[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 68 การต่อสู้ที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 68 การต่อสู้ที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ต่างจากจิตสำนึกที่ไร้เดียงสาของไนท์ซึ่งสามารถตัดสินใจได้อย่างง่าย ๆ จากสภาพการณ์ที่เห็น แต่ในขณะเดียวกันร่างแม่แบบทดลองสามารถมองภาพสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนขึ้น แม้แต่ความคิดของทุกคนในตอนนี้ก็ดูเหมือนเธอจะได้ยินอย่างชัดเจน

 เฮ้อออ~!

  เสียงถอนหายใจยาว ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ!

 ……

  เบ็นสันวิ่งไปข้างหน้าทุกคนและขวางอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ ตอนนี้ประตูยังคงค่อย ๆ เปิดออกอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ก้าวออกไปแต่อย่างใด เขาหันหลังให้ประตูใหญ่ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้ไป๋อี้และคนในทีม

  มาร์ตินและวูล์ฟต่างถือปืนกลมือไว้ในมือโดยมือยังค้างไว้ที่ไกปืน กระสุนยังคงทำงานอยู่ ในเวลาเดียวกันก็วิ่งเข้ามาหาเบ็นสัน แต่สิ่งที่เบ็นสันทำคือบิดปีกคู่ใหญ่ที่หลังของเขามาทางด้านหน้า ส่งผลให้กระสุนปืนที่พุ่งใส่เขาเด้งออกมาทีละนัด

  แน่นอนว่าอาวุธปืนธรรมดาไม่มีผลกับเบ็นสันอย่างสิ้นเชิง!

  มาร์ตินและวูล์ฟโยนปืนกลมือทิ้งทันทีและหันมาคว้าดาบยาวที่ตนเลือกไว้แทน เป็นอย่างเช่นที่ไป๋อี้กล่าวไว้ว่าอานุภาพของอาวุธหนักมีข้อจำกัด ไม่สามารถเปรียบเทียบกับอานุภาพของอาวุธเบาในมือของทุกคนได้อีกต่อไป

  วูล์ฟที่มีขนาดตัวใหญ่คว้าง้าวของเขาขึ้นมาและพุ่งไปข้างหน้า เขาอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะสามารถต้านทานคมง้าวของเขาได้หรือไม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้วูล์ฟมีความมั่นใจอย่างมากกับพลังที่แข็งแกร่งและน้ำหนักของง้าวที่น่าเกรงขามของเขา พลังทำลายล้างของวูล์ฟจัดเป็นอันดับหนึ่งในทีม

  ส่วนคนที่ตามหลังวูล์ฟมาคือมาร์ติน เขาใช้ปากกัดเข้าที่คมมีดสั้นของเขา ฟันอันแหลมคมเลื่อนผ่านไปทั่วผิวใบมีด โดยมีร่องรอยของน้ำลายใส ๆ เปียกโชกไปทั่วใบมีดจากเขี้ยวทั้งสองของมาร์ติน

  น้ำลายมีพิษ!

  พิษของแมงมุมที่ผสานรวมกับมาร์ตินนั้นดุร้ายมาก มันมีความสามารถที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวและทำลายเส้นประสาทจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แต่มาร์ตินเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีนิสัยชอบใช้ปากจับเหยื่อและมาร์ตินไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้กัดเบ็นสัน เนื่องจากร่างอันสูงใหญ่ของวูล์ฟบังเอาไว้เบ็นสันจึงไม่เห็นการเคลื่อนไหวของมาร์ติน

  “ฮ๊ากกก~! วูล์ฟคำรามและใช้ง้าวที่หนักหน่วงอันทรงพลังฟันลงไปอย่างแรง”

  แม้แต่เบ็นสันก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อง้าวของวูล์ฟได้อย่างสิ้นเชิง เขาเผยยิ้มออกมาอย่างดูถูกก่อนจะเคลื่อนตัวไปด้านข้างทันทีและในขณะที่ง้าวกำลังฟาดลงมา เขาก็โจมตีใส่ง้าวจากทางด้านข้าง

  รวดเร็วมาก!

  ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของวูล์ฟ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่มาจากง้าวด้วยเสียงเคร้งที่ดังกึกก้อง ง้าวเลื่อนไปทางด้านข้างและแม้แต่ร่างของวูล์ฟก็ขยับไปตามแรงของมัน ในเวลานี้มือขวาและแขนทั้งสองข้างของเบ็นสันปูดโปนพร้อมทั้งมีรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา …… ฉันคิดถึงตอนนั้นจริง ๆ ตอนที่ถูกนักวิจัยลากไปตรงกลางแท่นทดสอบและให้ทำการต่อสู้โดยการฆ่าฝ่ายตรงข้าม

  กำปั้น …… ทุ่มลงมาสองครั้ง!

  หมัดมือขวาของเบ็นสันทุ่มลงมาบนใบหน้าของวูล์ฟสองครั้ง นั่นทำให้ปากจระเข้ขนาดใหญ่ของวูล์ฟถึงกับบิดเอียงไปอีกข้าง ในขณะนั้นดูเหมือนตัวเขาจะสั่นสะเทือนไปทั้งตัว จากนั้นเขาก็ล้มลงเหมือนกระสอบทรายขนาดใหญ่ บ้าเอ๊ย แม่มันเถอะ ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ร้ายกาจมาก …… ตอนนี้ในภวังค์ของวูล์ฟได้แต่คิดสบถสิ่งนี้อยู่ในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับ LV2 ในทางกลับกันในที่สุดวูล์ฟก็ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

  ในขณะที่วูล์ฟโดนแรงกระแทกจนลอยออกไป มาร์ตินที่อยู่ด้านหลังก็รุดตัวพุ่งขึ้นมาทางด้านหน้าทันที มีดสั้นเฉือนเข้าไปยังบาดแผลที่ไป๋อี้ทำไว้ก่อนหน้านี้ ในเวลานี้มาร์ตินไม่มีความมั่นใจว่าจะเฉือนโดนกล้ามเนื้อของเบ็นสันได้เท่าไหร่ แต่เพียงแค่ให้พิษแทรกซึมเข้าไปในแผลได้ก็เป็นพอแล้ว

  มาร์ตินหรี่ตาลงเล็กน้อย ความเร็วของมีดสั้นในมือของเขานั้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์และมีอานุภาพที่มั่นคง …… อย่างยิ่ง!

  แกต้องตาย ……!

  เหอะ!

  ในขณะนั้น เบ็นสันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา เขากระโดดด้วยความเร็วยิ่งกว่าสัญชาตญาณ จากนั้นก็ประสานแขนทั้งสี่เข้าด้วยกัน จนเกิดเสียงตุ้บที่มาจากการทุบดังขึ้น

  โจมตีด้วย …… ค้อนคู่!

  ตุ้บ เสียงมาร์ตินถูกทุบเข้าที่หลังของเขาโดยตรง พลังอันมหาศาลนี้ส่งผลให้พื้นที่เป็นโลหะบริเวณนั้นทั้งหมดสั่นสะเทือน ดวงตาของมาร์ตินปูดขึ้นมาทันที แต่ในชั่วพริบตาต่อมาเบ็นสันก็ส่งแรงจากแขนคู่ที่สองทุบลงมาอีก ตุ้บ ร่างกายของมาร์ตินบิดไปในทิศทางที่ผิดแปลก อีกทั้งหลังของเขายังเกือบจะถูกทุบเป็นเนื้อสับแฮมเบิร์ก

  “มาร์ติน!” วูล์ฟร้องออกมาด้วยความตกใจ หงฉี่ฮว๋าเองก็เร่งความเร็วขึ้น

  “นายรู้แล้วสินะว่าความแข็งแกร่งของ LV2 เป็นยังไง!” เบ็นสันพูดข้างหูของมาร์ตินด้วยรอยยิ้มที่โหดร้าย

  ร่างของมาร์ตินกระตุกอย่างช้า ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา หลังจากได้ยินคำพูดของเบ็นสันมาร์ตินก็ค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้น เขาค่อย ๆ ยกมีดสั้นในมือขวาขึ้นและเฉือนไปที่น่องของเบ็นสัน การเคลื่อนไหวของมาร์ตินนั้นเชื่องช้ามากและดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายกับเบ็นสันแม้แต่น้อย ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับทนดูไม่ได้ ในขณะที่หงฉี่ฮว๋ากำลังวิ่งอย่างสุดกำลังด้วยความเร็วสูง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองเล็กน้อยและหลับตาลง

  “ฉันเห็นแล้วล่ะ สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้นี้ ……. ฮ่า ๆๆๆ” เบ็นสันหัวเราะเยาะ เขาก้าวเท้าซ้ายของเขาเหยียบย่ำซ้ำลงไปอย่างแรง เสียงแคร่กดังขึ้น กระดูกแขนขวาของมาร์ตินหักทันที เบ็นสันยิ้มอย่างเย้ยหยัน ส่วนเท้าซ้ายของเขายังคงบดขยี้ตามแขนของมาร์ตินอยู่ ในขณะที่ร่างกายของมาร์ตินก็ชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่เขากลับไม่แม้แต่จะกรีดร้องคร่ำครวญออกมาสักนิดเดียว

  หลังจากเบ็นสันได้ทรมานมาร์ตินเล็กน้อย เขาก็ค่อย ๆ ยกเท้าซ้ายขึ้นอีกครั้งและวางไว้บนศีรษะของมาร์ติน

 หงฉี่ฮว๋าหันมามองและจ้องไปที่เบ็นสันอย่างเย็นยะเยือก จากนั้นเธอก็ถือมีดสั้นในมือขึ้นมา ก่อนจะปามีดสั้นเล่มนี้ลอยออกไป โดยพุ่งเป้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ในขณะที่มีดสั้นอีกเล่มยังอยู่ในมือของหงฉี่ฮว๋า หลังจากปามีดเล่มแรกออกไปเธอก็เร่งความเร็วขึ้นและดูเหมือนว่าความเร็วของหงฉี่ฮว๋าจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว 

  ทว่าเบ็นสันกลับหันหลบไปทางด้านข้างอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าซ้ายหงฉี่ฮว๋าก็เข้ามาประชิดตัวเขา เธอหมุนตัวและใช้มีดสั้นเฉือน ในเวลาเดียวกันหงฉี่ฮว๋าก็บิดตัวของเธอพร้อมกับใช้เท้าขวาถีบมาร์ตินออกไปและคว้ามีดสั้นของมาร์ตินไว้ด้วยมือซ้ายของเธอ

  เบ็นสันหรี่ตาลง แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังมหาศาลแต่เขาก็กลัวสารพิษมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ไล่ตาม หงฉี่ฮว๋าก็โผล่ออกมาจากด้านข้างของเขาและในเวลาเดียวกันสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทั้ง 7 ตัวที่ตามมาข้างหลังก็รุดเข้ามาที่บริเวณนี้ ไม่ว่าใครขวางอยู่ตรงหน้าของสัตว์ประหลาดทั้ง 7 ตัวเหล่านี้ก็จะถูกปากใหญ่ที่น่ากลัวของพวกมันกัดเข้าทั้งสิ้น

  หงฉี่ฮว๋ารุดตัวขึ้นมาจากพื้น เธอโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อคืนสมดุลให้ร่างกายของเธอ และกำลังจะฉวยโอกาสโจมตีเขาแต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นเบ็นสันกำลังอ้าปากตะโกนอีกครั้ง

  หงฉี่ฮว๋าปิดหูของเธอด้วยมือทันที จากนั้นก็ดีดตัวไปทางด้านหลัง

  “อ๊ากกก ….. !” คลื่นเสียงอันทรงพลังดังขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับพลังเสียงที่ปล่อยออกมาเฉพาะจุดเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ มันกลับกระจายพลังเสียงไปรอบทิศทาง สัตว์ประหลาดที่เพิ่งกัดเบ็นสันไปก็รีบปล่อยปากขนาดใหญ่ของมันและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

  อย่างไรก็ตามในคราวนี้ไป๋อี้พยายามต่อต้านคลื่นเสียงนี้ เขาถอยกลับไปหาเบ็นสันราวกับว่าเขาถูกหยูหานบังคับขู่เข็ญ

  ไม่ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้!

  จู่ ๆ หยูหานก็ตามเขาไป แต่การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้ก็ทำให้เขาลังเลเล็กน้อย เขาไม่ได้มีความพยายามตั้งใจจะต่อต้านพลังคลื่นเสียงนี้อย่างสุดชีวิตเหมือนไป๋อี้ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงกินเวลาราวสี่หรือห้าวินาทีกว่าจะหยุดลงได้ในที่สุด ใบหน้าของไป๋อี้มีเลือดไหลออกมาจากแรงสั่นสะเทือนของคลื่นที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ทว่าในตอนนี้ไป๋อี้ได้หันกลับมาและพุ่งเข้าใส่เบ็นสัน ตั้งแต่ทีแรกไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกว่าหยูหานคือคนที่เป็นภัยอันตรายที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้

  คนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างแท้จริง คนที่เป็นอุปสรรคของไป๋อี้และคนในทีม นั่นก็คือเบ็นสัน

  ไป๋อี้กระโดดขึ้นมาจากพื้นอย่างรุนแรงและแทงดาบคะตะนะเข้าที่ปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันที่ยังไม่หุบปากลง ในตอนนี้ไป๋อี้ดูดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้สร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในทั้งหมด แม้ว่าจะไม่มีบาดแผลบนผิวกายภายนอก แต่ไป๋อี้เองก็รู้ดีว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด

  “ตายซะเถอะ!” ไป๋อี้กัดฟันและพูดออกมาด้วยความเคียดแค้น

  ดวงตาของเบ็นสันเบิกโพลง เขาต้องการจะส่งเสียงร้องอีกครั้ง แต่ลมปราณในอกและหน้าท้องเพิ่งถูกใช้จนหมดไป ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่สามารถที่จะใช้พลังคลื่นเสียงโจมตีเป็นครั้งที่สองได้ ดวงตาของทั้งสองหันมาสบกัน นั่นทำให้เบ็นสันเห็นความมุ่งมั่นและดุดันอย่างชัดเจนจากดวงตาของไป๋อี้ ไม่เพียงแต่ความดุร้ายที่แสดงกับศัตรูเท่านั้น แต่ยังแสดงความดุร้ายต่อตัวเองด้วย นี่คือผู้ชายที่สามารถเสียสละได้มากที่สุดเพื่อชัยชนะ

  ฉึก เสียงดาบคะตะนะของไป๋อี้เสียบเข้าไปในปากใหญ่ของเบ็นสันโดยตรง แต่ทันใดนั้นปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หุบลง ฟันของเขากัดเข้าที่คบดาบอย่างดุเดือด

  ไป๋อี้พยายามใช้แรงอย่างดุดัน ส่วนดาบคะตะนะของเขาก็ได้รับแรงสะเทือนที่ทรงพลัง คมดาบของเขาสั่นไหวตามแรงเกิดเป็นเสียงดังเคร้งคร้าง

  ร่องรอยของเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเบ็นสัน แต่ทว่าในขณะนี้แขนทั้งสี่ของเขาค่อย ๆ เกร็งและในเวลาเดียวกันเขาก็กำหมัดแน่น

  “อ๊ะ …… อ๊ากกก อ๊ากกก!”

  ไป๋อี้กรีดร้องโอดครวญอย่างดุดัน มือขวาของเขากระแทกเข้าที่ด้ามจับของดาบคะตะนะ แรงกระแทกที่ทรงพลังทำให้ดาบคะตะนะกระเเทกลึกเข้าไปอีก มือขวาของไป๋อี้ยังคงจับที่ด้ามดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หลุดจากดาบ แต่ในเวลานี้มีเสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อดาบคะตะนะหักออกจากกัน คมดาบกระเด็นไปในทุกทิศทางอย่างรวดเร็วและตกกระทบกับพื้นเสียงดังเคร้งคร้างไปทั่วบริเวณ

  กำปั้นหนัก …… ทั้งสี่หมัด!

  เบ็นสันกระอักเลือดออกมาจากปาก แต่แขนทั้งสี่กลับมีพลังมหาศาลและส่งแรงกระแทกไปที่ไป๋อี้ …… คนที่ต้องตายคือแก ไป๋อี้! เบ็นสันคือร่างทดลองที่ถูกฆ่าจากสถาบันวิจัยที่นี่ ในขณะเดียวกันความดุร้ายที่บ้าระห่ำของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

  แต่ทว่าในเวลานี้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากพื้นและใช้ตัวขวางไป๋อี้เอาไว้ เขาคือมาร์ตินที่ล้มลงกับพื้นและกำลังจะตาย เห็นได้ชัดว่ากระดูกสันหลังด้านหลังถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเขากระโดดขึ้นมาได้อย่างไร แต่เขาก็ขวางหน้าไป๋อี้ได้พอดี

  ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ!

  หมัดขนาดใหญ่จากทั้งสี่มือฟาดลงบนศีรษะ ลำคอ หน้าอก และท้องน้อยของมาร์ติน พลังอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาทันที ร่างแกร่งที่เข้มแข็งและทรหดของมาร์ตินฉีกขาดจากพลังทำลายล้าง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ขาดออกจากกัน

  ไป๋อี้มองดูมาร์ตินแตกกระจุยเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าต่อตาของเขา เลือด เศษเนื้อ และสมองกระเด็นไปข้างหลังแล้วสาดกระเซ็นใส่ไป๋อี้ไปทั่ว

  เฮือกกก~!

  ไป๋อี้ถอนหายใจยาว ๆ อยู่ในใจ ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 68 การต่อสู้ที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 68 การต่อสู้ที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ต่างจากจิตสำนึกที่ไร้เดียงสาของไนท์ซึ่งสามารถตัดสินใจได้อย่างง่าย ๆ จากสภาพการณ์ที่เห็น แต่ในขณะเดียวกันร่างแม่แบบทดลองสามารถมองภาพสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนขึ้น แม้แต่ความคิดของทุกคนในตอนนี้ก็ดูเหมือนเธอจะได้ยินอย่างชัดเจน

 เฮ้อออ~!

  เสียงถอนหายใจยาว ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ!

 ……

  เบ็นสันวิ่งไปข้างหน้าทุกคนและขวางอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ ตอนนี้ประตูยังคงค่อย ๆ เปิดออกอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ก้าวออกไปแต่อย่างใด เขาหันหลังให้ประตูใหญ่ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้ไป๋อี้และคนในทีม

  มาร์ตินและวูล์ฟต่างถือปืนกลมือไว้ในมือโดยมือยังค้างไว้ที่ไกปืน กระสุนยังคงทำงานอยู่ ในเวลาเดียวกันก็วิ่งเข้ามาหาเบ็นสัน แต่สิ่งที่เบ็นสันทำคือบิดปีกคู่ใหญ่ที่หลังของเขามาทางด้านหน้า ส่งผลให้กระสุนปืนที่พุ่งใส่เขาเด้งออกมาทีละนัด

  แน่นอนว่าอาวุธปืนธรรมดาไม่มีผลกับเบ็นสันอย่างสิ้นเชิง!

  มาร์ตินและวูล์ฟโยนปืนกลมือทิ้งทันทีและหันมาคว้าดาบยาวที่ตนเลือกไว้แทน เป็นอย่างเช่นที่ไป๋อี้กล่าวไว้ว่าอานุภาพของอาวุธหนักมีข้อจำกัด ไม่สามารถเปรียบเทียบกับอานุภาพของอาวุธเบาในมือของทุกคนได้อีกต่อไป

  วูล์ฟที่มีขนาดตัวใหญ่คว้าง้าวของเขาขึ้นมาและพุ่งไปข้างหน้า เขาอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะสามารถต้านทานคมง้าวของเขาได้หรือไม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้วูล์ฟมีความมั่นใจอย่างมากกับพลังที่แข็งแกร่งและน้ำหนักของง้าวที่น่าเกรงขามของเขา พลังทำลายล้างของวูล์ฟจัดเป็นอันดับหนึ่งในทีม

  ส่วนคนที่ตามหลังวูล์ฟมาคือมาร์ติน เขาใช้ปากกัดเข้าที่คมมีดสั้นของเขา ฟันอันแหลมคมเลื่อนผ่านไปทั่วผิวใบมีด โดยมีร่องรอยของน้ำลายใส ๆ เปียกโชกไปทั่วใบมีดจากเขี้ยวทั้งสองของมาร์ติน

  น้ำลายมีพิษ!

  พิษของแมงมุมที่ผสานรวมกับมาร์ตินนั้นดุร้ายมาก มันมีความสามารถที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวและทำลายเส้นประสาทจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แต่มาร์ตินเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีนิสัยชอบใช้ปากจับเหยื่อและมาร์ตินไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้กัดเบ็นสัน เนื่องจากร่างอันสูงใหญ่ของวูล์ฟบังเอาไว้เบ็นสันจึงไม่เห็นการเคลื่อนไหวของมาร์ติน

  “ฮ๊ากกก~! วูล์ฟคำรามและใช้ง้าวที่หนักหน่วงอันทรงพลังฟันลงไปอย่างแรง”

  แม้แต่เบ็นสันก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อง้าวของวูล์ฟได้อย่างสิ้นเชิง เขาเผยยิ้มออกมาอย่างดูถูกก่อนจะเคลื่อนตัวไปด้านข้างทันทีและในขณะที่ง้าวกำลังฟาดลงมา เขาก็โจมตีใส่ง้าวจากทางด้านข้าง

  รวดเร็วมาก!

  ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของวูล์ฟ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่มาจากง้าวด้วยเสียงเคร้งที่ดังกึกก้อง ง้าวเลื่อนไปทางด้านข้างและแม้แต่ร่างของวูล์ฟก็ขยับไปตามแรงของมัน ในเวลานี้มือขวาและแขนทั้งสองข้างของเบ็นสันปูดโปนพร้อมทั้งมีรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา …… ฉันคิดถึงตอนนั้นจริง ๆ ตอนที่ถูกนักวิจัยลากไปตรงกลางแท่นทดสอบและให้ทำการต่อสู้โดยการฆ่าฝ่ายตรงข้าม

  กำปั้น …… ทุ่มลงมาสองครั้ง!

  หมัดมือขวาของเบ็นสันทุ่มลงมาบนใบหน้าของวูล์ฟสองครั้ง นั่นทำให้ปากจระเข้ขนาดใหญ่ของวูล์ฟถึงกับบิดเอียงไปอีกข้าง ในขณะนั้นดูเหมือนตัวเขาจะสั่นสะเทือนไปทั้งตัว จากนั้นเขาก็ล้มลงเหมือนกระสอบทรายขนาดใหญ่ บ้าเอ๊ย แม่มันเถอะ ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ร้ายกาจมาก …… ตอนนี้ในภวังค์ของวูล์ฟได้แต่คิดสบถสิ่งนี้อยู่ในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับ LV2 ในทางกลับกันในที่สุดวูล์ฟก็ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

  ในขณะที่วูล์ฟโดนแรงกระแทกจนลอยออกไป มาร์ตินที่อยู่ด้านหลังก็รุดตัวพุ่งขึ้นมาทางด้านหน้าทันที มีดสั้นเฉือนเข้าไปยังบาดแผลที่ไป๋อี้ทำไว้ก่อนหน้านี้ ในเวลานี้มาร์ตินไม่มีความมั่นใจว่าจะเฉือนโดนกล้ามเนื้อของเบ็นสันได้เท่าไหร่ แต่เพียงแค่ให้พิษแทรกซึมเข้าไปในแผลได้ก็เป็นพอแล้ว

  มาร์ตินหรี่ตาลงเล็กน้อย ความเร็วของมีดสั้นในมือของเขานั้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์และมีอานุภาพที่มั่นคง …… อย่างยิ่ง!

  แกต้องตาย ……!

  เหอะ!

  ในขณะนั้น เบ็นสันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา เขากระโดดด้วยความเร็วยิ่งกว่าสัญชาตญาณ จากนั้นก็ประสานแขนทั้งสี่เข้าด้วยกัน จนเกิดเสียงตุ้บที่มาจากการทุบดังขึ้น

  โจมตีด้วย …… ค้อนคู่!

  ตุ้บ เสียงมาร์ตินถูกทุบเข้าที่หลังของเขาโดยตรง พลังอันมหาศาลนี้ส่งผลให้พื้นที่เป็นโลหะบริเวณนั้นทั้งหมดสั่นสะเทือน ดวงตาของมาร์ตินปูดขึ้นมาทันที แต่ในชั่วพริบตาต่อมาเบ็นสันก็ส่งแรงจากแขนคู่ที่สองทุบลงมาอีก ตุ้บ ร่างกายของมาร์ตินบิดไปในทิศทางที่ผิดแปลก อีกทั้งหลังของเขายังเกือบจะถูกทุบเป็นเนื้อสับแฮมเบิร์ก

  “มาร์ติน!” วูล์ฟร้องออกมาด้วยความตกใจ หงฉี่ฮว๋าเองก็เร่งความเร็วขึ้น

  “นายรู้แล้วสินะว่าความแข็งแกร่งของ LV2 เป็นยังไง!” เบ็นสันพูดข้างหูของมาร์ตินด้วยรอยยิ้มที่โหดร้าย

  ร่างของมาร์ตินกระตุกอย่างช้า ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา หลังจากได้ยินคำพูดของเบ็นสันมาร์ตินก็ค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้น เขาค่อย ๆ ยกมีดสั้นในมือขวาขึ้นและเฉือนไปที่น่องของเบ็นสัน การเคลื่อนไหวของมาร์ตินนั้นเชื่องช้ามากและดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายกับเบ็นสันแม้แต่น้อย ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับทนดูไม่ได้ ในขณะที่หงฉี่ฮว๋ากำลังวิ่งอย่างสุดกำลังด้วยความเร็วสูง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองเล็กน้อยและหลับตาลง

  “ฉันเห็นแล้วล่ะ สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้นี้ ……. ฮ่า ๆๆๆ” เบ็นสันหัวเราะเยาะ เขาก้าวเท้าซ้ายของเขาเหยียบย่ำซ้ำลงไปอย่างแรง เสียงแคร่กดังขึ้น กระดูกแขนขวาของมาร์ตินหักทันที เบ็นสันยิ้มอย่างเย้ยหยัน ส่วนเท้าซ้ายของเขายังคงบดขยี้ตามแขนของมาร์ตินอยู่ ในขณะที่ร่างกายของมาร์ตินก็ชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่เขากลับไม่แม้แต่จะกรีดร้องคร่ำครวญออกมาสักนิดเดียว

  หลังจากเบ็นสันได้ทรมานมาร์ตินเล็กน้อย เขาก็ค่อย ๆ ยกเท้าซ้ายขึ้นอีกครั้งและวางไว้บนศีรษะของมาร์ติน

 หงฉี่ฮว๋าหันมามองและจ้องไปที่เบ็นสันอย่างเย็นยะเยือก จากนั้นเธอก็ถือมีดสั้นในมือขึ้นมา ก่อนจะปามีดสั้นเล่มนี้ลอยออกไป โดยพุ่งเป้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ในขณะที่มีดสั้นอีกเล่มยังอยู่ในมือของหงฉี่ฮว๋า หลังจากปามีดเล่มแรกออกไปเธอก็เร่งความเร็วขึ้นและดูเหมือนว่าความเร็วของหงฉี่ฮว๋าจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว 

  ทว่าเบ็นสันกลับหันหลบไปทางด้านข้างอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าซ้ายหงฉี่ฮว๋าก็เข้ามาประชิดตัวเขา เธอหมุนตัวและใช้มีดสั้นเฉือน ในเวลาเดียวกันหงฉี่ฮว๋าก็บิดตัวของเธอพร้อมกับใช้เท้าขวาถีบมาร์ตินออกไปและคว้ามีดสั้นของมาร์ตินไว้ด้วยมือซ้ายของเธอ

  เบ็นสันหรี่ตาลง แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังมหาศาลแต่เขาก็กลัวสารพิษมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ไล่ตาม หงฉี่ฮว๋าก็โผล่ออกมาจากด้านข้างของเขาและในเวลาเดียวกันสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทั้ง 7 ตัวที่ตามมาข้างหลังก็รุดเข้ามาที่บริเวณนี้ ไม่ว่าใครขวางอยู่ตรงหน้าของสัตว์ประหลาดทั้ง 7 ตัวเหล่านี้ก็จะถูกปากใหญ่ที่น่ากลัวของพวกมันกัดเข้าทั้งสิ้น

  หงฉี่ฮว๋ารุดตัวขึ้นมาจากพื้น เธอโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อคืนสมดุลให้ร่างกายของเธอ และกำลังจะฉวยโอกาสโจมตีเขาแต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นเบ็นสันกำลังอ้าปากตะโกนอีกครั้ง

  หงฉี่ฮว๋าปิดหูของเธอด้วยมือทันที จากนั้นก็ดีดตัวไปทางด้านหลัง

  “อ๊ากกก ….. !” คลื่นเสียงอันทรงพลังดังขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับพลังเสียงที่ปล่อยออกมาเฉพาะจุดเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ มันกลับกระจายพลังเสียงไปรอบทิศทาง สัตว์ประหลาดที่เพิ่งกัดเบ็นสันไปก็รีบปล่อยปากขนาดใหญ่ของมันและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

  อย่างไรก็ตามในคราวนี้ไป๋อี้พยายามต่อต้านคลื่นเสียงนี้ เขาถอยกลับไปหาเบ็นสันราวกับว่าเขาถูกหยูหานบังคับขู่เข็ญ

  ไม่ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้!

  จู่ ๆ หยูหานก็ตามเขาไป แต่การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้ก็ทำให้เขาลังเลเล็กน้อย เขาไม่ได้มีความพยายามตั้งใจจะต่อต้านพลังคลื่นเสียงนี้อย่างสุดชีวิตเหมือนไป๋อี้ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงกินเวลาราวสี่หรือห้าวินาทีกว่าจะหยุดลงได้ในที่สุด ใบหน้าของไป๋อี้มีเลือดไหลออกมาจากแรงสั่นสะเทือนของคลื่นที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ทว่าในตอนนี้ไป๋อี้ได้หันกลับมาและพุ่งเข้าใส่เบ็นสัน ตั้งแต่ทีแรกไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกว่าหยูหานคือคนที่เป็นภัยอันตรายที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้

  คนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างแท้จริง คนที่เป็นอุปสรรคของไป๋อี้และคนในทีม นั่นก็คือเบ็นสัน

  ไป๋อี้กระโดดขึ้นมาจากพื้นอย่างรุนแรงและแทงดาบคะตะนะเข้าที่ปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันที่ยังไม่หุบปากลง ในตอนนี้ไป๋อี้ดูดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้สร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในทั้งหมด แม้ว่าจะไม่มีบาดแผลบนผิวกายภายนอก แต่ไป๋อี้เองก็รู้ดีว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด

  “ตายซะเถอะ!” ไป๋อี้กัดฟันและพูดออกมาด้วยความเคียดแค้น

  ดวงตาของเบ็นสันเบิกโพลง เขาต้องการจะส่งเสียงร้องอีกครั้ง แต่ลมปราณในอกและหน้าท้องเพิ่งถูกใช้จนหมดไป ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่สามารถที่จะใช้พลังคลื่นเสียงโจมตีเป็นครั้งที่สองได้ ดวงตาของทั้งสองหันมาสบกัน นั่นทำให้เบ็นสันเห็นความมุ่งมั่นและดุดันอย่างชัดเจนจากดวงตาของไป๋อี้ ไม่เพียงแต่ความดุร้ายที่แสดงกับศัตรูเท่านั้น แต่ยังแสดงความดุร้ายต่อตัวเองด้วย นี่คือผู้ชายที่สามารถเสียสละได้มากที่สุดเพื่อชัยชนะ

  ฉึก เสียงดาบคะตะนะของไป๋อี้เสียบเข้าไปในปากใหญ่ของเบ็นสันโดยตรง แต่ทันใดนั้นปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หุบลง ฟันของเขากัดเข้าที่คบดาบอย่างดุเดือด

  ไป๋อี้พยายามใช้แรงอย่างดุดัน ส่วนดาบคะตะนะของเขาก็ได้รับแรงสะเทือนที่ทรงพลัง คมดาบของเขาสั่นไหวตามแรงเกิดเป็นเสียงดังเคร้งคร้าง

  ร่องรอยของเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเบ็นสัน แต่ทว่าในขณะนี้แขนทั้งสี่ของเขาค่อย ๆ เกร็งและในเวลาเดียวกันเขาก็กำหมัดแน่น

  “อ๊ะ …… อ๊ากกก อ๊ากกก!”

  ไป๋อี้กรีดร้องโอดครวญอย่างดุดัน มือขวาของเขากระแทกเข้าที่ด้ามจับของดาบคะตะนะ แรงกระแทกที่ทรงพลังทำให้ดาบคะตะนะกระเเทกลึกเข้าไปอีก มือขวาของไป๋อี้ยังคงจับที่ด้ามดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หลุดจากดาบ แต่ในเวลานี้มีเสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อดาบคะตะนะหักออกจากกัน คมดาบกระเด็นไปในทุกทิศทางอย่างรวดเร็วและตกกระทบกับพื้นเสียงดังเคร้งคร้างไปทั่วบริเวณ

  กำปั้นหนัก …… ทั้งสี่หมัด!

  เบ็นสันกระอักเลือดออกมาจากปาก แต่แขนทั้งสี่กลับมีพลังมหาศาลและส่งแรงกระแทกไปที่ไป๋อี้ …… คนที่ต้องตายคือแก ไป๋อี้! เบ็นสันคือร่างทดลองที่ถูกฆ่าจากสถาบันวิจัยที่นี่ ในขณะเดียวกันความดุร้ายที่บ้าระห่ำของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

  แต่ทว่าในเวลานี้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากพื้นและใช้ตัวขวางไป๋อี้เอาไว้ เขาคือมาร์ตินที่ล้มลงกับพื้นและกำลังจะตาย เห็นได้ชัดว่ากระดูกสันหลังด้านหลังถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเขากระโดดขึ้นมาได้อย่างไร แต่เขาก็ขวางหน้าไป๋อี้ได้พอดี

  ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ!

  หมัดขนาดใหญ่จากทั้งสี่มือฟาดลงบนศีรษะ ลำคอ หน้าอก และท้องน้อยของมาร์ติน พลังอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาทันที ร่างแกร่งที่เข้มแข็งและทรหดของมาร์ตินฉีกขาดจากพลังทำลายล้าง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ขาดออกจากกัน

  ไป๋อี้มองดูมาร์ตินแตกกระจุยเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าต่อตาของเขา เลือด เศษเนื้อ และสมองกระเด็นไปข้างหลังแล้วสาดกระเซ็นใส่ไป๋อี้ไปทั่ว

  เฮือกกก~!

  ไป๋อี้ถอนหายใจยาว ๆ อยู่ในใจ ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 68 การต่อสู้ที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 68 การต่อสู้ที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ต่างจากจิตสำนึกที่ไร้เดียงสาของไนท์ซึ่งสามารถตัดสินใจได้อย่างง่าย ๆ จากสภาพการณ์ที่เห็น แต่ในขณะเดียวกันร่างแม่แบบทดลองสามารถมองภาพสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนขึ้น แม้แต่ความคิดของทุกคนในตอนนี้ก็ดูเหมือนเธอจะได้ยินอย่างชัดเจน

 เฮ้อออ~!

  เสียงถอนหายใจยาว ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ!

 ……

  เบ็นสันวิ่งไปข้างหน้าทุกคนและขวางอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ ตอนนี้ประตูยังคงค่อย ๆ เปิดออกอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ก้าวออกไปแต่อย่างใด เขาหันหลังให้ประตูใหญ่ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้ไป๋อี้และคนในทีม

  มาร์ตินและวูล์ฟต่างถือปืนกลมือไว้ในมือโดยมือยังค้างไว้ที่ไกปืน กระสุนยังคงทำงานอยู่ ในเวลาเดียวกันก็วิ่งเข้ามาหาเบ็นสัน แต่สิ่งที่เบ็นสันทำคือบิดปีกคู่ใหญ่ที่หลังของเขามาทางด้านหน้า ส่งผลให้กระสุนปืนที่พุ่งใส่เขาเด้งออกมาทีละนัด

  แน่นอนว่าอาวุธปืนธรรมดาไม่มีผลกับเบ็นสันอย่างสิ้นเชิง!

  มาร์ตินและวูล์ฟโยนปืนกลมือทิ้งทันทีและหันมาคว้าดาบยาวที่ตนเลือกไว้แทน เป็นอย่างเช่นที่ไป๋อี้กล่าวไว้ว่าอานุภาพของอาวุธหนักมีข้อจำกัด ไม่สามารถเปรียบเทียบกับอานุภาพของอาวุธเบาในมือของทุกคนได้อีกต่อไป

  วูล์ฟที่มีขนาดตัวใหญ่คว้าง้าวของเขาขึ้นมาและพุ่งไปข้างหน้า เขาอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะสามารถต้านทานคมง้าวของเขาได้หรือไม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้วูล์ฟมีความมั่นใจอย่างมากกับพลังที่แข็งแกร่งและน้ำหนักของง้าวที่น่าเกรงขามของเขา พลังทำลายล้างของวูล์ฟจัดเป็นอันดับหนึ่งในทีม

  ส่วนคนที่ตามหลังวูล์ฟมาคือมาร์ติน เขาใช้ปากกัดเข้าที่คมมีดสั้นของเขา ฟันอันแหลมคมเลื่อนผ่านไปทั่วผิวใบมีด โดยมีร่องรอยของน้ำลายใส ๆ เปียกโชกไปทั่วใบมีดจากเขี้ยวทั้งสองของมาร์ติน

  น้ำลายมีพิษ!

  พิษของแมงมุมที่ผสานรวมกับมาร์ตินนั้นดุร้ายมาก มันมีความสามารถที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวและทำลายเส้นประสาทจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แต่มาร์ตินเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีนิสัยชอบใช้ปากจับเหยื่อและมาร์ตินไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้กัดเบ็นสัน เนื่องจากร่างอันสูงใหญ่ของวูล์ฟบังเอาไว้เบ็นสันจึงไม่เห็นการเคลื่อนไหวของมาร์ติน

  “ฮ๊ากกก~! วูล์ฟคำรามและใช้ง้าวที่หนักหน่วงอันทรงพลังฟันลงไปอย่างแรง”

  แม้แต่เบ็นสันก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อง้าวของวูล์ฟได้อย่างสิ้นเชิง เขาเผยยิ้มออกมาอย่างดูถูกก่อนจะเคลื่อนตัวไปด้านข้างทันทีและในขณะที่ง้าวกำลังฟาดลงมา เขาก็โจมตีใส่ง้าวจากทางด้านข้าง

  รวดเร็วมาก!

  ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของวูล์ฟ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่มาจากง้าวด้วยเสียงเคร้งที่ดังกึกก้อง ง้าวเลื่อนไปทางด้านข้างและแม้แต่ร่างของวูล์ฟก็ขยับไปตามแรงของมัน ในเวลานี้มือขวาและแขนทั้งสองข้างของเบ็นสันปูดโปนพร้อมทั้งมีรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา …… ฉันคิดถึงตอนนั้นจริง ๆ ตอนที่ถูกนักวิจัยลากไปตรงกลางแท่นทดสอบและให้ทำการต่อสู้โดยการฆ่าฝ่ายตรงข้าม

  กำปั้น …… ทุ่มลงมาสองครั้ง!

  หมัดมือขวาของเบ็นสันทุ่มลงมาบนใบหน้าของวูล์ฟสองครั้ง นั่นทำให้ปากจระเข้ขนาดใหญ่ของวูล์ฟถึงกับบิดเอียงไปอีกข้าง ในขณะนั้นดูเหมือนตัวเขาจะสั่นสะเทือนไปทั้งตัว จากนั้นเขาก็ล้มลงเหมือนกระสอบทรายขนาดใหญ่ บ้าเอ๊ย แม่มันเถอะ ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ร้ายกาจมาก …… ตอนนี้ในภวังค์ของวูล์ฟได้แต่คิดสบถสิ่งนี้อยู่ในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับ LV2 ในทางกลับกันในที่สุดวูล์ฟก็ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

  ในขณะที่วูล์ฟโดนแรงกระแทกจนลอยออกไป มาร์ตินที่อยู่ด้านหลังก็รุดตัวพุ่งขึ้นมาทางด้านหน้าทันที มีดสั้นเฉือนเข้าไปยังบาดแผลที่ไป๋อี้ทำไว้ก่อนหน้านี้ ในเวลานี้มาร์ตินไม่มีความมั่นใจว่าจะเฉือนโดนกล้ามเนื้อของเบ็นสันได้เท่าไหร่ แต่เพียงแค่ให้พิษแทรกซึมเข้าไปในแผลได้ก็เป็นพอแล้ว

  มาร์ตินหรี่ตาลงเล็กน้อย ความเร็วของมีดสั้นในมือของเขานั้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์และมีอานุภาพที่มั่นคง …… อย่างยิ่ง!

  แกต้องตาย ……!

  เหอะ!

  ในขณะนั้น เบ็นสันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา เขากระโดดด้วยความเร็วยิ่งกว่าสัญชาตญาณ จากนั้นก็ประสานแขนทั้งสี่เข้าด้วยกัน จนเกิดเสียงตุ้บที่มาจากการทุบดังขึ้น

  โจมตีด้วย …… ค้อนคู่!

  ตุ้บ เสียงมาร์ตินถูกทุบเข้าที่หลังของเขาโดยตรง พลังอันมหาศาลนี้ส่งผลให้พื้นที่เป็นโลหะบริเวณนั้นทั้งหมดสั่นสะเทือน ดวงตาของมาร์ตินปูดขึ้นมาทันที แต่ในชั่วพริบตาต่อมาเบ็นสันก็ส่งแรงจากแขนคู่ที่สองทุบลงมาอีก ตุ้บ ร่างกายของมาร์ตินบิดไปในทิศทางที่ผิดแปลก อีกทั้งหลังของเขายังเกือบจะถูกทุบเป็นเนื้อสับแฮมเบิร์ก

  “มาร์ติน!” วูล์ฟร้องออกมาด้วยความตกใจ หงฉี่ฮว๋าเองก็เร่งความเร็วขึ้น

  “นายรู้แล้วสินะว่าความแข็งแกร่งของ LV2 เป็นยังไง!” เบ็นสันพูดข้างหูของมาร์ตินด้วยรอยยิ้มที่โหดร้าย

  ร่างของมาร์ตินกระตุกอย่างช้า ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา หลังจากได้ยินคำพูดของเบ็นสันมาร์ตินก็ค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้น เขาค่อย ๆ ยกมีดสั้นในมือขวาขึ้นและเฉือนไปที่น่องของเบ็นสัน การเคลื่อนไหวของมาร์ตินนั้นเชื่องช้ามากและดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายกับเบ็นสันแม้แต่น้อย ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับทนดูไม่ได้ ในขณะที่หงฉี่ฮว๋ากำลังวิ่งอย่างสุดกำลังด้วยความเร็วสูง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองเล็กน้อยและหลับตาลง

  “ฉันเห็นแล้วล่ะ สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้นี้ ……. ฮ่า ๆๆๆ” เบ็นสันหัวเราะเยาะ เขาก้าวเท้าซ้ายของเขาเหยียบย่ำซ้ำลงไปอย่างแรง เสียงแคร่กดังขึ้น กระดูกแขนขวาของมาร์ตินหักทันที เบ็นสันยิ้มอย่างเย้ยหยัน ส่วนเท้าซ้ายของเขายังคงบดขยี้ตามแขนของมาร์ตินอยู่ ในขณะที่ร่างกายของมาร์ตินก็ชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่เขากลับไม่แม้แต่จะกรีดร้องคร่ำครวญออกมาสักนิดเดียว

  หลังจากเบ็นสันได้ทรมานมาร์ตินเล็กน้อย เขาก็ค่อย ๆ ยกเท้าซ้ายขึ้นอีกครั้งและวางไว้บนศีรษะของมาร์ติน

 หงฉี่ฮว๋าหันมามองและจ้องไปที่เบ็นสันอย่างเย็นยะเยือก จากนั้นเธอก็ถือมีดสั้นในมือขึ้นมา ก่อนจะปามีดสั้นเล่มนี้ลอยออกไป โดยพุ่งเป้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ในขณะที่มีดสั้นอีกเล่มยังอยู่ในมือของหงฉี่ฮว๋า หลังจากปามีดเล่มแรกออกไปเธอก็เร่งความเร็วขึ้นและดูเหมือนว่าความเร็วของหงฉี่ฮว๋าจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว 

  ทว่าเบ็นสันกลับหันหลบไปทางด้านข้างอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าซ้ายหงฉี่ฮว๋าก็เข้ามาประชิดตัวเขา เธอหมุนตัวและใช้มีดสั้นเฉือน ในเวลาเดียวกันหงฉี่ฮว๋าก็บิดตัวของเธอพร้อมกับใช้เท้าขวาถีบมาร์ตินออกไปและคว้ามีดสั้นของมาร์ตินไว้ด้วยมือซ้ายของเธอ

  เบ็นสันหรี่ตาลง แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังมหาศาลแต่เขาก็กลัวสารพิษมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ไล่ตาม หงฉี่ฮว๋าก็โผล่ออกมาจากด้านข้างของเขาและในเวลาเดียวกันสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทั้ง 7 ตัวที่ตามมาข้างหลังก็รุดเข้ามาที่บริเวณนี้ ไม่ว่าใครขวางอยู่ตรงหน้าของสัตว์ประหลาดทั้ง 7 ตัวเหล่านี้ก็จะถูกปากใหญ่ที่น่ากลัวของพวกมันกัดเข้าทั้งสิ้น

  หงฉี่ฮว๋ารุดตัวขึ้นมาจากพื้น เธอโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อคืนสมดุลให้ร่างกายของเธอ และกำลังจะฉวยโอกาสโจมตีเขาแต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นเบ็นสันกำลังอ้าปากตะโกนอีกครั้ง

  หงฉี่ฮว๋าปิดหูของเธอด้วยมือทันที จากนั้นก็ดีดตัวไปทางด้านหลัง

  “อ๊ากกก ….. !” คลื่นเสียงอันทรงพลังดังขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับพลังเสียงที่ปล่อยออกมาเฉพาะจุดเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ มันกลับกระจายพลังเสียงไปรอบทิศทาง สัตว์ประหลาดที่เพิ่งกัดเบ็นสันไปก็รีบปล่อยปากขนาดใหญ่ของมันและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

  อย่างไรก็ตามในคราวนี้ไป๋อี้พยายามต่อต้านคลื่นเสียงนี้ เขาถอยกลับไปหาเบ็นสันราวกับว่าเขาถูกหยูหานบังคับขู่เข็ญ

  ไม่ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้!

  จู่ ๆ หยูหานก็ตามเขาไป แต่การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้ก็ทำให้เขาลังเลเล็กน้อย เขาไม่ได้มีความพยายามตั้งใจจะต่อต้านพลังคลื่นเสียงนี้อย่างสุดชีวิตเหมือนไป๋อี้ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงกินเวลาราวสี่หรือห้าวินาทีกว่าจะหยุดลงได้ในที่สุด ใบหน้าของไป๋อี้มีเลือดไหลออกมาจากแรงสั่นสะเทือนของคลื่นที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ทว่าในตอนนี้ไป๋อี้ได้หันกลับมาและพุ่งเข้าใส่เบ็นสัน ตั้งแต่ทีแรกไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกว่าหยูหานคือคนที่เป็นภัยอันตรายที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้

  คนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างแท้จริง คนที่เป็นอุปสรรคของไป๋อี้และคนในทีม นั่นก็คือเบ็นสัน

  ไป๋อี้กระโดดขึ้นมาจากพื้นอย่างรุนแรงและแทงดาบคะตะนะเข้าที่ปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันที่ยังไม่หุบปากลง ในตอนนี้ไป๋อี้ดูดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้สร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในทั้งหมด แม้ว่าจะไม่มีบาดแผลบนผิวกายภายนอก แต่ไป๋อี้เองก็รู้ดีว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด

  “ตายซะเถอะ!” ไป๋อี้กัดฟันและพูดออกมาด้วยความเคียดแค้น

  ดวงตาของเบ็นสันเบิกโพลง เขาต้องการจะส่งเสียงร้องอีกครั้ง แต่ลมปราณในอกและหน้าท้องเพิ่งถูกใช้จนหมดไป ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่สามารถที่จะใช้พลังคลื่นเสียงโจมตีเป็นครั้งที่สองได้ ดวงตาของทั้งสองหันมาสบกัน นั่นทำให้เบ็นสันเห็นความมุ่งมั่นและดุดันอย่างชัดเจนจากดวงตาของไป๋อี้ ไม่เพียงแต่ความดุร้ายที่แสดงกับศัตรูเท่านั้น แต่ยังแสดงความดุร้ายต่อตัวเองด้วย นี่คือผู้ชายที่สามารถเสียสละได้มากที่สุดเพื่อชัยชนะ

  ฉึก เสียงดาบคะตะนะของไป๋อี้เสียบเข้าไปในปากใหญ่ของเบ็นสันโดยตรง แต่ทันใดนั้นปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หุบลง ฟันของเขากัดเข้าที่คบดาบอย่างดุเดือด

  ไป๋อี้พยายามใช้แรงอย่างดุดัน ส่วนดาบคะตะนะของเขาก็ได้รับแรงสะเทือนที่ทรงพลัง คมดาบของเขาสั่นไหวตามแรงเกิดเป็นเสียงดังเคร้งคร้าง

  ร่องรอยของเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเบ็นสัน แต่ทว่าในขณะนี้แขนทั้งสี่ของเขาค่อย ๆ เกร็งและในเวลาเดียวกันเขาก็กำหมัดแน่น

  “อ๊ะ …… อ๊ากกก อ๊ากกก!”

  ไป๋อี้กรีดร้องโอดครวญอย่างดุดัน มือขวาของเขากระแทกเข้าที่ด้ามจับของดาบคะตะนะ แรงกระแทกที่ทรงพลังทำให้ดาบคะตะนะกระเเทกลึกเข้าไปอีก มือขวาของไป๋อี้ยังคงจับที่ด้ามดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หลุดจากดาบ แต่ในเวลานี้มีเสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อดาบคะตะนะหักออกจากกัน คมดาบกระเด็นไปในทุกทิศทางอย่างรวดเร็วและตกกระทบกับพื้นเสียงดังเคร้งคร้างไปทั่วบริเวณ

  กำปั้นหนัก …… ทั้งสี่หมัด!

  เบ็นสันกระอักเลือดออกมาจากปาก แต่แขนทั้งสี่กลับมีพลังมหาศาลและส่งแรงกระแทกไปที่ไป๋อี้ …… คนที่ต้องตายคือแก ไป๋อี้! เบ็นสันคือร่างทดลองที่ถูกฆ่าจากสถาบันวิจัยที่นี่ ในขณะเดียวกันความดุร้ายที่บ้าระห่ำของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

  แต่ทว่าในเวลานี้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากพื้นและใช้ตัวขวางไป๋อี้เอาไว้ เขาคือมาร์ตินที่ล้มลงกับพื้นและกำลังจะตาย เห็นได้ชัดว่ากระดูกสันหลังด้านหลังถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเขากระโดดขึ้นมาได้อย่างไร แต่เขาก็ขวางหน้าไป๋อี้ได้พอดี

  ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ!

  หมัดขนาดใหญ่จากทั้งสี่มือฟาดลงบนศีรษะ ลำคอ หน้าอก และท้องน้อยของมาร์ติน พลังอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาทันที ร่างแกร่งที่เข้มแข็งและทรหดของมาร์ตินฉีกขาดจากพลังทำลายล้าง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ขาดออกจากกัน

  ไป๋อี้มองดูมาร์ตินแตกกระจุยเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าต่อตาของเขา เลือด เศษเนื้อ และสมองกระเด็นไปข้างหลังแล้วสาดกระเซ็นใส่ไป๋อี้ไปทั่ว

  เฮือกกก~!

  ไป๋อี้ถอนหายใจยาว ๆ อยู่ในใจ ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 68 การต่อสู้ที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 68 การต่อสู้ที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ต่างจากจิตสำนึกที่ไร้เดียงสาของไนท์ซึ่งสามารถตัดสินใจได้อย่างง่าย ๆ จากสภาพการณ์ที่เห็น แต่ในขณะเดียวกันร่างแม่แบบทดลองสามารถมองภาพสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนขึ้น แม้แต่ความคิดของทุกคนในตอนนี้ก็ดูเหมือนเธอจะได้ยินอย่างชัดเจน

 เฮ้อออ~!

  เสียงถอนหายใจยาว ๆ จากก้นบึ้งของหัวใจ!

 ……

  เบ็นสันวิ่งไปข้างหน้าทุกคนและขวางอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ ตอนนี้ประตูยังคงค่อย ๆ เปิดออกอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ก้าวออกไปแต่อย่างใด เขาหันหลังให้ประตูใหญ่ก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้ไป๋อี้และคนในทีม

  มาร์ตินและวูล์ฟต่างถือปืนกลมือไว้ในมือโดยมือยังค้างไว้ที่ไกปืน กระสุนยังคงทำงานอยู่ ในเวลาเดียวกันก็วิ่งเข้ามาหาเบ็นสัน แต่สิ่งที่เบ็นสันทำคือบิดปีกคู่ใหญ่ที่หลังของเขามาทางด้านหน้า ส่งผลให้กระสุนปืนที่พุ่งใส่เขาเด้งออกมาทีละนัด

  แน่นอนว่าอาวุธปืนธรรมดาไม่มีผลกับเบ็นสันอย่างสิ้นเชิง!

  มาร์ตินและวูล์ฟโยนปืนกลมือทิ้งทันทีและหันมาคว้าดาบยาวที่ตนเลือกไว้แทน เป็นอย่างเช่นที่ไป๋อี้กล่าวไว้ว่าอานุภาพของอาวุธหนักมีข้อจำกัด ไม่สามารถเปรียบเทียบกับอานุภาพของอาวุธเบาในมือของทุกคนได้อีกต่อไป

  วูล์ฟที่มีขนาดตัวใหญ่คว้าง้าวของเขาขึ้นมาและพุ่งไปข้างหน้า เขาอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะสามารถต้านทานคมง้าวของเขาได้หรือไม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้วูล์ฟมีความมั่นใจอย่างมากกับพลังที่แข็งแกร่งและน้ำหนักของง้าวที่น่าเกรงขามของเขา พลังทำลายล้างของวูล์ฟจัดเป็นอันดับหนึ่งในทีม

  ส่วนคนที่ตามหลังวูล์ฟมาคือมาร์ติน เขาใช้ปากกัดเข้าที่คมมีดสั้นของเขา ฟันอันแหลมคมเลื่อนผ่านไปทั่วผิวใบมีด โดยมีร่องรอยของน้ำลายใส ๆ เปียกโชกไปทั่วใบมีดจากเขี้ยวทั้งสองของมาร์ติน

  น้ำลายมีพิษ!

  พิษของแมงมุมที่ผสานรวมกับมาร์ตินนั้นดุร้ายมาก มันมีความสามารถที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวและทำลายเส้นประสาทจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ แต่มาร์ตินเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตามเขาไม่มีนิสัยชอบใช้ปากจับเหยื่อและมาร์ตินไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้กัดเบ็นสัน เนื่องจากร่างอันสูงใหญ่ของวูล์ฟบังเอาไว้เบ็นสันจึงไม่เห็นการเคลื่อนไหวของมาร์ติน

  “ฮ๊ากกก~! วูล์ฟคำรามและใช้ง้าวที่หนักหน่วงอันทรงพลังฟันลงไปอย่างแรง”

  แม้แต่เบ็นสันก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อง้าวของวูล์ฟได้อย่างสิ้นเชิง เขาเผยยิ้มออกมาอย่างดูถูกก่อนจะเคลื่อนตัวไปด้านข้างทันทีและในขณะที่ง้าวกำลังฟาดลงมา เขาก็โจมตีใส่ง้าวจากทางด้านข้าง

  รวดเร็วมาก!

  ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของวูล์ฟ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่มาจากง้าวด้วยเสียงเคร้งที่ดังกึกก้อง ง้าวเลื่อนไปทางด้านข้างและแม้แต่ร่างของวูล์ฟก็ขยับไปตามแรงของมัน ในเวลานี้มือขวาและแขนทั้งสองข้างของเบ็นสันปูดโปนพร้อมทั้งมีรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา …… ฉันคิดถึงตอนนั้นจริง ๆ ตอนที่ถูกนักวิจัยลากไปตรงกลางแท่นทดสอบและให้ทำการต่อสู้โดยการฆ่าฝ่ายตรงข้าม

  กำปั้น …… ทุ่มลงมาสองครั้ง!

  หมัดมือขวาของเบ็นสันทุ่มลงมาบนใบหน้าของวูล์ฟสองครั้ง นั่นทำให้ปากจระเข้ขนาดใหญ่ของวูล์ฟถึงกับบิดเอียงไปอีกข้าง ในขณะนั้นดูเหมือนตัวเขาจะสั่นสะเทือนไปทั้งตัว จากนั้นเขาก็ล้มลงเหมือนกระสอบทรายขนาดใหญ่ บ้าเอ๊ย แม่มันเถอะ ผู้ชายเฮงซวยคนนี้ร้ายกาจมาก …… ตอนนี้ในภวังค์ของวูล์ฟได้แต่คิดสบถสิ่งนี้อยู่ในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับ LV2 ในทางกลับกันในที่สุดวูล์ฟก็ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

  ในขณะที่วูล์ฟโดนแรงกระแทกจนลอยออกไป มาร์ตินที่อยู่ด้านหลังก็รุดตัวพุ่งขึ้นมาทางด้านหน้าทันที มีดสั้นเฉือนเข้าไปยังบาดแผลที่ไป๋อี้ทำไว้ก่อนหน้านี้ ในเวลานี้มาร์ตินไม่มีความมั่นใจว่าจะเฉือนโดนกล้ามเนื้อของเบ็นสันได้เท่าไหร่ แต่เพียงแค่ให้พิษแทรกซึมเข้าไปในแผลได้ก็เป็นพอแล้ว

  มาร์ตินหรี่ตาลงเล็กน้อย ความเร็วของมีดสั้นในมือของเขานั้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์และมีอานุภาพที่มั่นคง …… อย่างยิ่ง!

  แกต้องตาย ……!

  เหอะ!

  ในขณะนั้น เบ็นสันเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา เขากระโดดด้วยความเร็วยิ่งกว่าสัญชาตญาณ จากนั้นก็ประสานแขนทั้งสี่เข้าด้วยกัน จนเกิดเสียงตุ้บที่มาจากการทุบดังขึ้น

  โจมตีด้วย …… ค้อนคู่!

  ตุ้บ เสียงมาร์ตินถูกทุบเข้าที่หลังของเขาโดยตรง พลังอันมหาศาลนี้ส่งผลให้พื้นที่เป็นโลหะบริเวณนั้นทั้งหมดสั่นสะเทือน ดวงตาของมาร์ตินปูดขึ้นมาทันที แต่ในชั่วพริบตาต่อมาเบ็นสันก็ส่งแรงจากแขนคู่ที่สองทุบลงมาอีก ตุ้บ ร่างกายของมาร์ตินบิดไปในทิศทางที่ผิดแปลก อีกทั้งหลังของเขายังเกือบจะถูกทุบเป็นเนื้อสับแฮมเบิร์ก

  “มาร์ติน!” วูล์ฟร้องออกมาด้วยความตกใจ หงฉี่ฮว๋าเองก็เร่งความเร็วขึ้น

  “นายรู้แล้วสินะว่าความแข็งแกร่งของ LV2 เป็นยังไง!” เบ็นสันพูดข้างหูของมาร์ตินด้วยรอยยิ้มที่โหดร้าย

  ร่างของมาร์ตินกระตุกอย่างช้า ๆ และมีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าของเขาอยู่ตลอดเวลา หลังจากได้ยินคำพูดของเบ็นสันมาร์ตินก็ค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้น เขาค่อย ๆ ยกมีดสั้นในมือขวาขึ้นและเฉือนไปที่น่องของเบ็นสัน การเคลื่อนไหวของมาร์ตินนั้นเชื่องช้ามากและดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายกับเบ็นสันแม้แต่น้อย ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับทนดูไม่ได้ ในขณะที่หงฉี่ฮว๋ากำลังวิ่งอย่างสุดกำลังด้วยความเร็วสูง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองเล็กน้อยและหลับตาลง

  “ฉันเห็นแล้วล่ะ สิ่งที่คุณทำเมื่อกี้นี้ ……. ฮ่า ๆๆๆ” เบ็นสันหัวเราะเยาะ เขาก้าวเท้าซ้ายของเขาเหยียบย่ำซ้ำลงไปอย่างแรง เสียงแคร่กดังขึ้น กระดูกแขนขวาของมาร์ตินหักทันที เบ็นสันยิ้มอย่างเย้ยหยัน ส่วนเท้าซ้ายของเขายังคงบดขยี้ตามแขนของมาร์ตินอยู่ ในขณะที่ร่างกายของมาร์ตินก็ชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด แต่เขากลับไม่แม้แต่จะกรีดร้องคร่ำครวญออกมาสักนิดเดียว

  หลังจากเบ็นสันได้ทรมานมาร์ตินเล็กน้อย เขาก็ค่อย ๆ ยกเท้าซ้ายขึ้นอีกครั้งและวางไว้บนศีรษะของมาร์ติน

 หงฉี่ฮว๋าหันมามองและจ้องไปที่เบ็นสันอย่างเย็นยะเยือก จากนั้นเธอก็ถือมีดสั้นในมือขึ้นมา ก่อนจะปามีดสั้นเล่มนี้ลอยออกไป โดยพุ่งเป้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ในขณะที่มีดสั้นอีกเล่มยังอยู่ในมือของหงฉี่ฮว๋า หลังจากปามีดเล่มแรกออกไปเธอก็เร่งความเร็วขึ้นและดูเหมือนว่าความเร็วของหงฉี่ฮว๋าจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว 

  ทว่าเบ็นสันกลับหันหลบไปทางด้านข้างอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าซ้ายหงฉี่ฮว๋าก็เข้ามาประชิดตัวเขา เธอหมุนตัวและใช้มีดสั้นเฉือน ในเวลาเดียวกันหงฉี่ฮว๋าก็บิดตัวของเธอพร้อมกับใช้เท้าขวาถีบมาร์ตินออกไปและคว้ามีดสั้นของมาร์ตินไว้ด้วยมือซ้ายของเธอ

  เบ็นสันหรี่ตาลง แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีพลังมหาศาลแต่เขาก็กลัวสารพิษมาก อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้ไล่ตาม หงฉี่ฮว๋าก็โผล่ออกมาจากด้านข้างของเขาและในเวลาเดียวกันสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวทั้ง 7 ตัวที่ตามมาข้างหลังก็รุดเข้ามาที่บริเวณนี้ ไม่ว่าใครขวางอยู่ตรงหน้าของสัตว์ประหลาดทั้ง 7 ตัวเหล่านี้ก็จะถูกปากใหญ่ที่น่ากลัวของพวกมันกัดเข้าทั้งสิ้น

  หงฉี่ฮว๋ารุดตัวขึ้นมาจากพื้น เธอโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อคืนสมดุลให้ร่างกายของเธอ และกำลังจะฉวยโอกาสโจมตีเขาแต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นเบ็นสันกำลังอ้าปากตะโกนอีกครั้ง

  หงฉี่ฮว๋าปิดหูของเธอด้วยมือทันที จากนั้นก็ดีดตัวไปทางด้านหลัง

  “อ๊ากกก ….. !” คลื่นเสียงอันทรงพลังดังขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับพลังเสียงที่ปล่อยออกมาเฉพาะจุดเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ มันกลับกระจายพลังเสียงไปรอบทิศทาง สัตว์ประหลาดที่เพิ่งกัดเบ็นสันไปก็รีบปล่อยปากขนาดใหญ่ของมันและดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด

  อย่างไรก็ตามในคราวนี้ไป๋อี้พยายามต่อต้านคลื่นเสียงนี้ เขาถอยกลับไปหาเบ็นสันราวกับว่าเขาถูกหยูหานบังคับขู่เข็ญ

  ไม่ มันต้องไม่ใช่อย่างนี้!

  จู่ ๆ หยูหานก็ตามเขาไป แต่การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้ก็ทำให้เขาลังเลเล็กน้อย เขาไม่ได้มีความพยายามตั้งใจจะต่อต้านพลังคลื่นเสียงนี้อย่างสุดชีวิตเหมือนไป๋อี้ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงกินเวลาราวสี่หรือห้าวินาทีกว่าจะหยุดลงได้ในที่สุด ใบหน้าของไป๋อี้มีเลือดไหลออกมาจากแรงสั่นสะเทือนของคลื่นที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ทว่าในตอนนี้ไป๋อี้ได้หันกลับมาและพุ่งเข้าใส่เบ็นสัน ตั้งแต่ทีแรกไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกว่าหยูหานคือคนที่เป็นภัยอันตรายที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้

  คนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างแท้จริง คนที่เป็นอุปสรรคของไป๋อี้และคนในทีม นั่นก็คือเบ็นสัน

  ไป๋อี้กระโดดขึ้นมาจากพื้นอย่างรุนแรงและแทงดาบคะตะนะเข้าที่ปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันที่ยังไม่หุบปากลง ในตอนนี้ไป๋อี้ดูดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่นี้สร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในทั้งหมด แม้ว่าจะไม่มีบาดแผลบนผิวกายภายนอก แต่ไป๋อี้เองก็รู้ดีว่าอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บมากเพียงใด

  “ตายซะเถอะ!” ไป๋อี้กัดฟันและพูดออกมาด้วยความเคียดแค้น

  ดวงตาของเบ็นสันเบิกโพลง เขาต้องการจะส่งเสียงร้องอีกครั้ง แต่ลมปราณในอกและหน้าท้องเพิ่งถูกใช้จนหมดไป ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่สามารถที่จะใช้พลังคลื่นเสียงโจมตีเป็นครั้งที่สองได้ ดวงตาของทั้งสองหันมาสบกัน นั่นทำให้เบ็นสันเห็นความมุ่งมั่นและดุดันอย่างชัดเจนจากดวงตาของไป๋อี้ ไม่เพียงแต่ความดุร้ายที่แสดงกับศัตรูเท่านั้น แต่ยังแสดงความดุร้ายต่อตัวเองด้วย นี่คือผู้ชายที่สามารถเสียสละได้มากที่สุดเพื่อชัยชนะ

  ฉึก เสียงดาบคะตะนะของไป๋อี้เสียบเข้าไปในปากใหญ่ของเบ็นสันโดยตรง แต่ทันใดนั้นปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หุบลง ฟันของเขากัดเข้าที่คบดาบอย่างดุเดือด

  ไป๋อี้พยายามใช้แรงอย่างดุดัน ส่วนดาบคะตะนะของเขาก็ได้รับแรงสะเทือนที่ทรงพลัง คมดาบของเขาสั่นไหวตามแรงเกิดเป็นเสียงดังเคร้งคร้าง

  ร่องรอยของเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเบ็นสัน แต่ทว่าในขณะนี้แขนทั้งสี่ของเขาค่อย ๆ เกร็งและในเวลาเดียวกันเขาก็กำหมัดแน่น

  “อ๊ะ …… อ๊ากกก อ๊ากกก!”

  ไป๋อี้กรีดร้องโอดครวญอย่างดุดัน มือขวาของเขากระแทกเข้าที่ด้ามจับของดาบคะตะนะ แรงกระแทกที่ทรงพลังทำให้ดาบคะตะนะกระเเทกลึกเข้าไปอีก มือขวาของไป๋อี้ยังคงจับที่ด้ามดาบอย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดปากขนาดใหญ่ของเบ็นสันก็หลุดจากดาบ แต่ในเวลานี้มีเสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อดาบคะตะนะหักออกจากกัน คมดาบกระเด็นไปในทุกทิศทางอย่างรวดเร็วและตกกระทบกับพื้นเสียงดังเคร้งคร้างไปทั่วบริเวณ

  กำปั้นหนัก …… ทั้งสี่หมัด!

  เบ็นสันกระอักเลือดออกมาจากปาก แต่แขนทั้งสี่กลับมีพลังมหาศาลและส่งแรงกระแทกไปที่ไป๋อี้ …… คนที่ต้องตายคือแก ไป๋อี้! เบ็นสันคือร่างทดลองที่ถูกฆ่าจากสถาบันวิจัยที่นี่ ในขณะเดียวกันความดุร้ายที่บ้าระห่ำของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

  แต่ทว่าในเวลานี้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากพื้นและใช้ตัวขวางไป๋อี้เอาไว้ เขาคือมาร์ตินที่ล้มลงกับพื้นและกำลังจะตาย เห็นได้ชัดว่ากระดูกสันหลังด้านหลังถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเขากระโดดขึ้นมาได้อย่างไร แต่เขาก็ขวางหน้าไป๋อี้ได้พอดี

  ผัวะ ผัวะ ผัวะ ผัวะ!

  หมัดขนาดใหญ่จากทั้งสี่มือฟาดลงบนศีรษะ ลำคอ หน้าอก และท้องน้อยของมาร์ติน พลังอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาทันที ร่างแกร่งที่เข้มแข็งและทรหดของมาร์ตินฉีกขาดจากพลังทำลายล้าง ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ขาดออกจากกัน

  ไป๋อี้มองดูมาร์ตินแตกกระจุยเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าต่อตาของเขา เลือด เศษเนื้อ และสมองกระเด็นไปข้างหลังแล้วสาดกระเซ็นใส่ไป๋อี้ไปทั่ว

  เฮือกกก~!

  ไป๋อี้ถอนหายใจยาว ๆ อยู่ในใจ ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+