ได้เช่นกัน สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีโดยไม่ต้องสงสัยว่าสิ่งที่วูล์ฟเล่าไม่ได้เป็นเพียงการพูดโอ้อวดเกินจริงเท่านั้น

 

        เป็นที่น่าเสียดายที่แม้ว่ากล้องจะถ่ายติดตามทั้งสองคนไปแต่เนื่องจากปัญหาเรื่องมุมทำให้พวกเขาไม่เห็นว่าไป๋อี้และวูล์ฟหนีออกมาได้อย่างไร เนื่องจากนี่ไม่ใช่การถ่ายทำภาพยนตร์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

        “ลุงไป๋ พวกเราจะต้องพักผ่อนกันแถวนี้จริง ๆ เหรอ แล้วเจ้าสัตว์ประหลาดล่ะ!” หงฉี่ฮว๋าถาม

 

        “มาร์ติน สัตว์ประหลาดพวกนั้นจะไล่ตามเรามาถึงที่นี่หรือไม่” ไป๋อี้ถามมาร์ตินกลับ

 

        “น่าจะไม่ตามมาถึงนี่นะ สัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน พวกมันแค่ปฏิบัติต่อมนุษย์เสมือนเป็นอาหารเท่านั้น สถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนืออยู่ห่างจากที่นี่มาก ดังนั้นพวกมันคงไม่วิ่งมาถึงที่นี่เร็วขนาดนั้นหรอก” มาร์ตินอธิบาย

 

  “งั้นก็ดีเลย หวังว่านายจะพูดถูกนะ” ไป๋อี้พยักหน้า

 

  “คืนนี้พักผ่อนแถวนี้กันก่อน วันนี้หนีกันมาทั้งวัน ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันมากแล้ว” ไป๋อี้บอกกับหงฉี่ฮว๋า

 

        หงฉี่ฮว๋ามองไปที่ไป๋อี้ จากนั้นก็มองกลับไปยังคนอื่น ๆ แล้วพยักหน้า คนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่เป็นไร พวกเขาก็แค่จิตตกเท่านั้น แต่สำหรับไป๋อี้และวูล์ฟ ถึงแม้ว่าเขาทั้งสองจะหนีออกมาจากปีศาจอสรพิษยักษ์ได้ แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่มากและต้องการการพักผ่อนจริง ๆ

 

  ……

 

        ประเทศนิวซีแลนด์มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีประชากรเบาบาง และโอฮาวโปก็ไม่ใช่สถานที่ที่กว้างใหญ่มากนัก ดังนั้นอย่าแม้แต่จะคิดถึงโรงแรมเลย แต่อย่างไรก็ตามพวกเขายังสามารถหาที่พักว่าง ๆ บริเวณนั้นได้และมันก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหลังจากที่เจ้าของที่นี่เห็นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่แฮมิลตันผ่านทางอินเทอร์เน็ตก็ไม่รู้ว่าเขาหนีหายไปที่ไหนเสียแล้ว

 

        ในตอนแรกยังมีคนที่ยึดมั่นกับกฎทางจริยธรรมอย่างเคร่งครัดและไม่เต็มใจที่จะพังประตูเข้าไปเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากไป๋อี้เปิดประตูเข้าไปได้ ก็ไม่มีใครยอมทนลมหนาวอยู่ข้างนอกแม้แต่คนเดียว

 

        ไม่มีใครสามารถเข้านอนเร็วได้ในขณะนี้ เพราะในเวลาสั้น ๆ เพียง 2 วัน มีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย จึงไม่มีใครสงบจิตใจลงได้

 

        หยูหานหยิบมีดดาบยาวของเขาเข้าไปในลานบ้านพักชั่วคราวหลังนี้ หลังจากยืนอยู่สักพัก หยูหานก็เริ่มขยับร่างกายช้า ๆ ซึ่งก็คือการออกลีลามวยไทเก๊ก การเคลื่อนไหวของหยูหานนั้นไม่ได้มาตรฐานมากนักและในสังคมปัจจุบันแน่นอนว่ามันไม่ใช่การรำไทเก๊กที่มีอานุภาพแข็งแกร่งอะไรเหมือนในนวนิยาย ก็แค่เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายตามวิธีแบบไทเก็กเท่านั้น

 

        มีห้องพักจำนวนมากในบ้านพักชั่วคราวหลังนี้ ทุกคนสามารถแบ่งห้องกันได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นทีมเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลภายในทีมก็ยังคงมีความซับซ้อนมาก บางคนก็มีความคิดที่รอบคอบเป็นของตัวเอง พวกเขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ไป๋อี้และมาร์ตินพูดก่อนหน้านี้ ในขณะที่บางคนก็แอบตั้งประเด็นกันอย่างลับ ๆ นี่แหละหนาใจคน!

 

  ……

 

  14 คน

 

  ไป๋อี้ โม่โม่ รวมถึงวูล์ฟเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากที่วูล์ฟถูกไป๋อี้พาตัวหนีมาจากสถานการณ์อันตรายนั้น เขาก็รู้สึกชื่นชมไป๋อี้มากยิ่งขึ้นไปอีก

 

  คู่รักสองคู่ ที่ประกอบไปด้วยหยูหานกับเบลลิก้าทีน่า ฉินข่ายรุ่ยกับเจียงหลินหลิน

 

  นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้ชายอีก 3 คน ได้แก่ ฮั้วชิวหยาง ถังผิง แรนด์กริฟฟิน และผู้หญิงอีก 3 คน ได้แก่ หงฉี่ฮว๋า ไต้ยู่เหยา หนิงเสวี่ย

 

  ส่วนกานจื่อหมิงเสียชีวิตด้วยปากของปีศาจอสรพิษยักษ์ แต่ตอนนี้ก็มีมาร์ตินเพิ่มเข้ามาอีกคน

 

       ในบรรดาผู้คนทั้งหมดหนิงเสวี่ยและแรนด์กริฟฟินแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย หนิงเสวี่ยเป็นคนเงียบมาก ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยมีความเห็นเป็นของตัวเองสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเธอก็เอาเเต่ติดตามทุกคนมาโดยตลอด ส่วนแรนด์เขาก็ไม่ได้มีสถานะอะไรมากมายในทีมนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ตามมาถึงนี่เพียงเพื่อติดตามหนิงเสวี่ยมาเท่านั้น คนส่วนใหญ่ในทีมนี้เป็นเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยน ส่วนเขาเป็นชาวนิวซีแลนด์และรู้สึกว่าอาจไม่มีใครฟังสิ่งที่เขาพูดเท่าไรนัก

 

  ……

 

        “เยี่ยมไปเลยที่คุณยังมีชีวิตอยู่” หลังจากไป๋อี้ปรับตัวได้แล้วเขาก็โทรหาซาร่าทันที หลังจากรอมานาน ในที่สุดซาร่าก็รับโทรศัพท์

 

        “ไป๋อี้คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม โม่โม่สบายดีไหม” ซาร่าไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนและเสียงรอบข้างก็ดังมาก

 

        “พวกเราไม่เป็นอะไร ฟังให้ดีนะ สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูน่าเหลือเชื่อแต่มันก็เป็นเรื่องจริง” ไป๋อี้ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ แต่เขาได้นำเอาข้อมูลจากจากมาร์ตินมาบอกซาร่าโดยตรง

 

        “ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม!” เห็นได้ชัดว่าซาร่าประหลาดใจมาก

 

        “ผมก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันเป็นความจริง สรุปว่าคุณไปถึงที่โอโทโรฮังกา (Otorohanga) ก่อนแล้วใช่ไหม ระวังความปลอดภัยด้วยนะ เราจะไปที่นั่นด้วยเช่นกันและคาดว่าจะไปถึงอย่างช้าที่สุดในวันพรุ่งนี้ อีกอย่างผมไม่สามารถติดต่อดร.เมย์ริสได้ ถ้าคุณติดต่อเธอได้การรวมกลุ่มอยู่ด้วยกันไว้จะเป็นการดีที่สุด” ไป๋อี้กล่าว ซาร่าเดินทางเร็วกว่าพวกไป๋อี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะไปถึงที่โอโทโรฮังกาเรียบร้อยแล้ว

 

        “เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วยนะ” ซาร่าเน้นย้ำ

 

        “อืม!” ไป๋อี้วางสาย จากนั้นก็เหลือบไปเห็นใบหน้าน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของโม่โม่

 

        “ไม่ต้องกังวล ดร.เมย์ริสจะสบายดีและซาร่าก็ปลอดภัยดี” ไป๋อี้กล่าว ดร.เมย์ริสเป็นแพทย์หญิงที่ให้การรักษาฉุกเฉินแก่โม่โม่ ส่วนซาร่านั้นเป็นพยาบาลตัวน้อยที่บิดหูของไป๋อี้ในตอนนั้น ความเป็นอยู่ของไป๋อี้ในนิวซีแลนด์ก็ล้วนได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาทั้งสิ้น

 

        “อืม” โม่โม่พยักหน้า

 

        ไป๋อี้เห็นโม่โม่เป็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขยี้หัวของเด็กน้อยและเดินไปที่ชั้นดาดฟ้าพร้อมกับเธอ หลังจากมาถึงชั้นดาดฟ้าไป๋อี้และโม่โม่ก็พบว่ามีคนอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

 

        “เธอไม่ติดต่อกับครอบครัวของเธอเหรอ” ไป๋อี้พาโม่โม่ขึ้นมาดูดวงดาวและพบว่าหงฉี่ฮว๋าก็อยู่บนดาดฟ้าเช่นกัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม

 

        “ฉันเป็นเด็กกำพร้า!” หงฉี่ฮว๋าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

        “ขอโทษนะ!”

 

        “ไม่เป็นไรหรอก ก็มันเป็นความจริง” หงฉี่ฮว๋าส่ายหัวราวกับว่าเธอไม่ได้แยแสมัน “ลุงไป๋คุณคิดว่าคำพูดของมาร์ตินเป็นความจริงแค่ไหน?”

 

        “มากกว่า 80%” ไป๋อี้ตอบกลับตามการเปลี่ยนประเด็นของหงฉี่ฮว๋า

 

        “นั่นหมายความว่ามันเกือบจะเป็นเรื่องจริง”

 

        “ใช่ … น่าเสียดายที่หลายคนยังไม่เชื่อ” หลังจากไป๋อี้พูดจบ เขาก็ไม่พูดต่อ แต่เขากลับพาโม่โม่ไปดูดาวบนดาดฟ้าแทน ในขณะที่ชาร์ไป่เดินตามโม่โม่มาอย่างอืดอาดดูแล้วราวกับมันไม่มีแรงจูงใจที่จะตามไปด้วย                   

    

         ในเวลานี้หลายคนกำลังคิดหาวิธีติดต่อสื่อสารกับครอบครัวของตน ขณะนี้นิวซีแลนด์ยังไม่ถึงกับตกอยู่ในความอลหม่านอย่างสมบูรณ์โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตยังสามารถใช่ได้อยู่

 

  “กรี๊ดดดดดดด…………!”

 

        ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหญิงสาวกรีดร้องเสียงดังจากในบ้านพักชั่วคราว

 

        ไป๋อี้รีบออกไปทันที ในเวลาเดียวกันนั้นก็บอกกับหงฉี่ฮว๋าว่า “ช่วยฉันดูแลโม่โม่ด้วย”

 

        ตอนแรกหงฉี่ฮว๋าคิดจะรีบวิ่งออกไปตามเสียงด้วย แต่กลับต้องชะลอตัวลงทันทีเมื่อได้ยินว่าเธอต้องดูแลโม่โม่ จากนั้นจึงพาโม่โม่เดินลงไปชั้นล่าง ชาร์ไป่ก็เดินตามไปพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเธอมาถึงชั้นสองก็พบกับกลุ่มคนที่มารวมตัวกันที่นี่ หยูหานขวางทุกคนไว้อย่างเขินอาย รอยฝ่ามือประทับอยู่บนหน้าของเขา และสิ่งที่อยู่หลังเขาก็คือห้องน้ำ

 

        “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร หนิงเสวี่ยมีปัญหาบางอย่าง อีกเดี๋ยวก็คงออกมา” หยูหานอธิบายกับทุกคน ทำให้เห็นว่าเขามาถึงที่นี่เร็วที่สุด

 

        หลังจากนั้นไม่นานหนิงเสวี่ยก็เดินหน้าแดงออกมา

 

        “หนิงเสวี่ย เธฮเป็นอย่างไรบ้าง หนิงเสวี่ย!” ไต้ยู่เหยารีบเข้าไปจับมือของหนิงเสวี่ยและถามอย่างกังวล ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็คอยดูอยู่อย่างระแวดระวัง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วเหตุใดหนิงเสวี่ยถึงกรีดร้องในห้องน้ำเสียงดังจนดึงดูดทุกคนมาที่นี่? อย่างไรก็ตามหลังจากดูอย่างละเอียด ทุกคนก็ตะลึงตาค้าง …… นั่นคือคอสเพลย์หรือเปล่า? เหตุใดเสวี่ยหนิงถึงได้ใส่หูแมว?

 

        “หนิงเสวี่ย เธอเป็นอะไร” ไต้ยู่เหยาใช้มือลูบเบา ๆ

 

        “ลุงไป๋ ทุกคน ฉัน ฉัน … มีหูแมวโผล่ออกมา” หนิงเสวี่ยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรและร้องไห้ขณะที่เธอพูด

 

        “อย่าร้องไห้อย่าร้องไห้ พูดดี ๆ มีเรื่องอะไร”

 

        หลังจากที่ทุกคนมาถึงห้องนั่งเล่นพวกเขาก็ถามถึงรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าหลังจากที่หนิงเสวี่ยมาถึงที่บ้านพักชั่วคราว เธอพบว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ยังอยู่ครบครัน ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะอาบน้ำ แต่เมื่อเธอมองไปในกระจกขณะอาบน้ำ กลับพบว่าหูของเธอเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง มีขนขึ้นที่หูของเธอ เห็นดังนั้นเธอจึงลองสัมผัสมันดูสองครั้ง ก่อนที่จะรู้ว่านั่นคือหูของเธอจริง ๆ เธอจึงรับไม่ได้ พอเวลาผ่านไปสักพักเลยกรีดร้องออกมา จากนั้นทุกคนถึงได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอและพากันรีบมาที่นี่

 

        ฮั้วชิวหยางและถังผิงมองไปที่หยูหาน ในที่สุดก็เข้าใจว่ารอยตบที่หน้าของหยูหานมาได้อย่างไร คาดว่าเขาคงรีบผลุนผลันตรงเข้าไปในห้องน้ำจึงโดนตบหน้าเข้าให้

 

        แต่ถึงอย่างไรมันก็คุ้มค่า สาวลูกครึ่ง … หนิงเสวี่ยคนนี้เป็นคนสวยมาก อ่อนโยนและสงบเรียบร้อย เธอยังไม่มีแฟน แล้วสาวงามคนนี้จะไม่เป็นที่นิยมได้อย่างไร แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นคนตรง ๆ ทำอะไรไม่ไว้หน้าใคร คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กหยูหานจะเป็นผู้โชคดีที่ได้เห็นความงามจากอ่างอาบน้ำ

 

        ในขณะนี้หยูหานยังตกอยู่ในภวังค์ส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงามของหนิงเสวี่ยและดอกตูมสีแดงยังคงอยู่ในความคิดของเขา ไม่ใช่ว่าหยูหานไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน แต่ด้วยสถานภาพของเขาผู้หญิงที่เขาพบจึงไม่น่าพิศสมัยนัก จะเปรียบเทียบกับผู้หญิงอย่างหนิงเสวี่ยได้อย่างไร อีกทั้งเบลลิก้าทีน่า …… ก็อ้วนมากจนไม่อยากให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเลย

 

        ทันใดนั้นหยูหานก็สังเกตเห็นมือบนไหล่ของเขา จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเบลลิก้าทีน่ากำลังมองมาที่เขาตาเขียวด้วยความโกรธ ในสายตาของคนนอกหยูหานและเบลลิก้าทีน่าเป็นแฟนกันจริง ๆ จัง ๆ และตอนนี้แฟนของเธอเห็นร่างเปลือยของหญิงสาวคนอื่นแล้ว ถ้าเบลลิก้าทีน่าจะโกรธก็ไม่แปลกใจ

 

        “เห็นแล้วใช่ไหม?”

        

        “ปล่อยมือ“

 

        “นายเห็นหรือไม่” เสียงของเบลลิก้าทีน่างอแงเล็กน้อย

 

        “ฉันบอกให้ปล่อย” หยูหานมองไปที่ใบหน้ากลมดิ๊กที่เป็นสิวของเบลลิก้าทีน่า ทันใดนั้นใบหน้าแสนสวยของหนิงเสวี่ยก็ปรากฏขึ้น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกคลื่นไส้และได้เป็นอิสระจากมือขวาของเบลลิก้าทีน่า

 

        คนอื่น ๆ เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรออกไปได้

 

        แม้แต่หนิงเสวี่ย ในตอนนี้เธอก็ไม่อยากที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับเรื่องนี้แล้ว จะว่าไปเรื่องนี้หยูหานเองก็ไม่ผิด เมื่อมีคนกรีดร้องในห้องน้ำ คนอื่น ๆเป็นห่วงก็เลยตามมาดู กลับมีเขาคนเดียวที่ต้องพบกับชะตากรรมขมขื่น

  

        หลังจากหงฉี่ฮว๋าและไต้ยู่เหยาตรวจสอบหูของหนิงเสวี่ยอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาก็พยักหน้าให้ทุกคน มันเป็นหูของจริงไม่ใช่เครื่องประดับสำหรับคอสเพลย์ เมื่อยืนยันข้อเท็จจริงข้อนี้แล้วก็ไม่มีใครมีอารมณ์สนใจเรื่องอื่นอีก การเปลี่ยนแปลงของหนิงเสวี่ยเป็นการยืนยันคำพูดของมาร์ตินได้อย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากการผสานรวมเข้ากับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ลักษณะของร่างกายมนุษย์จะค่อย ๆ เปลี่ยนไป

 

        “ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน!” ไป๋อี้พูดกับทุกคน

 

        วันนี้ทุกคนเครียดประสาทแตกกันมามากพอแล้ว ทำให้เวลานี้พวกเขาก็เริ่มหมดแรงเต็มที หลังจากได้ยินดังนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเอง

 

                                                                  ———————–

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                    https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 12 หูแมว

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 12 หูแมว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

        ขณะนี้เรื่องการปรากฏตัวของสัตว์ประหลาดในเมืองแฮมิลตันประเทศนิวซีแลนด์ได้ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตเป็นที่เรียบร้อย ชาวนิวซีแลนด์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาตื่นตระหนกและไม่รู้จะทำอย่างไร ในขณะที่ผู้คนจากประเทศอื่น ๆ รู้สึกราวกับได้ดูการแสดงภาพยนตร์เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน ซึ่งตราบใดที่พวกเขาไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตรง พวกเขาจะมารู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่แท้จริงได้อย่างไร

 

  และนอกเหนือจากนั้น ขณะนี้บุคคลระดับสูงของนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ได้บินไปยังประเทศอื่นเพื่อขอลี้ภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหัวหน้ารัฐบาลนิวซีแลนด์ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างปกติ แต่ต้องมี … การกักตัว!

 

        ประเทศใหญ่ ๆ เหล่านั้นรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในนิวซีแลนด์ และตอนนี้บุคคลระดับสูงที่ยื่นขอลี้ภัยเหล่านี้

 

        ทุกคนน่าจะมี …….. เซลล์ดัดแปลงแฝงอยู่ในร่างกาย จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะอพยพออกไปง่าย ๆ ราวกับเป็นเหตุการณ์ปกติ และไม่เพียงแค่นั้น ทุกประเทศยังออกคำสั่งให้ทุกคนที่ออกมาจากนิวซีแลนด์จะต้องถูกกักตัวแยกออกมาคนเดียวไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม

 

        ล้อเล่นน่า  แม้แต่นายกรัฐมนตรีแห่งนิวซีแลนด์ยังถูกกักตัวแล้วบุคคลระดับสูงอื่น ๆ จะเป็นอย่างไรได้?

 

  ——————————————

 

        บางทีอาจเป็นเพราะมาร์ตินที่ไป๋อี้พามาบอกข่าวสำคัญเช่นนี้กับทุกคน หรือบางทีอาจเป็นเพราะไป๋อี้ที่หนีรอดพ้นจากปากของปีศาจมาได้ ถึงส่งผลให้ในเวลานี้ไป๋อี้ได้รับความเชื่อใจจากคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก หลังจากการตัดสินของเขาก็ไม่มีใครคัดค้านสักคน หรือบางทีในใจของทุกคนอาจเชื่อมั่นในตัวของไป๋อี้ไปแทบทั้งใจแล้วก็เป็นได้ แต่ในตอนนี้ทุกคนยังคงรู้สึกกังวลมากเกี่ยวกับสถานการณ์ในนิวซีแลนด์และยังคงเปิดดูข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง

 

        เป็นเวลาครึ่งวันแล้วที่สัตว์ประหลาดต่าง ๆ ปรากฏตัวในแฮมิลตันและมีภาพสัตว์ประหลาดจำนวนมากปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ต ดูจากภาพนี้แล้วจะเห็นได้ว่าเป็นอย่างที่มาร์ตินกล่าวไว้ สัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นลูกผสมที่บริสุทธิ์ของยีนจากสัตว์ชนิดต่าง ๆ หลายตัวซึ่งสามารถมองเห็นได้คร่าว ๆ ว่ามีความเป็นมนุษย์อยู่ด้วย แต่ตอนนี้รูปลักษณ์ของพวกมันช่างดูน่าขยะแขยงอะไรอย่างนี้

  

        ในบรรดาสัตว์ประหลาดเหล่านี้ภาพถ่ายที่เห็นลักษณะอย่างละเอียดที่สุดและน่าประหลาดใจที่สุดคือปีศาจอสรพิษยักษ์ที่ไป๋อี้และพวกเขาพบเจอ ไม่รู้ว่าช่างภาพถ่ายมันได้จากมุมไหนถึงได้ชัดมากขนาดนี้ รูปลักษณ์ที่น่าเกลียดและดุร้ายขณะที่มันกำลังเลื้อยไปมารอบตึกถูกบันทึกภาพไว้ได้ รวมถึงเหตุการณ์ขณะที่ไป๋อี้และวูล์ฟวิ่งมาตามพื้นผิวกำแพงก็ถูกบันทึกไว้ได้เช่นกัน สิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีโดยไม่ต้องสงสัยว่าสิ่งที่วูล์ฟเล่าไม่ได้เป็นเพียงการพูดโอ้อวดเกินจริงเท่านั้น

 

        เป็นที่น่าเสียดายที่แม้ว่ากล้องจะถ่ายติดตามทั้งสองคนไปแต่เนื่องจากปัญหาเรื่องมุมทำให้พวกเขาไม่เห็นว่าไป๋อี้และวูล์ฟหนีออกมาได้อย่างไร เนื่องจากนี่ไม่ใช่การถ่ายทำภาพยนตร์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

        “ลุงไป๋ พวกเราจะต้องพักผ่อนกันแถวนี้จริง ๆ เหรอ แล้วเจ้าสัตว์ประหลาดล่ะ!” หงฉี่ฮว๋าถาม

 

        “มาร์ติน สัตว์ประหลาดพวกนั้นจะไล่ตามเรามาถึงที่นี่หรือไม่” ไป๋อี้ถามมาร์ตินกลับ

 

        “น่าจะไม่ตามมาถึงนี่นะ สัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน พวกมันแค่ปฏิบัติต่อมนุษย์เสมือนเป็นอาหารเท่านั้น สถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนืออยู่ห่างจากที่นี่มาก ดังนั้นพวกมันคงไม่วิ่งมาถึงที่นี่เร็วขนาดนั้นหรอก” มาร์ตินอธิบาย

 

  “งั้นก็ดีเลย หวังว่านายจะพูดถูกนะ” ไป๋อี้พยักหน้า

 

  “คืนนี้พักผ่อนแถวนี้กันก่อน วันนี้หนีกันมาทั้งวัน ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันมากแล้ว” ไป๋อี้บอกกับหงฉี่ฮว๋า

 

        หงฉี่ฮว๋ามองไปที่ไป๋อี้ จากนั้นก็มองกลับไปยังคนอื่น ๆ แล้วพยักหน้า คนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่เป็นไร พวกเขาก็แค่จิตตกเท่านั้น แต่สำหรับไป๋อี้และวูล์ฟ ถึงแม้ว่าเขาทั้งสองจะหนีออกมาจากปีศาจอสรพิษยักษ์ได้ แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่มากและต้องการการพักผ่อนจริง ๆ

 

  ……

 

        ประเทศนิวซีแลนด์มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีประชากรเบาบาง และโอฮาวโปก็ไม่ใช่สถานที่ที่กว้างใหญ่มากนัก ดังนั้นอย่าแม้แต่จะคิดถึงโรงแรมเลย แต่อย่างไรก็ตามพวกเขายังสามารถหาที่พักว่าง ๆ บริเวณนั้นได้และมันก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะหลังจากที่เจ้าของที่นี่เห็นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่แฮมิลตันผ่านทางอินเทอร์เน็ตก็ไม่รู้ว่าเขาหนีหายไปที่ไหนเสียแล้ว

 

        ในตอนแรกยังมีคนที่ยึดมั่นกับกฎทางจริยธรรมอย่างเคร่งครัดและไม่เต็มใจที่จะพังประตูเข้าไปเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามหลังจากไป๋อี้เปิดประตูเข้าไปได้ ก็ไม่มีใครยอมทนลมหนาวอยู่ข้างนอกแม้แต่คนเดียว

 

        ไม่มีใครสามารถเข้านอนเร็วได้ในขณะนี้ เพราะในเวลาสั้น ๆ เพียง 2 วัน มีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย จึงไม่มีใครสงบจิตใจลงได้

 

        หยูหานหยิบมีดดาบยาวของเขาเข้าไปในลานบ้านพักชั่วคราวหลังนี้ หลังจากยืนอยู่สักพัก หยูหานก็เริ่มขยับร่างกายช้า ๆ ซึ่งก็คือการออกลีลามวยไทเก๊ก การเคลื่อนไหวของหยูหานนั้นไม่ได้มาตรฐานมากนักและในสังคมปัจจุบันแน่นอนว่ามันไม่ใช่การรำไทเก๊กที่มีอานุภาพแข็งแกร่งอะไรเหมือนในนวนิยาย ก็แค่เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายตามวิธีแบบไทเก็กเท่านั้น

 

        มีห้องพักจำนวนมากในบ้านพักชั่วคราวหลังนี้ ทุกคนสามารถแบ่งห้องกันได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นทีมเดียวกัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลภายในทีมก็ยังคงมีความซับซ้อนมาก บางคนก็มีความคิดที่รอบคอบเป็นของตัวเอง พวกเขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ไป๋อี้และมาร์ตินพูดก่อนหน้านี้ ในขณะที่บางคนก็แอบตั้งประเด็นกันอย่างลับ ๆ นี่แหละหนาใจคน!

 

  ……

 

  14 คน

 

  ไป๋อี้ โม่โม่ รวมถึงวูล์ฟเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากที่วูล์ฟถูกไป๋อี้พาตัวหนีมาจากสถานการณ์อันตรายนั้น เขาก็รู้สึกชื่นชมไป๋อี้มากยิ่งขึ้นไปอีก

 

  คู่รักสองคู่ ที่ประกอบไปด้วยหยูหานกับเบลลิก้าทีน่า ฉินข่ายรุ่ยกับเจียงหลินหลิน

 

  นอกจากนี้แล้ว ยังมีผู้ชายอีก 3 คน ได้แก่ ฮั้วชิวหยาง ถังผิง แรนด์กริฟฟิน และผู้หญิงอีก 3 คน ได้แก่ หงฉี่ฮว๋า ไต้ยู่เหยา หนิงเสวี่ย

 

  ส่วนกานจื่อหมิงเสียชีวิตด้วยปากของปีศาจอสรพิษยักษ์ แต่ตอนนี้ก็มีมาร์ตินเพิ่มเข้ามาอีกคน

 

       ในบรรดาผู้คนทั้งหมดหนิงเสวี่ยและแรนด์กริฟฟินแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย หนิงเสวี่ยเป็นคนเงียบมาก ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยมีความเห็นเป็นของตัวเองสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาเธอก็เอาเเต่ติดตามทุกคนมาโดยตลอด ส่วนแรนด์เขาก็ไม่ได้มีสถานะอะไรมากมายในทีมนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ตามมาถึงนี่เพียงเพื่อติดตามหนิงเสวี่ยมาเท่านั้น คนส่วนใหญ่ในทีมนี้เป็นเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยน ส่วนเขาเป็นชาวนิวซีแลนด์และรู้สึกว่าอาจไม่มีใครฟังสิ่งที่เขาพูดเท่าไรนัก

 

  ……

 

        “เยี่ยมไปเลยที่คุณยังมีชีวิตอยู่” หลังจากไป๋อี้ปรับตัวได้แล้วเขาก็โทรหาซาร่าทันที หลังจากรอมานาน ในที่สุดซาร่าก็รับโทรศัพท์

 

        “ไป๋อี้คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม โม่โม่สบายดีไหม” ซาร่าไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนและเสียงรอบข้างก็ดังมาก

 

        “พวกเราไม่เป็นอะไร ฟังให้ดีนะ สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้อาจจะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูน่าเหลือเชื่อแต่มันก็เป็นเรื่องจริง” ไป๋อี้ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ แต่เขาได้นำเอาข้อมูลจากจากมาร์ตินมาบอกซาร่าโดยตรง

 

        “ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม!” เห็นได้ชัดว่าซาร่าประหลาดใจมาก

 

        “ผมก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันเป็นความจริง สรุปว่าคุณไปถึงที่โอโทโรฮังกา (Otorohanga) ก่อนแล้วใช่ไหม ระวังความปลอดภัยด้วยนะ เราจะไปที่นั่นด้วยเช่นกันและคาดว่าจะไปถึงอย่างช้าที่สุดในวันพรุ่งนี้ อีกอย่างผมไม่สามารถติดต่อดร.เมย์ริสได้ ถ้าคุณติดต่อเธอได้การรวมกลุ่มอยู่ด้วยกันไว้จะเป็นการดีที่สุด” ไป๋อี้กล่าว ซาร่าเดินทางเร็วกว่าพวกไป๋อี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะไปถึงที่โอโทโรฮังกาเรียบร้อยแล้ว

 

        “เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วยนะ” ซาร่าเน้นย้ำ

 

        “อืม!” ไป๋อี้วางสาย จากนั้นก็เหลือบไปเห็นใบหน้าน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของโม่โม่

 

        “ไม่ต้องกังวล ดร.เมย์ริสจะสบายดีและซาร่าก็ปลอดภัยดี” ไป๋อี้กล่าว ดร.เมย์ริสเป็นแพทย์หญิงที่ให้การรักษาฉุกเฉินแก่โม่โม่ ส่วนซาร่านั้นเป็นพยาบาลตัวน้อยที่บิดหูของไป๋อี้ในตอนนั้น ความเป็นอยู่ของไป๋อี้ในนิวซีแลนด์ก็ล้วนได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาทั้งสิ้น

 

        “อืม” โม่โม่พยักหน้า

 

        ไป๋อี้เห็นโม่โม่เป็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขยี้หัวของเด็กน้อยและเดินไปที่ชั้นดาดฟ้าพร้อมกับเธอ หลังจากมาถึงชั้นดาดฟ้าไป๋อี้และโม่โม่ก็พบว่ามีคนอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว

 

        “เธอไม่ติดต่อกับครอบครัวของเธอเหรอ” ไป๋อี้พาโม่โม่ขึ้นมาดูดวงดาวและพบว่าหงฉี่ฮว๋าก็อยู่บนดาดฟ้าเช่นกัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม

 

        “ฉันเป็นเด็กกำพร้า!” หงฉี่ฮว๋าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

        “ขอโทษนะ!”

 

        “ไม่เป็นไรหรอก ก็มันเป็นความจริง” หงฉี่ฮว๋าส่ายหัวราวกับว่าเธอไม่ได้แยแสมัน “ลุงไป๋คุณคิดว่าคำพูดของมาร์ตินเป็นความจริงแค่ไหน?”

 

        “มากกว่า 80%” ไป๋อี้ตอบกลับตามการเปลี่ยนประเด็นของหงฉี่ฮว๋า

 

        “นั่นหมายความว่ามันเกือบจะเป็นเรื่องจริง”

 

        “ใช่ … น่าเสียดายที่หลายคนยังไม่เชื่อ” หลังจากไป๋อี้พูดจบ เขาก็ไม่พูดต่อ แต่เขากลับพาโม่โม่ไปดูดาวบนดาดฟ้าแทน ในขณะที่ชาร์ไป่เดินตามโม่โม่มาอย่างอืดอาดดูแล้วราวกับมันไม่มีแรงจูงใจที่จะตามไปด้วย                   

    

         ในเวลานี้หลายคนกำลังคิดหาวิธีติดต่อสื่อสารกับครอบครัวของตน ขณะนี้นิวซีแลนด์ยังไม่ถึงกับตกอยู่ในความอลหม่านอย่างสมบูรณ์โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตยังสามารถใช่ได้อยู่

 

  “กรี๊ดดดดดดด…………!”

 

        ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหญิงสาวกรีดร้องเสียงดังจากในบ้านพักชั่วคราว

 

        ไป๋อี้รีบออกไปทันที ในเวลาเดียวกันนั้นก็บอกกับหงฉี่ฮว๋าว่า “ช่วยฉันดูแลโม่โม่ด้วย”

 

        ตอนแรกหงฉี่ฮว๋าคิดจะรีบวิ่งออกไปตามเสียงด้วย แต่กลับต้องชะลอตัวลงทันทีเมื่อได้ยินว่าเธอต้องดูแลโม่โม่ จากนั้นจึงพาโม่โม่เดินลงไปชั้นล่าง ชาร์ไป่ก็เดินตามไปพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเธอมาถึงชั้นสองก็พบกับกลุ่มคนที่มารวมตัวกันที่นี่ หยูหานขวางทุกคนไว้อย่างเขินอาย รอยฝ่ามือประทับอยู่บนหน้าของเขา และสิ่งที่อยู่หลังเขาก็คือห้องน้ำ

 

        “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร หนิงเสวี่ยมีปัญหาบางอย่าง อีกเดี๋ยวก็คงออกมา” หยูหานอธิบายกับทุกคน ทำให้เห็นว่าเขามาถึงที่นี่เร็วที่สุด

 

        หลังจากนั้นไม่นานหนิงเสวี่ยก็เดินหน้าแดงออกมา

 

        “หนิงเสวี่ย เธฮเป็นอย่างไรบ้าง หนิงเสวี่ย!” ไต้ยู่เหยารีบเข้าไปจับมือของหนิงเสวี่ยและถามอย่างกังวล ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็คอยดูอยู่อย่างระแวดระวัง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วเหตุใดหนิงเสวี่ยถึงกรีดร้องในห้องน้ำเสียงดังจนดึงดูดทุกคนมาที่นี่? อย่างไรก็ตามหลังจากดูอย่างละเอียด ทุกคนก็ตะลึงตาค้าง …… นั่นคือคอสเพลย์หรือเปล่า? เหตุใดเสวี่ยหนิงถึงได้ใส่หูแมว?

 

        “หนิงเสวี่ย เธอเป็นอะไร” ไต้ยู่เหยาใช้มือลูบเบา ๆ

 

        “ลุงไป๋ ทุกคน ฉัน ฉัน … มีหูแมวโผล่ออกมา” หนิงเสวี่ยไม่รู้จะอธิบายอย่างไรและร้องไห้ขณะที่เธอพูด

 

        “อย่าร้องไห้อย่าร้องไห้ พูดดี ๆ มีเรื่องอะไร”

 

        หลังจากที่ทุกคนมาถึงห้องนั่งเล่นพวกเขาก็ถามถึงรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าหลังจากที่หนิงเสวี่ยมาถึงที่บ้านพักชั่วคราว เธอพบว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่นี่ยังอยู่ครบครัน ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะอาบน้ำ แต่เมื่อเธอมองไปในกระจกขณะอาบน้ำ กลับพบว่าหูของเธอเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง มีขนขึ้นที่หูของเธอ เห็นดังนั้นเธอจึงลองสัมผัสมันดูสองครั้ง ก่อนที่จะรู้ว่านั่นคือหูของเธอจริง ๆ เธอจึงรับไม่ได้ พอเวลาผ่านไปสักพักเลยกรีดร้องออกมา จากนั้นทุกคนถึงได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอและพากันรีบมาที่นี่

 

        ฮั้วชิวหยางและถังผิงมองไปที่หยูหาน ในที่สุดก็เข้าใจว่ารอยตบที่หน้าของหยูหานมาได้อย่างไร คาดว่าเขาคงรีบผลุนผลันตรงเข้าไปในห้องน้ำจึงโดนตบหน้าเข้าให้

 

        แต่ถึงอย่างไรมันก็คุ้มค่า สาวลูกครึ่ง … หนิงเสวี่ยคนนี้เป็นคนสวยมาก อ่อนโยนและสงบเรียบร้อย เธอยังไม่มีแฟน แล้วสาวงามคนนี้จะไม่เป็นที่นิยมได้อย่างไร แต่น่าเสียดายที่เธอเป็นคนตรง ๆ ทำอะไรไม่ไว้หน้าใคร คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กหยูหานจะเป็นผู้โชคดีที่ได้เห็นความงามจากอ่างอาบน้ำ

 

        ในขณะนี้หยูหานยังตกอยู่ในภวังค์ส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงามของหนิงเสวี่ยและดอกตูมสีแดงยังคงอยู่ในความคิดของเขา ไม่ใช่ว่าหยูหานไม่เคยเห็นผู้หญิงมาก่อน แต่ด้วยสถานภาพของเขาผู้หญิงที่เขาพบจึงไม่น่าพิศสมัยนัก จะเปรียบเทียบกับผู้หญิงอย่างหนิงเสวี่ยได้อย่างไร อีกทั้งเบลลิก้าทีน่า …… ก็อ้วนมากจนไม่อยากให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเลย

 

        ทันใดนั้นหยูหานก็สังเกตเห็นมือบนไหล่ของเขา จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเบลลิก้าทีน่ากำลังมองมาที่เขาตาเขียวด้วยความโกรธ ในสายตาของคนนอกหยูหานและเบลลิก้าทีน่าเป็นแฟนกันจริง ๆ จัง ๆ และตอนนี้แฟนของเธอเห็นร่างเปลือยของหญิงสาวคนอื่นแล้ว ถ้าเบลลิก้าทีน่าจะโกรธก็ไม่แปลกใจ

 

        “เห็นแล้วใช่ไหม?”

        

        “ปล่อยมือ“

 

        “นายเห็นหรือไม่” เสียงของเบลลิก้าทีน่างอแงเล็กน้อย

 

        “ฉันบอกให้ปล่อย” หยูหานมองไปที่ใบหน้ากลมดิ๊กที่เป็นสิวของเบลลิก้าทีน่า ทันใดนั้นใบหน้าแสนสวยของหนิงเสวี่ยก็ปรากฏขึ้น จู่ ๆ เขาก็รู้สึกคลื่นไส้และได้เป็นอิสระจากมือขวาของเบลลิก้าทีน่า

 

        คนอื่น ๆ เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรออกไปได้

 

        แม้แต่หนิงเสวี่ย ในตอนนี้เธอก็ไม่อยากที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับเรื่องนี้แล้ว จะว่าไปเรื่องนี้หยูหานเองก็ไม่ผิด เมื่อมีคนกรีดร้องในห้องน้ำ คนอื่น ๆเป็นห่วงก็เลยตามมาดู กลับมีเขาคนเดียวที่ต้องพบกับชะตากรรมขมขื่น

  

        หลังจากหงฉี่ฮว๋าและไต้ยู่เหยาตรวจสอบหูของหนิงเสวี่ยอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาก็พยักหน้าให้ทุกคน มันเป็นหูของจริงไม่ใช่เครื่องประดับสำหรับคอสเพลย์ เมื่อยืนยันข้อเท็จจริงข้อนี้แล้วก็ไม่มีใครมีอารมณ์สนใจเรื่องอื่นอีก การเปลี่ยนแปลงของหนิงเสวี่ยเป็นการยืนยันคำพูดของมาร์ตินได้อย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากการผสานรวมเข้ากับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ลักษณะของร่างกายมนุษย์จะค่อย ๆ เปลี่ยนไป

 

        “ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน!” ไป๋อี้พูดกับทุกคน

 

        วันนี้ทุกคนเครียดประสาทแตกกันมามากพอแล้ว ทำให้เวลานี้พวกเขาก็เริ่มหมดแรงเต็มที หลังจากได้ยินดังนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเอง

 

                                                                  ———————–

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                    https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+