[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 21 การโจรกรรมข้างถนน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 21 การโจรกรรมข้างถนน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

         

        ระหว่างทางพวกเขาเจอคลื่นผู้คนมากมายที่เดินไปด้วยกันเป็นกลุ่มประมาณ 3-5 คน จะเห็นได้ว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มสร้างกลุ่มขึ้นมา โดยพวกเขามีความระมัดระวังตัวระหว่างกันและกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงอยู่ในความสงบและในตอนนี้ก็กำลังหนีไปทางใต้ เมื่อมองเห็นชายเขตเมืองอยู่ไม่ไกลจากแนวสายตา หัวใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความสุข ในเวลานี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้พบรถ 4 คันที่สามารถขับออกจากเมืองได้โดยตรง

        แต่ทว่าเมื่อพวกเขากำลังจะออกจากเมือง จู่ ๆ ก็มีสิ่งกีดขวางปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้ทุกคนต้องหยุดรถ

        ทันทีที่รถหยุดลงผู้คนกว่า 20 คนก็พุ่งออกมาจากข้างทาง ทุกคนถืออาวุธหลากหลายชนิดไว้ในมือไม่เพียงแต่อาวุธจำพวกมีดดาบแต่ยังมีคนอีกสองสามคนที่ถือปืนลูกซองและปืนพกเอาไว้ด้วย เมื่อพิจารณาจากลักษณะและรอยสักแฟนซีของคนเหล่านี้แล้ว คนทั้ง 20 กว่าคนนี้คงเป็นสมาชิกของแก๊งมาเฟียทมิฬที่อยู่ใกล้ ๆ นี้

        “ลงจากรถ!” ชายผู้นำตะโกนใส่พวกเขาพร้อมกับถือปืนลูกซองอยู่ในมือ ส่วนคนอื่น ๆ เคาะหน้าต่างรถด้วยไม้เบสบอลเพื่อเป็นการเพิ่มความกดดันทางจิตใจให้กับไป๋อี้และคนอื่น ๆ

        บรรลัยแน่!

        ไป๋อี้เห็นคนกลุ่มนี้พุ่งออกมาและมีคราบเลือดอยู่ที่พื้นรอบ ๆ โดยพื้นฐานแล้วนั่นทำให้สามารถเดาจุดประสงค์ของคนเหล่านี้ได้ไม่ยาก การโจรกรรมโดยขวางทางออกนอกเมืองและปล้นเสบียงจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา หากไม่ใช่กลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ พื้นฐานแล้วมีเพียงวิธีเดียวที่จะจัดการกับผู้โจมตีมากกว่า 20 คนที่ถืออาวุธครบมือเช่นนี้ … ประนีประนอม อย่างไรก็ตามเกรงว่าการประนีประนอมจะไม่เป็นผลเพราะดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ยอมรามือง่าย ๆ เหมือนการโจรกรรมทั่วไป

        ไป๋อี้เหลือบมองไปที่หงฉี่ฮว๋าและหงฉี่ฮว๋าก็พยักหน้ารับเป็นสัญญาณตอบกลับ

        เห็นได้ชัดว่าหงฉี่ฮว๋าและไป๋อี้กำลังคิดเรื่องเดียวกัน ถ้าพวกมันต้องการเพียงแค่เสบียงอาหารเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยแล้วพวกเขาสามารถให้แก่คนกลุ่มนี้ได้ แต่ทว่าจริง ๆ แล้วประเด็นสำคัญคือผู้หญิงในทีมอย่างหงฉี่ฮว๋า ไต้ยู่เหยา และเจียงหลินหลิน ต่างก็เป็นผู้หญิงสวย ในช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ผู้หญิงสวยไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องดีสักเท่าไหร่ ถ้าหากไม่มีความแข็งแกร่งพอในการปกป้องตัวเองชะตากรรมของพวกเธอมักจะตกอยู่ในความน่าสังเวช

        “ลงจากรถทั้งหมดลงมา” ไม้เบสบอลด้านนอกกระแทกกับรถ มีเพียงไม่กี่คนเช่นไป๋อี้ที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้หญิงคนอื่น ๆ อย่างเช่นไต้ยู่เหยาและเจียงหลินหลินต่างตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว

        “ทำอย่างไรดี?” หงฉี่ฮว๋าถาม

        ในรถคันนี้มีไป๋อี้ วูล์ฟ หงฉี่ฮว๋า และโม่โม่ เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ใจเย็นที่สุดก็ว่าได้ ไป๋อี้มองออกไปข้างนอก วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือกลับรถแล้วรีบออกไปจากที่นี่และหลีกเลี่ยงกลุ่มคนโดยออกจากเมืองด้วยถนนเล็ก ๆ สายอื่น แต่ในเวลานี้ฉินข่ายรุ่ย ไต้ยู่เหยา และคนอื่น ๆ ที่ตื่นตระหนกอย่างสิ้นเชิงได้ลงจากรถไปแล้ว

 

        ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ ไม่มีการส่งใบ้สัญญาณใด ๆ และฉินข่ายรุ่ยก็ขี้ขลาดเกินไป

        “ลงจากรถกันเถอะ วูล์ฟอย่าเพิ่งขยับ นายเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขับชน” เมื่อไป๋อี้เห็นว่าคนอื่น ๆ ลงจากรถไปแล้ว พวกเขาก็ต้องรีบทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โชคดีที่หน้าต่างปิดอยู่และถ้าเสียงไม่ดังเกินไปก็จะไม่มีใครได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ พูด

        ไป๋อี้เปิดประตูและเดินลงไปพร้อมกับหงฉี่ฮว๋า ขณะเดียวกันไป๋อี้ก็จงใจปิดบังตำแหน่งคนขับที่วูล์ฟนั่งอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้คนกลุ่มนั้นสังเกตเห็นวูล์ฟ จริง ๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็นเขา ไป๋อี้หวังเพียงว่าคนกลุ่มนี้จะประมาทกับเรื่องนี้ แต่ก่อนอื่นสิ่งที่พวกมันต้องการคือ …

        “พวกแกคิดจะทำอะไร” ไป๋อี้ถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชายคนนั้นในทันที จนมันลืมไปแล้วว่าวูล์ฟยังอยู่ในรถ

        “หึ จะทำอะไรน่ะเหรอ เอาอาหารส่งมาให้พวกเราเร็วเข้า” ชายผู้นำกลุ่มยกปืนลูกซองชี้ตรงไปที่ไป๋อี้

        “พวกเราต้องส่งอาหารให้พวกนายงั้นเหรอ?” ไป๋อี้ถามอีกครั้ง

        “อื้ม ถ้ายอมส่งอาหารมาให้ เราจะปล่อยให้ผ่านไป” ชายผู้นำตอบกลับ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ผู้หญิงอย่างไม่ละสายตา เห็นได้ชัดว่าแววตาที่คนกลุ่มนี้มองไปยังผู้หญิงเต็มไปด้วยความปรารถนาลึกซึ้ง นอกจากหงฉี่ฮว๋าที่ค่อนข้างสงบนิ่ง ไต้ยู่เหยาและหนิงเสวี่ยก็รู้สึกเป็นกังวลในความปลอดภัยของตนอย่างมาก

        “เอาล่ะ เราจะส่งอาหารให้ แกพูดแล้วต้องไม่คืนคำ” ไป๋อี้กล่าวพลางโค้งตัวเข้าไปในรถราวกับจะหยิบอาหาร เมื่อก้มตัวไปไป๋อี้เหลือบมองไปที่หยูหาน ไป๋อี้หวังเพียงว่าหยูหานจะเข้าใจแผนของเขา ส่วนคนอื่น ๆ ในทีมไป๋อี้ไม่ได้คาดหวังมากนัก

        ในขณะเดียวกันหยูหานก็บังเอิญมองไปที่ไป๋อี้โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจการสบตาแบบนี้หรือไม่

        ไป๋อี้ก้มตัวเข้าไปในรถจากนั้นก็เหลือบมองวูล์ฟ

        “เตรียมตัวชน!” ไป๋อี้พูดด้วยเสียงต่ำแต่วูล์ฟน่าจะได้ยิน ตอนนี้วูล์ฟมีหูสุนัขและประสิทธิภาพการได้ยินของเขาก็เพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่ถืออาหารไป ไป๋อี้แตะหัวของโม่โม่แล้วพยักหน้าเล็กน้อยพลางเหลือบมองไปที่ชาร์ไป่อีกครั้ง

        โดยพื้นฐานแล้วนั้นไป๋อี้เป็นหัวหน้าทีม เมื่อไป๋อี้ทำเช่นนี้ฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ ก็คิดว่าถ้าพวกเขาส่งอาหารให้มากพอ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีความขัดแย้งกับคนกลุ่มนี้ ผลที่ออกมาคงไม่เลวร้ายมากนัก ฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ หันไปทางรถและเริ่มเคลื่อนย้ายวัตถุดิบอาหารที่พวกเขารวบรวมมาระหว่างทาง

        อย่างไรก็ตามฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ ไม่มีใครรู้ว่าแผนของไป๋อี้คืออะไร กล่าวคือไม่มีความเข้าใจในการส่งสัญญาณใด ๆ ระหว่างพวกเขาเลย แม้กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าโลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว และไม่ใช่โลกที่คนอ่อนแอจะเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน

        หึ เอาอาหารไปก่อนจากนั้นก็ค่อยเอาตัวสาวสวยมา ถ้าหากคนกลุ่มนี้มองสถานการณ์ออกก็คงจะไม่สามารถปล่อยพวกเขาไปได้ ซึ่งต่อให้คนกลุ่มนี้มองสถานการณ์ไม่ออกก็คงปล่อยไปไม่ได้อยู่ดี เช่นเดียวกับกลุ่มก่อนหน้านี้ที่ถูกส่งไปลงนรก

        ชายผู้นำแสดงรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากของเขาอย่างลับ ๆ หลังจากได้พบน้องชายที่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาก็รู้กันในทันทีว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาขวางถนนและปล้นคนอื่น พวกเขาคุ้นเคยกับ ‘ธุรกิจ’ นี้อยู่แล้ว ทรัพย์สินหลากหลายอย่างสาวงามที่สวยเกินเอื้อมพวกเขาล้วนได้ครอบครองมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย

 

        ในโลกที่สับสนวุ่นวายระเบียบทางสังคมล่มสลาย คนเลวมักจะมีชีวิตที่ดีกว่าคนดีเสมอ!

        ไป๋อี้ออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายหลัง เขาดูท่าทีการเคลื่อนไหวของหยูหานและหวังว่าการเคลื่อนไหวของหยูหานจะสอดคล้องกันกับเขา ทางด้านหยูหานเขาก็ชำเลืองมองไปที่ไป๋อี้เล็กน้อยและคาดเดาว่าแผนของไป๋อี้คืออะไร … เราควรจะต่อต้านมัน เมื่อพิจารณาจากนิสัยใจคอของไป๋อี้พวกเราไม่ควรประนีประนอมง่าย ๆ เห็นได้ชัดว่าการประทำของไป๋อี้และเขาสอดคล้องซึ่งกันและกันในเวลาเดียวกัน …!

        ในขณะนั้น!

        หยูหานรู้สึกว่าเขาสามารถเดาแผนของไป๋อี้ได้อย่างแน่นอน ไป๋อี้คว้ากระเป๋าเป้และเดินไปหาชายคนนั้นที่จ่อปืนลูกซองมาที่เขา

        “นี่คืออาหารที่เรารวบรวมมา มันถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเป้สองสามใบ ส่วนใหญ่เป็นเนื้อแห้งซึ่งประทังความหิวได้ดี” ไป๋อี้พูดพลางค่อย ๆ เดินไปหาชายที่ถือปืนลูกซอง เมื่ออีกฝ่ายกำลังเตรียมคุ้มกัน ไป๋อี้ก็โยนกระเป๋าเป้ในมือไปทางชายคนนั้น

        ชายคนนั้นใช้มือคว้าเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งนี่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์

        อย่างไรก็ตามในขณะนี้ไป๋อี้ได้หลอกให้เขาติดกับก่อนจะดึงมีดสับกระดูกออกมาจากข้างหลังของตนเองและฟันไปที่ผู้ชายคนนั้น ในเวลาเดียวกันหงฉี่ฮว๋าก็หาผู้ชายที่ถือปืนพบ กระเป๋าเป้ถูกใช้เป็นที่กำบังจากนั้นการโจมตีก็ถูกเปิดตัวขึ้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

        เสียงฟันดังฉับ กลุ่มโจรกรรมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองล้มลงกับพื้น พี่ใหญ่ของกลุ่มถูกไป๋อี้ทำร้าย เขาถูกมีดฟันเข้าที่ศีรษะโดยตรงและทำให้เขาเสียชีวิตเมื่อหงฉี่ฮว๋าจัดการตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอของคู่ต่อสู้ด้วยใบมีดวิลโลว์ขนาดเล็ก

        “ไป๋อี้คุณจะทำอะไร จะฆ่าทุกคนเลยเหรอ!” หยูหานตะโกนออกด้วยความตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก

        อันที่จริงการเคลื่อนไหวของหยูหานไม่ได้ช้าขนาดนั้น เพียงแต่ช้ากว่าไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าไปครึ่งจังหวะ อย่างไรก็ตามเสียงตะโกนของหยูหานนั้นเป็นเหมือนราวกับว่าหลังจากเขาได้เห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋า เขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีต่อต้านออกมา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่หยูหานจะโยนความรับผิดชอบทั้งหมดสำหรับเหตุการณ์นี้ไปให้ไป๋อี้โดยไม่คำนึงว่าสุดท้ายแล้วผลจะเป็นอย่างไร

        “ระวัง!” หยูหานตะโกนออกไป

        เสียงปังดังขึ้น หยูหานไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากปากกระบอกปืนลูกซองยิงพลาดไม่โดนตัวของหยูหาน แต่ทว่าเจียงหลินหลินที่ยืนอยู่ในทิศทางเดียวกันนั้นก็กรีดร้องและล้มลงกับพื้นทันที ในขณะนี้ดาบยาวของหยูหานได้ถูกชักขึ้นมาและฟันเข้าโดยตรงบริเวณหน้าท้องของคู่ต่อสู้

        สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันไม่เพียงทำให้กลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตกตะลึงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไป๋อี้และคนอื่น ๆ ด้วย ในขณะนั้นวูล์ฟก็เข้าเกียร์อย่างรวดเร็วและขับรถพุ่งออกมาตรงเข้าใส่โจรสองสามคนที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นการขับชนโดยมีจุดมุ่งหมาย พวกสวะเคราะห์ร้ายสองสามคนถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างจังก่อนที่จะถูกรถทับ ในเวลาเดียวกันนั้นเองเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

        ขณะนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้รีบตรงไปหาโจรที่เหลือซึ่งพวกเขายังมีอาวุธปืนอยู่

        มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เห็นได้ชัดว่ากลุ่มโจรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยิงตรงไปที่กลุ่มของไป๋อี้และคนอื่น ๆ ส่วนพวกโจรที่มีอาวุธจำพวกมีดดาบก็พุ่งเข้ามาเผชิญหน้ากับฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ โดยตรง

        ความโกลาหลไม่มีกฎเกณฑ์ มันเป็นเพียงการต่อสู้ข้างถนน แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มของไป๋อี้และคนอื่น ๆ กลุ่มโจรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นช่ำชองเรื่องแบบนี้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ จะเป็นความภาคภูมิใจของพระเจ้า (ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น) เมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม แต่ทว่าผลกลับเปลี่ยนไปทันทีเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีดกรีดลงบนตัวและความเจ็บปวดแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจ ไม่ว่าจะสูญเสียอย่างไรผู้คนก็จะตื่นขึ้นมา

        เมื่อความตื่นตัวของถังปิงมีมากพอ เขาจึงวางแผนที่จะต่อสู้กลับเมื่อฝ่ายตรงข้ามวิ่งเข้ามา แต่ในเวลานี้กระเป๋าปีนเขาที่เขาเลือกมาก่อนหน้านี้กลับเป็นตัวถ่วงที่ไปลดความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาลงอย่างมาก และก่อนที่เขาจะหมุนตัวเขาถูกฟันด้วยมีดและล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว

        ไต้ยู่เหยาเห็นหัวของถังปิงถูกฟันออกมาต่อหน้าต่อตา เลือดของเขาสาดกระเซ็นไปที่ดวงตาของเธอ

 

        “กรี๊ดดดดดด!” ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังออกมาจากปากของไต้ยู่เหยา อีกฝ่ายเห็นว่าไต้ยู่เหยาเป็นผู้หญิงที่สวยและดูเหมือนเธอจะตื่นตกใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือทำร้ายเธอ อันที่จริงจุดประสงค์ของพวกเขาคือฆ่าผู้ชายให้ตายส่วนสาวงามแน่นอนว่าพวกเธอยังต้องมีชีวิตอยู่

 

                                                               ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                 https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 21 การโจรกรรมข้างถนน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 21 การโจรกรรมข้างถนน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

         

        ระหว่างทางพวกเขาเจอคลื่นผู้คนมากมายที่เดินไปด้วยกันเป็นกลุ่มประมาณ 3-5 คน จะเห็นได้ว่าตอนนี้ทุกคนเริ่มสร้างกลุ่มขึ้นมา โดยพวกเขามีความระมัดระวังตัวระหว่างกันและกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงอยู่ในความสงบและในตอนนี้ก็กำลังหนีไปทางใต้ เมื่อมองเห็นชายเขตเมืองอยู่ไม่ไกลจากแนวสายตา หัวใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความสุข ในเวลานี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้พบรถ 4 คันที่สามารถขับออกจากเมืองได้โดยตรง

        แต่ทว่าเมื่อพวกเขากำลังจะออกจากเมือง จู่ ๆ ก็มีสิ่งกีดขวางปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้ทุกคนต้องหยุดรถ

        ทันทีที่รถหยุดลงผู้คนกว่า 20 คนก็พุ่งออกมาจากข้างทาง ทุกคนถืออาวุธหลากหลายชนิดไว้ในมือไม่เพียงแต่อาวุธจำพวกมีดดาบแต่ยังมีคนอีกสองสามคนที่ถือปืนลูกซองและปืนพกเอาไว้ด้วย เมื่อพิจารณาจากลักษณะและรอยสักแฟนซีของคนเหล่านี้แล้ว คนทั้ง 20 กว่าคนนี้คงเป็นสมาชิกของแก๊งมาเฟียทมิฬที่อยู่ใกล้ ๆ นี้

        “ลงจากรถ!” ชายผู้นำตะโกนใส่พวกเขาพร้อมกับถือปืนลูกซองอยู่ในมือ ส่วนคนอื่น ๆ เคาะหน้าต่างรถด้วยไม้เบสบอลเพื่อเป็นการเพิ่มความกดดันทางจิตใจให้กับไป๋อี้และคนอื่น ๆ

        บรรลัยแน่!

        ไป๋อี้เห็นคนกลุ่มนี้พุ่งออกมาและมีคราบเลือดอยู่ที่พื้นรอบ ๆ โดยพื้นฐานแล้วนั่นทำให้สามารถเดาจุดประสงค์ของคนเหล่านี้ได้ไม่ยาก การโจรกรรมโดยขวางทางออกนอกเมืองและปล้นเสบียงจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา หากไม่ใช่กลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ พื้นฐานแล้วมีเพียงวิธีเดียวที่จะจัดการกับผู้โจมตีมากกว่า 20 คนที่ถืออาวุธครบมือเช่นนี้ … ประนีประนอม อย่างไรก็ตามเกรงว่าการประนีประนอมจะไม่เป็นผลเพราะดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ยอมรามือง่าย ๆ เหมือนการโจรกรรมทั่วไป

        ไป๋อี้เหลือบมองไปที่หงฉี่ฮว๋าและหงฉี่ฮว๋าก็พยักหน้ารับเป็นสัญญาณตอบกลับ

        เห็นได้ชัดว่าหงฉี่ฮว๋าและไป๋อี้กำลังคิดเรื่องเดียวกัน ถ้าพวกมันต้องการเพียงแค่เสบียงอาหารเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยแล้วพวกเขาสามารถให้แก่คนกลุ่มนี้ได้ แต่ทว่าจริง ๆ แล้วประเด็นสำคัญคือผู้หญิงในทีมอย่างหงฉี่ฮว๋า ไต้ยู่เหยา และเจียงหลินหลิน ต่างก็เป็นผู้หญิงสวย ในช่วงเวลาที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ผู้หญิงสวยไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องดีสักเท่าไหร่ ถ้าหากไม่มีความแข็งแกร่งพอในการปกป้องตัวเองชะตากรรมของพวกเธอมักจะตกอยู่ในความน่าสังเวช

        “ลงจากรถทั้งหมดลงมา” ไม้เบสบอลด้านนอกกระแทกกับรถ มีเพียงไม่กี่คนเช่นไป๋อี้ที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้หญิงคนอื่น ๆ อย่างเช่นไต้ยู่เหยาและเจียงหลินหลินต่างตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว

        “ทำอย่างไรดี?” หงฉี่ฮว๋าถาม

        ในรถคันนี้มีไป๋อี้ วูล์ฟ หงฉี่ฮว๋า และโม่โม่ เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ใจเย็นที่สุดก็ว่าได้ ไป๋อี้มองออกไปข้างนอก วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือกลับรถแล้วรีบออกไปจากที่นี่และหลีกเลี่ยงกลุ่มคนโดยออกจากเมืองด้วยถนนเล็ก ๆ สายอื่น แต่ในเวลานี้ฉินข่ายรุ่ย ไต้ยู่เหยา และคนอื่น ๆ ที่ตื่นตระหนกอย่างสิ้นเชิงได้ลงจากรถไปแล้ว

 

        ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ ไม่มีการส่งใบ้สัญญาณใด ๆ และฉินข่ายรุ่ยก็ขี้ขลาดเกินไป

        “ลงจากรถกันเถอะ วูล์ฟอย่าเพิ่งขยับ นายเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขับชน” เมื่อไป๋อี้เห็นว่าคนอื่น ๆ ลงจากรถไปแล้ว พวกเขาก็ต้องรีบทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โชคดีที่หน้าต่างปิดอยู่และถ้าเสียงไม่ดังเกินไปก็จะไม่มีใครได้ยินสิ่งที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ พูด

        ไป๋อี้เปิดประตูและเดินลงไปพร้อมกับหงฉี่ฮว๋า ขณะเดียวกันไป๋อี้ก็จงใจปิดบังตำแหน่งคนขับที่วูล์ฟนั่งอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้คนกลุ่มนั้นสังเกตเห็นวูล์ฟ จริง ๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเกตเห็นเขา ไป๋อี้หวังเพียงว่าคนกลุ่มนี้จะประมาทกับเรื่องนี้ แต่ก่อนอื่นสิ่งที่พวกมันต้องการคือ …

        “พวกแกคิดจะทำอะไร” ไป๋อี้ถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชายคนนั้นในทันที จนมันลืมไปแล้วว่าวูล์ฟยังอยู่ในรถ

        “หึ จะทำอะไรน่ะเหรอ เอาอาหารส่งมาให้พวกเราเร็วเข้า” ชายผู้นำกลุ่มยกปืนลูกซองชี้ตรงไปที่ไป๋อี้

        “พวกเราต้องส่งอาหารให้พวกนายงั้นเหรอ?” ไป๋อี้ถามอีกครั้ง

        “อื้ม ถ้ายอมส่งอาหารมาให้ เราจะปล่อยให้ผ่านไป” ชายผู้นำตอบกลับ แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ผู้หญิงอย่างไม่ละสายตา เห็นได้ชัดว่าแววตาที่คนกลุ่มนี้มองไปยังผู้หญิงเต็มไปด้วยความปรารถนาลึกซึ้ง นอกจากหงฉี่ฮว๋าที่ค่อนข้างสงบนิ่ง ไต้ยู่เหยาและหนิงเสวี่ยก็รู้สึกเป็นกังวลในความปลอดภัยของตนอย่างมาก

        “เอาล่ะ เราจะส่งอาหารให้ แกพูดแล้วต้องไม่คืนคำ” ไป๋อี้กล่าวพลางโค้งตัวเข้าไปในรถราวกับจะหยิบอาหาร เมื่อก้มตัวไปไป๋อี้เหลือบมองไปที่หยูหาน ไป๋อี้หวังเพียงว่าหยูหานจะเข้าใจแผนของเขา ส่วนคนอื่น ๆ ในทีมไป๋อี้ไม่ได้คาดหวังมากนัก

        ในขณะเดียวกันหยูหานก็บังเอิญมองไปที่ไป๋อี้โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจการสบตาแบบนี้หรือไม่

        ไป๋อี้ก้มตัวเข้าไปในรถจากนั้นก็เหลือบมองวูล์ฟ

        “เตรียมตัวชน!” ไป๋อี้พูดด้วยเสียงต่ำแต่วูล์ฟน่าจะได้ยิน ตอนนี้วูล์ฟมีหูสุนัขและประสิทธิภาพการได้ยินของเขาก็เพิ่มขึ้นมาก ในขณะที่ถืออาหารไป ไป๋อี้แตะหัวของโม่โม่แล้วพยักหน้าเล็กน้อยพลางเหลือบมองไปที่ชาร์ไป่อีกครั้ง

        โดยพื้นฐานแล้วนั้นไป๋อี้เป็นหัวหน้าทีม เมื่อไป๋อี้ทำเช่นนี้ฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ ก็คิดว่าถ้าพวกเขาส่งอาหารให้มากพอ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีความขัดแย้งกับคนกลุ่มนี้ ผลที่ออกมาคงไม่เลวร้ายมากนัก ฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ หันไปทางรถและเริ่มเคลื่อนย้ายวัตถุดิบอาหารที่พวกเขารวบรวมมาระหว่างทาง

        อย่างไรก็ตามฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ ไม่มีใครรู้ว่าแผนของไป๋อี้คืออะไร กล่าวคือไม่มีความเข้าใจในการส่งสัญญาณใด ๆ ระหว่างพวกเขาเลย แม้กระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าโลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว และไม่ใช่โลกที่คนอ่อนแอจะเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน

        หึ เอาอาหารไปก่อนจากนั้นก็ค่อยเอาตัวสาวสวยมา ถ้าหากคนกลุ่มนี้มองสถานการณ์ออกก็คงจะไม่สามารถปล่อยพวกเขาไปได้ ซึ่งต่อให้คนกลุ่มนี้มองสถานการณ์ไม่ออกก็คงปล่อยไปไม่ได้อยู่ดี เช่นเดียวกับกลุ่มก่อนหน้านี้ที่ถูกส่งไปลงนรก

        ชายผู้นำแสดงรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปากของเขาอย่างลับ ๆ หลังจากได้พบน้องชายที่ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาก็รู้กันในทันทีว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาขวางถนนและปล้นคนอื่น พวกเขาคุ้นเคยกับ ‘ธุรกิจ’ นี้อยู่แล้ว ทรัพย์สินหลากหลายอย่างสาวงามที่สวยเกินเอื้อมพวกเขาล้วนได้ครอบครองมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย

 

        ในโลกที่สับสนวุ่นวายระเบียบทางสังคมล่มสลาย คนเลวมักจะมีชีวิตที่ดีกว่าคนดีเสมอ!

        ไป๋อี้ออกมาพร้อมกระเป๋าเป้สะพายหลัง เขาดูท่าทีการเคลื่อนไหวของหยูหานและหวังว่าการเคลื่อนไหวของหยูหานจะสอดคล้องกันกับเขา ทางด้านหยูหานเขาก็ชำเลืองมองไปที่ไป๋อี้เล็กน้อยและคาดเดาว่าแผนของไป๋อี้คืออะไร … เราควรจะต่อต้านมัน เมื่อพิจารณาจากนิสัยใจคอของไป๋อี้พวกเราไม่ควรประนีประนอมง่าย ๆ เห็นได้ชัดว่าการประทำของไป๋อี้และเขาสอดคล้องซึ่งกันและกันในเวลาเดียวกัน …!

        ในขณะนั้น!

        หยูหานรู้สึกว่าเขาสามารถเดาแผนของไป๋อี้ได้อย่างแน่นอน ไป๋อี้คว้ากระเป๋าเป้และเดินไปหาชายคนนั้นที่จ่อปืนลูกซองมาที่เขา

        “นี่คืออาหารที่เรารวบรวมมา มันถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเป้สองสามใบ ส่วนใหญ่เป็นเนื้อแห้งซึ่งประทังความหิวได้ดี” ไป๋อี้พูดพลางค่อย ๆ เดินไปหาชายที่ถือปืนลูกซอง เมื่ออีกฝ่ายกำลังเตรียมคุ้มกัน ไป๋อี้ก็โยนกระเป๋าเป้ในมือไปทางชายคนนั้น

        ชายคนนั้นใช้มือคว้าเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งนี่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์

        อย่างไรก็ตามในขณะนี้ไป๋อี้ได้หลอกให้เขาติดกับก่อนจะดึงมีดสับกระดูกออกมาจากข้างหลังของตนเองและฟันไปที่ผู้ชายคนนั้น ในเวลาเดียวกันหงฉี่ฮว๋าก็หาผู้ชายที่ถือปืนพบ กระเป๋าเป้ถูกใช้เป็นที่กำบังจากนั้นการโจมตีก็ถูกเปิดตัวขึ้นด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

        เสียงฟันดังฉับ กลุ่มโจรกรรมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองล้มลงกับพื้น พี่ใหญ่ของกลุ่มถูกไป๋อี้ทำร้าย เขาถูกมีดฟันเข้าที่ศีรษะโดยตรงและทำให้เขาเสียชีวิตเมื่อหงฉี่ฮว๋าจัดการตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอของคู่ต่อสู้ด้วยใบมีดวิลโลว์ขนาดเล็ก

        “ไป๋อี้คุณจะทำอะไร จะฆ่าทุกคนเลยเหรอ!” หยูหานตะโกนออกด้วยความตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก

        อันที่จริงการเคลื่อนไหวของหยูหานไม่ได้ช้าขนาดนั้น เพียงแต่ช้ากว่าไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าไปครึ่งจังหวะ อย่างไรก็ตามเสียงตะโกนของหยูหานนั้นเป็นเหมือนราวกับว่าหลังจากเขาได้เห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋า เขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีต่อต้านออกมา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่หยูหานจะโยนความรับผิดชอบทั้งหมดสำหรับเหตุการณ์นี้ไปให้ไป๋อี้โดยไม่คำนึงว่าสุดท้ายแล้วผลจะเป็นอย่างไร

        “ระวัง!” หยูหานตะโกนออกไป

        เสียงปังดังขึ้น หยูหานไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากปากกระบอกปืนลูกซองยิงพลาดไม่โดนตัวของหยูหาน แต่ทว่าเจียงหลินหลินที่ยืนอยู่ในทิศทางเดียวกันนั้นก็กรีดร้องและล้มลงกับพื้นทันที ในขณะนี้ดาบยาวของหยูหานได้ถูกชักขึ้นมาและฟันเข้าโดยตรงบริเวณหน้าท้องของคู่ต่อสู้

        สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันไม่เพียงทำให้กลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตกตะลึงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไป๋อี้และคนอื่น ๆ ด้วย ในขณะนั้นวูล์ฟก็เข้าเกียร์อย่างรวดเร็วและขับรถพุ่งออกมาตรงเข้าใส่โจรสองสามคนที่อยู่ตรงหน้า นี่เป็นการขับชนโดยมีจุดมุ่งหมาย พวกสวะเคราะห์ร้ายสองสามคนถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างจังก่อนที่จะถูกรถทับ ในเวลาเดียวกันนั้นเองเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

        ขณะนี้ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้รีบตรงไปหาโจรที่เหลือซึ่งพวกเขายังมีอาวุธปืนอยู่

        มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เห็นได้ชัดว่ากลุ่มโจรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยิงตรงไปที่กลุ่มของไป๋อี้และคนอื่น ๆ ส่วนพวกโจรที่มีอาวุธจำพวกมีดดาบก็พุ่งเข้ามาเผชิญหน้ากับฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ โดยตรง

        ความโกลาหลไม่มีกฎเกณฑ์ มันเป็นเพียงการต่อสู้ข้างถนน แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มของไป๋อี้และคนอื่น ๆ กลุ่มโจรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นช่ำชองเรื่องแบบนี้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ จะเป็นความภาคภูมิใจของพระเจ้า (ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่น) เมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม แต่ทว่าผลกลับเปลี่ยนไปทันทีเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีดกรีดลงบนตัวและความเจ็บปวดแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจ ไม่ว่าจะสูญเสียอย่างไรผู้คนก็จะตื่นขึ้นมา

        เมื่อความตื่นตัวของถังปิงมีมากพอ เขาจึงวางแผนที่จะต่อสู้กลับเมื่อฝ่ายตรงข้ามวิ่งเข้ามา แต่ในเวลานี้กระเป๋าปีนเขาที่เขาเลือกมาก่อนหน้านี้กลับเป็นตัวถ่วงที่ไปลดความเร็วในการเคลื่อนไหวของเขาลงอย่างมาก และก่อนที่เขาจะหมุนตัวเขาถูกฟันด้วยมีดและล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว

        ไต้ยู่เหยาเห็นหัวของถังปิงถูกฟันออกมาต่อหน้าต่อตา เลือดของเขาสาดกระเซ็นไปที่ดวงตาของเธอ

 

        “กรี๊ดดดดดด!” ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังออกมาจากปากของไต้ยู่เหยา อีกฝ่ายเห็นว่าไต้ยู่เหยาเป็นผู้หญิงที่สวยและดูเหมือนเธอจะตื่นตกใจ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ลงมือทำร้ายเธอ อันที่จริงจุดประสงค์ของพวกเขาคือฆ่าผู้ชายให้ตายส่วนสาวงามแน่นอนว่าพวกเธอยังต้องมีชีวิตอยู่

 

                                                               ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                 https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+