[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 41 อาวุธในวันโลกาวินาศ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 41 อาวุธในวันโลกาวินาศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อเห็นว่าหยูหานได้เดินจากไปแล้ว ไป๋อี้ก็ทำได้แค่เพียงหลับตาลง แต่ในขณะนี้พวกเขาไม่สามารถรอช้าได้ ไม่อย่างนั้นหยูหานอาจจะเข้าไปในสถานบันวิจัยของอุทยานแห่งชาติตองการิโรแห่งนั้นก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาคงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

        “ปู่ฮาร์วีย์ พาพวกเราไปดูอาวุธในวันโลกาวินาศของคุณได้ไหม ฉันได้ยินมาว่าคุณมีอาวุธที่ยอดเยี่ยมมาก” ไป๋อี้พูดกับปู่ฮาร์วีย์ เดิมทีเพราะการจากไปของหยูหานทำให้เห็นได้ชัดว่าการจากไปในครั้งนี้ต้องทำให้บางคนรู้สึกหดหู่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกดึงดูดความสนใจไปที่อาวุธของปู่ฮาร์วีย์

        “ได้แน่นอน! ทั้งหมดนี้ก็คืออาวุธที่ฉันได้เก็บรวบรวมไว้” ปู่ฮาร์วีย์เป็นคนหนึ่งที่มีความเชื่อในเรื่องของวันโลกาวินาศ  ทุกครั้งที่พูดถึงมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก

        คนอื่น ๆ ค่อนข้างรู้สึกแปลกใจกับอาวุธในวันโลกาวินาศเหล่านี้?

        ในความเป็นจริงแล้วตระกูลโฮล์ปและเมย์ริสทั้งสองคนเข้ามาในฐานใต้ดินแห่งนี้เร็วกว่าไป๋อี้เป็นเวลาไม่นานนัก หลังจากนั้นสัตว์ประหลาดก็ปรากฏตัวขึ้น และทำให้พวกเขาได้พบไป๋อี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังมีพวกเขาอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าปู่ฮาร์วีย์มีสิ่งที่ถูกเรียกว่าอาวุธในวันโลกาวินาศ  สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่มีความละเอียดรอบคอบเท่ากับหงฉี่ฮว๋า

        ปู่ฮาร์วีย์เก็บรวบรวมอาวุธเป็นจำนวนมากมีทั้งอาวุธหนักและอาวุธเบา

        เช่น ดาบญี่ปุ่น  มีดพก  มีดปังตอ มีดมาเชเต้!

        ขวาน ค้อน!

        รวมไปถึงปืนพ่นไฟและปืนตะขอ!

        นอกจากนี้ยังมีปืนพกอีก 20 กระบอกและปืนกลมือ 10 กว่ากระบอก สไนเปอร์ 3 กระบอก ปืนไรเฟิล 2 กระบอกและยังมีกระสุนอีกจำนวนมหาศาล  ถึงแม้ว่าเมื่อนำอาวุธเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับอาวุธของกองทัพแล้วนั้นอาจจะดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเทียบได้เลย แต่เมื่อลองมาคิดดูว่าถ้านี่คือสิ่งที่ปู่ฮาร์วีย์เป็นคนสร้างและรวบรวมขึ้นมามันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากแล้ว และโดยแท้จริงแล้วปู่ฮาร์วีย์ไม่ได้เป็นคนที่เชื่อในเรื่องวันโลกาวินาศได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ถ้าหากฐานใต้ดินแห่งนี้ได้สร้างอาวุธเหล่านี้ขึ้นมา ประชาชนคนธรรมดาอาจจะไม่สามารถเข้าใจและยอมรับกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน

        เพียงแต่ในตอนนี้ไม่มีใครมีอารมณ์ที่จะมาสนใจเรื่องของปู่ฮาร์วีย์เพราะว่าพวกเขากำลังตื่นตาตื่นใจกับอาวุธหายากเหล่านี้

        “สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาใหม่และไม่สามารถหาซื้อได้ ถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับอาวุธของทหารเหล่านั้นก็ตาม แต่ว่าอาวุธเหล่านี้ก็มีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่มาก  แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถใช้เป็นอาวุธในการทหารได้” ปู่ฮาร์วีย์เดินและพูดไปด้วย พวกเขาทุกคนล้วนอยากรู้ถึงอานุภาพที่แท้จริงของอาวุธเหล่านี้ ว่าจะสามารถใช้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้หรือไม่

        “นี่คือปืนพ่นไฟ  มีใครอยากลองใช้มันดูบ้าง” ปู่ฮาร์วีย์ถามและมีบางคนตอบขึ้นมา

        “ฉันอยากลอง มันต้องใช้อย่างไรล่ะ!” ฉินข่ายรุ่ยค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้นกับการทดลองปืนในครั้งนี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครแย่งฉินข่ายรุ่ยในการทดลองเท่าไหร่

        “คุณถือตรงนี้แล้วจะปลอดภัย จำไว้ว่าห้ามเล็งไปที่คนอื่นเพราะอานุภาพในการฆ่าคนของเจ้าสิ่งนี้ร้ายกาจมาก” ปู่ฮาร์วีย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเขายังไม่ได้มอบเจ้าสิ่งนี้ให้กับมือฉินข่ายรุ่ยโดยตรง เขายังพูดอีกว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก  ถ้าคุณคิดว่ากำลังถือของเล่นอยู่ นั่นเป็นความคิดที่ตลกมาก บางที่เจ้าสิ่งนี้อาจจะสามารถฆ่าคนอื่นได้เลย

        ปืนพ่นไฟนี้ต้องใช้กับถังแก๊สบิวเทน มันสามารถที่จะสะพายไว้ข้างหลังได้และมีการเชื่อมต่อไปที่หัวพ่นไฟในมือ อีกทั้งยังสามารถพ่นเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูงและพ่นได้ไกลถึง 4 เมตร มีอุณหภูมิที่สูงถึงหลายพันองศาเซลเซียส มีอานุภาพในการฆ่าและทำให้บาดเจ็บที่รุนแรงมาก เพียงแต่ต้องใช้กับเชื้อเพลิงที่มีอานุภาพรุนแรงเท่านั้น ปู่ฮาร์วีย์มีถังแก๊สบิวเทนอยู่ไม่มากเท่าไหร่ มีเพียงแค่ 20 ถังเท่านั้น และทุก ๆ ถังจะสามารถใช้ได้เพียงครึ่งชั่วโมง  ด้วยเหตุนี้ทำให้คุณไม่สามารถใช้มันอย่างสิ้นเปลืองหรือใช้อย่างไม่ระวังได้

        คนอื่น ๆ กำลังฟังคำอธิบายของปู่ฮาร์วีย์อย่างตั้งใจ เพียงแต่ไม่ได้ตั้งใจฟังทั้งหมดเท่านั้นเอง

        เมื่อปู่ฮาร์วีย์อธิบายและสาธิตเสร็จเรียบร้อย  ฉินข่ายรุ่ยก็ได้หยิบปืนพ่นไฟขึ้นมา  เขาได้ลั่นไกปืนไปยังกระทะที่อยู่ห่างออกไปถึง 3 เมตร

        หึ หึ!  เกิดเสียงหัวเราะขึ้น และทันใดนั้นทุกคนก็ต้องตกใจ!

        เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากหัวปืนในทันที ทันใดนั้นเปลวไฟก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น เกิดเสียงหัวเราะของฉินข่ายรุ่ยด้วยความสะใจจากการเผาไหม้อากาศของเขาอย่างบ้าคลั่ง ภายในไม่ถึง 10 วินาที กระทะใบนั้นก็เริ่มเกิดร่องรอยของการละลายจากเปลวไฟในทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกมาพอสมควรแต่พวกเขาทุกคนกลับสัมผัสได้ถึงความร้อนที่กำลังแผดเผาลมหายใจของพวกเขาอยู่นั่นเอง

        “ฮ่า ๆๆๆ  มันร้ายกาจจริง ๆ!” ฉินข่ายรุ่ยหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าปืนพ่นไฟกระบอกนี้ได้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเขาไปแล้ว

        “หน้าที่ของปืนพ่นไฟกระบอกนี้คือการเชื่อมโลหะเข้าด้วยกัน แต่หลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนปืนกระบอกนี้ขึ้นมาใหม่ ทำให้มันเพิ่มความแข็งแรงและทนทานของเปลวไฟ อีกทั้งระยะห่างของเปลวไฟก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ว่าการปรับเปลี่ยนใหม่จะทำให้อุณหภูมิของเปลวไฟลดลง แต่มันก็ทำให้พวกคุณรู้ถึงอานุภาพของมันแล้ว” ปู่ฮาร์วีย์อธิบาย ออกมาด้วยความภูมิใจ

        รู้ดีเลยล่ะ! รู้ดีอย่างแน่นอน!

        จากการสาธิตของปืนพ่นไฟทำให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยการสาธิตของปืนตะขอมากยิ่งขึ้น

        ปืนตะขอนี้ปลายกระบอกปืนจะเป็นตะขอสามหัวที่มีโลหะผสมเหล็ก มีการใช้ไนโตรเจนเหลวเป็นตัวกระตุ้นและต้องเชื่อมต่อกับสายเคเบิลไทเทเนียมที่มีแรงยึดสูง สามารถใช้ได้ในระยะทาง 20 เมตร แม้กระทั่งสะพานที่มีความหนาถึง 1 เมตรปืนนี้ก็สามารถแทงทะลุได้ เมื่อปลายประบอกปืนแทงทะลุเข้าไปภายในวัตถุแล้ว หลังจากนั้นมันจะยึดติดกับวัตถุไว้โดยอัตโนมัติ  การใช้สายไทเทเนียมที่มีแรงยึดสูง มันจะสามารถดึงและยึดติดกับสิ่งของอะไรก็ได้ แน่นอนว่าเมื่อคุณใช้กับสัตว์ประหลาดจริง ๆ มีแนวโน้มสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ที่มันจะถูกปืนตะขอดึงหรือยึดไว้อย่างแน่นอน       

        หลังจากที่ฉินข่ายรุ่ยได้ลองใช้ปืนพ่นไฟแล้วเขายังต้องการที่จะทดลองใช้ปืนตะขออีกด้วย แต่หงฉี่ฮว๋าได้เดินออกไปรับปืนตะขอมาจากปู่ฮาร์วีย์เสียก่อน หงฉี่ฮว๋าและฉินข่ายรุ่ยมองหน้ากันอยู่สักครู่ฉินข่ายรุ่ยก็เป็นฝ่ายเดินออกมาอย่างง่ายดาย

        หงฉี่ฮว๋าได้ถือปืนตะขอที่มีขนาดความยาวถึง 1 เมตร เธอทำการเล็งไปยังกำแพงที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้า

        ทุกคนรอดูการทดลองปืนตะขอของหงฉี่ฮว๋าด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่หงฉี่ฮว๋าได้เล็งไปที่เป้าหมาย เขาก็ได้ทำการลั่นไกยิงเข้าไปที่กำแพง

        ปึง! หงฉี่ฮว๋ารู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแรงบางอย่างกระชากไปข้างหน้าอย่างรุนแรงเมื่อตะขอปลายปืนถูกตอกเข้ากับกำแพง ด้วยความยาวเกือบครึ่งเมตรทำให้มันถูกฝังเข้ากับกำแพงในทันที เมื่อตะขอปลายปืนถูกเชื่อมกับสายเคเบิลไทเทเนียมส่งผลให้มันกลายเป็นสายเคเบิล 1 เส้นที่เชื่อมต่อระหว่างปลายตะขอและตัวกระบอกปืนนั่นเอง

        อาวุธสังหาร!

        ปลายปืนกระบอกนั้นถูกฝังลึกเข้าไปภายในกำแพงอย่างน้อยครึ่งเมตรเลยที่เดียว ถ้านี่คือสัตว์ประหลาดทั่วไป คาดว่ามันจะต้องถูกยิงเข้าที่กลางลำตัวอย่างแน่นอน แต่การใช้อาวุธชนิดนี้บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอันตรายกับสัตว์ประหลาดบางชนิด อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ใช้อาวุธชนิดนี้พวกคุณต้องคอยระวังอยู่เสมอ เมื่ออาวุธนี้ถูกเชื่อมต่อกับสายเคเบิลและนำไปใช้เพื่อจับสัตว์ประหลาดมันอาจจะเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น

 

        “ฉันคิดว่าคุณคงไม่ต้องสาธิตการใช้อาวุธชนิดนี้แล้ว เดิมทีคุณต้องรอให้ซอมบี้มาแล้วค่อยยิงเข้าที่หัวของมัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่านี่จะไม่ใช่วิกฤตไวรัสซอมบี้  ขยะสังคมจริง ๆ! วันก่อนฉันใช้ปืนนี้ยิงสัตว์ประหลาดอยู่สักพักใหญ่ แต่ผลที่ออกมาคือไม่มีสัตว์ประหลาดตัวไหนตายเลย ….”  ปู่ฮาร์วีย์พึมพำออกมา และใช้ปืนชี้ไปที่ฝ่ายตรงข้าม การมีปืนไว้ครอบครองในนิวซีแลนด์ถือว่าเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทุกครอบครัวที่มี แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว 

        ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าหันมาสบตากัน วันโลกาวินาศที่ปู่ฮาร์วีย์คิดก็คือวิกฤตไวรัสซอมบี้ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดที่มียีสต์ผสมในปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายในรูปแบบซอมบี้อีกต่อไป ถ้าหากปู่ฮาร์วีย์เข้าร่วมกับอุดมการณ์นี้เขาจะต้องรู้สึกสนุกกับการยิงหัวซอมบี้อย่างแน่นอน แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้

        ในเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้เข้ามาในสถานที่หนึ่งที่คล้ายกับสถานที่ประชุมเชิงปฏิบัติการ ภายในห้องมีเหล็กและมีดวางกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกบริเวณ ในบรรดามีดเหล่านี้บางส่วนถูกซื้อมา แต่มีบางส่วนที่ทำขึ้นมาเอง เหล็กที่ใช้ในการทำมีดนั้นมีตั้งแต่เหล็กทั่วไปจนถึงเหล็กอัลลอยด์ที่หายากและมีความแข็งมากนั่นเอง เช่น  SanMailll ( มีดพก ) เหล็กบางชนิดที่มีการเคลือบเงา ใบมีดที่มีการบรรจุปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงภายในจุดสำคัญช่วงตรงกลางของใบมีด ใบมีดทั้งสองได้ได้ถูกนำไปรนไฟทำให้เพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านความแข็งแรงและความเหนียวของใบมีด นอกจากนี้ยังมี AST-34 เหล็กชนิดนี้…” เมื่อได้พูดถึงอาวุธเบาปู่ฮาร์วีย์ก็ดูตื่นเต้นขึ้นมา

        ในขณะนั้นได้เกิดความประหลาดใจขึ้นภายในดวงตาของคนอื่น ๆ ที่ยืนดูปู่ฮาร์วีย์เก็บรวบรวมอาวุธเหล่านี้

        “ระวังหน่อยนะ ถึงแม้ว่ามีดเหล่านี้จะไม่ได้ดูมีประสิทธิภาพมากก็ตาม แต่มันมีประสิทธิภาพมากกว่าสินค้าในท้องตลาดอย่างแน่นอน!” ปู่ฮาร์วีย์ได้พูดเตือนพวกเขาขึ้นมา

        มีดเหล่านี้เป็นมีดที่ไม่ได้ทำด้ามจับขึ้นมา ดังนั้นจึงจะถูกนำไปเก็บไว้ในโกดัง มีพวกเขาบางคนเดินเข้ามาหยิบขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้น และได้ดึงออกมาเผื่อตรวจสอบ ตัวมีดมีผิวสัมผัสหยาบเล็กน้อยและมีความคมมาก เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ปู่ฮาร์วีย์สร้างขึ้นมาด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพและยิ่งทำให้คนชื่นชมในตัวของเขา

        “ปู่ฮาร์วีย์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณสักหน่อย มันอาจจะไม่สำคัญแต่ฉันจำเป็นต้องบอกคุณ” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็พูดกับปู่ฮาร์วีย์

        “เรื่องอะไรล่ะ!” ปู่ฮาร์วีย์ได้ถามกลับไป  ในเวลานี้คนอื่นก็ ๆ อดที่จะสนใจบทสนทนาระหว่างไป๋อี้และปู่ฮาร์วีย์ไม่ได้ ณ ฐานใต้ดินแห่งนี้และในช่วงเวลานี้ไป๋อี้เป็นคนที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุด ไม่ว่าไป๋อี้จะคิดหรือจะทำอะไร คนอื่นก็ไม่สามารถขัดขวางเขาได้

        “ที่จริงแล้วพวกเรากำลังวางแผนที่จะออกจากฐานใต้ดินแห่งนี้ ดังนั้นฉันต้องการที่จะขออาวุธบางอย่างจากคุณ” ไป๋อี้ได้มองหน้าปู่ฮาร์วีย์และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

        “พวกคุณจะต้องไปแล้วใช่ไหม”

        “อืม!” ไป๋อี้พยักหน้าตอบรับ

        “จริงเหรอ .. เฮ้อ! งั้นก็ได้ พวกคุณต้องการเท่าไหร่ล่ะ” ปู่ฮาร์วีย์ได้ถามกลับ

        อีกด้านหนึ่ง งฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ เกิดความกังวลเล็กน้อย พวกเขาอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับไม่มีใครกล้ายืนขึ้นแล้วพูดอะไรเลย ถึงแม้ที่ผ่านมาพวกเขาจะพบกับเหตุการณ์อันตรายมามากมาย แต่พวกเขาไม่อยากจะไปต่อเพื่อเสี่ยงกับสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากฐานใต้ดินแห่งนี้ไม่มีอาวุธ ไม่มีอุปกรณ์ยังชีพ พวกเขาก็จะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลที่จะพูดกับไป๋อี้

        “อาวุธหนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคน รวมถึงปืนตะขอ ปืนพก 5 กระบอก ปืนกลมือ 2 กระบอก ปืนไรเฟิล 1 กระบอก และกระสุนที่เพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนอุปกรณ์ยังชีพพวกเราต้องการเพียงแค่ซากศพของหอยทากและซากศพของจระเข้เท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องการขอแป้งสาลีเพิ่ม 1 ตันและข้าวอีก 1 ตัน” ไป๋อี้ได้พูดขึ้นมา

        เดิมทีไป๋อี้ไม่ได้เป็นคนที่คิดหรือวางแผนก่อนว่าจะพูดอะไร เขามักจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเสมอ นอกจากนี้ไป๋อี้ยังต้องการสิ่งของในฐานใต้ดินนี้อีกไม่น้อยเลย  และปู่ฮาร์วีย์ก็ยังมีทรัพยากรสำรองอยู่ภายในฐานใต้ดินแห่งนี้อีกมากมายเลยทีเดียว

        “ได้ ในเมื่อพวกคุณต้องการไปจากที่นี่ ก็ทำอะไรไม่ได้” ปู่ฮาร์วีย์พยักหน้าเล็กน้อย

        “พูดออกมาได้เลยว่าพวกคุณที่ต้องการไปจากที่นี่มีใครบ้าง?”

        ไป๋อี้ยิ้มออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเพื่อน ๆ ของเขาประมาณสองสามคนก็เดินไปอยู่ข้างหลังไป๋อี้ 1.ไป๋อี้ 2.โม่โม่และชาร์ไป่ 3. หงฉี่ฮว๋า 4.วูล์ฟ 5.เฮลัวส์ 6.มาร์ตินแอนเดอร์สัน 7. เมย์ริส 8. ซาร่า

        ไป๋อี้ไม่ได้ถามว่าใครอยากอยู่ฐานใต้ดินนี้บ้างหรือมีใครอยากไปสถานบันวิจัยของอุทยานแห่งชาติตองการิโรบ้าง ที่ไป๋อี้ไม่ได้ถามคนอื่น ๆ เพราะว่าเขาเคยถามแบบนี้ไปแล้วและทำให้เขารู้คำตอบว่าคนอื่น ๆ ต้องไปกับเขาแน่นอน แต่ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ของหยูหานครั้งนั้นมา ไป๋อี้ก็ไม่ต้องการสนิทคุ้นเคยกับคนในทีมและไม่ต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว

        “ดูเหมือนว่าพวกคุณจะตัดสินใจมานานแล้ว ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้เถอะ ฉันอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก อีกทั้งอาวุธเบาก็ยังมีอยู่เยอะมาก” ปู่ฮาร์วีย์พยักหน้าเล็กน้อย

 

                                       ————————

         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                         https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 41 อาวุธในวันโลกาวินาศ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 41 อาวุธในวันโลกาวินาศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อเห็นว่าหยูหานได้เดินจากไปแล้ว ไป๋อี้ก็ทำได้แค่เพียงหลับตาลง แต่ในขณะนี้พวกเขาไม่สามารถรอช้าได้ ไม่อย่างนั้นหยูหานอาจจะเข้าไปในสถานบันวิจัยของอุทยานแห่งชาติตองการิโรแห่งนั้นก่อน ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาคงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

        “ปู่ฮาร์วีย์ พาพวกเราไปดูอาวุธในวันโลกาวินาศของคุณได้ไหม ฉันได้ยินมาว่าคุณมีอาวุธที่ยอดเยี่ยมมาก” ไป๋อี้พูดกับปู่ฮาร์วีย์ เดิมทีเพราะการจากไปของหยูหานทำให้เห็นได้ชัดว่าการจากไปในครั้งนี้ต้องทำให้บางคนรู้สึกหดหู่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกดึงดูดความสนใจไปที่อาวุธของปู่ฮาร์วีย์

        “ได้แน่นอน! ทั้งหมดนี้ก็คืออาวุธที่ฉันได้เก็บรวบรวมไว้” ปู่ฮาร์วีย์เป็นคนหนึ่งที่มีความเชื่อในเรื่องของวันโลกาวินาศ  ทุกครั้งที่พูดถึงมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก

        คนอื่น ๆ ค่อนข้างรู้สึกแปลกใจกับอาวุธในวันโลกาวินาศเหล่านี้?

        ในความเป็นจริงแล้วตระกูลโฮล์ปและเมย์ริสทั้งสองคนเข้ามาในฐานใต้ดินแห่งนี้เร็วกว่าไป๋อี้เป็นเวลาไม่นานนัก หลังจากนั้นสัตว์ประหลาดก็ปรากฏตัวขึ้น และทำให้พวกเขาได้พบไป๋อี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังมีพวกเขาอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าปู่ฮาร์วีย์มีสิ่งที่ถูกเรียกว่าอาวุธในวันโลกาวินาศ  สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่มีความละเอียดรอบคอบเท่ากับหงฉี่ฮว๋า

        ปู่ฮาร์วีย์เก็บรวบรวมอาวุธเป็นจำนวนมากมีทั้งอาวุธหนักและอาวุธเบา

        เช่น ดาบญี่ปุ่น  มีดพก  มีดปังตอ มีดมาเชเต้!

        ขวาน ค้อน!

        รวมไปถึงปืนพ่นไฟและปืนตะขอ!

        นอกจากนี้ยังมีปืนพกอีก 20 กระบอกและปืนกลมือ 10 กว่ากระบอก สไนเปอร์ 3 กระบอก ปืนไรเฟิล 2 กระบอกและยังมีกระสุนอีกจำนวนมหาศาล  ถึงแม้ว่าเมื่อนำอาวุธเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับอาวุธของกองทัพแล้วนั้นอาจจะดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเทียบได้เลย แต่เมื่อลองมาคิดดูว่าถ้านี่คือสิ่งที่ปู่ฮาร์วีย์เป็นคนสร้างและรวบรวมขึ้นมามันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากแล้ว และโดยแท้จริงแล้วปู่ฮาร์วีย์ไม่ได้เป็นคนที่เชื่อในเรื่องวันโลกาวินาศได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ถ้าหากฐานใต้ดินแห่งนี้ได้สร้างอาวุธเหล่านี้ขึ้นมา ประชาชนคนธรรมดาอาจจะไม่สามารถเข้าใจและยอมรับกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน

        เพียงแต่ในตอนนี้ไม่มีใครมีอารมณ์ที่จะมาสนใจเรื่องของปู่ฮาร์วีย์เพราะว่าพวกเขากำลังตื่นตาตื่นใจกับอาวุธหายากเหล่านี้

        “สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาใหม่และไม่สามารถหาซื้อได้ ถึงแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับอาวุธของทหารเหล่านั้นก็ตาม แต่ว่าอาวุธเหล่านี้ก็มีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่มาก  แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถใช้เป็นอาวุธในการทหารได้” ปู่ฮาร์วีย์เดินและพูดไปด้วย พวกเขาทุกคนล้วนอยากรู้ถึงอานุภาพที่แท้จริงของอาวุธเหล่านี้ ว่าจะสามารถใช้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้หรือไม่

        “นี่คือปืนพ่นไฟ  มีใครอยากลองใช้มันดูบ้าง” ปู่ฮาร์วีย์ถามและมีบางคนตอบขึ้นมา

        “ฉันอยากลอง มันต้องใช้อย่างไรล่ะ!” ฉินข่ายรุ่ยค่อนข้างรู้สึกตื่นเต้นกับการทดลองปืนในครั้งนี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครแย่งฉินข่ายรุ่ยในการทดลองเท่าไหร่

        “คุณถือตรงนี้แล้วจะปลอดภัย จำไว้ว่าห้ามเล็งไปที่คนอื่นเพราะอานุภาพในการฆ่าคนของเจ้าสิ่งนี้ร้ายกาจมาก” ปู่ฮาร์วีย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเขายังไม่ได้มอบเจ้าสิ่งนี้ให้กับมือฉินข่ายรุ่ยโดยตรง เขายังพูดอีกว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก  ถ้าคุณคิดว่ากำลังถือของเล่นอยู่ นั่นเป็นความคิดที่ตลกมาก บางที่เจ้าสิ่งนี้อาจจะสามารถฆ่าคนอื่นได้เลย

        ปืนพ่นไฟนี้ต้องใช้กับถังแก๊สบิวเทน มันสามารถที่จะสะพายไว้ข้างหลังได้และมีการเชื่อมต่อไปที่หัวพ่นไฟในมือ อีกทั้งยังสามารถพ่นเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูงและพ่นได้ไกลถึง 4 เมตร มีอุณหภูมิที่สูงถึงหลายพันองศาเซลเซียส มีอานุภาพในการฆ่าและทำให้บาดเจ็บที่รุนแรงมาก เพียงแต่ต้องใช้กับเชื้อเพลิงที่มีอานุภาพรุนแรงเท่านั้น ปู่ฮาร์วีย์มีถังแก๊สบิวเทนอยู่ไม่มากเท่าไหร่ มีเพียงแค่ 20 ถังเท่านั้น และทุก ๆ ถังจะสามารถใช้ได้เพียงครึ่งชั่วโมง  ด้วยเหตุนี้ทำให้คุณไม่สามารถใช้มันอย่างสิ้นเปลืองหรือใช้อย่างไม่ระวังได้

        คนอื่น ๆ กำลังฟังคำอธิบายของปู่ฮาร์วีย์อย่างตั้งใจ เพียงแต่ไม่ได้ตั้งใจฟังทั้งหมดเท่านั้นเอง

        เมื่อปู่ฮาร์วีย์อธิบายและสาธิตเสร็จเรียบร้อย  ฉินข่ายรุ่ยก็ได้หยิบปืนพ่นไฟขึ้นมา  เขาได้ลั่นไกปืนไปยังกระทะที่อยู่ห่างออกไปถึง 3 เมตร

        หึ หึ!  เกิดเสียงหัวเราะขึ้น และทันใดนั้นทุกคนก็ต้องตกใจ!

        เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากหัวปืนในทันที ทันใดนั้นเปลวไฟก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น เกิดเสียงหัวเราะของฉินข่ายรุ่ยด้วยความสะใจจากการเผาไหม้อากาศของเขาอย่างบ้าคลั่ง ภายในไม่ถึง 10 วินาที กระทะใบนั้นก็เริ่มเกิดร่องรอยของการละลายจากเปลวไฟในทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกมาพอสมควรแต่พวกเขาทุกคนกลับสัมผัสได้ถึงความร้อนที่กำลังแผดเผาลมหายใจของพวกเขาอยู่นั่นเอง

        “ฮ่า ๆๆๆ  มันร้ายกาจจริง ๆ!” ฉินข่ายรุ่ยหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าปืนพ่นไฟกระบอกนี้ได้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเขาไปแล้ว

        “หน้าที่ของปืนพ่นไฟกระบอกนี้คือการเชื่อมโลหะเข้าด้วยกัน แต่หลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนปืนกระบอกนี้ขึ้นมาใหม่ ทำให้มันเพิ่มความแข็งแรงและทนทานของเปลวไฟ อีกทั้งระยะห่างของเปลวไฟก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย ถึงแม้ว่าการปรับเปลี่ยนใหม่จะทำให้อุณหภูมิของเปลวไฟลดลง แต่มันก็ทำให้พวกคุณรู้ถึงอานุภาพของมันแล้ว” ปู่ฮาร์วีย์อธิบาย ออกมาด้วยความภูมิใจ

        รู้ดีเลยล่ะ! รู้ดีอย่างแน่นอน!

        จากการสาธิตของปืนพ่นไฟทำให้ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยการสาธิตของปืนตะขอมากยิ่งขึ้น

        ปืนตะขอนี้ปลายกระบอกปืนจะเป็นตะขอสามหัวที่มีโลหะผสมเหล็ก มีการใช้ไนโตรเจนเหลวเป็นตัวกระตุ้นและต้องเชื่อมต่อกับสายเคเบิลไทเทเนียมที่มีแรงยึดสูง สามารถใช้ได้ในระยะทาง 20 เมตร แม้กระทั่งสะพานที่มีความหนาถึง 1 เมตรปืนนี้ก็สามารถแทงทะลุได้ เมื่อปลายประบอกปืนแทงทะลุเข้าไปภายในวัตถุแล้ว หลังจากนั้นมันจะยึดติดกับวัตถุไว้โดยอัตโนมัติ  การใช้สายไทเทเนียมที่มีแรงยึดสูง มันจะสามารถดึงและยึดติดกับสิ่งของอะไรก็ได้ แน่นอนว่าเมื่อคุณใช้กับสัตว์ประหลาดจริง ๆ มีแนวโน้มสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ที่มันจะถูกปืนตะขอดึงหรือยึดไว้อย่างแน่นอน       

        หลังจากที่ฉินข่ายรุ่ยได้ลองใช้ปืนพ่นไฟแล้วเขายังต้องการที่จะทดลองใช้ปืนตะขออีกด้วย แต่หงฉี่ฮว๋าได้เดินออกไปรับปืนตะขอมาจากปู่ฮาร์วีย์เสียก่อน หงฉี่ฮว๋าและฉินข่ายรุ่ยมองหน้ากันอยู่สักครู่ฉินข่ายรุ่ยก็เป็นฝ่ายเดินออกมาอย่างง่ายดาย

        หงฉี่ฮว๋าได้ถือปืนตะขอที่มีขนาดความยาวถึง 1 เมตร เธอทำการเล็งไปยังกำแพงที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้า

        ทุกคนรอดูการทดลองปืนตะขอของหงฉี่ฮว๋าด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่หงฉี่ฮว๋าได้เล็งไปที่เป้าหมาย เขาก็ได้ทำการลั่นไกยิงเข้าไปที่กำแพง

        ปึง! หงฉี่ฮว๋ารู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแรงบางอย่างกระชากไปข้างหน้าอย่างรุนแรงเมื่อตะขอปลายปืนถูกตอกเข้ากับกำแพง ด้วยความยาวเกือบครึ่งเมตรทำให้มันถูกฝังเข้ากับกำแพงในทันที เมื่อตะขอปลายปืนถูกเชื่อมกับสายเคเบิลไทเทเนียมส่งผลให้มันกลายเป็นสายเคเบิล 1 เส้นที่เชื่อมต่อระหว่างปลายตะขอและตัวกระบอกปืนนั่นเอง

        อาวุธสังหาร!

        ปลายปืนกระบอกนั้นถูกฝังลึกเข้าไปภายในกำแพงอย่างน้อยครึ่งเมตรเลยที่เดียว ถ้านี่คือสัตว์ประหลาดทั่วไป คาดว่ามันจะต้องถูกยิงเข้าที่กลางลำตัวอย่างแน่นอน แต่การใช้อาวุธชนิดนี้บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นอันตรายกับสัตว์ประหลาดบางชนิด อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ใช้อาวุธชนิดนี้พวกคุณต้องคอยระวังอยู่เสมอ เมื่ออาวุธนี้ถูกเชื่อมต่อกับสายเคเบิลและนำไปใช้เพื่อจับสัตว์ประหลาดมันอาจจะเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น

 

        “ฉันคิดว่าคุณคงไม่ต้องสาธิตการใช้อาวุธชนิดนี้แล้ว เดิมทีคุณต้องรอให้ซอมบี้มาแล้วค่อยยิงเข้าที่หัวของมัน แต่นึกไม่ถึงเลยว่านี่จะไม่ใช่วิกฤตไวรัสซอมบี้  ขยะสังคมจริง ๆ! วันก่อนฉันใช้ปืนนี้ยิงสัตว์ประหลาดอยู่สักพักใหญ่ แต่ผลที่ออกมาคือไม่มีสัตว์ประหลาดตัวไหนตายเลย ….”  ปู่ฮาร์วีย์พึมพำออกมา และใช้ปืนชี้ไปที่ฝ่ายตรงข้าม การมีปืนไว้ครอบครองในนิวซีแลนด์ถือว่าเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทุกครอบครัวที่มี แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว 

        ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าหันมาสบตากัน วันโลกาวินาศที่ปู่ฮาร์วีย์คิดก็คือวิกฤตไวรัสซอมบี้ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดที่มียีสต์ผสมในปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายในรูปแบบซอมบี้อีกต่อไป ถ้าหากปู่ฮาร์วีย์เข้าร่วมกับอุดมการณ์นี้เขาจะต้องรู้สึกสนุกกับการยิงหัวซอมบี้อย่างแน่นอน แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้

        ในเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้เข้ามาในสถานที่หนึ่งที่คล้ายกับสถานที่ประชุมเชิงปฏิบัติการ ภายในห้องมีเหล็กและมีดวางกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกบริเวณ ในบรรดามีดเหล่านี้บางส่วนถูกซื้อมา แต่มีบางส่วนที่ทำขึ้นมาเอง เหล็กที่ใช้ในการทำมีดนั้นมีตั้งแต่เหล็กทั่วไปจนถึงเหล็กอัลลอยด์ที่หายากและมีความแข็งมากนั่นเอง เช่น  SanMailll ( มีดพก ) เหล็กบางชนิดที่มีการเคลือบเงา ใบมีดที่มีการบรรจุปริมาณของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงภายในจุดสำคัญช่วงตรงกลางของใบมีด ใบมีดทั้งสองได้ได้ถูกนำไปรนไฟทำให้เพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านความแข็งแรงและความเหนียวของใบมีด นอกจากนี้ยังมี AST-34 เหล็กชนิดนี้…” เมื่อได้พูดถึงอาวุธเบาปู่ฮาร์วีย์ก็ดูตื่นเต้นขึ้นมา

        ในขณะนั้นได้เกิดความประหลาดใจขึ้นภายในดวงตาของคนอื่น ๆ ที่ยืนดูปู่ฮาร์วีย์เก็บรวบรวมอาวุธเหล่านี้

        “ระวังหน่อยนะ ถึงแม้ว่ามีดเหล่านี้จะไม่ได้ดูมีประสิทธิภาพมากก็ตาม แต่มันมีประสิทธิภาพมากกว่าสินค้าในท้องตลาดอย่างแน่นอน!” ปู่ฮาร์วีย์ได้พูดเตือนพวกเขาขึ้นมา

        มีดเหล่านี้เป็นมีดที่ไม่ได้ทำด้ามจับขึ้นมา ดังนั้นจึงจะถูกนำไปเก็บไว้ในโกดัง มีพวกเขาบางคนเดินเข้ามาหยิบขึ้นมาดูด้วยความตื่นเต้น และได้ดึงออกมาเผื่อตรวจสอบ ตัวมีดมีผิวสัมผัสหยาบเล็กน้อยและมีความคมมาก เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ปู่ฮาร์วีย์สร้างขึ้นมาด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพและยิ่งทำให้คนชื่นชมในตัวของเขา

        “ปู่ฮาร์วีย์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณสักหน่อย มันอาจจะไม่สำคัญแต่ฉันจำเป็นต้องบอกคุณ” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็พูดกับปู่ฮาร์วีย์

        “เรื่องอะไรล่ะ!” ปู่ฮาร์วีย์ได้ถามกลับไป  ในเวลานี้คนอื่นก็ ๆ อดที่จะสนใจบทสนทนาระหว่างไป๋อี้และปู่ฮาร์วีย์ไม่ได้ ณ ฐานใต้ดินแห่งนี้และในช่วงเวลานี้ไป๋อี้เป็นคนที่มีอำนาจและอิทธิพลมากที่สุด ไม่ว่าไป๋อี้จะคิดหรือจะทำอะไร คนอื่นก็ไม่สามารถขัดขวางเขาได้

        “ที่จริงแล้วพวกเรากำลังวางแผนที่จะออกจากฐานใต้ดินแห่งนี้ ดังนั้นฉันต้องการที่จะขออาวุธบางอย่างจากคุณ” ไป๋อี้ได้มองหน้าปู่ฮาร์วีย์และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

        “พวกคุณจะต้องไปแล้วใช่ไหม”

        “อืม!” ไป๋อี้พยักหน้าตอบรับ

        “จริงเหรอ .. เฮ้อ! งั้นก็ได้ พวกคุณต้องการเท่าไหร่ล่ะ” ปู่ฮาร์วีย์ได้ถามกลับ

        อีกด้านหนึ่ง งฉินข่ายรุ่ยและคนอื่น ๆ เกิดความกังวลเล็กน้อย พวกเขาอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับไม่มีใครกล้ายืนขึ้นแล้วพูดอะไรเลย ถึงแม้ที่ผ่านมาพวกเขาจะพบกับเหตุการณ์อันตรายมามากมาย แต่พวกเขาไม่อยากจะไปต่อเพื่อเสี่ยงกับสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากฐานใต้ดินแห่งนี้ไม่มีอาวุธ ไม่มีอุปกรณ์ยังชีพ พวกเขาก็จะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลที่จะพูดกับไป๋อี้

        “อาวุธหนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคน รวมถึงปืนตะขอ ปืนพก 5 กระบอก ปืนกลมือ 2 กระบอก ปืนไรเฟิล 1 กระบอก และกระสุนที่เพียงพอต่อการใช้งาน ส่วนอุปกรณ์ยังชีพพวกเราต้องการเพียงแค่ซากศพของหอยทากและซากศพของจระเข้เท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องการขอแป้งสาลีเพิ่ม 1 ตันและข้าวอีก 1 ตัน” ไป๋อี้ได้พูดขึ้นมา

        เดิมทีไป๋อี้ไม่ได้เป็นคนที่คิดหรือวางแผนก่อนว่าจะพูดอะไร เขามักจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเสมอ นอกจากนี้ไป๋อี้ยังต้องการสิ่งของในฐานใต้ดินนี้อีกไม่น้อยเลย  และปู่ฮาร์วีย์ก็ยังมีทรัพยากรสำรองอยู่ภายในฐานใต้ดินแห่งนี้อีกมากมายเลยทีเดียว

        “ได้ ในเมื่อพวกคุณต้องการไปจากที่นี่ ก็ทำอะไรไม่ได้” ปู่ฮาร์วีย์พยักหน้าเล็กน้อย

        “พูดออกมาได้เลยว่าพวกคุณที่ต้องการไปจากที่นี่มีใครบ้าง?”

        ไป๋อี้ยิ้มออกมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเพื่อน ๆ ของเขาประมาณสองสามคนก็เดินไปอยู่ข้างหลังไป๋อี้ 1.ไป๋อี้ 2.โม่โม่และชาร์ไป่ 3. หงฉี่ฮว๋า 4.วูล์ฟ 5.เฮลัวส์ 6.มาร์ตินแอนเดอร์สัน 7. เมย์ริส 8. ซาร่า

        ไป๋อี้ไม่ได้ถามว่าใครอยากอยู่ฐานใต้ดินนี้บ้างหรือมีใครอยากไปสถานบันวิจัยของอุทยานแห่งชาติตองการิโรบ้าง ที่ไป๋อี้ไม่ได้ถามคนอื่น ๆ เพราะว่าเขาเคยถามแบบนี้ไปแล้วและทำให้เขารู้คำตอบว่าคนอื่น ๆ ต้องไปกับเขาแน่นอน แต่ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ของหยูหานครั้งนั้นมา ไป๋อี้ก็ไม่ต้องการสนิทคุ้นเคยกับคนในทีมและไม่ต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว

        “ดูเหมือนว่าพวกคุณจะตัดสินใจมานานแล้ว ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้เถอะ ฉันอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก อีกทั้งอาวุธเบาก็ยังมีอยู่เยอะมาก” ปู่ฮาร์วีย์พยักหน้าเล็กน้อย

 

                                       ————————

         อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                         https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+