[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 40 ไล่ออกไป

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 40 ไล่ออกไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

        หลังจากการต่อสู้ระหว่างไป๋อี้และหยูหาน บรรยากาศในฐานใต้ดินเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ดูแปลกมากยิ่งขึ้น หยูหานไม่ได้ยอมรับผิดอะไรโดยตรง วันนั้นเขาแพ้ให้กับไป๋อี้ก็จริง แต่ตราบใดที่หัวไม่ทึบเกินไปทุกคนก็จะรู้ว่าหยูหานหมายถึงอะไร คนที่เคยอยู่ฝั่งหยูหานก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร

        โกรธไหม แน่นอนว่าต้องโกรธ แต่สิ่งที่มีมากกว่านั่นก็คือความเสียใจ เสียใจในตัวเอง!

        ฉินข่ายรุ่ยมาหาหยูหานเพียงครั้งเดียว แต่ความกล้าของเขาก็หายไปภายใต้การจ้องมองของรูม่านตางูที่เยือกเย็นและเย็นชาของหยูหาน ตอนนี้หยูหานได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยทั่วไปแทบไม่สามารถขยับได้ ในเวลานั้นหงฉี่ฮว๋าก็ปรากฏตัวขึ้นและฉินข่ายรุ่ยก็ใช้โอกาสนี้จากมาด้วยท่าทางที่สิ้นหวัง สุดท้ายก็ไม่กล้าทำอะไร

        หยูหานมองไปที่หงฉี่ฮว๋า เธอยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกที่ตรงไปตรงมา เมื่อเทียบกับหนิงเสวี่ยและไต้ยู่เหยาแล้ว หงฉี่ฮว๋าก็เหมือนต้นสนซีดาร์ที่โอหังและถือดี เป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ไม่หวังพึ่งคนอื่น หรือนั่นก็คือทุกลมหายใจของหงฉี่ฮว๋าแข็งแกร่ง เป็นอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับใคร และไม่ตามใจ

        น่าเสียดายที่ผู้หญิงอย่างเธอ …… ไม่ได้อยู่ในการปกครองของเขา!

        “ออกไปจากที่นี่!” หงฉี่ฮว๋าพูดเพียง 5 พยางค์

        หยูหานมองไปที่หงฉี่ฮว๋าและสุดท้ายเขาก็พยักหน้า อย่างที่หงฉี่ฮว๋ากล่าวว่าหยูหานนั้นเป็นคน ‘ฉลาด’ เขารู้ว่าควรทำอะไรเมื่อไหร่ ตอนนี้เขาแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย การอยู่ที่นี่ต่อไปเป็นเพียงความอัปยศอดสูของตัวเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาสไปยังสถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโรเสียเมื่อไหร่

        ตอนนี้ไป๋อี้ได้รับบาดเจ็บอยู่ แม้ว่าความรุนแรงของอาการบาดเจ็บของทั้งสองจะเหมือนกัน แต่ความเร็วในการฟื้นตัวของเขาเร็วกว่าไป๋อี้มาก ไม่เช่นนั้นไป๋อี้คงจะไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ล้มลงจนหมดสติไป คนอื่น ๆ ต้องรอให้ไป๋อี้ฟื้นตัวในระดับหนึ่งก่อนจึงจะออกจากที่นี่ และครั้งนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสของเขา

        หยูหานเชื่อว่าไป๋อี้ก็ต้องคิดเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาก็ยังปล่อยให้เขาจากไป คงจะเป็นเพราะเพื่อคนเหล่านั้น

        พวกเขาจะไม่ยอมรับในความหวังดี เรียกได้ว่าคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้!

        “เราแค่ทำในสิ่งที่คิดว่าเราควรทำ!” หงฉี่ฮว๋าดูเหมือนจะเดาได้ว่าหยูหานกำลังคิดอะไรอยู่ เธอพูดอะไรทิ้งทายแล้วก็จากไป ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนในตัวเองมันเอง ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าไม่สนใจว่าฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ จะรู้สึกขอบคุณหรือไม่

        ……

        เมื่อหงฉี่ฮว๋าพบเบลลิก้าทีน่าที่กำลังคุยกับหนูน้อยเวอร์เนอร์ ขณะนั้นเบลลิก้าทีน่าได้ทำท่าทางหยอกล้อทำให้หนูน้อยเวอร์เนอร์รู้สึกขบขัน และข้าง ๆ เธอมีหมูแคระที่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเวอร์เนอร์ชื่อว่าพูพูนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นด้วย

        จะว่าไปแม้ว่าเบลลิก้าทีน่าจะค่อนข้างอ้วนแต่เธอก็ยังมีความน่ารักเธอมีนิสัยร่าเริงมากและเธอยังมีเพื่อนมากมาย

        “กำลังคุยอะไรกันอยู่ สนุกสนานเชียว!” หงฉี่ฮว๋าถาม

        “เอ่อ หงฉี่ฮว๋าเองหรอ” เบลลิก้าทีน่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นหงฉี่ฮว๋าเข้ามาใกล้ จากนั้นรอยยิ้มที่เคยมีของเธอก็ค่อย ๆ จางหายไป พูดตรง ๆ ว่าตอนนี้เบลลิก้าทีน่าไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร เธอมักจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋า ก่อนหน้านี้หงฉี่ฮว๋าและเธอยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ภายในไม่กี่วันพวกเธอก็กลายมาอยู่ในสถานะแบบนี้

        หงฉี่ฮว๋าพยักหน้าและกำลังจะลูบหัวหนูน้อยเวอร์เนอร์ ผลจากการผสานรวมกับยีนของหมูแคระทำให้เด็กชายกลายเป็นหนูน้อยจอมเจ้าเนื้อจ้ำม่ำ หนูน้อยรีบหลบหงฉี่ฮว๋าทันที

        “อย่าอย่าแตะต้องผม ผมไม่อยากส่งต่อยีนของหมูแคระให้คุณ” หนูน้อยเวอร์เนอร์พูดอย่างเคอะเขิน

        “คนอื่น ๆ ไม่อยากพูดคุยติดต่อกับหนูน้อยเวอร์เนอร์เพราะพวกเขากลัวที่จะต้องผสานรวมยีนกับหนูน้อยที่มีการผสานยีนของหมูแคระ” เบลลิก้าทีน่าอธิบาย มากกว่าการที่ทุกคนไม่อยากพูดคุยติดต่อกับหนูน้อยเวอร์เนอร์คือในความเป็นจริงแล้วทุกคนต่างเฝ้าระวังซึ่งกันและกันราวกับเป็นการหลีกเลี่ยงจากโรคระบาด เพราะพวกเขากลัวว่าจะได้ผสานรวมยีนของคนอื่นเข้า

        “อย่างนี้นี่เอง!”

        “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” หงฉี่ฮว๋าพูดกับเบลลิก้าทีน่า

        “เรื่องอะไร?”

        “ตามฉันมาเถอะน่า” หงฉี่ฮว๋าพูดพร้อมกับลากเบลลิก้าทีน่าออกมา

        และหลังจากที่ทั้งสองเดินออกมา หนูน้อยเวอร์เนอร์ก็กอดหมูแคระของเขาไว้แน่นและเจ้าพูพูก็ร้องครางเบา ๆ ขึ้นมาอีกครั้งทันที พ่อแม่ของหนูน้อยเวอร์เนอร์เสียชีวิตในความโกลาหลที่เกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะมาที่ฐานใต้ดินนี้พร้อมกับลุงโฮล์ปที่เป็นเพื่อนบ้าน แต่เขาก็ไม่ได้รับการปฏิบัติดูแลมากนักเนื่องจากกลัวการผสานรวมยีนกับเจ้าหมูพูพู และเหมือนว่าหนูน้อยเพื่อนเก่าของเขาที่ชื่อหนูน้อยโจนส์ก็ไม่ยินดีที่จะเข้าหาเขาเช่นกัน

        “หยูหานจะออกจากฐานใต้ดินแห่งนี้ในไม่ช้า เธอจะตามเราไปหรือไม่?” หงฉี่ฮว๋าถาม

        “อะไรนะ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เหรอ แล้วจะออกไปช่วงนี้เนี่ยนะ เป็นไปได้เหรอ” เบลลิก้าทีน่าพูดอย่างประหม่า จากนั้นก็มองไปที่หงฉี่ฮว๋าด้วยความประหลาดใจระคนไปด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

        “แค่เธอ …… หรือลุงไป๋ด้วย!”

        “ทั้งสอง!”

        “……!” เบลลิก้าทีน่าอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่สุดท้ายเธอก็ไม่พูดอะไร เธอจะพูดอะไรได้ ไป๋อี้ออกจะเป็นคนเย็นชาโหดเหี้ยมไม่ใช่เหรอ

        “ฉันจะไปกับหยูหานด้วย” เบลลิก้าทีน่าพูดอย่างจริงจัง

        “ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจแบบนี้ แต่เพราะเป็นสิ่งที่เธอตัดสินใจด้วยตัวเองฉันก็เลยพูดอะไรไม่ได้ ตั้งแต่เธอตัดสินใจที่จะจากไปกับหยูหานฉันก็อยากจะบอกอะไรกับเธอ สิ่งนี้สำคัญมากถ้าเธอทำได้ฉันหวังว่าเธอจะเก็บความลับนี้ไม่บอกหยูหาน อย่าคิดว่าฉันเห็นแก่ตัว ถ้าเธอไม่เห็นด้วยฉันจะไม่พูดอะไรเลย เธอเห็นด้วยไหม” หงฉี่ฮว๋ามองไปที่เบลลิก้าทีน่าและกล่าวอย่างจริงจัง

        เบลลิก้าทีน่ามองไปที่หงฉี่ฮว๋าและไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร หงฉี่ฮว๋าบอกแค่เธอแต่ไม่ต้องการบอกหยูหาน!

        “นี่มันอะไรกัน ”

        ”รับปากไหม!”

        “…… โอเค!” เบลลิก้าทีน่าพยักหน้าหลังจากคิดอยู่นาน

        หงฉี่ฮว๋ามองไปที่เบลลิก้าทีน่าและเธอเห็นว่าหัวใจของเบลลิก้าทีน่าเต้นแรงเป็นจังหวะขึ้นและลง ในที่สุดหงฉี่ฮว๋าก็ถอนหายใจออกมาในใจ ‘ฉันจะไม่สงสัยเพื่อนของฉันก่อนเว้นแต่เธอจะทำอะไรที่ดูเป็นการขอโทษฉันออกมาก่อน’ หงฉี่ฮว๋าคิดสิ่งนี้ในใจแล้วยิ้มออกมา

        “การผสานรวมยีนของหมูแคระในตัวของหนูน้อยเวอร์เนอร์จะไม่ถูกผสานรวมกับคนอื่นได้อีก ดังนั้นเธอสามารถพูดคุยติดต่อกับเขาได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตามหากเธอคิดจะใกล้ชิดกับหมูแคระอย่างพูพูโดยตรง ยีนของหมูยังสามารถถ่ายทอดไปผสานรวมกับยีนของเธอได้อยู่ ดังนั้นเธอต้องระวังให้ดี” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

        “อะไรนะ?” เบลลิก้าทีน่าถามอย่างสงสัย

        หงฉี่ฮว๋าพูดซ้ำอีกครั้ง

        “เดี๋ยวนะ ความหมายของฉันคือเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร” เบลลิก้าทีน่าขัดจังหวะหงฉี่ฮว๋าขึ้นมา

        “นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาหาเธอ ……. การผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าด้วยกันด้วยตัวเอง” หงฉี่ฮว๋าพูดหลังจากที่เบลลิก้าทีน่าขัดจังหวะเธอและประโยคนี้ทำให้เบลลิก้าทีน่าตกใจขึ้นมาทันที หงฉี่ฮว๋าพูดเล่นหรือเปล่า การผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าด้วยกันด้วยตัวเอง หรือว่าหงฉี่ฮว๋าต้องการที่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดด้วย! อย่างไรก็ตามหงฉี่ฮว๋าดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด

        แทนที่จะผสานรวมยีนที่ไร้ประโยชน์โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ควรผสานรวมยีนที่ใช้งานได้จริงเข้าด้วยกันจะดีกว่า!

        “จำสิ่งที่เธอรับปากไว้ให้ดี อย่าบอกหยูหาน!” หลังจากพูดจบหงฉี่ฮว๋าก็ย้ำประโยคนี้อีกครั้ง

        เบลลิก้าทีน่าตื่นขึ้นจากภวังค์ความตกใจ ก่อนที่เธอจะถามให้ชัดเจนกว่านี้ หงฉี่ฮว๋าก็ได้จากไปแล้ว หงฉี่ฮว๋าเตือนเธอแค่ครั้งเดียวว่าไม่ให้เธอบอกหยูหานและก็ไม่ได้สาปแช่งหรือสาบานอะไรกับเบลลิก้าทีน่า หงฉี่ฮว๋าเป็นคนบุคลิกแบบนี้ ถ้าเธอได้เชื่อใจเพื่อนแล้วเธอจะไม่สงสัยเพื่อนเป็นคนแรก

        หงฉี่ฮว๋ารู้ว่าไป๋อี้ต้องคาดการณ์อะไรแบบนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตามเบลลิก้าทีน่าเป็นคนเดียวที่ขอร้องเพื่อหยูหานในเวลานั้นแต่ไป๋อี้ก็ยังเห็นด้วย

        เมื่อเธอกลับไปหาหนูน้อยเวอร์เนอร์เธอก็ยังไม่ค่อยได้สติมากนัก

        “พี่สาว!” หนูน้อยเวอร์เนอร์เรียกเบลลิก้าทีน่า

        “หนูน้อยเวอร์เนอร์ …… หนูน้อยเวอร์เนอร์คาดว่าไม่นานหลังจากนี้จะมีคนออกไปจากฐานใต้ดินนี่ ถ้าหนูมีโอกาสล่ะก็หนูต้องออกไปกับพี่สาวคนนั้นนะ” เบลลิก้าทีน่าพูดในขณะที่ยังมีความสับสนงุนงงในสายตาของหนูน้อยเวอร์เนอร์ จากนั้นเธอก็ปลีกตัวออกมาจากที่ตรงนั้น

        ถึงเธอจะเป็นคนโง่ แต่เธอก็หวังให้หนูน้อยเวอร์เนอร์เดินไปในทางที่ถูกต้อง

        ……

        สองวันต่อมาหยูหานได้พูดออกมาว่าจะออกจากฐานใต้ดินแห่งนี้ แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ทุกคนก็ดูประหลาดใจไม่น้อย ขณะนี้อาการบาดเจ็บของหยูหานยังไม่หายดีและกลุ่มคนเดิมจะไม่ติดตามเขาต่อไปอย่างแน่นอน

        แต่ทว่าคาดไม่ถึงว่ายังมีคนสองคนที่ยินดีจะติดตามหยูหานไป

        คนหนึ่งคือหนิงเสวี่ยแฟนคนปัจจุบันของหยูหาน ดูเหมือนว่าทั้งร่างกายและจิตใจของเธอจะถูกยึดครองโดยหยูหานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีกคนคือเบลลิก้าทีน่า ถึงจะเห็นได้ชัดว่าหยูหานชอบผู้หญิงคนอื่นไปแล้วแต่เบลลิก้าทีน่าก็ยังคงรักเขาเช่นเดิม หลังจากที่คนอื่นรู้เรื่องการตัดสินใจของเบลลิก้าทีน่า พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออกจริง ๆ ความรู้สึกมันไม่ต้องใช้เหตุผลเสมอไป

        “เดี๋ยวก่อน!” ไป๋อี้เอ่ย

        “ยังมีเรื่องอะไรอีก?” แม้ว่าหยูหานจะเป็นคนแพ้ แต่เขาก็ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าไป๋อี้

        “ปู่ฮาร์วีย์ คุณมีอาวุธมากมายพอจะแบ่งให้หยูหานบ้างได้ไหม” ไป๋อี้ถามปู่ฮาร์วีย์

        “โอ้ ได้สิ ได้เลย!” ปู่ฮาร์วีย์พยักหน้ารับ

        “นายเวทนาฉันเหรอ?” หยูหานมองไปที่ไป๋อี้

        “เวทนางั้นเหรอ? อย่าเข้าใจผิดไปหน่อยเลย แม้แต่ความเวทนาฉันก็ไม่มีให้นายหรอก หนิงเสวี่ยกับเบลลิก้าทีน่ายินดีที่จะไปกับนาย ฉันก็แค่ต้องการให้พวกเธอมีอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองเมื่อพวกเธอพบกับอันตรายก็เท่านั้น” ไป๋อี้พูดอย่างเย็นชา

        หยูหานกำหมัดแน่นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไม่มีอาวุธใด ๆ เลย แม้แต่ดาบญี่ปุ่นก็หักออกจากกันในการต่อสู้กับเต่าฉลามครั้งก่อนไปแล้ว

        ในไม่ช้าหงฉี่ฮว๋าก็เดินออกมาพร้อมกับอาวุธดาบญี่ปุ่นยาวหนึ่งเมตรสองเล่ม ซึ่งมีสไตล์คล้ายกับดาบก่อนหน้านี้ของหยูหาน เธอโยนมันไปให้หยูหานโดยตรง มีดสังหารแปดสิบเซนติเมตรสองเล่มถูกแบ่งให้เบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ย ปืนพกสองกระบอกและปืนลูกซองถูกส่งไปให้เบลลิก้าทีน่า

        หยูหานหยิบดาบญี่ปุ่นออกมาดู แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักดาบเป็นอย่างดี แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าดาบญี่ปุ่นเล่มนี้ดีกว่าดาบเล่มเดิมของเขามาก

        ใจดีอะไรขนาดนี้?

        เมื่อเห็นหงฉี่ฮว๋ากำลังกำชับเบลลิก้าทีน่าอยู่ตรงนั้น หยูหานก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมจากบุคลิกอุปนิสัยของไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋า พวกเขาจะไม่สามารถออกอุบายในสถานที่เล็ก ๆ แห่งนี้ได้ ถึงอย่างไรเสียตอนนี้เบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ยก็กำลังติดตามเขาอยู่

        “ดูแลตัวเองให้ดี!” หงฉี่ฮว๋ากอดเบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ยอีกครั้ง แม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับหนิงเสวี่ยจะไม่ค่อยดีนัก แต่พวกเธอก็เป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าในกรณีใดหงฉี่ฮว๋าก็เคารพการตัดสินใจเลือกของพวกเธอ

        หยูหานและเธอทั้งสองคนขึ้นรถที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เตรียมไว้ให้ พวกเขาขับออกจากประตูฐานไป เมื่อรถแล่นผ่านไปหยูหานก็มองไปที่ไป๋อี้ ดวงตาของทั้งสองคนจ้องกันเขม็งและจากนั้นเขาก็เคลื่อนรถห่างออกไปเรื่อย ๆ

 

                                           ————————

              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                               https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 40 ไล่ออกไป

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 40 ไล่ออกไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

        หลังจากการต่อสู้ระหว่างไป๋อี้และหยูหาน บรรยากาศในฐานใต้ดินเล็ก ๆ แห่งนี้ก็ดูแปลกมากยิ่งขึ้น หยูหานไม่ได้ยอมรับผิดอะไรโดยตรง วันนั้นเขาแพ้ให้กับไป๋อี้ก็จริง แต่ตราบใดที่หัวไม่ทึบเกินไปทุกคนก็จะรู้ว่าหยูหานหมายถึงอะไร คนที่เคยอยู่ฝั่งหยูหานก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร

        โกรธไหม แน่นอนว่าต้องโกรธ แต่สิ่งที่มีมากกว่านั่นก็คือความเสียใจ เสียใจในตัวเอง!

        ฉินข่ายรุ่ยมาหาหยูหานเพียงครั้งเดียว แต่ความกล้าของเขาก็หายไปภายใต้การจ้องมองของรูม่านตางูที่เยือกเย็นและเย็นชาของหยูหาน ตอนนี้หยูหานได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยทั่วไปแทบไม่สามารถขยับได้ ในเวลานั้นหงฉี่ฮว๋าก็ปรากฏตัวขึ้นและฉินข่ายรุ่ยก็ใช้โอกาสนี้จากมาด้วยท่าทางที่สิ้นหวัง สุดท้ายก็ไม่กล้าทำอะไร

        หยูหานมองไปที่หงฉี่ฮว๋า เธอยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกที่ตรงไปตรงมา เมื่อเทียบกับหนิงเสวี่ยและไต้ยู่เหยาแล้ว หงฉี่ฮว๋าก็เหมือนต้นสนซีดาร์ที่โอหังและถือดี เป็นคนที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยว ไม่หวังพึ่งคนอื่น หรือนั่นก็คือทุกลมหายใจของหงฉี่ฮว๋าแข็งแกร่ง เป็นอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับใคร และไม่ตามใจ

        น่าเสียดายที่ผู้หญิงอย่างเธอ …… ไม่ได้อยู่ในการปกครองของเขา!

        “ออกไปจากที่นี่!” หงฉี่ฮว๋าพูดเพียง 5 พยางค์

        หยูหานมองไปที่หงฉี่ฮว๋าและสุดท้ายเขาก็พยักหน้า อย่างที่หงฉี่ฮว๋ากล่าวว่าหยูหานนั้นเป็นคน ‘ฉลาด’ เขารู้ว่าควรทำอะไรเมื่อไหร่ ตอนนี้เขาแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย การอยู่ที่นี่ต่อไปเป็นเพียงความอัปยศอดสูของตัวเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีโอกาสไปยังสถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโรเสียเมื่อไหร่

        ตอนนี้ไป๋อี้ได้รับบาดเจ็บอยู่ แม้ว่าความรุนแรงของอาการบาดเจ็บของทั้งสองจะเหมือนกัน แต่ความเร็วในการฟื้นตัวของเขาเร็วกว่าไป๋อี้มาก ไม่เช่นนั้นไป๋อี้คงจะไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ล้มลงจนหมดสติไป คนอื่น ๆ ต้องรอให้ไป๋อี้ฟื้นตัวในระดับหนึ่งก่อนจึงจะออกจากที่นี่ และครั้งนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสของเขา

        หยูหานเชื่อว่าไป๋อี้ก็ต้องคิดเรื่องนี้เช่นกัน แต่เขาก็ยังปล่อยให้เขาจากไป คงจะเป็นเพราะเพื่อคนเหล่านั้น

        พวกเขาจะไม่ยอมรับในความหวังดี เรียกได้ว่าคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้!

        “เราแค่ทำในสิ่งที่คิดว่าเราควรทำ!” หงฉี่ฮว๋าดูเหมือนจะเดาได้ว่าหยูหานกำลังคิดอะไรอยู่ เธอพูดอะไรทิ้งทายแล้วก็จากไป ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนในตัวเองมันเอง ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าไม่สนใจว่าฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ จะรู้สึกขอบคุณหรือไม่

        ……

        เมื่อหงฉี่ฮว๋าพบเบลลิก้าทีน่าที่กำลังคุยกับหนูน้อยเวอร์เนอร์ ขณะนั้นเบลลิก้าทีน่าได้ทำท่าทางหยอกล้อทำให้หนูน้อยเวอร์เนอร์รู้สึกขบขัน และข้าง ๆ เธอมีหมูแคระที่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของเวอร์เนอร์ชื่อว่าพูพูนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้นด้วย

        จะว่าไปแม้ว่าเบลลิก้าทีน่าจะค่อนข้างอ้วนแต่เธอก็ยังมีความน่ารักเธอมีนิสัยร่าเริงมากและเธอยังมีเพื่อนมากมาย

        “กำลังคุยอะไรกันอยู่ สนุกสนานเชียว!” หงฉี่ฮว๋าถาม

        “เอ่อ หงฉี่ฮว๋าเองหรอ” เบลลิก้าทีน่าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นหงฉี่ฮว๋าเข้ามาใกล้ จากนั้นรอยยิ้มที่เคยมีของเธอก็ค่อย ๆ จางหายไป พูดตรง ๆ ว่าตอนนี้เบลลิก้าทีน่าไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร เธอมักจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋า ก่อนหน้านี้หงฉี่ฮว๋าและเธอยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ภายในไม่กี่วันพวกเธอก็กลายมาอยู่ในสถานะแบบนี้

        หงฉี่ฮว๋าพยักหน้าและกำลังจะลูบหัวหนูน้อยเวอร์เนอร์ ผลจากการผสานรวมกับยีนของหมูแคระทำให้เด็กชายกลายเป็นหนูน้อยจอมเจ้าเนื้อจ้ำม่ำ หนูน้อยรีบหลบหงฉี่ฮว๋าทันที

        “อย่าอย่าแตะต้องผม ผมไม่อยากส่งต่อยีนของหมูแคระให้คุณ” หนูน้อยเวอร์เนอร์พูดอย่างเคอะเขิน

        “คนอื่น ๆ ไม่อยากพูดคุยติดต่อกับหนูน้อยเวอร์เนอร์เพราะพวกเขากลัวที่จะต้องผสานรวมยีนกับหนูน้อยที่มีการผสานยีนของหมูแคระ” เบลลิก้าทีน่าอธิบาย มากกว่าการที่ทุกคนไม่อยากพูดคุยติดต่อกับหนูน้อยเวอร์เนอร์คือในความเป็นจริงแล้วทุกคนต่างเฝ้าระวังซึ่งกันและกันราวกับเป็นการหลีกเลี่ยงจากโรคระบาด เพราะพวกเขากลัวว่าจะได้ผสานรวมยีนของคนอื่นเข้า

        “อย่างนี้นี่เอง!”

        “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” หงฉี่ฮว๋าพูดกับเบลลิก้าทีน่า

        “เรื่องอะไร?”

        “ตามฉันมาเถอะน่า” หงฉี่ฮว๋าพูดพร้อมกับลากเบลลิก้าทีน่าออกมา

        และหลังจากที่ทั้งสองเดินออกมา หนูน้อยเวอร์เนอร์ก็กอดหมูแคระของเขาไว้แน่นและเจ้าพูพูก็ร้องครางเบา ๆ ขึ้นมาอีกครั้งทันที พ่อแม่ของหนูน้อยเวอร์เนอร์เสียชีวิตในความโกลาหลที่เกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะมาที่ฐานใต้ดินนี้พร้อมกับลุงโฮล์ปที่เป็นเพื่อนบ้าน แต่เขาก็ไม่ได้รับการปฏิบัติดูแลมากนักเนื่องจากกลัวการผสานรวมยีนกับเจ้าหมูพูพู และเหมือนว่าหนูน้อยเพื่อนเก่าของเขาที่ชื่อหนูน้อยโจนส์ก็ไม่ยินดีที่จะเข้าหาเขาเช่นกัน

        “หยูหานจะออกจากฐานใต้ดินแห่งนี้ในไม่ช้า เธอจะตามเราไปหรือไม่?” หงฉี่ฮว๋าถาม

        “อะไรนะ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เหรอ แล้วจะออกไปช่วงนี้เนี่ยนะ เป็นไปได้เหรอ” เบลลิก้าทีน่าพูดอย่างประหม่า จากนั้นก็มองไปที่หงฉี่ฮว๋าด้วยความประหลาดใจระคนไปด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

        “แค่เธอ …… หรือลุงไป๋ด้วย!”

        “ทั้งสอง!”

        “……!” เบลลิก้าทีน่าอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่สุดท้ายเธอก็ไม่พูดอะไร เธอจะพูดอะไรได้ ไป๋อี้ออกจะเป็นคนเย็นชาโหดเหี้ยมไม่ใช่เหรอ

        “ฉันจะไปกับหยูหานด้วย” เบลลิก้าทีน่าพูดอย่างจริงจัง

        “ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจแบบนี้ แต่เพราะเป็นสิ่งที่เธอตัดสินใจด้วยตัวเองฉันก็เลยพูดอะไรไม่ได้ ตั้งแต่เธอตัดสินใจที่จะจากไปกับหยูหานฉันก็อยากจะบอกอะไรกับเธอ สิ่งนี้สำคัญมากถ้าเธอทำได้ฉันหวังว่าเธอจะเก็บความลับนี้ไม่บอกหยูหาน อย่าคิดว่าฉันเห็นแก่ตัว ถ้าเธอไม่เห็นด้วยฉันจะไม่พูดอะไรเลย เธอเห็นด้วยไหม” หงฉี่ฮว๋ามองไปที่เบลลิก้าทีน่าและกล่าวอย่างจริงจัง

        เบลลิก้าทีน่ามองไปที่หงฉี่ฮว๋าและไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร หงฉี่ฮว๋าบอกแค่เธอแต่ไม่ต้องการบอกหยูหาน!

        “นี่มันอะไรกัน ”

        ”รับปากไหม!”

        “…… โอเค!” เบลลิก้าทีน่าพยักหน้าหลังจากคิดอยู่นาน

        หงฉี่ฮว๋ามองไปที่เบลลิก้าทีน่าและเธอเห็นว่าหัวใจของเบลลิก้าทีน่าเต้นแรงเป็นจังหวะขึ้นและลง ในที่สุดหงฉี่ฮว๋าก็ถอนหายใจออกมาในใจ ‘ฉันจะไม่สงสัยเพื่อนของฉันก่อนเว้นแต่เธอจะทำอะไรที่ดูเป็นการขอโทษฉันออกมาก่อน’ หงฉี่ฮว๋าคิดสิ่งนี้ในใจแล้วยิ้มออกมา

        “การผสานรวมยีนของหมูแคระในตัวของหนูน้อยเวอร์เนอร์จะไม่ถูกผสานรวมกับคนอื่นได้อีก ดังนั้นเธอสามารถพูดคุยติดต่อกับเขาได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตามหากเธอคิดจะใกล้ชิดกับหมูแคระอย่างพูพูโดยตรง ยีนของหมูยังสามารถถ่ายทอดไปผสานรวมกับยีนของเธอได้อยู่ ดังนั้นเธอต้องระวังให้ดี” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

        “อะไรนะ?” เบลลิก้าทีน่าถามอย่างสงสัย

        หงฉี่ฮว๋าพูดซ้ำอีกครั้ง

        “เดี๋ยวนะ ความหมายของฉันคือเธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร” เบลลิก้าทีน่าขัดจังหวะหงฉี่ฮว๋าขึ้นมา

        “นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาหาเธอ ……. การผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าด้วยกันด้วยตัวเอง” หงฉี่ฮว๋าพูดหลังจากที่เบลลิก้าทีน่าขัดจังหวะเธอและประโยคนี้ทำให้เบลลิก้าทีน่าตกใจขึ้นมาทันที หงฉี่ฮว๋าพูดเล่นหรือเปล่า การผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าด้วยกันด้วยตัวเอง หรือว่าหงฉี่ฮว๋าต้องการที่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดด้วย! อย่างไรก็ตามหงฉี่ฮว๋าดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด

        แทนที่จะผสานรวมยีนที่ไร้ประโยชน์โดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ควรผสานรวมยีนที่ใช้งานได้จริงเข้าด้วยกันจะดีกว่า!

        “จำสิ่งที่เธอรับปากไว้ให้ดี อย่าบอกหยูหาน!” หลังจากพูดจบหงฉี่ฮว๋าก็ย้ำประโยคนี้อีกครั้ง

        เบลลิก้าทีน่าตื่นขึ้นจากภวังค์ความตกใจ ก่อนที่เธอจะถามให้ชัดเจนกว่านี้ หงฉี่ฮว๋าก็ได้จากไปแล้ว หงฉี่ฮว๋าเตือนเธอแค่ครั้งเดียวว่าไม่ให้เธอบอกหยูหานและก็ไม่ได้สาปแช่งหรือสาบานอะไรกับเบลลิก้าทีน่า หงฉี่ฮว๋าเป็นคนบุคลิกแบบนี้ ถ้าเธอได้เชื่อใจเพื่อนแล้วเธอจะไม่สงสัยเพื่อนเป็นคนแรก

        หงฉี่ฮว๋ารู้ว่าไป๋อี้ต้องคาดการณ์อะไรแบบนี้มานานแล้ว อย่างไรก็ตามเบลลิก้าทีน่าเป็นคนเดียวที่ขอร้องเพื่อหยูหานในเวลานั้นแต่ไป๋อี้ก็ยังเห็นด้วย

        เมื่อเธอกลับไปหาหนูน้อยเวอร์เนอร์เธอก็ยังไม่ค่อยได้สติมากนัก

        “พี่สาว!” หนูน้อยเวอร์เนอร์เรียกเบลลิก้าทีน่า

        “หนูน้อยเวอร์เนอร์ …… หนูน้อยเวอร์เนอร์คาดว่าไม่นานหลังจากนี้จะมีคนออกไปจากฐานใต้ดินนี่ ถ้าหนูมีโอกาสล่ะก็หนูต้องออกไปกับพี่สาวคนนั้นนะ” เบลลิก้าทีน่าพูดในขณะที่ยังมีความสับสนงุนงงในสายตาของหนูน้อยเวอร์เนอร์ จากนั้นเธอก็ปลีกตัวออกมาจากที่ตรงนั้น

        ถึงเธอจะเป็นคนโง่ แต่เธอก็หวังให้หนูน้อยเวอร์เนอร์เดินไปในทางที่ถูกต้อง

        ……

        สองวันต่อมาหยูหานได้พูดออกมาว่าจะออกจากฐานใต้ดินแห่งนี้ แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว แต่ทุกคนก็ดูประหลาดใจไม่น้อย ขณะนี้อาการบาดเจ็บของหยูหานยังไม่หายดีและกลุ่มคนเดิมจะไม่ติดตามเขาต่อไปอย่างแน่นอน

        แต่ทว่าคาดไม่ถึงว่ายังมีคนสองคนที่ยินดีจะติดตามหยูหานไป

        คนหนึ่งคือหนิงเสวี่ยแฟนคนปัจจุบันของหยูหาน ดูเหมือนว่าทั้งร่างกายและจิตใจของเธอจะถูกยึดครองโดยหยูหานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีกคนคือเบลลิก้าทีน่า ถึงจะเห็นได้ชัดว่าหยูหานชอบผู้หญิงคนอื่นไปแล้วแต่เบลลิก้าทีน่าก็ยังคงรักเขาเช่นเดิม หลังจากที่คนอื่นรู้เรื่องการตัดสินใจของเบลลิก้าทีน่า พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออกจริง ๆ ความรู้สึกมันไม่ต้องใช้เหตุผลเสมอไป

        “เดี๋ยวก่อน!” ไป๋อี้เอ่ย

        “ยังมีเรื่องอะไรอีก?” แม้ว่าหยูหานจะเป็นคนแพ้ แต่เขาก็ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าไป๋อี้

        “ปู่ฮาร์วีย์ คุณมีอาวุธมากมายพอจะแบ่งให้หยูหานบ้างได้ไหม” ไป๋อี้ถามปู่ฮาร์วีย์

        “โอ้ ได้สิ ได้เลย!” ปู่ฮาร์วีย์พยักหน้ารับ

        “นายเวทนาฉันเหรอ?” หยูหานมองไปที่ไป๋อี้

        “เวทนางั้นเหรอ? อย่าเข้าใจผิดไปหน่อยเลย แม้แต่ความเวทนาฉันก็ไม่มีให้นายหรอก หนิงเสวี่ยกับเบลลิก้าทีน่ายินดีที่จะไปกับนาย ฉันก็แค่ต้องการให้พวกเธอมีอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองเมื่อพวกเธอพบกับอันตรายก็เท่านั้น” ไป๋อี้พูดอย่างเย็นชา

        หยูหานกำหมัดแน่นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาไม่มีอาวุธใด ๆ เลย แม้แต่ดาบญี่ปุ่นก็หักออกจากกันในการต่อสู้กับเต่าฉลามครั้งก่อนไปแล้ว

        ในไม่ช้าหงฉี่ฮว๋าก็เดินออกมาพร้อมกับอาวุธดาบญี่ปุ่นยาวหนึ่งเมตรสองเล่ม ซึ่งมีสไตล์คล้ายกับดาบก่อนหน้านี้ของหยูหาน เธอโยนมันไปให้หยูหานโดยตรง มีดสังหารแปดสิบเซนติเมตรสองเล่มถูกแบ่งให้เบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ย ปืนพกสองกระบอกและปืนลูกซองถูกส่งไปให้เบลลิก้าทีน่า

        หยูหานหยิบดาบญี่ปุ่นออกมาดู แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักดาบเป็นอย่างดี แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าดาบญี่ปุ่นเล่มนี้ดีกว่าดาบเล่มเดิมของเขามาก

        ใจดีอะไรขนาดนี้?

        เมื่อเห็นหงฉี่ฮว๋ากำลังกำชับเบลลิก้าทีน่าอยู่ตรงนั้น หยูหานก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมจากบุคลิกอุปนิสัยของไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋า พวกเขาจะไม่สามารถออกอุบายในสถานที่เล็ก ๆ แห่งนี้ได้ ถึงอย่างไรเสียตอนนี้เบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ยก็กำลังติดตามเขาอยู่

        “ดูแลตัวเองให้ดี!” หงฉี่ฮว๋ากอดเบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ยอีกครั้ง แม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับหนิงเสวี่ยจะไม่ค่อยดีนัก แต่พวกเธอก็เป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าในกรณีใดหงฉี่ฮว๋าก็เคารพการตัดสินใจเลือกของพวกเธอ

        หยูหานและเธอทั้งสองคนขึ้นรถที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เตรียมไว้ให้ พวกเขาขับออกจากประตูฐานไป เมื่อรถแล่นผ่านไปหยูหานก็มองไปที่ไป๋อี้ ดวงตาของทั้งสองคนจ้องกันเขม็งและจากนั้นเขาก็เคลื่อนรถห่างออกไปเรื่อย ๆ

 

                                           ————————

              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                               https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+