[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 30 ความทะเยอทะยานอย่างไม่ลดละ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 30 ความทะเยอทะยานอย่างไม่ลดละ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

  จระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้มีความดุดันมากขึ้นหลังจากที่ดวงตาของมันบอด ร่างกายใหญ่โตดิ้นทุรนทุรายอย่างต่อเนื่อง และก้ามขนาดใหญ่ยังคงฉีกทำลายทุกสิ่งที่มันสัมผัสได้รอบ ๆ ตัว ทันใดนั้นหางขนาดยักษ์และทรงพลังของจระเข้ก้ามปูยักษ์ก็ได้กวาดเอารถที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ขับมาลอยกระเด็นออกไป ชาร์ไป่ส่งเสียงเห่าออกไปสองครั้ง

 

  จระเข้ก้ามปูยักษ์ที่ยังคงหมุนตัวไปมาอยู่หยุดชะงักเล็กน้อย และค่อย ๆ หันหัวไปทางเสียงนั้น

 

  “ชาร์ไป่ อย่าเห่า” ไป๋อี้ออกคำสั่งทันทีอย่างประหม่า ชาร์ไป่รู้เรื่องเหมือนมนุษย์ มันสามารถเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ บางอย่างได้ ดังนั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้สั่ง มันก็หยุดเห่าทันที เห็นได้ชัดว่าเสียงของไป๋อี้นั้นดึงดูดจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้ และทันใดนั้นเองจระเข้ก้ามปูยักษ์ก็หันมาตามเสียง

 

  เมื่อวูล์ฟเห็นรูปลักษณ์ของจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้ เขาก็เข้าใจได้ทันที จึงหยิบเศษหินจากกำแพงขึ้นมาและปากระแทกเข้ากับหน้าต่างบานข้าง ๆ

 

  ทันใดนั้นเสียงเพล้งก็ดังขึ้นพร้อมกับกระจกหน้าต่างที่แตกกระจาย

 

  ในปากของจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนั้นมีน้ำลายกลิ่นเหม็นคาวไหลย้อยออกมา มันหยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็รีบออกวิ่ง การโจมตีครั้งนี้ทำให้กระดองและปีกด้านหลังของจระเข้ตัวนี้กางออกเล็กน้อย ตัวมันบินลอยขึ้นทำให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ แต่วูล์ฟไม่มีเวลามากพอที่จะหลบหลีก ทำให้เขาถูกมันกระโจนเข้าใส่กระแทกทะลุกำแพงเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง

 

  “วูล์ฟ!” ไป๋อี้อุทานด้วยความตกใจ

 

  “ออกไป!” ในเวลานี้เสียงตะโกนของหยูหานดังขึ้นพร้อมกับเสียงแตรของรถบรรทุก ไป๋อี้หันกลับไปและพบว่าหยูหานอยู่บนรถบรรทุกคันใหญ่ซึ่งกำลังเร่งความเร็วเพื่อที่จะขับชนมัน

 

  “อย่า!” ไป๋อี้ตะโกนเสียงดังลั่น แต่หยูหานทำเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วของรถบรรทุกให้เร็วขึ้น ดูเหมือนว่าหยูหานตั้งใจจะฆ่าจระเข้ตัวนี้ อย่างไรก็ตามไป๋อี้ก็ตระหนักได้ว่าหยูหานน่าจะมีจุดประสงค์อื่นที่ซ่อนเร้นอยู่ … เพื่อทำร้ายวูล์ฟ

 

  เมื่อเขากำลังจะขับชน หยูหานก็หรี่ตาลงและกระโดดลงจากตำแหน่งคนขับรถ จากนั้นรถบรรทุกคันใหญ่ก็ชนกระแทกเข้าที่หางของจระเข้ก้ามปูยักษ์แล้วก็กระแทกเข้ากับกำแพงอีกครั้ง ราวกับแผ่นดินไหวขนาดย่อม ๆ รถบรรทุกคนใหญ่คันนี้ผลักจระเข้ก้ามปูยักษ์เข้าไปในบ้านหลังเล็ก ๆ จากนั้นก็พุงทะลุออกไปทางด้านหลังและในที่สุดก็ไปติดอยู่กับอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยุดอยู่กับที่ แต่ล้อรถก็ยังคงหมุนอยู่

 

  ไป๋อี้กัดฟันกรอด ๆ และมองไปที่หยูหานอย่างเดือดดาล

 

    หัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์ปูดนูนขึ้นและส่วนด้านหน้ากว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายก็ถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงราวกับว่ามีแผ่นดินไหวขนาดย่อมเกิดขึ้นรอบ ๆ มันร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่งและคลื่นเสียงที่รุนแรงทำให้แก้วหูของทุกคนสั่นไหว การถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ดวงตาที่มืดบอด การถูกชนกระแทกไปกับพื้น สิ่งเหล่านี้ทำให้มันโกรธมาก

 

  ขณะเดียวกันไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ตกใจมาก มันยังไม่ตาย!

 

  ทุกคนเข้าใจแน่ชัดว่าจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้เป็นคนละชนิดกับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวที่เคยพบมาก่อนหน้านี้ กระดองสีดำป้องกันมันได้ดีกว่าที่คิด เกรงว่านอกจากดวงตาและจุดสำคัญอื่น ๆ แล้วการฆ่าเจ้าสิ่งนี้จากจุดอื่นนั้นเป็นเรื่องยากจริง ๆ

 

  อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ไร้ผลขนาดนั้น ตอนนี้จระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้ได้สูญเสียความสามารถในการเข้ามาคุกคามไปแล้ว ตราบใดที่ไม่เข้าใกล้มัน ก็คาดว่าจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ

 

  สายตาของทุกคนจดจ่อไปที่หัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์ ร่างกายของวูล์ฟถูกเจาะด้วยเดือยกระดูกที่หัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้และห้อยอยู่บนนั้น มันสะบัดไปสะบัดมาและกระตุกเป็นครั้งคราว จระเข้ก้ามปูยักษ์พยายามสะบัดอยู่หลายครั้งและพยายามหนีบอยู่สองสามครั้ง แต่เนื่องจากปัญหาด้านมุมที่ที่วูล์ฟห้อยอยู่นั้นเป็นจุดบอด ทำให้จระเข้ก้ามปูยักษ์ยากที่จะเอื้อมถึง ไม่ว่าจะติดคีบหนีบที่ก้ามปูหรือปากอันใหญ่โตของมัน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถกัดวูล์ฟได้

 

  “ เราจะทำยังไงดีละคราวนี้ ตอนนี้ใช้ประโยชน์จากการที่มันเคลื่อนไหวไม่สะดวก พวกเราหนีไปกันไหม?” มาร์ตินถาม

 

        “ฆ่ามันซะ!” ไป๋อี้เช็ดเลือดจากมุมปากของเขาและพูดอย่างโหดเหี้ยม

 

        มาร์ตินถึงกับผงะทันที ตั้งแต่ได้พบกับไป๋อี้ ไป๋อี้ก็ดูอ่อนโยนมากและน้ำเสียงของเขาก็ไม่ได้มีความขึงขังเช่นนี้ แม้แต่ในเตอวามูตูเมื่อไม่นานมานี้ที่ไป๋อี้ถูกทุกคนกล่าวหา เขาก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มาร์ตินเห็นไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและมุ่งมั่นเช่นนี้

 

  “มีรถไม่เพียงพอ เราคงออกไปไหนไม่ได้สักพัก ฆ่ามันซะ แล้วค่อยคิดหาทาง” หยูหานรีบพูดออกมาทันทีเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง

 

  ไต้ยู่เหยาที่ตกใจกับน้ำเสียงของไป๋อี้ก็รู้สึกตำหนิไป๋อี้อยู่เล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็เชื่อใจหยูหานมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจแบบเดียวกัน แต่น้ำเสียงของทั้งสองแตกต่างกันและบรรยากาศที่เกิดขึ้นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามไป๋อี้มองไปที่คนสองสามคนเหล่านั้นอย่างไม่แยแสและไม่สนใจใยดี

 

  หางของมันถูกรถบรรทุกทับ ส่วนตาเองก็บอดอยู่ ดังนั้นจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้จึงคลุ้มคลั่งเป็นอย่างมาก มันกระพือปีกอย่างมั่ว ๆ ตรงบริเวณด้านหน้าของบ้านที่พังทลายลงมา ก้ามหนีบขนาดใหญ่ฟาดตีทุกสิ่งรอบตัวจนสั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง มันส่งเสียงแห่งความเจ็บปวดคร่ำครวญออกมาเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจมันแม้แต่น้อย

 

  “โฮ่งโฮ่ง!” ทันใดนั้นสุนัขก็เห่าขึ้น

 

  ไป๋อี้มองย้อนกลับไปตามเสียงเห่าและพบว่าชาร์ไป่กำลังวิ่งมาหา ในขณะที่หงฉี่ฮว๋าและเฮลัวส์กำลังเดินตามหลัง และในเวลานี้ทั้งสองก็ไปช่วยชาร์ไป่ออกมาจากซากรถที่พังเสียหายได้สำเร็จ

 

  “ชาร์ไป่!” โม่โม่ตะโกนอย่างดีอกดีใจและเข้าสวมกอดชาร์ไป่ทันที

 

  ชาร์ไป่ไม่ได้หลบเลี่ยง แต่หลังจากโม่โม่กอดมันได้ไม่นาน มันก็ผละจากโม่โม่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อย ๆ ตรงมาที่ด้านข้างของไป๋อี้ ขาทั้งสี่ข้างของมันยืนอยู่ตรงพื้นอย่างเข้มแข็ง มันแยกเขี้ยวอันแหลมคมและมองไปที่จระเข้ก้ามปูยักษ์ตรงนั้น แล้วก็ส่งเสียงครางออกมาจากปากของมัน

  

        ไป๋อี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและเข้าใจได้ทันทีว่าชาร์ไป่ต้องการปกป้องพวกเขา

 

  สุนัขได้รับการขนานนามว่าเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุดของมนุษยชาติ คุณค่าของการดำรงอยู่ของสุนัขไม่ใช่แค่สุนัขที่เลี้ยงไว้เท่านั้น แต่มันคือ … มิตรสหาย!

 

  มุมปากของไป๋อี้ยกขึ้นเล็กน้อย แสดงถึงรอยยิ้มที่ไม่ได้เผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจที่เย็นยะเยือกเนื่องจากพฤติกรรมของหยูหานอบอุ่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

 

  “จะฆ่าเจ้านี่ด้วยวิธีอะไร ขนาดใช้รถบรรทุกชนอย่างรุนแรงมันก็ยังไม่ตาย” มาร์ตินถาม

 

  “ตาของมัน!” หงฉี่ฮว๋าเดินมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ลุงไป๋ยิงตามันด้วยปืนพก แสดงว่าพลังปกป้องตาของมันมีไม่มาก แต่เนื่องจากกระสุนเล็กเกินไปจึงไม่ได้ร้ายแรงสำหรับร่างกายที่ใหญ่โตแบบนี้ แต่ถ้าใช้อาวุธอื่น มันจะสามารถเจาะเข้าไปในสมองได้โดยตรงผ่านจากทางดวงตา”

 

  เมื่อพูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากันทันทีแล้วจับจ้องไปที่หยูหานและหงฉี่ฮว๋า

 

  ดาบญี่ปุ่นในมือของหยูหานที่มีความยาวประมาณหนึ่งเมตรยี่สิบเซนติเมตร ยามฟ้าสางแสงสลัวเปล่งแสงเย็นจาง ๆ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าหยูหานได้มีดเล่มนี้มาจากไหน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นงานฝีมือสมัยใหม่ สิ่งที่หงฉี่ฮว๋ามีอยู่ในมือของเธอนั้นแย่กว่ามาก มันเป็นเหล็กเส้นยาว 1.5 เมตรสองแท่ง ซึ่งเป็นเหล็กเส้นที่มักใช้วางฐานรากในไซต์ก่อสร้าง นี่คือสิ่งที่วูล์ฟพบและมันถูกเก็บเอาไว้เป็นอาวุธ

 

  ทุกคนมองไปที่จระเข้ก้ามปูยักษ์ มันยังคงกระพือปีกอยู่ที่เดิมอีกครั้ง ดังนั้นหากดาบยาวหรือแท่งเหล็กสามารถเสียบเข้าไปในสมองของจระเข้ก้ามปูยักษ์ได้ มันก็คงต้องตายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมันยังคงสะบัดตัวไปมา ในบางครั้งก็ใช้ก้ามหนีบขนาดใหญ่หนีบไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นกำแพงหรือหินอะไรก็ตามอาจจะถูกมันหนีบออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย แล้วใครจะกล้าเดินเฉียดไปใกล้มัน?

 

        ทุกคนเกิดความลังเลขึ้น มีไม่กี่คนที่กล้าทำสิ่งที่อันตรายเช่นนี้ นั่นไม่ใช่การผจญภัยธรรมดาหากถูกมันจับได้ก็เตรียมตัวตายได้เลย    

 

  “ลืมมันไปซะเถอะ ยังไงซะมันก็ตาบอดอยู่แล้ว จะฆ่าหรือไม่ฆ่ามันก็ไม่มาคุกคามเราแล้ว”มาร์ตินกล่าวถ้าเป็นเมื่อสักครู่นี้คงไม่มีใครเห็นด้วยกับคำพูดของมาร์ติน แต่ตอนนี้ทุกคนเริ่มลังเลแล้ว

 

  แต่ทว่าในเวลานั้นเองไป๋อี้ก็ต้องตกตะลึงอย่างกะทันหัน วูล์ฟที่ห้อยอยู่เหนือหัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์เงยหน้าขึ้นแล้วยื่นมือขวาไปหาไป๋อี้พลางยิ้มอย่างเศร้าสร้อย

 

  เขายังไม่ตาย!

 

  ไป๋อี้รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที แต่ทันใดนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความต้องการต่อสู้ ดูจากท่าทางของวูล์ฟ เกรงว่าถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ตายก็ตามแต่ก็ปางตาย ไม่ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง จะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ ไป๋อี้หลับตาจากนั้นก็ลืมตาขึ้น ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็มีสีที่เปลี่ยนไปแฝงไปด้วยความแวววาวที่ยากจะจินตนาการได้

 

  “วูล์ฟฟังให้ดี มุมที่นายอยู่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของจระเข้ก้ามปูยักษ์ ฉันจะโยนอาวุธให้นาย หลังจากที่นายคว้าไว้ได้ นายต้องแทงเข้าไปในดวงตาของมันโดยตรง ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะช่วยคุณได้” ไป๋อี้ตะโกนเสียงดัง

 

  จระเข้ก้ามปูยักษ์ได้ยินเสียงของไป๋อี้การเคลื่อนไหวของมันก็หยุดชะงักลงเล็กน้อยและหัวของมันก็ค่อย ๆ หันกลับมาตามเสียง ทว่าตอนนี้ไป๋อี้ได้คว้าแท่งเหล็กในมือของหงฉี่ฮว๋าเอาไว้แล้ว

 

  “ฉันมาแล้ว ลุงไป๋ มือซ้ายของคุณยังเคลื่อนไหวไม่สะดวกหรอก” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

 

  “เอาเลย!” ไป๋อี้พยักหน้า ตอนนี้มือซ้ายของเขาแขวนห้อยอยู่บริเวณระดับหน้าอกของเขาและการต่อสู้ที่ดุเดือดในตอนนี้ดูเหมือนจะทำให้แผลแตกอีกครั้ง อย่างนี้ยิ่งไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่

 

 

                                                           ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                             https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 30 ความทะเยอทะยานอย่างไม่ลดละ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 30 ความทะเยอทะยานอย่างไม่ลดละ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

  จระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้มีความดุดันมากขึ้นหลังจากที่ดวงตาของมันบอด ร่างกายใหญ่โตดิ้นทุรนทุรายอย่างต่อเนื่อง และก้ามขนาดใหญ่ยังคงฉีกทำลายทุกสิ่งที่มันสัมผัสได้รอบ ๆ ตัว ทันใดนั้นหางขนาดยักษ์และทรงพลังของจระเข้ก้ามปูยักษ์ก็ได้กวาดเอารถที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ขับมาลอยกระเด็นออกไป ชาร์ไป่ส่งเสียงเห่าออกไปสองครั้ง

 

  จระเข้ก้ามปูยักษ์ที่ยังคงหมุนตัวไปมาอยู่หยุดชะงักเล็กน้อย และค่อย ๆ หันหัวไปทางเสียงนั้น

 

  “ชาร์ไป่ อย่าเห่า” ไป๋อี้ออกคำสั่งทันทีอย่างประหม่า ชาร์ไป่รู้เรื่องเหมือนมนุษย์ มันสามารถเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ บางอย่างได้ ดังนั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้สั่ง มันก็หยุดเห่าทันที เห็นได้ชัดว่าเสียงของไป๋อี้นั้นดึงดูดจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้ และทันใดนั้นเองจระเข้ก้ามปูยักษ์ก็หันมาตามเสียง

 

  เมื่อวูล์ฟเห็นรูปลักษณ์ของจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้ เขาก็เข้าใจได้ทันที จึงหยิบเศษหินจากกำแพงขึ้นมาและปากระแทกเข้ากับหน้าต่างบานข้าง ๆ

 

  ทันใดนั้นเสียงเพล้งก็ดังขึ้นพร้อมกับกระจกหน้าต่างที่แตกกระจาย

 

  ในปากของจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนั้นมีน้ำลายกลิ่นเหม็นคาวไหลย้อยออกมา มันหยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็รีบออกวิ่ง การโจมตีครั้งนี้ทำให้กระดองและปีกด้านหลังของจระเข้ตัวนี้กางออกเล็กน้อย ตัวมันบินลอยขึ้นทำให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ แต่วูล์ฟไม่มีเวลามากพอที่จะหลบหลีก ทำให้เขาถูกมันกระโจนเข้าใส่กระแทกทะลุกำแพงเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง

 

  “วูล์ฟ!” ไป๋อี้อุทานด้วยความตกใจ

 

  “ออกไป!” ในเวลานี้เสียงตะโกนของหยูหานดังขึ้นพร้อมกับเสียงแตรของรถบรรทุก ไป๋อี้หันกลับไปและพบว่าหยูหานอยู่บนรถบรรทุกคันใหญ่ซึ่งกำลังเร่งความเร็วเพื่อที่จะขับชนมัน

 

  “อย่า!” ไป๋อี้ตะโกนเสียงดังลั่น แต่หยูหานทำเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังเพิ่มความเร็วของรถบรรทุกให้เร็วขึ้น ดูเหมือนว่าหยูหานตั้งใจจะฆ่าจระเข้ตัวนี้ อย่างไรก็ตามไป๋อี้ก็ตระหนักได้ว่าหยูหานน่าจะมีจุดประสงค์อื่นที่ซ่อนเร้นอยู่ … เพื่อทำร้ายวูล์ฟ

 

  เมื่อเขากำลังจะขับชน หยูหานก็หรี่ตาลงและกระโดดลงจากตำแหน่งคนขับรถ จากนั้นรถบรรทุกคันใหญ่ก็ชนกระแทกเข้าที่หางของจระเข้ก้ามปูยักษ์แล้วก็กระแทกเข้ากับกำแพงอีกครั้ง ราวกับแผ่นดินไหวขนาดย่อม ๆ รถบรรทุกคนใหญ่คันนี้ผลักจระเข้ก้ามปูยักษ์เข้าไปในบ้านหลังเล็ก ๆ จากนั้นก็พุงทะลุออกไปทางด้านหลังและในที่สุดก็ไปติดอยู่กับอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยุดอยู่กับที่ แต่ล้อรถก็ยังคงหมุนอยู่

 

  ไป๋อี้กัดฟันกรอด ๆ และมองไปที่หยูหานอย่างเดือดดาล

 

    หัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์ปูดนูนขึ้นและส่วนด้านหน้ากว่าครึ่งหนึ่งของร่างกายก็ถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงราวกับว่ามีแผ่นดินไหวขนาดย่อมเกิดขึ้นรอบ ๆ มันร้องโหยหวนอย่างบ้าคลั่งและคลื่นเสียงที่รุนแรงทำให้แก้วหูของทุกคนสั่นไหว การถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ดวงตาที่มืดบอด การถูกชนกระแทกไปกับพื้น สิ่งเหล่านี้ทำให้มันโกรธมาก

 

  ขณะเดียวกันไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ตกใจมาก มันยังไม่ตาย!

 

  ทุกคนเข้าใจแน่ชัดว่าจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้เป็นคนละชนิดกับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวที่เคยพบมาก่อนหน้านี้ กระดองสีดำป้องกันมันได้ดีกว่าที่คิด เกรงว่านอกจากดวงตาและจุดสำคัญอื่น ๆ แล้วการฆ่าเจ้าสิ่งนี้จากจุดอื่นนั้นเป็นเรื่องยากจริง ๆ

 

  อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ไร้ผลขนาดนั้น ตอนนี้จระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้ได้สูญเสียความสามารถในการเข้ามาคุกคามไปแล้ว ตราบใดที่ไม่เข้าใกล้มัน ก็คาดว่าจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ

 

  สายตาของทุกคนจดจ่อไปที่หัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์ ร่างกายของวูล์ฟถูกเจาะด้วยเดือยกระดูกที่หัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้และห้อยอยู่บนนั้น มันสะบัดไปสะบัดมาและกระตุกเป็นครั้งคราว จระเข้ก้ามปูยักษ์พยายามสะบัดอยู่หลายครั้งและพยายามหนีบอยู่สองสามครั้ง แต่เนื่องจากปัญหาด้านมุมที่ที่วูล์ฟห้อยอยู่นั้นเป็นจุดบอด ทำให้จระเข้ก้ามปูยักษ์ยากที่จะเอื้อมถึง ไม่ว่าจะติดคีบหนีบที่ก้ามปูหรือปากอันใหญ่โตของมัน ดังนั้นมันจึงไม่สามารถกัดวูล์ฟได้

 

  “ เราจะทำยังไงดีละคราวนี้ ตอนนี้ใช้ประโยชน์จากการที่มันเคลื่อนไหวไม่สะดวก พวกเราหนีไปกันไหม?” มาร์ตินถาม

 

        “ฆ่ามันซะ!” ไป๋อี้เช็ดเลือดจากมุมปากของเขาและพูดอย่างโหดเหี้ยม

 

        มาร์ตินถึงกับผงะทันที ตั้งแต่ได้พบกับไป๋อี้ ไป๋อี้ก็ดูอ่อนโยนมากและน้ำเสียงของเขาก็ไม่ได้มีความขึงขังเช่นนี้ แม้แต่ในเตอวามูตูเมื่อไม่นานมานี้ที่ไป๋อี้ถูกทุกคนกล่าวหา เขาก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มาร์ตินเห็นไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและมุ่งมั่นเช่นนี้

 

  “มีรถไม่เพียงพอ เราคงออกไปไหนไม่ได้สักพัก ฆ่ามันซะ แล้วค่อยคิดหาทาง” หยูหานรีบพูดออกมาทันทีเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง

 

  ไต้ยู่เหยาที่ตกใจกับน้ำเสียงของไป๋อี้ก็รู้สึกตำหนิไป๋อี้อยู่เล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็เชื่อใจหยูหานมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจแบบเดียวกัน แต่น้ำเสียงของทั้งสองแตกต่างกันและบรรยากาศที่เกิดขึ้นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามไป๋อี้มองไปที่คนสองสามคนเหล่านั้นอย่างไม่แยแสและไม่สนใจใยดี

 

  หางของมันถูกรถบรรทุกทับ ส่วนตาเองก็บอดอยู่ ดังนั้นจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนี้จึงคลุ้มคลั่งเป็นอย่างมาก มันกระพือปีกอย่างมั่ว ๆ ตรงบริเวณด้านหน้าของบ้านที่พังทลายลงมา ก้ามหนีบขนาดใหญ่ฟาดตีทุกสิ่งรอบตัวจนสั่นคลอนอย่างบ้าคลั่ง มันส่งเสียงแห่งความเจ็บปวดคร่ำครวญออกมาเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจมันแม้แต่น้อย

 

  “โฮ่งโฮ่ง!” ทันใดนั้นสุนัขก็เห่าขึ้น

 

  ไป๋อี้มองย้อนกลับไปตามเสียงเห่าและพบว่าชาร์ไป่กำลังวิ่งมาหา ในขณะที่หงฉี่ฮว๋าและเฮลัวส์กำลังเดินตามหลัง และในเวลานี้ทั้งสองก็ไปช่วยชาร์ไป่ออกมาจากซากรถที่พังเสียหายได้สำเร็จ

 

  “ชาร์ไป่!” โม่โม่ตะโกนอย่างดีอกดีใจและเข้าสวมกอดชาร์ไป่ทันที

 

  ชาร์ไป่ไม่ได้หลบเลี่ยง แต่หลังจากโม่โม่กอดมันได้ไม่นาน มันก็ผละจากโม่โม่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อย ๆ ตรงมาที่ด้านข้างของไป๋อี้ ขาทั้งสี่ข้างของมันยืนอยู่ตรงพื้นอย่างเข้มแข็ง มันแยกเขี้ยวอันแหลมคมและมองไปที่จระเข้ก้ามปูยักษ์ตรงนั้น แล้วก็ส่งเสียงครางออกมาจากปากของมัน

  

        ไป๋อี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและเข้าใจได้ทันทีว่าชาร์ไป่ต้องการปกป้องพวกเขา

 

  สุนัขได้รับการขนานนามว่าเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ที่สุดของมนุษยชาติ คุณค่าของการดำรงอยู่ของสุนัขไม่ใช่แค่สุนัขที่เลี้ยงไว้เท่านั้น แต่มันคือ … มิตรสหาย!

 

  มุมปากของไป๋อี้ยกขึ้นเล็กน้อย แสดงถึงรอยยิ้มที่ไม่ได้เผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจที่เย็นยะเยือกเนื่องจากพฤติกรรมของหยูหานอบอุ่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

 

  “จะฆ่าเจ้านี่ด้วยวิธีอะไร ขนาดใช้รถบรรทุกชนอย่างรุนแรงมันก็ยังไม่ตาย” มาร์ตินถาม

 

  “ตาของมัน!” หงฉี่ฮว๋าเดินมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ลุงไป๋ยิงตามันด้วยปืนพก แสดงว่าพลังปกป้องตาของมันมีไม่มาก แต่เนื่องจากกระสุนเล็กเกินไปจึงไม่ได้ร้ายแรงสำหรับร่างกายที่ใหญ่โตแบบนี้ แต่ถ้าใช้อาวุธอื่น มันจะสามารถเจาะเข้าไปในสมองได้โดยตรงผ่านจากทางดวงตา”

 

  เมื่อพูดจบ ทุกคนก็มองหน้ากันทันทีแล้วจับจ้องไปที่หยูหานและหงฉี่ฮว๋า

 

  ดาบญี่ปุ่นในมือของหยูหานที่มีความยาวประมาณหนึ่งเมตรยี่สิบเซนติเมตร ยามฟ้าสางแสงสลัวเปล่งแสงเย็นจาง ๆ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าหยูหานได้มีดเล่มนี้มาจากไหน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นงานฝีมือสมัยใหม่ สิ่งที่หงฉี่ฮว๋ามีอยู่ในมือของเธอนั้นแย่กว่ามาก มันเป็นเหล็กเส้นยาว 1.5 เมตรสองแท่ง ซึ่งเป็นเหล็กเส้นที่มักใช้วางฐานรากในไซต์ก่อสร้าง นี่คือสิ่งที่วูล์ฟพบและมันถูกเก็บเอาไว้เป็นอาวุธ

 

  ทุกคนมองไปที่จระเข้ก้ามปูยักษ์ มันยังคงกระพือปีกอยู่ที่เดิมอีกครั้ง ดังนั้นหากดาบยาวหรือแท่งเหล็กสามารถเสียบเข้าไปในสมองของจระเข้ก้ามปูยักษ์ได้ มันก็คงต้องตายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมันยังคงสะบัดตัวไปมา ในบางครั้งก็ใช้ก้ามหนีบขนาดใหญ่หนีบไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นกำแพงหรือหินอะไรก็ตามอาจจะถูกมันหนีบออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย แล้วใครจะกล้าเดินเฉียดไปใกล้มัน?

 

        ทุกคนเกิดความลังเลขึ้น มีไม่กี่คนที่กล้าทำสิ่งที่อันตรายเช่นนี้ นั่นไม่ใช่การผจญภัยธรรมดาหากถูกมันจับได้ก็เตรียมตัวตายได้เลย    

 

  “ลืมมันไปซะเถอะ ยังไงซะมันก็ตาบอดอยู่แล้ว จะฆ่าหรือไม่ฆ่ามันก็ไม่มาคุกคามเราแล้ว”มาร์ตินกล่าวถ้าเป็นเมื่อสักครู่นี้คงไม่มีใครเห็นด้วยกับคำพูดของมาร์ติน แต่ตอนนี้ทุกคนเริ่มลังเลแล้ว

 

  แต่ทว่าในเวลานั้นเองไป๋อี้ก็ต้องตกตะลึงอย่างกะทันหัน วูล์ฟที่ห้อยอยู่เหนือหัวของจระเข้ก้ามปูยักษ์เงยหน้าขึ้นแล้วยื่นมือขวาไปหาไป๋อี้พลางยิ้มอย่างเศร้าสร้อย

 

  เขายังไม่ตาย!

 

  ไป๋อี้รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที แต่ทันใดนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความต้องการต่อสู้ ดูจากท่าทางของวูล์ฟ เกรงว่าถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ตายก็ตามแต่ก็ปางตาย ไม่ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง จะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ ไป๋อี้หลับตาจากนั้นก็ลืมตาขึ้น ทันใดนั้นรูม่านตาของเขาก็มีสีที่เปลี่ยนไปแฝงไปด้วยความแวววาวที่ยากจะจินตนาการได้

 

  “วูล์ฟฟังให้ดี มุมที่นายอยู่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของจระเข้ก้ามปูยักษ์ ฉันจะโยนอาวุธให้นาย หลังจากที่นายคว้าไว้ได้ นายต้องแทงเข้าไปในดวงตาของมันโดยตรง ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะช่วยคุณได้” ไป๋อี้ตะโกนเสียงดัง

 

  จระเข้ก้ามปูยักษ์ได้ยินเสียงของไป๋อี้การเคลื่อนไหวของมันก็หยุดชะงักลงเล็กน้อยและหัวของมันก็ค่อย ๆ หันกลับมาตามเสียง ทว่าตอนนี้ไป๋อี้ได้คว้าแท่งเหล็กในมือของหงฉี่ฮว๋าเอาไว้แล้ว

 

  “ฉันมาแล้ว ลุงไป๋ มือซ้ายของคุณยังเคลื่อนไหวไม่สะดวกหรอก” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

 

  “เอาเลย!” ไป๋อี้พยักหน้า ตอนนี้มือซ้ายของเขาแขวนห้อยอยู่บริเวณระดับหน้าอกของเขาและการต่อสู้ที่ดุเดือดในตอนนี้ดูเหมือนจะทำให้แผลแตกอีกครั้ง อย่างนี้ยิ่งไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่

 

 

                                                           ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                             https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+