[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 159 ทำข้อสอบ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 159 ทำข้อสอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        อันที่จริงพฤติกรรมของไป๋อี้อยู่เหนือความคาดหมายของเหล่าบรรดารัฐมนตรีใหญ่อย่างสิ้นเชิง การกระทำของเขาทำให้ผลลัพธ์ของแผนร้ายที่ใครบางคนจัดฉากขึ้นมาดีกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เสียอีก อันที่จริงตอนนี้ไป๋อี้ได้ดำรงตำแหน่งคณบดีศูนย์การฟื้นฟูสุขภาพอย่างมั่นคงแล้ว แต่ทว่าชื่อเสียงของไป๋อี้เมื่ออยู่ท่ามกลางบรรดามนุษย์วิวัฒนาการนั้นกลับย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ทว่าดูเหมือนว่าไป๋อี้จะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่มีเงื่อนไขอันมั่นคงคร่าว ๆ แล้วเขาก็เริ่มต้นแผนงานของตนเองโดยทันที

        ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสร้างขึ้นมาตามโครงสร้างเดิมของโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในนั้นยังมีส่วนที่ยังทิ้งร่องรอยการแตกร้าวของพืชไม้รวมถึงร่องรอยของการดำรงชีวิตของสัตว์ชนิดอื่นไว้ด้วย แต่ทว่าความต้องการของพวกเขาในขณะนี้ก็ไม่ได้สูงมากนัก พวกเขาขอเพียงมีสถานที่สักแห่งเพื่อพักพิงอยู่ได้ก็เพียงพอแล้ว

        อันดับแรกคือกระแสไฟฟ้า โรงไฟฟ้าภายในเมืองกลับมาใช้งานได้สองแห่งแล้ว เพราะไป๋อี้ค่อนข้างมี ‘ตำแหน่ง’ ดังนั้นไม่ว่าไป๋อี้จะพูดอย่างไรก็ตามเขาก็จะได้รับสิทธิ์การใช้งานไฟฟ้าอย่างรวดเร็วก่อนใคร หลังจากที่มีไฟฟ้าใช้แล้วนั้นพวกไป๋อี้จึงได้ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในโรงพยาบาลด้วยซึ่งมีเพียงหกเครื่องเท่านั้น สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่หามาได้ด้วยความยากลำบากภายในเมืองแห่งนี้ เมื่อมีเครื่องคอมพิวเตอร์หกเครื่องนี้แล้วพวกไป๋อี้ยังติดตั้งไนท์เข้าไปด้วย ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหกเครื่องนี้จึงถือว่าเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขนาดเล็กของไนท์

        “จริง ๆ เลยเชียว มีแค่คอมพิวเตอร์แย่ ๆ แบบนี้เพียงหกเครื่อง ทำให้ความรู้สึกการมีตัวตนของฉันถดถอยลงจริง ๆ” ไนท์กล่าวอย่างไม่พอใจ

        “จนปัญญาแล้ว ตอนนี้พวกเรามีปัญญาเท่านี้แหละ ฉันเคยถามแล้วได้ความว่าอันที่จริงภายในเหล่าบรรดามนุษย์วิวัฒนาการยังมีอัจฉริยะที่เฉลียวฉลาดด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อยู่ด้วยแต่ว่าตอนนี้ดันมีน้อยคนที่มีความสามารถในการทำงานด้านอุตสาหกรรมชนิดนี้ได้” ไป๋อี้กล่าว

        “สรุปแล้วคุณตอบรับคำขอร้องของฉันแล้วว่าจะช่วยสร้างร่างกายที่เป็นคนขึ้นมาให้ฉัน ทำให้ฉันขยับร่างกายได้ด้วยตัวเองใช่หรือเปล่า” ไนท์พูดอ้อนกับไป๋อี้

        ฉันไปพูดเรื่องแบบนี้ตอนไหนกัน นั่นมันคือความต้องการของไนท์ฝ่ายเดียวหรือเปล่า ไป๋อี้บ่นอยู่ในใจแต่กลับพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถ้าหากฉันสามารถทำมันได้ละก็ ฉันจะต้องช่วยเธอในการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน ฉันมั่นใจ !” ไป๋อี้พยักหน้า อย่างไรก็ตามไนท์เองก็ได้ช่วยเหลือพวกไป๋อี้มาเยอะมาก ๆ เช่นกัน ไป๋อี้เองก็ไม่ได้มีความรู้สึกหวาดระแวงในเรื่องที่ว่าเมื่อคอมพิวเตอร์มีการตอบสนองเป็นของตนเองแล้วจะส่งผลอันตรายต่อมนุษย์แต่อย่างใด

        “ไนท์ครั้งที่แล้วเธอบอกว่าตัวเองมีคลังความรู้ใช่ไหม ในนั้นมีความรู้ทางชีววิทยาเริ่มตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูงที่สุดไหม ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม?” หลังจากที่ไป๋อี้รับปากไนท์แล้วจึงได้กล่าวถามออกมา

        “ได้อย่างแน่นอน!” เมื่อไนท์ได้ยินคำรับปากตกลงจากไป๋อี้แล้วนั้นเธอก็ดีใจเป็นอย่างมาก จึงได้ตอบกลับไปเช่นนั้น

        ขณะที่ไนท์กำลังโอนถ่ายคลังความรู้ออกมานั้น ไป๋อี้ก็ต้องอึ้งไป นี่คือความรู้พื้นฐานของชีววิทยาอย่างนั้นหรือ ? ทั้งหมดนี้มันคือเนื้อหาความรู้โดยสรุปทั้งหมดของมนุษย์โดยสิ้นเชิง เริ่มตั้งแต่ความรู้ระดับชั้นประถมศึกษาจากนั้นเนื้อหาก็มีความซับซ้อนขึ้นจนถึงขั้นที่ไป๋อี้อ่านไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว ไป๋อี้จึงได้สอบถามไนท์ที่กำลังมองหน้าจออยู่ว่า

        “เยอะขนาดนี้เชียว ฉันจะต้องอ่านไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?”

        “คุณคิดว่าเยอะมาก แต่ฉันกลับคิดว่าไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่เลยนะ อย่างมากที่สุดก็มีเนื้อหาแค่ไม่กี่ล้านตัวอักษรเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าความเร็วในการเรียนรู้ของมนุษย์อย่างพวกคุณมีขีดจำกัดมากก็เท่านั้น ตามคำอธิบายของด็อกเตอร์หวัง ปกติแล้วในตอนแรกมนุษย์หนึ่งคนจะใช้เวลาเรียน 15 ถึง 20 ปีเริ่มตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงมหาวิทยาลัยหรือว่าระดับด็อกเตอร์ แต่ความจริงแล้วเวลา 95% ขึ้นไปพวกเขาไม่ได้ใช้กับการเรียนเลย” ไนท์กล่าวอธิบาย

        “ไม่จริงมั้ง เวลา 95% ไม่ได้ใช้กับการเรียนงั้นเหรอ?” ไป๋อี้จำได้ว่าทุกวันเขาจะต้องเข้าเรียนวันละเจ็ดถึงแปดชั่วโมงขึ้นไป

        “ไม่เชื่อเหรอ ถ้างั้นก็ลองนึกย้อนกลับไปช่วงเวลาขณะที่พวกคุณยังเรียนหนังสืออยู่ก็แล้วกันว่าตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนถึงมัธยมปลาย ในทุกวันพวกคุณใช้เวลาไปกับการเรียนหนังสือเท่าไหร่ และทุกครั้งที่เรียนหนังสือเวลาที่คุณใช้อย่างมุ่งมั่นตั้งใจ 100 เปอร์เซ็นต์เป็นจำนวนเท่าไหร่ ส่วนเวลานั่งหม่อลอย เวลาเที่ยวเล่นสนุก เวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นเหล่านี้นั้นได้แทรกอยู่ในเวลาการเรียนที่พวกคุณอ้างนั้นเท่าไหร่ เมื่อคิดตามแล้วผลลัพธ์สุดท้ายก็จะเป็นประสิทธิภาพการเรียนของพวกคุณ คนหนึ่งคนถ้าหากมุ่งมั่นตั้งใจ 100 เปอร์เซ็นต์โดยคิดคำนวณตั้งแต่ไม่รู้จักตัวอักษรเลยสักตัวจนกลายเป็นดอกเตอร์ผู้ที่มีความรู้อันลึกซึ้งนั้น เวลาที่คนเหล่านั้นใช้ไปกับการเรียนจริง ๆ นั่นก็คือ 20 ปีคูณด้วย 5% นั่นก็คือเวลาเพียง……1 ปีเท่านั้น!” ไนท์ใช้ข้อมูลตัวเลขในการยกตัวอย่างประกอบ ไม่เพียงแค่ไป๋อี้ที่ต้องงุนงงจนอึ้งไป แม้กระทั่งผู้อื่นที่ฟังไนท์กล่าวอธิบายอยู่ข้าง ๆ นั้นก็ต้องอึ้งไปเช่นเดียวกัน

        หนึ่งปี ตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงด็อกเตอร์หรือ ? เช่นนั้นชีวิตของพวกเขาเมื่อก่อนถูกสุนัขกลืนกินไปหมดเลยใช่หรือไม่!

        “แต่ว่ามนุษย์อย่างพวกคุณทำไม่ได้หรอก เพราะว่าเวลาในช่วงเวลาหนึ่งปีนั้นจำเป็นต้องใช้ไปกับการอ่านหนังสือแทบทุกวินาทีเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีการหยุดพักผ่อน ไม่มีการคิดเรื่องอย่างอื่น จะต้องมุ่งมั่นตั้งใจ 100% ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงทำอย่างนี้ไม่ได้ทั้งนั้น” ไนท์กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมา

        “เอาล่ะ พูดมาเลยว่าฉันต้องทำยังไงจะดีกว่า?” ไป๋อี้ยอมแพ้แล้ว

        “คุณจะต้องอ่านทบทวนความรู้เริ่มตั้งแต่พื้นฐาน อ่านหนึ่งรอบทั้งหมด หลังจากที่อ่านทำความเข้าใจอย่างตั้งใจแล้วนั้นฉันจะให้กระดาษข้อสอบกับคุณหนึ่งฉบับ ซึ่งคุณจะต้องได้รับคะแนนเต็มเท่านั้นถึงจะสามารถอ่านเนื้อหาถัดไปได้ และตอนที่อ่านอยู่ให้คุณลองใช้ดวงตาคู่นั้นของคุณในการสะกดจิตตัวเองดูเพื่อเป็นการรักษาความตั้งใจอย่างสมบูรณ์ ประสิทธิภาพการเรียนอย่างนี้จะต้องทำให้ตัวคุณเองรู้สึกประหลาดใจเป็นแน่” ไนท์กล่าวอธิบาย

        “การมุ่งมั่นตั้งใจอย่างสมบูรณ์งั้นเหรอ……อย่างนั้นก็ได้!” ไป๋อี้พยักหน้าจากนั้นจึงเตรียมตัวเริ่มอ่านหนังสือตามแผนการที่ไนท์กำหนด

        หนังสือเรียนที่ไป๋อี้หยิบขึ้นมาในตอนแรกก็คือหนังสือเรียนของระดับชั้นประถมศึกษา ซึ่งไม่มีส่วนของเนื้อหาด้านวรรณกรรมโดยสิ้นเชิง มีเพียงความรู้ด้านคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว เมื่อไป๋อี้มองเห็นโจทย์การบวกลบคูณหารที่ง่ายดายเหล่านั้น มุมปากของไป๋อี้จึงเผยรอยยิ้มออกมา เหอะ เนื้อหาระดับแค่นี้ฉันสามารถทำมันได้อย่างแน่นอน และขณะนั้นเองไป๋อี้ก็ได้เหลือบไปเห็นโม่โม่ที่ยืนอึ้งอยู่ข้าง ๆ เขาจึงมีความคิดที่สนุกผุดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

        “โม่โม่ อยากจะมาเรียนหนังสือกับพ่อไหม ดูว่าใครเรียนรู้ได้เร็วกว่ากัน”

        คำพูดของไป๋อี้ที่เพิ่งเปล่งออกมาทำให้ลอทเทียร์ที่อยู่ด้านข้างหันหน้ามามองไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ ลุงแก่ไป๋อี้ ลุงอายุเท่าไรแล้วยังจะอยากแข่งกับเด็กน้อยอย่างโม่โม่อีกหรือ เมื่อลุงชนะขึ้นมาจะไม่รู้สึกขายหน้าหรืออย่างไร เห็นได้ชัดว่าลอทเทียร์จนปัญญาที่จะทำความเข้าใจถึงการปฏิบัติต่อกันในรูปแบบนี้ระหว่างพ่อลูกคู่นี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เมื่อไป๋อี้มองเห็นสายตาของลอทเทียร์ก็ยังคงไม่เข้าใจความหมายของเธอ

        “มีอะไร หรือว่าลอทเทียร์ เธอก็อยากจะมาแข่งกับฉันด้วยคนเหรอ” ไป๋อี้กล่าวถาม

        โม่โม่ที่เดิมทีมีความลังเลใจเล็กน้อยครั้นเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อแล้วเธอจึงครุ่นคิดอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เรียกชาร์ไป่ที่อยู่ข้าง ๆ ให้เดินเข้ามาหา “ชาร์ไป่ พูพู ชินชิล่า มาหาฉันกันทั้งหมดเลย พวกเรามาแข่งกันดูว่าใครจะเรียนรู้ได้เร็วกว่ากันและใครที่จะได้คะแนนสูงสุด” อยู่ ๆ โม่โม่ก็มีความมั่นใจขึ้นมาเต็มร้อย เธอคิดในใจว่าแม้ผลจะออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม คะแนนลำดับสุดท้ายก็คงจะเป็นของพวกชาร์ไป่สองสามตัวนี้อย่างแน่นอน

        “พูพู” ในตอนแรกพูพูไม่ยินยอมที่จะเข้ามาร่วมด้วย มันเอาแต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมทั้งวิ่งออกไปด้านนอก แต่ทว่าพูพูจะสามารถวิ่งหนีรอดพ้นไปได้อย่างนั้นหรือ ในเวลานี้ไป๋อี้มีความคิดอยากเล่นสนุกขึ้นมาจึงได้เดินไปลากพูพูกลับเข้ามา ถ้าหากไม่เป็นเพราะเวร่าและวูล์ฟที่ทั้งคู่ได้เดินออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้วนั้น คาดว่าพวกเขาเองก็คงหนีไปไหนไม่รอดเช่นกัน

        แน่นอนว่าไป๋อี้เองก็ไม่ได้มีเวลาว่างเหลือเฟือเพื่อให้มาเสียเวลาเล่นสนุกขนาดนั้น เพียงแค่หยอกล้อเล่นสนุกกันชั่วครู่เท่านั้น ดังนั้นในขณะที่ไป๋อี้ โม่โม่ ลอทเทียร์ ชาร์ไป่ พูพูและชินชิล่าเตรียมพร้อมแล้ว ไนท์จึงนำกระดาษข้อสอบแจกให้กับทุกคน พร้อมทั้งให้ทุกคนหันหน้าเข้าหาเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเพราะชาร์ไป่และตัวอื่น ๆ ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างราบรื่นได้ ดังนั้นไนท์จึงเตรียมตัวเลือกคำตอบแบบตัวเลขให้กับพวกเขาซึ่งเพียงแค่กดตัวเลือกเลข 123456 ก็เพียงพอแล้ว

        การสอบ เริ่มได้!

        เดิมทีไป๋อี้คิดว่านี่เป็นเพียงข้อสอบของระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้น แต่ว่าไม่นานไป๋อี้ก็ต้องปวดหัวขึ้นมาเพราะมีข้อสอบที่แปลก ๆ อยู่มากมาย อย่างเช่นข้อสอบที่มีรูปร่างแปลกประหลาดแล้วให้เขาใช้ปากกาในการเลือกรูปร่างที่เหมือนกันออกมา ข้อสอบเช่นนี้ทำให้ไป๋อี้รู้สึกว่ายากจนทำไม่ได้ ไม่จริง นี่คือข้อสอบของระดับชั้นประถมศึกษาจริงหรือ? ไป๋อี้ตัวสั่นเทาอยู่ในใจจากนั้นเขาจึงได้เริ่มกระตุ้นสมองของตัวเอง ในเวลานี้คนอื่น ๆ ก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน อย่างเช่นโม่โม่ก็กำลังมีสีหน้าที่มุ่งมั่นตั้งใจโดยสิ้นเชิงซึ่งไม่เหมือนกับตอนที่โม่โม่เรียนในช่วงเวลาปกติที่เธอจะมีแต่ความขี้เกียจเลยแม้แต่น้อย

        เวลาผ่านมา 1 ชั่วโมงแล้วการสอบก็ได้จบสิ้นลง ขณะที่การสอบจบสิ้นลงนั้นคะแนนของทุกคนได้ออกมาพอดี ไนท์ได้เผยรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ออกมาทันทีพร้อมมองหน้าไป๋อี้

        เฮ้ อย่ามองหน้าฉันอย่างนี้สิ ไป๋อี้บ่นอยู่ในใจเพราะการที่ไนท์มองเขาเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

        “ลำดับที่หก ชินชิล่า 11 คะแนน” ไนท์เริ่มกล่าวประกาศคะแนนสอบ ชินชิล่านั้นได้ทำข้อสอบอย่างมั่ว ๆ โดยสิ้นเชิงซึ่งการที่มันสามารถเลือกตัวเลข 123456 ถูกต้องจนได้คะแนนตั้ง 11 คะแนนนั้นถือว่าสุดยอดมากเลยทีเดียว แต่ทว่าโม่โม่ยังหันหน้าไปเยาะเย้ยชินชิล่าอีกด้วย

        “ลำดับที่ห้า ชาร์ไป่ 82 คะแนน!”

        “ลำดับที่สี่ โม่โม่ 87 คะแนน!”

        “ลำดับที่สาม ไป๋อี้ 95 คะแนน!”

        “ลำดับที่สอง พูพู 96 คะแนน!”

        “ลำดับที่หนึ่ง ลอทเทียร์ 100 คะแนน!” ไนท์ประกาศคะแนนสอบของทุกคนด้วยความรวดเร็ว จากนั้นทุกคนก็ตกอยู่ในความตะลึง สำหรับการที่ลอทเทียร์ได้ลำดับที่หนึ่งนั้นมันเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่เรื่องที่ทุกคนรู้สึกเหนือความคาดหมายนั่นก็คือการที่พูพูได้ลำดับที่สอง พูพูเป็นเพียงหมูตัวหนึ่ง ซึ่งเขาทำให้ผู้ที่ได้คะแนนน้อยกว่าเขาเหล่านี้รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะไป๋อี้ที่กำลังล้มฟุบอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์คล้ายกับเป็นซากหินดึกดำบรรพ์ที่มีสีเทามืดสนิทอย่างไรอย่างนั้น

        เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!

        ชาร์ไป่มองอย่างเกลียดชังไปที่พูพู จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวนะพูพู คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้คะแนนสูงกว่าไป๋อี้และโม่โม่เสียอีก เจ้าคนโง่เง่าไม่รู้จักตัวเองฉันจะสั่งสอนแกให้หลาบจำเอง ทั้งใบหน้าของชาร์ไป่เต็มไปด้วยความดุร้าย มันกำลังเตรียมจะพุ่งเข้าไปหาพูพูเพื่อเจรจาความในใจ แต่แน่นอนว่าเนื้อหนังของพูพูมีความหนามาก ฉะนั้นแล้วมันจึงไม่กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย

        “พ่อคะ หนูได้รับถ่ายทอดยีนจากพ่อหรือเปล่าคะ ทำไมหนูถึงโง่ขนาดนี้!” ทันใดนั้นเองโม่โม่ได้กล่าวขึ้นเสียงเบา

        “ฮ่า ๆๆๆ” เมื่อได้ยินคำถามของโม่โม่ ไป๋อี้จึงได้หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นทันที เสียงหัวเราะเช่นนี้ได้แพร่กระจายเข้าสู่ทุกคน จากนั้นพวกเขาก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหวเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะทำการแข่งขันกันเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่าไป๋อี้จะได้เพียงลำดับที่สาม กระทั่งคำถามที่โม่โม่ถามเมื่อสักครู่นี้ได้กระตุ้นจุดหัวเราะของทุกคนขึ้นมา อันที่จริงการที่โม่โม่ไม่ชอบเรียนหนังสือนั่นเป็นเพราะได้รับการถ่ายทอดยีนจากไป๋อี้มาอย่างนั้นหรือ แต่ทว่านอกจากชาร์ไป่แล้วคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เลยว่าโม่โม่และไป๋อี้นั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันโดยแท้จริงแต่อย่างใด

        ในเวลานี้เวร่าและคนอื่น ๆ ได้เดินเข้ามาภายในห้องเช่นเดียวกัน จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังสนั่นของพวกไป๋อี้ในทันที

        “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมถึงหัวเราะอย่างดีอกดีใจกันขนาดนี้”

        เมื่อไป๋อี้และโม่โม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงได้ส่งสายตาอันน่ากลัวไปยังไนท์โดยทันที “ไนท์ลบกระดาษข้อสอบซะ ลบออกให้หมดเลย และก็เรื่องการสอบในครั้งนี้ห้ามบอกคนอื่นเป็นอันขาด” นี่ถือว่าเป็นประวัติอันย่ำแย่เลยทีเดียว ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่อยากที่จะขายหน้าต่อหน้าทุกคนเช่นนี้

        “เข้าใจแล้ว~!” ไนท์กล่าวอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ทว่าเธอกลับเก็บกระดาษข้อสอบของทุกคนไว้ดังเดิม เธอจะไม่บอกทุกคนหรอกเพราะเนื้อหาในกระดาษข้อสอบนั้นไม่เหมือนกันเลยสักฉบับ ซึ่งกระดาษข้อสอบของไป๋อี้แผ่นนั้นได้เพิ่มเนื้อหาอันแสนพิเศษเข้าไปด้วยนั่นเอง เมื่อมีสิ่งนี้อยู่กับตัวแล้วมันสามารถกลายมาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการข่มขู่ไป๋อี้ได้ในบางช่วงเวลา เหอะ ๆ !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 159 ทำข้อสอบ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 159 ทำข้อสอบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        อันที่จริงพฤติกรรมของไป๋อี้อยู่เหนือความคาดหมายของเหล่าบรรดารัฐมนตรีใหญ่อย่างสิ้นเชิง การกระทำของเขาทำให้ผลลัพธ์ของแผนร้ายที่ใครบางคนจัดฉากขึ้นมาดีกว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เสียอีก อันที่จริงตอนนี้ไป๋อี้ได้ดำรงตำแหน่งคณบดีศูนย์การฟื้นฟูสุขภาพอย่างมั่นคงแล้ว แต่ทว่าชื่อเสียงของไป๋อี้เมื่ออยู่ท่ามกลางบรรดามนุษย์วิวัฒนาการนั้นกลับย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ทว่าดูเหมือนว่าไป๋อี้จะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่มีเงื่อนไขอันมั่นคงคร่าว ๆ แล้วเขาก็เริ่มต้นแผนงานของตนเองโดยทันที

        ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพสร้างขึ้นมาตามโครงสร้างเดิมของโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในนั้นยังมีส่วนที่ยังทิ้งร่องรอยการแตกร้าวของพืชไม้รวมถึงร่องรอยของการดำรงชีวิตของสัตว์ชนิดอื่นไว้ด้วย แต่ทว่าความต้องการของพวกเขาในขณะนี้ก็ไม่ได้สูงมากนัก พวกเขาขอเพียงมีสถานที่สักแห่งเพื่อพักพิงอยู่ได้ก็เพียงพอแล้ว

        อันดับแรกคือกระแสไฟฟ้า โรงไฟฟ้าภายในเมืองกลับมาใช้งานได้สองแห่งแล้ว เพราะไป๋อี้ค่อนข้างมี ‘ตำแหน่ง’ ดังนั้นไม่ว่าไป๋อี้จะพูดอย่างไรก็ตามเขาก็จะได้รับสิทธิ์การใช้งานไฟฟ้าอย่างรวดเร็วก่อนใคร หลังจากที่มีไฟฟ้าใช้แล้วนั้นพวกไป๋อี้จึงได้ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในโรงพยาบาลด้วยซึ่งมีเพียงหกเครื่องเท่านั้น สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่หามาได้ด้วยความยากลำบากภายในเมืองแห่งนี้ เมื่อมีเครื่องคอมพิวเตอร์หกเครื่องนี้แล้วพวกไป๋อี้ยังติดตั้งไนท์เข้าไปด้วย ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหกเครื่องนี้จึงถือว่าเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขนาดเล็กของไนท์

        “จริง ๆ เลยเชียว มีแค่คอมพิวเตอร์แย่ ๆ แบบนี้เพียงหกเครื่อง ทำให้ความรู้สึกการมีตัวตนของฉันถดถอยลงจริง ๆ” ไนท์กล่าวอย่างไม่พอใจ

        “จนปัญญาแล้ว ตอนนี้พวกเรามีปัญญาเท่านี้แหละ ฉันเคยถามแล้วได้ความว่าอันที่จริงภายในเหล่าบรรดามนุษย์วิวัฒนาการยังมีอัจฉริยะที่เฉลียวฉลาดด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อยู่ด้วยแต่ว่าตอนนี้ดันมีน้อยคนที่มีความสามารถในการทำงานด้านอุตสาหกรรมชนิดนี้ได้” ไป๋อี้กล่าว

        “สรุปแล้วคุณตอบรับคำขอร้องของฉันแล้วว่าจะช่วยสร้างร่างกายที่เป็นคนขึ้นมาให้ฉัน ทำให้ฉันขยับร่างกายได้ด้วยตัวเองใช่หรือเปล่า” ไนท์พูดอ้อนกับไป๋อี้

        ฉันไปพูดเรื่องแบบนี้ตอนไหนกัน นั่นมันคือความต้องการของไนท์ฝ่ายเดียวหรือเปล่า ไป๋อี้บ่นอยู่ในใจแต่กลับพยักหน้าอย่างจริงจัง “ถ้าหากฉันสามารถทำมันได้ละก็ ฉันจะต้องช่วยเธอในการทำเรื่องนี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน ฉันมั่นใจ !” ไป๋อี้พยักหน้า อย่างไรก็ตามไนท์เองก็ได้ช่วยเหลือพวกไป๋อี้มาเยอะมาก ๆ เช่นกัน ไป๋อี้เองก็ไม่ได้มีความรู้สึกหวาดระแวงในเรื่องที่ว่าเมื่อคอมพิวเตอร์มีการตอบสนองเป็นของตนเองแล้วจะส่งผลอันตรายต่อมนุษย์แต่อย่างใด

        “ไนท์ครั้งที่แล้วเธอบอกว่าตัวเองมีคลังความรู้ใช่ไหม ในนั้นมีความรู้ทางชีววิทยาเริ่มตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับสูงที่สุดไหม ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม?” หลังจากที่ไป๋อี้รับปากไนท์แล้วจึงได้กล่าวถามออกมา

        “ได้อย่างแน่นอน!” เมื่อไนท์ได้ยินคำรับปากตกลงจากไป๋อี้แล้วนั้นเธอก็ดีใจเป็นอย่างมาก จึงได้ตอบกลับไปเช่นนั้น

        ขณะที่ไนท์กำลังโอนถ่ายคลังความรู้ออกมานั้น ไป๋อี้ก็ต้องอึ้งไป นี่คือความรู้พื้นฐานของชีววิทยาอย่างนั้นหรือ ? ทั้งหมดนี้มันคือเนื้อหาความรู้โดยสรุปทั้งหมดของมนุษย์โดยสิ้นเชิง เริ่มตั้งแต่ความรู้ระดับชั้นประถมศึกษาจากนั้นเนื้อหาก็มีความซับซ้อนขึ้นจนถึงขั้นที่ไป๋อี้อ่านไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว ไป๋อี้จึงได้สอบถามไนท์ที่กำลังมองหน้าจออยู่ว่า

        “เยอะขนาดนี้เชียว ฉันจะต้องอ่านไปจนถึงเมื่อไหร่กัน?”

        “คุณคิดว่าเยอะมาก แต่ฉันกลับคิดว่าไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่เลยนะ อย่างมากที่สุดก็มีเนื้อหาแค่ไม่กี่ล้านตัวอักษรเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าความเร็วในการเรียนรู้ของมนุษย์อย่างพวกคุณมีขีดจำกัดมากก็เท่านั้น ตามคำอธิบายของด็อกเตอร์หวัง ปกติแล้วในตอนแรกมนุษย์หนึ่งคนจะใช้เวลาเรียน 15 ถึง 20 ปีเริ่มตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงมหาวิทยาลัยหรือว่าระดับด็อกเตอร์ แต่ความจริงแล้วเวลา 95% ขึ้นไปพวกเขาไม่ได้ใช้กับการเรียนเลย” ไนท์กล่าวอธิบาย

        “ไม่จริงมั้ง เวลา 95% ไม่ได้ใช้กับการเรียนงั้นเหรอ?” ไป๋อี้จำได้ว่าทุกวันเขาจะต้องเข้าเรียนวันละเจ็ดถึงแปดชั่วโมงขึ้นไป

        “ไม่เชื่อเหรอ ถ้างั้นก็ลองนึกย้อนกลับไปช่วงเวลาขณะที่พวกคุณยังเรียนหนังสืออยู่ก็แล้วกันว่าตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนถึงมัธยมปลาย ในทุกวันพวกคุณใช้เวลาไปกับการเรียนหนังสือเท่าไหร่ และทุกครั้งที่เรียนหนังสือเวลาที่คุณใช้อย่างมุ่งมั่นตั้งใจ 100 เปอร์เซ็นต์เป็นจำนวนเท่าไหร่ ส่วนเวลานั่งหม่อลอย เวลาเที่ยวเล่นสนุก เวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นเหล่านี้นั้นได้แทรกอยู่ในเวลาการเรียนที่พวกคุณอ้างนั้นเท่าไหร่ เมื่อคิดตามแล้วผลลัพธ์สุดท้ายก็จะเป็นประสิทธิภาพการเรียนของพวกคุณ คนหนึ่งคนถ้าหากมุ่งมั่นตั้งใจ 100 เปอร์เซ็นต์โดยคิดคำนวณตั้งแต่ไม่รู้จักตัวอักษรเลยสักตัวจนกลายเป็นดอกเตอร์ผู้ที่มีความรู้อันลึกซึ้งนั้น เวลาที่คนเหล่านั้นใช้ไปกับการเรียนจริง ๆ นั่นก็คือ 20 ปีคูณด้วย 5% นั่นก็คือเวลาเพียง……1 ปีเท่านั้น!” ไนท์ใช้ข้อมูลตัวเลขในการยกตัวอย่างประกอบ ไม่เพียงแค่ไป๋อี้ที่ต้องงุนงงจนอึ้งไป แม้กระทั่งผู้อื่นที่ฟังไนท์กล่าวอธิบายอยู่ข้าง ๆ นั้นก็ต้องอึ้งไปเช่นเดียวกัน

        หนึ่งปี ตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงด็อกเตอร์หรือ ? เช่นนั้นชีวิตของพวกเขาเมื่อก่อนถูกสุนัขกลืนกินไปหมดเลยใช่หรือไม่!

        “แต่ว่ามนุษย์อย่างพวกคุณทำไม่ได้หรอก เพราะว่าเวลาในช่วงเวลาหนึ่งปีนั้นจำเป็นต้องใช้ไปกับการอ่านหนังสือแทบทุกวินาทีเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีการหยุดพักผ่อน ไม่มีการคิดเรื่องอย่างอื่น จะต้องมุ่งมั่นตั้งใจ 100% ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงทำอย่างนี้ไม่ได้ทั้งนั้น” ไนท์กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมา

        “เอาล่ะ พูดมาเลยว่าฉันต้องทำยังไงจะดีกว่า?” ไป๋อี้ยอมแพ้แล้ว

        “คุณจะต้องอ่านทบทวนความรู้เริ่มตั้งแต่พื้นฐาน อ่านหนึ่งรอบทั้งหมด หลังจากที่อ่านทำความเข้าใจอย่างตั้งใจแล้วนั้นฉันจะให้กระดาษข้อสอบกับคุณหนึ่งฉบับ ซึ่งคุณจะต้องได้รับคะแนนเต็มเท่านั้นถึงจะสามารถอ่านเนื้อหาถัดไปได้ และตอนที่อ่านอยู่ให้คุณลองใช้ดวงตาคู่นั้นของคุณในการสะกดจิตตัวเองดูเพื่อเป็นการรักษาความตั้งใจอย่างสมบูรณ์ ประสิทธิภาพการเรียนอย่างนี้จะต้องทำให้ตัวคุณเองรู้สึกประหลาดใจเป็นแน่” ไนท์กล่าวอธิบาย

        “การมุ่งมั่นตั้งใจอย่างสมบูรณ์งั้นเหรอ……อย่างนั้นก็ได้!” ไป๋อี้พยักหน้าจากนั้นจึงเตรียมตัวเริ่มอ่านหนังสือตามแผนการที่ไนท์กำหนด

        หนังสือเรียนที่ไป๋อี้หยิบขึ้นมาในตอนแรกก็คือหนังสือเรียนของระดับชั้นประถมศึกษา ซึ่งไม่มีส่วนของเนื้อหาด้านวรรณกรรมโดยสิ้นเชิง มีเพียงความรู้ด้านคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว เมื่อไป๋อี้มองเห็นโจทย์การบวกลบคูณหารที่ง่ายดายเหล่านั้น มุมปากของไป๋อี้จึงเผยรอยยิ้มออกมา เหอะ เนื้อหาระดับแค่นี้ฉันสามารถทำมันได้อย่างแน่นอน และขณะนั้นเองไป๋อี้ก็ได้เหลือบไปเห็นโม่โม่ที่ยืนอึ้งอยู่ข้าง ๆ เขาจึงมีความคิดที่สนุกผุดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

        “โม่โม่ อยากจะมาเรียนหนังสือกับพ่อไหม ดูว่าใครเรียนรู้ได้เร็วกว่ากัน”

        คำพูดของไป๋อี้ที่เพิ่งเปล่งออกมาทำให้ลอทเทียร์ที่อยู่ด้านข้างหันหน้ามามองไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ ลุงแก่ไป๋อี้ ลุงอายุเท่าไรแล้วยังจะอยากแข่งกับเด็กน้อยอย่างโม่โม่อีกหรือ เมื่อลุงชนะขึ้นมาจะไม่รู้สึกขายหน้าหรืออย่างไร เห็นได้ชัดว่าลอทเทียร์จนปัญญาที่จะทำความเข้าใจถึงการปฏิบัติต่อกันในรูปแบบนี้ระหว่างพ่อลูกคู่นี้ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เมื่อไป๋อี้มองเห็นสายตาของลอทเทียร์ก็ยังคงไม่เข้าใจความหมายของเธอ

        “มีอะไร หรือว่าลอทเทียร์ เธอก็อยากจะมาแข่งกับฉันด้วยคนเหรอ” ไป๋อี้กล่าวถาม

        โม่โม่ที่เดิมทีมีความลังเลใจเล็กน้อยครั้นเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อแล้วเธอจึงครุ่นคิดอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เรียกชาร์ไป่ที่อยู่ข้าง ๆ ให้เดินเข้ามาหา “ชาร์ไป่ พูพู ชินชิล่า มาหาฉันกันทั้งหมดเลย พวกเรามาแข่งกันดูว่าใครจะเรียนรู้ได้เร็วกว่ากันและใครที่จะได้คะแนนสูงสุด” อยู่ ๆ โม่โม่ก็มีความมั่นใจขึ้นมาเต็มร้อย เธอคิดในใจว่าแม้ผลจะออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม คะแนนลำดับสุดท้ายก็คงจะเป็นของพวกชาร์ไป่สองสามตัวนี้อย่างแน่นอน

        “พูพู” ในตอนแรกพูพูไม่ยินยอมที่จะเข้ามาร่วมด้วย มันเอาแต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมทั้งวิ่งออกไปด้านนอก แต่ทว่าพูพูจะสามารถวิ่งหนีรอดพ้นไปได้อย่างนั้นหรือ ในเวลานี้ไป๋อี้มีความคิดอยากเล่นสนุกขึ้นมาจึงได้เดินไปลากพูพูกลับเข้ามา ถ้าหากไม่เป็นเพราะเวร่าและวูล์ฟที่ทั้งคู่ได้เดินออกไปจากที่นี่ตั้งนานแล้วนั้น คาดว่าพวกเขาเองก็คงหนีไปไหนไม่รอดเช่นกัน

        แน่นอนว่าไป๋อี้เองก็ไม่ได้มีเวลาว่างเหลือเฟือเพื่อให้มาเสียเวลาเล่นสนุกขนาดนั้น เพียงแค่หยอกล้อเล่นสนุกกันชั่วครู่เท่านั้น ดังนั้นในขณะที่ไป๋อี้ โม่โม่ ลอทเทียร์ ชาร์ไป่ พูพูและชินชิล่าเตรียมพร้อมแล้ว ไนท์จึงนำกระดาษข้อสอบแจกให้กับทุกคน พร้อมทั้งให้ทุกคนหันหน้าเข้าหาเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นเพราะชาร์ไป่และตัวอื่น ๆ ไม่สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์อย่างราบรื่นได้ ดังนั้นไนท์จึงเตรียมตัวเลือกคำตอบแบบตัวเลขให้กับพวกเขาซึ่งเพียงแค่กดตัวเลือกเลข 123456 ก็เพียงพอแล้ว

        การสอบ เริ่มได้!

        เดิมทีไป๋อี้คิดว่านี่เป็นเพียงข้อสอบของระดับชั้นประถมศึกษาเท่านั้น แต่ว่าไม่นานไป๋อี้ก็ต้องปวดหัวขึ้นมาเพราะมีข้อสอบที่แปลก ๆ อยู่มากมาย อย่างเช่นข้อสอบที่มีรูปร่างแปลกประหลาดแล้วให้เขาใช้ปากกาในการเลือกรูปร่างที่เหมือนกันออกมา ข้อสอบเช่นนี้ทำให้ไป๋อี้รู้สึกว่ายากจนทำไม่ได้ ไม่จริง นี่คือข้อสอบของระดับชั้นประถมศึกษาจริงหรือ? ไป๋อี้ตัวสั่นเทาอยู่ในใจจากนั้นเขาจึงได้เริ่มกระตุ้นสมองของตัวเอง ในเวลานี้คนอื่น ๆ ก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน อย่างเช่นโม่โม่ก็กำลังมีสีหน้าที่มุ่งมั่นตั้งใจโดยสิ้นเชิงซึ่งไม่เหมือนกับตอนที่โม่โม่เรียนในช่วงเวลาปกติที่เธอจะมีแต่ความขี้เกียจเลยแม้แต่น้อย

        เวลาผ่านมา 1 ชั่วโมงแล้วการสอบก็ได้จบสิ้นลง ขณะที่การสอบจบสิ้นลงนั้นคะแนนของทุกคนได้ออกมาพอดี ไนท์ได้เผยรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ออกมาทันทีพร้อมมองหน้าไป๋อี้

        เฮ้ อย่ามองหน้าฉันอย่างนี้สิ ไป๋อี้บ่นอยู่ในใจเพราะการที่ไนท์มองเขาเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก

        “ลำดับที่หก ชินชิล่า 11 คะแนน” ไนท์เริ่มกล่าวประกาศคะแนนสอบ ชินชิล่านั้นได้ทำข้อสอบอย่างมั่ว ๆ โดยสิ้นเชิงซึ่งการที่มันสามารถเลือกตัวเลข 123456 ถูกต้องจนได้คะแนนตั้ง 11 คะแนนนั้นถือว่าสุดยอดมากเลยทีเดียว แต่ทว่าโม่โม่ยังหันหน้าไปเยาะเย้ยชินชิล่าอีกด้วย

        “ลำดับที่ห้า ชาร์ไป่ 82 คะแนน!”

        “ลำดับที่สี่ โม่โม่ 87 คะแนน!”

        “ลำดับที่สาม ไป๋อี้ 95 คะแนน!”

        “ลำดับที่สอง พูพู 96 คะแนน!”

        “ลำดับที่หนึ่ง ลอทเทียร์ 100 คะแนน!” ไนท์ประกาศคะแนนสอบของทุกคนด้วยความรวดเร็ว จากนั้นทุกคนก็ตกอยู่ในความตะลึง สำหรับการที่ลอทเทียร์ได้ลำดับที่หนึ่งนั้นมันเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่เรื่องที่ทุกคนรู้สึกเหนือความคาดหมายนั่นก็คือการที่พูพูได้ลำดับที่สอง พูพูเป็นเพียงหมูตัวหนึ่ง ซึ่งเขาทำให้ผู้ที่ได้คะแนนน้อยกว่าเขาเหล่านี้รับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะไป๋อี้ที่กำลังล้มฟุบอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์คล้ายกับเป็นซากหินดึกดำบรรพ์ที่มีสีเทามืดสนิทอย่างไรอย่างนั้น

        เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!

        ชาร์ไป่มองอย่างเกลียดชังไปที่พูพู จากนั้นก็ก้าวเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวนะพูพู คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้คะแนนสูงกว่าไป๋อี้และโม่โม่เสียอีก เจ้าคนโง่เง่าไม่รู้จักตัวเองฉันจะสั่งสอนแกให้หลาบจำเอง ทั้งใบหน้าของชาร์ไป่เต็มไปด้วยความดุร้าย มันกำลังเตรียมจะพุ่งเข้าไปหาพูพูเพื่อเจรจาความในใจ แต่แน่นอนว่าเนื้อหนังของพูพูมีความหนามาก ฉะนั้นแล้วมันจึงไม่กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย

        “พ่อคะ หนูได้รับถ่ายทอดยีนจากพ่อหรือเปล่าคะ ทำไมหนูถึงโง่ขนาดนี้!” ทันใดนั้นเองโม่โม่ได้กล่าวขึ้นเสียงเบา

        “ฮ่า ๆๆๆ” เมื่อได้ยินคำถามของโม่โม่ ไป๋อี้จึงได้หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นทันที เสียงหัวเราะเช่นนี้ได้แพร่กระจายเข้าสู่ทุกคน จากนั้นพวกเขาก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหวเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะทำการแข่งขันกันเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่าไป๋อี้จะได้เพียงลำดับที่สาม กระทั่งคำถามที่โม่โม่ถามเมื่อสักครู่นี้ได้กระตุ้นจุดหัวเราะของทุกคนขึ้นมา อันที่จริงการที่โม่โม่ไม่ชอบเรียนหนังสือนั่นเป็นเพราะได้รับการถ่ายทอดยีนจากไป๋อี้มาอย่างนั้นหรือ แต่ทว่านอกจากชาร์ไป่แล้วคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เลยว่าโม่โม่และไป๋อี้นั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันโดยแท้จริงแต่อย่างใด

        ในเวลานี้เวร่าและคนอื่น ๆ ได้เดินเข้ามาภายในห้องเช่นเดียวกัน จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังสนั่นของพวกไป๋อี้ในทันที

        “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมถึงหัวเราะอย่างดีอกดีใจกันขนาดนี้”

        เมื่อไป๋อี้และโม่โม่ได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงได้ส่งสายตาอันน่ากลัวไปยังไนท์โดยทันที “ไนท์ลบกระดาษข้อสอบซะ ลบออกให้หมดเลย และก็เรื่องการสอบในครั้งนี้ห้ามบอกคนอื่นเป็นอันขาด” นี่ถือว่าเป็นประวัติอันย่ำแย่เลยทีเดียว ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่อยากที่จะขายหน้าต่อหน้าทุกคนเช่นนี้

        “เข้าใจแล้ว~!” ไนท์กล่าวอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ทว่าเธอกลับเก็บกระดาษข้อสอบของทุกคนไว้ดังเดิม เธอจะไม่บอกทุกคนหรอกเพราะเนื้อหาในกระดาษข้อสอบนั้นไม่เหมือนกันเลยสักฉบับ ซึ่งกระดาษข้อสอบของไป๋อี้แผ่นนั้นได้เพิ่มเนื้อหาอันแสนพิเศษเข้าไปด้วยนั่นเอง เมื่อมีสิ่งนี้อยู่กับตัวแล้วมันสามารถกลายมาเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการข่มขู่ไป๋อี้ได้ในบางช่วงเวลา เหอะ ๆ !

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+