[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กระสุน กระสุนถูกสะท้อนกลับทันที!

  ในแววตาของหงฉี่ฮว๋าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่เธอยิงไปเมื่อสักครู่นี้คือบริเวณศีรษะของเขา เหมือนกับที่ไป๋อี้กล่าวไว้ไม่มีผิด เนื่องจากความแข็งแกร่งของแต่ละคนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาวุธจำพวกปืนซึ่งเดิมทีเป็นอาวุธที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสัตว์โลกกลับมีอานุภาพน้อยลง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความสามารถที่บุคคลธรรมดาสามารถทำได้ อย่างน้อยหงฉี่ฮว๋าก็รู้ดีว่าไม่มีใครในทีมของพวกเธอที่จะสามารถสะท้อนกระสุนกลับมาแบบนี้ได้

  อย่างไรก็ตามแม้ว่าเบ็นสันจะสะท้อนกระสุนออกมาได้ทั้งสองนัด แต่ก็ไม่ควรประมาทการโจมตีของไป๋อี้ เขาถือดาบและหมุนตัวพุ่งไปฟันเข้าที่น่องของเบ็นสันทันที ทำให้เบ็นสันส่งเสียงกรีดร้องอย่างแสนสาหัส ดาบคะตะนะที่คมพร้อมกับแรงส่งจากพละกำลังในปัจจุบันของไป๋อี้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขามากกว่ากระสุนธรรมดา ๆ เสียอีก

  “อ๊ากกกก~!” เบ็นสันร้องคร่ำครวญออกมา พร้อมใช้แขนอีกสองข้างของเขาคว้าไป๋อี้เอาไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว 

        ทันใดนั้นร่างของไป๋อี้ก็พลิกคว่ำตัวลง เขาใช้ดาบคะตะนะฟันไปที่ฝ่ามือของเบ็นสันอีกครั้ง คราวนี้ไป๋อี้กวัดแกว่งดาบคะตะนะของเขาไปมา เขาไม่กล้าปล่อยให้เบ็นสันจับมันได้ง่าย ๆ อีกแล้ว เฮลัวส์มีปืนสไนเปอร์อยู่ในมือและเธอก็ซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่ตอนเริ่มการต่อสู้ เธอไม่ได้ยิงปืนออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า และในตอนนี้เธอก็เหนี่ยวไกทันทีโดยไม่ลังเล  

  เบ็นสันอ้าปากหวออย่างน่าเวทนา!

  กระสุนสไนเปอร์หมุนด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่ปากของเบ็นสัน ในขณะนั้นเบ็นสันมองไปทางเฮลัวส์ เดิมทีที่เขาอ้าปากเหวออยู่แล้วปากเขาก็ขยายกว้างขึ้นไปอีก

  ตายแน่?

  ความคิดนี้แวบผ่านในหัวของเฮลัวส์ไปและในชั่วพริบตาต่อมาคลื่นเสียงที่รุนแรงก็ดังออกมาจากปากของเบ็นสัน ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดูเหมือนอากาศโดยรอบจะสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงเป็นระลอกคลื่นใส ๆ กระสุนสไนเปอร์เริ่มช้าลงและหยุดด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นกระสุนก็เด้งกลับออกมา

  เสียงดังกระหึ่งอยู่ในโสตประสาทของทุกคน และทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ

  ไม่กี่วินาทีต่อมา การโจมตีด้วยคลื่นเสียงที่ทรงพลังก็หยุดลง โดยที่ไม่มีใครอยู่ใกล้เบ็นสันเลยในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดต่างพากันหลบซ่อนตัวจากเขา

  ไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่หลังแท่น เขาแตะไปที่จมูกของตนเองและสังเกตเห็นว่ามีเลือดออก ตอนที่เขาถูกกระแทกอย่างแรงที่หน้าอก หัวใจของเขาได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากยีนของไป๋อี้ซึ่งเป็นยีนของผีเสื้อและสมรรถภาพทางกายของเขาที่แย่กว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นหลังจากได้รับพลังคลื่นเสียงดังกล่าวเขาก็เริ่มมี เลือดกำเดาไหลออกมา ซึ่งนี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าอวัยวะภายในของไป๋อี้เริ่มทนไม่ได้แล้ว

  ในเวลาแบบนี้มาร์ตินและเฮลัวส์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก คนหนึ่งถูกมือของเบ็นสันจับไว้ซึ่งเขาอยู่ในจุดที่ใกล้ที่สุด ในขณะที่อีกคนอยู่บริเวณส่วนหน้าของการโจมตีด้วยคลื่นเสียงของเบ็นสัน พวกเขาสองคนไม่เพียงแต่มีเลือดกำเดาไหล ยิ่งไปกว่านั้นตาและหูก็เริ่มค่อย ๆ มีเลือดไหลซึมออกมาเช่นกัน

  นี่ไม่ใช่ระดับคลื่นเสียงที่ LV ทั่วไปสามารถทำได้แน่นอน!

  LV2 ระยะกลายพันธุ์! สนามพลังชีวิตที่แน่นอนถูกสร้างขึ้นภายในร่างกายและพลังงานพิเศษในร่างกายจะถูกขับเคลื่อนอย่างแข็งขัน!

  ไม่น่าแปลกใจที่คนอย่างหยูหานเต็มใจที่จะเป็นลูกน้องของเขา ในตอนนี้นี่คือระดับที่มีความแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์

  ตอนนี้ทุกคนยังคงรู้สึกมึนงงด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่ ความแข็งแกร่งของเบ็นสันนั้นเกินความคาดหมายของทุกคน นั่นทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก การต่อสู้ที่วุ่นวายจึงได้หยุดลงทันที

        ทุกคนในทีมของไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง มีเพียงเขาเท่านั้นที่หายใจอย่างกระหืดกระหอบ จะจัดการกับผู้ชายคนนี้อย่างไร? แต่ในขณะนั้นเองแท่นควบคุมที่ถูกโจมตีด้วยปืนกลของทุกคนจู่ ๆ ก็ระเบิดเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาอีกเล็กน้อยและมีควันสีดำโขมงไปทั่ว การระเบิดครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ กับใคร และทุกคนก็ไม่ใครให้ความสนใจมากนัก

    จะมีก็แต่ไนท์ เธอตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา

  ฮิฮิฮิฮิ เรื่องนี้มันมีประเด็นอยู่ แท่นควบคุมนั้นสามารถควบคุมห้องกักกันตามแนวทางเดินวงกลมที่ชั้น 1 ได้ คราวนี้ก็จะสะดวกสำหรับร่างทดลองในชั้น 1 ในการหลบหนีออกมา และในตอนนี้แท่นควบคุมก็ได้ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นแสดงว่าห้องกักกันที่ชั้น 1 ได้สูญเสียระบบล็อคไปทั้งหมดแล้ว

  แม้ว่าประตูห้องกักขังจะยังไม่เปิดออก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ถูกล็อคอีกต่อไปแล้ว

  เบ็นสันเห็นว่ามาร์ตินกำลังจะตายคามือของเขา เขาจึงเผยอรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ จับมาร์ตินไปที่แท่นสังเกตการณ์

  ตามที่เบ็นสันกล่าวว่าจะให้มาร์ตินต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบนแท่นต่อสู้ แต่ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงผู้ถูกทดลองเท่านั้น แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป หลังจากที่ร่างทดลองถูกผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงแล้วสติปัญญาของพวกมันก็ถูกพัฒนาขึ้นมาก จากการที่ระบบความปลอดภัยของประตูห้องกักขังถูกทำลายแล้วนั้น ส่งผลให้สัตว์ประหลาดเหล่านี้ค่อย ๆ ทยอยออกมาจากห้องกักขังของตน

        ทั้งสองกลุ่มยังคงเผชิญหน้ากันอยู่ แต่ทันใดนั้นทุกคนก็หัวใจพองโตไม่เป็นล่ำเป็นสันเพราะสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายเสือตัวผอมโซมีน้ำลายไหลออกมาจากปากของมันได้ก้าวออกมาจากห้องกักขัง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลุ่มร่างทดลองอีกจำนวนมากที่ทยอยออกมาทีละตัว

  สถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโรมีร่างทดลองกี่ตัว คำถามนี้มีแต่ไนท์เท่านั้นที่รู้คำตอบ แค่ที่ชั้น 1 ก็มีราว ๆ 100 ตัวได้

  ที่สำคัญที่สุดคือร่างทดลองหลายร้อยตัวหิวโหยมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว!

  “โฮกก~!” ไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนที่ร้องคำรามออกมา แต่ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที ไม่ว่าพวกมันจะเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหรือไม่ก็ตาม ในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวในหัวของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ……. ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้วจับมากินซะ ความหิวโหยเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ยิ่งกับสัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนมาแล้วและเป็นผู้ซึ่งหิวโหยมาเป็นเวลานานนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

  “ออกไป!” ไป๋อี้ตะโกนบอกกับทุกคน

  แต่ทันใดนั้นประตูใหญ่ที่เปิดไว้ก็ถูกปิดลงอย่างแน่นหนา ขณะนี้ไนท์กำลังหัวเราะเยาะเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย …… ‘ขอโทษนะ นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกคุณต้องต่อสู้กันในนี้ ไนท์ควบคุมประตูใหญ่ได้แล้วและความรับผิดชอบของไนท์ก็คือการป้องกันไม่ให้ร่างทดลองทั้งหมดหลบหนี’

  ในตอนนี้คนทั้งสองกลุ่มที่เดิมทีเป็นศัตรูกัน เมื่อได้เห็นประตูใหญ่ที่ปิดสนิท พวกเขาก็ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างสิ้นเชิง นี่มันแย่มาก ……. จริง ๆ!

  ไป๋อี้เห็นประตูใหญ่ปิดลง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงไนท์ขึ้นมา นี่ต้องเป็นฝีมือเธอแน่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไป๋อี้ไม่มีเวลาคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะว่าสัตว์ประหลาดที่มีหัวเหมือนเสือซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสองหรือสามเท่าของเขา อีกทั้งยังมีความดุร้ายเป็นอย่างมากกำลังมองไป๋อี้เป็นเหยื่อของมันเสียแล้ว

  เมื่อมันวิ่งออกมา ไป๋อี้ก็หลบโดยสัญชาตญาณ ในเวลาเดียวกันก็ใช้ดาบคะตะนะเฉือนเข้าตรงคอของมัน

  พรึ่บ หางเรียวยาวสองข้างที่อยู่ข้างหลังของมันกวาดดาบคะตะนะของไป๋อี้ทันทีจนดาบแทบหลุดจากมือของเขา สัตว์ที่ถูกผสานรวมกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ทดลองที่ได้ผสานรวมเซลล์กับเซลล์ดัดแปลงมานานก่อนหน้าทุกคน

  ไป๋อี้ล้มลงไปตามทางที่ดาบคะตะนะถูกปัดออกไป ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงจากการตะครุบของเสือตัวนี้ได้อย่างพอดิบพอดี เมื่อเสือกระโดดข้ามศีรษะไป แววตาของไป๋อี้ก็เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่และมุ่งมั่น พลันดาบคะตะนะก็ปักลงตรงท้องของคู่ต่อสู้ เสียงดังแคร่กดังขึ้นเมื่อส่วนท้องของเสือดุร้ายตัวนี้ถูกไป๋อี้ผ่าครึ่งลงมาเกือบทั้งหมด

        เลือดและอวัยวะภายในจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ทำให้ไป๋อี้เปื้อนไปด้วยเลือดแทบจะทั้งตัว

  การตายของสัตว์ประหลาดตัวนี้ทำให้มีกลิ่นเลือดส่งกลิ่นรุนแรงและค่อย ๆ คละคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ สัตว์ประหลาดทั้งหมดถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นเลือดทันที พวกมันตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้แม้แต่เบ็นสันที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมหัวใจของเขาให้เต้นเป็นจังหวะที่มั่นคงได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าในบรรดาร่างทดลองทั้งหมดนั้นความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ถูกจัดอันดับร่วมกับร่างทดลองอื่น ๆ หากสัตว์ประหลาดถูกปล่อยออกมาจริง ๆ เขาคงต้องตายสถานเดียว

  “โนเอลเปิดประตู!” เบ็นสันตะโกนใส่โนเอล

  “ครับ……เปิดประตู!” โนเอลตอบเสียงดังทันที จากนั้นกลุ่มคนก็รีบวิ่งไปที่ประตู เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่ไม่ใช่คนงี่เง่าคงจะสามารถเข้าใจได้ดีว่าเขาจะออกไปข้างนอกได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโนเอลคนนี้ แม้แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดการต่อสู้เพราะกลัวว่าจะทำร้ายเพื่อนชื่อโนเอลโดยไม่ได้ตั้งใจ

  “ปล่อยมาร์ตินกลับมาแล้วพวกเราจะช่วยหยุดสัตว์ประหลาด มิฉะนั้นเราจะเลือกฆ่าโนเอลซะ!” จู่ ๆ ไป๋อี้ก็เดินออกมาและกล่าวกับกลุ่มเบ็นสัน

  กลุ่มของเบ็นสันจ้องไปที่ไป๋อี้ทันทีที่พวกเขาได้ยินดังนั้น ใช้อำนาจต่อรองในยามคับขันอย่างนั้นเหรอ?

  “หึ!” เบ็นสันสบถอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็เหวี่ยงมาร์ตินกลับไป เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าเบ็นสันจะโกรธ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว การฆ่ามาร์ตินเป็นเพียงการระบาย แต่ถ้ากลุ่มของไป๋อี้เลือกที่จะฆ่าโนเอล ทุกคนก็ต้องติดอยู่ที่นี่

  แม้ว่าเขาจะเหวี่ยงมาร์ตินไป แต่เบ็นสันก็ใช้พลังมหาศาลในการเหวี่ยงเขาออกไปอย่างแรงและในทิศทางที่เหวี่ยงไปนั้นก็มีสัตว์ประหลาดสามตัวที่ถูกกลิ่นเลือดดึงดูดมาถึงบริเวณนั้น

  บัดซบ!

  ไป๋อี้สบถอยู่ในใจ แต่เขาก็รีบพุ่งออกไปพร้อมกับหงฉี่ฮว๋าทันทีเพื่อเตรียมรับตัวมาร์ติน

  “หัวหน้า เราจะจัดการพวกเขาในภายหลังใช่ไหม?” หยูหานถาม ตอนนี้เป็นโอกาสดี ถ้าใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ก็จะสามารถทิ้งไป๋อี้และกลุ่มของเขาไว้ที่นี่ได้อย่างแน่นอน และในบรรดาคนที่มีความสามารถสูงนี้มีเพียงเบ็นสันคนเดียวเท่านั้น

  “โนเอลนายช่วยตั้งเวลาให้ประตูเปิดและปิดเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม” แน่นอนว่าเบ็นสันไม่ใช่คนดีอะไรอย่างนั้น

  “ผม …… จะลองดู!” โนเอลพูดอย่างลังเล จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า ดังนั้นมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ใช้โอกาสอันดีนี้ล่ะ

  “นายต้องทำให้ได้!” เบ็นสันพูดกับโนเอลอย่างดุดันและพุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดที่กำลังวิ่งเข้ามา  

        การพูดคุยกันของคนเหล่านี้ไม่ได้เกินการคาดการณ์ของไป๋อี้ อันที่จริงเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่หนูที่ไร้เดียงสาและใจดี วูล์ฟกัดฟันแน่นขณะที่เฮลัวส์และเมย์ริสสงบนิ่งมาก เมื่อประตูเปิดขึ้น นั่นแหละจะเป็นการเปิดฉากการต่อสู้ที่แท้จริง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กระสุน กระสุนถูกสะท้อนกลับทันที!

  ในแววตาของหงฉี่ฮว๋าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่เธอยิงไปเมื่อสักครู่นี้คือบริเวณศีรษะของเขา เหมือนกับที่ไป๋อี้กล่าวไว้ไม่มีผิด เนื่องจากความแข็งแกร่งของแต่ละคนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาวุธจำพวกปืนซึ่งเดิมทีเป็นอาวุธที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสัตว์โลกกลับมีอานุภาพน้อยลง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความสามารถที่บุคคลธรรมดาสามารถทำได้ อย่างน้อยหงฉี่ฮว๋าก็รู้ดีว่าไม่มีใครในทีมของพวกเธอที่จะสามารถสะท้อนกระสุนกลับมาแบบนี้ได้

  อย่างไรก็ตามแม้ว่าเบ็นสันจะสะท้อนกระสุนออกมาได้ทั้งสองนัด แต่ก็ไม่ควรประมาทการโจมตีของไป๋อี้ เขาถือดาบและหมุนตัวพุ่งไปฟันเข้าที่น่องของเบ็นสันทันที ทำให้เบ็นสันส่งเสียงกรีดร้องอย่างแสนสาหัส ดาบคะตะนะที่คมพร้อมกับแรงส่งจากพละกำลังในปัจจุบันของไป๋อี้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขามากกว่ากระสุนธรรมดา ๆ เสียอีก

  “อ๊ากกกก~!” เบ็นสันร้องคร่ำครวญออกมา พร้อมใช้แขนอีกสองข้างของเขาคว้าไป๋อี้เอาไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว 

        ทันใดนั้นร่างของไป๋อี้ก็พลิกคว่ำตัวลง เขาใช้ดาบคะตะนะฟันไปที่ฝ่ามือของเบ็นสันอีกครั้ง คราวนี้ไป๋อี้กวัดแกว่งดาบคะตะนะของเขาไปมา เขาไม่กล้าปล่อยให้เบ็นสันจับมันได้ง่าย ๆ อีกแล้ว เฮลัวส์มีปืนสไนเปอร์อยู่ในมือและเธอก็ซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่ตอนเริ่มการต่อสู้ เธอไม่ได้ยิงปืนออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า และในตอนนี้เธอก็เหนี่ยวไกทันทีโดยไม่ลังเล  

  เบ็นสันอ้าปากหวออย่างน่าเวทนา!

  กระสุนสไนเปอร์หมุนด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่ปากของเบ็นสัน ในขณะนั้นเบ็นสันมองไปทางเฮลัวส์ เดิมทีที่เขาอ้าปากเหวออยู่แล้วปากเขาก็ขยายกว้างขึ้นไปอีก

  ตายแน่?

  ความคิดนี้แวบผ่านในหัวของเฮลัวส์ไปและในชั่วพริบตาต่อมาคลื่นเสียงที่รุนแรงก็ดังออกมาจากปากของเบ็นสัน ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดูเหมือนอากาศโดยรอบจะสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงเป็นระลอกคลื่นใส ๆ กระสุนสไนเปอร์เริ่มช้าลงและหยุดด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นกระสุนก็เด้งกลับออกมา

  เสียงดังกระหึ่งอยู่ในโสตประสาทของทุกคน และทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ

  ไม่กี่วินาทีต่อมา การโจมตีด้วยคลื่นเสียงที่ทรงพลังก็หยุดลง โดยที่ไม่มีใครอยู่ใกล้เบ็นสันเลยในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดต่างพากันหลบซ่อนตัวจากเขา

  ไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่หลังแท่น เขาแตะไปที่จมูกของตนเองและสังเกตเห็นว่ามีเลือดออก ตอนที่เขาถูกกระแทกอย่างแรงที่หน้าอก หัวใจของเขาได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากยีนของไป๋อี้ซึ่งเป็นยีนของผีเสื้อและสมรรถภาพทางกายของเขาที่แย่กว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นหลังจากได้รับพลังคลื่นเสียงดังกล่าวเขาก็เริ่มมี เลือดกำเดาไหลออกมา ซึ่งนี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าอวัยวะภายในของไป๋อี้เริ่มทนไม่ได้แล้ว

  ในเวลาแบบนี้มาร์ตินและเฮลัวส์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก คนหนึ่งถูกมือของเบ็นสันจับไว้ซึ่งเขาอยู่ในจุดที่ใกล้ที่สุด ในขณะที่อีกคนอยู่บริเวณส่วนหน้าของการโจมตีด้วยคลื่นเสียงของเบ็นสัน พวกเขาสองคนไม่เพียงแต่มีเลือดกำเดาไหล ยิ่งไปกว่านั้นตาและหูก็เริ่มค่อย ๆ มีเลือดไหลซึมออกมาเช่นกัน

  นี่ไม่ใช่ระดับคลื่นเสียงที่ LV ทั่วไปสามารถทำได้แน่นอน!

  LV2 ระยะกลายพันธุ์! สนามพลังชีวิตที่แน่นอนถูกสร้างขึ้นภายในร่างกายและพลังงานพิเศษในร่างกายจะถูกขับเคลื่อนอย่างแข็งขัน!

  ไม่น่าแปลกใจที่คนอย่างหยูหานเต็มใจที่จะเป็นลูกน้องของเขา ในตอนนี้นี่คือระดับที่มีความแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์

  ตอนนี้ทุกคนยังคงรู้สึกมึนงงด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่ ความแข็งแกร่งของเบ็นสันนั้นเกินความคาดหมายของทุกคน นั่นทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก การต่อสู้ที่วุ่นวายจึงได้หยุดลงทันที

        ทุกคนในทีมของไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง มีเพียงเขาเท่านั้นที่หายใจอย่างกระหืดกระหอบ จะจัดการกับผู้ชายคนนี้อย่างไร? แต่ในขณะนั้นเองแท่นควบคุมที่ถูกโจมตีด้วยปืนกลของทุกคนจู่ ๆ ก็ระเบิดเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาอีกเล็กน้อยและมีควันสีดำโขมงไปทั่ว การระเบิดครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ กับใคร และทุกคนก็ไม่ใครให้ความสนใจมากนัก

    จะมีก็แต่ไนท์ เธอตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา

  ฮิฮิฮิฮิ เรื่องนี้มันมีประเด็นอยู่ แท่นควบคุมนั้นสามารถควบคุมห้องกักกันตามแนวทางเดินวงกลมที่ชั้น 1 ได้ คราวนี้ก็จะสะดวกสำหรับร่างทดลองในชั้น 1 ในการหลบหนีออกมา และในตอนนี้แท่นควบคุมก็ได้ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นแสดงว่าห้องกักกันที่ชั้น 1 ได้สูญเสียระบบล็อคไปทั้งหมดแล้ว

  แม้ว่าประตูห้องกักขังจะยังไม่เปิดออก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ถูกล็อคอีกต่อไปแล้ว

  เบ็นสันเห็นว่ามาร์ตินกำลังจะตายคามือของเขา เขาจึงเผยอรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ จับมาร์ตินไปที่แท่นสังเกตการณ์

  ตามที่เบ็นสันกล่าวว่าจะให้มาร์ตินต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบนแท่นต่อสู้ แต่ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงผู้ถูกทดลองเท่านั้น แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป หลังจากที่ร่างทดลองถูกผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงแล้วสติปัญญาของพวกมันก็ถูกพัฒนาขึ้นมาก จากการที่ระบบความปลอดภัยของประตูห้องกักขังถูกทำลายแล้วนั้น ส่งผลให้สัตว์ประหลาดเหล่านี้ค่อย ๆ ทยอยออกมาจากห้องกักขังของตน

        ทั้งสองกลุ่มยังคงเผชิญหน้ากันอยู่ แต่ทันใดนั้นทุกคนก็หัวใจพองโตไม่เป็นล่ำเป็นสันเพราะสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายเสือตัวผอมโซมีน้ำลายไหลออกมาจากปากของมันได้ก้าวออกมาจากห้องกักขัง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลุ่มร่างทดลองอีกจำนวนมากที่ทยอยออกมาทีละตัว

  สถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโรมีร่างทดลองกี่ตัว คำถามนี้มีแต่ไนท์เท่านั้นที่รู้คำตอบ แค่ที่ชั้น 1 ก็มีราว ๆ 100 ตัวได้

  ที่สำคัญที่สุดคือร่างทดลองหลายร้อยตัวหิวโหยมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว!

  “โฮกก~!” ไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนที่ร้องคำรามออกมา แต่ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที ไม่ว่าพวกมันจะเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหรือไม่ก็ตาม ในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวในหัวของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ……. ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้วจับมากินซะ ความหิวโหยเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ยิ่งกับสัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนมาแล้วและเป็นผู้ซึ่งหิวโหยมาเป็นเวลานานนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

  “ออกไป!” ไป๋อี้ตะโกนบอกกับทุกคน

  แต่ทันใดนั้นประตูใหญ่ที่เปิดไว้ก็ถูกปิดลงอย่างแน่นหนา ขณะนี้ไนท์กำลังหัวเราะเยาะเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย …… ‘ขอโทษนะ นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกคุณต้องต่อสู้กันในนี้ ไนท์ควบคุมประตูใหญ่ได้แล้วและความรับผิดชอบของไนท์ก็คือการป้องกันไม่ให้ร่างทดลองทั้งหมดหลบหนี’

  ในตอนนี้คนทั้งสองกลุ่มที่เดิมทีเป็นศัตรูกัน เมื่อได้เห็นประตูใหญ่ที่ปิดสนิท พวกเขาก็ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างสิ้นเชิง นี่มันแย่มาก ……. จริง ๆ!

  ไป๋อี้เห็นประตูใหญ่ปิดลง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงไนท์ขึ้นมา นี่ต้องเป็นฝีมือเธอแน่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไป๋อี้ไม่มีเวลาคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะว่าสัตว์ประหลาดที่มีหัวเหมือนเสือซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสองหรือสามเท่าของเขา อีกทั้งยังมีความดุร้ายเป็นอย่างมากกำลังมองไป๋อี้เป็นเหยื่อของมันเสียแล้ว

  เมื่อมันวิ่งออกมา ไป๋อี้ก็หลบโดยสัญชาตญาณ ในเวลาเดียวกันก็ใช้ดาบคะตะนะเฉือนเข้าตรงคอของมัน

  พรึ่บ หางเรียวยาวสองข้างที่อยู่ข้างหลังของมันกวาดดาบคะตะนะของไป๋อี้ทันทีจนดาบแทบหลุดจากมือของเขา สัตว์ที่ถูกผสานรวมกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ทดลองที่ได้ผสานรวมเซลล์กับเซลล์ดัดแปลงมานานก่อนหน้าทุกคน

  ไป๋อี้ล้มลงไปตามทางที่ดาบคะตะนะถูกปัดออกไป ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงจากการตะครุบของเสือตัวนี้ได้อย่างพอดิบพอดี เมื่อเสือกระโดดข้ามศีรษะไป แววตาของไป๋อี้ก็เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่และมุ่งมั่น พลันดาบคะตะนะก็ปักลงตรงท้องของคู่ต่อสู้ เสียงดังแคร่กดังขึ้นเมื่อส่วนท้องของเสือดุร้ายตัวนี้ถูกไป๋อี้ผ่าครึ่งลงมาเกือบทั้งหมด

        เลือดและอวัยวะภายในจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ทำให้ไป๋อี้เปื้อนไปด้วยเลือดแทบจะทั้งตัว

  การตายของสัตว์ประหลาดตัวนี้ทำให้มีกลิ่นเลือดส่งกลิ่นรุนแรงและค่อย ๆ คละคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ สัตว์ประหลาดทั้งหมดถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นเลือดทันที พวกมันตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้แม้แต่เบ็นสันที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมหัวใจของเขาให้เต้นเป็นจังหวะที่มั่นคงได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าในบรรดาร่างทดลองทั้งหมดนั้นความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ถูกจัดอันดับร่วมกับร่างทดลองอื่น ๆ หากสัตว์ประหลาดถูกปล่อยออกมาจริง ๆ เขาคงต้องตายสถานเดียว

  “โนเอลเปิดประตู!” เบ็นสันตะโกนใส่โนเอล

  “ครับ……เปิดประตู!” โนเอลตอบเสียงดังทันที จากนั้นกลุ่มคนก็รีบวิ่งไปที่ประตู เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่ไม่ใช่คนงี่เง่าคงจะสามารถเข้าใจได้ดีว่าเขาจะออกไปข้างนอกได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโนเอลคนนี้ แม้แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดการต่อสู้เพราะกลัวว่าจะทำร้ายเพื่อนชื่อโนเอลโดยไม่ได้ตั้งใจ

  “ปล่อยมาร์ตินกลับมาแล้วพวกเราจะช่วยหยุดสัตว์ประหลาด มิฉะนั้นเราจะเลือกฆ่าโนเอลซะ!” จู่ ๆ ไป๋อี้ก็เดินออกมาและกล่าวกับกลุ่มเบ็นสัน

  กลุ่มของเบ็นสันจ้องไปที่ไป๋อี้ทันทีที่พวกเขาได้ยินดังนั้น ใช้อำนาจต่อรองในยามคับขันอย่างนั้นเหรอ?

  “หึ!” เบ็นสันสบถอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็เหวี่ยงมาร์ตินกลับไป เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าเบ็นสันจะโกรธ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว การฆ่ามาร์ตินเป็นเพียงการระบาย แต่ถ้ากลุ่มของไป๋อี้เลือกที่จะฆ่าโนเอล ทุกคนก็ต้องติดอยู่ที่นี่

  แม้ว่าเขาจะเหวี่ยงมาร์ตินไป แต่เบ็นสันก็ใช้พลังมหาศาลในการเหวี่ยงเขาออกไปอย่างแรงและในทิศทางที่เหวี่ยงไปนั้นก็มีสัตว์ประหลาดสามตัวที่ถูกกลิ่นเลือดดึงดูดมาถึงบริเวณนั้น

  บัดซบ!

  ไป๋อี้สบถอยู่ในใจ แต่เขาก็รีบพุ่งออกไปพร้อมกับหงฉี่ฮว๋าทันทีเพื่อเตรียมรับตัวมาร์ติน

  “หัวหน้า เราจะจัดการพวกเขาในภายหลังใช่ไหม?” หยูหานถาม ตอนนี้เป็นโอกาสดี ถ้าใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ก็จะสามารถทิ้งไป๋อี้และกลุ่มของเขาไว้ที่นี่ได้อย่างแน่นอน และในบรรดาคนที่มีความสามารถสูงนี้มีเพียงเบ็นสันคนเดียวเท่านั้น

  “โนเอลนายช่วยตั้งเวลาให้ประตูเปิดและปิดเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม” แน่นอนว่าเบ็นสันไม่ใช่คนดีอะไรอย่างนั้น

  “ผม …… จะลองดู!” โนเอลพูดอย่างลังเล จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า ดังนั้นมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ใช้โอกาสอันดีนี้ล่ะ

  “นายต้องทำให้ได้!” เบ็นสันพูดกับโนเอลอย่างดุดันและพุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดที่กำลังวิ่งเข้ามา  

        การพูดคุยกันของคนเหล่านี้ไม่ได้เกินการคาดการณ์ของไป๋อี้ อันที่จริงเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่หนูที่ไร้เดียงสาและใจดี วูล์ฟกัดฟันแน่นขณะที่เฮลัวส์และเมย์ริสสงบนิ่งมาก เมื่อประตูเปิดขึ้น นั่นแหละจะเป็นการเปิดฉากการต่อสู้ที่แท้จริง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กระสุน กระสุนถูกสะท้อนกลับทันที!

  ในแววตาของหงฉี่ฮว๋าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่เธอยิงไปเมื่อสักครู่นี้คือบริเวณศีรษะของเขา เหมือนกับที่ไป๋อี้กล่าวไว้ไม่มีผิด เนื่องจากความแข็งแกร่งของแต่ละคนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาวุธจำพวกปืนซึ่งเดิมทีเป็นอาวุธที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสัตว์โลกกลับมีอานุภาพน้อยลง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความสามารถที่บุคคลธรรมดาสามารถทำได้ อย่างน้อยหงฉี่ฮว๋าก็รู้ดีว่าไม่มีใครในทีมของพวกเธอที่จะสามารถสะท้อนกระสุนกลับมาแบบนี้ได้

  อย่างไรก็ตามแม้ว่าเบ็นสันจะสะท้อนกระสุนออกมาได้ทั้งสองนัด แต่ก็ไม่ควรประมาทการโจมตีของไป๋อี้ เขาถือดาบและหมุนตัวพุ่งไปฟันเข้าที่น่องของเบ็นสันทันที ทำให้เบ็นสันส่งเสียงกรีดร้องอย่างแสนสาหัส ดาบคะตะนะที่คมพร้อมกับแรงส่งจากพละกำลังในปัจจุบันของไป๋อี้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขามากกว่ากระสุนธรรมดา ๆ เสียอีก

  “อ๊ากกกก~!” เบ็นสันร้องคร่ำครวญออกมา พร้อมใช้แขนอีกสองข้างของเขาคว้าไป๋อี้เอาไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว 

        ทันใดนั้นร่างของไป๋อี้ก็พลิกคว่ำตัวลง เขาใช้ดาบคะตะนะฟันไปที่ฝ่ามือของเบ็นสันอีกครั้ง คราวนี้ไป๋อี้กวัดแกว่งดาบคะตะนะของเขาไปมา เขาไม่กล้าปล่อยให้เบ็นสันจับมันได้ง่าย ๆ อีกแล้ว เฮลัวส์มีปืนสไนเปอร์อยู่ในมือและเธอก็ซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่ตอนเริ่มการต่อสู้ เธอไม่ได้ยิงปืนออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า และในตอนนี้เธอก็เหนี่ยวไกทันทีโดยไม่ลังเล  

  เบ็นสันอ้าปากหวออย่างน่าเวทนา!

  กระสุนสไนเปอร์หมุนด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่ปากของเบ็นสัน ในขณะนั้นเบ็นสันมองไปทางเฮลัวส์ เดิมทีที่เขาอ้าปากเหวออยู่แล้วปากเขาก็ขยายกว้างขึ้นไปอีก

  ตายแน่?

  ความคิดนี้แวบผ่านในหัวของเฮลัวส์ไปและในชั่วพริบตาต่อมาคลื่นเสียงที่รุนแรงก็ดังออกมาจากปากของเบ็นสัน ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดูเหมือนอากาศโดยรอบจะสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงเป็นระลอกคลื่นใส ๆ กระสุนสไนเปอร์เริ่มช้าลงและหยุดด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นกระสุนก็เด้งกลับออกมา

  เสียงดังกระหึ่งอยู่ในโสตประสาทของทุกคน และทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ

  ไม่กี่วินาทีต่อมา การโจมตีด้วยคลื่นเสียงที่ทรงพลังก็หยุดลง โดยที่ไม่มีใครอยู่ใกล้เบ็นสันเลยในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดต่างพากันหลบซ่อนตัวจากเขา

  ไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่หลังแท่น เขาแตะไปที่จมูกของตนเองและสังเกตเห็นว่ามีเลือดออก ตอนที่เขาถูกกระแทกอย่างแรงที่หน้าอก หัวใจของเขาได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากยีนของไป๋อี้ซึ่งเป็นยีนของผีเสื้อและสมรรถภาพทางกายของเขาที่แย่กว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นหลังจากได้รับพลังคลื่นเสียงดังกล่าวเขาก็เริ่มมี เลือดกำเดาไหลออกมา ซึ่งนี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าอวัยวะภายในของไป๋อี้เริ่มทนไม่ได้แล้ว

  ในเวลาแบบนี้มาร์ตินและเฮลัวส์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก คนหนึ่งถูกมือของเบ็นสันจับไว้ซึ่งเขาอยู่ในจุดที่ใกล้ที่สุด ในขณะที่อีกคนอยู่บริเวณส่วนหน้าของการโจมตีด้วยคลื่นเสียงของเบ็นสัน พวกเขาสองคนไม่เพียงแต่มีเลือดกำเดาไหล ยิ่งไปกว่านั้นตาและหูก็เริ่มค่อย ๆ มีเลือดไหลซึมออกมาเช่นกัน

  นี่ไม่ใช่ระดับคลื่นเสียงที่ LV ทั่วไปสามารถทำได้แน่นอน!

  LV2 ระยะกลายพันธุ์! สนามพลังชีวิตที่แน่นอนถูกสร้างขึ้นภายในร่างกายและพลังงานพิเศษในร่างกายจะถูกขับเคลื่อนอย่างแข็งขัน!

  ไม่น่าแปลกใจที่คนอย่างหยูหานเต็มใจที่จะเป็นลูกน้องของเขา ในตอนนี้นี่คือระดับที่มีความแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์

  ตอนนี้ทุกคนยังคงรู้สึกมึนงงด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่ ความแข็งแกร่งของเบ็นสันนั้นเกินความคาดหมายของทุกคน นั่นทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก การต่อสู้ที่วุ่นวายจึงได้หยุดลงทันที

        ทุกคนในทีมของไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง มีเพียงเขาเท่านั้นที่หายใจอย่างกระหืดกระหอบ จะจัดการกับผู้ชายคนนี้อย่างไร? แต่ในขณะนั้นเองแท่นควบคุมที่ถูกโจมตีด้วยปืนกลของทุกคนจู่ ๆ ก็ระเบิดเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาอีกเล็กน้อยและมีควันสีดำโขมงไปทั่ว การระเบิดครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ กับใคร และทุกคนก็ไม่ใครให้ความสนใจมากนัก

    จะมีก็แต่ไนท์ เธอตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา

  ฮิฮิฮิฮิ เรื่องนี้มันมีประเด็นอยู่ แท่นควบคุมนั้นสามารถควบคุมห้องกักกันตามแนวทางเดินวงกลมที่ชั้น 1 ได้ คราวนี้ก็จะสะดวกสำหรับร่างทดลองในชั้น 1 ในการหลบหนีออกมา และในตอนนี้แท่นควบคุมก็ได้ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นแสดงว่าห้องกักกันที่ชั้น 1 ได้สูญเสียระบบล็อคไปทั้งหมดแล้ว

  แม้ว่าประตูห้องกักขังจะยังไม่เปิดออก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ถูกล็อคอีกต่อไปแล้ว

  เบ็นสันเห็นว่ามาร์ตินกำลังจะตายคามือของเขา เขาจึงเผยอรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ จับมาร์ตินไปที่แท่นสังเกตการณ์

  ตามที่เบ็นสันกล่าวว่าจะให้มาร์ตินต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบนแท่นต่อสู้ แต่ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงผู้ถูกทดลองเท่านั้น แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป หลังจากที่ร่างทดลองถูกผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงแล้วสติปัญญาของพวกมันก็ถูกพัฒนาขึ้นมาก จากการที่ระบบความปลอดภัยของประตูห้องกักขังถูกทำลายแล้วนั้น ส่งผลให้สัตว์ประหลาดเหล่านี้ค่อย ๆ ทยอยออกมาจากห้องกักขังของตน

        ทั้งสองกลุ่มยังคงเผชิญหน้ากันอยู่ แต่ทันใดนั้นทุกคนก็หัวใจพองโตไม่เป็นล่ำเป็นสันเพราะสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายเสือตัวผอมโซมีน้ำลายไหลออกมาจากปากของมันได้ก้าวออกมาจากห้องกักขัง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลุ่มร่างทดลองอีกจำนวนมากที่ทยอยออกมาทีละตัว

  สถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโรมีร่างทดลองกี่ตัว คำถามนี้มีแต่ไนท์เท่านั้นที่รู้คำตอบ แค่ที่ชั้น 1 ก็มีราว ๆ 100 ตัวได้

  ที่สำคัญที่สุดคือร่างทดลองหลายร้อยตัวหิวโหยมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว!

  “โฮกก~!” ไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนที่ร้องคำรามออกมา แต่ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที ไม่ว่าพวกมันจะเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหรือไม่ก็ตาม ในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวในหัวของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ……. ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้วจับมากินซะ ความหิวโหยเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ยิ่งกับสัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนมาแล้วและเป็นผู้ซึ่งหิวโหยมาเป็นเวลานานนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

  “ออกไป!” ไป๋อี้ตะโกนบอกกับทุกคน

  แต่ทันใดนั้นประตูใหญ่ที่เปิดไว้ก็ถูกปิดลงอย่างแน่นหนา ขณะนี้ไนท์กำลังหัวเราะเยาะเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย …… ‘ขอโทษนะ นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกคุณต้องต่อสู้กันในนี้ ไนท์ควบคุมประตูใหญ่ได้แล้วและความรับผิดชอบของไนท์ก็คือการป้องกันไม่ให้ร่างทดลองทั้งหมดหลบหนี’

  ในตอนนี้คนทั้งสองกลุ่มที่เดิมทีเป็นศัตรูกัน เมื่อได้เห็นประตูใหญ่ที่ปิดสนิท พวกเขาก็ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างสิ้นเชิง นี่มันแย่มาก ……. จริง ๆ!

  ไป๋อี้เห็นประตูใหญ่ปิดลง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงไนท์ขึ้นมา นี่ต้องเป็นฝีมือเธอแน่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไป๋อี้ไม่มีเวลาคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะว่าสัตว์ประหลาดที่มีหัวเหมือนเสือซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสองหรือสามเท่าของเขา อีกทั้งยังมีความดุร้ายเป็นอย่างมากกำลังมองไป๋อี้เป็นเหยื่อของมันเสียแล้ว

  เมื่อมันวิ่งออกมา ไป๋อี้ก็หลบโดยสัญชาตญาณ ในเวลาเดียวกันก็ใช้ดาบคะตะนะเฉือนเข้าตรงคอของมัน

  พรึ่บ หางเรียวยาวสองข้างที่อยู่ข้างหลังของมันกวาดดาบคะตะนะของไป๋อี้ทันทีจนดาบแทบหลุดจากมือของเขา สัตว์ที่ถูกผสานรวมกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ทดลองที่ได้ผสานรวมเซลล์กับเซลล์ดัดแปลงมานานก่อนหน้าทุกคน

  ไป๋อี้ล้มลงไปตามทางที่ดาบคะตะนะถูกปัดออกไป ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงจากการตะครุบของเสือตัวนี้ได้อย่างพอดิบพอดี เมื่อเสือกระโดดข้ามศีรษะไป แววตาของไป๋อี้ก็เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่และมุ่งมั่น พลันดาบคะตะนะก็ปักลงตรงท้องของคู่ต่อสู้ เสียงดังแคร่กดังขึ้นเมื่อส่วนท้องของเสือดุร้ายตัวนี้ถูกไป๋อี้ผ่าครึ่งลงมาเกือบทั้งหมด

        เลือดและอวัยวะภายในจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ทำให้ไป๋อี้เปื้อนไปด้วยเลือดแทบจะทั้งตัว

  การตายของสัตว์ประหลาดตัวนี้ทำให้มีกลิ่นเลือดส่งกลิ่นรุนแรงและค่อย ๆ คละคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ สัตว์ประหลาดทั้งหมดถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นเลือดทันที พวกมันตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้แม้แต่เบ็นสันที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมหัวใจของเขาให้เต้นเป็นจังหวะที่มั่นคงได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าในบรรดาร่างทดลองทั้งหมดนั้นความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ถูกจัดอันดับร่วมกับร่างทดลองอื่น ๆ หากสัตว์ประหลาดถูกปล่อยออกมาจริง ๆ เขาคงต้องตายสถานเดียว

  “โนเอลเปิดประตู!” เบ็นสันตะโกนใส่โนเอล

  “ครับ……เปิดประตู!” โนเอลตอบเสียงดังทันที จากนั้นกลุ่มคนก็รีบวิ่งไปที่ประตู เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่ไม่ใช่คนงี่เง่าคงจะสามารถเข้าใจได้ดีว่าเขาจะออกไปข้างนอกได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโนเอลคนนี้ แม้แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดการต่อสู้เพราะกลัวว่าจะทำร้ายเพื่อนชื่อโนเอลโดยไม่ได้ตั้งใจ

  “ปล่อยมาร์ตินกลับมาแล้วพวกเราจะช่วยหยุดสัตว์ประหลาด มิฉะนั้นเราจะเลือกฆ่าโนเอลซะ!” จู่ ๆ ไป๋อี้ก็เดินออกมาและกล่าวกับกลุ่มเบ็นสัน

  กลุ่มของเบ็นสันจ้องไปที่ไป๋อี้ทันทีที่พวกเขาได้ยินดังนั้น ใช้อำนาจต่อรองในยามคับขันอย่างนั้นเหรอ?

  “หึ!” เบ็นสันสบถอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็เหวี่ยงมาร์ตินกลับไป เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าเบ็นสันจะโกรธ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว การฆ่ามาร์ตินเป็นเพียงการระบาย แต่ถ้ากลุ่มของไป๋อี้เลือกที่จะฆ่าโนเอล ทุกคนก็ต้องติดอยู่ที่นี่

  แม้ว่าเขาจะเหวี่ยงมาร์ตินไป แต่เบ็นสันก็ใช้พลังมหาศาลในการเหวี่ยงเขาออกไปอย่างแรงและในทิศทางที่เหวี่ยงไปนั้นก็มีสัตว์ประหลาดสามตัวที่ถูกกลิ่นเลือดดึงดูดมาถึงบริเวณนั้น

  บัดซบ!

  ไป๋อี้สบถอยู่ในใจ แต่เขาก็รีบพุ่งออกไปพร้อมกับหงฉี่ฮว๋าทันทีเพื่อเตรียมรับตัวมาร์ติน

  “หัวหน้า เราจะจัดการพวกเขาในภายหลังใช่ไหม?” หยูหานถาม ตอนนี้เป็นโอกาสดี ถ้าใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ก็จะสามารถทิ้งไป๋อี้และกลุ่มของเขาไว้ที่นี่ได้อย่างแน่นอน และในบรรดาคนที่มีความสามารถสูงนี้มีเพียงเบ็นสันคนเดียวเท่านั้น

  “โนเอลนายช่วยตั้งเวลาให้ประตูเปิดและปิดเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม” แน่นอนว่าเบ็นสันไม่ใช่คนดีอะไรอย่างนั้น

  “ผม …… จะลองดู!” โนเอลพูดอย่างลังเล จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า ดังนั้นมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ใช้โอกาสอันดีนี้ล่ะ

  “นายต้องทำให้ได้!” เบ็นสันพูดกับโนเอลอย่างดุดันและพุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดที่กำลังวิ่งเข้ามา  

        การพูดคุยกันของคนเหล่านี้ไม่ได้เกินการคาดการณ์ของไป๋อี้ อันที่จริงเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่หนูที่ไร้เดียงสาและใจดี วูล์ฟกัดฟันแน่นขณะที่เฮลัวส์และเมย์ริสสงบนิ่งมาก เมื่อประตูเปิดขึ้น นั่นแหละจะเป็นการเปิดฉากการต่อสู้ที่แท้จริง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 65 ระยะกลายพันธุ์ LV 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กระสุน กระสุนถูกสะท้อนกลับทันที!

  ในแววตาของหงฉี่ฮว๋าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่เธอยิงไปเมื่อสักครู่นี้คือบริเวณศีรษะของเขา เหมือนกับที่ไป๋อี้กล่าวไว้ไม่มีผิด เนื่องจากความแข็งแกร่งของแต่ละคนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาวุธจำพวกปืนซึ่งเดิมทีเป็นอาวุธที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสัตว์โลกกลับมีอานุภาพน้อยลง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความสามารถที่บุคคลธรรมดาสามารถทำได้ อย่างน้อยหงฉี่ฮว๋าก็รู้ดีว่าไม่มีใครในทีมของพวกเธอที่จะสามารถสะท้อนกระสุนกลับมาแบบนี้ได้

  อย่างไรก็ตามแม้ว่าเบ็นสันจะสะท้อนกระสุนออกมาได้ทั้งสองนัด แต่ก็ไม่ควรประมาทการโจมตีของไป๋อี้ เขาถือดาบและหมุนตัวพุ่งไปฟันเข้าที่น่องของเบ็นสันทันที ทำให้เบ็นสันส่งเสียงกรีดร้องอย่างแสนสาหัส ดาบคะตะนะที่คมพร้อมกับแรงส่งจากพละกำลังในปัจจุบันของไป๋อี้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขามากกว่ากระสุนธรรมดา ๆ เสียอีก

  “อ๊ากกกก~!” เบ็นสันร้องคร่ำครวญออกมา พร้อมใช้แขนอีกสองข้างของเขาคว้าไป๋อี้เอาไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว 

        ทันใดนั้นร่างของไป๋อี้ก็พลิกคว่ำตัวลง เขาใช้ดาบคะตะนะฟันไปที่ฝ่ามือของเบ็นสันอีกครั้ง คราวนี้ไป๋อี้กวัดแกว่งดาบคะตะนะของเขาไปมา เขาไม่กล้าปล่อยให้เบ็นสันจับมันได้ง่าย ๆ อีกแล้ว เฮลัวส์มีปืนสไนเปอร์อยู่ในมือและเธอก็ซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่ตอนเริ่มการต่อสู้ เธอไม่ได้ยิงปืนออกไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า และในตอนนี้เธอก็เหนี่ยวไกทันทีโดยไม่ลังเล  

  เบ็นสันอ้าปากหวออย่างน่าเวทนา!

  กระสุนสไนเปอร์หมุนด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่ปากของเบ็นสัน ในขณะนั้นเบ็นสันมองไปทางเฮลัวส์ เดิมทีที่เขาอ้าปากเหวออยู่แล้วปากเขาก็ขยายกว้างขึ้นไปอีก

  ตายแน่?

  ความคิดนี้แวบผ่านในหัวของเฮลัวส์ไปและในชั่วพริบตาต่อมาคลื่นเสียงที่รุนแรงก็ดังออกมาจากปากของเบ็นสัน ทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดูเหมือนอากาศโดยรอบจะสั่นสะเทือนด้วยคลื่นเสียงเป็นระลอกคลื่นใส ๆ กระสุนสไนเปอร์เริ่มช้าลงและหยุดด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นกระสุนก็เด้งกลับออกมา

  เสียงดังกระหึ่งอยู่ในโสตประสาทของทุกคน และทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ

  ไม่กี่วินาทีต่อมา การโจมตีด้วยคลื่นเสียงที่ทรงพลังก็หยุดลง โดยที่ไม่มีใครอยู่ใกล้เบ็นสันเลยในเวลานี้ พวกเขาทั้งหมดต่างพากันหลบซ่อนตัวจากเขา

  ไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่หลังแท่น เขาแตะไปที่จมูกของตนเองและสังเกตเห็นว่ามีเลือดออก ตอนที่เขาถูกกระแทกอย่างแรงที่หน้าอก หัวใจของเขาได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากยีนของไป๋อี้ซึ่งเป็นยีนของผีเสื้อและสมรรถภาพทางกายของเขาที่แย่กว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นหลังจากได้รับพลังคลื่นเสียงดังกล่าวเขาก็เริ่มมี เลือดกำเดาไหลออกมา ซึ่งนี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าอวัยวะภายในของไป๋อี้เริ่มทนไม่ได้แล้ว

  ในเวลาแบบนี้มาร์ตินและเฮลัวส์เริ่มรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้นไปอีก คนหนึ่งถูกมือของเบ็นสันจับไว้ซึ่งเขาอยู่ในจุดที่ใกล้ที่สุด ในขณะที่อีกคนอยู่บริเวณส่วนหน้าของการโจมตีด้วยคลื่นเสียงของเบ็นสัน พวกเขาสองคนไม่เพียงแต่มีเลือดกำเดาไหล ยิ่งไปกว่านั้นตาและหูก็เริ่มค่อย ๆ มีเลือดไหลซึมออกมาเช่นกัน

  นี่ไม่ใช่ระดับคลื่นเสียงที่ LV ทั่วไปสามารถทำได้แน่นอน!

  LV2 ระยะกลายพันธุ์! สนามพลังชีวิตที่แน่นอนถูกสร้างขึ้นภายในร่างกายและพลังงานพิเศษในร่างกายจะถูกขับเคลื่อนอย่างแข็งขัน!

  ไม่น่าแปลกใจที่คนอย่างหยูหานเต็มใจที่จะเป็นลูกน้องของเขา ในตอนนี้นี่คือระดับที่มีความแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์

  ตอนนี้ทุกคนยังคงรู้สึกมึนงงด้วยคลื่นเสียงเมื่อสักครู่ ความแข็งแกร่งของเบ็นสันนั้นเกินความคาดหมายของทุกคน นั่นทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก การต่อสู้ที่วุ่นวายจึงได้หยุดลงทันที

        ทุกคนในทีมของไป๋อี้ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง มีเพียงเขาเท่านั้นที่หายใจอย่างกระหืดกระหอบ จะจัดการกับผู้ชายคนนี้อย่างไร? แต่ในขณะนั้นเองแท่นควบคุมที่ถูกโจมตีด้วยปืนกลของทุกคนจู่ ๆ ก็ระเบิดเกิดเป็นประกายไฟขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาอีกเล็กน้อยและมีควันสีดำโขมงไปทั่ว การระเบิดครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ กับใคร และทุกคนก็ไม่ใครให้ความสนใจมากนัก

    จะมีก็แต่ไนท์ เธอตื่นตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา

  ฮิฮิฮิฮิ เรื่องนี้มันมีประเด็นอยู่ แท่นควบคุมนั้นสามารถควบคุมห้องกักกันตามแนวทางเดินวงกลมที่ชั้น 1 ได้ คราวนี้ก็จะสะดวกสำหรับร่างทดลองในชั้น 1 ในการหลบหนีออกมา และในตอนนี้แท่นควบคุมก็ได้ถูกทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นแสดงว่าห้องกักกันที่ชั้น 1 ได้สูญเสียระบบล็อคไปทั้งหมดแล้ว

  แม้ว่าประตูห้องกักขังจะยังไม่เปิดออก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้ถูกล็อคอีกต่อไปแล้ว

  เบ็นสันเห็นว่ามาร์ตินกำลังจะตายคามือของเขา เขาจึงเผยอรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ จับมาร์ตินไปที่แท่นสังเกตการณ์

  ตามที่เบ็นสันกล่าวว่าจะให้มาร์ตินต่อสู้กับสัตว์ประหลาดบนแท่นต่อสู้ แต่ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงผู้ถูกทดลองเท่านั้น แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่จำเป็นอีกต่อไป หลังจากที่ร่างทดลองถูกผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงแล้วสติปัญญาของพวกมันก็ถูกพัฒนาขึ้นมาก จากการที่ระบบความปลอดภัยของประตูห้องกักขังถูกทำลายแล้วนั้น ส่งผลให้สัตว์ประหลาดเหล่านี้ค่อย ๆ ทยอยออกมาจากห้องกักขังของตน

        ทั้งสองกลุ่มยังคงเผชิญหน้ากันอยู่ แต่ทันใดนั้นทุกคนก็หัวใจพองโตไม่เป็นล่ำเป็นสันเพราะสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายเสือตัวผอมโซมีน้ำลายไหลออกมาจากปากของมันได้ก้าวออกมาจากห้องกักขัง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลุ่มร่างทดลองอีกจำนวนมากที่ทยอยออกมาทีละตัว

  สถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโรมีร่างทดลองกี่ตัว คำถามนี้มีแต่ไนท์เท่านั้นที่รู้คำตอบ แค่ที่ชั้น 1 ก็มีราว ๆ 100 ตัวได้

  ที่สำคัญที่สุดคือร่างทดลองหลายร้อยตัวหิวโหยมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว!

  “โฮกก~!” ไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนที่ร้องคำรามออกมา แต่ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามทันที ไม่ว่าพวกมันจะเห็นฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหรือไม่ก็ตาม ในเวลานี้มีเพียงความคิดเดียวในหัวของสัตว์ประหลาดเหล่านี้ ……. ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้วจับมากินซะ ความหิวโหยเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ยิ่งกับสัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนมาแล้วและเป็นผู้ซึ่งหิวโหยมาเป็นเวลานานนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

  “ออกไป!” ไป๋อี้ตะโกนบอกกับทุกคน

  แต่ทันใดนั้นประตูใหญ่ที่เปิดไว้ก็ถูกปิดลงอย่างแน่นหนา ขณะนี้ไนท์กำลังหัวเราะเยาะเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย …… ‘ขอโทษนะ นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกคุณต้องต่อสู้กันในนี้ ไนท์ควบคุมประตูใหญ่ได้แล้วและความรับผิดชอบของไนท์ก็คือการป้องกันไม่ให้ร่างทดลองทั้งหมดหลบหนี’

  ในตอนนี้คนทั้งสองกลุ่มที่เดิมทีเป็นศัตรูกัน เมื่อได้เห็นประตูใหญ่ที่ปิดสนิท พวกเขาก็ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดอย่างสิ้นเชิง นี่มันแย่มาก ……. จริง ๆ!

  ไป๋อี้เห็นประตูใหญ่ปิดลง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงไนท์ขึ้นมา นี่ต้องเป็นฝีมือเธอแน่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ไป๋อี้ไม่มีเวลาคิดว่าจะทำอย่างไร เพราะว่าสัตว์ประหลาดที่มีหัวเหมือนเสือซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าสองหรือสามเท่าของเขา อีกทั้งยังมีความดุร้ายเป็นอย่างมากกำลังมองไป๋อี้เป็นเหยื่อของมันเสียแล้ว

  เมื่อมันวิ่งออกมา ไป๋อี้ก็หลบโดยสัญชาตญาณ ในเวลาเดียวกันก็ใช้ดาบคะตะนะเฉือนเข้าตรงคอของมัน

  พรึ่บ หางเรียวยาวสองข้างที่อยู่ข้างหลังของมันกวาดดาบคะตะนะของไป๋อี้ทันทีจนดาบแทบหลุดจากมือของเขา สัตว์ที่ถูกผสานรวมกับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ทดลองที่ได้ผสานรวมเซลล์กับเซลล์ดัดแปลงมานานก่อนหน้าทุกคน

  ไป๋อี้ล้มลงไปตามทางที่ดาบคะตะนะถูกปัดออกไป ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงจากการตะครุบของเสือตัวนี้ได้อย่างพอดิบพอดี เมื่อเสือกระโดดข้ามศีรษะไป แววตาของไป๋อี้ก็เผยให้เห็นถึงความแน่วแน่และมุ่งมั่น พลันดาบคะตะนะก็ปักลงตรงท้องของคู่ต่อสู้ เสียงดังแคร่กดังขึ้นเมื่อส่วนท้องของเสือดุร้ายตัวนี้ถูกไป๋อี้ผ่าครึ่งลงมาเกือบทั้งหมด

        เลือดและอวัยวะภายในจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ทำให้ไป๋อี้เปื้อนไปด้วยเลือดแทบจะทั้งตัว

  การตายของสัตว์ประหลาดตัวนี้ทำให้มีกลิ่นเลือดส่งกลิ่นรุนแรงและค่อย ๆ คละคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ สัตว์ประหลาดทั้งหมดถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นเลือดทันที พวกมันตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้แม้แต่เบ็นสันที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมหัวใจของเขาให้เต้นเป็นจังหวะที่มั่นคงได้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าในบรรดาร่างทดลองทั้งหมดนั้นความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ถูกจัดอันดับร่วมกับร่างทดลองอื่น ๆ หากสัตว์ประหลาดถูกปล่อยออกมาจริง ๆ เขาคงต้องตายสถานเดียว

  “โนเอลเปิดประตู!” เบ็นสันตะโกนใส่โนเอล

  “ครับ……เปิดประตู!” โนเอลตอบเสียงดังทันที จากนั้นกลุ่มคนก็รีบวิ่งไปที่ประตู เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามที่ไม่ใช่คนงี่เง่าคงจะสามารถเข้าใจได้ดีว่าเขาจะออกไปข้างนอกได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโนเอลคนนี้ แม้แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดการต่อสู้เพราะกลัวว่าจะทำร้ายเพื่อนชื่อโนเอลโดยไม่ได้ตั้งใจ

  “ปล่อยมาร์ตินกลับมาแล้วพวกเราจะช่วยหยุดสัตว์ประหลาด มิฉะนั้นเราจะเลือกฆ่าโนเอลซะ!” จู่ ๆ ไป๋อี้ก็เดินออกมาและกล่าวกับกลุ่มเบ็นสัน

  กลุ่มของเบ็นสันจ้องไปที่ไป๋อี้ทันทีที่พวกเขาได้ยินดังนั้น ใช้อำนาจต่อรองในยามคับขันอย่างนั้นเหรอ?

  “หึ!” เบ็นสันสบถอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็เหวี่ยงมาร์ตินกลับไป เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าเบ็นสันจะโกรธ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว การฆ่ามาร์ตินเป็นเพียงการระบาย แต่ถ้ากลุ่มของไป๋อี้เลือกที่จะฆ่าโนเอล ทุกคนก็ต้องติดอยู่ที่นี่

  แม้ว่าเขาจะเหวี่ยงมาร์ตินไป แต่เบ็นสันก็ใช้พลังมหาศาลในการเหวี่ยงเขาออกไปอย่างแรงและในทิศทางที่เหวี่ยงไปนั้นก็มีสัตว์ประหลาดสามตัวที่ถูกกลิ่นเลือดดึงดูดมาถึงบริเวณนั้น

  บัดซบ!

  ไป๋อี้สบถอยู่ในใจ แต่เขาก็รีบพุ่งออกไปพร้อมกับหงฉี่ฮว๋าทันทีเพื่อเตรียมรับตัวมาร์ติน

  “หัวหน้า เราจะจัดการพวกเขาในภายหลังใช่ไหม?” หยูหานถาม ตอนนี้เป็นโอกาสดี ถ้าใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ก็จะสามารถทิ้งไป๋อี้และกลุ่มของเขาไว้ที่นี่ได้อย่างแน่นอน และในบรรดาคนที่มีความสามารถสูงนี้มีเพียงเบ็นสันคนเดียวเท่านั้น

  “โนเอลนายช่วยตั้งเวลาให้ประตูเปิดและปิดเร็ว ๆ หน่อยได้ไหม” แน่นอนว่าเบ็นสันไม่ใช่คนดีอะไรอย่างนั้น

  “ผม …… จะลองดู!” โนเอลพูดอย่างลังเล จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า ดังนั้นมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ใช้โอกาสอันดีนี้ล่ะ

  “นายต้องทำให้ได้!” เบ็นสันพูดกับโนเอลอย่างดุดันและพุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดที่กำลังวิ่งเข้ามา  

        การพูดคุยกันของคนเหล่านี้ไม่ได้เกินการคาดการณ์ของไป๋อี้ อันที่จริงเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่หนูที่ไร้เดียงสาและใจดี วูล์ฟกัดฟันแน่นขณะที่เฮลัวส์และเมย์ริสสงบนิ่งมาก เมื่อประตูเปิดขึ้น นั่นแหละจะเป็นการเปิดฉากการต่อสู้ที่แท้จริง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+