[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 142 การเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 142 การเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “ไป๋อี้ นายคิดถึงหงฉี่ฮว๋าใช่ไหม” วูล์ฟถามอย่างโง่เขลา ทันทีที่เขาพูดเฮลัวส์ก็ดึงเอวของเขาไว้จากด้านหลัง ผู้ชายคนนี้โง่หรืออย่างไร ถึงได้กล่าวถึงหงฉี่ฮว๋าในเวลานี้

  “ไม่ ไม่ใช่ มันเป็นแค่ชื่อของดาบเล่มนี้ ก็คมดาบมันไม่ใช่สีแดงหรือไงล่ะ แล้วชื่อจุมพิตสีแดงมีอะไรผิดปกติหรือไง?” ไป๋อี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

  “จุมพิตสีแดง ฉันมีงานวิจัยเกี่ยวกับภาษาจีน ถ้าดูจากรูปร่างและสี ชื่อก็เหมาะสมมากๆ นอกจากนี้จุมพิตยังแสดงถึงความสนิทสนมกัน การจุมพิตด้วยดาบมีหมายความว่าถึงแก่ชีวิตใช่ไหม ฉันคิดว่าสารพิษที่ซ่อนอยู่ในดาบนี้มันน่าหลงใหลมาก และมีอันตรายถึงตาย ดังนั้นฉันคิดว่าชื่อจุมพิตสีแดงนั้นมันดีจริงๆ” เวร่าแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง

  วูล์ฟและเฮลัวส์ตกตะลึง โชคดีที่เธอคิดไปได้ไกลมากมายถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ ไม่ใช่เหตุผลนั้นอย่างแน่นอน

  “ดูสิ เวร่าก็ว่าอย่างนั้น” ไป๋อี้เก็บดาบจุมพิตสีแดงกลับเข้าฝัก

  วูล์ฟไม่ใช่คนโง่เขลาที่จงใจขุดทุ่นระเบิด แม้ว่าเขาจะถามอย่างห้าวหาญก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ในเมื่อไป๋อี้บอกว่าชื่อของดาบเล่มนี้คือจุมพิตสีแดงก็เรียกมันว่าจุมพิตสีแดงเถอะ แต่หากกล่าวถึงในส่วนของความหมายนั้นยังมีความหมายแฝงอยู่อีกมาก

  ไป๋อี้เสียบดาบจุมพิตสีแดงลงในฝักและแขวนไว้บริเวณรอบเอวของเขา หลังจากการปรับเปลี่ยนของมัลวีย์ ความยาวของจุมพิตสีแดงก็พอเหมาะมากขึ้นและด้ามจับก็ถูกเผยออกมาข้างล่างเสื้อคลุมของไป๋อี้ ทำให้ตอนนี้ตัวของไป๋อี้มีความคล้ายคลึงกับนักดาบอย่างไรอย่างนั้น

  “อย่างอื่นพร้อมแล้วใช่ไหม” ไป๋อี้ถาม

  “อื้ม เตรียมพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”เวร่าพยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ” ไป๋อี้พูด การเตรียมการทั้งหมดถูกเตรียมไว้เสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนชุลมุนวุ่นวาย ต้องบอกว่าหลังจากที่เวร่าเข้ามาในทีม การวางแผนและการจัดการทีมก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย อันที่จริงเธอเก่งด้านนี้มากกว่าทุกคนเป็นไหนๆ หลังจากได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้พูด พวกเขาก็เดินออกจากลานแห่งนี้ทีละคนพร้อมกับสิ่งของที่ได้จัดสรรไว้แล้ว

  กลุ่มของไป๋อี้เดินมาถึงปากทางประตูเมือง จากนั้นก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาหา แน่นอนว่านั่นคือผู้นำแกรี่ อย่างไรก็ตามตอนนี้แกรี่เป็นผู้นำของหุบเขาหิมะ เขาเป็นคนใจกว้างที่น่าประทับใจและเป็นที่ซาบซึ้ง เขายังอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้จากไป …… หลังจากการอำลาที่ยุ่งเหยิง ไป๋อี้และพรรคพวกก็ออกจากหุบเขาหิมะพร้อมกับความหวังของมนุษยชาติ จากนี้ไปพวกไป๋อี้จะเดินทางไปทั่วนิวซีแลนด์และบอกแผนการของพวกเขาสำหรับอนาคตของมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการ ดูเหมือนว่าก่อนที่การสื่อสารของนิวซีแลนด์จะกลับมาราบรื่นอีกครั้ง มีเพียงพวกไป๋อี้เท่านั้นที่จะนำข่าวสารสื่อถึงกันได้

  ก่อนหน้านี้มนุษย์ที่เกิดวิวัฒนาการก็มีการติดต่อสื่อสารกัน แต่ไม่ใช่วิธีที่สะดวกสบายนัก เนื่องจากทุกคนล้วนมาจากสังคมสมัยใหม่ ดังนั้นจึงมีเพียงจำนวนไม่มากที่สามารถใช้วิทยุสื่อสารได้

  หลังจากที่พวกไป๋อี้ออกจากหุบเขาหิมะ พวกเขาก็ได้แผนที่ใหม่มา นี่คือแผนที่ที่วาดไว้บนแผนที่ดั้งเดิมของนิวซีแลนด์อีกที ซึ่งเป็นสถานที่ในปัจจุบันที่มนุษย์รวมตัวกันอยู่หลายสิบแห่งในนิวซีแลนด์ ในความเป็นจริงจำนวนคนในสถานที่ชุมนุมหลายสิบแห่งเหล่านี้รวมกันได้ไม่เกิน 100,000 คน ปัจจุบันจำนวนมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการที่ยังคงอาศัยอยู่บนเกาะปีศาจในนิวซีแลนด์คาดว่าจะมีจำนวนเกือบหนึ่งล้านคน แน่นอนว่ามนุษย์หลายคนกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบนเกาะปีศาจแห่งนี้

  นิวซีแลนด์ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ตอนนี้นิวซีแลนด์ถูกเรียกว่าเกาะปีศาจและมีคนจำนวนน้อยที่มีความสามารถพอที่จะเดินทางอย่างปลอดภัยในนิวซีแลนด์ แม้แต่พวกไป๋อี้เองก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่าสามารถเดินทางโดยไม่มีอุปสรรคอะไร หากไม่ระวังพวกเขาก็พบกับอันตรายได้เช่นกัน ถ้าพวกไป๋อี้รวบรวมมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหมดเข้าด้วยกันได้และสร้างโลกใหม่ที่ปลอดภัยขึ้นมา เราคงสามารถจินตนาการได้เลยว่าพวกไป๋อี้จะมีชื่อเสียงเลื่องชื่อมากเพียงใด

  เป็นเพราะเหตุนี้ ไม่เพียงแต่ไป๋อี้และทีมของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีทีมอื่น ๆ อีกหลายทีมที่เข้ามารับหน้าที่นี้ด้วย อาจกล่าวได้ว่าอันตรายและโอกาสมาพร้อมกันเสมอ เมื่อมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ทุกคนในทีมเหล่านี้จะเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง

  แต่ตอนนี้พวกไป๋อี้ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องเหล่านั้น หลังจากที่พวกเขาออกมาจากหุบเขาหิมะ พวกเขาก็ได้กลับเข้าสู่เกาะปีศาจที่แท้จริงอีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อใดพวกก็เขาไม่สามารถคิดฟุ้งซ่านได้เลยเพราะมิฉะนั้นอาจนำมาซึ่งความตายได้

  ……

  หุบเขาหิมะไวราราปาตั้งอยู่ในเทือกเขาธารารัว โดยพื้นฐานแล้วที่นี่เป็นศูนย์กลางของนิวซีแลนด์ พวกไป๋อี้เลือกเส้นทางที่จะเดินทางต่อไปทางใต้ผ่านช่องแคบคุกไปยังคาบสมุทรทางใต้ของนิวซีแลนด์จากนั้นก็เดินทวนเข็มนาฬิกาไปตามขอบทางเหนือ มองหาสถานที่รวมตัวของมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการแล้วรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันเพื่อทำงานร่วมกัน ทีมอื่น ๆ ก็มีเส้นทางของตัวเองเช่นกัน ส่วนจะไปถึงจุดมุ่งหมายได้หรือไม่นอกจากความแข็งแกร่งแล้วยังขึ้นอยู่กับโชคด้วย

  ในการข้ามช่องแคบคุกจำเป็นต้องอาศัยยานพาหนะในการเดินทาง ในที่สุดพวกไป๋อี้ก็ตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองผีสิงแห่งเวลลิงตันอีกครั้งเนื่องจากเป็นเมืองชายทะเลและเป็นท่าเรือที่ใกล้ที่สุดกับช่องแคบคุก

  ใช้เวลากว่าครึ่งเดือน กลุ่มคนที่มีความสามารถเหล่านี้ก็กลับมาที่เมืองผีสิงแห่งนี้ เวร่าผู้มาเยือนใหม่รู้สึกกลัวเมืองผีแห่งนี้มาก เมืองนี้มีชื่อเสียงล่ำลือกันในโลกภายนอกว่าเมืองหลวงของนิวซีแลนด์เป็นเมืองผีสิงและมันก็มีผีอยู่เยอะมาก แต่คราวนี้มีพวกไป๋อี้เป็นผู้นำเข้าไปในเมือง หลังจากเจอผีตัวเป็นๆพวกเขาก็รู้สึกได้ว่าผีไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไหร่

  ในทำนองเดียวกันคนในกลุ่มไม่ได้คาดว่าพวกไป๋อี้แถมยังมีสมาชิกในทีมเพิ่มขึ้นจะกลับเข้ามาที่นี่อีกครั้ง แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ได้บอกว่าเขาเคยผ่านการต่อสู้แบบไหนมาบ้าง แต่ก็ได้สอบถามเกี่ยวกับอดีตกับวูล์ฟและเฮลัวส์เป็นการส่วนตัวแล้ว หลังจากได้รู้มูลเหตุนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นี่คือยุคของมนุษยชาติที่แท้จริง ในทำนองเดียวกันพวกเขาก็ยังเชิดชูในความจิตใจดีของเมย์ริสอีกด้วย หลังจากกลายเป็นผีดูเหมือนว่าเมย์ริสจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ตรงกันข้ามเธอกลับสนุกกับชีวิตผีแบบนี้มาก

  “กำลังมองหาเรือข้ามช่องแคบคุกใช่ไหม?” เมย์ริสถาม

  “ใช่ เรากำลังจะไปที่คาบสมุทรทางใต้ของนิวซีแลนด์และบอกทุกคนเกี่ยวกับแผนการของอนาคตที่เราได้รวบรวมและวางแผนไว้” ไป๋อี้พยักหน้าแล้วเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เมย์ริสฟัง

  เมย์ริสพยักหน้าจากนั้นก็มองไปที่ไป๋อี้ หลังจากที่เข้าใจไป๋อี้แล้ว อารมณ์ความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นับวันเขายิ่งยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนร่วมทีมใหม่นั้นแม้จะยังไม่คุ้นเคยนัก แต่ก็ดูพึ่งพาได้มากทีเดียว “ฉันสามารถถามผีอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตามหากนายต้องการข้ามช่องแคบนั่นมันอันตรายมาก นายควรเตรียมตัวให้ดีกว่านี้” เมย์ริสกล่าว

  “อืม แน่นอน!” ไป๋อี้พยักหน้า

  วันนั้นมันไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ในทะเลสาบชั้นในของเวลลิงตันเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตร้ายที่ลากคนในทีมของหยูหานลงไปกินในน้ำ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรหากพวกเขาแล่นเรือผ่านช่องแคบนั่น รู้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรมีมากมายกว่าบนผืนดินหลายเท่าตัว หากไม่ได้เตรียมการมาอย่างดี คาดการณ์ได้เลยว่าเรือและคนทั้งหมดจะต้องถูกดึงลงไปในมหาสมุทรอย่างแน่นอน

  เมย์ริสไปถามผีตนอื่น ๆ ในขณะที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กำลังพักผ่อนอยู่

  “พ่อ ชาร์ไป่อยากไปตรงกลางเมืองค่ะ”โม่โม่มาหาไป๋อี้

  “โอ้ งั้นเราก็ไปด้วยกันเลย” ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า ช่วงนี้ชาร์ไป่ดูน่าแปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะไม่สบาย ไป๋อี้รู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่ต้องเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมพิเศษของเวลลิงตันนี้แน่ แต่มันก็ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น การที่เขาเลือกที่จะกลับมาเวลลิงตันในครั้งนี้ไป๋อี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาเพื่อหาเหตุผลโดยเฉพาะ

  เมื่อเดินลึกเข้าไปในเมือง ทำให้สมาชิกใหม่ในทีมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ การได้เห็นผีบางตัวอยู่รอบนอกก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง การเข้าไปในเมืองพวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับวิญญาณชั่วร้ายอีกนับแสน?

  แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อไป๋อี้เป็นหัวหน้าทีมในตอนนี้ ตราบใดที่หัวหน้าไม่ตัดสินใจอุกอาจเกินไปนักพวกเขาก็จะไม่ต่อต้าน ยิ่งไปกว่านั้นแม้พวกเขากลัวที่จะกลับมา แต่ก็อยากรู้มากเช่นกันว่า ผี วิญญาณร้ายในเมืองเวลลิงตันแห่งนี้จะลึกลับสักแค่ไหน?

  อย่างไรก็ตาม อันที่จริงความลึกลับนั้นมาจากความไม่รู้ หลังจากมีคำอธิบายจากพวกไป๋อี้ อีกทั้งโม่โม่ยังสามารถมองเห็นผีได้อย่างชัดเจน พวกเขาก็ค้นพบว่าผีก็เป็นแค่ผี

  แต่ในเวลานี้พวกไป๋อี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะใส่ใจกับความรู้สึกของพวกเขา แต่กำลังสังเกตการเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่อยู่ หลังจากเข้าสู่ใจกลางเมืองเวลลิงตันร่างของชาร์ไป่ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยควันสลัว ถ้าพวกไป๋อี้เดาถูกนี่คือกลิ่นอายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมพิเศษของเวลลิงตันหากต้องอธิบายด้วยคำพูดที่ชัดเจนนี้ก็คือกลิ่นอายแห่ง ‘ยมโลก’!

  เมื่อเข้าสู่ใจกลางเมือง เวร่าและพวกเขาทั้งสี่ต่างก็ตกตะลึงกับซากศพที่กองพะเนินเทินทึกเหมือนเนินเขาที่อยู่ตรงกลาง แต่ในตอนนี้ขณะที่ชาร์ไป่เดินผ่านเข้าไปทันใดนั้นมันก็กระโดดขึ้นมาสองสามครั้งและตรงมาที่รากของต้นไม้ปลิดวิญญาณที่อยู่ตรงกลาง จากนั้นมันก็อ้าปากอันใหญ่โตของมันกัดลงไป และกระชากเขมือบซากศพอย่างดุเดือดที่บริเวณรากของต้นไม้ปลิดวิญญาณ 

  เวร่าและคนอื่น ๆ ต้องสะดุ้งด้วยความตื่นตกใจอีกครั้ง

  เมื่อมีบางคนกำลังจะเคลื่อนไหว ไป๋อี้ก็เอื้อมมือออกไปเพื่อหยุดพฤติกรรมที่ไม่สงบของพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขายังเป็นสมาชิกใหม่ของทีม และความไว้วางใจของสมาชิกก็ไม่ได้ลึกซึ้งเท่ากับคนอื่น ๆ เหมือนกับวูล์ฟและเฮลัวส์ ซึ่งพวกเขาทั้งสองไม่แม้แต่จะขยับตัวเลย พวกเขาเชื่อว่าไม่ว่าชาร์ไป่จะเปลี่ยนไปอย่างไรมันจะไม่ทำร้ายพวกเขาอย่างแน่นอน

  เป็นเวลากว่าสามวัน หน้าท้องของชาร์ไป่เป็นเหมือนหลุมดำที่กัดกินซากศพที่อยู่ตรงกลางอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้เมื่อยืนอยู่บนเนินศพเหล่านั้น ชาร์ไป่ที่เปื้อนเลือดก็ยิ่งทวีน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ราวกับสัตว์ที่ดุร้ายจากยมโลก หลังจากกินอย่างเมามันเป็นเวลาสามวันชาร์ไป่ก็ดูเหมือนจะอิ่มแล้ว จากนั้นมันก็คลานไปใต้ต้นไม้ปลิดวิญญาณและเข้าสู่ห้วงนิทรา

  “นี่มันอาการ …… หลับลึก!”

  ไป๋อี้ตรวจสอบอาการของชาร์ไป่แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ สถานะการหลับลึกของชาร์ไป่ในตอนนี้ดีกว่าฤทธิ์จากการสะกดจิตของไป๋อี้เสียอีก คาดว่าตอนนี้มันกำลังเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า “ทารกในครรภ์” เมื่อมองไปที่ควันสลัวรอบตัวของชาร์ไป่ แม้แต่คนที่โง่เขลาที่สุดก็รู้ว่าชาร์ไป่กำลังอยู่ระหว่างการแปรเปลี่ยน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 142 การเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 142 การเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “ไป๋อี้ นายคิดถึงหงฉี่ฮว๋าใช่ไหม” วูล์ฟถามอย่างโง่เขลา ทันทีที่เขาพูดเฮลัวส์ก็ดึงเอวของเขาไว้จากด้านหลัง ผู้ชายคนนี้โง่หรืออย่างไร ถึงได้กล่าวถึงหงฉี่ฮว๋าในเวลานี้

  “ไม่ ไม่ใช่ มันเป็นแค่ชื่อของดาบเล่มนี้ ก็คมดาบมันไม่ใช่สีแดงหรือไงล่ะ แล้วชื่อจุมพิตสีแดงมีอะไรผิดปกติหรือไง?” ไป๋อี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

  “จุมพิตสีแดง ฉันมีงานวิจัยเกี่ยวกับภาษาจีน ถ้าดูจากรูปร่างและสี ชื่อก็เหมาะสมมากๆ นอกจากนี้จุมพิตยังแสดงถึงความสนิทสนมกัน การจุมพิตด้วยดาบมีหมายความว่าถึงแก่ชีวิตใช่ไหม ฉันคิดว่าสารพิษที่ซ่อนอยู่ในดาบนี้มันน่าหลงใหลมาก และมีอันตรายถึงตาย ดังนั้นฉันคิดว่าชื่อจุมพิตสีแดงนั้นมันดีจริงๆ” เวร่าแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง

  วูล์ฟและเฮลัวส์ตกตะลึง โชคดีที่เธอคิดไปได้ไกลมากมายถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ ไม่ใช่เหตุผลนั้นอย่างแน่นอน

  “ดูสิ เวร่าก็ว่าอย่างนั้น” ไป๋อี้เก็บดาบจุมพิตสีแดงกลับเข้าฝัก

  วูล์ฟไม่ใช่คนโง่เขลาที่จงใจขุดทุ่นระเบิด แม้ว่าเขาจะถามอย่างห้าวหาญก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ในเมื่อไป๋อี้บอกว่าชื่อของดาบเล่มนี้คือจุมพิตสีแดงก็เรียกมันว่าจุมพิตสีแดงเถอะ แต่หากกล่าวถึงในส่วนของความหมายนั้นยังมีความหมายแฝงอยู่อีกมาก

  ไป๋อี้เสียบดาบจุมพิตสีแดงลงในฝักและแขวนไว้บริเวณรอบเอวของเขา หลังจากการปรับเปลี่ยนของมัลวีย์ ความยาวของจุมพิตสีแดงก็พอเหมาะมากขึ้นและด้ามจับก็ถูกเผยออกมาข้างล่างเสื้อคลุมของไป๋อี้ ทำให้ตอนนี้ตัวของไป๋อี้มีความคล้ายคลึงกับนักดาบอย่างไรอย่างนั้น

  “อย่างอื่นพร้อมแล้วใช่ไหม” ไป๋อี้ถาม

  “อื้ม เตรียมพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”เวร่าพยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ” ไป๋อี้พูด การเตรียมการทั้งหมดถูกเตรียมไว้เสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนชุลมุนวุ่นวาย ต้องบอกว่าหลังจากที่เวร่าเข้ามาในทีม การวางแผนและการจัดการทีมก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย อันที่จริงเธอเก่งด้านนี้มากกว่าทุกคนเป็นไหนๆ หลังจากได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้พูด พวกเขาก็เดินออกจากลานแห่งนี้ทีละคนพร้อมกับสิ่งของที่ได้จัดสรรไว้แล้ว

  กลุ่มของไป๋อี้เดินมาถึงปากทางประตูเมือง จากนั้นก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาหา แน่นอนว่านั่นคือผู้นำแกรี่ อย่างไรก็ตามตอนนี้แกรี่เป็นผู้นำของหุบเขาหิมะ เขาเป็นคนใจกว้างที่น่าประทับใจและเป็นที่ซาบซึ้ง เขายังอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้จากไป …… หลังจากการอำลาที่ยุ่งเหยิง ไป๋อี้และพรรคพวกก็ออกจากหุบเขาหิมะพร้อมกับความหวังของมนุษยชาติ จากนี้ไปพวกไป๋อี้จะเดินทางไปทั่วนิวซีแลนด์และบอกแผนการของพวกเขาสำหรับอนาคตของมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการ ดูเหมือนว่าก่อนที่การสื่อสารของนิวซีแลนด์จะกลับมาราบรื่นอีกครั้ง มีเพียงพวกไป๋อี้เท่านั้นที่จะนำข่าวสารสื่อถึงกันได้

  ก่อนหน้านี้มนุษย์ที่เกิดวิวัฒนาการก็มีการติดต่อสื่อสารกัน แต่ไม่ใช่วิธีที่สะดวกสบายนัก เนื่องจากทุกคนล้วนมาจากสังคมสมัยใหม่ ดังนั้นจึงมีเพียงจำนวนไม่มากที่สามารถใช้วิทยุสื่อสารได้

  หลังจากที่พวกไป๋อี้ออกจากหุบเขาหิมะ พวกเขาก็ได้แผนที่ใหม่มา นี่คือแผนที่ที่วาดไว้บนแผนที่ดั้งเดิมของนิวซีแลนด์อีกที ซึ่งเป็นสถานที่ในปัจจุบันที่มนุษย์รวมตัวกันอยู่หลายสิบแห่งในนิวซีแลนด์ ในความเป็นจริงจำนวนคนในสถานที่ชุมนุมหลายสิบแห่งเหล่านี้รวมกันได้ไม่เกิน 100,000 คน ปัจจุบันจำนวนมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการที่ยังคงอาศัยอยู่บนเกาะปีศาจในนิวซีแลนด์คาดว่าจะมีจำนวนเกือบหนึ่งล้านคน แน่นอนว่ามนุษย์หลายคนกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบนเกาะปีศาจแห่งนี้

  นิวซีแลนด์ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ตอนนี้นิวซีแลนด์ถูกเรียกว่าเกาะปีศาจและมีคนจำนวนน้อยที่มีความสามารถพอที่จะเดินทางอย่างปลอดภัยในนิวซีแลนด์ แม้แต่พวกไป๋อี้เองก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่าสามารถเดินทางโดยไม่มีอุปสรรคอะไร หากไม่ระวังพวกเขาก็พบกับอันตรายได้เช่นกัน ถ้าพวกไป๋อี้รวบรวมมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหมดเข้าด้วยกันได้และสร้างโลกใหม่ที่ปลอดภัยขึ้นมา เราคงสามารถจินตนาการได้เลยว่าพวกไป๋อี้จะมีชื่อเสียงเลื่องชื่อมากเพียงใด

  เป็นเพราะเหตุนี้ ไม่เพียงแต่ไป๋อี้และทีมของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีทีมอื่น ๆ อีกหลายทีมที่เข้ามารับหน้าที่นี้ด้วย อาจกล่าวได้ว่าอันตรายและโอกาสมาพร้อมกันเสมอ เมื่อมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ทุกคนในทีมเหล่านี้จะเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง

  แต่ตอนนี้พวกไป๋อี้ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องเหล่านั้น หลังจากที่พวกเขาออกมาจากหุบเขาหิมะ พวกเขาก็ได้กลับเข้าสู่เกาะปีศาจที่แท้จริงอีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อใดพวกก็เขาไม่สามารถคิดฟุ้งซ่านได้เลยเพราะมิฉะนั้นอาจนำมาซึ่งความตายได้

  ……

  หุบเขาหิมะไวราราปาตั้งอยู่ในเทือกเขาธารารัว โดยพื้นฐานแล้วที่นี่เป็นศูนย์กลางของนิวซีแลนด์ พวกไป๋อี้เลือกเส้นทางที่จะเดินทางต่อไปทางใต้ผ่านช่องแคบคุกไปยังคาบสมุทรทางใต้ของนิวซีแลนด์จากนั้นก็เดินทวนเข็มนาฬิกาไปตามขอบทางเหนือ มองหาสถานที่รวมตัวของมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการแล้วรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันเพื่อทำงานร่วมกัน ทีมอื่น ๆ ก็มีเส้นทางของตัวเองเช่นกัน ส่วนจะไปถึงจุดมุ่งหมายได้หรือไม่นอกจากความแข็งแกร่งแล้วยังขึ้นอยู่กับโชคด้วย

  ในการข้ามช่องแคบคุกจำเป็นต้องอาศัยยานพาหนะในการเดินทาง ในที่สุดพวกไป๋อี้ก็ตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองผีสิงแห่งเวลลิงตันอีกครั้งเนื่องจากเป็นเมืองชายทะเลและเป็นท่าเรือที่ใกล้ที่สุดกับช่องแคบคุก

  ใช้เวลากว่าครึ่งเดือน กลุ่มคนที่มีความสามารถเหล่านี้ก็กลับมาที่เมืองผีสิงแห่งนี้ เวร่าผู้มาเยือนใหม่รู้สึกกลัวเมืองผีแห่งนี้มาก เมืองนี้มีชื่อเสียงล่ำลือกันในโลกภายนอกว่าเมืองหลวงของนิวซีแลนด์เป็นเมืองผีสิงและมันก็มีผีอยู่เยอะมาก แต่คราวนี้มีพวกไป๋อี้เป็นผู้นำเข้าไปในเมือง หลังจากเจอผีตัวเป็นๆพวกเขาก็รู้สึกได้ว่าผีไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไหร่

  ในทำนองเดียวกันคนในกลุ่มไม่ได้คาดว่าพวกไป๋อี้แถมยังมีสมาชิกในทีมเพิ่มขึ้นจะกลับเข้ามาที่นี่อีกครั้ง แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ได้บอกว่าเขาเคยผ่านการต่อสู้แบบไหนมาบ้าง แต่ก็ได้สอบถามเกี่ยวกับอดีตกับวูล์ฟและเฮลัวส์เป็นการส่วนตัวแล้ว หลังจากได้รู้มูลเหตุนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นี่คือยุคของมนุษยชาติที่แท้จริง ในทำนองเดียวกันพวกเขาก็ยังเชิดชูในความจิตใจดีของเมย์ริสอีกด้วย หลังจากกลายเป็นผีดูเหมือนว่าเมย์ริสจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ตรงกันข้ามเธอกลับสนุกกับชีวิตผีแบบนี้มาก

  “กำลังมองหาเรือข้ามช่องแคบคุกใช่ไหม?” เมย์ริสถาม

  “ใช่ เรากำลังจะไปที่คาบสมุทรทางใต้ของนิวซีแลนด์และบอกทุกคนเกี่ยวกับแผนการของอนาคตที่เราได้รวบรวมและวางแผนไว้” ไป๋อี้พยักหน้าแล้วเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เมย์ริสฟัง

  เมย์ริสพยักหน้าจากนั้นก็มองไปที่ไป๋อี้ หลังจากที่เข้าใจไป๋อี้แล้ว อารมณ์ความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นับวันเขายิ่งยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนร่วมทีมใหม่นั้นแม้จะยังไม่คุ้นเคยนัก แต่ก็ดูพึ่งพาได้มากทีเดียว “ฉันสามารถถามผีอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตามหากนายต้องการข้ามช่องแคบนั่นมันอันตรายมาก นายควรเตรียมตัวให้ดีกว่านี้” เมย์ริสกล่าว

  “อืม แน่นอน!” ไป๋อี้พยักหน้า

  วันนั้นมันไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ในทะเลสาบชั้นในของเวลลิงตันเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตร้ายที่ลากคนในทีมของหยูหานลงไปกินในน้ำ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรหากพวกเขาแล่นเรือผ่านช่องแคบนั่น รู้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรมีมากมายกว่าบนผืนดินหลายเท่าตัว หากไม่ได้เตรียมการมาอย่างดี คาดการณ์ได้เลยว่าเรือและคนทั้งหมดจะต้องถูกดึงลงไปในมหาสมุทรอย่างแน่นอน

  เมย์ริสไปถามผีตนอื่น ๆ ในขณะที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กำลังพักผ่อนอยู่

  “พ่อ ชาร์ไป่อยากไปตรงกลางเมืองค่ะ”โม่โม่มาหาไป๋อี้

  “โอ้ งั้นเราก็ไปด้วยกันเลย” ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า ช่วงนี้ชาร์ไป่ดูน่าแปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะไม่สบาย ไป๋อี้รู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่ต้องเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมพิเศษของเวลลิงตันนี้แน่ แต่มันก็ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น การที่เขาเลือกที่จะกลับมาเวลลิงตันในครั้งนี้ไป๋อี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาเพื่อหาเหตุผลโดยเฉพาะ

  เมื่อเดินลึกเข้าไปในเมือง ทำให้สมาชิกใหม่ในทีมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ การได้เห็นผีบางตัวอยู่รอบนอกก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง การเข้าไปในเมืองพวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับวิญญาณชั่วร้ายอีกนับแสน?

  แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อไป๋อี้เป็นหัวหน้าทีมในตอนนี้ ตราบใดที่หัวหน้าไม่ตัดสินใจอุกอาจเกินไปนักพวกเขาก็จะไม่ต่อต้าน ยิ่งไปกว่านั้นแม้พวกเขากลัวที่จะกลับมา แต่ก็อยากรู้มากเช่นกันว่า ผี วิญญาณร้ายในเมืองเวลลิงตันแห่งนี้จะลึกลับสักแค่ไหน?

  อย่างไรก็ตาม อันที่จริงความลึกลับนั้นมาจากความไม่รู้ หลังจากมีคำอธิบายจากพวกไป๋อี้ อีกทั้งโม่โม่ยังสามารถมองเห็นผีได้อย่างชัดเจน พวกเขาก็ค้นพบว่าผีก็เป็นแค่ผี

  แต่ในเวลานี้พวกไป๋อี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะใส่ใจกับความรู้สึกของพวกเขา แต่กำลังสังเกตการเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่อยู่ หลังจากเข้าสู่ใจกลางเมืองเวลลิงตันร่างของชาร์ไป่ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยควันสลัว ถ้าพวกไป๋อี้เดาถูกนี่คือกลิ่นอายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมพิเศษของเวลลิงตันหากต้องอธิบายด้วยคำพูดที่ชัดเจนนี้ก็คือกลิ่นอายแห่ง ‘ยมโลก’!

  เมื่อเข้าสู่ใจกลางเมือง เวร่าและพวกเขาทั้งสี่ต่างก็ตกตะลึงกับซากศพที่กองพะเนินเทินทึกเหมือนเนินเขาที่อยู่ตรงกลาง แต่ในตอนนี้ขณะที่ชาร์ไป่เดินผ่านเข้าไปทันใดนั้นมันก็กระโดดขึ้นมาสองสามครั้งและตรงมาที่รากของต้นไม้ปลิดวิญญาณที่อยู่ตรงกลาง จากนั้นมันก็อ้าปากอันใหญ่โตของมันกัดลงไป และกระชากเขมือบซากศพอย่างดุเดือดที่บริเวณรากของต้นไม้ปลิดวิญญาณ 

  เวร่าและคนอื่น ๆ ต้องสะดุ้งด้วยความตื่นตกใจอีกครั้ง

  เมื่อมีบางคนกำลังจะเคลื่อนไหว ไป๋อี้ก็เอื้อมมือออกไปเพื่อหยุดพฤติกรรมที่ไม่สงบของพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขายังเป็นสมาชิกใหม่ของทีม และความไว้วางใจของสมาชิกก็ไม่ได้ลึกซึ้งเท่ากับคนอื่น ๆ เหมือนกับวูล์ฟและเฮลัวส์ ซึ่งพวกเขาทั้งสองไม่แม้แต่จะขยับตัวเลย พวกเขาเชื่อว่าไม่ว่าชาร์ไป่จะเปลี่ยนไปอย่างไรมันจะไม่ทำร้ายพวกเขาอย่างแน่นอน

  เป็นเวลากว่าสามวัน หน้าท้องของชาร์ไป่เป็นเหมือนหลุมดำที่กัดกินซากศพที่อยู่ตรงกลางอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้เมื่อยืนอยู่บนเนินศพเหล่านั้น ชาร์ไป่ที่เปื้อนเลือดก็ยิ่งทวีน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ราวกับสัตว์ที่ดุร้ายจากยมโลก หลังจากกินอย่างเมามันเป็นเวลาสามวันชาร์ไป่ก็ดูเหมือนจะอิ่มแล้ว จากนั้นมันก็คลานไปใต้ต้นไม้ปลิดวิญญาณและเข้าสู่ห้วงนิทรา

  “นี่มันอาการ …… หลับลึก!”

  ไป๋อี้ตรวจสอบอาการของชาร์ไป่แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ สถานะการหลับลึกของชาร์ไป่ในตอนนี้ดีกว่าฤทธิ์จากการสะกดจิตของไป๋อี้เสียอีก คาดว่าตอนนี้มันกำลังเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า “ทารกในครรภ์” เมื่อมองไปที่ควันสลัวรอบตัวของชาร์ไป่ แม้แต่คนที่โง่เขลาที่สุดก็รู้ว่าชาร์ไป่กำลังอยู่ระหว่างการแปรเปลี่ยน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 142 การเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 142 การเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “ไป๋อี้ นายคิดถึงหงฉี่ฮว๋าใช่ไหม” วูล์ฟถามอย่างโง่เขลา ทันทีที่เขาพูดเฮลัวส์ก็ดึงเอวของเขาไว้จากด้านหลัง ผู้ชายคนนี้โง่หรืออย่างไร ถึงได้กล่าวถึงหงฉี่ฮว๋าในเวลานี้

  “ไม่ ไม่ใช่ มันเป็นแค่ชื่อของดาบเล่มนี้ ก็คมดาบมันไม่ใช่สีแดงหรือไงล่ะ แล้วชื่อจุมพิตสีแดงมีอะไรผิดปกติหรือไง?” ไป๋อี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

  “จุมพิตสีแดง ฉันมีงานวิจัยเกี่ยวกับภาษาจีน ถ้าดูจากรูปร่างและสี ชื่อก็เหมาะสมมากๆ นอกจากนี้จุมพิตยังแสดงถึงความสนิทสนมกัน การจุมพิตด้วยดาบมีหมายความว่าถึงแก่ชีวิตใช่ไหม ฉันคิดว่าสารพิษที่ซ่อนอยู่ในดาบนี้มันน่าหลงใหลมาก และมีอันตรายถึงตาย ดังนั้นฉันคิดว่าชื่อจุมพิตสีแดงนั้นมันดีจริงๆ” เวร่าแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง

  วูล์ฟและเฮลัวส์ตกตะลึง โชคดีที่เธอคิดไปได้ไกลมากมายถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ ไม่ใช่เหตุผลนั้นอย่างแน่นอน

  “ดูสิ เวร่าก็ว่าอย่างนั้น” ไป๋อี้เก็บดาบจุมพิตสีแดงกลับเข้าฝัก

  วูล์ฟไม่ใช่คนโง่เขลาที่จงใจขุดทุ่นระเบิด แม้ว่าเขาจะถามอย่างห้าวหาญก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ในเมื่อไป๋อี้บอกว่าชื่อของดาบเล่มนี้คือจุมพิตสีแดงก็เรียกมันว่าจุมพิตสีแดงเถอะ แต่หากกล่าวถึงในส่วนของความหมายนั้นยังมีความหมายแฝงอยู่อีกมาก

  ไป๋อี้เสียบดาบจุมพิตสีแดงลงในฝักและแขวนไว้บริเวณรอบเอวของเขา หลังจากการปรับเปลี่ยนของมัลวีย์ ความยาวของจุมพิตสีแดงก็พอเหมาะมากขึ้นและด้ามจับก็ถูกเผยออกมาข้างล่างเสื้อคลุมของไป๋อี้ ทำให้ตอนนี้ตัวของไป๋อี้มีความคล้ายคลึงกับนักดาบอย่างไรอย่างนั้น

  “อย่างอื่นพร้อมแล้วใช่ไหม” ไป๋อี้ถาม

  “อื้ม เตรียมพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”เวร่าพยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ” ไป๋อี้พูด การเตรียมการทั้งหมดถูกเตรียมไว้เสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนชุลมุนวุ่นวาย ต้องบอกว่าหลังจากที่เวร่าเข้ามาในทีม การวางแผนและการจัดการทีมก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย อันที่จริงเธอเก่งด้านนี้มากกว่าทุกคนเป็นไหนๆ หลังจากได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้พูด พวกเขาก็เดินออกจากลานแห่งนี้ทีละคนพร้อมกับสิ่งของที่ได้จัดสรรไว้แล้ว

  กลุ่มของไป๋อี้เดินมาถึงปากทางประตูเมือง จากนั้นก็เห็นคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาหา แน่นอนว่านั่นคือผู้นำแกรี่ อย่างไรก็ตามตอนนี้แกรี่เป็นผู้นำของหุบเขาหิมะ เขาเป็นคนใจกว้างที่น่าประทับใจและเป็นที่ซาบซึ้ง เขายังอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้จากไป …… หลังจากการอำลาที่ยุ่งเหยิง ไป๋อี้และพรรคพวกก็ออกจากหุบเขาหิมะพร้อมกับความหวังของมนุษยชาติ จากนี้ไปพวกไป๋อี้จะเดินทางไปทั่วนิวซีแลนด์และบอกแผนการของพวกเขาสำหรับอนาคตของมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการ ดูเหมือนว่าก่อนที่การสื่อสารของนิวซีแลนด์จะกลับมาราบรื่นอีกครั้ง มีเพียงพวกไป๋อี้เท่านั้นที่จะนำข่าวสารสื่อถึงกันได้

  ก่อนหน้านี้มนุษย์ที่เกิดวิวัฒนาการก็มีการติดต่อสื่อสารกัน แต่ไม่ใช่วิธีที่สะดวกสบายนัก เนื่องจากทุกคนล้วนมาจากสังคมสมัยใหม่ ดังนั้นจึงมีเพียงจำนวนไม่มากที่สามารถใช้วิทยุสื่อสารได้

  หลังจากที่พวกไป๋อี้ออกจากหุบเขาหิมะ พวกเขาก็ได้แผนที่ใหม่มา นี่คือแผนที่ที่วาดไว้บนแผนที่ดั้งเดิมของนิวซีแลนด์อีกที ซึ่งเป็นสถานที่ในปัจจุบันที่มนุษย์รวมตัวกันอยู่หลายสิบแห่งในนิวซีแลนด์ ในความเป็นจริงจำนวนคนในสถานที่ชุมนุมหลายสิบแห่งเหล่านี้รวมกันได้ไม่เกิน 100,000 คน ปัจจุบันจำนวนมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการที่ยังคงอาศัยอยู่บนเกาะปีศาจในนิวซีแลนด์คาดว่าจะมีจำนวนเกือบหนึ่งล้านคน แน่นอนว่ามนุษย์หลายคนกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดบนเกาะปีศาจแห่งนี้

  นิวซีแลนด์ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ตอนนี้นิวซีแลนด์ถูกเรียกว่าเกาะปีศาจและมีคนจำนวนน้อยที่มีความสามารถพอที่จะเดินทางอย่างปลอดภัยในนิวซีแลนด์ แม้แต่พวกไป๋อี้เองก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่าสามารถเดินทางโดยไม่มีอุปสรรคอะไร หากไม่ระวังพวกเขาก็พบกับอันตรายได้เช่นกัน ถ้าพวกไป๋อี้รวบรวมมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหมดเข้าด้วยกันได้และสร้างโลกใหม่ที่ปลอดภัยขึ้นมา เราคงสามารถจินตนาการได้เลยว่าพวกไป๋อี้จะมีชื่อเสียงเลื่องชื่อมากเพียงใด

  เป็นเพราะเหตุนี้ ไม่เพียงแต่ไป๋อี้และทีมของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีทีมอื่น ๆ อีกหลายทีมที่เข้ามารับหน้าที่นี้ด้วย อาจกล่าวได้ว่าอันตรายและโอกาสมาพร้อมกันเสมอ เมื่อมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ทุกคนในทีมเหล่านี้จะเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง

  แต่ตอนนี้พวกไป๋อี้ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องเหล่านั้น หลังจากที่พวกเขาออกมาจากหุบเขาหิมะ พวกเขาก็ได้กลับเข้าสู่เกาะปีศาจที่แท้จริงอีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อใดพวกก็เขาไม่สามารถคิดฟุ้งซ่านได้เลยเพราะมิฉะนั้นอาจนำมาซึ่งความตายได้

  ……

  หุบเขาหิมะไวราราปาตั้งอยู่ในเทือกเขาธารารัว โดยพื้นฐานแล้วที่นี่เป็นศูนย์กลางของนิวซีแลนด์ พวกไป๋อี้เลือกเส้นทางที่จะเดินทางต่อไปทางใต้ผ่านช่องแคบคุกไปยังคาบสมุทรทางใต้ของนิวซีแลนด์จากนั้นก็เดินทวนเข็มนาฬิกาไปตามขอบทางเหนือ มองหาสถานที่รวมตัวของมนุษย์ที่เกิดการวิวัฒนาการแล้วรวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันเพื่อทำงานร่วมกัน ทีมอื่น ๆ ก็มีเส้นทางของตัวเองเช่นกัน ส่วนจะไปถึงจุดมุ่งหมายได้หรือไม่นอกจากความแข็งแกร่งแล้วยังขึ้นอยู่กับโชคด้วย

  ในการข้ามช่องแคบคุกจำเป็นต้องอาศัยยานพาหนะในการเดินทาง ในที่สุดพวกไป๋อี้ก็ตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองผีสิงแห่งเวลลิงตันอีกครั้งเนื่องจากเป็นเมืองชายทะเลและเป็นท่าเรือที่ใกล้ที่สุดกับช่องแคบคุก

  ใช้เวลากว่าครึ่งเดือน กลุ่มคนที่มีความสามารถเหล่านี้ก็กลับมาที่เมืองผีสิงแห่งนี้ เวร่าผู้มาเยือนใหม่รู้สึกกลัวเมืองผีแห่งนี้มาก เมืองนี้มีชื่อเสียงล่ำลือกันในโลกภายนอกว่าเมืองหลวงของนิวซีแลนด์เป็นเมืองผีสิงและมันก็มีผีอยู่เยอะมาก แต่คราวนี้มีพวกไป๋อี้เป็นผู้นำเข้าไปในเมือง หลังจากเจอผีตัวเป็นๆพวกเขาก็รู้สึกได้ว่าผีไม่ได้น่ากลัวสักเท่าไหร่

  ในทำนองเดียวกันคนในกลุ่มไม่ได้คาดว่าพวกไป๋อี้แถมยังมีสมาชิกในทีมเพิ่มขึ้นจะกลับเข้ามาที่นี่อีกครั้ง แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ได้บอกว่าเขาเคยผ่านการต่อสู้แบบไหนมาบ้าง แต่ก็ได้สอบถามเกี่ยวกับอดีตกับวูล์ฟและเฮลัวส์เป็นการส่วนตัวแล้ว หลังจากได้รู้มูลเหตุนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นี่คือยุคของมนุษยชาติที่แท้จริง ในทำนองเดียวกันพวกเขาก็ยังเชิดชูในความจิตใจดีของเมย์ริสอีกด้วย หลังจากกลายเป็นผีดูเหมือนว่าเมย์ริสจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ตรงกันข้ามเธอกลับสนุกกับชีวิตผีแบบนี้มาก

  “กำลังมองหาเรือข้ามช่องแคบคุกใช่ไหม?” เมย์ริสถาม

  “ใช่ เรากำลังจะไปที่คาบสมุทรทางใต้ของนิวซีแลนด์และบอกทุกคนเกี่ยวกับแผนการของอนาคตที่เราได้รวบรวมและวางแผนไว้” ไป๋อี้พยักหน้าแล้วเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เมย์ริสฟัง

  เมย์ริสพยักหน้าจากนั้นก็มองไปที่ไป๋อี้ หลังจากที่เข้าใจไป๋อี้แล้ว อารมณ์ความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นับวันเขายิ่งยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนร่วมทีมใหม่นั้นแม้จะยังไม่คุ้นเคยนัก แต่ก็ดูพึ่งพาได้มากทีเดียว “ฉันสามารถถามผีอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตามหากนายต้องการข้ามช่องแคบนั่นมันอันตรายมาก นายควรเตรียมตัวให้ดีกว่านี้” เมย์ริสกล่าว

  “อืม แน่นอน!” ไป๋อี้พยักหน้า

  วันนั้นมันไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ในทะเลสาบชั้นในของเวลลิงตันเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตร้ายที่ลากคนในทีมของหยูหานลงไปกินในน้ำ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดีว่าพวกเขาจะต้องเจอกับอะไรหากพวกเขาแล่นเรือผ่านช่องแคบนั่น รู้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรมีมากมายกว่าบนผืนดินหลายเท่าตัว หากไม่ได้เตรียมการมาอย่างดี คาดการณ์ได้เลยว่าเรือและคนทั้งหมดจะต้องถูกดึงลงไปในมหาสมุทรอย่างแน่นอน

  เมย์ริสไปถามผีตนอื่น ๆ ในขณะที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กำลังพักผ่อนอยู่

  “พ่อ ชาร์ไป่อยากไปตรงกลางเมืองค่ะ”โม่โม่มาหาไป๋อี้

  “โอ้ งั้นเราก็ไปด้วยกันเลย” ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า ช่วงนี้ชาร์ไป่ดูน่าแปลกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะไม่สบาย ไป๋อี้รู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่ต้องเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมพิเศษของเวลลิงตันนี้แน่ แต่มันก็ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น การที่เขาเลือกที่จะกลับมาเวลลิงตันในครั้งนี้ไป๋อี้ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาเพื่อหาเหตุผลโดยเฉพาะ

  เมื่อเดินลึกเข้าไปในเมือง ทำให้สมาชิกใหม่ในทีมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ การได้เห็นผีบางตัวอยู่รอบนอกก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรง การเข้าไปในเมืองพวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับวิญญาณชั่วร้ายอีกนับแสน?

  แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อไป๋อี้เป็นหัวหน้าทีมในตอนนี้ ตราบใดที่หัวหน้าไม่ตัดสินใจอุกอาจเกินไปนักพวกเขาก็จะไม่ต่อต้าน ยิ่งไปกว่านั้นแม้พวกเขากลัวที่จะกลับมา แต่ก็อยากรู้มากเช่นกันว่า ผี วิญญาณร้ายในเมืองเวลลิงตันแห่งนี้จะลึกลับสักแค่ไหน?

  อย่างไรก็ตาม อันที่จริงความลึกลับนั้นมาจากความไม่รู้ หลังจากมีคำอธิบายจากพวกไป๋อี้ อีกทั้งโม่โม่ยังสามารถมองเห็นผีได้อย่างชัดเจน พวกเขาก็ค้นพบว่าผีก็เป็นแค่ผี

  แต่ในเวลานี้พวกไป๋อี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะใส่ใจกับความรู้สึกของพวกเขา แต่กำลังสังเกตการเปลี่ยนแปลงของชาร์ไป่อยู่ หลังจากเข้าสู่ใจกลางเมืองเวลลิงตันร่างของชาร์ไป่ดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยควันสลัว ถ้าพวกไป๋อี้เดาถูกนี่คือกลิ่นอายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมพิเศษของเวลลิงตันหากต้องอธิบายด้วยคำพูดที่ชัดเจนนี้ก็คือกลิ่นอายแห่ง ‘ยมโลก’!

  เมื่อเข้าสู่ใจกลางเมือง เวร่าและพวกเขาทั้งสี่ต่างก็ตกตะลึงกับซากศพที่กองพะเนินเทินทึกเหมือนเนินเขาที่อยู่ตรงกลาง แต่ในตอนนี้ขณะที่ชาร์ไป่เดินผ่านเข้าไปทันใดนั้นมันก็กระโดดขึ้นมาสองสามครั้งและตรงมาที่รากของต้นไม้ปลิดวิญญาณที่อยู่ตรงกลาง จากนั้นมันก็อ้าปากอันใหญ่โตของมันกัดลงไป และกระชากเขมือบซากศพอย่างดุเดือดที่บริเวณรากของต้นไม้ปลิดวิญญาณ 

  เวร่าและคนอื่น ๆ ต้องสะดุ้งด้วยความตื่นตกใจอีกครั้ง

  เมื่อมีบางคนกำลังจะเคลื่อนไหว ไป๋อี้ก็เอื้อมมือออกไปเพื่อหยุดพฤติกรรมที่ไม่สงบของพวกเขา อย่างไรก็ตามพวกเขายังเป็นสมาชิกใหม่ของทีม และความไว้วางใจของสมาชิกก็ไม่ได้ลึกซึ้งเท่ากับคนอื่น ๆ เหมือนกับวูล์ฟและเฮลัวส์ ซึ่งพวกเขาทั้งสองไม่แม้แต่จะขยับตัวเลย พวกเขาเชื่อว่าไม่ว่าชาร์ไป่จะเปลี่ยนไปอย่างไรมันจะไม่ทำร้ายพวกเขาอย่างแน่นอน

  เป็นเวลากว่าสามวัน หน้าท้องของชาร์ไป่เป็นเหมือนหลุมดำที่กัดกินซากศพที่อยู่ตรงกลางอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้เมื่อยืนอยู่บนเนินศพเหล่านั้น ชาร์ไป่ที่เปื้อนเลือดก็ยิ่งทวีน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ราวกับสัตว์ที่ดุร้ายจากยมโลก หลังจากกินอย่างเมามันเป็นเวลาสามวันชาร์ไป่ก็ดูเหมือนจะอิ่มแล้ว จากนั้นมันก็คลานไปใต้ต้นไม้ปลิดวิญญาณและเข้าสู่ห้วงนิทรา

  “นี่มันอาการ …… หลับลึก!”

  ไป๋อี้ตรวจสอบอาการของชาร์ไป่แล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ สถานะการหลับลึกของชาร์ไป่ในตอนนี้ดีกว่าฤทธิ์จากการสะกดจิตของไป๋อี้เสียอีก คาดว่าตอนนี้มันกำลังเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า “ทารกในครรภ์” เมื่อมองไปที่ควันสลัวรอบตัวของชาร์ไป่ แม้แต่คนที่โง่เขลาที่สุดก็รู้ว่าชาร์ไป่กำลังอยู่ระหว่างการแปรเปลี่ยน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+