[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 45 ยีนที่เป็นประโยชน์

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 45 ยีนที่เป็นประโยชน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อหงฉี่ฮว๋าเห็นสภาพไป๋อี้เป็นเช่นนี้ เธอก็รีบยืนขึ้นและพยักหน้าให้กับทุกคน

        “มีสถาบันวิจัยทั้งหมด 121 แห่งในนิวซีแลนด์และที่นั่นมีร่างทดลองมากกว่า 100,000 คน นี่คือข้อมูลที่มาร์ตินบอกกับทุกคน แม้ว่าจะมีร่างทดลองจากสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือและสถาบันวิจัยที่ใกล้เคียงเท่านั้นที่มีร่างทดลองหนีออกมา แต่ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าจะมีร่างทดลองจากสถาบันอื่น ๆ หลุดออกมาอีกหรือไม่ แน่นอนว่ามันต้องหลุดออกมาอีกแน่ ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่เท่านั่นเอง”

        “นอกจากนี้ร่างทดลองเป็นเพียงมูลเหตุหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าผลที่ตามมามันจะรุนแรงแต่ก็มีเพียง 100,000 กว่าร่างทดลองเท่านั้นเมื่อเทียบกับผลกระทบที่รุนแรงอย่างแท้จริงนั่นคือระบบนิเวศของนิวซีแลนด์ทั้งหมด ตอนนี้เรายังอยู่ในสังคมมนุษย์และเพิ่งเกิดเรื่องนี้ขึ้นในเวลาไม่นาน ดังนั้นเราจึงยังมองการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างไม่ออก ฉันเกรงว่าในสถานที่ที่มนุษย์เข้าไม่ถึง สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติเหล่านั้นได้เริ่มเลือกทางเลือกของชีวิตว่าจะอยู่หรือตายอย่างโหดร้ายทารุณ แล้วผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะรอดชีวิต ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็ต้องกลายเป็นเหยื่อของสัตว์อื่น ๆ” หงฉี่ฮว๋าพูดและทันใดนั้นเองเธอก็แยกเขี้ยวออกมา

        หงฉี่ฮว๋าส่งเสียงขู่แยกเขี้ยวออกมาทำให้ผู้หญิงหลายคนที่ได้ยินตกอกตกใจกันถ้วนหน้า หงฉี่ฮว๋ายังไม่ได้พูดถึงการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตชนิดใด ๆ เธอเริ่มพูดถึงอิทธิพลของเรื่องนี้ที่มีผลกระทบก่อน นั่นทำให้ทุกคนเป็นกังวลยิ่งขึ้นไปอีก

        “ฉี่ฮว๋า เธออย่าจงใจทำให้คนอื่นตกใจได้ไหม” ซาร่าตบหน้าอกของเธอเบา ๆ ด้วยความตกใจ เธอสั่นตัวสะบัดคลายความตกใจได้เล็กน้อย

        “ฉันไม่ได้จะทำให้ตกใจ จากข้างต้นพวกเราก็ไม่ต่างจากร่างทดลองพวกนั้นสักเท่าไหร่ คุณต้องเพิ่มความดุร้ายถ้ายังอยากมีชีวิตรอด เราต้องพึ่งพาศักยภาพของตัวเอง” หงฉี่ฮว๋าเผยรอยยิ้มออกมาจากนั้นก็เริ่มพูดเข้าประเด็นต่อ

        “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเราได้ทำการจำแนกประเภทของยีนโดยคร่าว ๆ ซึ่งไม่ใช่การจำแนกทางชีววิทยาตามปกติแต่เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง …. พละกำลังอันทรงพลัง ความคล่องแคล่วว่องไว การมองเห็นที่ชัดเจน ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย ความสามารถในการบินหลบหลีก ความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันสารพิษ ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางน้ำ และความสามารถพิเศษอื่น ๆ ……” หงฉี่ฮว๋าพูดพลางหยิบชอล์กขึ้นมาเขียนบนกระดานดำ

        “มีสิ่งมีชีวิตประมาณ 2.5 ล้านชนิดที่บันทึกไว้ในชีวมณฑล ซึ่งจำแนกเป็นสัตว์ไว้ประมาณ 2 ล้านชนิด พืชประมาณ 340,000 ชนิด และจุลินทรีย์ประมาณ 37,000 ชนิด ประการแรกเราจะไม่หมายรวมถึงจุลินทรีย์ เนื่องจากจุลินทรีย์มีอยู่ทุกที่ในส่วนต่าง ๆ ของระบบนิเวศ หากมันสามารถผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้จริง มันก็ต้องเกิดการวิวัฒนาการเปลี่ยนรูปร่างตั้งนานแล้ว” หงฉี่ฮว๋ากล่าวขณะจัดหมวดหมู่บนกระดานดำให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น

        “ประการที่สอง แม้ว่าจะมีสัตว์อยู่หลายล้านชนิด แต่สิ่งมีชีวิตที่เรามองไม่เห็นจะถูกแยกออกเพราะในสถานการณ์ปัจจุบันของเราทำให้เราไม่สามารถแตะต้องหรือสัมผัสมันได้ ส่วนที่เหลือทางเลือกที่ดีที่สุดคือเลือกสัตว์หรือแมลงบางชนิดที่มีความสามารถพิเศษ” หงฉี่ฮว๋ายืนอยู่บนแท่นและพูดอย่างไหลลื่น

        ขณะนี้ทุกคนถูกดึงดูดโดยหงฉี่ฮว๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        หงฉี่ฮว๋าคนเดิมมักจะสวมแว่นตาหนาเตอะปกปิดใบหน้าเกือบครึ่งหนึ่งของเธอ นั่นทำให้เธอดูเชยมาก และหงฉี่ฮว๋าเองก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนักในมหาวิทยาลัย เธอจึงถูกละเลยอยู่เสมอ แต่ทว่าตอนนี้หลังจากที่หงฉี่ฮว๋าถอดแว่นออก นั่นไม่เพียงแต่เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอเท่านั้น แต่นิสัยที่แท้จริงของเธอก็ค่อย ๆ เผยออกมาให้เห็น ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก …… นั่นจึงทำให้เธอมีแรงดึงดูดที่ทรงพลัง

        “ฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับการผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตและได้ข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น โดยมีการแบ่งประเภทอย่างง่าย ๆ หากใครมีความคิดเห็นเพิ่มเติมก็สามารถนำเสนอได้” ที่นี่ไม่มีหน้าจออิเล็กทรอนิกส์แต่ยังมีกระดานดำ ซึ่งก็ดูจะสะดวกกว่าด้วยซ้ำ ทุกคนนั่งเงียบ ๆ ตามที่นั่งของพวกเขาโดยมีข้อมูลที่หงฉี่ฮว๋าเขียนไว้อยู่เบื้องหน้า

        ใช้เวลาเพียงไม่นานหงฉี่ฮว๋าก็เขียนแสดงรายการหลายประเภทลงบนกระดานดำเสร็จ จากนั้นเธอก็หันไปมองทุกคน ในเวลานี้ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลต่าง ๆ บนกระดานดำขนาดเล็ก ตัวหนังสือของหงฉี่ฮว๋านั้นสวยงามมาก แม้จะไม่ใช้รูปแบบตัวหนังสือเหมือนในหนังสือแต่ทว่าดูสวยงามเป็นระเบียบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญไม่ใช่รูปแบบตัวหนังสือแต่เป็นข้อมูลเนื้อหา

        1.พละกำลังอันทรงพลัง คือ พละกำลังขั้นพื้นฐานที่สุดที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ

        มด เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมาก แต่ถ้าดูจากการเปรียบเทียบขนาดร่างกายของพวกมันกับพละกำลังของมัน จะเห็นได้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในชีวมณฑลที่จะมีพละกำลังอันทรงพลังเท่ามดอีกแล้ว และมดยังเป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ง่ายอีกด้วย

        แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการพูดในเชิงทฤษฎีเท่านั้น ถ้าหากร่างกายมีขนาดเท่ากัน พละกำลังของมดนั้นจะเป็นพลังที่ไม่มีอะไรเทียบได้ แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ยีนถูกผสานรวมกัน ดังนั้นเราจะพิจารณาเป้าหมายจากสิ่งมีชีวิตที่มีพละกำลังมากในธรรมชาติ

        ช้างและวาฬ พวกมันเป็นสัตว์ที่มีพื้นฐานร่างกายที่ใหญ่โตและมีพละกำลังอันทรงพลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นพลังที่แท้จริงตามธรรมชาติ

 

        2.ความคล่องแคล่วว่องไว สามารถแบ่งออกได้เป็นสองด้าน คือ ความเร็วภาคพื้นดินและความเร็วในการบิน ท้ายที่สุดผลลัพธ์จากการปรึกษาหารือกันระหว่างไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าก็สามารถสรุปได้ว่าควรยึดเอาความคล่องตัวภาคพื้นดินเป็นหลัก เนื่องจากความเร็วเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ การมีความคล่องตัวจะส่งผลดีกว่า และสำหรับการคัดเลือกสิ่งมีชีวิตที่คล่องแคล่วว่องไวนั้นมีให้เลือกหลากหลายด้วยกัน

        หมัด การตอบสนองของมันว่องไวมาก เมื่อพบกับอันตรายมันสามารถกระโดดหนีออกมาได้ภายใน 0.7~1.2 มิลลิวินาที

        นกฮัมมิ่งเบิร์ด เป็นสัตว์ที่ใช้เวลาเพียง 8 มิลลิวินาทีในการหดกล้ามเนื้อเพื่อใช้ในการบิน

        เสือดาว มันมีความเร็วในการวิ่งในภาคพื้นมากแต่ไม่เหมาะสมในการเลือกเท่าไรนัก เนื่องจากสาเหตุที่เสือดาววิ่งได้เร็วนั้นเป็นผลมาจากรูปร่างของมัน

        3.ประสาทสัมผัสทั้งห้า กล่าวคือประสาทสัมผัสในการมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น การสัมผัส และการรับรส

        1.ประการแรก คือ การมองเห็น โดยปกติแล้วมนุษย์มีข้อบกพร่องในการจับตามองวัตถุแบบไดนามิก หากต้องการยกระดับอย่างแท้จริง วิสัยทัศน์จะเป็นจุดที่สำคัญมาก โดยทั่วไปแล้วสัตว์ที่มีดวงตาจะมีการมองเห็นแบบไดนามิกที่ชัดเจน เช่น …… แมลงวัน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่การมองเห็นแบบไดนามิกเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการมองเห็นช่วงเวลากลางคืนด้วย

        แมลงปอผีเสื้อ โดยพื้นฐานแล้วแมลงมีการมองเห็นแบบไดนามิกที่ดี แน่นอนว่าทำให้ไม่จำเป็นต้องเลือกแมลงวัน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยง

        นกฮูกและแมว แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็มีความสามารถในการมองเห็นช่วงเวลากลางคืนเช่นกัน แต่เมื่อพิจารณาถึงสัตว์ที่พบเจอได้ทั่วไปและเข้าถึงได้ง่าย แมวจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

        นกอีแร้ง สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มองเหยื่อที่ระดับความสูงหลายกิโลเมตร จากนั้นมันจึงพุ่งดิ่งลงมาหาเหยื่อได้อย่างแม่นยำ โดยมันมีความสามารถในการมองเห็นระยะไกลที่แม่นยำเป็นอย่างมาก

        2.ประการที่สอง คือ ความสามารถในการได้ยิน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะบกพร่องในการมองเห็น

        ค้างคาว พวกมันสามารถรับคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิคได้ดี แต่ถึงแม้ค้างคาวจะมีความสามารถด้านการได้ยินแต่สายตาของมันแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะตาบอดหากผสานรวมกับยีนของค้างคาวก็เป็นได้ ดังนั้นจึงไม่ควรเลือกค้างคาว

        แมวและหมา มีความสามารถในการได้ยินที่ดีและยังสามารถตรวจจับสิ่งที่อันตรายได้

        3.การดมกลิ่น

        4.การสัมผัส

        5.การรับรส

        กล่าวได้ว่าประสาทสัมผัสสามอย่างสุดท้ายนั้นตอบสนองต่อสถานการณ์ที่อันตรายได้ไม่มากนัก นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากก็ล้วนมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ดีมากทั้งสิ้น อย่างน้อยพวกมันก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ ดังนั้นจึงไม่ได้ยกตัวอย่างขึ้นมา

        4.ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย สัตว์หลายชนิดมีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายแต่ส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำ ดังนั้นอย่าคาดหวังมากเกินไปเพราะไม่มีการฟื้นฟูที่เร็วเกินไปเหมือนในการ์ตูนและนิยาย

        จิ้งจก เป็นที่รู้กันดีว่ามันสามารถงอกหางที่ขาดขึ้นมาใหม่ได้

        ปลาม้าลาย มันสามารถฟื้นฟูสร้างครีบเกล็ดไขสันหลังและส่วนหนึ่งของหัวใจได้ (เป็นปลาที่มีอวัยวะคล้ายคลึงกับมนุษย์)

        ปลิงทะเล การตัดปลิงทะเลออกเล็กน้อยสามารถสร้างปลิงทะเลตัวใหม่ขึ้นมาได้ ความสามารถนี้จะคล้ายกับการโคลนนิ่ง

        แมงมุม มันสามารถงอกขาที่หักขึ้นมาใหม่ได้

        อันที่จริงเมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวของวูล์ฟและชาร์ไป่แล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเซลล์ดัดแปลงนั้นมีความสามารถในการฟื้นฟูที่ดีทีเดียว แน่นอนว่าที่สำคัญคือต้องได้รับอาหารและพลังงานที่เพียงพอ

        5.ความสามารถในการบิน สามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตอันตรายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งความสามารถในการบินขึ้นที่สูงและการบินหลบหลีกอันตรายได้อย่างรวดเร็ว

        เหยี่ยวเพเรกริน เป็นนกที่บินได้เร็วที่สุด ความเร็วสูงสุดของมัน คือ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

        อีแร้ง สิ่งมีชีวิตชนิดนี้สามารถมองเห็นเหยื่อได้ในระดับความสูงหลายพันเมตร จากนั้นก็พุ่งดิ่งลงไปหาเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว มันไม่เพียงแต่สามารถบินได้แต่ยังมีความสามารถในการมองเห็นระยะไกลที่แม่นยำมากด้วย

        แมลงวัน สาเหตุที่ยกแมลงวันมาพูดเป็นเพราะความคล่องแคล่วของมัน นอกจากนี้มันยังมีมุมมองวิสัยทัศน์แบบไดนามิกด้วย กล่าวคือแม้ว่าสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงชนิดนี้ที่ผู้คนต่างรังเกียจ แต่กลับมีลักษณะบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก

        อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อาจไม่เหมาะสมนัก เนื่องจากความเร็วของพวกมันมีความสัมพันธ์อย่างมากกับขนาดตัว มนุษย์อาจไม่สามารถมีความสามารถในการบินที่ทรงพลังเช่นนี้ได้จากการผสานรวมยีนกับพวกมัน

        6.ความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันสารพิษ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดมีภูมิคุ้มกันสารพิษ แต่จะสามารถคุ้มกันสารพิษได้แค่เพียงบางชนิดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น งูจงอางมีภูมิคุ้มกันต่อพิษของงูหางกระดิ่งและงูคอปเปอร์เฮด ดังนั้นงูจงอางจึงสามารถกินงูสองชนิดนี้เป็นอาหารได้

        7.ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางน้ำ ตราบใดที่มันเป็นสิ่งมีชีวิตในน้ำจะเห็นได้ชัดว่าเป็นความสามารถโดยปกติของมันอยู่แล้ว แต่ถ้าสรุปรวมจากเงื่อนไขข้างต้นแล้วเห็นได้ชัดว่าปลาสวยงามนั้นไม่เหมาะสมที่จะเลือก แต่ปลาหมึกยักษ์นั้นเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว

        8.ความสามารถพิเศษอื่น ๆ เช่น ใยของแมงมุม พิษของงู ความสามารถของแมลงเม่าในการคลานบนน้ำ

        หลังจากที่หงฉี่ฮว๋าเขียนเสร็จ ทุกคนก็อ่านข้อมูลบนกระดาน นั่นทำให้พวกเขาจิตหลุดไปชั่วขณะ มนุษย์จะสามารถรับความสามารถพิเศษเหล่านั้นผ่านการผสานรวมยีนได้หรือไม่?

        “แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสภาพการณ์ในอุดมคติ แต่อันที่จริงแล้วการผสานรวมยีนไม่สามารถแบ่งออกได้ตามกฎง่าย ๆ แบบนี้ ฉันถามมาร์ตินมาแล้ว สถาบันวิจัยหลายแห่งนอกเหนือจากการศึกษาการมีชีวิตอมตะแล้ว นอกจากนี้ก็กำลังค้นคว้าสรุปผลกฎของการผสานยีนด้วยเช่นกัน อันที่จริงการนำเอายีนที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในเชิงทฤษฎีมาใช้ในการผสานรวมยีนนั้นไม่ใช่ความคิดที่น่าประหลาดใจนัก สถาบันวิจัยเองก็ได้ทำการทดลองมาแล้ว” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

        “แล้วผลเป็นอย่างไร?” ทุกคนถามด้วยความกังวล

        “ผลที่ได้ไม่ดีอย่างที่คิด” หงฉี่ฮว๋าเงียบลงเล็กน้อย

        “ทำไมล่ะ?” ทุกคนมีเต็มไปด้วยความสงสัย หงฉี่ฮว๋าเพิ่งวาดภาพถึงความคาดหวังอันทรงพลังสำหรับพวกเขาแท้ ๆ แต่ในพริบตาเธอก็บอกว่าผลลัพธ์ไม่ดีนัก ซึ่งนั่นทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกร้ายจริงๆ

        “ฉันจะพูดเอง” มาร์ตินลุกขึ้นยืน ทุกคนมองมาที่มาร์ตินทันที ในหมู่พวกเขามีเพียงมาร์ตินเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้มากที่สุด แม้ว่ามาร์ตินจะไม่ได้เป็นนักวิจัยหลักแต่เขาก็ยังดีกว่ากลุ่มคนที่ไม่รู้อะไรเลย

        “การทดลองในสถาบันวิจัยแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็นสี่ระดับตามศักยภาพของร่างกาย”

        สี่ระดับ!

 

                                                ————————

                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                   https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 45 ยีนที่เป็นประโยชน์

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 45 ยีนที่เป็นประโยชน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อหงฉี่ฮว๋าเห็นสภาพไป๋อี้เป็นเช่นนี้ เธอก็รีบยืนขึ้นและพยักหน้าให้กับทุกคน

        “มีสถาบันวิจัยทั้งหมด 121 แห่งในนิวซีแลนด์และที่นั่นมีร่างทดลองมากกว่า 100,000 คน นี่คือข้อมูลที่มาร์ตินบอกกับทุกคน แม้ว่าจะมีร่างทดลองจากสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือและสถาบันวิจัยที่ใกล้เคียงเท่านั้นที่มีร่างทดลองหนีออกมา แต่ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าจะมีร่างทดลองจากสถาบันอื่น ๆ หลุดออกมาอีกหรือไม่ แน่นอนว่ามันต้องหลุดออกมาอีกแน่ ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่เท่านั่นเอง”

        “นอกจากนี้ร่างทดลองเป็นเพียงมูลเหตุหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าผลที่ตามมามันจะรุนแรงแต่ก็มีเพียง 100,000 กว่าร่างทดลองเท่านั้นเมื่อเทียบกับผลกระทบที่รุนแรงอย่างแท้จริงนั่นคือระบบนิเวศของนิวซีแลนด์ทั้งหมด ตอนนี้เรายังอยู่ในสังคมมนุษย์และเพิ่งเกิดเรื่องนี้ขึ้นในเวลาไม่นาน ดังนั้นเราจึงยังมองการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างไม่ออก ฉันเกรงว่าในสถานที่ที่มนุษย์เข้าไม่ถึง สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติเหล่านั้นได้เริ่มเลือกทางเลือกของชีวิตว่าจะอยู่หรือตายอย่างโหดร้ายทารุณ แล้วผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะรอดชีวิต ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็ต้องกลายเป็นเหยื่อของสัตว์อื่น ๆ” หงฉี่ฮว๋าพูดและทันใดนั้นเองเธอก็แยกเขี้ยวออกมา

        หงฉี่ฮว๋าส่งเสียงขู่แยกเขี้ยวออกมาทำให้ผู้หญิงหลายคนที่ได้ยินตกอกตกใจกันถ้วนหน้า หงฉี่ฮว๋ายังไม่ได้พูดถึงการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตชนิดใด ๆ เธอเริ่มพูดถึงอิทธิพลของเรื่องนี้ที่มีผลกระทบก่อน นั่นทำให้ทุกคนเป็นกังวลยิ่งขึ้นไปอีก

        “ฉี่ฮว๋า เธออย่าจงใจทำให้คนอื่นตกใจได้ไหม” ซาร่าตบหน้าอกของเธอเบา ๆ ด้วยความตกใจ เธอสั่นตัวสะบัดคลายความตกใจได้เล็กน้อย

        “ฉันไม่ได้จะทำให้ตกใจ จากข้างต้นพวกเราก็ไม่ต่างจากร่างทดลองพวกนั้นสักเท่าไหร่ คุณต้องเพิ่มความดุร้ายถ้ายังอยากมีชีวิตรอด เราต้องพึ่งพาศักยภาพของตัวเอง” หงฉี่ฮว๋าเผยรอยยิ้มออกมาจากนั้นก็เริ่มพูดเข้าประเด็นต่อ

        “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเราได้ทำการจำแนกประเภทของยีนโดยคร่าว ๆ ซึ่งไม่ใช่การจำแนกทางชีววิทยาตามปกติแต่เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง …. พละกำลังอันทรงพลัง ความคล่องแคล่วว่องไว การมองเห็นที่ชัดเจน ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย ความสามารถในการบินหลบหลีก ความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันสารพิษ ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางน้ำ และความสามารถพิเศษอื่น ๆ ……” หงฉี่ฮว๋าพูดพลางหยิบชอล์กขึ้นมาเขียนบนกระดานดำ

        “มีสิ่งมีชีวิตประมาณ 2.5 ล้านชนิดที่บันทึกไว้ในชีวมณฑล ซึ่งจำแนกเป็นสัตว์ไว้ประมาณ 2 ล้านชนิด พืชประมาณ 340,000 ชนิด และจุลินทรีย์ประมาณ 37,000 ชนิด ประการแรกเราจะไม่หมายรวมถึงจุลินทรีย์ เนื่องจากจุลินทรีย์มีอยู่ทุกที่ในส่วนต่าง ๆ ของระบบนิเวศ หากมันสามารถผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้จริง มันก็ต้องเกิดการวิวัฒนาการเปลี่ยนรูปร่างตั้งนานแล้ว” หงฉี่ฮว๋ากล่าวขณะจัดหมวดหมู่บนกระดานดำให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น

        “ประการที่สอง แม้ว่าจะมีสัตว์อยู่หลายล้านชนิด แต่สิ่งมีชีวิตที่เรามองไม่เห็นจะถูกแยกออกเพราะในสถานการณ์ปัจจุบันของเราทำให้เราไม่สามารถแตะต้องหรือสัมผัสมันได้ ส่วนที่เหลือทางเลือกที่ดีที่สุดคือเลือกสัตว์หรือแมลงบางชนิดที่มีความสามารถพิเศษ” หงฉี่ฮว๋ายืนอยู่บนแท่นและพูดอย่างไหลลื่น

        ขณะนี้ทุกคนถูกดึงดูดโดยหงฉี่ฮว๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        หงฉี่ฮว๋าคนเดิมมักจะสวมแว่นตาหนาเตอะปกปิดใบหน้าเกือบครึ่งหนึ่งของเธอ นั่นทำให้เธอดูเชยมาก และหงฉี่ฮว๋าเองก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนักในมหาวิทยาลัย เธอจึงถูกละเลยอยู่เสมอ แต่ทว่าตอนนี้หลังจากที่หงฉี่ฮว๋าถอดแว่นออก นั่นไม่เพียงแต่เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอเท่านั้น แต่นิสัยที่แท้จริงของเธอก็ค่อย ๆ เผยออกมาให้เห็น ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก …… นั่นจึงทำให้เธอมีแรงดึงดูดที่ทรงพลัง

        “ฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับการผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตและได้ข้อมูลที่ละเอียดมากขึ้น โดยมีการแบ่งประเภทอย่างง่าย ๆ หากใครมีความคิดเห็นเพิ่มเติมก็สามารถนำเสนอได้” ที่นี่ไม่มีหน้าจออิเล็กทรอนิกส์แต่ยังมีกระดานดำ ซึ่งก็ดูจะสะดวกกว่าด้วยซ้ำ ทุกคนนั่งเงียบ ๆ ตามที่นั่งของพวกเขาโดยมีข้อมูลที่หงฉี่ฮว๋าเขียนไว้อยู่เบื้องหน้า

        ใช้เวลาเพียงไม่นานหงฉี่ฮว๋าก็เขียนแสดงรายการหลายประเภทลงบนกระดานดำเสร็จ จากนั้นเธอก็หันไปมองทุกคน ในเวลานี้ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ข้อมูลต่าง ๆ บนกระดานดำขนาดเล็ก ตัวหนังสือของหงฉี่ฮว๋านั้นสวยงามมาก แม้จะไม่ใช้รูปแบบตัวหนังสือเหมือนในหนังสือแต่ทว่าดูสวยงามเป็นระเบียบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญไม่ใช่รูปแบบตัวหนังสือแต่เป็นข้อมูลเนื้อหา

        1.พละกำลังอันทรงพลัง คือ พละกำลังขั้นพื้นฐานที่สุดที่สามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ

        มด เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมาก แต่ถ้าดูจากการเปรียบเทียบขนาดร่างกายของพวกมันกับพละกำลังของมัน จะเห็นได้ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในชีวมณฑลที่จะมีพละกำลังอันทรงพลังเท่ามดอีกแล้ว และมดยังเป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ง่ายอีกด้วย

        แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการพูดในเชิงทฤษฎีเท่านั้น ถ้าหากร่างกายมีขนาดเท่ากัน พละกำลังของมดนั้นจะเป็นพลังที่ไม่มีอะไรเทียบได้ แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ยีนถูกผสานรวมกัน ดังนั้นเราจะพิจารณาเป้าหมายจากสิ่งมีชีวิตที่มีพละกำลังมากในธรรมชาติ

        ช้างและวาฬ พวกมันเป็นสัตว์ที่มีพื้นฐานร่างกายที่ใหญ่โตและมีพละกำลังอันทรงพลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นพลังที่แท้จริงตามธรรมชาติ

 

        2.ความคล่องแคล่วว่องไว สามารถแบ่งออกได้เป็นสองด้าน คือ ความเร็วภาคพื้นดินและความเร็วในการบิน ท้ายที่สุดผลลัพธ์จากการปรึกษาหารือกันระหว่างไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าก็สามารถสรุปได้ว่าควรยึดเอาความคล่องตัวภาคพื้นดินเป็นหลัก เนื่องจากความเร็วเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ การมีความคล่องตัวจะส่งผลดีกว่า และสำหรับการคัดเลือกสิ่งมีชีวิตที่คล่องแคล่วว่องไวนั้นมีให้เลือกหลากหลายด้วยกัน

        หมัด การตอบสนองของมันว่องไวมาก เมื่อพบกับอันตรายมันสามารถกระโดดหนีออกมาได้ภายใน 0.7~1.2 มิลลิวินาที

        นกฮัมมิ่งเบิร์ด เป็นสัตว์ที่ใช้เวลาเพียง 8 มิลลิวินาทีในการหดกล้ามเนื้อเพื่อใช้ในการบิน

        เสือดาว มันมีความเร็วในการวิ่งในภาคพื้นมากแต่ไม่เหมาะสมในการเลือกเท่าไรนัก เนื่องจากสาเหตุที่เสือดาววิ่งได้เร็วนั้นเป็นผลมาจากรูปร่างของมัน

        3.ประสาทสัมผัสทั้งห้า กล่าวคือประสาทสัมผัสในการมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น การสัมผัส และการรับรส

        1.ประการแรก คือ การมองเห็น โดยปกติแล้วมนุษย์มีข้อบกพร่องในการจับตามองวัตถุแบบไดนามิก หากต้องการยกระดับอย่างแท้จริง วิสัยทัศน์จะเป็นจุดที่สำคัญมาก โดยทั่วไปแล้วสัตว์ที่มีดวงตาจะมีการมองเห็นแบบไดนามิกที่ชัดเจน เช่น …… แมลงวัน แน่นอนว่าไม่ใช่แค่การมองเห็นแบบไดนามิกเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการมองเห็นช่วงเวลากลางคืนด้วย

        แมลงปอผีเสื้อ โดยพื้นฐานแล้วแมลงมีการมองเห็นแบบไดนามิกที่ดี แน่นอนว่าทำให้ไม่จำเป็นต้องเลือกแมลงวัน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยง

        นกฮูกและแมว แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็มีความสามารถในการมองเห็นช่วงเวลากลางคืนเช่นกัน แต่เมื่อพิจารณาถึงสัตว์ที่พบเจอได้ทั่วไปและเข้าถึงได้ง่าย แมวจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

        นกอีแร้ง สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มองเหยื่อที่ระดับความสูงหลายกิโลเมตร จากนั้นมันจึงพุ่งดิ่งลงมาหาเหยื่อได้อย่างแม่นยำ โดยมันมีความสามารถในการมองเห็นระยะไกลที่แม่นยำเป็นอย่างมาก

        2.ประการที่สอง คือ ความสามารถในการได้ยิน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะบกพร่องในการมองเห็น

        ค้างคาว พวกมันสามารถรับคลื่นเสียงอัลตร้าโซนิคได้ดี แต่ถึงแม้ค้างคาวจะมีความสามารถด้านการได้ยินแต่สายตาของมันแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะตาบอดหากผสานรวมกับยีนของค้างคาวก็เป็นได้ ดังนั้นจึงไม่ควรเลือกค้างคาว

        แมวและหมา มีความสามารถในการได้ยินที่ดีและยังสามารถตรวจจับสิ่งที่อันตรายได้

        3.การดมกลิ่น

        4.การสัมผัส

        5.การรับรส

        กล่าวได้ว่าประสาทสัมผัสสามอย่างสุดท้ายนั้นตอบสนองต่อสถานการณ์ที่อันตรายได้ไม่มากนัก นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากก็ล้วนมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ดีมากทั้งสิ้น อย่างน้อยพวกมันก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ ดังนั้นจึงไม่ได้ยกตัวอย่างขึ้นมา

        4.ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย สัตว์หลายชนิดมีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายแต่ส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำ ดังนั้นอย่าคาดหวังมากเกินไปเพราะไม่มีการฟื้นฟูที่เร็วเกินไปเหมือนในการ์ตูนและนิยาย

        จิ้งจก เป็นที่รู้กันดีว่ามันสามารถงอกหางที่ขาดขึ้นมาใหม่ได้

        ปลาม้าลาย มันสามารถฟื้นฟูสร้างครีบเกล็ดไขสันหลังและส่วนหนึ่งของหัวใจได้ (เป็นปลาที่มีอวัยวะคล้ายคลึงกับมนุษย์)

        ปลิงทะเล การตัดปลิงทะเลออกเล็กน้อยสามารถสร้างปลิงทะเลตัวใหม่ขึ้นมาได้ ความสามารถนี้จะคล้ายกับการโคลนนิ่ง

        แมงมุม มันสามารถงอกขาที่หักขึ้นมาใหม่ได้

        อันที่จริงเมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวของวูล์ฟและชาร์ไป่แล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเซลล์ดัดแปลงนั้นมีความสามารถในการฟื้นฟูที่ดีทีเดียว แน่นอนว่าที่สำคัญคือต้องได้รับอาหารและพลังงานที่เพียงพอ

        5.ความสามารถในการบิน สามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตอันตรายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งความสามารถในการบินขึ้นที่สูงและการบินหลบหลีกอันตรายได้อย่างรวดเร็ว

        เหยี่ยวเพเรกริน เป็นนกที่บินได้เร็วที่สุด ความเร็วสูงสุดของมัน คือ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

        อีแร้ง สิ่งมีชีวิตชนิดนี้สามารถมองเห็นเหยื่อได้ในระดับความสูงหลายพันเมตร จากนั้นก็พุ่งดิ่งลงไปหาเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว มันไม่เพียงแต่สามารถบินได้แต่ยังมีความสามารถในการมองเห็นระยะไกลที่แม่นยำมากด้วย

        แมลงวัน สาเหตุที่ยกแมลงวันมาพูดเป็นเพราะความคล่องแคล่วของมัน นอกจากนี้มันยังมีมุมมองวิสัยทัศน์แบบไดนามิกด้วย กล่าวคือแม้ว่าสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงชนิดนี้ที่ผู้คนต่างรังเกียจ แต่กลับมีลักษณะบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก

        อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อาจไม่เหมาะสมนัก เนื่องจากความเร็วของพวกมันมีความสัมพันธ์อย่างมากกับขนาดตัว มนุษย์อาจไม่สามารถมีความสามารถในการบินที่ทรงพลังเช่นนี้ได้จากการผสานรวมยีนกับพวกมัน

        6.ความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกันสารพิษ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดมีภูมิคุ้มกันสารพิษ แต่จะสามารถคุ้มกันสารพิษได้แค่เพียงบางชนิดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น งูจงอางมีภูมิคุ้มกันต่อพิษของงูหางกระดิ่งและงูคอปเปอร์เฮด ดังนั้นงูจงอางจึงสามารถกินงูสองชนิดนี้เป็นอาหารได้

        7.ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางน้ำ ตราบใดที่มันเป็นสิ่งมีชีวิตในน้ำจะเห็นได้ชัดว่าเป็นความสามารถโดยปกติของมันอยู่แล้ว แต่ถ้าสรุปรวมจากเงื่อนไขข้างต้นแล้วเห็นได้ชัดว่าปลาสวยงามนั้นไม่เหมาะสมที่จะเลือก แต่ปลาหมึกยักษ์นั้นเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว

        8.ความสามารถพิเศษอื่น ๆ เช่น ใยของแมงมุม พิษของงู ความสามารถของแมลงเม่าในการคลานบนน้ำ

        หลังจากที่หงฉี่ฮว๋าเขียนเสร็จ ทุกคนก็อ่านข้อมูลบนกระดาน นั่นทำให้พวกเขาจิตหลุดไปชั่วขณะ มนุษย์จะสามารถรับความสามารถพิเศษเหล่านั้นผ่านการผสานรวมยีนได้หรือไม่?

        “แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสภาพการณ์ในอุดมคติ แต่อันที่จริงแล้วการผสานรวมยีนไม่สามารถแบ่งออกได้ตามกฎง่าย ๆ แบบนี้ ฉันถามมาร์ตินมาแล้ว สถาบันวิจัยหลายแห่งนอกเหนือจากการศึกษาการมีชีวิตอมตะแล้ว นอกจากนี้ก็กำลังค้นคว้าสรุปผลกฎของการผสานยีนด้วยเช่นกัน อันที่จริงการนำเอายีนที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในเชิงทฤษฎีมาใช้ในการผสานรวมยีนนั้นไม่ใช่ความคิดที่น่าประหลาดใจนัก สถาบันวิจัยเองก็ได้ทำการทดลองมาแล้ว” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

        “แล้วผลเป็นอย่างไร?” ทุกคนถามด้วยความกังวล

        “ผลที่ได้ไม่ดีอย่างที่คิด” หงฉี่ฮว๋าเงียบลงเล็กน้อย

        “ทำไมล่ะ?” ทุกคนมีเต็มไปด้วยความสงสัย หงฉี่ฮว๋าเพิ่งวาดภาพถึงความคาดหวังอันทรงพลังสำหรับพวกเขาแท้ ๆ แต่ในพริบตาเธอก็บอกว่าผลลัพธ์ไม่ดีนัก ซึ่งนั่นทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ตลกร้ายจริงๆ

        “ฉันจะพูดเอง” มาร์ตินลุกขึ้นยืน ทุกคนมองมาที่มาร์ตินทันที ในหมู่พวกเขามีเพียงมาร์ตินเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้มากที่สุด แม้ว่ามาร์ตินจะไม่ได้เป็นนักวิจัยหลักแต่เขาก็ยังดีกว่ากลุ่มคนที่ไม่รู้อะไรเลย

        “การทดลองในสถาบันวิจัยแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็นสี่ระดับตามศักยภาพของร่างกาย”

        สี่ระดับ!

 

                                                ————————

                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                   https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+