[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 18 ความเปลี่ยนแปลง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 18 ความเปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  หลังจากฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว พวกเขาก็ทานอาหารกันจนอิ่มและหลังจากที่ทุกคนได้สำรวจตัวเองกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ เดิมทีพวกเขาได้วางแผนกันเอาไว้แล้ว นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวนับว่าเป็นเหมือนเพียงเพลงประกอบภาพยนตร์เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นบทเพลงที่บรรเลงอย่างระทึกขวัญก็ตาม มันทำให้มีคนเสียชีวิตและไป๋อี้ก็ได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย

 

  ถึงหงฉี่ฮว๋าจะไม่รู้วิธีทำอาหาร แต่เธอก็เก่งในเรื่องของการพยาบาล ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง หงฉี่ฮว๋าช่วยไป๋อี้พันแผลของเขา จากนั้นทุกคนก็มุ่งสู่เป้าหมายต่อไป “ออกเดินทางสู่เตอวามูตู(Te Awa Mutu)”

 

  อุทยานแห่งชาติตองการิโร่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่ ถ้าในสถานการณ์ปกติต้องขับรถไปสักวันสองวัน แต่ในตอนนี้ถ้าหากต้องการไปที่นั่นคงต้องอาศัยโชคช่วย ถ้าหากโชคไม่ดีอาจต้องใช้เวลามากกว่าเดิมหลายสิบเท่า

 

  เห็นได้ชัดว่าโชคไม่ได้เข้าข้างพวกเขา เมื่อขับรถมาบนถนนโอฮาวโปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นรถหลายคันที่ถูกทิ้งไว้ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ขับรถไปข้างหน้าด้วยความสงสัยในใจ

 

  ในไม่ช้าฉินข่ายรุ่ยซึ่งขับอยู่ข้างหน้าก็หยุดรถ แล้วมองไปที่อุบัติเหตุรถชนบนถนนทางหลวงที่ชนติดกันหลายคันเป็นทางยาวอย่างหมดหนทาง คนอื่น ๆ จึงหยุดรถตาม จากนั้นก็มาถึงจุดเกิดเหตุและถึงกับต้องส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ รถที่ชนกันอย่างน้อยสามสิบคันปิดกั้นถนนทุกสาย เปลวไฟที่ลุกไหม้จากรถที่ชนกันยังคงโชติช่วงอย่างต่อเนื่อง มีกลิ่นไหม้ลอยอยู่ในอากาศและเศษแก้วต่าง ๆ ก็กระจายไปทั่วพื้น

 

  “น่าเวทนาจริงๆ!” หยูหานกล่าวอย่างเย็นชา

 

  “ระวังหน่อย ดูว่ามีทางที่พอจะผ่านไปได้ไหม ถ้าไม่มีเราคงต้องทิ้งรถไว้เหมือนที่คนอื่น ๆ ทำ” ไป๋อี้เดินลงมาพร้อมกับโม่โม่ หลังจากเห็นสภาพตรงหน้าเขาก็พูดขึ้นกับทุกคน แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน แต่ก็ดูเหมือนว่าขณะนี้ไป๋อี้จะเป็นผู้นำในทีมนี้

 

  เบลลิก้าทีน่าออกจากรถและวิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนก เธอพยายามดูว่ามีผู้บาดเจ็บหรือไม่ เมื่อเธอจะวิ่งไปยังบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หงฉี่ฮว๋าก็ได้ห้ามเธอไว้

 

  “ระวัง รถแถวนี้ยังมีบางคันที่ไฟลุกไหม้ บางทีมันอาจจะระเบิดขึ้นมาก็ได้” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

 

  หลังจากที่คนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดของหงฉี่ฮว๋า ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาก็เริ่มลดลงทันที พวกเขามองไปไกล ๆ เพื่อดูว่ามีช่องทางที่สามารถผ่านไปได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้ปิดกั้นทางหลวงอย่างสมบูรณ์แบบ รวมทั้งเชิงเขาและทางลาดชันรถก็ไม่สามารถขับผ่านไปได้

 

  ที่ขอบทางหลวงยังมีศพอยู่อีกหลายศพ เบลลิก้าทีน่าวิ่งเหยาะๆ ไปเพื่อดูว่าคนเหล่านี้ยังรอดอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามทันทีที่เบลลิก้าทีน่าวิ่งไปเธอก็กรีดร้องขึ้นมา จากนั้นก็มีอะไรบางพุ่งเข้ามาที่ตัวเธอ

 

  “ทีน่า!” หงฉี่ฮว๋าเรียกหาและรีบวิ่งไปทันที แต่ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งตะปบเข้าที่หน้าของเธอ

 

  ทันใดนั้นหงฉี่ฮว๋าก็หยิบมีดใบวิลโลว์เล่มเล็กในมือของเธอออกมา จากนั้นก็ใช่มีดเล่มเล็กนั้นหั่นและผ่าครึ่งมันออกเป็นสองชิ้น เมื่อเธอเดินเซไปด้านข้าง หงฉี่ฮว๋าก็เห็นว่าแมลงเหล่านี้มีขนาดเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ดูเหมือนมันจะแตกต่างจากแมลงทั่วไป ในขณะนี้มีแมลงจำนวนมากเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันกระโดดขึ้นมาจากศพบนพื้นพร้อมกับพุ่งเข้าหาเบลลิก้าทีน่าและหงฉี่ฮว๋า

 

  “ตามฉันมาเร็ว ตามมาในกองไฟนี่!” หงฉี่ฮว๋าคว้ามือเบลลิก้าทีน่าและวิ่งเข้าหาเปลวไฟทันที

 

  ในขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ถูกแมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้โจมตีเช่นกัน แม้ว่าแมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นักก็ตาม หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหงฉี่ฮว๋า คนอื่น ๆ ต่างก็พาหันซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ เปลวไฟ แมลงตัวเล็กเหล่านี้ดูเหมือนจะกลัวไฟมาก หลังจากที่กลุ่มของไป๋อี้เข้าไปใกล้ไฟ พวกมันก็หยุดโจมตี แต่กระโดดขึ้นไปด้านนอกแทน

 

  “แยกย้ายกันออกค้นหาไฟ” ไป๋อี้กล่าว

  

        สิ้นเสียงไป๋อี้ วูล์ฟก็ตรงไปยังรถคันข้างหลังที่ยังมีไฟไหม้อยู่ครึ่งคันทันที จากนั้นก็ออกแรง ทุกคนมองไปที่วูล์ฟด้วยความประหลาดใจ คนคนนี้ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า กล้ามเนื้อของวูล์ฟปูดโปนไปหมด เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังอย่างต่อเนื่อง รถคันที่ถูกไฟลุกไหม้ไปกว่าครึ่งหนึ่งถูกวูล์ฟยกขึ้นมา

 

  เคร้ง … วูล์ฟโยนรถที่กำลังลุกไหม้ออกไป ประกายไฟและเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นกำลังพุ่งไปทุกหนทุกแห่ง แมลงต่างพากันหลบเข้าหาสิ่งรอบข้างทันที

 

  “เฮ้ ~ เฮ้ ไป๋อี้นายเห็นไหมว่าตอนนี้ฉันมีพละกำลังมากจริงๆ” วูล์ฟพูดอย่างมีชัย

 

  คนอื่น ๆ ที่เห็นการเคลื่อนไหวของวูล์ฟก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มีเพียงหยูหานเท่านั้นที่รู้สึกถึงพลังในร่างกายของเขา เขามีความกระตือรือร้นที่อยากจะลองบ้าง

 

  “หยูหาน ลืมไปซะเถอะ ร่างกายของนายไม่เหมือนกับวูล์ฟนะ!” เมื่อเห็นมือของหยูหานวางอยู่บนรถที่ชนกัน ฉินข่ายรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขา

 

  อย่างไรก็ตามปากของหยูหานกระตุกขึ้นสองครั้ง จากนั้นเขาก็ออกแรง เมื่อมันส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดรถคันเล็กคนนั้นก็ถูกหยูหานเหวี่ยงออกไปบนพื้น เกิดเป็นประกายไฟกระเด็นไปทั่วพื้น ตอนนี้ฉินข่ายรุ่ยถึงกับต้องหุบปากและมองไปที่หยูหานด้วยความตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น พลังของหยูหานนั้นแข็งแกร่งกว่าของวูล์ฟเสียอีก

 

        เซลล์ดัดแปลง!

 

  คำนี้แวบเข้ามาในใจของทุกคน ความสามารถที่สำคัญของเซลล์ดัดแปลงคือการผลิตพลังงานพิเศษขึ้นมา แม้ว่าจะยังไม่มีใครรู้สึกได้ แต่ความแข็งแกร่งและความเร็วก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการผสานรวมยีนของทุกคน พลังของมดอาจกล่าวได้ว่าเป็นพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในธรรมชาติ มันมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองได้หลายร้อยเท่า และเห็นได้ชัดว่าหยูหานได้ผสานรวมยีนของมดเข้าไปด้วย

 

  ทุกคนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่หยูหานด้วยความประหลาดใจ

 

  หยูหานดูเหมือนจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาภายนอก แต่ในใจของเขารู้สึกสดชื่นมาก ความรู้สึกที่มีคนมองเขาอยู่นั้นไม่เลวเลยจริง ๆ

 

  “เอาล่ะ ในเมื่อนายแข็งแกร่งมาก งั้นเรามาเคลียร์เส้นทางกัน เพื่อที่เราจะได้สามารถผ่านไปได้” ไป๋อี้ตบบ่าวูล์ฟทันทีในขณะที่ทุกคนยังตกตะลึงอยู่

 

  “หือ?” หลังจากที่วูล์ฟได้ยินคำพูดของไป๋อี้ เขาก็กุมขมับด้วยความรำคาญใจ

 

  ไป๋อี้นำคนได้ดีจริง ๆ ถ้าพวกเขาต้องการผ่านทางตรงนี้ไป พวกเขาจำเป็นต้องเคลียร์เลนให้สามารถขับผ่านไปได้ ถ้าในสถานการณ์ปกติคงไม่มีความสามารถอย่างนั้นแน่นอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของทุกคนเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะความแข็งแกร่งของหยูหานและวูล์ฟที่โดดเด่นขึ้นมา ถ้ามีสองคนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว 

 

  “ระวังกันหน่อยล่ะ!” ไป๋อี้เตือน

 

  ในขณะที่ช่วยกันเคลียร์ทางทุกคนก็มีความคิดว่า … ดูเหมือนเซลล์ดัดแปลงไม่เพียงแต่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดเท่านั้น แต่ยังมีพลังที่เหนือกว่าคนธรรมดาอีกด้วย ถ้ายาที่มาร์ตินบอกว่าคืนร่างเป็นมนุษย์มีอยู่จริง … พลังนี้จะคงอยู่หลังจากกลับร่างเป็นมนุษย์หรือไม่?

 

  ……

 

  ซากศพถูกจุดเผาไฟโดยไป๋อี้และคนอื่น ๆ แมลงตัวเล็ก ๆ บางตัวที่เกาะอยู่บนศพจึงถูกเผาตามไปด้วย ส่วนแมลงตัวที่เหลือก็หนีเข้าไปในพงหญ้าไป เมื่อเคลียร์เลนแล้วทุกคนก็ขึ้นรถอีกครั้งและเดินทางต่อไปยังเตอวามูตู

 

  “มาร์ตินนี่มันอะไรน่ะ?” ไป๋อี้ถามพร้อมกับหยิบแมลงที่ตายแล้วขึ้นมา

 

  “ไป๋ ฉันจำได้ว่าฉันเคยพูดว่าการผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับมนุษย์เท่านั้น แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในนิวซีแลนด์น่าจะเกิดการผสานรวมยีนของเซลล์ดัดแปลง แมลงเหล่านี้ก็เช่นกัน พวกมันรู้สึกหิวโหยจึงโจมตีมนุษย์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนแรกสุด ดูสิ ฟันอันแหลมคมนั่นได้เกิดจากการวิวัฒนาการขึ้น ซึ่งใช้สำหรับการหาอาหารโดยเฉพาะ” มาร์ตินยื่นแมลงที่ตายแล้วออกมา และชี้ให้ทุกคนดู

 

  แมลงขนาดเล็กเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับตั๊กแตนธรรมดา แต่มีความดุร้ายกว่าและยังปรากฏลักษณะเฉพาะอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้มันยังมีขนาดใหญ่กว่าแมลงทั่วไปมาก โดยมีขนาดที่ใหญ่ที่สุดเกือบสิบเซนติเมตร  

 

       “สิ่งมีชีวิตที่ผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากหรือไม่” ไป๋อี้ถาม

 

  “สำหรับร่างทดลองในสถาบันวิจัย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอยู่ระหว่าง 1-50 เท่า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพระหว่าง 1-3 เท่าเป็นเรื่องที่พบบ่อยที่สุด” มาร์ตินกล่าว

 

  “นี่มันเป็นเรื่องเลวร้ายมาก ๆ!”

 

       1-50 เท่าของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ หากมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงตามกำลังขยายสูงสุด นั่นหมายความว่าจะสูงถึง 100 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นถ้ายีนของสิ่งมีชีวิตอื่นถูกผสานรวมเข้าด้วยกัน รูปร่างหน้าตาก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก ลักษณะเมื่อเกิดการผสานรวมเช่นนี้ถ้าไม่เรียกว่าสัตว์ประหลาดแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

 

  “ร่างทดลองที่ใหญ่ที่สุดในสถาบันวิจัยนั้นใหญ่แค่ไหน?”

 

  “อสรพิษยักษ์มีความยาวสามสิบเมตร แต่น้ำหนักของมันไม่ได้หนักที่สุดในสถาบันวิจัย พวกเธอโชคดี ที่ได้เห็นมัน” มาร์ตินหยอกล้อ 

 

  เมื่อได้เห็นรอยยิ้มขี้เล่นของมาร์ติน ไป๋อี้แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะไม่เตะหน้าผู้ชายคนนี้ โชคดีจริง ๆ โชคดีกับผีน่ะสิ ที่จู่ ๆ ก็ได้พบกับสัตว์ทดลองที่ใหญ่ที่สุดในสถาบันวิจัย

 

  “เฮ้ ~ เฮ้ คุณคิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ ฉันหมายถึงการที่คุณหนีออกมาจากปากของปีศาจอสรพิษยักษ์ได้นั้นเป็นโชคดีดั่งฟ้าประทานจริง ๆ ปีศาจอสรพิษยักษ์มีพลังแข็งแกร่งมากและเป็นที่คาดกันว่ามีการวิวัฒนาการที่ดีที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการทั้งหมดด้วย เราจำเป็นต้องใช้ห้องเซรามิกที่ทนต่อการกัดกร่อนพิเศษเพื่อกักขังสิ่งมีชีวิตประเภทนี้เพราะมันแข็งแกร่งเกินไป ในสถาบันวิจัยมีสัตว์ประเภทนี้ทั้งหมดเพียงสามตัวเท่านั้น” มาร์ตินอธิบายรายละเอียด

 

  “สามตัว ยิ่งไปกว่านั้น นี่นายกล่าวถึงเพียงแค่สถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือเท่านั้นใช่ไหม แล้วในนิวซีแลนด์มีสถาบันวิจัยทั้งหมดกี่แห่ง?”

 

  “121 แห่ง!”

 

  “บัด……ซบ!” ไป๋อี้กัดฟันกรอดและก็อดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมา สถาบันวิจัยจำนวน 121 แห่ง จำได้ว่ามาร์ตินเคยกล่าวว่ามีสัตว์ทดลองมากกว่าสามพันตัวในสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ ดังนั้นกล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีสัตว์ทดลองสามแสนถึงสี่แสนตัวในนิวซีแลนด์?

 

  “ไม่เยอะขนาดนั้น สถาบันวิจัยมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก สถาบันวิจัยขนาดเล็กไม่มีสัตว์ทดลองเลย อาจมีเพียงหนึ่งหรือสองตัวสำหรับการวิจัยเสริมเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งนิวซีแลนด์นั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก คาดว่าร่างทดลองทั้งหมดจะมีประมาณหนึ่งแสนตัว ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ ไม่ใช่ทุกร่างทดลองที่มีพลังเท่าอสรพิษยักษ์” มาร์ตินอธิบายหลังจากที่ไป๋อี้ถาม

 

  “อย่าพูดเหมือนกับว่ามันไม่เป็นไรได้ไหม ถ้าคุณปล่อยมันออกมา ทั่วทั้งนิวซีแลนด์ได้พินาศแน่  ใช่ไหม!”

 

  “คุณก็รู้นี่” มาร์ตินยักไหล่

  

       ไป๋อี้ยกนิ้วกลางให้กับมาร์ติน เขาเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะสบถด่าออกไป ผู้ชายคนนี้เห็นสิ่งแปลกประหลาดจนชินตา เขาจึงเป็นเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อนลวก เขาไม่สะทกสะท้านว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะรู้ดีว่าไม่สามารถเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน 

                                                              ————————

                        อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 18 ความเปลี่ยนแปลง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 18 ความเปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  หลังจากฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว พวกเขาก็ทานอาหารกันจนอิ่มและหลังจากที่ทุกคนได้สำรวจตัวเองกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ เดิมทีพวกเขาได้วางแผนกันเอาไว้แล้ว นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวนับว่าเป็นเหมือนเพียงเพลงประกอบภาพยนตร์เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นบทเพลงที่บรรเลงอย่างระทึกขวัญก็ตาม มันทำให้มีคนเสียชีวิตและไป๋อี้ก็ได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย

 

  ถึงหงฉี่ฮว๋าจะไม่รู้วิธีทำอาหาร แต่เธอก็เก่งในเรื่องของการพยาบาล ก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง หงฉี่ฮว๋าช่วยไป๋อี้พันแผลของเขา จากนั้นทุกคนก็มุ่งสู่เป้าหมายต่อไป “ออกเดินทางสู่เตอวามูตู(Te Awa Mutu)”

 

  อุทยานแห่งชาติตองการิโร่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่ ถ้าในสถานการณ์ปกติต้องขับรถไปสักวันสองวัน แต่ในตอนนี้ถ้าหากต้องการไปที่นั่นคงต้องอาศัยโชคช่วย ถ้าหากโชคไม่ดีอาจต้องใช้เวลามากกว่าเดิมหลายสิบเท่า

 

  เห็นได้ชัดว่าโชคไม่ได้เข้าข้างพวกเขา เมื่อขับรถมาบนถนนโอฮาวโปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นรถหลายคันที่ถูกทิ้งไว้ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ขับรถไปข้างหน้าด้วยความสงสัยในใจ

 

  ในไม่ช้าฉินข่ายรุ่ยซึ่งขับอยู่ข้างหน้าก็หยุดรถ แล้วมองไปที่อุบัติเหตุรถชนบนถนนทางหลวงที่ชนติดกันหลายคันเป็นทางยาวอย่างหมดหนทาง คนอื่น ๆ จึงหยุดรถตาม จากนั้นก็มาถึงจุดเกิดเหตุและถึงกับต้องส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ รถที่ชนกันอย่างน้อยสามสิบคันปิดกั้นถนนทุกสาย เปลวไฟที่ลุกไหม้จากรถที่ชนกันยังคงโชติช่วงอย่างต่อเนื่อง มีกลิ่นไหม้ลอยอยู่ในอากาศและเศษแก้วต่าง ๆ ก็กระจายไปทั่วพื้น

 

  “น่าเวทนาจริงๆ!” หยูหานกล่าวอย่างเย็นชา

 

  “ระวังหน่อย ดูว่ามีทางที่พอจะผ่านไปได้ไหม ถ้าไม่มีเราคงต้องทิ้งรถไว้เหมือนที่คนอื่น ๆ ทำ” ไป๋อี้เดินลงมาพร้อมกับโม่โม่ หลังจากเห็นสภาพตรงหน้าเขาก็พูดขึ้นกับทุกคน แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน แต่ก็ดูเหมือนว่าขณะนี้ไป๋อี้จะเป็นผู้นำในทีมนี้

 

  เบลลิก้าทีน่าออกจากรถและวิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนก เธอพยายามดูว่ามีผู้บาดเจ็บหรือไม่ เมื่อเธอจะวิ่งไปยังบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หงฉี่ฮว๋าก็ได้ห้ามเธอไว้

 

  “ระวัง รถแถวนี้ยังมีบางคันที่ไฟลุกไหม้ บางทีมันอาจจะระเบิดขึ้นมาก็ได้” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

 

  หลังจากที่คนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดของหงฉี่ฮว๋า ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาก็เริ่มลดลงทันที พวกเขามองไปไกล ๆ เพื่อดูว่ามีช่องทางที่สามารถผ่านไปได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้ปิดกั้นทางหลวงอย่างสมบูรณ์แบบ รวมทั้งเชิงเขาและทางลาดชันรถก็ไม่สามารถขับผ่านไปได้

 

  ที่ขอบทางหลวงยังมีศพอยู่อีกหลายศพ เบลลิก้าทีน่าวิ่งเหยาะๆ ไปเพื่อดูว่าคนเหล่านี้ยังรอดอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามทันทีที่เบลลิก้าทีน่าวิ่งไปเธอก็กรีดร้องขึ้นมา จากนั้นก็มีอะไรบางพุ่งเข้ามาที่ตัวเธอ

 

  “ทีน่า!” หงฉี่ฮว๋าเรียกหาและรีบวิ่งไปทันที แต่ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งตะปบเข้าที่หน้าของเธอ

 

  ทันใดนั้นหงฉี่ฮว๋าก็หยิบมีดใบวิลโลว์เล่มเล็กในมือของเธอออกมา จากนั้นก็ใช่มีดเล่มเล็กนั้นหั่นและผ่าครึ่งมันออกเป็นสองชิ้น เมื่อเธอเดินเซไปด้านข้าง หงฉี่ฮว๋าก็เห็นว่าแมลงเหล่านี้มีขนาดเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ดูเหมือนมันจะแตกต่างจากแมลงทั่วไป ในขณะนี้มีแมลงจำนวนมากเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มันกระโดดขึ้นมาจากศพบนพื้นพร้อมกับพุ่งเข้าหาเบลลิก้าทีน่าและหงฉี่ฮว๋า

 

  “ตามฉันมาเร็ว ตามมาในกองไฟนี่!” หงฉี่ฮว๋าคว้ามือเบลลิก้าทีน่าและวิ่งเข้าหาเปลวไฟทันที

 

  ในขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ถูกแมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้โจมตีเช่นกัน แม้ว่าแมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นักก็ตาม หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหงฉี่ฮว๋า คนอื่น ๆ ต่างก็พาหันซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ เปลวไฟ แมลงตัวเล็กเหล่านี้ดูเหมือนจะกลัวไฟมาก หลังจากที่กลุ่มของไป๋อี้เข้าไปใกล้ไฟ พวกมันก็หยุดโจมตี แต่กระโดดขึ้นไปด้านนอกแทน

 

  “แยกย้ายกันออกค้นหาไฟ” ไป๋อี้กล่าว

  

        สิ้นเสียงไป๋อี้ วูล์ฟก็ตรงไปยังรถคันข้างหลังที่ยังมีไฟไหม้อยู่ครึ่งคันทันที จากนั้นก็ออกแรง ทุกคนมองไปที่วูล์ฟด้วยความประหลาดใจ คนคนนี้ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า กล้ามเนื้อของวูล์ฟปูดโปนไปหมด เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังอย่างต่อเนื่อง รถคันที่ถูกไฟลุกไหม้ไปกว่าครึ่งหนึ่งถูกวูล์ฟยกขึ้นมา

 

  เคร้ง … วูล์ฟโยนรถที่กำลังลุกไหม้ออกไป ประกายไฟและเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นกำลังพุ่งไปทุกหนทุกแห่ง แมลงต่างพากันหลบเข้าหาสิ่งรอบข้างทันที

 

  “เฮ้ ~ เฮ้ ไป๋อี้นายเห็นไหมว่าตอนนี้ฉันมีพละกำลังมากจริงๆ” วูล์ฟพูดอย่างมีชัย

 

  คนอื่น ๆ ที่เห็นการเคลื่อนไหวของวูล์ฟก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มีเพียงหยูหานเท่านั้นที่รู้สึกถึงพลังในร่างกายของเขา เขามีความกระตือรือร้นที่อยากจะลองบ้าง

 

  “หยูหาน ลืมไปซะเถอะ ร่างกายของนายไม่เหมือนกับวูล์ฟนะ!” เมื่อเห็นมือของหยูหานวางอยู่บนรถที่ชนกัน ฉินข่ายรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเขา

 

  อย่างไรก็ตามปากของหยูหานกระตุกขึ้นสองครั้ง จากนั้นเขาก็ออกแรง เมื่อมันส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดรถคันเล็กคนนั้นก็ถูกหยูหานเหวี่ยงออกไปบนพื้น เกิดเป็นประกายไฟกระเด็นไปทั่วพื้น ตอนนี้ฉินข่ายรุ่ยถึงกับต้องหุบปากและมองไปที่หยูหานด้วยความตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น พลังของหยูหานนั้นแข็งแกร่งกว่าของวูล์ฟเสียอีก

 

        เซลล์ดัดแปลง!

 

  คำนี้แวบเข้ามาในใจของทุกคน ความสามารถที่สำคัญของเซลล์ดัดแปลงคือการผลิตพลังงานพิเศษขึ้นมา แม้ว่าจะยังไม่มีใครรู้สึกได้ แต่ความแข็งแกร่งและความเร็วก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการผสานรวมยีนของทุกคน พลังของมดอาจกล่าวได้ว่าเป็นพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในธรรมชาติ มันมีความสามารถในการเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองได้หลายร้อยเท่า และเห็นได้ชัดว่าหยูหานได้ผสานรวมยีนของมดเข้าไปด้วย

 

  ทุกคนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่หยูหานด้วยความประหลาดใจ

 

  หยูหานดูเหมือนจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาภายนอก แต่ในใจของเขารู้สึกสดชื่นมาก ความรู้สึกที่มีคนมองเขาอยู่นั้นไม่เลวเลยจริง ๆ

 

  “เอาล่ะ ในเมื่อนายแข็งแกร่งมาก งั้นเรามาเคลียร์เส้นทางกัน เพื่อที่เราจะได้สามารถผ่านไปได้” ไป๋อี้ตบบ่าวูล์ฟทันทีในขณะที่ทุกคนยังตกตะลึงอยู่

 

  “หือ?” หลังจากที่วูล์ฟได้ยินคำพูดของไป๋อี้ เขาก็กุมขมับด้วยความรำคาญใจ

 

  ไป๋อี้นำคนได้ดีจริง ๆ ถ้าพวกเขาต้องการผ่านทางตรงนี้ไป พวกเขาจำเป็นต้องเคลียร์เลนให้สามารถขับผ่านไปได้ ถ้าในสถานการณ์ปกติคงไม่มีความสามารถอย่างนั้นแน่นอน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของทุกคนเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะความแข็งแกร่งของหยูหานและวูล์ฟที่โดดเด่นขึ้นมา ถ้ามีสองคนนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว 

 

  “ระวังกันหน่อยล่ะ!” ไป๋อี้เตือน

 

  ในขณะที่ช่วยกันเคลียร์ทางทุกคนก็มีความคิดว่า … ดูเหมือนเซลล์ดัดแปลงไม่เพียงแต่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดเท่านั้น แต่ยังมีพลังที่เหนือกว่าคนธรรมดาอีกด้วย ถ้ายาที่มาร์ตินบอกว่าคืนร่างเป็นมนุษย์มีอยู่จริง … พลังนี้จะคงอยู่หลังจากกลับร่างเป็นมนุษย์หรือไม่?

 

  ……

 

  ซากศพถูกจุดเผาไฟโดยไป๋อี้และคนอื่น ๆ แมลงตัวเล็ก ๆ บางตัวที่เกาะอยู่บนศพจึงถูกเผาตามไปด้วย ส่วนแมลงตัวที่เหลือก็หนีเข้าไปในพงหญ้าไป เมื่อเคลียร์เลนแล้วทุกคนก็ขึ้นรถอีกครั้งและเดินทางต่อไปยังเตอวามูตู

 

  “มาร์ตินนี่มันอะไรน่ะ?” ไป๋อี้ถามพร้อมกับหยิบแมลงที่ตายแล้วขึ้นมา

 

  “ไป๋ ฉันจำได้ว่าฉันเคยพูดว่าการผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับมนุษย์เท่านั้น แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในนิวซีแลนด์น่าจะเกิดการผสานรวมยีนของเซลล์ดัดแปลง แมลงเหล่านี้ก็เช่นกัน พวกมันรู้สึกหิวโหยจึงโจมตีมนุษย์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนแรกสุด ดูสิ ฟันอันแหลมคมนั่นได้เกิดจากการวิวัฒนาการขึ้น ซึ่งใช้สำหรับการหาอาหารโดยเฉพาะ” มาร์ตินยื่นแมลงที่ตายแล้วออกมา และชี้ให้ทุกคนดู

 

  แมลงขนาดเล็กเหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับตั๊กแตนธรรมดา แต่มีความดุร้ายกว่าและยังปรากฏลักษณะเฉพาะอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้มันยังมีขนาดใหญ่กว่าแมลงทั่วไปมาก โดยมีขนาดที่ใหญ่ที่สุดเกือบสิบเซนติเมตร  

 

       “สิ่งมีชีวิตที่ผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากหรือไม่” ไป๋อี้ถาม

 

  “สำหรับร่างทดลองในสถาบันวิจัย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอยู่ระหว่าง 1-50 เท่า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพระหว่าง 1-3 เท่าเป็นเรื่องที่พบบ่อยที่สุด” มาร์ตินกล่าว

 

  “นี่มันเป็นเรื่องเลวร้ายมาก ๆ!”

 

       1-50 เท่าของการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ หากมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงตามกำลังขยายสูงสุด นั่นหมายความว่าจะสูงถึง 100 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นถ้ายีนของสิ่งมีชีวิตอื่นถูกผสานรวมเข้าด้วยกัน รูปร่างหน้าตาก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก ลักษณะเมื่อเกิดการผสานรวมเช่นนี้ถ้าไม่เรียกว่าสัตว์ประหลาดแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

 

  “ร่างทดลองที่ใหญ่ที่สุดในสถาบันวิจัยนั้นใหญ่แค่ไหน?”

 

  “อสรพิษยักษ์มีความยาวสามสิบเมตร แต่น้ำหนักของมันไม่ได้หนักที่สุดในสถาบันวิจัย พวกเธอโชคดี ที่ได้เห็นมัน” มาร์ตินหยอกล้อ 

 

  เมื่อได้เห็นรอยยิ้มขี้เล่นของมาร์ติน ไป๋อี้แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะไม่เตะหน้าผู้ชายคนนี้ โชคดีจริง ๆ โชคดีกับผีน่ะสิ ที่จู่ ๆ ก็ได้พบกับสัตว์ทดลองที่ใหญ่ที่สุดในสถาบันวิจัย

 

  “เฮ้ ~ เฮ้ คุณคิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ ฉันหมายถึงการที่คุณหนีออกมาจากปากของปีศาจอสรพิษยักษ์ได้นั้นเป็นโชคดีดั่งฟ้าประทานจริง ๆ ปีศาจอสรพิษยักษ์มีพลังแข็งแกร่งมากและเป็นที่คาดกันว่ามีการวิวัฒนาการที่ดีที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการทั้งหมดด้วย เราจำเป็นต้องใช้ห้องเซรามิกที่ทนต่อการกัดกร่อนพิเศษเพื่อกักขังสิ่งมีชีวิตประเภทนี้เพราะมันแข็งแกร่งเกินไป ในสถาบันวิจัยมีสัตว์ประเภทนี้ทั้งหมดเพียงสามตัวเท่านั้น” มาร์ตินอธิบายรายละเอียด

 

  “สามตัว ยิ่งไปกว่านั้น นี่นายกล่าวถึงเพียงแค่สถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือเท่านั้นใช่ไหม แล้วในนิวซีแลนด์มีสถาบันวิจัยทั้งหมดกี่แห่ง?”

 

  “121 แห่ง!”

 

  “บัด……ซบ!” ไป๋อี้กัดฟันกรอดและก็อดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมา สถาบันวิจัยจำนวน 121 แห่ง จำได้ว่ามาร์ตินเคยกล่าวว่ามีสัตว์ทดลองมากกว่าสามพันตัวในสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ ดังนั้นกล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีสัตว์ทดลองสามแสนถึงสี่แสนตัวในนิวซีแลนด์?

 

  “ไม่เยอะขนาดนั้น สถาบันวิจัยมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก สถาบันวิจัยขนาดเล็กไม่มีสัตว์ทดลองเลย อาจมีเพียงหนึ่งหรือสองตัวสำหรับการวิจัยเสริมเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งนิวซีแลนด์นั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก คาดว่าร่างทดลองทั้งหมดจะมีประมาณหนึ่งแสนตัว ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋ ไม่ใช่ทุกร่างทดลองที่มีพลังเท่าอสรพิษยักษ์” มาร์ตินอธิบายหลังจากที่ไป๋อี้ถาม

 

  “อย่าพูดเหมือนกับว่ามันไม่เป็นไรได้ไหม ถ้าคุณปล่อยมันออกมา ทั่วทั้งนิวซีแลนด์ได้พินาศแน่  ใช่ไหม!”

 

  “คุณก็รู้นี่” มาร์ตินยักไหล่

  

       ไป๋อี้ยกนิ้วกลางให้กับมาร์ติน เขาเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะสบถด่าออกไป ผู้ชายคนนี้เห็นสิ่งแปลกประหลาดจนชินตา เขาจึงเป็นเหมือนหมูไม่กลัวน้ำร้อนลวก เขาไม่สะทกสะท้านว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะรู้ดีว่าไม่สามารถเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน 

                                                              ————————

                        อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+