[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 85 จุดเริ่มต้นของการหลบหนี

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 85 จุดเริ่มต้นของการหลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ณ สถานบันวิจัยขนาดใหญ่แห่งนี้แบ่งได้เป็นประมาณ 3 ส่วนโดยคร่าว ๆ ชั้นบนมีหน้าที่หลักคือรับผิดชอบการวิจัยชนิดต่าง ๆ ที่แห่งนี้มีรังนอนซึ่งเดิมทีถูกใช้เพื่อกักขังร่างต้นแบบ ชั้นล่างกักขังร่างทดลองของสัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมชนิดต่าง ๆ และในส่วนของชั้นล่างยังสามารถแบ่งได้อีก 5 ส่วนเล็ก ๆ โดยมีรังผึ้ง 5 รังขนาดใหญ่  พวกมันตั้งอยู่ในแนวทแยงมุมใต้ชั้นบนและด้านล่างของรังผึ้ง ในทางกลับกันชั้นล่างมีขนาดใหญ่กว่าชั้นบนมาก แม้แต่รังผึ้งหนึ่งรังก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าชั้นบนทั้งชั้น ซึ่งดูเหมือนว่าร่างทดลองมากมายทั้งหมดเหล่านี้จะล้วนมีขนาดใหญ่โต

        ด้านล่างชั้นบนตรงเหนือห้องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์หลักของไนท์เป็นที่ตั้งรังนอนของแม่แบบทดลองซึ่งเดิมยังเป็นจุดบอดของสถาบันวิจัยแห่งนี้อีกด้วย ที่เรียกว่าจุดบอดนั่นเพราะเป็นรูปแบบสิ่งก่อสร้างชนิดหนึ่งที่เป็นรูปแบบที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยมีบางส่วนถูกซ่อนอยู่ภายในสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ และเมื่อมองจากภายนอกจะไม่สามารถดูออกได้เลยว่ามันมีอยู่

        แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากการการปะทุของแม่แบบร่างทดลอง ทำให้รังแม่และชั้นบนทั้งหมดถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งที่ถูกกล่าวว่าจุดบอดทั้งหมดนั้นไม่มีความหมายอะไรแล้วในตอนนี้ และร่างแม่แบบก็ถูกเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่อยู่แล้ว เธอถูกส่งไปยังสถานที่กักขังชั่วคราว

        หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้รู้ถึงการมีอยู่ของร่างแม่แบบผ่านไนท์ ซึ่งร่างแม่แบบยังต้องการพบกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ อีกด้วย

        เหตุใดจึงต้องการพบไป๋อี้และคนอื่น ๆ ร่างแม่แบบนั้นไม่ได้บอกไว้ แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าไนท์จะเห็นด้วยกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่จะไปพบร่างแม่แบบ แน่นอนว่าต้องรีบไปก่อนที่ร่างแม่แบบจะตาย ทว่า …… เนื่องจากหลังการปะทุในครั้งนั้น สถาบันวิจัยก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด ส่วนร่างแม่แบบก็ไม่สามารถฟื้นตัวคืนสู่สภาพเดิมได้ และคงไม่สามารถทนได้นานนัก

        ถ้าไม่เช่นนั้นมีหรือไป๋อี้จะสามารถไปปิดห้องควบคุมอุปกรณ์หลักของไนท์ได้เร็วขนาดนี้

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เดิมคือห้องควบคุมอุปกรณ์หลักของไนท์ และตอนนี้ตำแหน่งที่อยู่ของร่างแม่แบบคือด้านล่างของรังผึ้งที่ 4 และที่ 5 หากพวกเขาต้องการผ่านไป ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ต้องกลับไปที่รังผึ้งที่ 1 ก่อน หลังจากผ่านชั้นบนเข้าไปในเส้นทางของรังผึ้งที่ 4 และที่ 5 หลังจากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเข้าสู่สถานที่พักชั่วคราวของร่างแม่แบบ

        กล่าวง่าย ๆ คือห้องควบคุมอุปกรณ์หลักนั้นเชื่อมต่อกับรังผึ้งที่ 5 แต่ว่ามันไม่สามารถใช้เป็นเส้นทางให้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ผ่านไปได้ เหตุผลก็เพราะ ………. ตัววูล์ฟไม่สามารถผ่านมันไปได้นั่นเอง

        รังผึ้งทั้ง 5 สามารถเข้าถึงห้องควบคุมอุปกรณ์ได้ ซึ่งไม่ได้คับแคบจนเกินไป อย่างน้อยที่สุดคนก็สามารถผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ว่ารูปร่างของวูล์ฟในตอนนี้นั้นไม่สามารถเบียดแทรกผ่านไปได้ เมื่อรู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุของตนเอง คนอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องอ้อมกลับไปและนั่นมันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น ทำให้วูล์ฟได้แต่โทษตัวเอง

        ……….

        หลังจากที่ไป๋อี้ คนอื่น ๆ และวูล์ฟมาบรรจบกัน พวกเขาก็กลับไปทางรังผึ้งที่ 1 เมื่ออยู่ระหว่างทางไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ได้พบเห็นร่างทดลองที่ถูกผสมผสานยีนทางพันธุกรรมกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะกำลังโจมตีไปทั่ว เหตุผลที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ในห้องควบคุมอุปกรณ์หลักต่อและรอให้ร่างทดลองทั้งหมดออกไปเพราะไนท์เคยเตือนไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไปแล้วว่าไม่ควรรีรอ เพราะว่าร่างแม่แบบรอไม่ไหวแล้ว

        หลังจากที่ร่างแม่แบบได้กลืนกินหงฉี่ฮว๋าลงไป อัตราการใช้ชีวิตก็รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก!

        แม้ว่าจะดูเหมือนว่าร่างทดลองทั้งหมดกำลังวิ่งออกไปข้างนอก แต่ก็มั่นใจว่าส่วนใหญ่จะไม่ออกไปจากที่นี่ และตอนนี้ที่สถาบันวิจัยแห่งนี้ก็มีความเป็นไปได้ถึง 90% ที่จะกลายเป็นแหล่งกบดานของสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเหล่านี้

        เนื่องจากพวกเขารู้เส้นทางดี ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จึงเคลื่อนที่เร็วมาก ก่อนที่สัตว์ประหลาดชุดแรกจะวิ่งออกมา พวกเขาก็กลับไปที่ทางเดินแล้ว ไป๋อี้เดินไปข้างหน้าพร้อมกับถือดาบคะตะนะในมือและเขาได้เปิดรูม่านตาจำลองธรรมชาติแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต่อสู้อย่างแน่นอน ความล่าช้าใด ๆ ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

        ทุก ๆ คนวิ่งสุดกำลังอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้รูม่านตาจำลองธรรมชาติกับสัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมตัวนั้น แต่เขาก็ได้ใช้ความสามารถในการหลอกตาของเขา เมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้เผชิญหน้ากับไป๋อี้พวกมันก็ตกอยู่ในความสับสน กลุ่มคนต่างก็รีบอาศัยจังหวะนั้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  ณ ขณะนี้ คนอื่นเพิ่งจะรู้สึกว่ารูม่านตาจำลองธรรมชาติของไป๋อี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก

        ยิ่งไปกว่านั้นการใช้งานแบบนี้ไม่ได้เปลืองพลังงานของไป๋อี้แต่อย่างใด ท้ายที่สุดคุณเคยเห็นสีจำลองของสิ่งมีชีวิตที่เหนื่อยล้าจากการแสดงมันนานเกินไปหรือไม่ล่ะ? แน่ล่ะมันเป็นการแสดงออกทางชีวภาพในตัวของมันเองอยู่แล้ว

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เดินผ่านประตูอีกบาน เมื่อผ่านมุมขวาไปไป๋อี้ก็หยุดเดิน ทิศทางนั้นคือตำแหน่งของประตูในตอนแรกที่กลุ่มคนต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ตามคำให้การของไนท์นั้นหงฉี่ฮว๋าตายตรงด้านนอกของประตู เมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าไป๋อี้หยุดชะงัก ทันใดนั้นพวกเขาก็หันหน้าไปทางประตูนั้นและจ้องมองอยู่พักหนึ่ง

        “ไปต่อ!”

        ในตอนแรกคนอื่นคิดว่าไป๋อี้จะเข้าไปดู แต่ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นมา ระหว่างเวลาที่พวกเขาหยุดนั้นใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที หลังจากที่ไป๋อี้ซึ่งเป็นผู้นำเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ตามมาทันที

        ความเจ็บปวด …… คิดว่าไป๋อี้ไม่เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ แน่นอนว่าเรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อยังคงต้องมีชีวิตอยู่ เขาก็ต้องพยายามทุ่มเทเพื่อเพื่อน ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่  แทนที่จะหมกมุ่นกับความเจ็บปวดใจจากการจากไป

        พวกเขานับว่าเป็นกลุ่มหนึ่งที่ออกมาได้เร็วที่สุด แต่ในไม่ช้าทุกคนก็พบว่าเส้นทางที่เรียบง่ายนั้นกลับถูกปิดกลั้นด้วยน้ำ เดิมทีตำแหน่งของที่นี่คือชั้นบนของรังนอนแม่แบบ หลังจากการปะทุของร่างแม่แบบทดลองที่แห่งนี้ก็ถูกปิดกั้นจนหายไป

        กลุ่มของไป๋อี้วิ่งผ่านชั้นบนที่เกิดความเสียหาย หลังจากนั้นก็เข้าไปทางเดินของรังผึ้งที่ 4  และในครั้งนี้ทางเดินของรังผึ้งที่ 3  ก็ได้มีสัตว์ประหลาดค้างคาวตัวใหญ่บินออกมา ค้างคาวตัวใหญ่นี้ได้หยุดกลางอากาศในห้องโถงที่พังทลาย หลังจากนั้นก็หันไปทางที่ไป๋อี้และคนอื่นวิ่งผ่านไป

        “ค้างคาวงั้นเหรอ?” ออกัสตินได้ถามขึ้น

        “หวี๊ด หวี๊ด ~~~!” ค้างคาวตัวนี้ได้ส่งเสียงขู่ออกมา หลังจากนั้นก็หันไปทางที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่วิ่งผ่านไป ในความเป็นจริงมันไม่จำเป็นต้องใช้ดวงตาในการมองสิ่งต่าง ๆ และมันก็ไม่ต้องการเป้าหมายในทิศทางนั้น

        ตราบใดที่สัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมไม่สูญเสียความมีสติในช่วงที่ดุร้ายในระยะ LV1-2 มันจะมีสติปัญญาที่ดีในช่วงต่อมา เดิมทีค้างคาวตัวนี้ต้องการบินออกไปข้างนอก ในความเป็นจริงเมื่อผ่านพื้นที่จากตรงนี้โดยตรงแล้วจากนั้นก็บินขึ้นไปมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร ก็จะสามารถเข้าไปในระเบียงห้องโถงที่เชื่อมโยงกับร่างแม่แบบ จากนั้นก็จะสามารถบินออกไปข้างนอกได้

        “ทางนั้นมีอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ออกัสตินได้ถามขึ้นมา

        ออกัสตินฉลาดมาก จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของค้างคาว เขาก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าค้างคาวต้อง ‘เห็น’ อะไรบางอย่างที่มีคลื่นเสียงสะท้อนออกมาอย่างแน่นอน

        “หวี๊ด หวี๊ด~~” ทันใดนั้นค้างคาวตัวนี้ก็ส่งเสียงขู่ออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นปีกทั้งสองข้างก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  มันกระแทกชนกับเพดานเหนือหัวของมัน ตึง! เกิดเสียงกระทบดังขึ้น เพดานด้านบนถูกค้างคาวตัวนี้กระแทกจนเกิดรูขนาดใหญ่ ค้างคาวตัวนี้ยังคงพุ่งทะลุเข้าไปอย่างรวดเร็วหลายร้อยเมตรและยังคงไม่หยุดการเคลื่อนไหว หลังจากนั้นก็ย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว มันบินเข้าไปภายในรูขนาดใหญ่นั้นที่ร่างแม่แบบทะลวงทิ้งไว้ หลังจากนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

        ออกัสตินตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา และกระโดดขึ้นไปชั้นแล้วชั้นเล่าเพื่อตามมันออกไป

        ค้างคาวตัวนี้เด็ดเดี่ยวมาก แม้ว่ามันจะเห็นอะไรเป็นพิเศษมันก็ไม่ได้ติดตามไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่มันยังยืนหยัดในความตั้งใจเดิมของมันที่จะออกไปจากที่นี่!

        เมื่อรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่มันสามารถยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นภายในใจได้ ซึ่งหาได้ยากจากมนุษย์ รู้ไว้เถอะว่าหลายครั้งอันตรายโดยส่วนใหญ่เกิดมาจากความอยากรู้อยากเห็นทั้งนั้น

        ค้างคาวสามารถอดทนต่อความปรารถนาแบบนั้นได้และออกัสตินไม่ต้องการถูกเปรียบเทียบกับมันอย่างแน่นอน ออกัสตินยังเข้าใจว่าแม้ว่าแนวทางนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับบางสิ่ง แต่ในทำนองเดียวกันก็เป็นวิธีหลีกเลี่ยงโชคร้ายเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปตายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อย่างไรก็ตามแม้ว่า LV2 ทั้งสองนี้สามารถอดทนอดกลั้นได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำได้เช่นเดียวกับฉินเทียนเหอที่เพิ่งออกมาจากรังที่สอง

        ทิศทางนั้น ……… มีอะไรอย่างนั้นเหรอ ?

        ฉินเทียนเหอเกิดความลังเลใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนทิศทางหันไปทางเดินรังที่ 4 และวิ่งเข้าไป เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะว่าร่างกายของเขาอยู่ในระดับ LV2  และในกลุ่มร่างทดลองทั้งหมดที่นี่เขาก็อยู่ในระดับสูงสุด

        ……….

        ระหว่างเส้นทางเข้ารังผึ้งที่ 4 ได้ปรากฏสัตว์ประหลาดที่ถูกผสานยีนทางพันธุกรรมขึ้น มันมีจำนวนมากกว่าเดิมที่รังผึ้งที่ 1 เป็นอย่างมาก สัตว์ประหลาดมากมายเหล่านี้มีดวงตาสีแดงแห่งนักฆ่า แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรับมือกับพวกมัน

        ความสับสน ในขณะที่ฝ่ายคู่ต่อสู้เกิดความสับสนงุนงงไป๋อี้ก็ใช้ทักษะการใช้ดาบที่ยอดเยี่ยมของเขา ไป๋อี้เป็นผู้นำและสัตว์ประหลาดที่เผชิญหน้ากับไป๋อี้นั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกมันไม่มีความสามารถที่จะต้านทานไป๋อี้ได้มากนัก ตอนที่พวกมันจะตาย พวกมันเหล่านี้ก็ถูกปลุกให้ตื่นจากความสับสนด้วยความเจ็บปวด กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งขึ้นมาเรื่อย ๆ กระตุ้นให้สัตว์ประหลาดทั้งหลายยิ่งต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมมากขึ้น

        “ไป๋อี้ วูล์ฟ” เฮลัวส์เอ่ยเตือนเขา

        ไป๋อี้หันกลับไปและเพิ่งจะพบว่าวูล์ฟในตอนนี้นี้มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นดวงตาสีแดงแห่งนักฆ่าอีกครั้ง อันที่จริง หลังจากที่ได้เข้าสู่ระยะโหดร้ายและป่าเถื่อนเเล้ว มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะมีพฤติกรรมรุนแรงภายใต้สถานการณ์ของการต่อสู้และเห็นเลือดมากมายเช่นนี้ แต่โชคดีที่เฮลัวส์ให้ความสนใจกับวูล์ฟและสังเกตอาการได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไป๋อี้จึงมองกลับมาที่วูล์ฟทันที

        “วูล์ฟ .. มองมาที่ฉัน”

        หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไป๋อี้ วูล์ฟก็มองมาที่เขาในทันที สุดท้ายแล้ววูล์ฟในตอนนี้ยังไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง  ในขณะที่วูล์ฟกำลังหันศีรษะไปอีกทาง รูปแบบสีของดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ก็ปรากฏขึ้นมาในทันที ซึ่งนั่นเป็นการกล่อมประสาทแบบพิเศษ

        รูม่านตาจำลองธรรมชาติ —— การสะกดจิต!

        เงียบสงบ!

        ความดุร้ายในดวงตาของวูล์ฟค่อย ๆ คลี่คลายลง เขาขอโทษและยิ้มให้ไป๋อี้ ระหว่างทางทุกคนต้องเสียเวลาไปมากเพราะเขา มิฉะนั้นป่านนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ คงเข้าสู่รังที่ 4 จากทางเดินของห้องเครื่องอุปกรณ์หลักและคงไปถึงร่างแม่แบบตั้งนานแล้ว แต่วูล์ฟไม่ได้พูดอะไรมาก ไป๋อี้จะไม่ทิ้งเขาไว้ที่นี่คนเดียวอย่างแน่นอน ตราบที่เขาเก็บมันไว้ในใจก็พอ

        หลังจากที่วูล์ฟได้สงบลง กลุ่มของไป๋อี้ก็ยังคงต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเลี้ยวเข้าไปในทางเดินบนชั้น 4 ของรังที่ 4 ก็มีลิฟต์ขนาดใหญ่หนึ่งตัว ลิฟต์ตัวนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร ซึ่งนั่นแสดงว่าร่างแม่แบบก็ไม่ได้มีขนาดเล็ก จากที่ตรงนี้ไปก็จะสามารถเข้าถึงร่างแม่แบบได้

        “ขึ้นลิฟต์ไหม?” วูล์ฟถามออกมา

        ไป๋อี้ยังไม่ทันได้ตอบ ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงของตกแตกระเบิดอย่างรุนแรงจากข้างล่าง หลังจากนั้นไป๋อี้และคนอื่นก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากที่แห่งนี้ ดูราวกับว่ามันจะพังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาของไป๋อี้มองออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไม่ไกลออกไปนักมีหัวของปีศาจอสรพิษยักษ์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีโผล่ขึ้นมา!

        สิ่งนี้เป็นผลิตผลที่บกพร่อง LV2.1 อย่างแน่นอน  แน่นอนว่านอกจากหัวที่มีความผิดปกติแล้ว ต้องมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอย่างแน่นอน

        เมื่อมองไปยังประตูทางเดินที่ทลายกำแพงออก วูล์ฟก็หยุดพูด ในเวลานี้เขากำลังจะขึ้นลิฟต์ แม่แบบร่างทดลองอยู่ข้างล่างลึกลงไปกว่า 500 เมตร หากลิฟต์เสียหายขณะใช้งาน พวกเขาชะตาขาดแน่ พวกเขาคงจะกลายเป็นคุกกี้ที่แหลกละเอียดอย่างแน่นอน แต่ประเด็นคือไม่มีบันไดสำหรับลงไปชั้นล่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 85 จุดเริ่มต้นของการหลบหนี

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 85 จุดเริ่มต้นของการหลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ณ สถานบันวิจัยขนาดใหญ่แห่งนี้แบ่งได้เป็นประมาณ 3 ส่วนโดยคร่าว ๆ ชั้นบนมีหน้าที่หลักคือรับผิดชอบการวิจัยชนิดต่าง ๆ ที่แห่งนี้มีรังนอนซึ่งเดิมทีถูกใช้เพื่อกักขังร่างต้นแบบ ชั้นล่างกักขังร่างทดลองของสัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมชนิดต่าง ๆ และในส่วนของชั้นล่างยังสามารถแบ่งได้อีก 5 ส่วนเล็ก ๆ โดยมีรังผึ้ง 5 รังขนาดใหญ่  พวกมันตั้งอยู่ในแนวทแยงมุมใต้ชั้นบนและด้านล่างของรังผึ้ง ในทางกลับกันชั้นล่างมีขนาดใหญ่กว่าชั้นบนมาก แม้แต่รังผึ้งหนึ่งรังก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าชั้นบนทั้งชั้น ซึ่งดูเหมือนว่าร่างทดลองมากมายทั้งหมดเหล่านี้จะล้วนมีขนาดใหญ่โต

        ด้านล่างชั้นบนตรงเหนือห้องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์หลักของไนท์เป็นที่ตั้งรังนอนของแม่แบบทดลองซึ่งเดิมยังเป็นจุดบอดของสถาบันวิจัยแห่งนี้อีกด้วย ที่เรียกว่าจุดบอดนั่นเพราะเป็นรูปแบบสิ่งก่อสร้างชนิดหนึ่งที่เป็นรูปแบบที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยมีบางส่วนถูกซ่อนอยู่ภายในสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ และเมื่อมองจากภายนอกจะไม่สามารถดูออกได้เลยว่ามันมีอยู่

        แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากการการปะทุของแม่แบบร่างทดลอง ทำให้รังแม่และชั้นบนทั้งหมดถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งที่ถูกกล่าวว่าจุดบอดทั้งหมดนั้นไม่มีความหมายอะไรแล้วในตอนนี้ และร่างแม่แบบก็ถูกเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่อยู่แล้ว เธอถูกส่งไปยังสถานที่กักขังชั่วคราว

        หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้รู้ถึงการมีอยู่ของร่างแม่แบบผ่านไนท์ ซึ่งร่างแม่แบบยังต้องการพบกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ อีกด้วย

        เหตุใดจึงต้องการพบไป๋อี้และคนอื่น ๆ ร่างแม่แบบนั้นไม่ได้บอกไว้ แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าไนท์จะเห็นด้วยกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่จะไปพบร่างแม่แบบ แน่นอนว่าต้องรีบไปก่อนที่ร่างแม่แบบจะตาย ทว่า …… เนื่องจากหลังการปะทุในครั้งนั้น สถาบันวิจัยก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด ส่วนร่างแม่แบบก็ไม่สามารถฟื้นตัวคืนสู่สภาพเดิมได้ และคงไม่สามารถทนได้นานนัก

        ถ้าไม่เช่นนั้นมีหรือไป๋อี้จะสามารถไปปิดห้องควบคุมอุปกรณ์หลักของไนท์ได้เร็วขนาดนี้

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เดิมคือห้องควบคุมอุปกรณ์หลักของไนท์ และตอนนี้ตำแหน่งที่อยู่ของร่างแม่แบบคือด้านล่างของรังผึ้งที่ 4 และที่ 5 หากพวกเขาต้องการผ่านไป ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ต้องกลับไปที่รังผึ้งที่ 1 ก่อน หลังจากผ่านชั้นบนเข้าไปในเส้นทางของรังผึ้งที่ 4 และที่ 5 หลังจากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเข้าสู่สถานที่พักชั่วคราวของร่างแม่แบบ

        กล่าวง่าย ๆ คือห้องควบคุมอุปกรณ์หลักนั้นเชื่อมต่อกับรังผึ้งที่ 5 แต่ว่ามันไม่สามารถใช้เป็นเส้นทางให้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ผ่านไปได้ เหตุผลก็เพราะ ………. ตัววูล์ฟไม่สามารถผ่านมันไปได้นั่นเอง

        รังผึ้งทั้ง 5 สามารถเข้าถึงห้องควบคุมอุปกรณ์ได้ ซึ่งไม่ได้คับแคบจนเกินไป อย่างน้อยที่สุดคนก็สามารถผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ว่ารูปร่างของวูล์ฟในตอนนี้นั้นไม่สามารถเบียดแทรกผ่านไปได้ เมื่อรู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุของตนเอง คนอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องอ้อมกลับไปและนั่นมันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น ทำให้วูล์ฟได้แต่โทษตัวเอง

        ……….

        หลังจากที่ไป๋อี้ คนอื่น ๆ และวูล์ฟมาบรรจบกัน พวกเขาก็กลับไปทางรังผึ้งที่ 1 เมื่ออยู่ระหว่างทางไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ได้พบเห็นร่างทดลองที่ถูกผสมผสานยีนทางพันธุกรรมกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะกำลังโจมตีไปทั่ว เหตุผลที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ในห้องควบคุมอุปกรณ์หลักต่อและรอให้ร่างทดลองทั้งหมดออกไปเพราะไนท์เคยเตือนไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไปแล้วว่าไม่ควรรีรอ เพราะว่าร่างแม่แบบรอไม่ไหวแล้ว

        หลังจากที่ร่างแม่แบบได้กลืนกินหงฉี่ฮว๋าลงไป อัตราการใช้ชีวิตก็รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก!

        แม้ว่าจะดูเหมือนว่าร่างทดลองทั้งหมดกำลังวิ่งออกไปข้างนอก แต่ก็มั่นใจว่าส่วนใหญ่จะไม่ออกไปจากที่นี่ และตอนนี้ที่สถาบันวิจัยแห่งนี้ก็มีความเป็นไปได้ถึง 90% ที่จะกลายเป็นแหล่งกบดานของสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเหล่านี้

        เนื่องจากพวกเขารู้เส้นทางดี ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จึงเคลื่อนที่เร็วมาก ก่อนที่สัตว์ประหลาดชุดแรกจะวิ่งออกมา พวกเขาก็กลับไปที่ทางเดินแล้ว ไป๋อี้เดินไปข้างหน้าพร้อมกับถือดาบคะตะนะในมือและเขาได้เปิดรูม่านตาจำลองธรรมชาติแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต่อสู้อย่างแน่นอน ความล่าช้าใด ๆ ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

        ทุก ๆ คนวิ่งสุดกำลังอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้รูม่านตาจำลองธรรมชาติกับสัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมตัวนั้น แต่เขาก็ได้ใช้ความสามารถในการหลอกตาของเขา เมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้เผชิญหน้ากับไป๋อี้พวกมันก็ตกอยู่ในความสับสน กลุ่มคนต่างก็รีบอาศัยจังหวะนั้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  ณ ขณะนี้ คนอื่นเพิ่งจะรู้สึกว่ารูม่านตาจำลองธรรมชาติของไป๋อี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก

        ยิ่งไปกว่านั้นการใช้งานแบบนี้ไม่ได้เปลืองพลังงานของไป๋อี้แต่อย่างใด ท้ายที่สุดคุณเคยเห็นสีจำลองของสิ่งมีชีวิตที่เหนื่อยล้าจากการแสดงมันนานเกินไปหรือไม่ล่ะ? แน่ล่ะมันเป็นการแสดงออกทางชีวภาพในตัวของมันเองอยู่แล้ว

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เดินผ่านประตูอีกบาน เมื่อผ่านมุมขวาไปไป๋อี้ก็หยุดเดิน ทิศทางนั้นคือตำแหน่งของประตูในตอนแรกที่กลุ่มคนต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ตามคำให้การของไนท์นั้นหงฉี่ฮว๋าตายตรงด้านนอกของประตู เมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าไป๋อี้หยุดชะงัก ทันใดนั้นพวกเขาก็หันหน้าไปทางประตูนั้นและจ้องมองอยู่พักหนึ่ง

        “ไปต่อ!”

        ในตอนแรกคนอื่นคิดว่าไป๋อี้จะเข้าไปดู แต่ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นมา ระหว่างเวลาที่พวกเขาหยุดนั้นใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที หลังจากที่ไป๋อี้ซึ่งเป็นผู้นำเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ตามมาทันที

        ความเจ็บปวด …… คิดว่าไป๋อี้ไม่เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ แน่นอนว่าเรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อยังคงต้องมีชีวิตอยู่ เขาก็ต้องพยายามทุ่มเทเพื่อเพื่อน ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่  แทนที่จะหมกมุ่นกับความเจ็บปวดใจจากการจากไป

        พวกเขานับว่าเป็นกลุ่มหนึ่งที่ออกมาได้เร็วที่สุด แต่ในไม่ช้าทุกคนก็พบว่าเส้นทางที่เรียบง่ายนั้นกลับถูกปิดกลั้นด้วยน้ำ เดิมทีตำแหน่งของที่นี่คือชั้นบนของรังนอนแม่แบบ หลังจากการปะทุของร่างแม่แบบทดลองที่แห่งนี้ก็ถูกปิดกั้นจนหายไป

        กลุ่มของไป๋อี้วิ่งผ่านชั้นบนที่เกิดความเสียหาย หลังจากนั้นก็เข้าไปทางเดินของรังผึ้งที่ 4  และในครั้งนี้ทางเดินของรังผึ้งที่ 3  ก็ได้มีสัตว์ประหลาดค้างคาวตัวใหญ่บินออกมา ค้างคาวตัวใหญ่นี้ได้หยุดกลางอากาศในห้องโถงที่พังทลาย หลังจากนั้นก็หันไปทางที่ไป๋อี้และคนอื่นวิ่งผ่านไป

        “ค้างคาวงั้นเหรอ?” ออกัสตินได้ถามขึ้น

        “หวี๊ด หวี๊ด ~~~!” ค้างคาวตัวนี้ได้ส่งเสียงขู่ออกมา หลังจากนั้นก็หันไปทางที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่วิ่งผ่านไป ในความเป็นจริงมันไม่จำเป็นต้องใช้ดวงตาในการมองสิ่งต่าง ๆ และมันก็ไม่ต้องการเป้าหมายในทิศทางนั้น

        ตราบใดที่สัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมไม่สูญเสียความมีสติในช่วงที่ดุร้ายในระยะ LV1-2 มันจะมีสติปัญญาที่ดีในช่วงต่อมา เดิมทีค้างคาวตัวนี้ต้องการบินออกไปข้างนอก ในความเป็นจริงเมื่อผ่านพื้นที่จากตรงนี้โดยตรงแล้วจากนั้นก็บินขึ้นไปมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร ก็จะสามารถเข้าไปในระเบียงห้องโถงที่เชื่อมโยงกับร่างแม่แบบ จากนั้นก็จะสามารถบินออกไปข้างนอกได้

        “ทางนั้นมีอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ออกัสตินได้ถามขึ้นมา

        ออกัสตินฉลาดมาก จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของค้างคาว เขาก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าค้างคาวต้อง ‘เห็น’ อะไรบางอย่างที่มีคลื่นเสียงสะท้อนออกมาอย่างแน่นอน

        “หวี๊ด หวี๊ด~~” ทันใดนั้นค้างคาวตัวนี้ก็ส่งเสียงขู่ออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นปีกทั้งสองข้างก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  มันกระแทกชนกับเพดานเหนือหัวของมัน ตึง! เกิดเสียงกระทบดังขึ้น เพดานด้านบนถูกค้างคาวตัวนี้กระแทกจนเกิดรูขนาดใหญ่ ค้างคาวตัวนี้ยังคงพุ่งทะลุเข้าไปอย่างรวดเร็วหลายร้อยเมตรและยังคงไม่หยุดการเคลื่อนไหว หลังจากนั้นก็ย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว มันบินเข้าไปภายในรูขนาดใหญ่นั้นที่ร่างแม่แบบทะลวงทิ้งไว้ หลังจากนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

        ออกัสตินตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา และกระโดดขึ้นไปชั้นแล้วชั้นเล่าเพื่อตามมันออกไป

        ค้างคาวตัวนี้เด็ดเดี่ยวมาก แม้ว่ามันจะเห็นอะไรเป็นพิเศษมันก็ไม่ได้ติดตามไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่มันยังยืนหยัดในความตั้งใจเดิมของมันที่จะออกไปจากที่นี่!

        เมื่อรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่มันสามารถยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นภายในใจได้ ซึ่งหาได้ยากจากมนุษย์ รู้ไว้เถอะว่าหลายครั้งอันตรายโดยส่วนใหญ่เกิดมาจากความอยากรู้อยากเห็นทั้งนั้น

        ค้างคาวสามารถอดทนต่อความปรารถนาแบบนั้นได้และออกัสตินไม่ต้องการถูกเปรียบเทียบกับมันอย่างแน่นอน ออกัสตินยังเข้าใจว่าแม้ว่าแนวทางนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับบางสิ่ง แต่ในทำนองเดียวกันก็เป็นวิธีหลีกเลี่ยงโชคร้ายเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปตายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อย่างไรก็ตามแม้ว่า LV2 ทั้งสองนี้สามารถอดทนอดกลั้นได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำได้เช่นเดียวกับฉินเทียนเหอที่เพิ่งออกมาจากรังที่สอง

        ทิศทางนั้น ……… มีอะไรอย่างนั้นเหรอ ?

        ฉินเทียนเหอเกิดความลังเลใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนทิศทางหันไปทางเดินรังที่ 4 และวิ่งเข้าไป เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะว่าร่างกายของเขาอยู่ในระดับ LV2  และในกลุ่มร่างทดลองทั้งหมดที่นี่เขาก็อยู่ในระดับสูงสุด

        ……….

        ระหว่างเส้นทางเข้ารังผึ้งที่ 4 ได้ปรากฏสัตว์ประหลาดที่ถูกผสานยีนทางพันธุกรรมขึ้น มันมีจำนวนมากกว่าเดิมที่รังผึ้งที่ 1 เป็นอย่างมาก สัตว์ประหลาดมากมายเหล่านี้มีดวงตาสีแดงแห่งนักฆ่า แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรับมือกับพวกมัน

        ความสับสน ในขณะที่ฝ่ายคู่ต่อสู้เกิดความสับสนงุนงงไป๋อี้ก็ใช้ทักษะการใช้ดาบที่ยอดเยี่ยมของเขา ไป๋อี้เป็นผู้นำและสัตว์ประหลาดที่เผชิญหน้ากับไป๋อี้นั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกมันไม่มีความสามารถที่จะต้านทานไป๋อี้ได้มากนัก ตอนที่พวกมันจะตาย พวกมันเหล่านี้ก็ถูกปลุกให้ตื่นจากความสับสนด้วยความเจ็บปวด กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งขึ้นมาเรื่อย ๆ กระตุ้นให้สัตว์ประหลาดทั้งหลายยิ่งต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมมากขึ้น

        “ไป๋อี้ วูล์ฟ” เฮลัวส์เอ่ยเตือนเขา

        ไป๋อี้หันกลับไปและเพิ่งจะพบว่าวูล์ฟในตอนนี้นี้มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นดวงตาสีแดงแห่งนักฆ่าอีกครั้ง อันที่จริง หลังจากที่ได้เข้าสู่ระยะโหดร้ายและป่าเถื่อนเเล้ว มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะมีพฤติกรรมรุนแรงภายใต้สถานการณ์ของการต่อสู้และเห็นเลือดมากมายเช่นนี้ แต่โชคดีที่เฮลัวส์ให้ความสนใจกับวูล์ฟและสังเกตอาการได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไป๋อี้จึงมองกลับมาที่วูล์ฟทันที

        “วูล์ฟ .. มองมาที่ฉัน”

        หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไป๋อี้ วูล์ฟก็มองมาที่เขาในทันที สุดท้ายแล้ววูล์ฟในตอนนี้ยังไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง  ในขณะที่วูล์ฟกำลังหันศีรษะไปอีกทาง รูปแบบสีของดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ก็ปรากฏขึ้นมาในทันที ซึ่งนั่นเป็นการกล่อมประสาทแบบพิเศษ

        รูม่านตาจำลองธรรมชาติ —— การสะกดจิต!

        เงียบสงบ!

        ความดุร้ายในดวงตาของวูล์ฟค่อย ๆ คลี่คลายลง เขาขอโทษและยิ้มให้ไป๋อี้ ระหว่างทางทุกคนต้องเสียเวลาไปมากเพราะเขา มิฉะนั้นป่านนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ คงเข้าสู่รังที่ 4 จากทางเดินของห้องเครื่องอุปกรณ์หลักและคงไปถึงร่างแม่แบบตั้งนานแล้ว แต่วูล์ฟไม่ได้พูดอะไรมาก ไป๋อี้จะไม่ทิ้งเขาไว้ที่นี่คนเดียวอย่างแน่นอน ตราบที่เขาเก็บมันไว้ในใจก็พอ

        หลังจากที่วูล์ฟได้สงบลง กลุ่มของไป๋อี้ก็ยังคงต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเลี้ยวเข้าไปในทางเดินบนชั้น 4 ของรังที่ 4 ก็มีลิฟต์ขนาดใหญ่หนึ่งตัว ลิฟต์ตัวนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร ซึ่งนั่นแสดงว่าร่างแม่แบบก็ไม่ได้มีขนาดเล็ก จากที่ตรงนี้ไปก็จะสามารถเข้าถึงร่างแม่แบบได้

        “ขึ้นลิฟต์ไหม?” วูล์ฟถามออกมา

        ไป๋อี้ยังไม่ทันได้ตอบ ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงของตกแตกระเบิดอย่างรุนแรงจากข้างล่าง หลังจากนั้นไป๋อี้และคนอื่นก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากที่แห่งนี้ ดูราวกับว่ามันจะพังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาของไป๋อี้มองออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไม่ไกลออกไปนักมีหัวของปีศาจอสรพิษยักษ์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีโผล่ขึ้นมา!

        สิ่งนี้เป็นผลิตผลที่บกพร่อง LV2.1 อย่างแน่นอน  แน่นอนว่านอกจากหัวที่มีความผิดปกติแล้ว ต้องมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอย่างแน่นอน

        เมื่อมองไปยังประตูทางเดินที่ทลายกำแพงออก วูล์ฟก็หยุดพูด ในเวลานี้เขากำลังจะขึ้นลิฟต์ แม่แบบร่างทดลองอยู่ข้างล่างลึกลงไปกว่า 500 เมตร หากลิฟต์เสียหายขณะใช้งาน พวกเขาชะตาขาดแน่ พวกเขาคงจะกลายเป็นคุกกี้ที่แหลกละเอียดอย่างแน่นอน แต่ประเด็นคือไม่มีบันไดสำหรับลงไปชั้นล่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 85 จุดเริ่มต้นของการหลบหนี

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 85 จุดเริ่มต้นของการหลบหนี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ณ สถานบันวิจัยขนาดใหญ่แห่งนี้แบ่งได้เป็นประมาณ 3 ส่วนโดยคร่าว ๆ ชั้นบนมีหน้าที่หลักคือรับผิดชอบการวิจัยชนิดต่าง ๆ ที่แห่งนี้มีรังนอนซึ่งเดิมทีถูกใช้เพื่อกักขังร่างต้นแบบ ชั้นล่างกักขังร่างทดลองของสัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมชนิดต่าง ๆ และในส่วนของชั้นล่างยังสามารถแบ่งได้อีก 5 ส่วนเล็ก ๆ โดยมีรังผึ้ง 5 รังขนาดใหญ่  พวกมันตั้งอยู่ในแนวทแยงมุมใต้ชั้นบนและด้านล่างของรังผึ้ง ในทางกลับกันชั้นล่างมีขนาดใหญ่กว่าชั้นบนมาก แม้แต่รังผึ้งหนึ่งรังก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าชั้นบนทั้งชั้น ซึ่งดูเหมือนว่าร่างทดลองมากมายทั้งหมดเหล่านี้จะล้วนมีขนาดใหญ่โต

        ด้านล่างชั้นบนตรงเหนือห้องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์หลักของไนท์เป็นที่ตั้งรังนอนของแม่แบบทดลองซึ่งเดิมยังเป็นจุดบอดของสถาบันวิจัยแห่งนี้อีกด้วย ที่เรียกว่าจุดบอดนั่นเพราะเป็นรูปแบบสิ่งก่อสร้างชนิดหนึ่งที่เป็นรูปแบบที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยมีบางส่วนถูกซ่อนอยู่ภายในสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ และเมื่อมองจากภายนอกจะไม่สามารถดูออกได้เลยว่ามันมีอยู่

        แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากการการปะทุของแม่แบบร่างทดลอง ทำให้รังแม่และชั้นบนทั้งหมดถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน สิ่งที่ถูกกล่าวว่าจุดบอดทั้งหมดนั้นไม่มีความหมายอะไรแล้วในตอนนี้ และร่างแม่แบบก็ถูกเคลื่อนย้ายตำแหน่งที่อยู่แล้ว เธอถูกส่งไปยังสถานที่กักขังชั่วคราว

        หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้รู้ถึงการมีอยู่ของร่างแม่แบบผ่านไนท์ ซึ่งร่างแม่แบบยังต้องการพบกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ อีกด้วย

        เหตุใดจึงต้องการพบไป๋อี้และคนอื่น ๆ ร่างแม่แบบนั้นไม่ได้บอกไว้ แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าไนท์จะเห็นด้วยกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่จะไปพบร่างแม่แบบ แน่นอนว่าต้องรีบไปก่อนที่ร่างแม่แบบจะตาย ทว่า …… เนื่องจากหลังการปะทุในครั้งนั้น สถาบันวิจัยก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด ส่วนร่างแม่แบบก็ไม่สามารถฟื้นตัวคืนสู่สภาพเดิมได้ และคงไม่สามารถทนได้นานนัก

        ถ้าไม่เช่นนั้นมีหรือไป๋อี้จะสามารถไปปิดห้องควบคุมอุปกรณ์หลักของไนท์ได้เร็วขนาดนี้

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ อยู่ในตำแหน่งที่เดิมคือห้องควบคุมอุปกรณ์หลักของไนท์ และตอนนี้ตำแหน่งที่อยู่ของร่างแม่แบบคือด้านล่างของรังผึ้งที่ 4 และที่ 5 หากพวกเขาต้องการผ่านไป ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ต้องกลับไปที่รังผึ้งที่ 1 ก่อน หลังจากผ่านชั้นบนเข้าไปในเส้นทางของรังผึ้งที่ 4 และที่ 5 หลังจากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเข้าสู่สถานที่พักชั่วคราวของร่างแม่แบบ

        กล่าวง่าย ๆ คือห้องควบคุมอุปกรณ์หลักนั้นเชื่อมต่อกับรังผึ้งที่ 5 แต่ว่ามันไม่สามารถใช้เป็นเส้นทางให้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ผ่านไปได้ เหตุผลก็เพราะ ………. ตัววูล์ฟไม่สามารถผ่านมันไปได้นั่นเอง

        รังผึ้งทั้ง 5 สามารถเข้าถึงห้องควบคุมอุปกรณ์ได้ ซึ่งไม่ได้คับแคบจนเกินไป อย่างน้อยที่สุดคนก็สามารถผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ว่ารูปร่างของวูล์ฟในตอนนี้นั้นไม่สามารถเบียดแทรกผ่านไปได้ เมื่อรู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุของตนเอง คนอื่น ๆ จึงจำเป็นต้องอ้อมกลับไปและนั่นมันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น ทำให้วูล์ฟได้แต่โทษตัวเอง

        ……….

        หลังจากที่ไป๋อี้ คนอื่น ๆ และวูล์ฟมาบรรจบกัน พวกเขาก็กลับไปทางรังผึ้งที่ 1 เมื่ออยู่ระหว่างทางไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ได้พบเห็นร่างทดลองที่ถูกผสมผสานยีนทางพันธุกรรมกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะกำลังโจมตีไปทั่ว เหตุผลที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ในห้องควบคุมอุปกรณ์หลักต่อและรอให้ร่างทดลองทั้งหมดออกไปเพราะไนท์เคยเตือนไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไปแล้วว่าไม่ควรรีรอ เพราะว่าร่างแม่แบบรอไม่ไหวแล้ว

        หลังจากที่ร่างแม่แบบได้กลืนกินหงฉี่ฮว๋าลงไป อัตราการใช้ชีวิตก็รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก!

        แม้ว่าจะดูเหมือนว่าร่างทดลองทั้งหมดกำลังวิ่งออกไปข้างนอก แต่ก็มั่นใจว่าส่วนใหญ่จะไม่ออกไปจากที่นี่ และตอนนี้ที่สถาบันวิจัยแห่งนี้ก็มีความเป็นไปได้ถึง 90% ที่จะกลายเป็นแหล่งกบดานของสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเหล่านี้

        เนื่องจากพวกเขารู้เส้นทางดี ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จึงเคลื่อนที่เร็วมาก ก่อนที่สัตว์ประหลาดชุดแรกจะวิ่งออกมา พวกเขาก็กลับไปที่ทางเดินแล้ว ไป๋อี้เดินไปข้างหน้าพร้อมกับถือดาบคะตะนะในมือและเขาได้เปิดรูม่านตาจำลองธรรมชาติแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต่อสู้อย่างแน่นอน ความล่าช้าใด ๆ ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

        ทุก ๆ คนวิ่งสุดกำลังอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้รูม่านตาจำลองธรรมชาติกับสัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมตัวนั้น แต่เขาก็ได้ใช้ความสามารถในการหลอกตาของเขา เมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้เผชิญหน้ากับไป๋อี้พวกมันก็ตกอยู่ในความสับสน กลุ่มคนต่างก็รีบอาศัยจังหวะนั้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  ณ ขณะนี้ คนอื่นเพิ่งจะรู้สึกว่ารูม่านตาจำลองธรรมชาติของไป๋อี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก

        ยิ่งไปกว่านั้นการใช้งานแบบนี้ไม่ได้เปลืองพลังงานของไป๋อี้แต่อย่างใด ท้ายที่สุดคุณเคยเห็นสีจำลองของสิ่งมีชีวิตที่เหนื่อยล้าจากการแสดงมันนานเกินไปหรือไม่ล่ะ? แน่ล่ะมันเป็นการแสดงออกทางชีวภาพในตัวของมันเองอยู่แล้ว

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เดินผ่านประตูอีกบาน เมื่อผ่านมุมขวาไปไป๋อี้ก็หยุดเดิน ทิศทางนั้นคือตำแหน่งของประตูในตอนแรกที่กลุ่มคนต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ตามคำให้การของไนท์นั้นหงฉี่ฮว๋าตายตรงด้านนอกของประตู เมื่อคนอื่น ๆ เห็นว่าไป๋อี้หยุดชะงัก ทันใดนั้นพวกเขาก็หันหน้าไปทางประตูนั้นและจ้องมองอยู่พักหนึ่ง

        “ไปต่อ!”

        ในตอนแรกคนอื่นคิดว่าไป๋อี้จะเข้าไปดู แต่ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นมา ระหว่างเวลาที่พวกเขาหยุดนั้นใช้เวลาไม่ถึงสองวินาที หลังจากที่ไป๋อี้ซึ่งเป็นผู้นำเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ตามมาทันที

        ความเจ็บปวด …… คิดว่าไป๋อี้ไม่เจ็บปวดอย่างนั้นเหรอ แน่นอนว่าเรื่องนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อยังคงต้องมีชีวิตอยู่ เขาก็ต้องพยายามทุ่มเทเพื่อเพื่อน ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่  แทนที่จะหมกมุ่นกับความเจ็บปวดใจจากการจากไป

        พวกเขานับว่าเป็นกลุ่มหนึ่งที่ออกมาได้เร็วที่สุด แต่ในไม่ช้าทุกคนก็พบว่าเส้นทางที่เรียบง่ายนั้นกลับถูกปิดกลั้นด้วยน้ำ เดิมทีตำแหน่งของที่นี่คือชั้นบนของรังนอนแม่แบบ หลังจากการปะทุของร่างแม่แบบทดลองที่แห่งนี้ก็ถูกปิดกั้นจนหายไป

        กลุ่มของไป๋อี้วิ่งผ่านชั้นบนที่เกิดความเสียหาย หลังจากนั้นก็เข้าไปทางเดินของรังผึ้งที่ 4  และในครั้งนี้ทางเดินของรังผึ้งที่ 3  ก็ได้มีสัตว์ประหลาดค้างคาวตัวใหญ่บินออกมา ค้างคาวตัวใหญ่นี้ได้หยุดกลางอากาศในห้องโถงที่พังทลาย หลังจากนั้นก็หันไปทางที่ไป๋อี้และคนอื่นวิ่งผ่านไป

        “ค้างคาวงั้นเหรอ?” ออกัสตินได้ถามขึ้น

        “หวี๊ด หวี๊ด ~~~!” ค้างคาวตัวนี้ได้ส่งเสียงขู่ออกมา หลังจากนั้นก็หันไปทางที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่วิ่งผ่านไป ในความเป็นจริงมันไม่จำเป็นต้องใช้ดวงตาในการมองสิ่งต่าง ๆ และมันก็ไม่ต้องการเป้าหมายในทิศทางนั้น

        ตราบใดที่สัตว์ประหลาดที่ผสานยีนทางพันธุกรรมไม่สูญเสียความมีสติในช่วงที่ดุร้ายในระยะ LV1-2 มันจะมีสติปัญญาที่ดีในช่วงต่อมา เดิมทีค้างคาวตัวนี้ต้องการบินออกไปข้างนอก ในความเป็นจริงเมื่อผ่านพื้นที่จากตรงนี้โดยตรงแล้วจากนั้นก็บินขึ้นไปมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร ก็จะสามารถเข้าไปในระเบียงห้องโถงที่เชื่อมโยงกับร่างแม่แบบ จากนั้นก็จะสามารถบินออกไปข้างนอกได้

        “ทางนั้นมีอะไรอย่างนั้นเหรอ?” ออกัสตินได้ถามขึ้นมา

        ออกัสตินฉลาดมาก จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของค้างคาว เขาก็สามารถคาดการณ์ได้ว่าค้างคาวต้อง ‘เห็น’ อะไรบางอย่างที่มีคลื่นเสียงสะท้อนออกมาอย่างแน่นอน

        “หวี๊ด หวี๊ด~~” ทันใดนั้นค้างคาวตัวนี้ก็ส่งเสียงขู่ออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นปีกทั้งสองข้างก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  มันกระแทกชนกับเพดานเหนือหัวของมัน ตึง! เกิดเสียงกระทบดังขึ้น เพดานด้านบนถูกค้างคาวตัวนี้กระแทกจนเกิดรูขนาดใหญ่ ค้างคาวตัวนี้ยังคงพุ่งทะลุเข้าไปอย่างรวดเร็วหลายร้อยเมตรและยังคงไม่หยุดการเคลื่อนไหว หลังจากนั้นก็ย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว มันบินเข้าไปภายในรูขนาดใหญ่นั้นที่ร่างแม่แบบทะลวงทิ้งไว้ หลังจากนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า

        ออกัสตินตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา และกระโดดขึ้นไปชั้นแล้วชั้นเล่าเพื่อตามมันออกไป

        ค้างคาวตัวนี้เด็ดเดี่ยวมาก แม้ว่ามันจะเห็นอะไรเป็นพิเศษมันก็ไม่ได้ติดตามไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่มันยังยืนหยัดในความตั้งใจเดิมของมันที่จะออกไปจากที่นี่!

        เมื่อรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่มันสามารถยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นภายในใจได้ ซึ่งหาได้ยากจากมนุษย์ รู้ไว้เถอะว่าหลายครั้งอันตรายโดยส่วนใหญ่เกิดมาจากความอยากรู้อยากเห็นทั้งนั้น

        ค้างคาวสามารถอดทนต่อความปรารถนาแบบนั้นได้และออกัสตินไม่ต้องการถูกเปรียบเทียบกับมันอย่างแน่นอน ออกัสตินยังเข้าใจว่าแม้ว่าแนวทางนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับบางสิ่ง แต่ในทำนองเดียวกันก็เป็นวิธีหลีกเลี่ยงโชคร้ายเช่นกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปตายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อย่างไรก็ตามแม้ว่า LV2 ทั้งสองนี้สามารถอดทนอดกลั้นได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำได้เช่นเดียวกับฉินเทียนเหอที่เพิ่งออกมาจากรังที่สอง

        ทิศทางนั้น ……… มีอะไรอย่างนั้นเหรอ ?

        ฉินเทียนเหอเกิดความลังเลใจเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนทิศทางหันไปทางเดินรังที่ 4 และวิ่งเข้าไป เขาไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะว่าร่างกายของเขาอยู่ในระดับ LV2  และในกลุ่มร่างทดลองทั้งหมดที่นี่เขาก็อยู่ในระดับสูงสุด

        ……….

        ระหว่างเส้นทางเข้ารังผึ้งที่ 4 ได้ปรากฏสัตว์ประหลาดที่ถูกผสานยีนทางพันธุกรรมขึ้น มันมีจำนวนมากกว่าเดิมที่รังผึ้งที่ 1 เป็นอย่างมาก สัตว์ประหลาดมากมายเหล่านี้มีดวงตาสีแดงแห่งนักฆ่า แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรับมือกับพวกมัน

        ความสับสน ในขณะที่ฝ่ายคู่ต่อสู้เกิดความสับสนงุนงงไป๋อี้ก็ใช้ทักษะการใช้ดาบที่ยอดเยี่ยมของเขา ไป๋อี้เป็นผู้นำและสัตว์ประหลาดที่เผชิญหน้ากับไป๋อี้นั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกมันไม่มีความสามารถที่จะต้านทานไป๋อี้ได้มากนัก ตอนที่พวกมันจะตาย พวกมันเหล่านี้ก็ถูกปลุกให้ตื่นจากความสับสนด้วยความเจ็บปวด กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งขึ้นมาเรื่อย ๆ กระตุ้นให้สัตว์ประหลาดทั้งหลายยิ่งต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมมากขึ้น

        “ไป๋อี้ วูล์ฟ” เฮลัวส์เอ่ยเตือนเขา

        ไป๋อี้หันกลับไปและเพิ่งจะพบว่าวูล์ฟในตอนนี้นี้มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นดวงตาสีแดงแห่งนักฆ่าอีกครั้ง อันที่จริง หลังจากที่ได้เข้าสู่ระยะโหดร้ายและป่าเถื่อนเเล้ว มันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะมีพฤติกรรมรุนแรงภายใต้สถานการณ์ของการต่อสู้และเห็นเลือดมากมายเช่นนี้ แต่โชคดีที่เฮลัวส์ให้ความสนใจกับวูล์ฟและสังเกตอาการได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไป๋อี้จึงมองกลับมาที่วูล์ฟทันที

        “วูล์ฟ .. มองมาที่ฉัน”

        หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไป๋อี้ วูล์ฟก็มองมาที่เขาในทันที สุดท้ายแล้ววูล์ฟในตอนนี้ยังไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง  ในขณะที่วูล์ฟกำลังหันศีรษะไปอีกทาง รูปแบบสีของดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ก็ปรากฏขึ้นมาในทันที ซึ่งนั่นเป็นการกล่อมประสาทแบบพิเศษ

        รูม่านตาจำลองธรรมชาติ —— การสะกดจิต!

        เงียบสงบ!

        ความดุร้ายในดวงตาของวูล์ฟค่อย ๆ คลี่คลายลง เขาขอโทษและยิ้มให้ไป๋อี้ ระหว่างทางทุกคนต้องเสียเวลาไปมากเพราะเขา มิฉะนั้นป่านนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ คงเข้าสู่รังที่ 4 จากทางเดินของห้องเครื่องอุปกรณ์หลักและคงไปถึงร่างแม่แบบตั้งนานแล้ว แต่วูล์ฟไม่ได้พูดอะไรมาก ไป๋อี้จะไม่ทิ้งเขาไว้ที่นี่คนเดียวอย่างแน่นอน ตราบที่เขาเก็บมันไว้ในใจก็พอ

        หลังจากที่วูล์ฟได้สงบลง กลุ่มของไป๋อี้ก็ยังคงต้องต่อสู้ต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเลี้ยวเข้าไปในทางเดินบนชั้น 4 ของรังที่ 4 ก็มีลิฟต์ขนาดใหญ่หนึ่งตัว ลิฟต์ตัวนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร ซึ่งนั่นแสดงว่าร่างแม่แบบก็ไม่ได้มีขนาดเล็ก จากที่ตรงนี้ไปก็จะสามารถเข้าถึงร่างแม่แบบได้

        “ขึ้นลิฟต์ไหม?” วูล์ฟถามออกมา

        ไป๋อี้ยังไม่ทันได้ตอบ ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงของตกแตกระเบิดอย่างรุนแรงจากข้างล่าง หลังจากนั้นไป๋อี้และคนอื่นก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากที่แห่งนี้ ดูราวกับว่ามันจะพังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาของไป๋อี้มองออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไม่ไกลออกไปนักมีหัวของปีศาจอสรพิษยักษ์ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีโผล่ขึ้นมา!

        สิ่งนี้เป็นผลิตผลที่บกพร่อง LV2.1 อย่างแน่นอน  แน่นอนว่านอกจากหัวที่มีความผิดปกติแล้ว ต้องมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอย่างแน่นอน

        เมื่อมองไปยังประตูทางเดินที่ทลายกำแพงออก วูล์ฟก็หยุดพูด ในเวลานี้เขากำลังจะขึ้นลิฟต์ แม่แบบร่างทดลองอยู่ข้างล่างลึกลงไปกว่า 500 เมตร หากลิฟต์เสียหายขณะใช้งาน พวกเขาชะตาขาดแน่ พวกเขาคงจะกลายเป็นคุกกี้ที่แหลกละเอียดอย่างแน่นอน แต่ประเด็นคือไม่มีบันไดสำหรับลงไปชั้นล่าง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+