[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 53 การล่าสัตว์

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 53 การล่าสัตว์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากล้างหน้าล้างตาในตอนเช้าแล้ว ทุกคนก็พร้อมที่จะออกเดินทาง แต่ปัญหาเดียวคือวูล์ฟใช้แปรงสีฟันไม่ได้ เขาถือแปรงสีฟันไว้ในมือและไม่สามารถจัดการกับปากจระเข้ที่น่ากลัวของตัวเองได้

  “บัดซบ!” ในที่สุดวูล์ฟก็ถูกความใจร้อนครอบงำ เขาโกรธอย่างไม่มีเหตุผลและทุบตีก๊อกน้ำ

        อารมณ์ฉุนเฉียว!
 

  ไป๋อี้มองไปที่วูล์ฟเล็กน้อย เขาสังเกตดูพฤติกรรมของวูล์ฟ วูล์ฟมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพราะความกดดันที่ผ่านมาอย่างนั้นหรือ … ? อย่างไรก็ตามนี่เป็นปัญหาที่แท้จริง เมื่อรูปร่างเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของมนุษย์แต่เดิมทีค่อย ๆ เริ่มไม่เหมาะสมกับรูปร่างในปัจจุบันเข้าไปทุกที ตัวอย่างเช่น วูล์ฟ ที่ไม่เพียงแต่เรื่องแปรงสีฟันเท่านั้น แม้แต่เสื้อผ้าและกางเกงยังต้องเย็บเข้าด้วยกันอย่างลวก ๆ หลังจากที่เสื้อผ้าหลายชิ้นแยกออกจากกัน

  “เอาล่ะ อย่าโกรธเลย ล้างหน้าล้างตาพอประมาณก็ได้แล้ว พวกเราควรจะออกเดินทางกันแล้ว” ไป๋อี้ตบหลังวูล์ฟและพูดขึ้นมา

  “อืม เข้าใจแล้ว” วูล์ฟพยักหน้ารับ จากนั้นความฉุนเฉียวก็ค่อย ๆ บรรเทาลง

  เมื่อเห็นวูล์ฟสงบลงไป๋อี้ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ในใจของไป๋อี้ก็เพิ่มความระแวดระวังขึ้นเล็กน้อย ชื่อกระบวนการตามที่กลุ่มนักวิจัยใช้เรียกนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน มันคือความจริงที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำคัญสำหรับนักวิจัยในการแสวงหาข้อเท็จจริง LV1-1 เป็นระยะหิวโหยและ LV1-2 เป็นระยะดุร้าย พฤติกรรมเหล่านี้ต้องปรากฏออกมาอย่างแน่นอน

  ……

  ระหว่างทางพวกเขาไม่ได้พบกับอุปสรรคอะไร ทีมของเขาเดินทางไปตามทางหลวงและเข้าสู่เมืองถัดไปอย่างราบรื่น  บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก ทันทีที่เข้าสู่เขตรอยต่อของเมือง ท้องฟ้าก็เริ่มมีฝนตกเปาะแปะ เมืองเตอกุอิติทั้งเมืองดูร่มรื่นมาก

  เตอกุอิติตั้งอยู่บริเวณแอ่งน้ำขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยเนินเขาขนาดเล็ก เนื่องจากขนาดทางภูมิศาสตร์ค่อนข้างเล็ก ที่นี่จึงไม่ใช่เมืองใหญ่นัก

  ที่นี่เงียบสงบมากมัน มีเพียงรถ 2-4 คันที่ทยอยขับผ่านเตอกุอิติไป พวกเขาไม่สังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลย ไม่เพียงแต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการ รวมถึงยังไม่มีแม้กระทั่งเงาของมนุษย์ด้วย

  “แปลกจริง ๆ ไม่น่าจะมีสัตว์ประหลาดในเตอกุอิติ เพราะที่นี่ไม่มีร่องรอยของการทำลายล้าง ว่าแต่แล้วคนล่ะ?” ซาร่าถามผ่านวิทยุสื่อสารไร้สาย

  “ไม่มีคนก็เป็นเรื่องปกติ เพราะที่นี่เป็นเขตเมือง!” ไป๋อี้กล่าว

  “ทำไม ในเมืองไม่ใช่ว่าคนยิ่งเยอะเหรอ?”

  “ฟังนะ …… นั่นมันคือเมื่อก่อน ในเมืองปกติมีคนเยอะแยะ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เนื่องจากเข้าสู่ระยะหิวโหยจึงมีการบริโภคอาหารเป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนอยู่ในเมือง”

  “ขอบอกให้ทุกคนทราบว่าสังคมเมืองปกติจะเป็นผู้บริโภคมากกว่าผู้ผลิตวัตถุดิบ เนื่องจากต้องเก็บรักษาอาหารให้สดใหม่ จึงมีการหมุนเวียนอยู่เสมอ โดยทั่วไปวัตถุดิบอาหารทั้งหมดในเมือง จะไม่เกินขีดจำกัดต่อรายสัปดาห์ของทุกคน”

  “1 สัปดาห์ น้อยจัง?” ไม่เพียงแต่ซาร่าที่ตื่นตกใจเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ก็ได้ยินเสียงตื่นตกใจผ่านเครื่องสื่อสารไร้สายเช่นกัน

  “ฉันเห็นของมากมายในซูเปอร์มาร์เก็ต ทำไมมันดูไม่เหมือนว่ามีไว้ใช้แค่สัปดาห์เดียว” เฮลัวส์กล่าวเพิ่มเติม

  “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่าอาหารในเมืองถูกหมุนเวียนเข้ามาอยู่เสมอ คุณมักจะเห็นมันมากมายเพราะอาหารในเมืองถูกเติมเต็มจากนอกเมืองอยู่ตลอดเวลา เช่นจากฟาร์มและสวนผักทั้งหลาย แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป นิวซีแลนด์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและการหมุนเวียนนี้ได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว หากไม่มีอาหารเสริมจากภายนอก เมืองทั้งเมืองก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าป่าตึกป่าเหล็กอย่างสมบูรณ์ โดยทั่วไปแล้วแม้แต่คนที่โง่ที่สุดหลังจากพบว่าพวกเขาไม่สามารถหาอาหารในเมืองได้อีกก็จะพากันค่อย ๆ ทยอยออกไปสู้กับสภาพแวดล้อมภายนอก เช่นฟาร์มในชนบท ทุ่งนา หรือแม้แต่ป่าที่มนุษย์ไม่ได้เข้าไปบ่อยนัก”

  “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมืองถึงเงียบเชียบมากขนาดนี้ แน่นอนว่าคงมีคนอยู่บ้าง แต่มีน้อยมาก” ไป๋อี้สรุปในที่สุด

  “เพราะอย่างนั้นมันก็เลยเป็นอย่างนี้”

  “ว่าแต่ไป๋อี้ นี่ฉันมองไม่ออกเลย คุณนี่รู้มากจริง ๆ” ซาร่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงด้วยการโพล่งออกมาอย่างนั้น ซึ่งดูเหมือนกำลังประชดไป๋อี้อยู่

  “ฉันเป็นเชฟ และฉันรู้แค่บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบในการทำอาหาร” ไป๋อี้พูดอย่างไม่แยแส สิ่งที่ไป๋อี้ไม่ได้พูดก็คือเมืองนี้ดูเงียบสงบมาก แต่ก็เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ยุคที่นิวซีแลนด์ตกต่ำอย่างถึงที่สุดมันถูกซ่อนอยู่ในความมืด แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่ ควรรู้ไว้ว่าในประวัติศาสตร์จีนโบราณหลายฉบับมีการบรรยายเกี่ยวกับยุคที่ข้าวยากหมากแพงอย่างรุนแรงเอาไว้

  เนื่องจากไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จึงไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ต่อและขับรถต่อไปยังเมืองถัดไป

  เมืองต่อไปคือเมืองเทามารูนุย เมืองนี้อยู่ห่างออกไปมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นผลรวมใจกลางของเมืองหลาย ๆ เมืองตั้งแต่แฮมิลตันถึงเตอกุอิติ ยิ่งไปกว่านั้นถนนตรงใจกลางไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ โชคดีที่มีครัวเรือนไม่กี่บ้านเรือนในระหว่างการเดินทาง แต่พวกบ้านเรือนเหล่านั้นก็กระจัดกระจายกันออกไปและฟาร์มการเกษตรขนาดย่อม ๆ

  ……

  “มาร์ติน ช่วยฉันหยุดมันเร็วเข้า เจ้าสิ่งนี้เป็นอาหารให้พวกเราได้อีกหลายวัน” วูล์ฟตวาดและไล่ตามหลัง ‘วัว’ เหมือนสัตว์ร้ายยุคดึกดำบรรพ์

  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในนิวซีแลนด์ถูกปรสิตจากเซลล์สิ่งมีชีวิตและดัดแปลงแทรกซึมเข้าไปและเริ่มได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่เช่นเดียวกับสิ่งที่ไป๋อี้พูดก่อนหน้านี้ ‘จิตใต้สำนึก’ ที่ก่อตัวขึ้นในร่างกายยังคงมีผลกระทบต่อพวกมันเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น วัว ควาย แกะ ม้า และเลี้ยงสัตว์อื่น ๆ แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเหมือนสัตว์ประหลาด แต่พวกมันบางตัวก็ยังคงอาศัยอยู่ในฟาร์มและกินหญ้าอย่างเดิม

  แน่นอนว่าตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพบสัตว์สายพันธุ์ดั้งเดิมในฟาร์มเช่นนี้ พวกมันจำนวนมากไม่ใช่ว่าวิ่งหนีไปไกลแล้ว แต่พวกมันถูกมนุษย์จับกินต่างหาก

  วัวที่วูล์ฟกำลังไล่ตามมีความสูงมากกว่าสามเมตรและมีปีกคู่หนึ่งที่หลังเช่นเดียวกับแมลงปอ แต่เจ้านี่บินไม่ได้ แถมยังวิ่งพล่านไปทั่วพื้น อย่างไรก็ตามสัตว์สี่เท้าอย่างเจ้าตัวมีบางอย่างที่น่าแปลกใจ มันมีความสามารถในการกระโดดที่ดีมาก มันกระโดดได้ไกลกว่าสิบเมตรและวิ่งอย่างรวดเร็วในทุ่งหญ้าที่สูงกว่าหนึ่งเมตร

  เมื่อเห็นมาร์ตินขวางอยู่ข้างหน้า เจ้าวัวก็ไม่ได้โจมตีมาร์ตินด้วยเท้าหลังของมันแต่อย่างใด มันพุ่งตรงไปยังหญ้าสูงหนาและ ‘บิน’ ข้ามศีรษะของมาร์ตินไป แม้ว่ามันจะบินไม่ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณของวัวมันก็กางปีกออกเล็กน้อยและนั่นเหมือนทำให้มันไถลโผขึ้นไป 

        มาร์ตินมองดูวัวที่บินอยู่เหนือหัวของเขาและอยากจะกระโดดขึ้นไปคว้ากีบของมัน แต่เมื่อมองไปที่ร่างกายใหญ่โตของมัน เขาก็ไม่มีความกล้าพอ

   “เฮ้ บ้าเอ๊ย มิน่าล่ะเจ้านี่ถึงถูกละไว้ที่นี่ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” วูล์ฟสะดุดเข้าไปในพุ่มไม้ปากคะมำอยู่กับหญ้า จากนั้นถึงได้ตะเกียกตะกายขึ้นมา

 

 “ไป๋อี้ ใช้ปืนเถอะ ไล่ตามไม่ไหวแล้ว” วูล์ฟตะโกนบอกไป๋อี้จากตรงนั้น

        เพื่อให้ทุกคนคุ้นเคยกับร่างกายที่เปลี่ยนไปของเขา ไป๋อี้สั่งว่าถ้าไม่จำเป็นให้ใช้ปืนให้น้อยที่สุด แต่ให้ใช้ร่างกายของตัวเองล่าเหยื่อแทน นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำความคุ้นเคยกับร่างกาย

 

  ไป๋อี้ได้ยินเสียงร้องของวูล์ฟพลางเหลือบไปมองที่นั่นแต่ก็ไม่พูดอะไร อันที่จริงด้วยสมรรถภาพทางกายในปัจจุบันของวูล์ฟและมาร์ตินพวกเขาสามารถล่าวัวด้วนมือเปล่าได้โดยที่ ‘ไม่เป็นอันตราย’ มากนัก แต่เพียงแค่จิตใต้สำนึกของวูล์ฟและมาร์ตินยังคงผูกติดกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงตัวสั่นเทาและยังไม่กล้าลงมือ มิฉะนั้นในตอนนี้มาร์ตินก็คงจะสามารถดึงกีบเท้าวัวที่โผทะยานขึ้นไปในอากาศได้แล้ว

  “ทำต่อไป วันนี้งานของนายคือการล่าวัวตัวนี้และระวังอย่าให้เลือดมันกระเด็นใส่ เว้นแต่คุณต้องการผสานรวมยีนกับมัน” ไป๋อี้ไม่เห็นด้วยกับคำขอของวูล์ฟ

  เมื่อวูล์ฟและมาร์ตินเห็นท่าทางของไป๋อี้ พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีผลในการเจรจากันในครั้งนี้ พวกเขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะไล่ล่าวัวต่อไป วัววิ่งลึกเข้าไปในพงหญ้าโดยไม่รู้ตัว แต่ในไม่ช้าวูล์ฟและมาร์ตินก็หายเข้าไปในพงหญ้าเช่นกัน และพุ่มไม้ก็สูงจนไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้

        “หงฉี่ฮว๋าไปช่วยพวกเขา” ไป๋อี้กล่าว

 

        “โอเค!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า ร่างอรชรกระโดดลงมาด้วยเท้าอย่างสง่างามเหมือนกับแมวอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

  ความสง่างามเยี่ยงแมว!

  ในไม่ช้า หงฉี่ฮว๋าก็ตามทั้งสองคนทัน เมื่อมองไปยังทิศทางที่พวกเขาและวัวกำลังวิ่งไป หงฉี่ฮว๋าก็รีบวิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่จากนั้นก็ปีนขึ้นไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะวิ่งไปตามปลายกิ่งไม้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่วิ่งดวงตาบริสุทธิ์ของหงฉี่อว๋าก็ได้สะท้อนให้เห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วย ไม่เพียงแต่ภาพทั้งสองคนที่กำลังไล่ตามวัวตรงหน้า แต่ยังเห็นความเคลื่อนไหวที่อยู่เหนือต้นไม้ใหญ่ด้วย

  ทันใดนั้นแมลงที่มีปีกและเขี้ยวก็บินออกมาจากใต้ใบไม้ขณะที่หงฉี่ฮว๋าวิ่งไปตามกิ่งไม้ แต่มีดสั้นของ หงฉี่ฮว๋าได้เฉือนลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

  เธอยิ้มเยาะเล็กน้อยก่อนที่แมลงตัวนั้นจะถูกตัดเป็นสองท่อน ในเวลานี้หงฉี่ฮว๋าได้กระโดดลงมาจากกิ่งไม้แล้ว ตอนนี้วัวกลายพันธุ์ได้วิ่งไปตามกิ่งไม้ ราวกับแมวจริง ๆ หงฉี่ฮว๋าค่อย ๆ คร่อมลงมาที่บริเวณบนหัวของวัวตัวนี้และในขณะที่เธอหมอบลงเล็กน้อยมีดสั้นสองเล่มก็กรีดเข้าที่ตาของมันทั้งสองข้าง

  “ม๊ออออ……!” มันร้องเสียงโหยหวน

  หงฉี่ฮว๋าไม่สนใจเสียงกรีดร้องของวัวอย่างสิ้นเชิงและวิ่งไปที่หลังของวัวอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ร่อนตัวลงบนพื้น ขณะที่หงฉี่ฮว๋าล้มลงกับพื้นมือทั้งสองข้างของเธอกวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเงามีดคู่ของเธอโบกอยู่ในอากาศ เลือดที่เปื้อนอยู่ถูกสลัดทิ้งไป จากนั้นหงฉี่ฮว๋าก็สอดมีดสั้นสองเล่มเข้าไปในฝักที่อยู่ด้านหลัง

 

  “หงฉี่ฮว๋า เธอมาได้ยังไง”

  “ลุงไป๋บอกว่าตอนนี้ในป่าอันตรายเกินไปสำหรับเรา ให้ฉันช่วยพวกคุณฆ่าเจ้านี่แล้วรีบกลับไปโดยเร็ว” หงฉี่ฮว๋าตอบ แต่ไม่ได้ลงมือต่อแล้ว ถ้าหากวัวกลายพันธุ์ที่ตามืดบอดก็ยังไม่สามารถจัดการได้ นั่นคงเป็นงานยากของไป๋อี้ที่จะฝึกฝนพวกเขาในเวลานี้

  “จริง ๆ เลย ต้องให้เธอช่วยอีกแล้ว ดูฉันสิ” วูล์ฟรีบคว้าง้าวที่น่ากลัวของเขาขึ้นมา

  วัวกลายพันธุ์ที่สูญเสียดวงตาของมัน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวูล์ฟและมาร์ตินอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ยังต้องใช้ความพยายามเล็กน้อย เนื่องจากทั้งสองต้องการป้องกันการปนเปื้อนจากเลือดของวัวกลายพันธุ์ตัวนั้น พวกเขาจึงยับยั้งชั่งใจเล็กน้อย เป็นที่คาดกันว่าหลังจากที่ตำแหน่งการผสานยีนทางพันธุกรรมของทุกคนเต็มแล้วก็จะสามารถปล่อยร่างกายและต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์

                                                       ————————

                         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                        https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 53 การล่าสัตว์

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 53 การล่าสัตว์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากล้างหน้าล้างตาในตอนเช้าแล้ว ทุกคนก็พร้อมที่จะออกเดินทาง แต่ปัญหาเดียวคือวูล์ฟใช้แปรงสีฟันไม่ได้ เขาถือแปรงสีฟันไว้ในมือและไม่สามารถจัดการกับปากจระเข้ที่น่ากลัวของตัวเองได้

  “บัดซบ!” ในที่สุดวูล์ฟก็ถูกความใจร้อนครอบงำ เขาโกรธอย่างไม่มีเหตุผลและทุบตีก๊อกน้ำ

        อารมณ์ฉุนเฉียว!
 

  ไป๋อี้มองไปที่วูล์ฟเล็กน้อย เขาสังเกตดูพฤติกรรมของวูล์ฟ วูล์ฟมีอารมณ์ฉุนเฉียวเพราะความกดดันที่ผ่านมาอย่างนั้นหรือ … ? อย่างไรก็ตามนี่เป็นปัญหาที่แท้จริง เมื่อรูปร่างเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของมนุษย์แต่เดิมทีค่อย ๆ เริ่มไม่เหมาะสมกับรูปร่างในปัจจุบันเข้าไปทุกที ตัวอย่างเช่น วูล์ฟ ที่ไม่เพียงแต่เรื่องแปรงสีฟันเท่านั้น แม้แต่เสื้อผ้าและกางเกงยังต้องเย็บเข้าด้วยกันอย่างลวก ๆ หลังจากที่เสื้อผ้าหลายชิ้นแยกออกจากกัน

  “เอาล่ะ อย่าโกรธเลย ล้างหน้าล้างตาพอประมาณก็ได้แล้ว พวกเราควรจะออกเดินทางกันแล้ว” ไป๋อี้ตบหลังวูล์ฟและพูดขึ้นมา

  “อืม เข้าใจแล้ว” วูล์ฟพยักหน้ารับ จากนั้นความฉุนเฉียวก็ค่อย ๆ บรรเทาลง

  เมื่อเห็นวูล์ฟสงบลงไป๋อี้ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ในใจของไป๋อี้ก็เพิ่มความระแวดระวังขึ้นเล็กน้อย ชื่อกระบวนการตามที่กลุ่มนักวิจัยใช้เรียกนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน มันคือความจริงที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำคัญสำหรับนักวิจัยในการแสวงหาข้อเท็จจริง LV1-1 เป็นระยะหิวโหยและ LV1-2 เป็นระยะดุร้าย พฤติกรรมเหล่านี้ต้องปรากฏออกมาอย่างแน่นอน

  ……

  ระหว่างทางพวกเขาไม่ได้พบกับอุปสรรคอะไร ทีมของเขาเดินทางไปตามทางหลวงและเข้าสู่เมืองถัดไปอย่างราบรื่น  บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก ทันทีที่เข้าสู่เขตรอยต่อของเมือง ท้องฟ้าก็เริ่มมีฝนตกเปาะแปะ เมืองเตอกุอิติทั้งเมืองดูร่มรื่นมาก

  เตอกุอิติตั้งอยู่บริเวณแอ่งน้ำขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยเนินเขาขนาดเล็ก เนื่องจากขนาดทางภูมิศาสตร์ค่อนข้างเล็ก ที่นี่จึงไม่ใช่เมืองใหญ่นัก

  ที่นี่เงียบสงบมากมัน มีเพียงรถ 2-4 คันที่ทยอยขับผ่านเตอกุอิติไป พวกเขาไม่สังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลย ไม่เพียงแต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการ รวมถึงยังไม่มีแม้กระทั่งเงาของมนุษย์ด้วย

  “แปลกจริง ๆ ไม่น่าจะมีสัตว์ประหลาดในเตอกุอิติ เพราะที่นี่ไม่มีร่องรอยของการทำลายล้าง ว่าแต่แล้วคนล่ะ?” ซาร่าถามผ่านวิทยุสื่อสารไร้สาย

  “ไม่มีคนก็เป็นเรื่องปกติ เพราะที่นี่เป็นเขตเมือง!” ไป๋อี้กล่าว

  “ทำไม ในเมืองไม่ใช่ว่าคนยิ่งเยอะเหรอ?”

  “ฟังนะ …… นั่นมันคือเมื่อก่อน ในเมืองปกติมีคนเยอะแยะ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เนื่องจากเข้าสู่ระยะหิวโหยจึงมีการบริโภคอาหารเป็นจำนวนมาก นั่นจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนอยู่ในเมือง”

  “ขอบอกให้ทุกคนทราบว่าสังคมเมืองปกติจะเป็นผู้บริโภคมากกว่าผู้ผลิตวัตถุดิบ เนื่องจากต้องเก็บรักษาอาหารให้สดใหม่ จึงมีการหมุนเวียนอยู่เสมอ โดยทั่วไปวัตถุดิบอาหารทั้งหมดในเมือง จะไม่เกินขีดจำกัดต่อรายสัปดาห์ของทุกคน”

  “1 สัปดาห์ น้อยจัง?” ไม่เพียงแต่ซาร่าที่ตื่นตกใจเท่านั้น แต่คนอื่น ๆ ก็ได้ยินเสียงตื่นตกใจผ่านเครื่องสื่อสารไร้สายเช่นกัน

  “ฉันเห็นของมากมายในซูเปอร์มาร์เก็ต ทำไมมันดูไม่เหมือนว่ามีไว้ใช้แค่สัปดาห์เดียว” เฮลัวส์กล่าวเพิ่มเติม

  “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่าอาหารในเมืองถูกหมุนเวียนเข้ามาอยู่เสมอ คุณมักจะเห็นมันมากมายเพราะอาหารในเมืองถูกเติมเต็มจากนอกเมืองอยู่ตลอดเวลา เช่นจากฟาร์มและสวนผักทั้งหลาย แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป นิวซีแลนด์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและการหมุนเวียนนี้ได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว หากไม่มีอาหารเสริมจากภายนอก เมืองทั้งเมืองก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าป่าตึกป่าเหล็กอย่างสมบูรณ์ โดยทั่วไปแล้วแม้แต่คนที่โง่ที่สุดหลังจากพบว่าพวกเขาไม่สามารถหาอาหารในเมืองได้อีกก็จะพากันค่อย ๆ ทยอยออกไปสู้กับสภาพแวดล้อมภายนอก เช่นฟาร์มในชนบท ทุ่งนา หรือแม้แต่ป่าที่มนุษย์ไม่ได้เข้าไปบ่อยนัก”

  “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมืองถึงเงียบเชียบมากขนาดนี้ แน่นอนว่าคงมีคนอยู่บ้าง แต่มีน้อยมาก” ไป๋อี้สรุปในที่สุด

  “เพราะอย่างนั้นมันก็เลยเป็นอย่างนี้”

  “ว่าแต่ไป๋อี้ นี่ฉันมองไม่ออกเลย คุณนี่รู้มากจริง ๆ” ซาร่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงด้วยการโพล่งออกมาอย่างนั้น ซึ่งดูเหมือนกำลังประชดไป๋อี้อยู่

  “ฉันเป็นเชฟ และฉันรู้แค่บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบในการทำอาหาร” ไป๋อี้พูดอย่างไม่แยแส สิ่งที่ไป๋อี้ไม่ได้พูดก็คือเมืองนี้ดูเงียบสงบมาก แต่ก็เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ยุคที่นิวซีแลนด์ตกต่ำอย่างถึงที่สุดมันถูกซ่อนอยู่ในความมืด แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่ ควรรู้ไว้ว่าในประวัติศาสตร์จีนโบราณหลายฉบับมีการบรรยายเกี่ยวกับยุคที่ข้าวยากหมากแพงอย่างรุนแรงเอาไว้

  เนื่องจากไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทาง ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จึงไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ต่อและขับรถต่อไปยังเมืองถัดไป

  เมืองต่อไปคือเมืองเทามารูนุย เมืองนี้อยู่ห่างออกไปมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นผลรวมใจกลางของเมืองหลาย ๆ เมืองตั้งแต่แฮมิลตันถึงเตอกุอิติ ยิ่งไปกว่านั้นถนนตรงใจกลางไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ โชคดีที่มีครัวเรือนไม่กี่บ้านเรือนในระหว่างการเดินทาง แต่พวกบ้านเรือนเหล่านั้นก็กระจัดกระจายกันออกไปและฟาร์มการเกษตรขนาดย่อม ๆ

  ……

  “มาร์ติน ช่วยฉันหยุดมันเร็วเข้า เจ้าสิ่งนี้เป็นอาหารให้พวกเราได้อีกหลายวัน” วูล์ฟตวาดและไล่ตามหลัง ‘วัว’ เหมือนสัตว์ร้ายยุคดึกดำบรรพ์

  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในนิวซีแลนด์ถูกปรสิตจากเซลล์สิ่งมีชีวิตและดัดแปลงแทรกซึมเข้าไปและเริ่มได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่เช่นเดียวกับสิ่งที่ไป๋อี้พูดก่อนหน้านี้ ‘จิตใต้สำนึก’ ที่ก่อตัวขึ้นในร่างกายยังคงมีผลกระทบต่อพวกมันเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น วัว ควาย แกะ ม้า และเลี้ยงสัตว์อื่น ๆ แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเหมือนสัตว์ประหลาด แต่พวกมันบางตัวก็ยังคงอาศัยอยู่ในฟาร์มและกินหญ้าอย่างเดิม

  แน่นอนว่าตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพบสัตว์สายพันธุ์ดั้งเดิมในฟาร์มเช่นนี้ พวกมันจำนวนมากไม่ใช่ว่าวิ่งหนีไปไกลแล้ว แต่พวกมันถูกมนุษย์จับกินต่างหาก

  วัวที่วูล์ฟกำลังไล่ตามมีความสูงมากกว่าสามเมตรและมีปีกคู่หนึ่งที่หลังเช่นเดียวกับแมลงปอ แต่เจ้านี่บินไม่ได้ แถมยังวิ่งพล่านไปทั่วพื้น อย่างไรก็ตามสัตว์สี่เท้าอย่างเจ้าตัวมีบางอย่างที่น่าแปลกใจ มันมีความสามารถในการกระโดดที่ดีมาก มันกระโดดได้ไกลกว่าสิบเมตรและวิ่งอย่างรวดเร็วในทุ่งหญ้าที่สูงกว่าหนึ่งเมตร

  เมื่อเห็นมาร์ตินขวางอยู่ข้างหน้า เจ้าวัวก็ไม่ได้โจมตีมาร์ตินด้วยเท้าหลังของมันแต่อย่างใด มันพุ่งตรงไปยังหญ้าสูงหนาและ ‘บิน’ ข้ามศีรษะของมาร์ตินไป แม้ว่ามันจะบินไม่ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณของวัวมันก็กางปีกออกเล็กน้อยและนั่นเหมือนทำให้มันไถลโผขึ้นไป 

        มาร์ตินมองดูวัวที่บินอยู่เหนือหัวของเขาและอยากจะกระโดดขึ้นไปคว้ากีบของมัน แต่เมื่อมองไปที่ร่างกายใหญ่โตของมัน เขาก็ไม่มีความกล้าพอ

   “เฮ้ บ้าเอ๊ย มิน่าล่ะเจ้านี่ถึงถูกละไว้ที่นี่ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” วูล์ฟสะดุดเข้าไปในพุ่มไม้ปากคะมำอยู่กับหญ้า จากนั้นถึงได้ตะเกียกตะกายขึ้นมา

 

 “ไป๋อี้ ใช้ปืนเถอะ ไล่ตามไม่ไหวแล้ว” วูล์ฟตะโกนบอกไป๋อี้จากตรงนั้น

        เพื่อให้ทุกคนคุ้นเคยกับร่างกายที่เปลี่ยนไปของเขา ไป๋อี้สั่งว่าถ้าไม่จำเป็นให้ใช้ปืนให้น้อยที่สุด แต่ให้ใช้ร่างกายของตัวเองล่าเหยื่อแทน นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการทำความคุ้นเคยกับร่างกาย

 

  ไป๋อี้ได้ยินเสียงร้องของวูล์ฟพลางเหลือบไปมองที่นั่นแต่ก็ไม่พูดอะไร อันที่จริงด้วยสมรรถภาพทางกายในปัจจุบันของวูล์ฟและมาร์ตินพวกเขาสามารถล่าวัวด้วนมือเปล่าได้โดยที่ ‘ไม่เป็นอันตราย’ มากนัก แต่เพียงแค่จิตใต้สำนึกของวูล์ฟและมาร์ตินยังคงผูกติดกับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงตัวสั่นเทาและยังไม่กล้าลงมือ มิฉะนั้นในตอนนี้มาร์ตินก็คงจะสามารถดึงกีบเท้าวัวที่โผทะยานขึ้นไปในอากาศได้แล้ว

  “ทำต่อไป วันนี้งานของนายคือการล่าวัวตัวนี้และระวังอย่าให้เลือดมันกระเด็นใส่ เว้นแต่คุณต้องการผสานรวมยีนกับมัน” ไป๋อี้ไม่เห็นด้วยกับคำขอของวูล์ฟ

  เมื่อวูล์ฟและมาร์ตินเห็นท่าทางของไป๋อี้ พวกเขาก็รู้ว่าไม่มีผลในการเจรจากันในครั้งนี้ พวกเขาเลี่ยงไม่ได้ที่จะไล่ล่าวัวต่อไป วัววิ่งลึกเข้าไปในพงหญ้าโดยไม่รู้ตัว แต่ในไม่ช้าวูล์ฟและมาร์ตินก็หายเข้าไปในพงหญ้าเช่นกัน และพุ่มไม้ก็สูงจนไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้

        “หงฉี่ฮว๋าไปช่วยพวกเขา” ไป๋อี้กล่าว

 

        “โอเค!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า ร่างอรชรกระโดดลงมาด้วยเท้าอย่างสง่างามเหมือนกับแมวอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

  ความสง่างามเยี่ยงแมว!

  ในไม่ช้า หงฉี่ฮว๋าก็ตามทั้งสองคนทัน เมื่อมองไปยังทิศทางที่พวกเขาและวัวกำลังวิ่งไป หงฉี่ฮว๋าก็รีบวิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่จากนั้นก็ปีนขึ้นไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะวิ่งไปตามปลายกิ่งไม้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่วิ่งดวงตาบริสุทธิ์ของหงฉี่อว๋าก็ได้สะท้อนให้เห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วย ไม่เพียงแต่ภาพทั้งสองคนที่กำลังไล่ตามวัวตรงหน้า แต่ยังเห็นความเคลื่อนไหวที่อยู่เหนือต้นไม้ใหญ่ด้วย

  ทันใดนั้นแมลงที่มีปีกและเขี้ยวก็บินออกมาจากใต้ใบไม้ขณะที่หงฉี่ฮว๋าวิ่งไปตามกิ่งไม้ แต่มีดสั้นของ หงฉี่ฮว๋าได้เฉือนลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

  เธอยิ้มเยาะเล็กน้อยก่อนที่แมลงตัวนั้นจะถูกตัดเป็นสองท่อน ในเวลานี้หงฉี่ฮว๋าได้กระโดดลงมาจากกิ่งไม้แล้ว ตอนนี้วัวกลายพันธุ์ได้วิ่งไปตามกิ่งไม้ ราวกับแมวจริง ๆ หงฉี่ฮว๋าค่อย ๆ คร่อมลงมาที่บริเวณบนหัวของวัวตัวนี้และในขณะที่เธอหมอบลงเล็กน้อยมีดสั้นสองเล่มก็กรีดเข้าที่ตาของมันทั้งสองข้าง

  “ม๊ออออ……!” มันร้องเสียงโหยหวน

  หงฉี่ฮว๋าไม่สนใจเสียงกรีดร้องของวัวอย่างสิ้นเชิงและวิ่งไปที่หลังของวัวอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ร่อนตัวลงบนพื้น ขณะที่หงฉี่ฮว๋าล้มลงกับพื้นมือทั้งสองข้างของเธอกวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเงามีดคู่ของเธอโบกอยู่ในอากาศ เลือดที่เปื้อนอยู่ถูกสลัดทิ้งไป จากนั้นหงฉี่ฮว๋าก็สอดมีดสั้นสองเล่มเข้าไปในฝักที่อยู่ด้านหลัง

 

  “หงฉี่ฮว๋า เธอมาได้ยังไง”

  “ลุงไป๋บอกว่าตอนนี้ในป่าอันตรายเกินไปสำหรับเรา ให้ฉันช่วยพวกคุณฆ่าเจ้านี่แล้วรีบกลับไปโดยเร็ว” หงฉี่ฮว๋าตอบ แต่ไม่ได้ลงมือต่อแล้ว ถ้าหากวัวกลายพันธุ์ที่ตามืดบอดก็ยังไม่สามารถจัดการได้ นั่นคงเป็นงานยากของไป๋อี้ที่จะฝึกฝนพวกเขาในเวลานี้

  “จริง ๆ เลย ต้องให้เธอช่วยอีกแล้ว ดูฉันสิ” วูล์ฟรีบคว้าง้าวที่น่ากลัวของเขาขึ้นมา

  วัวกลายพันธุ์ที่สูญเสียดวงตาของมัน ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวูล์ฟและมาร์ตินอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ยังต้องใช้ความพยายามเล็กน้อย เนื่องจากทั้งสองต้องการป้องกันการปนเปื้อนจากเลือดของวัวกลายพันธุ์ตัวนั้น พวกเขาจึงยับยั้งชั่งใจเล็กน้อย เป็นที่คาดกันว่าหลังจากที่ตำแหน่งการผสานยีนทางพันธุกรรมของทุกคนเต็มแล้วก็จะสามารถปล่อยร่างกายและต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์

                                                       ————————

                         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                        https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+