[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 138 ซ่อมแซมดาบเขี้ยว

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 138 ซ่อมแซมดาบเขี้ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  เมื่อได้ยินว่ามัลวีย์ต้องการวัสดุอื่น ๆ เพิ่ม เฮลัวส์จึงยื่นเขี้ยวให้เขาจากด้านข้างทันที ซึ่งนั่นเป็นเขี้ยวที่ไป๋อี้เคยให้มัลวีย์ดูก่อนหน้านี้

  “นี่เป็นวัสดุที่ดีจริง ๆ แต่ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเก็บมันไว้” มัลวีย์พูดกับไป๋อี้หลังจากที่เห็นมัน

  “โดยทั่วไปแล้วฟันแบ่งออกเป็นเคลือบฟัน เนื้อฟัน และเนื้อเยื่ออ่อน …… แม้ว่านี่จะเป็นเขี้ยวของสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการ แต่คุณลักษณะก็ไม่ต่างออกไปจากนี้ กล่าวได้ว่าฟันที่แข็งที่สุดคือส่วนที่เป็นเคลือบฟันชั้นนอกสุด ชั้นเคลือบฟันแต่ละซี่นั้นยอดเยี่ยมมากจะเห็นได้ว่านี่เป็นเขี้ยวที่แข็งมาก มันเป็นเขี้ยวที่แม้แต่เหล็กก็สามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นวัสดุชนิดนี้ มันน่าจะหายากมากทีเดียว” มัลวีย์อธิบายอย่างช้า ๆ

  “ใช่ นี่คือเขี้ยวของสัตว์กลายพันธุ์ที่มีลักษณะเหมือนมังกร มีแค่ซี่เดียว!” ไป๋อี้พยักหน้า

  “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ว่าเขี้ยวซี่นี้จะดูใหญ่มาก แต่ชั้นเคลือบฟันก็ไม่น่าจะมีมากนัก ฉันคิดว่าแทนที่เราจะสูญเสียบางส่วนไปกับการซ่อมแซมดาบเขี้ยว เราควรละลายเคลือบฟันให้หมดแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่แทน มันน่าจะเหมาะกว่าการเป็นมีดดาบเล่มยาวเล่มใหม่อย่างแน่นอน ส่วนการซ่อมดาบเขี้ยวถ้าไม่มีวัสดุอื่นก็ใช้ปลายหอกของฉันก็ได้”

  “ปลายหอกนั่น?”

  “ใช่แล้ว ปลายหอกที่ทำจากเขี้ยวตะขาบเกล็ดหยาดเลือดก็เพียงพอที่จะซ่อมแซมดาบเขี้ยวของนายแล้ว หลังจากที่มันละลายแล้วอย่างสมบูรณ์วัสดุมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ยิ่งกว่านั้นด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้ดาบเขี้ยวมีสารพิษอาบอยู่ตามธรรมชาติด้วยเช่นกัน เมื่อฟาดฟันในการต่อสู้มันจะเป็นการง่ายมากที่จะคร่าชีวิตคนผู้นั้น ในส่วนของการบาดเจ็บจากคมดาบที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้นฉันยังมียาแก้พิษสำหรับตะขาบเกล็ดหยาดเลือดที่บอนนี่เตรียมไว้ ไม่เช่นนั้นฉันคงจะไม่ได้รับเขี้ยวของตะขาบเกล็ดหยาดเลือดนี้มาหรอก” มัลวีย์กล่าว ในยามที่เขากล่าวถึงปัญหาในการหลอมและการแปรรูป จะเห็นได้ชัดว่าเขามีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากและดูเหมือนเขาจะชอบอาชีพนี้มากเช่นกัน

  “คมดาบอาบยาพิษงั้นเหรอ เหยื่อที่ติดสารพิษยังจะสามารถนำมาเป็นอาหารได้ไหม?” เวร่าถาม

  “ได้สิ พิษของตะขาบเกล็ดหยาดเลือดเป็นสารพิษที่ทำให้เม็ดเลือดแตกและจะมีผลก็ต่อเมื่อแทรกซึมไปกับบาดแผล ตราบใดที่ไม่ได้สัมผัสกับบาดแผลนั้น ๆ โดยทั่วไปจะไม่เป็นปัญหาสำหรับการนำมาทำเป็นอาหาร อันที่จริงสารพิษนั้นมันเป็นแค่เซรั่มโปรตีนจากไวรัสเท่านั้น หลังจากผ่านการปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิสูง มันก็ไม่ได้แตกต่างจากโปรตีนธรรมดาสักเท่าไหร่” มัลวีย์อธิบายทันที

  “อย่างนี้นี่เอง มัลวีย์ นายลองดูว่านายจะสามารถเปลี่ยนดาบเขี้ยวให้เป็นดาบชนิดพิเศษที่แฝงไว้ดวยสารพิษได้หรือไม่ และมีเพียงสิ่งเร้าบางอย่างเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นสารพิษได้” ไป๋อี้กล่าว

  “โอ้ ดีล่ะ ฉันจะพยายาม แต่ฉันรับประกันไม่ได้นะว่ามันจะสำเร็จหรือไม่” มัลวีย์พยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนนายแล้วล่ะ” ไป๋อี้ยื่นดาบเขี้ยวให้มัลวีย์

  “ฉันไม่สามารถดำเนินการที่นี่ได้ จะว่าไปยังมีปัญหาอีกหนึ่งอย่าง แม้ว่าฉันจะเข้าร่วมทีมแล้ว แต่การหลอมอาวุธนั้นต้องการอุปกรณ์และพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับการขัด การละลาย และขั้นตอนอื่นๆ แม้ว่าที่ที่ฉันอยู่จะมีอุปกรณ์ไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถติดตามทีมออกไปข้างนอกได้” มัลวีย์กล่าวอีกครั้ง

  “อย่างนั้นเหรอ นี่เป็นปัญหาจริง ๆ” ไป๋อี้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

  “พวกเราไปดูกันก่อนว่าเครื่องมือของนายมีขนาดใหญ่แค่ไหน เพราะพวกเราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ซึ่งต่อไปเราจะต้องเดินทางไปด้วยกัน ส่วนวิธีการลำเลียงนั้น แน่นอนว่าเราจะยืนยันอีกครั้งหลังจากที่ได้เห็นพวกมันแล้ว” ไป๋อี้กล่าว

  ไป๋อี้ขอให้วูล์ฟและมัลวีย์ย้ายเครื่องมือมา แม้ว่ามัลวีย์จะบอกว่าเครื่องมือมีขนาดใหญ่ แต่เครื่องมือเครื่องจักรและแม่พิมพ์ก็ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และไม่ได้มีขนาดใหญ่มากเกินกำลัง อีกทั้งเครื่องมือจำนวนมากยังต้องพึ่งพากำลังคน ดังนั้นเพียงสองคนก็เพียงพอที่จะนำสิ่งต่าง ๆ กลับมาได้ อย่างมากที่สุดก็อาจจะลำบากอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นหากไป๋อี้ออกไปในเวลานี้สถานการณ์จะยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก เขาจึงยังไม่ออกไปไหน

  ส่วนคนอื่น ๆ พวกเขาก็ได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยกันมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

  ใช้เวลาไม่นานนักในการเคลื่อนย้ายเครื่องมือกลับมา ขนาดด้วยความแข็งแกร่งของวูล์ฟในตอนนี้ยังค่อนข้างกินแรงทีเดียวในการเคลื่อนย้ายสิ่งเหล่านี้ นั่นสามารถจินตนาการได้เลยว่ามันหนักมากเพียงใด หินเจียรเป็นหินแข็งที่มีลักษณะเฉพาะของหมู่บ้านหุบเขาหิมะ ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการลับมีด นอกจากนี้ยังมีแม่พิมพ์และเครื่องมือในการทำงานอื่น ๆ ที่ไป๋อี้ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก อย่างไรก็ตามมัลวีย์นำเครื่องมือกลับมาด้วยตนเอง โดยเครื่องมือเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามีประโยชน์ทั้งสิ้น

  “มากมายอะไรขนาดนี้ ปกติแล้วคงไม่สะดวกนักหากต้องนำติดตัวไปด้วยระหว่างทาง ของเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่?”

  “ถ้าต้องการขัดอาวุธอย่างดีมันจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากจะซ่อมแซมดาบเขี้ยวและเสริมสร้างมันใหม่ ในขั้นตอนแรก ๆ จะไม่ต้องใช้อะไรมากมาย เพียงแค่ภาชนะที่ปิดสนิทนี้เท่านั้นก็พอ” มัลวีย์หยิบขวดใสที่มีสารทำละลายออกมา

  “นี่แหละ นี่คือตัวทำละลายที่บอนนี่คิดค้นสูตรขึ้นมาโดยบังเอิญ มันมีความเป็นกรดทางชีวภาพที่สามารถซึมผ่านกระดูกและทำให้กระดูกอ่อนลงเหมือนดินน้ำมัน ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ทำลายโครงสร้างของกระดูกเท่านั้น หลังจากตากไว้สักพักมันก็จะประกอบเป็นรูปร่างใหม่ แต่กระบวนการนี้ช้ามาก กระดูกและฟันที่ยิ่งมีความแข็งก็จะยิ่งช้า ฉันใช้เขาของซากแมลงขนาดใหญ่ในการแปรรูป ซึ่งใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ฉันต้องใช้เวลานานกว่าสองเดือนครึ่งสำหรับเขี้ยวของตะขาบเกล็ดหยาดเลือด กว่าส่วนรอบนอกของมันจะละลายทั้งยังต้องหลอมรวมเข้าด้วยกันอีก”

  “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพูดตั้งแต่ตอนแรกว่าถ้าจะทำดาบเขี้ยวนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี และนั่นเป็นแค่เพียงการประมาณการณ์เท่านั้น” มัลวีย์อธิบาย

  “หากมีสารละลายมากพอ ในครั้งเดียวสามารถทำอาวุธได้หลายชิ้นเลยหรือเปล่า”

  “เป็นไปไม่ได้!” มัลวีย์ส่ายหัว

  “ตอนที่บอนนี่เตรียมสารทำละลายนี้ ส่วนผสมอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้าไปคือเลือดของฉัน มันเป็นเหมือนเรื่องตลก ฉันไม่คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเตรียมทำละลายนี้ในปริมาณมากและสาเหตุหนึ่งที่ฉันไม่อยากเข้าร่วมทีมก็เพราะเหตุนี้เช่นกัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจคนอื่นแต่ฉันกลัวจะถูกกระทำเหมือนวัวโดนเชือด โดยใช้เลือดฉันเพื่อทำเป็นสารทำละลายนี้” มัลวีย์อธิบายขณะมองไปที่พวกไป๋อี้ 

  ไป๋อี้มองมัลวีย์อย่างจริงจัง แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้

  ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิดเปรียบกับคนที่มีพรสวรรค์แต่ต้องถูกกระทำมาดร้าย!

  พูดตามตรง นอกเหนือจากตัวทำละลายแบบนี้แล้ว มัลวีย์ไม่ได้มีความดีความชอบมากนักสำหรับคนอื่น ๆ สิ่งที่เขาทำได้คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ดังนั้นมัลวีย์จึงไม่ต้องการเข้าร่วมทีมใด ๆ มัลวีย์บอกเรื่องนี้กับไป๋อี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อใจไป๋อี้จริง ๆ ความไว้วางใจที่เกิดขึ้นซึ่งกันและกันและในหมู่พวกเขา คาดว่าน่าจะมีเหตุผลมาจากการที่ไป๋อี้ได้เปิดใจบอกพวกเขาเกี่ยวกับม่านตาบุษบาผกผันของเขาก่อนหน้านี้

  “ขอบคุณนะ!” ไป๋อี้พยักหน้าให้มัลวีย์

  “ไม่เป็นไร ฉันเลือกที่จะเชื่อใจทุกคน” มัลวีย์ยิ้มแล้วถือดาบเขี้ยวของไป๋อี้ไว้ “คาดว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการซ่อมแซมดาบเขี้ยวอย่างสุดกำลัง แต่คุณมีแผนที่จะหลอมเขี้ยวอีกซี่ขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ?”

  “แค่ซ่อมแซมดาบเขี้ยว จากนั้นก็ช่วยทุกคนสร้างดาบที่เหมาะสมกับแต่ละคนขึ้นมา ถึงศิลปะการต่อสู้ไม่ได้มีิติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ยังสามารถออกกำลังกายฝึกฝนได้ แม้แต่นักดาบในภาพยนตร์ก็ยังเริ่มฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก เหมาะเจาะเลย เมื่อเร็ว ๆ นี้ทีมของเราได้สรุปทักษะการใช้มีดดาบเอาไว้ ทุกคนควรเรียนรู้ไว้จะเป็นการดีที่สุด” ไป๋อี้กล่าว

  “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ว่าแต่วัสดุล่ะ?”

  “ซ่อมแซมดาบเขี้ยวไปก่อน รอจนกว่าวัสดุจะพร้อมใช้งาน หากไม่มีก็ทำละลายเขี้ยวอีกซี่หนึ่งก่อนก็ได้ แม้ว่าโดยปกติเราจะพบกับวัสดุจำนวนมาก แต่ก็เป็นปัญหายุ่งยากเกินไปที่จะนำติดตัวไปด้วย หากไม่ใช่วัสดุชั้นยอดเราก็ไม่ให้ความสนใจที่จะเก็บรวบรวมมันไว้ ” ไป๋อี้กล่าว

  เมื่อได้ยินไป๋อี้กล่าวเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้มากมายระหว่างทางแน่ ๆ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีความกดดันมากนัก พวกเขาจะไม่เก็บรวบรวมวัสดุธรรมดาทั่วไป  จากแง่มุมนี้มันยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมไป๋อี้ อะไรจะทำให้มีความมั่นใจได้มากกว่าการเข้าร่วมทีมที่แข็งแกร่งอีกล่ะ

  “เอาล่ะ ฉันจะซ่อมแซมดาบเขี้ยวก่อน เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่ต้องช่วยฉันรวบรวมส่วนผสมวัสดุจากสัตว์และพืชให้มากกว่านี้ ฉันต้องผสมตัวทำละลายนี้ให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ล่าสุดทีมเรามีแผนอะไรบ้าง? ถ้าจำเป็นต้องออกเดินทาง ฉันก็จะได้เตรียมตัวให้ดีไว้ก่อน” มัลวีย์พยักหน้า

  “เรายังไม่ออกไปจากที่นี่ซะทีเดียว ขณะนี้แกรี่และฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ เราต้องเรียกทุกคนในหุบเขาเข้าร่วม” ไป๋อี้กล่าว

  “เรื่องอะไร?”

  “เพื่อวางแผนสำหรับอนาคตของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลาย พูดง่าย ๆ ก็คือระดมกำลังทุกคนร่วมกันต่อสู้เพื่ออนาคตของเรา สิ่งที่ควรทำนั้นยังไม่ได้รับการพูดถึงอย่างเต็มที่ แต่คาดว่าจะมีรายละเอียดแจงแจกในอนาคตอันใกล้นี้” ไป๋อี้อธิบาย

  “ถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันช่วยได้” เวร่าพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

  “เอ๋?”

  “ ฉันยังมีความสามารถในการวางแผนทุกรูปแบบ ถ้าจะบอกว่ามนุษย์กลายพันธุ์ควรกลับไปสู่โลกที่สงบสุขและปลอดภัยฉันก็มีความคิดบางอย่างแล้วเช่นกัน” เวร่ากล่าว

  “นั่นช่วยได้มากทีเดียวเพราะตอนนี้มีคนน้อยเกินไป ดังนั้นฉันจึงต้องมุ่งเน้นไปที่แกรี่ก่อน”

  “ความหมายของหัวหน้าคือ คุณต้องการคงไว้ซึ่งคุณงามความดีในมือคุณอย่างนั้นเหรอ?” เวร่าถามขึ้นมาทันที ทันใดนั้นไป๋อี้ก็มองไปที่เวร่า เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ได้แต่ส่ายหัว

  “ไม่ แต่เพื่อความสมดุล ก็ปฏิเสธไม่ได้ซะทีเดียว ตอนที่เราเริ่มเรื่องนี้ มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดจะถูกขับเคลื่อนไปด้วยกัน และในหมู่พวกเขาจะต้องมีผู้คนมากมายที่มาจากระดับต่ำโผล่พรวดขึ้นมาเพื่อต้องการอยู่ในระดับสูง ซึ่งฉันไม่ได้ต่อต้านเรื่องแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามฉันไม่อนุญาตให้บุคคลเพียงไม่กี่คนแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยวิธีนี้แน่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนชั้นสูง และอันที่จริงเรื่องแบบนี้ไม่สามารถป้องกันไว้ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์เพื่อการพัฒนามนุษยชาติเป็นหลัก” ไป๋อี้อธิบายช้า ๆ

  “อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นฉันจะครุ่นคิดเรื่องนี้ให้ดี” เวร่าพยักหน้ารับ

  “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องการเรียนการสอนของโม่โม่ด้วยเช่นกัน” ไป๋อี้มองไปที่โม่โม่อีกครั้ง เมื่อโม่โม่ได้ยินคำพูดนั้น เธอก็จับต้นขาของไป๋อี้ไว้ทันทีก่อนจะบิดตัวไปมาพยายามทำตัวเหมือนเด็กทารกขี้อ้อน แต่ก็น่าเสียดายที่ไป๋อี้ไม่ยอมลดละในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคุณครูที่เหมาะสมได้ในเวลาอย่างนี้ การได้พบคุณครูอย่างเวร่านั้นเป็นโชคดีโดยสิ้นเชิง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 138 ซ่อมแซมดาบเขี้ยว

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 138 ซ่อมแซมดาบเขี้ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  เมื่อได้ยินว่ามัลวีย์ต้องการวัสดุอื่น ๆ เพิ่ม เฮลัวส์จึงยื่นเขี้ยวให้เขาจากด้านข้างทันที ซึ่งนั่นเป็นเขี้ยวที่ไป๋อี้เคยให้มัลวีย์ดูก่อนหน้านี้

  “นี่เป็นวัสดุที่ดีจริง ๆ แต่ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเก็บมันไว้” มัลวีย์พูดกับไป๋อี้หลังจากที่เห็นมัน

  “โดยทั่วไปแล้วฟันแบ่งออกเป็นเคลือบฟัน เนื้อฟัน และเนื้อเยื่ออ่อน …… แม้ว่านี่จะเป็นเขี้ยวของสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการ แต่คุณลักษณะก็ไม่ต่างออกไปจากนี้ กล่าวได้ว่าฟันที่แข็งที่สุดคือส่วนที่เป็นเคลือบฟันชั้นนอกสุด ชั้นเคลือบฟันแต่ละซี่นั้นยอดเยี่ยมมากจะเห็นได้ว่านี่เป็นเขี้ยวที่แข็งมาก มันเป็นเขี้ยวที่แม้แต่เหล็กก็สามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นวัสดุชนิดนี้ มันน่าจะหายากมากทีเดียว” มัลวีย์อธิบายอย่างช้า ๆ

  “ใช่ นี่คือเขี้ยวของสัตว์กลายพันธุ์ที่มีลักษณะเหมือนมังกร มีแค่ซี่เดียว!” ไป๋อี้พยักหน้า

  “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ว่าเขี้ยวซี่นี้จะดูใหญ่มาก แต่ชั้นเคลือบฟันก็ไม่น่าจะมีมากนัก ฉันคิดว่าแทนที่เราจะสูญเสียบางส่วนไปกับการซ่อมแซมดาบเขี้ยว เราควรละลายเคลือบฟันให้หมดแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่แทน มันน่าจะเหมาะกว่าการเป็นมีดดาบเล่มยาวเล่มใหม่อย่างแน่นอน ส่วนการซ่อมดาบเขี้ยวถ้าไม่มีวัสดุอื่นก็ใช้ปลายหอกของฉันก็ได้”

  “ปลายหอกนั่น?”

  “ใช่แล้ว ปลายหอกที่ทำจากเขี้ยวตะขาบเกล็ดหยาดเลือดก็เพียงพอที่จะซ่อมแซมดาบเขี้ยวของนายแล้ว หลังจากที่มันละลายแล้วอย่างสมบูรณ์วัสดุมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ยิ่งกว่านั้นด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้ดาบเขี้ยวมีสารพิษอาบอยู่ตามธรรมชาติด้วยเช่นกัน เมื่อฟาดฟันในการต่อสู้มันจะเป็นการง่ายมากที่จะคร่าชีวิตคนผู้นั้น ในส่วนของการบาดเจ็บจากคมดาบที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้นฉันยังมียาแก้พิษสำหรับตะขาบเกล็ดหยาดเลือดที่บอนนี่เตรียมไว้ ไม่เช่นนั้นฉันคงจะไม่ได้รับเขี้ยวของตะขาบเกล็ดหยาดเลือดนี้มาหรอก” มัลวีย์กล่าว ในยามที่เขากล่าวถึงปัญหาในการหลอมและการแปรรูป จะเห็นได้ชัดว่าเขามีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากและดูเหมือนเขาจะชอบอาชีพนี้มากเช่นกัน

  “คมดาบอาบยาพิษงั้นเหรอ เหยื่อที่ติดสารพิษยังจะสามารถนำมาเป็นอาหารได้ไหม?” เวร่าถาม

  “ได้สิ พิษของตะขาบเกล็ดหยาดเลือดเป็นสารพิษที่ทำให้เม็ดเลือดแตกและจะมีผลก็ต่อเมื่อแทรกซึมไปกับบาดแผล ตราบใดที่ไม่ได้สัมผัสกับบาดแผลนั้น ๆ โดยทั่วไปจะไม่เป็นปัญหาสำหรับการนำมาทำเป็นอาหาร อันที่จริงสารพิษนั้นมันเป็นแค่เซรั่มโปรตีนจากไวรัสเท่านั้น หลังจากผ่านการปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิสูง มันก็ไม่ได้แตกต่างจากโปรตีนธรรมดาสักเท่าไหร่” มัลวีย์อธิบายทันที

  “อย่างนี้นี่เอง มัลวีย์ นายลองดูว่านายจะสามารถเปลี่ยนดาบเขี้ยวให้เป็นดาบชนิดพิเศษที่แฝงไว้ดวยสารพิษได้หรือไม่ และมีเพียงสิ่งเร้าบางอย่างเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นสารพิษได้” ไป๋อี้กล่าว

  “โอ้ ดีล่ะ ฉันจะพยายาม แต่ฉันรับประกันไม่ได้นะว่ามันจะสำเร็จหรือไม่” มัลวีย์พยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนนายแล้วล่ะ” ไป๋อี้ยื่นดาบเขี้ยวให้มัลวีย์

  “ฉันไม่สามารถดำเนินการที่นี่ได้ จะว่าไปยังมีปัญหาอีกหนึ่งอย่าง แม้ว่าฉันจะเข้าร่วมทีมแล้ว แต่การหลอมอาวุธนั้นต้องการอุปกรณ์และพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับการขัด การละลาย และขั้นตอนอื่นๆ แม้ว่าที่ที่ฉันอยู่จะมีอุปกรณ์ไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถติดตามทีมออกไปข้างนอกได้” มัลวีย์กล่าวอีกครั้ง

  “อย่างนั้นเหรอ นี่เป็นปัญหาจริง ๆ” ไป๋อี้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

  “พวกเราไปดูกันก่อนว่าเครื่องมือของนายมีขนาดใหญ่แค่ไหน เพราะพวกเราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ซึ่งต่อไปเราจะต้องเดินทางไปด้วยกัน ส่วนวิธีการลำเลียงนั้น แน่นอนว่าเราจะยืนยันอีกครั้งหลังจากที่ได้เห็นพวกมันแล้ว” ไป๋อี้กล่าว

  ไป๋อี้ขอให้วูล์ฟและมัลวีย์ย้ายเครื่องมือมา แม้ว่ามัลวีย์จะบอกว่าเครื่องมือมีขนาดใหญ่ แต่เครื่องมือเครื่องจักรและแม่พิมพ์ก็ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และไม่ได้มีขนาดใหญ่มากเกินกำลัง อีกทั้งเครื่องมือจำนวนมากยังต้องพึ่งพากำลังคน ดังนั้นเพียงสองคนก็เพียงพอที่จะนำสิ่งต่าง ๆ กลับมาได้ อย่างมากที่สุดก็อาจจะลำบากอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นหากไป๋อี้ออกไปในเวลานี้สถานการณ์จะยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก เขาจึงยังไม่ออกไปไหน

  ส่วนคนอื่น ๆ พวกเขาก็ได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยกันมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

  ใช้เวลาไม่นานนักในการเคลื่อนย้ายเครื่องมือกลับมา ขนาดด้วยความแข็งแกร่งของวูล์ฟในตอนนี้ยังค่อนข้างกินแรงทีเดียวในการเคลื่อนย้ายสิ่งเหล่านี้ นั่นสามารถจินตนาการได้เลยว่ามันหนักมากเพียงใด หินเจียรเป็นหินแข็งที่มีลักษณะเฉพาะของหมู่บ้านหุบเขาหิมะ ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการลับมีด นอกจากนี้ยังมีแม่พิมพ์และเครื่องมือในการทำงานอื่น ๆ ที่ไป๋อี้ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก อย่างไรก็ตามมัลวีย์นำเครื่องมือกลับมาด้วยตนเอง โดยเครื่องมือเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามีประโยชน์ทั้งสิ้น

  “มากมายอะไรขนาดนี้ ปกติแล้วคงไม่สะดวกนักหากต้องนำติดตัวไปด้วยระหว่างทาง ของเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่?”

  “ถ้าต้องการขัดอาวุธอย่างดีมันจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากจะซ่อมแซมดาบเขี้ยวและเสริมสร้างมันใหม่ ในขั้นตอนแรก ๆ จะไม่ต้องใช้อะไรมากมาย เพียงแค่ภาชนะที่ปิดสนิทนี้เท่านั้นก็พอ” มัลวีย์หยิบขวดใสที่มีสารทำละลายออกมา

  “นี่แหละ นี่คือตัวทำละลายที่บอนนี่คิดค้นสูตรขึ้นมาโดยบังเอิญ มันมีความเป็นกรดทางชีวภาพที่สามารถซึมผ่านกระดูกและทำให้กระดูกอ่อนลงเหมือนดินน้ำมัน ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ทำลายโครงสร้างของกระดูกเท่านั้น หลังจากตากไว้สักพักมันก็จะประกอบเป็นรูปร่างใหม่ แต่กระบวนการนี้ช้ามาก กระดูกและฟันที่ยิ่งมีความแข็งก็จะยิ่งช้า ฉันใช้เขาของซากแมลงขนาดใหญ่ในการแปรรูป ซึ่งใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ฉันต้องใช้เวลานานกว่าสองเดือนครึ่งสำหรับเขี้ยวของตะขาบเกล็ดหยาดเลือด กว่าส่วนรอบนอกของมันจะละลายทั้งยังต้องหลอมรวมเข้าด้วยกันอีก”

  “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพูดตั้งแต่ตอนแรกว่าถ้าจะทำดาบเขี้ยวนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี และนั่นเป็นแค่เพียงการประมาณการณ์เท่านั้น” มัลวีย์อธิบาย

  “หากมีสารละลายมากพอ ในครั้งเดียวสามารถทำอาวุธได้หลายชิ้นเลยหรือเปล่า”

  “เป็นไปไม่ได้!” มัลวีย์ส่ายหัว

  “ตอนที่บอนนี่เตรียมสารทำละลายนี้ ส่วนผสมอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้าไปคือเลือดของฉัน มันเป็นเหมือนเรื่องตลก ฉันไม่คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเตรียมทำละลายนี้ในปริมาณมากและสาเหตุหนึ่งที่ฉันไม่อยากเข้าร่วมทีมก็เพราะเหตุนี้เช่นกัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจคนอื่นแต่ฉันกลัวจะถูกกระทำเหมือนวัวโดนเชือด โดยใช้เลือดฉันเพื่อทำเป็นสารทำละลายนี้” มัลวีย์อธิบายขณะมองไปที่พวกไป๋อี้ 

  ไป๋อี้มองมัลวีย์อย่างจริงจัง แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้

  ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิดเปรียบกับคนที่มีพรสวรรค์แต่ต้องถูกกระทำมาดร้าย!

  พูดตามตรง นอกเหนือจากตัวทำละลายแบบนี้แล้ว มัลวีย์ไม่ได้มีความดีความชอบมากนักสำหรับคนอื่น ๆ สิ่งที่เขาทำได้คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ดังนั้นมัลวีย์จึงไม่ต้องการเข้าร่วมทีมใด ๆ มัลวีย์บอกเรื่องนี้กับไป๋อี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อใจไป๋อี้จริง ๆ ความไว้วางใจที่เกิดขึ้นซึ่งกันและกันและในหมู่พวกเขา คาดว่าน่าจะมีเหตุผลมาจากการที่ไป๋อี้ได้เปิดใจบอกพวกเขาเกี่ยวกับม่านตาบุษบาผกผันของเขาก่อนหน้านี้

  “ขอบคุณนะ!” ไป๋อี้พยักหน้าให้มัลวีย์

  “ไม่เป็นไร ฉันเลือกที่จะเชื่อใจทุกคน” มัลวีย์ยิ้มแล้วถือดาบเขี้ยวของไป๋อี้ไว้ “คาดว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการซ่อมแซมดาบเขี้ยวอย่างสุดกำลัง แต่คุณมีแผนที่จะหลอมเขี้ยวอีกซี่ขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ?”

  “แค่ซ่อมแซมดาบเขี้ยว จากนั้นก็ช่วยทุกคนสร้างดาบที่เหมาะสมกับแต่ละคนขึ้นมา ถึงศิลปะการต่อสู้ไม่ได้มีิติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ยังสามารถออกกำลังกายฝึกฝนได้ แม้แต่นักดาบในภาพยนตร์ก็ยังเริ่มฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก เหมาะเจาะเลย เมื่อเร็ว ๆ นี้ทีมของเราได้สรุปทักษะการใช้มีดดาบเอาไว้ ทุกคนควรเรียนรู้ไว้จะเป็นการดีที่สุด” ไป๋อี้กล่าว

  “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ว่าแต่วัสดุล่ะ?”

  “ซ่อมแซมดาบเขี้ยวไปก่อน รอจนกว่าวัสดุจะพร้อมใช้งาน หากไม่มีก็ทำละลายเขี้ยวอีกซี่หนึ่งก่อนก็ได้ แม้ว่าโดยปกติเราจะพบกับวัสดุจำนวนมาก แต่ก็เป็นปัญหายุ่งยากเกินไปที่จะนำติดตัวไปด้วย หากไม่ใช่วัสดุชั้นยอดเราก็ไม่ให้ความสนใจที่จะเก็บรวบรวมมันไว้ ” ไป๋อี้กล่าว

  เมื่อได้ยินไป๋อี้กล่าวเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้มากมายระหว่างทางแน่ ๆ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีความกดดันมากนัก พวกเขาจะไม่เก็บรวบรวมวัสดุธรรมดาทั่วไป  จากแง่มุมนี้มันยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมไป๋อี้ อะไรจะทำให้มีความมั่นใจได้มากกว่าการเข้าร่วมทีมที่แข็งแกร่งอีกล่ะ

  “เอาล่ะ ฉันจะซ่อมแซมดาบเขี้ยวก่อน เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่ต้องช่วยฉันรวบรวมส่วนผสมวัสดุจากสัตว์และพืชให้มากกว่านี้ ฉันต้องผสมตัวทำละลายนี้ให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ล่าสุดทีมเรามีแผนอะไรบ้าง? ถ้าจำเป็นต้องออกเดินทาง ฉันก็จะได้เตรียมตัวให้ดีไว้ก่อน” มัลวีย์พยักหน้า

  “เรายังไม่ออกไปจากที่นี่ซะทีเดียว ขณะนี้แกรี่และฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ เราต้องเรียกทุกคนในหุบเขาเข้าร่วม” ไป๋อี้กล่าว

  “เรื่องอะไร?”

  “เพื่อวางแผนสำหรับอนาคตของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลาย พูดง่าย ๆ ก็คือระดมกำลังทุกคนร่วมกันต่อสู้เพื่ออนาคตของเรา สิ่งที่ควรทำนั้นยังไม่ได้รับการพูดถึงอย่างเต็มที่ แต่คาดว่าจะมีรายละเอียดแจงแจกในอนาคตอันใกล้นี้” ไป๋อี้อธิบาย

  “ถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันช่วยได้” เวร่าพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

  “เอ๋?”

  “ ฉันยังมีความสามารถในการวางแผนทุกรูปแบบ ถ้าจะบอกว่ามนุษย์กลายพันธุ์ควรกลับไปสู่โลกที่สงบสุขและปลอดภัยฉันก็มีความคิดบางอย่างแล้วเช่นกัน” เวร่ากล่าว

  “นั่นช่วยได้มากทีเดียวเพราะตอนนี้มีคนน้อยเกินไป ดังนั้นฉันจึงต้องมุ่งเน้นไปที่แกรี่ก่อน”

  “ความหมายของหัวหน้าคือ คุณต้องการคงไว้ซึ่งคุณงามความดีในมือคุณอย่างนั้นเหรอ?” เวร่าถามขึ้นมาทันที ทันใดนั้นไป๋อี้ก็มองไปที่เวร่า เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ได้แต่ส่ายหัว

  “ไม่ แต่เพื่อความสมดุล ก็ปฏิเสธไม่ได้ซะทีเดียว ตอนที่เราเริ่มเรื่องนี้ มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดจะถูกขับเคลื่อนไปด้วยกัน และในหมู่พวกเขาจะต้องมีผู้คนมากมายที่มาจากระดับต่ำโผล่พรวดขึ้นมาเพื่อต้องการอยู่ในระดับสูง ซึ่งฉันไม่ได้ต่อต้านเรื่องแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามฉันไม่อนุญาตให้บุคคลเพียงไม่กี่คนแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยวิธีนี้แน่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนชั้นสูง และอันที่จริงเรื่องแบบนี้ไม่สามารถป้องกันไว้ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์เพื่อการพัฒนามนุษยชาติเป็นหลัก” ไป๋อี้อธิบายช้า ๆ

  “อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นฉันจะครุ่นคิดเรื่องนี้ให้ดี” เวร่าพยักหน้ารับ

  “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องการเรียนการสอนของโม่โม่ด้วยเช่นกัน” ไป๋อี้มองไปที่โม่โม่อีกครั้ง เมื่อโม่โม่ได้ยินคำพูดนั้น เธอก็จับต้นขาของไป๋อี้ไว้ทันทีก่อนจะบิดตัวไปมาพยายามทำตัวเหมือนเด็กทารกขี้อ้อน แต่ก็น่าเสียดายที่ไป๋อี้ไม่ยอมลดละในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคุณครูที่เหมาะสมได้ในเวลาอย่างนี้ การได้พบคุณครูอย่างเวร่านั้นเป็นโชคดีโดยสิ้นเชิง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 138 ซ่อมแซมดาบเขี้ยว

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 138 ซ่อมแซมดาบเขี้ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  เมื่อได้ยินว่ามัลวีย์ต้องการวัสดุอื่น ๆ เพิ่ม เฮลัวส์จึงยื่นเขี้ยวให้เขาจากด้านข้างทันที ซึ่งนั่นเป็นเขี้ยวที่ไป๋อี้เคยให้มัลวีย์ดูก่อนหน้านี้

  “นี่เป็นวัสดุที่ดีจริง ๆ แต่ฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าเก็บมันไว้” มัลวีย์พูดกับไป๋อี้หลังจากที่เห็นมัน

  “โดยทั่วไปแล้วฟันแบ่งออกเป็นเคลือบฟัน เนื้อฟัน และเนื้อเยื่ออ่อน …… แม้ว่านี่จะเป็นเขี้ยวของสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการ แต่คุณลักษณะก็ไม่ต่างออกไปจากนี้ กล่าวได้ว่าฟันที่แข็งที่สุดคือส่วนที่เป็นเคลือบฟันชั้นนอกสุด ชั้นเคลือบฟันแต่ละซี่นั้นยอดเยี่ยมมากจะเห็นได้ว่านี่เป็นเขี้ยวที่แข็งมาก มันเป็นเขี้ยวที่แม้แต่เหล็กก็สามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นวัสดุชนิดนี้ มันน่าจะหายากมากทีเดียว” มัลวีย์อธิบายอย่างช้า ๆ

  “ใช่ นี่คือเขี้ยวของสัตว์กลายพันธุ์ที่มีลักษณะเหมือนมังกร มีแค่ซี่เดียว!” ไป๋อี้พยักหน้า

  “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ว่าเขี้ยวซี่นี้จะดูใหญ่มาก แต่ชั้นเคลือบฟันก็ไม่น่าจะมีมากนัก ฉันคิดว่าแทนที่เราจะสูญเสียบางส่วนไปกับการซ่อมแซมดาบเขี้ยว เราควรละลายเคลือบฟันให้หมดแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่แทน มันน่าจะเหมาะกว่าการเป็นมีดดาบเล่มยาวเล่มใหม่อย่างแน่นอน ส่วนการซ่อมดาบเขี้ยวถ้าไม่มีวัสดุอื่นก็ใช้ปลายหอกของฉันก็ได้”

  “ปลายหอกนั่น?”

  “ใช่แล้ว ปลายหอกที่ทำจากเขี้ยวตะขาบเกล็ดหยาดเลือดก็เพียงพอที่จะซ่อมแซมดาบเขี้ยวของนายแล้ว หลังจากที่มันละลายแล้วอย่างสมบูรณ์วัสดุมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ยิ่งกว่านั้นด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้ดาบเขี้ยวมีสารพิษอาบอยู่ตามธรรมชาติด้วยเช่นกัน เมื่อฟาดฟันในการต่อสู้มันจะเป็นการง่ายมากที่จะคร่าชีวิตคนผู้นั้น ในส่วนของการบาดเจ็บจากคมดาบที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้นฉันยังมียาแก้พิษสำหรับตะขาบเกล็ดหยาดเลือดที่บอนนี่เตรียมไว้ ไม่เช่นนั้นฉันคงจะไม่ได้รับเขี้ยวของตะขาบเกล็ดหยาดเลือดนี้มาหรอก” มัลวีย์กล่าว ในยามที่เขากล่าวถึงปัญหาในการหลอมและการแปรรูป จะเห็นได้ชัดว่าเขามีความกระตือรือร้นเป็นอย่างมากและดูเหมือนเขาจะชอบอาชีพนี้มากเช่นกัน

  “คมดาบอาบยาพิษงั้นเหรอ เหยื่อที่ติดสารพิษยังจะสามารถนำมาเป็นอาหารได้ไหม?” เวร่าถาม

  “ได้สิ พิษของตะขาบเกล็ดหยาดเลือดเป็นสารพิษที่ทำให้เม็ดเลือดแตกและจะมีผลก็ต่อเมื่อแทรกซึมไปกับบาดแผล ตราบใดที่ไม่ได้สัมผัสกับบาดแผลนั้น ๆ โดยทั่วไปจะไม่เป็นปัญหาสำหรับการนำมาทำเป็นอาหาร อันที่จริงสารพิษนั้นมันเป็นแค่เซรั่มโปรตีนจากไวรัสเท่านั้น หลังจากผ่านการปรุงอาหารด้วยอุณหภูมิสูง มันก็ไม่ได้แตกต่างจากโปรตีนธรรมดาสักเท่าไหร่” มัลวีย์อธิบายทันที

  “อย่างนี้นี่เอง มัลวีย์ นายลองดูว่านายจะสามารถเปลี่ยนดาบเขี้ยวให้เป็นดาบชนิดพิเศษที่แฝงไว้ดวยสารพิษได้หรือไม่ และมีเพียงสิ่งเร้าบางอย่างเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นสารพิษได้” ไป๋อี้กล่าว

  “โอ้ ดีล่ะ ฉันจะพยายาม แต่ฉันรับประกันไม่ได้นะว่ามันจะสำเร็จหรือไม่” มัลวีย์พยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนนายแล้วล่ะ” ไป๋อี้ยื่นดาบเขี้ยวให้มัลวีย์

  “ฉันไม่สามารถดำเนินการที่นี่ได้ จะว่าไปยังมีปัญหาอีกหนึ่งอย่าง แม้ว่าฉันจะเข้าร่วมทีมแล้ว แต่การหลอมอาวุธนั้นต้องการอุปกรณ์และพื้นที่ที่เพียงพอสำหรับการขัด การละลาย และขั้นตอนอื่นๆ แม้ว่าที่ที่ฉันอยู่จะมีอุปกรณ์ไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่ไม่น้อย ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถติดตามทีมออกไปข้างนอกได้” มัลวีย์กล่าวอีกครั้ง

  “อย่างนั้นเหรอ นี่เป็นปัญหาจริง ๆ” ไป๋อี้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด

  “พวกเราไปดูกันก่อนว่าเครื่องมือของนายมีขนาดใหญ่แค่ไหน เพราะพวกเราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ซึ่งต่อไปเราจะต้องเดินทางไปด้วยกัน ส่วนวิธีการลำเลียงนั้น แน่นอนว่าเราจะยืนยันอีกครั้งหลังจากที่ได้เห็นพวกมันแล้ว” ไป๋อี้กล่าว

  ไป๋อี้ขอให้วูล์ฟและมัลวีย์ย้ายเครื่องมือมา แม้ว่ามัลวีย์จะบอกว่าเครื่องมือมีขนาดใหญ่ แต่เครื่องมือเครื่องจักรและแม่พิมพ์ก็ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และไม่ได้มีขนาดใหญ่มากเกินกำลัง อีกทั้งเครื่องมือจำนวนมากยังต้องพึ่งพากำลังคน ดังนั้นเพียงสองคนก็เพียงพอที่จะนำสิ่งต่าง ๆ กลับมาได้ อย่างมากที่สุดก็อาจจะลำบากอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นหากไป๋อี้ออกไปในเวลานี้สถานการณ์จะยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก เขาจึงยังไม่ออกไปไหน

  ส่วนคนอื่น ๆ พวกเขาก็ได้ทำความรู้จักและคุ้นเคยกันมากขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว

  ใช้เวลาไม่นานนักในการเคลื่อนย้ายเครื่องมือกลับมา ขนาดด้วยความแข็งแกร่งของวูล์ฟในตอนนี้ยังค่อนข้างกินแรงทีเดียวในการเคลื่อนย้ายสิ่งเหล่านี้ นั่นสามารถจินตนาการได้เลยว่ามันหนักมากเพียงใด หินเจียรเป็นหินแข็งที่มีลักษณะเฉพาะของหมู่บ้านหุบเขาหิมะ ซึ่งเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการลับมีด นอกจากนี้ยังมีแม่พิมพ์และเครื่องมือในการทำงานอื่น ๆ ที่ไป๋อี้ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก อย่างไรก็ตามมัลวีย์นำเครื่องมือกลับมาด้วยตนเอง โดยเครื่องมือเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามีประโยชน์ทั้งสิ้น

  “มากมายอะไรขนาดนี้ ปกติแล้วคงไม่สะดวกนักหากต้องนำติดตัวไปด้วยระหว่างทาง ของเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่?”

  “ถ้าต้องการขัดอาวุธอย่างดีมันจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากจะซ่อมแซมดาบเขี้ยวและเสริมสร้างมันใหม่ ในขั้นตอนแรก ๆ จะไม่ต้องใช้อะไรมากมาย เพียงแค่ภาชนะที่ปิดสนิทนี้เท่านั้นก็พอ” มัลวีย์หยิบขวดใสที่มีสารทำละลายออกมา

  “นี่แหละ นี่คือตัวทำละลายที่บอนนี่คิดค้นสูตรขึ้นมาโดยบังเอิญ มันมีความเป็นกรดทางชีวภาพที่สามารถซึมผ่านกระดูกและทำให้กระดูกอ่อนลงเหมือนดินน้ำมัน ยิ่งไปกว่านั้นการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ทำลายโครงสร้างของกระดูกเท่านั้น หลังจากตากไว้สักพักมันก็จะประกอบเป็นรูปร่างใหม่ แต่กระบวนการนี้ช้ามาก กระดูกและฟันที่ยิ่งมีความแข็งก็จะยิ่งช้า ฉันใช้เขาของซากแมลงขนาดใหญ่ในการแปรรูป ซึ่งใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ฉันต้องใช้เวลานานกว่าสองเดือนครึ่งสำหรับเขี้ยวของตะขาบเกล็ดหยาดเลือด กว่าส่วนรอบนอกของมันจะละลายทั้งยังต้องหลอมรวมเข้าด้วยกันอีก”

  “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันพูดตั้งแต่ตอนแรกว่าถ้าจะทำดาบเขี้ยวนั้นต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี และนั่นเป็นแค่เพียงการประมาณการณ์เท่านั้น” มัลวีย์อธิบาย

  “หากมีสารละลายมากพอ ในครั้งเดียวสามารถทำอาวุธได้หลายชิ้นเลยหรือเปล่า”

  “เป็นไปไม่ได้!” มัลวีย์ส่ายหัว

  “ตอนที่บอนนี่เตรียมสารทำละลายนี้ ส่วนผสมอย่างหนึ่งที่เพิ่มเข้าไปคือเลือดของฉัน มันเป็นเหมือนเรื่องตลก ฉันไม่คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเตรียมทำละลายนี้ในปริมาณมากและสาเหตุหนึ่งที่ฉันไม่อยากเข้าร่วมทีมก็เพราะเหตุนี้เช่นกัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจคนอื่นแต่ฉันกลัวจะถูกกระทำเหมือนวัวโดนเชือด โดยใช้เลือดฉันเพื่อทำเป็นสารทำละลายนี้” มัลวีย์อธิบายขณะมองไปที่พวกไป๋อี้ 

  ไป๋อี้มองมัลวีย์อย่างจริงจัง แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้

  ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิดเปรียบกับคนที่มีพรสวรรค์แต่ต้องถูกกระทำมาดร้าย!

  พูดตามตรง นอกเหนือจากตัวทำละลายแบบนี้แล้ว มัลวีย์ไม่ได้มีความดีความชอบมากนักสำหรับคนอื่น ๆ สิ่งที่เขาทำได้คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ดังนั้นมัลวีย์จึงไม่ต้องการเข้าร่วมทีมใด ๆ มัลวีย์บอกเรื่องนี้กับไป๋อี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อใจไป๋อี้จริง ๆ ความไว้วางใจที่เกิดขึ้นซึ่งกันและกันและในหมู่พวกเขา คาดว่าน่าจะมีเหตุผลมาจากการที่ไป๋อี้ได้เปิดใจบอกพวกเขาเกี่ยวกับม่านตาบุษบาผกผันของเขาก่อนหน้านี้

  “ขอบคุณนะ!” ไป๋อี้พยักหน้าให้มัลวีย์

  “ไม่เป็นไร ฉันเลือกที่จะเชื่อใจทุกคน” มัลวีย์ยิ้มแล้วถือดาบเขี้ยวของไป๋อี้ไว้ “คาดว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการซ่อมแซมดาบเขี้ยวอย่างสุดกำลัง แต่คุณมีแผนที่จะหลอมเขี้ยวอีกซี่ขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ?”

  “แค่ซ่อมแซมดาบเขี้ยว จากนั้นก็ช่วยทุกคนสร้างดาบที่เหมาะสมกับแต่ละคนขึ้นมา ถึงศิลปะการต่อสู้ไม่ได้มีิติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ยังสามารถออกกำลังกายฝึกฝนได้ แม้แต่นักดาบในภาพยนตร์ก็ยังเริ่มฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก เหมาะเจาะเลย เมื่อเร็ว ๆ นี้ทีมของเราได้สรุปทักษะการใช้มีดดาบเอาไว้ ทุกคนควรเรียนรู้ไว้จะเป็นการดีที่สุด” ไป๋อี้กล่าว

  “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ว่าแต่วัสดุล่ะ?”

  “ซ่อมแซมดาบเขี้ยวไปก่อน รอจนกว่าวัสดุจะพร้อมใช้งาน หากไม่มีก็ทำละลายเขี้ยวอีกซี่หนึ่งก่อนก็ได้ แม้ว่าโดยปกติเราจะพบกับวัสดุจำนวนมาก แต่ก็เป็นปัญหายุ่งยากเกินไปที่จะนำติดตัวไปด้วย หากไม่ใช่วัสดุชั้นยอดเราก็ไม่ให้ความสนใจที่จะเก็บรวบรวมมันไว้ ” ไป๋อี้กล่าว

  เมื่อได้ยินไป๋อี้กล่าวเช่นนั้น คนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายลง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้มากมายระหว่างทางแน่ ๆ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีความกดดันมากนัก พวกเขาจะไม่เก็บรวบรวมวัสดุธรรมดาทั่วไป  จากแง่มุมนี้มันยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทีมไป๋อี้ อะไรจะทำให้มีความมั่นใจได้มากกว่าการเข้าร่วมทีมที่แข็งแกร่งอีกล่ะ

  “เอาล่ะ ฉันจะซ่อมแซมดาบเขี้ยวก่อน เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่ต้องช่วยฉันรวบรวมส่วนผสมวัสดุจากสัตว์และพืชให้มากกว่านี้ ฉันต้องผสมตัวทำละลายนี้ให้มากขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ล่าสุดทีมเรามีแผนอะไรบ้าง? ถ้าจำเป็นต้องออกเดินทาง ฉันก็จะได้เตรียมตัวให้ดีไว้ก่อน” มัลวีย์พยักหน้า

  “เรายังไม่ออกไปจากที่นี่ซะทีเดียว ขณะนี้แกรี่และฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ เราต้องเรียกทุกคนในหุบเขาเข้าร่วม” ไป๋อี้กล่าว

  “เรื่องอะไร?”

  “เพื่อวางแผนสำหรับอนาคตของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลาย พูดง่าย ๆ ก็คือระดมกำลังทุกคนร่วมกันต่อสู้เพื่ออนาคตของเรา สิ่งที่ควรทำนั้นยังไม่ได้รับการพูดถึงอย่างเต็มที่ แต่คาดว่าจะมีรายละเอียดแจงแจกในอนาคตอันใกล้นี้” ไป๋อี้อธิบาย

  “ถ้าเป็นเรื่องนั้นฉันช่วยได้” เวร่าพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน

  “เอ๋?”

  “ ฉันยังมีความสามารถในการวางแผนทุกรูปแบบ ถ้าจะบอกว่ามนุษย์กลายพันธุ์ควรกลับไปสู่โลกที่สงบสุขและปลอดภัยฉันก็มีความคิดบางอย่างแล้วเช่นกัน” เวร่ากล่าว

  “นั่นช่วยได้มากทีเดียวเพราะตอนนี้มีคนน้อยเกินไป ดังนั้นฉันจึงต้องมุ่งเน้นไปที่แกรี่ก่อน”

  “ความหมายของหัวหน้าคือ คุณต้องการคงไว้ซึ่งคุณงามความดีในมือคุณอย่างนั้นเหรอ?” เวร่าถามขึ้นมาทันที ทันใดนั้นไป๋อี้ก็มองไปที่เวร่า เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ได้แต่ส่ายหัว

  “ไม่ แต่เพื่อความสมดุล ก็ปฏิเสธไม่ได้ซะทีเดียว ตอนที่เราเริ่มเรื่องนี้ มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดจะถูกขับเคลื่อนไปด้วยกัน และในหมู่พวกเขาจะต้องมีผู้คนมากมายที่มาจากระดับต่ำโผล่พรวดขึ้นมาเพื่อต้องการอยู่ในระดับสูง ซึ่งฉันไม่ได้ต่อต้านเรื่องแบบนี้ แต่อย่างไรก็ตามฉันไม่อนุญาตให้บุคคลเพียงไม่กี่คนแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยวิธีนี้แน่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนชั้นสูง และอันที่จริงเรื่องแบบนี้ไม่สามารถป้องกันไว้ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์เพื่อการพัฒนามนุษยชาติเป็นหลัก” ไป๋อี้อธิบายช้า ๆ

  “อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นฉันจะครุ่นคิดเรื่องนี้ให้ดี” เวร่าพยักหน้ารับ

  “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องการเรียนการสอนของโม่โม่ด้วยเช่นกัน” ไป๋อี้มองไปที่โม่โม่อีกครั้ง เมื่อโม่โม่ได้ยินคำพูดนั้น เธอก็จับต้นขาของไป๋อี้ไว้ทันทีก่อนจะบิดตัวไปมาพยายามทำตัวเหมือนเด็กทารกขี้อ้อน แต่ก็น่าเสียดายที่ไป๋อี้ไม่ยอมลดละในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคุณครูที่เหมาะสมได้ในเวลาอย่างนี้ การได้พบคุณครูอย่างเวร่านั้นเป็นโชคดีโดยสิ้นเชิง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+