[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 46 โชคชะตา

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 46 โชคชะตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        สี่ระดับ!

        “ร่างทดลองในสถาบันวิจัยนั้น ถ้าจะแบ่งตามศักยภาพของร่างกายจะแบ่งได้คร่าว ๆ 4 ระดับ” มาร์ตินก้าวออกมายืนบนแท่น จากนั้นก็ใช้ชอล์กเขียนหัวข้อที่ 1 ประกอบคำอธิบายไว้บนกระดาน

        “1.ระดับสูงสุด ยีนผสานรวมระดับนี้จะแข็งแกร่งมาก อาจจะฟังดูไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่แต่ความเป็นจริงมันเป็นความแข็งแกร่งที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว มูลเหตุแห่งขุมพลังนั้นพวกเราก็ยังไม่รู้แน่ชัด แต่คาดว่าเป็นเพราะเกิดจากการผสานรวมของเซลล์ชนิดเดียวกันจึงมีความเข้มข้นของพลังเป็นพิเศษ เจ้าสิ่งนี้จึงถูกเรียกว่าการกลายพันธุ์อย่างเฉียบพลัน”

        “2.ระดับสูง ร่างทดลองที่นำมาใช้ในระดับนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ดังนั้นการผสานรวมยีนนี้จึงค่อนข้างสมบูรณ์ จึงทำให้เติมเต็มความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ การผสานรวมแบบนี้แม้ว่าความสามารถจะไม่เท่าระดับสูงสุดแต่ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างจะแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีมาก ถ้าหากโชคดีมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา การที่จะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับสูงสุดก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

        “3.ระดับกลาง ยีนที่ใช้ในการผสานรวมก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นนักล่าในธรรมชาติ แต่ระดับการผสานรวมกับยีนอื่นกลับทำได้เพียงระดับปานกลาง ดังนั้นความสามารถจึงจัดอยู่ในระดับที่พอประมาณเท่านั้น”

        “4.ระดับต่ำ ยีนที่นำมาผสานรวมไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมาก สัตว์ประหลาดระดับนี้นอกจากเอาไว้ใช้เป็นเหยื่อล่อสัตว์ประหลาดตัวอื่นแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่าถึงจะเป็นแค่ระดับนี้แต่ก็ยังเป็นอันตรายสำหรับมนุษย์อยู่ดี”

        “ถ้าพวกเราเอายีนที่หงฉี่ฮว๋ากล่าวมาข้างต้นมาผสานรวมยีนจะจัดว่าอยู่ในระดับไหน?” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งและความปลอดภัยในอนาคต

        “ระดับกลาง ….. อาจจะนะ!”

        “นั่นมันต่ำกว่าที่คิด อีกทั้งยังไม่แน่นอนด้วย?” ทุกคนต่างประหลาดใจกันหมด ตอนฟังมันก็ไม่แย่ แต่ถ้าผสานรวมยีนเเบบไหนผลลัพธ์ก็ควรได้แบบนั้นสิ

        “เพราะนั่นเป็นแค่ความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น พวกมันใช้กรงเล็บกับฟันในการต่อสู้เท่านั้น และอย่าลืมว่าความแตกต่างของมนุษย์กับสัตว์คือความสามารถในการใช้อาวุธ” ไป๋อี้ยืนขึ้น

        “การพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่ทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความฉลาดอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นอย่าลืมว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด …… เซลล์ดัดแปลง สิ่งนี้จะเป็นจุดที่สำคัญมากที่สุด เพราะในความเป็นจริงเป้าหมายที่เราจะหลอมรวมยีนเองนั้นไม่ใช่เพื่อเพิ่มพลังแต่เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับมือเมื่อได้เผชิญหน้ากับอันตราย ส่วนการที่แต่ละคนจะไปได้ไกลแค่ไหนเกรงว่าจะเป็นคำถามที่แม้แต่พระเจ้าก็คงตอบไม่ได้” ไป๋อี้พูดอย่างช้า ๆ เพราะปอดของเขายังรู้สึกแสบ ๆ อยู่ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน แต่ละคนจึงได้ครุ่นคิดตามที่ไป๋อี้บอก

        การใช้กรงเล็บในการต่อสู้หรือการใช้อาวุธ ……… คิดว่าก็พอจะเข้าใจได้

        เมื่อครู่นี้ไป๋อี้กำลังจะบอกว่าจริง ๆ แล้วยีนของจระเข้ไม่มีประโยชน์อะไรเลยใช่ไหม จระเข้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร มันอาศัยปากใหญ่ที่ดูน่ากลัวและการกัดอันทรงพลังของมันในการต่อสู้ แล้วถ้ามนุษย์ผสานรวมยีนกับจระเข้ก็จะต้องใช้ปากในการต่อสู้หรือ? ถึงอย่างไรมนุษย์ก็ถนัดการใช้อาวุธมากกว่าความสามารถพิเศษ เช่น ความคล่องตัวและความสามารถในการมองเห็นที่หงฉี่ฮว๋าเขียนไว้บนกระดานก่อนหน้านี้จึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับพวกเขา

        “เอ๊ะ เอ๊ะ พวกนายมองฉันทำไม?” วูล์ฟถามอย่างซื่อ ๆ เมื่อเห็นทุกคนหันมามองเขากันหมด

        “ฮ่า ๆ” เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ของวูล์ฟ เฮลัวส์ก็อดหัวเราะไม่ได้ วูล์ฟไม่ได้เข้าใจคำพูดของไป๋อี้จริง ๆ ด้วยเมื่อทุกคนเห็นท่าทางแบบนั้นของวูล์ฟก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน ดู ๆ แล้วบรรยากาศในทีมก็ไม่ได้มีความกดดันอะไรมาก ตรงกันข้ามกลับค่อนข้างคึกคักด้วยซ้ำไป

        “เฮ้ย ฉันไม่อนุญาตให้ขำนะ พวกนายต้องอธิบายให้วูล์ฟผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เข้าใจสิ” วูล์ฟตะโกนออกมาแต่ก็ยิ่งทำให้คนอื่น ๆ กลั้นขำไม่ได้ขึ้นไปอีก สุดท้ายเฮลัวส์ก็เข้ามาอธิบายให้วูล์ฟฟังอย่างละเอียด คนอื่น ๆ ก็สอดแทรกขึ้นมาไม่หยุด สุดท้ายจึงถูกวูล์ฟโบกมือไล่ออกไป

        ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นท่าทีของสองคนนั้น แล้วยังจะบอกว่าวูฟล์ไม่มีโอกาสอีกนี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ

        “งั้นก็มาต่อกันเถอะ” หลังจากที่วูล์ฟทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว หงฉี่ฮว๋าก็เคาะกระดานให้ทุกคนกลับมาสนใจอีกครั้ง

        “เหมือนที่ลุงไป๋พูด ถ้าพวกเรารวมยีนที่เลือกกันมาเหล่านั้นแล้วความแข็งแกร่งทางกายภาพอาจจะพัฒนาได้ถึงแค่ระดับกลาง แต่พวกเราก็สามารถใช้อาวุธตามความคล่องแคล่วของร่างกายและเงื่อนไขพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อมาเพิ่มต้นทุนให้เราเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตรายได้ แต่แน่นอนว่าอันดับแรกพวกเราต้องใจเย็น ๆ กันก่อน” หงฉี่ฮว๋าอธิบายต่อ

        “อันที่จริงยีนที่พวกเราเลือกมาตอนนี้ก็เป็นยีนที่ไม่แย่ที่จะนำมาทำการผสานรวม ทั้งยังมีโอกาสที่จะพัฒนาไปอีกระดับ แต่ไม่ว่ายังไงการที่จะพัฒนาไปอีกขั้นได้หรือไม่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับระดับการรวมยีนด้วยเหมือนกัน” หงฉี่ฮว๋าอธิบายอย่างช้า ๆ ครั้งนี้ทุกคนล้วนตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าตรวจสอบและพินิจพิจารณากันมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

        “ระดับการรวมยีน?”

        “พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าพวกเราทุกคนในนี้ผสานรวมกับยีนของมด ในทางทฤษฎีแล้วพละกำลังจะเพิ่มขึ้น แต่พละกำลังที่เพิ่มขึ้นของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป ยิ่งระดับการรวมยีนสูงเท่าไหร่พลังก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าระดับการผสานรวมยีนต่ำพละกำลังก็เพิ่มขึ้นน้อยตามไปด้วย บางทีอาจจะเปลี่ยนได้แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่พละกำลังอาจจะไม่เพิ่มขึ้นเลยก็เป็นไปได้” ทุกครั้งที่ต้องการคำอธิบายเพิ่มมาร์ตินก็จะลุกขึ้นยืน

        ระดับการผสานรวมไม่ได้เข้าใจยากอะไร ทุกคนต่างพยักหน้าตาม

        “นอกจากนี้ทุกคนลองดูรายชื่อในมือของทุกคนอีกครั้ง ไม่รู้ว่าสังเกตเห็นหรือเปล่าว่าการผสานรวมยีนก็มีกฎข้อแม้บางอย่างเหมือนกัน” หงฉี่ฮว๋าพูดพร้อมบอกให้ทุกคนตรวจสอบรายชื่อที่มีอยู่ในมือ

        ทุกคนพากันก้มมองรายชื่อทันที มีกฎข้อแม้อะไรด้วยเหรอ?

        “กฎของการผสานรวมยีนก็คือสิ่งมีชีวิตที่ผสานรวมจนเกิดการวิวัฒนาการแล้วจะไม่สามารถไปผสานรวมกับร่างอื่นได้อีก เช่น วูล์ฟที่ถูกจระเข้ก้ามปูยักษ์แทงแต่มีเพียงยีนของจระเข้เท่านั้นที่ผสานรวมเข้ามาและไม่มียีนของปูเข้ามาเลย หรือมาร์ตินที่ถูกถลกหนังโดยตัวทากหนวดหมึกนั้นก็มีแค่ยีนของทากเท่านั้นที่เข้ามาผสานรวมโดยไม่มียีนของปลาหมึกเลย หรือพูดอีกอย่างก็คือยีนของสิ่งมีชีวิตที่มีการวิวัฒนาการถึงระยะท้ายสุดแล้วจะไม่สามารถนำไปผสานรวมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อีก ถ้าให้เดาน่าจะเป็นเพราะว่าหลังจากผสานรวมไปครั้งหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายจะแสดงให้เห็นถึงการวิวัฒนาการแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก” หงฉี่ฮว๋าไม่ปล่อยให้ทุกคนคิดนานก็อธิบายกฎนี้ให้ทุกคนได้รู้ทั่วกัน

        “ดีใจไหมทุกคน พวกนายไม่ต้องคอยระแวงอยู่ห่างกันเหมือนเป็นโรคติดต่อแล้ว” หงฉี่ฮว๋าพูดติดตลก

        ได้ยินดังนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมาอย่างเคอะเขิน ถ้าจะให้พูดจริง ๆ ตอนอยู่ในฐานใต้ดินก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหม? พวกเขากลัวการสัมผัสกันจริง ๆ นั้นแหละ เพราะไม่มีใครรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะไปผสานรวมยีนกับร่างคนอื่นหรือไม่ เมื่อได้ยินหงฉี่ฮว๋าพูดแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งอกโล่งใจขึ้นมา

        “แน่นอนว่าสำหรับชาร์ไป่และพูพูนั้น ถ้าทุกคนไม่อยากรวมยีนกับพวกมันก็อยู่ห่าง ๆ ไว้หน่อยก็ดี” หงฉี่ฮว๋าพูดเสริม ทุกคนพร้อมใจกันมองไปที่เจ้า ‘สัตว์เลี้ยง’ ทั้งสองตัวทันที

        “ส่วนชาร์ไป่กับพูพูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการผสานรวมยีนกับมนุษย์ เพราะได้รับเซลล์ดัดแปลงมาจากร่างแม่แบบทดลองโดยตรง ไม่มียีนไหนที่จะสามารถแทนที่ยีนของร่างแม่แบบทดลองได้” หงฉี่ฮว๋าอธิบายเพิ่ม ประโยคนี้ได้รับความสนใจจากทุกคนทันที แม้ว่าหงฉี่ฮว๋าจะพูดอย่างไม่ใส่ใจแต่ก็เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก

        “งั้นก็เรื่องต่อไป!” หงฉี่ฮว๋าพูด

        “สัตว์ประหลาดของสถาบันวิจัยยังสามารถแบ่งกลุ่มได้อีกรูปแบบหนึ่ง คือ 1.สัตว์ประหลาดที่เกิดจากการผสานรวมยีนระหว่างสัตว์กับสิ่งมีชีวิตอื่น 2.สัตว์ประหลาดที่เกิดจากการผสานรวมยีนระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่น ฉันจะแอบกระซิบว่าตอนที่อยู่ในปั๊มน้ำมันฉันโชคดีได้เจอสัตว์ประหลาดแบบที่ 2 ที่เกิดจากการหลอมรวมมนุษย์กับสิ่งอื่นด้วยแหละ พวกเขายังคงมีความทรงจำและสติปัญญาเหมือนเดิม ทั้งยังไม่เข้ามาโจมตีฉันด้วย” พอหงฉี่ฮว๋าพูดจบ นอกจากไป๋อี้แล้วคนอื่น ๆ ต่างพากันตื่นตกใจกันหมด

        “หรืออีกแง่หนึ่งพวกสัตว์ประหลาดที่เกิดจากการผสานรวมยีนของมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่นถือว่าเป็นผู้บุกเบิกของพวกเราอย่างนั้นสิ” เมย์ริสตั้งสติอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้น

        “ก็คงอย่างนั้น!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        คงอื่น ๆ ก็พยักหน้าเพราะต่างก็เข้าใจเรื่องราวแล้ว

        “และจากข้อมูลที่มาร์ตินกับเฮลัวส์รวบรวมมานั้น ในส่วนของโรงเรียนมัธยมโอโทโรฮังกาแห่งนี้มีสวนนิเวศวิทยาเล็ก ๆ อยู่ด้วย เอาไว้ให้นักเรียนศึกษาระบบชีววิทยา ข้างในอาจจะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่พิเศษอะไรมากแต่พวกสิ่งมีชีวิตที่พบได้ทั่วไปยังคงมีอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะเริ่มรวมยีนของสิ่งมีชีวิตที่คิดว่ามีประโยชน์กันที่นี่เป็นที่แรก”

        “งั้นสุดท้ายฉันกับลุงไป๋จะสรุปข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมดเพื่อเป็นข้อแนะนำให้ทุกคนนำไปใช้ในการผสานรวมยีน”

        “มันก็เหมือนกับที่เขียนไว้บนกระดาน ยีนแรกที่ฉันกับลุงไป๋อยากแนะนำให้ทุกคนผสานรวมด้วยก็คือมด เพราะมดมีพละกำลังที่ทรงพลัง มันจะมีประประโยชน์ในหลาย ๆ กรณี ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนเลือกเอาเองได้เลย”

        “ตอนนี้มีแค่การผสานรวมกับยีนกับมดเหรอ อย่างอื่นยังไม่แน่ใจเหรอ?”

        “ใช่ ยังไม่แน่ใจ!” ไป๋อี้เดินมาข้างหน้าพร้มกับพยักหน้าตอบ

        “ขั้นตอนการผสานรวมยีนไม่ได้ง่ายแบบในเกมที่มีทุกอย่างกำหนดมาตายตัวอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนเราวิเคราะห์ทุกอย่างได้สมเหตุสมผลมาก แต่ในความเป็นจริงมันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นฉันกับฉี่ฮว๋าจึงขอแนะนำให้ทุกคนผสานรวมยีนเพียงสองหรือสามชนิด เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้มีความสามารถในการป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน ในส่วนของภายภาคหน้าจะสามารถผสานรวมกับยีนแบบไหนและจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนก็ปล่อยให้เป็นไปตาม … โชคชะตาแล้วกัน” ไป๋อี้พูดออกมาพร้อมกับมองเหม่อไปที่หน้าต่าง

        หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของไป๋อี้ก็ล้วนมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกัน

        โชคชะตา ………. ช่างเป็นคำพูดที่ดูไร้ความรับผิดชอบอย่างแท้จริง ในใจทุกคนล้วนมีความขมขื่นอยู่เล็ก ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ไป๋อี้พูดนั้นเป็นความจริง

        โชคชะตา!

 

                                                        ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                          https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 46 โชคชะตา

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 46 โชคชะตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        สี่ระดับ!

        “ร่างทดลองในสถาบันวิจัยนั้น ถ้าจะแบ่งตามศักยภาพของร่างกายจะแบ่งได้คร่าว ๆ 4 ระดับ” มาร์ตินก้าวออกมายืนบนแท่น จากนั้นก็ใช้ชอล์กเขียนหัวข้อที่ 1 ประกอบคำอธิบายไว้บนกระดาน

        “1.ระดับสูงสุด ยีนผสานรวมระดับนี้จะแข็งแกร่งมาก อาจจะฟังดูไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่แต่ความเป็นจริงมันเป็นความแข็งแกร่งที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว มูลเหตุแห่งขุมพลังนั้นพวกเราก็ยังไม่รู้แน่ชัด แต่คาดว่าเป็นเพราะเกิดจากการผสานรวมของเซลล์ชนิดเดียวกันจึงมีความเข้มข้นของพลังเป็นพิเศษ เจ้าสิ่งนี้จึงถูกเรียกว่าการกลายพันธุ์อย่างเฉียบพลัน”

        “2.ระดับสูง ร่างทดลองที่นำมาใช้ในระดับนี้จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ดังนั้นการผสานรวมยีนนี้จึงค่อนข้างสมบูรณ์ จึงทำให้เติมเต็มความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ การผสานรวมแบบนี้แม้ว่าความสามารถจะไม่เท่าระดับสูงสุดแต่ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างจะแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีมาก ถ้าหากโชคดีมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา การที่จะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับระดับสูงสุดก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

        “3.ระดับกลาง ยีนที่ใช้ในการผสานรวมก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นนักล่าในธรรมชาติ แต่ระดับการผสานรวมกับยีนอื่นกลับทำได้เพียงระดับปานกลาง ดังนั้นความสามารถจึงจัดอยู่ในระดับที่พอประมาณเท่านั้น”

        “4.ระดับต่ำ ยีนที่นำมาผสานรวมไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมาก สัตว์ประหลาดระดับนี้นอกจากเอาไว้ใช้เป็นเหยื่อล่อสัตว์ประหลาดตัวอื่นแล้วก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่าถึงจะเป็นแค่ระดับนี้แต่ก็ยังเป็นอันตรายสำหรับมนุษย์อยู่ดี”

        “ถ้าพวกเราเอายีนที่หงฉี่ฮว๋ากล่าวมาข้างต้นมาผสานรวมยีนจะจัดว่าอยู่ในระดับไหน?” ใครคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะมันเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งและความปลอดภัยในอนาคต

        “ระดับกลาง ….. อาจจะนะ!”

        “นั่นมันต่ำกว่าที่คิด อีกทั้งยังไม่แน่นอนด้วย?” ทุกคนต่างประหลาดใจกันหมด ตอนฟังมันก็ไม่แย่ แต่ถ้าผสานรวมยีนเเบบไหนผลลัพธ์ก็ควรได้แบบนั้นสิ

        “เพราะนั่นเป็นแค่ความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น พวกมันใช้กรงเล็บกับฟันในการต่อสู้เท่านั้น และอย่าลืมว่าความแตกต่างของมนุษย์กับสัตว์คือความสามารถในการใช้อาวุธ” ไป๋อี้ยืนขึ้น

        “การพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่ทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความฉลาดอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นอย่าลืมว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด …… เซลล์ดัดแปลง สิ่งนี้จะเป็นจุดที่สำคัญมากที่สุด เพราะในความเป็นจริงเป้าหมายที่เราจะหลอมรวมยีนเองนั้นไม่ใช่เพื่อเพิ่มพลังแต่เพื่อเพิ่มความสามารถในการรับมือเมื่อได้เผชิญหน้ากับอันตราย ส่วนการที่แต่ละคนจะไปได้ไกลแค่ไหนเกรงว่าจะเป็นคำถามที่แม้แต่พระเจ้าก็คงตอบไม่ได้” ไป๋อี้พูดอย่างช้า ๆ เพราะปอดของเขายังรู้สึกแสบ ๆ อยู่ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินทุกคำพูดอย่างชัดเจน แต่ละคนจึงได้ครุ่นคิดตามที่ไป๋อี้บอก

        การใช้กรงเล็บในการต่อสู้หรือการใช้อาวุธ ……… คิดว่าก็พอจะเข้าใจได้

        เมื่อครู่นี้ไป๋อี้กำลังจะบอกว่าจริง ๆ แล้วยีนของจระเข้ไม่มีประโยชน์อะไรเลยใช่ไหม จระเข้เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร มันอาศัยปากใหญ่ที่ดูน่ากลัวและการกัดอันทรงพลังของมันในการต่อสู้ แล้วถ้ามนุษย์ผสานรวมยีนกับจระเข้ก็จะต้องใช้ปากในการต่อสู้หรือ? ถึงอย่างไรมนุษย์ก็ถนัดการใช้อาวุธมากกว่าความสามารถพิเศษ เช่น ความคล่องตัวและความสามารถในการมองเห็นที่หงฉี่ฮว๋าเขียนไว้บนกระดานก่อนหน้านี้จึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับพวกเขา

        “เอ๊ะ เอ๊ะ พวกนายมองฉันทำไม?” วูล์ฟถามอย่างซื่อ ๆ เมื่อเห็นทุกคนหันมามองเขากันหมด

        “ฮ่า ๆ” เมื่อเห็นท่าทางเซ่อ ๆ ของวูล์ฟ เฮลัวส์ก็อดหัวเราะไม่ได้ วูล์ฟไม่ได้เข้าใจคำพูดของไป๋อี้จริง ๆ ด้วยเมื่อทุกคนเห็นท่าทางแบบนั้นของวูล์ฟก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน ดู ๆ แล้วบรรยากาศในทีมก็ไม่ได้มีความกดดันอะไรมาก ตรงกันข้ามกลับค่อนข้างคึกคักด้วยซ้ำไป

        “เฮ้ย ฉันไม่อนุญาตให้ขำนะ พวกนายต้องอธิบายให้วูล์ฟผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เข้าใจสิ” วูล์ฟตะโกนออกมาแต่ก็ยิ่งทำให้คนอื่น ๆ กลั้นขำไม่ได้ขึ้นไปอีก สุดท้ายเฮลัวส์ก็เข้ามาอธิบายให้วูล์ฟฟังอย่างละเอียด คนอื่น ๆ ก็สอดแทรกขึ้นมาไม่หยุด สุดท้ายจึงถูกวูล์ฟโบกมือไล่ออกไป

        ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นท่าทีของสองคนนั้น แล้วยังจะบอกว่าวูฟล์ไม่มีโอกาสอีกนี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ

        “งั้นก็มาต่อกันเถอะ” หลังจากที่วูล์ฟทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว หงฉี่ฮว๋าก็เคาะกระดานให้ทุกคนกลับมาสนใจอีกครั้ง

        “เหมือนที่ลุงไป๋พูด ถ้าพวกเรารวมยีนที่เลือกกันมาเหล่านั้นแล้วความแข็งแกร่งทางกายภาพอาจจะพัฒนาได้ถึงแค่ระดับกลาง แต่พวกเราก็สามารถใช้อาวุธตามความคล่องแคล่วของร่างกายและเงื่อนไขพื้นฐานอื่น ๆ เพื่อมาเพิ่มต้นทุนให้เราเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตรายได้ แต่แน่นอนว่าอันดับแรกพวกเราต้องใจเย็น ๆ กันก่อน” หงฉี่ฮว๋าอธิบายต่อ

        “อันที่จริงยีนที่พวกเราเลือกมาตอนนี้ก็เป็นยีนที่ไม่แย่ที่จะนำมาทำการผสานรวม ทั้งยังมีโอกาสที่จะพัฒนาไปอีกระดับ แต่ไม่ว่ายังไงการที่จะพัฒนาไปอีกขั้นได้หรือไม่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับระดับการรวมยีนด้วยเหมือนกัน” หงฉี่ฮว๋าอธิบายอย่างช้า ๆ ครั้งนี้ทุกคนล้วนตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าตรวจสอบและพินิจพิจารณากันมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

        “ระดับการรวมยีน?”

        “พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าพวกเราทุกคนในนี้ผสานรวมกับยีนของมด ในทางทฤษฎีแล้วพละกำลังจะเพิ่มขึ้น แต่พละกำลังที่เพิ่มขึ้นของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป ยิ่งระดับการรวมยีนสูงเท่าไหร่พลังก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าระดับการผสานรวมยีนต่ำพละกำลังก็เพิ่มขึ้นน้อยตามไปด้วย บางทีอาจจะเปลี่ยนได้แค่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่พละกำลังอาจจะไม่เพิ่มขึ้นเลยก็เป็นไปได้” ทุกครั้งที่ต้องการคำอธิบายเพิ่มมาร์ตินก็จะลุกขึ้นยืน

        ระดับการผสานรวมไม่ได้เข้าใจยากอะไร ทุกคนต่างพยักหน้าตาม

        “นอกจากนี้ทุกคนลองดูรายชื่อในมือของทุกคนอีกครั้ง ไม่รู้ว่าสังเกตเห็นหรือเปล่าว่าการผสานรวมยีนก็มีกฎข้อแม้บางอย่างเหมือนกัน” หงฉี่ฮว๋าพูดพร้อมบอกให้ทุกคนตรวจสอบรายชื่อที่มีอยู่ในมือ

        ทุกคนพากันก้มมองรายชื่อทันที มีกฎข้อแม้อะไรด้วยเหรอ?

        “กฎของการผสานรวมยีนก็คือสิ่งมีชีวิตที่ผสานรวมจนเกิดการวิวัฒนาการแล้วจะไม่สามารถไปผสานรวมกับร่างอื่นได้อีก เช่น วูล์ฟที่ถูกจระเข้ก้ามปูยักษ์แทงแต่มีเพียงยีนของจระเข้เท่านั้นที่ผสานรวมเข้ามาและไม่มียีนของปูเข้ามาเลย หรือมาร์ตินที่ถูกถลกหนังโดยตัวทากหนวดหมึกนั้นก็มีแค่ยีนของทากเท่านั้นที่เข้ามาผสานรวมโดยไม่มียีนของปลาหมึกเลย หรือพูดอีกอย่างก็คือยีนของสิ่งมีชีวิตที่มีการวิวัฒนาการถึงระยะท้ายสุดแล้วจะไม่สามารถนำไปผสานรวมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อีก ถ้าให้เดาน่าจะเป็นเพราะว่าหลังจากผสานรวมไปครั้งหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายจะแสดงให้เห็นถึงการวิวัฒนาการแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก” หงฉี่ฮว๋าไม่ปล่อยให้ทุกคนคิดนานก็อธิบายกฎนี้ให้ทุกคนได้รู้ทั่วกัน

        “ดีใจไหมทุกคน พวกนายไม่ต้องคอยระแวงอยู่ห่างกันเหมือนเป็นโรคติดต่อแล้ว” หงฉี่ฮว๋าพูดติดตลก

        ได้ยินดังนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมาอย่างเคอะเขิน ถ้าจะให้พูดจริง ๆ ตอนอยู่ในฐานใต้ดินก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหม? พวกเขากลัวการสัมผัสกันจริง ๆ นั้นแหละ เพราะไม่มีใครรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะไปผสานรวมยีนกับร่างคนอื่นหรือไม่ เมื่อได้ยินหงฉี่ฮว๋าพูดแบบนี้ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งอกโล่งใจขึ้นมา

        “แน่นอนว่าสำหรับชาร์ไป่และพูพูนั้น ถ้าทุกคนไม่อยากรวมยีนกับพวกมันก็อยู่ห่าง ๆ ไว้หน่อยก็ดี” หงฉี่ฮว๋าพูดเสริม ทุกคนพร้อมใจกันมองไปที่เจ้า ‘สัตว์เลี้ยง’ ทั้งสองตัวทันที

        “ส่วนชาร์ไป่กับพูพูไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการผสานรวมยีนกับมนุษย์ เพราะได้รับเซลล์ดัดแปลงมาจากร่างแม่แบบทดลองโดยตรง ไม่มียีนไหนที่จะสามารถแทนที่ยีนของร่างแม่แบบทดลองได้” หงฉี่ฮว๋าอธิบายเพิ่ม ประโยคนี้ได้รับความสนใจจากทุกคนทันที แม้ว่าหงฉี่ฮว๋าจะพูดอย่างไม่ใส่ใจแต่ก็เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก

        “งั้นก็เรื่องต่อไป!” หงฉี่ฮว๋าพูด

        “สัตว์ประหลาดของสถาบันวิจัยยังสามารถแบ่งกลุ่มได้อีกรูปแบบหนึ่ง คือ 1.สัตว์ประหลาดที่เกิดจากการผสานรวมยีนระหว่างสัตว์กับสิ่งมีชีวิตอื่น 2.สัตว์ประหลาดที่เกิดจากการผสานรวมยีนระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่น ฉันจะแอบกระซิบว่าตอนที่อยู่ในปั๊มน้ำมันฉันโชคดีได้เจอสัตว์ประหลาดแบบที่ 2 ที่เกิดจากการหลอมรวมมนุษย์กับสิ่งอื่นด้วยแหละ พวกเขายังคงมีความทรงจำและสติปัญญาเหมือนเดิม ทั้งยังไม่เข้ามาโจมตีฉันด้วย” พอหงฉี่ฮว๋าพูดจบ นอกจากไป๋อี้แล้วคนอื่น ๆ ต่างพากันตื่นตกใจกันหมด

        “หรืออีกแง่หนึ่งพวกสัตว์ประหลาดที่เกิดจากการผสานรวมยีนของมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่นถือว่าเป็นผู้บุกเบิกของพวกเราอย่างนั้นสิ” เมย์ริสตั้งสติอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้น

        “ก็คงอย่างนั้น!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        คงอื่น ๆ ก็พยักหน้าเพราะต่างก็เข้าใจเรื่องราวแล้ว

        “และจากข้อมูลที่มาร์ตินกับเฮลัวส์รวบรวมมานั้น ในส่วนของโรงเรียนมัธยมโอโทโรฮังกาแห่งนี้มีสวนนิเวศวิทยาเล็ก ๆ อยู่ด้วย เอาไว้ให้นักเรียนศึกษาระบบชีววิทยา ข้างในอาจจะไม่มีสิ่งมีชีวิตที่พิเศษอะไรมากแต่พวกสิ่งมีชีวิตที่พบได้ทั่วไปยังคงมีอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะเริ่มรวมยีนของสิ่งมีชีวิตที่คิดว่ามีประโยชน์กันที่นี่เป็นที่แรก”

        “งั้นสุดท้ายฉันกับลุงไป๋จะสรุปข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมดเพื่อเป็นข้อแนะนำให้ทุกคนนำไปใช้ในการผสานรวมยีน”

        “มันก็เหมือนกับที่เขียนไว้บนกระดาน ยีนแรกที่ฉันกับลุงไป๋อยากแนะนำให้ทุกคนผสานรวมด้วยก็คือมด เพราะมดมีพละกำลังที่ทรงพลัง มันจะมีประประโยชน์ในหลาย ๆ กรณี ส่วนที่เหลือก็ให้ทุกคนเลือกเอาเองได้เลย”

        “ตอนนี้มีแค่การผสานรวมกับยีนกับมดเหรอ อย่างอื่นยังไม่แน่ใจเหรอ?”

        “ใช่ ยังไม่แน่ใจ!” ไป๋อี้เดินมาข้างหน้าพร้มกับพยักหน้าตอบ

        “ขั้นตอนการผสานรวมยีนไม่ได้ง่ายแบบในเกมที่มีทุกอย่างกำหนดมาตายตัวอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้จะดูเหมือนเราวิเคราะห์ทุกอย่างได้สมเหตุสมผลมาก แต่ในความเป็นจริงมันยังมีอีกหลายปัจจัยที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นฉันกับฉี่ฮว๋าจึงขอแนะนำให้ทุกคนผสานรวมยีนเพียงสองหรือสามชนิด เพื่อที่อย่างน้อยก็จะได้มีความสามารถในการป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน ในส่วนของภายภาคหน้าจะสามารถผสานรวมกับยีนแบบไหนและจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนก็ปล่อยให้เป็นไปตาม … โชคชะตาแล้วกัน” ไป๋อี้พูดออกมาพร้อมกับมองเหม่อไปที่หน้าต่าง

        หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของไป๋อี้ก็ล้วนมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกัน

        โชคชะตา ………. ช่างเป็นคำพูดที่ดูไร้ความรับผิดชอบอย่างแท้จริง ในใจทุกคนล้วนมีความขมขื่นอยู่เล็ก ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ไป๋อี้พูดนั้นเป็นความจริง

        โชคชะตา!

 

                                                        ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                          https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+