[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 116 การสะกดจิตด้วยเสียง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 116 การสะกดจิตด้วยเสียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “เข้าใจแล้ว!” หยูหานไม่ได้พูดอะไรมาก อันที่จริงเขาเองก็รู้ดีว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะปรองดองกัน เหตุที่เขารีบตอกกลับแบบนี้เพียงเพื่อแสดงฉากละครฉากหนึ่ง เป็นการบ่งบอกเพื่อนร่วมทีมอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการคืนดี แต่ไป๋อี้เป็นคนแข็งกร้าวและมีอำนาจเหนือกว่า

  “พวกนายล่ะ คิดจะต่อสู้เพื่อคนอย่างหยูหานจริง ๆ เหรอ?” ไป๋อี้มองไปที่คนอื่น ๆ รอบกายหยูหาน

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณไม่คืนดีจริงหรือ?” อดัมส์ถาม

  “เสียใจด้วยนะ!”

  “ถ้าอย่างนั้นเราก็เสียใจมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้หยูหานเป็นหัวหน้าของเรา และฉันไม่คิดว่าการลงมือฆ่ามันเป็นวิธีที่ถูกต้อง ถ้าหัวหน้าไป๋อี้มีท่าทีแข็งกร้าวขนาดนั้นก็อย่าโทษพวกเราเลย” อดัมส์ กล่าว

  “ถ้าตัวตายก็อย่ามาโทษฉันล่ะ!” เสียงของไป๋อี้แผ่วเบาจนดูเหมือนจะกระซิบ

  การสะกดจิต ผ่านการเคลื่อนไหว สี และเสียง …… ประสาทสัมผัสทั้งห้า การมองเห็น การได้ยิน ฯลฯ การถ่ายทอดอย่างไม่ถูกต้องผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าไปยังฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างความสับสนในการตัดสินใจและจิตสำนึกโดยอัตโนมัติ

  ดาบเขี้ยวถูกดึงออกจากฝัก เกิดแรงเสียดทานระหว่างใบมีดและฝักดังเช้ง!

  ราวกับออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของทุกคน เสียงโบกสะบัดเป็นระลอกคลื่นจากการโบกดาบเขี้ยวในมือของไป๋อี้!

  “มา!” ดวงตาของไป๋อี้หลบต่ำลงเล็กน้อย และพูดคำหนึ่งออกมาอย่างดุดัน

  เมื่อไป๋อี้พูดออกมาดังนั้น ทั้งสามคนในกลุ่มของหยูหานก็เตรียมลงมืออย่างหนักแน่นกับฝ่ายตรงข้ามและกระโดดลงไปในทะเลสาบโดยไม่เกรงกลัวว่าอาจถูกโจมตีกลางอากาศขณะกระโดดลงไป เสียงดาบที่วาดต่อหน้าไป๋อี้ทำให้ทุกคนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อสู้จากก้นบึ้งของหัวใจ ในขณะเดียวกันก็เข้าใจดีว่าการคืนดีเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น วันนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตออกไปได้

  วูล์ฟเผยอปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน คนโง่เขลา ด้วยวิธีการชักดาบของไป๋อี้ที่ส่งเสียงเสียดทานดังเช้งส่งผลต่ออารมณ์ของเขา ทันใดนั้นเขาก็รีบกระโจนเข้าใส่

  ต้องเข้าใจว่าคนทั้งสองกลุ่มถูกแยกออกจากกันด้วยทะเลสาบที่อยู่ห่างกันออกไปเพียงร้อยเมตร

  “ระวัง ไคลแมน โกเธ่ …… !” หยูหานยังคงสงบและไม่กระโจนออกไปอย่างหุนหันพลันแล่นเหมือนทั้งสามคน ไป๋อี้ใช้น้ำเสียงของเขาเพื่อสร้างผลกระทบให้กับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นการสะกดจิตแบบตื้น ๆ เท่านั้นที่เพิ่งเขาสำรวจพบ

  ความสามารถในการกระโดดของคนยุคนี้เทียบไม่ได้กับคนทั่วไปจริง ๆ ทั้งสามคนกำลังรวมตัวกันกระโดดอย่างดุเดือดและพวกเขาสามารถกระโดดได้ไกลกว่า 100 เมตรจนสามารถข้ามมาอีกด้านหนึ่งได้

  ไป๋อี้ลืมตาขึ้นเล็กน้อย เขาถือดาบเขี้ยวในแนวทแยง ดวงตาของเขาเป็นประกายเต็มไปด้วยจุดประสงค์แห่งการฆ่าที่น่ากลัว แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่รู้จักไป๋อี้มาก่อน แต่ตราบใดที่พวกเขายืนยันจะอยู่กับ หยูหาน พวกเขาก็ได้ถูกไป๋อี้ตัดสินสังหารไปแล้ว หลังจากประสบการณ์ที่ผ่านมามากมาย ไม่เพียงแต่หยูหานเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ไป๋อี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาแตกต่างจากหยูหาน ไป๋อี้ได้กลบฝังความเมตตาและความอ่อนโยนไว้ในใจของเขาอย่างสมบูรณ์

  ตายซะเถอะ!

  ไม่ใช่แค่ไป๋อี้เท่านั้น แต่วูล์ฟและคนอื่น ๆ ก็พร้อมที่จะโจมตีเช่นกัน ทั้งสามคนนี้ถูกกำหนดชะตาชีวิตให้ต้องมาตายที่นี่เสียแล้ว

  แม้ว่าคนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานจะไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสามคนจึงหุนหันพลันแล่นถึงเพียงนี้ แต่พวกเขาก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี พวกเขาจึงวิ่งอย่างรวดเร็วลงมาจากสะพานทั้งสองด้านพร้อมที่จะมาสมทบกับโกเธ่ทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว อดัมส์เองก็กางปีกออกทางด้านหลังและโฉบลงมาทันที อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดคือ ……

  มีบางอย่างโผล่พ้นมาจากทะเลสาบอันมืดมิดพร้อมเสียงน้ำที่สาดกระเซ็น

  ทันใดนั้นหนวดขนาดใหญ่สองเส้นยาวกว่าสิบเมตรก็โผล่พ้นออกมาจากก้นบึ้งของทะเลสาบ มันจับไคลแมนที่กระโดดมากลางอากาศได้โดยตรง จากนั้นก็ดึงทึ้งอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่หยูหานและคนในทีม แม้แต่ไป๋อี้และพรรคพวกก็ตกใจเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น

  แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ว่านิวซีแลนด์ในตอนนี้ไม่ใช่นิวซีแลนด์ที่เคยเป็นอีกต่อไปตอนนี้ชื่อของที่นี่คือ เกาะปีศาจ!

  มีสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างบิดเบี้ยวทรงพลังและแปลกประหลาดมากมายบนเกาะปีศาจแห่งนี้ สิ่งเหล่านี้ยังคงมีอยู่บนบก โดยเฉพาะในมหาสมุทรที่อยู่ใกล้เคียงที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่า น่าเสียดายที่ทะเลสาบด้านในของเวลลิงตันเชื่อมต่อกับท่าเรือ มีแต่พระเจ้าที่จะทราบดีว่าสัตว์น้ำที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสัตว์น้ำชนิดใด ก่อนที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะทันได้ลงมือ ไคลแมนผู้เคราะห์ร้ายก็ถูกมันจับตัวไปเสียแล้ว

  ฟุ่บ ผู้ชายคนนั้นที่ตัวใหญ่พอ ๆ กับวูล์ฟถูกจับลงไปใต้น้ำ.

  หยูหานและพวกต่างก็มึนงง จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นฉากที่ทำให้สติหลุดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

  โกเธ่และเอเวอลินรีบพุ่งตัวไปที่กลุ่มของไป๋อี้ โกเธ่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเอเวอลิน แต่เมื่อเอเวลินรีบไปที่ไป๋อี้ ม่านตาบุษบาผกผันก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เอเวอลินที่รีบวิ่งไปยังไป๋อี้เกิดความสับสนมึนงงและมันเป็นช่วงเวลาแห่งความมึนงงที่ทำให้เอเวอลินเสียโอกาสทั้งหมดในการโจมตี

  ฟิ้ว ศีรษะของเอเวอลินลอยละลิ่วตรงออกไปพร้อมด้วยเสียงร้องโอดครวญ เลือดสาดกระจายไปในอากาศ

  มือซ้ายที่ยื่นออกมาของหยูหานหยุดค้างเติ่งอย่างช้า ๆ ในอากาศ จากนั้นเขาก็มองดูหัวของเอเวอลิน ลอยละลิ่วและร่วงลงพร้อมทั้งเลือดสีแดงสด แต่ร่างกายของเอเวอลินไม่ได้ร่วงหล่นตามไปด้วย ไป๋อี้มีดวงตาแปลก ๆ คู่หนึ่ง ราวกับดอกไม้ที่เติบโตย้อนกลับซึ่งดูเหมือนจะดูดความคิดของทุกคนเข้ามา หยูหานและคนในกลุ่มนั้นมึนงงอย่างสิ้นเชิง

  ไม่เพียงแต่หยูหานและคนในกลุ่มเท่านั้นที่มึนงง แม้แต่วูล์ฟและคนในทีมไป๋อี้ก็มึนงงเช่นกัน ไป๋อี้แสดงท่าทีโหดร้ายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร พวกเขาต่างร่วมกันโจมตีโกเธ่ด้วย แต่โกเธ่กลับถูกฆ่าตายด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอ ที่จริงมันไม่จำเป็น แต่ไป๋อี้คนนี้สามารถฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำมือของเขาเพียงครั้งเดียว

  ถ้าตัวตายก็อย่ามาโทษฉันล่ะ!

  ในเวลานี้คนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานก็เริ่มหวนนึกถึงสิ่งที่ไป๋อี้พูดก่อนเริ่มสงครามระหว่างพวกเขา นี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นการแก้แค้นด้วยการคร่าชีวิตและความตายอย่างแท้จริง

  “ไป๋ …… อี้!”

  ทันใดนั้นดวงตาของหยูหานก็เบิกโพลง เขาคำรามออกมาอย่างดุร้าย ในขณะนี้การเต้นของหัวใจหยูหานเหมือนได้หยุดลง จนถึงตอนนี้เขาตระหนักได้ถึงความเจ็บปวดที่ไป๋อี้เคยประสบ

  เมื่อเขามองไปยังไป๋อี้ที่ยืนอยู่อย่างเงียบขรึม มีเพียงหนิงเสวี่ยเท่านั้นที่รู้สึกได้ …… ไป๋อี้เปลี่ยนไปแล้ว! นี่ไม่ใช่ลุงไป๋ที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนและมีน้ำใจให้กับผู้คนเสมอมา

  เขาได้ฝังไป๋อี้ผู้ใจดีและอ่อนโยนไว้ส่วนลึกภายในใจ มันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้!

  “ระวังดวงตาของไป๋อี้!” หนิงเสวี่ยเตือนเขาทันทีเมื่อเธอเห็นหยูหานกำลังพุ่งเข้าหาไป๋อี้ ในความเป็นจริง แม้ปราศจากคำเตือนของหนิงเสวี่ย หยูหานและคนอื่น ๆ ต่างก็คอยปกป้องตนเองจากดวงตาของไป๋อี้อยู่แล้ว ในทีมความแข็งแกร่งของเอเวอลินไม่ได้แย่นัก แต่นี่คือเอเวอลิน เขาไม่มีพลังอะไรในการต่อต้านไป๋อี้ เมื่อเห็นดวงตาพิเศษของไป๋อี้คำพูดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในใจของทุกคน …… ความสามารถพิเศษจากม่านตา!

  ไป๋อี้เอียงศีรษะของเขา จากนั้นก็ใช้เท้าของเขาหวดออกมาเป็นการเชื้อเชิญหยูหาน

  ฝูงวิญญาณผีมากมายยืนดูสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ อย่าตื่นตระหนกตกใจ ครั้งนี้ยังไม่ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงดุเดือดนัก จะว่าไป ตอนที่ฝูงวิญญาณผีเหล่านี้ตาย พวกเขาได้มีชีวิตอยู่เพียงในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลงในนิวซีเเลนด์เท่านั้น ตอนนั้นพวกเขายังเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่น่าเศร้าถึงเพียงนี้มาก่อน

  มีเพียงแอนนาเท่านั้นที่ลอยอยู่ในสนามรบด้วยความตื่นเต้น และเฝ้ารอให้เลือดสาดมากกว่านี้

  “หึ หึ …… ฆ่าได้ดีนี่ ไป๋อี้นายเก่งจริง ๆ นายฆ่าคนไปแล้วคนหนึ่ง” แอนนาตื่นเต้นมากราวกับว่าเธอกินยากระตุ้นอารมณ์เข้าไปอย่างไรอย่างนั้น วิญญาณของเธอสลับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เธออยู่ข้าง ๆ ไป๋อี้จากนั้นครึ่งหนึ่งของศีรษะของเธอก็ถูกเปิดออก  ทันทีที่แอนนาปรากฏตัวหยูหานถึงกับตกใจ ทันใดนั้นสมองของเธอก็โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งและใครก็ตามที่มีประสาทรับรู้เป็นปกติคงจะต้องตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน

  หลังจากได้ยินคำพูดของแอนนา นอกจากความเจ็บปวดในใจแล้วหัวใจของหยูหานก็ตื่นตัวขึ้นอีกครั้งด้วยความจงเกลียดจงชัง

  สิ่งนี้คือผีงั้นเหรอ!

  ทำไมผีเหล่านี้ถึงสามารถสื่อสารกับพวกไป๋อี้ได้อย่างง่ายดาย?

  “เป็นอย่างนี้สินะ เป็นอย่างนี้เอง เป็นโอกาสดีที่ได้เจอนาย” หยูหานไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์ของตัวเองจะไม่ต่างไปกว่าไป๋อี้ หยูหานอยู่ในห้วงแห่งความปวดใจและความจงเกลียดจงชังอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ม่านตางูที่อยู่บริเวณแขนซ้ายของเขาก็เปล่งแสงที่น่ากลัวออกมา

  เป็นเรื่องดีที่ได้มาพบกันอย่างนั้นเหรอ?

  ไป๋อี้ยิ้มขึ้นมาทันใด สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที การพูดหยอกล้อนั้นมีขีดจำกัด! เขาไม่ใช่ตัวละครเอกในนวนิยายทั่วไปที่บทของตัวเอกจะทำการใด ๆ ก็สำเร็จราบรื่นโดยง่าย ทุกความแข็งแกร่งของไป๋อี้และเพื่อนของเขามาจากการพยายามอย่างหนักของตนเอง หรือว่าผู้ชายอย่างนายคงเอาแต่ฝันกลางวันนั่นคือสาเหตุที่นายเกลียดชังคนอื่น นั่นคือสาเหตุที่นายตีกรอบคนอื่น นั่นคือสาเหตุที่นายดูน่ารังเกียจเเบบนี้!

  ดวงตาคู่นี้ นายรู้ไหมว่ามันตื่นตัวขึ้นมาภายใต้สถานการณ์ใด รู้บ้างไหม!

  ม่านตาบุษบาผกผัน!

  ดอกไม้ที่บานกลับหัวผลิบานในดวงตาของไป๋อี้ แม้ว่าหยูหานจะรู้ว่าดวงตาของไป๋อี้นั้นแปลก แต่เขาก็ยังคงมองมันโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่บนโลกนี้พึ่งพาการมองเห็นมากเกินไป แน่นอนว่ามนุษย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในขณะนี้ดาบเขี้ยวของไป๋อี้ได้ฟันเข้าหาหยูหานอย่างดุเดือด

  “หยูหาน!” หนิงเสวี่ยอยู่ข้าง ๆ เขาและเมื่อเห็นว่าหยุหานดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นเธอจึงดีดเล็บออกมา เล็บซึ่งยาวประมาณ 10 เซนติเมตรมีสีเข้มและแหลมคม พุ่งเข้าหาใบหน้าของไป๋อี้ด้วยแรงหวด หลังจากที่เล็บหนิงเสวี่ยพุ่งเลยผ่านหยูหานเข้ามา

  ไป๋อี้ยกดาบเขี้ยวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะฟันปัดออกไปสองครั้ง ในเวลาประเดี๋ยวเดียวนั้นทำให้เป็นช่วงเวลาที่งูหลามบนแขนซ้ายของหยูหานขู่ฟ่อและหยูหานก็ตื่นขึ้นจากการสะกดจิตทันที

  ในขณะที่ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ หยูหานก็ถอยหลังไปสองก้าวแล้วดึงหนิงเสวี่ยออกไป

  “ดวงตาของนาย นั่นมันเรียกว่าอะไร?” ใบหน้าของหยูหานบูดบึ้ง ดวงตาของเขาหลบต่ำลงเขาไม่กล้ามองไปที่ดวงตาของไป๋อี้ หยูหานไม่ได้ถามถึงหลักการดวงตาของไป๋อี้เพราะเขารู้ว่าไป๋อี้คงไม่ตอบ แต่ถ้าเป็นเพียงชื่อเรียกของมัน ไป๋อี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

  “ม่านตาบุษบาผกผัน!”

  “อย่างนั้นหรอกเหรอ!” หยูหานยกแขนซ้ายขึ้น งูหลามค่อย ๆ พันรอบเกราะเต่าและพ่นตัวอักษรงูออกมา “แขนซ้ายของฉันตอนนี้เรียกว่าแขนเสวียนอู่” หยูหานไม่ได้ตื่นตกใจกับดวงตาของไป๋อี้ แต่กลับยกมือซ้ายขึ้น อย่างไรก็ตามไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าไป๋อี้จะได้รับพลังที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไรเพราะเขามีเพียงยีนของผีเสื้อเท่านั้น

  “ระวังอย่าสบตาเขา ดูเหมือนว่าผลของการสะกดจิตมัน ไม่ใช่เทคนิคภาพลวงตาอย่างที่จินตนาการไว้ ตราบใดที่ทุกคนมีสมาธิก็จะได้รับผลกระทบของมันน้อยลง” หลังจากที่หยูหานถอยห่างออกมา เขาก็หยุดชั่วคราว จากนั้นเขาก็กล่าวบอกคนอื่น

  ภาพลวงตา เห็นได้ชัดว่าหยูหานจินตนาการถึงดวงตาของไป๋อี้ว่าน่าจะเป็นความสามารถพิเศษเหมือนในการ์ตูนอนิเมะ อย่างไรก็ตามหยูหานพูดถูก คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของการสะกดจิตคือมันมีผลเพียงเล็กน้อยต่อคนที่มีเจตจำนงแน่วแน่ ไป๋อี้เองก็ได้ค้นพบเรื่องนี้แล้ว ดวงตาของไป๋อี้มีพลังมากในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ยงคงกระพัน อันที่จริงมันง่ายมากที่จะต้านทานต่อสายตาของไป๋อี้ได้นั่นก็คือความมุ่งมั่น นี่เป็นเพียงการเผชิญหน้ากับไป๋อี้ครั้งแรก ในครั้งต่อ ๆ ไปการเผชิญหน้าต่อต้านกับการสะกดจิตของไป๋อี้ก็จะยิ่งง่ายขึ้นมากเท่านั้น

  ผลของม่านตาบุษบาผกผันที่มีต่อคนที่มุ่งมั่นจะอ่อนแอลงอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ผลอย่างสิ้นเชิง!

  การมีเจตจำนงแน่วแน่จะสามารถตื่นจากการสะกดจิตได้เร็วมาก แต่ในการต่อสู้ ช่วงเวลาแห่งความประมาทนั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงเสวี่ย หากไม่ถึงแก่ชีวิตหยูหานก็คงจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

  “เตรียมพร้อมหรือยัง ยินดีต้อนรับเข้าสู่ความตาย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 116 การสะกดจิตด้วยเสียง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 116 การสะกดจิตด้วยเสียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “เข้าใจแล้ว!” หยูหานไม่ได้พูดอะไรมาก อันที่จริงเขาเองก็รู้ดีว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะปรองดองกัน เหตุที่เขารีบตอกกลับแบบนี้เพียงเพื่อแสดงฉากละครฉากหนึ่ง เป็นการบ่งบอกเพื่อนร่วมทีมอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการคืนดี แต่ไป๋อี้เป็นคนแข็งกร้าวและมีอำนาจเหนือกว่า

  “พวกนายล่ะ คิดจะต่อสู้เพื่อคนอย่างหยูหานจริง ๆ เหรอ?” ไป๋อี้มองไปที่คนอื่น ๆ รอบกายหยูหาน

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณไม่คืนดีจริงหรือ?” อดัมส์ถาม

  “เสียใจด้วยนะ!”

  “ถ้าอย่างนั้นเราก็เสียใจมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้หยูหานเป็นหัวหน้าของเรา และฉันไม่คิดว่าการลงมือฆ่ามันเป็นวิธีที่ถูกต้อง ถ้าหัวหน้าไป๋อี้มีท่าทีแข็งกร้าวขนาดนั้นก็อย่าโทษพวกเราเลย” อดัมส์ กล่าว

  “ถ้าตัวตายก็อย่ามาโทษฉันล่ะ!” เสียงของไป๋อี้แผ่วเบาจนดูเหมือนจะกระซิบ

  การสะกดจิต ผ่านการเคลื่อนไหว สี และเสียง …… ประสาทสัมผัสทั้งห้า การมองเห็น การได้ยิน ฯลฯ การถ่ายทอดอย่างไม่ถูกต้องผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าไปยังฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างความสับสนในการตัดสินใจและจิตสำนึกโดยอัตโนมัติ

  ดาบเขี้ยวถูกดึงออกจากฝัก เกิดแรงเสียดทานระหว่างใบมีดและฝักดังเช้ง!

  ราวกับออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของทุกคน เสียงโบกสะบัดเป็นระลอกคลื่นจากการโบกดาบเขี้ยวในมือของไป๋อี้!

  “มา!” ดวงตาของไป๋อี้หลบต่ำลงเล็กน้อย และพูดคำหนึ่งออกมาอย่างดุดัน

  เมื่อไป๋อี้พูดออกมาดังนั้น ทั้งสามคนในกลุ่มของหยูหานก็เตรียมลงมืออย่างหนักแน่นกับฝ่ายตรงข้ามและกระโดดลงไปในทะเลสาบโดยไม่เกรงกลัวว่าอาจถูกโจมตีกลางอากาศขณะกระโดดลงไป เสียงดาบที่วาดต่อหน้าไป๋อี้ทำให้ทุกคนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อสู้จากก้นบึ้งของหัวใจ ในขณะเดียวกันก็เข้าใจดีว่าการคืนดีเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น วันนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตออกไปได้

  วูล์ฟเผยอปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน คนโง่เขลา ด้วยวิธีการชักดาบของไป๋อี้ที่ส่งเสียงเสียดทานดังเช้งส่งผลต่ออารมณ์ของเขา ทันใดนั้นเขาก็รีบกระโจนเข้าใส่

  ต้องเข้าใจว่าคนทั้งสองกลุ่มถูกแยกออกจากกันด้วยทะเลสาบที่อยู่ห่างกันออกไปเพียงร้อยเมตร

  “ระวัง ไคลแมน โกเธ่ …… !” หยูหานยังคงสงบและไม่กระโจนออกไปอย่างหุนหันพลันแล่นเหมือนทั้งสามคน ไป๋อี้ใช้น้ำเสียงของเขาเพื่อสร้างผลกระทบให้กับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นการสะกดจิตแบบตื้น ๆ เท่านั้นที่เพิ่งเขาสำรวจพบ

  ความสามารถในการกระโดดของคนยุคนี้เทียบไม่ได้กับคนทั่วไปจริง ๆ ทั้งสามคนกำลังรวมตัวกันกระโดดอย่างดุเดือดและพวกเขาสามารถกระโดดได้ไกลกว่า 100 เมตรจนสามารถข้ามมาอีกด้านหนึ่งได้

  ไป๋อี้ลืมตาขึ้นเล็กน้อย เขาถือดาบเขี้ยวในแนวทแยง ดวงตาของเขาเป็นประกายเต็มไปด้วยจุดประสงค์แห่งการฆ่าที่น่ากลัว แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่รู้จักไป๋อี้มาก่อน แต่ตราบใดที่พวกเขายืนยันจะอยู่กับ หยูหาน พวกเขาก็ได้ถูกไป๋อี้ตัดสินสังหารไปแล้ว หลังจากประสบการณ์ที่ผ่านมามากมาย ไม่เพียงแต่หยูหานเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ไป๋อี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาแตกต่างจากหยูหาน ไป๋อี้ได้กลบฝังความเมตตาและความอ่อนโยนไว้ในใจของเขาอย่างสมบูรณ์

  ตายซะเถอะ!

  ไม่ใช่แค่ไป๋อี้เท่านั้น แต่วูล์ฟและคนอื่น ๆ ก็พร้อมที่จะโจมตีเช่นกัน ทั้งสามคนนี้ถูกกำหนดชะตาชีวิตให้ต้องมาตายที่นี่เสียแล้ว

  แม้ว่าคนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานจะไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสามคนจึงหุนหันพลันแล่นถึงเพียงนี้ แต่พวกเขาก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี พวกเขาจึงวิ่งอย่างรวดเร็วลงมาจากสะพานทั้งสองด้านพร้อมที่จะมาสมทบกับโกเธ่ทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว อดัมส์เองก็กางปีกออกทางด้านหลังและโฉบลงมาทันที อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดคือ ……

  มีบางอย่างโผล่พ้นมาจากทะเลสาบอันมืดมิดพร้อมเสียงน้ำที่สาดกระเซ็น

  ทันใดนั้นหนวดขนาดใหญ่สองเส้นยาวกว่าสิบเมตรก็โผล่พ้นออกมาจากก้นบึ้งของทะเลสาบ มันจับไคลแมนที่กระโดดมากลางอากาศได้โดยตรง จากนั้นก็ดึงทึ้งอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่หยูหานและคนในทีม แม้แต่ไป๋อี้และพรรคพวกก็ตกใจเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น

  แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ว่านิวซีแลนด์ในตอนนี้ไม่ใช่นิวซีแลนด์ที่เคยเป็นอีกต่อไปตอนนี้ชื่อของที่นี่คือ เกาะปีศาจ!

  มีสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างบิดเบี้ยวทรงพลังและแปลกประหลาดมากมายบนเกาะปีศาจแห่งนี้ สิ่งเหล่านี้ยังคงมีอยู่บนบก โดยเฉพาะในมหาสมุทรที่อยู่ใกล้เคียงที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่า น่าเสียดายที่ทะเลสาบด้านในของเวลลิงตันเชื่อมต่อกับท่าเรือ มีแต่พระเจ้าที่จะทราบดีว่าสัตว์น้ำที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสัตว์น้ำชนิดใด ก่อนที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะทันได้ลงมือ ไคลแมนผู้เคราะห์ร้ายก็ถูกมันจับตัวไปเสียแล้ว

  ฟุ่บ ผู้ชายคนนั้นที่ตัวใหญ่พอ ๆ กับวูล์ฟถูกจับลงไปใต้น้ำ.

  หยูหานและพวกต่างก็มึนงง จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นฉากที่ทำให้สติหลุดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

  โกเธ่และเอเวอลินรีบพุ่งตัวไปที่กลุ่มของไป๋อี้ โกเธ่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเอเวอลิน แต่เมื่อเอเวลินรีบไปที่ไป๋อี้ ม่านตาบุษบาผกผันก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เอเวอลินที่รีบวิ่งไปยังไป๋อี้เกิดความสับสนมึนงงและมันเป็นช่วงเวลาแห่งความมึนงงที่ทำให้เอเวอลินเสียโอกาสทั้งหมดในการโจมตี

  ฟิ้ว ศีรษะของเอเวอลินลอยละลิ่วตรงออกไปพร้อมด้วยเสียงร้องโอดครวญ เลือดสาดกระจายไปในอากาศ

  มือซ้ายที่ยื่นออกมาของหยูหานหยุดค้างเติ่งอย่างช้า ๆ ในอากาศ จากนั้นเขาก็มองดูหัวของเอเวอลิน ลอยละลิ่วและร่วงลงพร้อมทั้งเลือดสีแดงสด แต่ร่างกายของเอเวอลินไม่ได้ร่วงหล่นตามไปด้วย ไป๋อี้มีดวงตาแปลก ๆ คู่หนึ่ง ราวกับดอกไม้ที่เติบโตย้อนกลับซึ่งดูเหมือนจะดูดความคิดของทุกคนเข้ามา หยูหานและคนในกลุ่มนั้นมึนงงอย่างสิ้นเชิง

  ไม่เพียงแต่หยูหานและคนในกลุ่มเท่านั้นที่มึนงง แม้แต่วูล์ฟและคนในทีมไป๋อี้ก็มึนงงเช่นกัน ไป๋อี้แสดงท่าทีโหดร้ายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร พวกเขาต่างร่วมกันโจมตีโกเธ่ด้วย แต่โกเธ่กลับถูกฆ่าตายด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอ ที่จริงมันไม่จำเป็น แต่ไป๋อี้คนนี้สามารถฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำมือของเขาเพียงครั้งเดียว

  ถ้าตัวตายก็อย่ามาโทษฉันล่ะ!

  ในเวลานี้คนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานก็เริ่มหวนนึกถึงสิ่งที่ไป๋อี้พูดก่อนเริ่มสงครามระหว่างพวกเขา นี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นการแก้แค้นด้วยการคร่าชีวิตและความตายอย่างแท้จริง

  “ไป๋ …… อี้!”

  ทันใดนั้นดวงตาของหยูหานก็เบิกโพลง เขาคำรามออกมาอย่างดุร้าย ในขณะนี้การเต้นของหัวใจหยูหานเหมือนได้หยุดลง จนถึงตอนนี้เขาตระหนักได้ถึงความเจ็บปวดที่ไป๋อี้เคยประสบ

  เมื่อเขามองไปยังไป๋อี้ที่ยืนอยู่อย่างเงียบขรึม มีเพียงหนิงเสวี่ยเท่านั้นที่รู้สึกได้ …… ไป๋อี้เปลี่ยนไปแล้ว! นี่ไม่ใช่ลุงไป๋ที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนและมีน้ำใจให้กับผู้คนเสมอมา

  เขาได้ฝังไป๋อี้ผู้ใจดีและอ่อนโยนไว้ส่วนลึกภายในใจ มันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้!

  “ระวังดวงตาของไป๋อี้!” หนิงเสวี่ยเตือนเขาทันทีเมื่อเธอเห็นหยูหานกำลังพุ่งเข้าหาไป๋อี้ ในความเป็นจริง แม้ปราศจากคำเตือนของหนิงเสวี่ย หยูหานและคนอื่น ๆ ต่างก็คอยปกป้องตนเองจากดวงตาของไป๋อี้อยู่แล้ว ในทีมความแข็งแกร่งของเอเวอลินไม่ได้แย่นัก แต่นี่คือเอเวอลิน เขาไม่มีพลังอะไรในการต่อต้านไป๋อี้ เมื่อเห็นดวงตาพิเศษของไป๋อี้คำพูดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในใจของทุกคน …… ความสามารถพิเศษจากม่านตา!

  ไป๋อี้เอียงศีรษะของเขา จากนั้นก็ใช้เท้าของเขาหวดออกมาเป็นการเชื้อเชิญหยูหาน

  ฝูงวิญญาณผีมากมายยืนดูสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ อย่าตื่นตระหนกตกใจ ครั้งนี้ยังไม่ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงดุเดือดนัก จะว่าไป ตอนที่ฝูงวิญญาณผีเหล่านี้ตาย พวกเขาได้มีชีวิตอยู่เพียงในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลงในนิวซีเเลนด์เท่านั้น ตอนนั้นพวกเขายังเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่น่าเศร้าถึงเพียงนี้มาก่อน

  มีเพียงแอนนาเท่านั้นที่ลอยอยู่ในสนามรบด้วยความตื่นเต้น และเฝ้ารอให้เลือดสาดมากกว่านี้

  “หึ หึ …… ฆ่าได้ดีนี่ ไป๋อี้นายเก่งจริง ๆ นายฆ่าคนไปแล้วคนหนึ่ง” แอนนาตื่นเต้นมากราวกับว่าเธอกินยากระตุ้นอารมณ์เข้าไปอย่างไรอย่างนั้น วิญญาณของเธอสลับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เธออยู่ข้าง ๆ ไป๋อี้จากนั้นครึ่งหนึ่งของศีรษะของเธอก็ถูกเปิดออก  ทันทีที่แอนนาปรากฏตัวหยูหานถึงกับตกใจ ทันใดนั้นสมองของเธอก็โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งและใครก็ตามที่มีประสาทรับรู้เป็นปกติคงจะต้องตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน

  หลังจากได้ยินคำพูดของแอนนา นอกจากความเจ็บปวดในใจแล้วหัวใจของหยูหานก็ตื่นตัวขึ้นอีกครั้งด้วยความจงเกลียดจงชัง

  สิ่งนี้คือผีงั้นเหรอ!

  ทำไมผีเหล่านี้ถึงสามารถสื่อสารกับพวกไป๋อี้ได้อย่างง่ายดาย?

  “เป็นอย่างนี้สินะ เป็นอย่างนี้เอง เป็นโอกาสดีที่ได้เจอนาย” หยูหานไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์ของตัวเองจะไม่ต่างไปกว่าไป๋อี้ หยูหานอยู่ในห้วงแห่งความปวดใจและความจงเกลียดจงชังอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ม่านตางูที่อยู่บริเวณแขนซ้ายของเขาก็เปล่งแสงที่น่ากลัวออกมา

  เป็นเรื่องดีที่ได้มาพบกันอย่างนั้นเหรอ?

  ไป๋อี้ยิ้มขึ้นมาทันใด สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที การพูดหยอกล้อนั้นมีขีดจำกัด! เขาไม่ใช่ตัวละครเอกในนวนิยายทั่วไปที่บทของตัวเอกจะทำการใด ๆ ก็สำเร็จราบรื่นโดยง่าย ทุกความแข็งแกร่งของไป๋อี้และเพื่อนของเขามาจากการพยายามอย่างหนักของตนเอง หรือว่าผู้ชายอย่างนายคงเอาแต่ฝันกลางวันนั่นคือสาเหตุที่นายเกลียดชังคนอื่น นั่นคือสาเหตุที่นายตีกรอบคนอื่น นั่นคือสาเหตุที่นายดูน่ารังเกียจเเบบนี้!

  ดวงตาคู่นี้ นายรู้ไหมว่ามันตื่นตัวขึ้นมาภายใต้สถานการณ์ใด รู้บ้างไหม!

  ม่านตาบุษบาผกผัน!

  ดอกไม้ที่บานกลับหัวผลิบานในดวงตาของไป๋อี้ แม้ว่าหยูหานจะรู้ว่าดวงตาของไป๋อี้นั้นแปลก แต่เขาก็ยังคงมองมันโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่บนโลกนี้พึ่งพาการมองเห็นมากเกินไป แน่นอนว่ามนุษย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในขณะนี้ดาบเขี้ยวของไป๋อี้ได้ฟันเข้าหาหยูหานอย่างดุเดือด

  “หยูหาน!” หนิงเสวี่ยอยู่ข้าง ๆ เขาและเมื่อเห็นว่าหยุหานดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นเธอจึงดีดเล็บออกมา เล็บซึ่งยาวประมาณ 10 เซนติเมตรมีสีเข้มและแหลมคม พุ่งเข้าหาใบหน้าของไป๋อี้ด้วยแรงหวด หลังจากที่เล็บหนิงเสวี่ยพุ่งเลยผ่านหยูหานเข้ามา

  ไป๋อี้ยกดาบเขี้ยวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะฟันปัดออกไปสองครั้ง ในเวลาประเดี๋ยวเดียวนั้นทำให้เป็นช่วงเวลาที่งูหลามบนแขนซ้ายของหยูหานขู่ฟ่อและหยูหานก็ตื่นขึ้นจากการสะกดจิตทันที

  ในขณะที่ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ หยูหานก็ถอยหลังไปสองก้าวแล้วดึงหนิงเสวี่ยออกไป

  “ดวงตาของนาย นั่นมันเรียกว่าอะไร?” ใบหน้าของหยูหานบูดบึ้ง ดวงตาของเขาหลบต่ำลงเขาไม่กล้ามองไปที่ดวงตาของไป๋อี้ หยูหานไม่ได้ถามถึงหลักการดวงตาของไป๋อี้เพราะเขารู้ว่าไป๋อี้คงไม่ตอบ แต่ถ้าเป็นเพียงชื่อเรียกของมัน ไป๋อี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

  “ม่านตาบุษบาผกผัน!”

  “อย่างนั้นหรอกเหรอ!” หยูหานยกแขนซ้ายขึ้น งูหลามค่อย ๆ พันรอบเกราะเต่าและพ่นตัวอักษรงูออกมา “แขนซ้ายของฉันตอนนี้เรียกว่าแขนเสวียนอู่” หยูหานไม่ได้ตื่นตกใจกับดวงตาของไป๋อี้ แต่กลับยกมือซ้ายขึ้น อย่างไรก็ตามไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าไป๋อี้จะได้รับพลังที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไรเพราะเขามีเพียงยีนของผีเสื้อเท่านั้น

  “ระวังอย่าสบตาเขา ดูเหมือนว่าผลของการสะกดจิตมัน ไม่ใช่เทคนิคภาพลวงตาอย่างที่จินตนาการไว้ ตราบใดที่ทุกคนมีสมาธิก็จะได้รับผลกระทบของมันน้อยลง” หลังจากที่หยูหานถอยห่างออกมา เขาก็หยุดชั่วคราว จากนั้นเขาก็กล่าวบอกคนอื่น

  ภาพลวงตา เห็นได้ชัดว่าหยูหานจินตนาการถึงดวงตาของไป๋อี้ว่าน่าจะเป็นความสามารถพิเศษเหมือนในการ์ตูนอนิเมะ อย่างไรก็ตามหยูหานพูดถูก คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของการสะกดจิตคือมันมีผลเพียงเล็กน้อยต่อคนที่มีเจตจำนงแน่วแน่ ไป๋อี้เองก็ได้ค้นพบเรื่องนี้แล้ว ดวงตาของไป๋อี้มีพลังมากในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ยงคงกระพัน อันที่จริงมันง่ายมากที่จะต้านทานต่อสายตาของไป๋อี้ได้นั่นก็คือความมุ่งมั่น นี่เป็นเพียงการเผชิญหน้ากับไป๋อี้ครั้งแรก ในครั้งต่อ ๆ ไปการเผชิญหน้าต่อต้านกับการสะกดจิตของไป๋อี้ก็จะยิ่งง่ายขึ้นมากเท่านั้น

  ผลของม่านตาบุษบาผกผันที่มีต่อคนที่มุ่งมั่นจะอ่อนแอลงอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ผลอย่างสิ้นเชิง!

  การมีเจตจำนงแน่วแน่จะสามารถตื่นจากการสะกดจิตได้เร็วมาก แต่ในการต่อสู้ ช่วงเวลาแห่งความประมาทนั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงเสวี่ย หากไม่ถึงแก่ชีวิตหยูหานก็คงจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

  “เตรียมพร้อมหรือยัง ยินดีต้อนรับเข้าสู่ความตาย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 116 การสะกดจิตด้วยเสียง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 116 การสะกดจิตด้วยเสียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “เข้าใจแล้ว!” หยูหานไม่ได้พูดอะไรมาก อันที่จริงเขาเองก็รู้ดีว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะปรองดองกัน เหตุที่เขารีบตอกกลับแบบนี้เพียงเพื่อแสดงฉากละครฉากหนึ่ง เป็นการบ่งบอกเพื่อนร่วมทีมอย่างชัดเจนว่าไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการคืนดี แต่ไป๋อี้เป็นคนแข็งกร้าวและมีอำนาจเหนือกว่า

  “พวกนายล่ะ คิดจะต่อสู้เพื่อคนอย่างหยูหานจริง ๆ เหรอ?” ไป๋อี้มองไปที่คนอื่น ๆ รอบกายหยูหาน

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณไม่คืนดีจริงหรือ?” อดัมส์ถาม

  “เสียใจด้วยนะ!”

  “ถ้าอย่างนั้นเราก็เสียใจมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามตอนนี้หยูหานเป็นหัวหน้าของเรา และฉันไม่คิดว่าการลงมือฆ่ามันเป็นวิธีที่ถูกต้อง ถ้าหัวหน้าไป๋อี้มีท่าทีแข็งกร้าวขนาดนั้นก็อย่าโทษพวกเราเลย” อดัมส์ กล่าว

  “ถ้าตัวตายก็อย่ามาโทษฉันล่ะ!” เสียงของไป๋อี้แผ่วเบาจนดูเหมือนจะกระซิบ

  การสะกดจิต ผ่านการเคลื่อนไหว สี และเสียง …… ประสาทสัมผัสทั้งห้า การมองเห็น การได้ยิน ฯลฯ การถ่ายทอดอย่างไม่ถูกต้องผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าไปยังฝ่ายตรงข้ามเพื่อสร้างความสับสนในการตัดสินใจและจิตสำนึกโดยอัตโนมัติ

  ดาบเขี้ยวถูกดึงออกจากฝัก เกิดแรงเสียดทานระหว่างใบมีดและฝักดังเช้ง!

  ราวกับออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของทุกคน เสียงโบกสะบัดเป็นระลอกคลื่นจากการโบกดาบเขี้ยวในมือของไป๋อี้!

  “มา!” ดวงตาของไป๋อี้หลบต่ำลงเล็กน้อย และพูดคำหนึ่งออกมาอย่างดุดัน

  เมื่อไป๋อี้พูดออกมาดังนั้น ทั้งสามคนในกลุ่มของหยูหานก็เตรียมลงมืออย่างหนักแน่นกับฝ่ายตรงข้ามและกระโดดลงไปในทะเลสาบโดยไม่เกรงกลัวว่าอาจถูกโจมตีกลางอากาศขณะกระโดดลงไป เสียงดาบที่วาดต่อหน้าไป๋อี้ทำให้ทุกคนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะต่อสู้จากก้นบึ้งของหัวใจ ในขณะเดียวกันก็เข้าใจดีว่าการคืนดีเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น วันนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตออกไปได้

  วูล์ฟเผยอปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน คนโง่เขลา ด้วยวิธีการชักดาบของไป๋อี้ที่ส่งเสียงเสียดทานดังเช้งส่งผลต่ออารมณ์ของเขา ทันใดนั้นเขาก็รีบกระโจนเข้าใส่

  ต้องเข้าใจว่าคนทั้งสองกลุ่มถูกแยกออกจากกันด้วยทะเลสาบที่อยู่ห่างกันออกไปเพียงร้อยเมตร

  “ระวัง ไคลแมน โกเธ่ …… !” หยูหานยังคงสงบและไม่กระโจนออกไปอย่างหุนหันพลันแล่นเหมือนทั้งสามคน ไป๋อี้ใช้น้ำเสียงของเขาเพื่อสร้างผลกระทบให้กับฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นการสะกดจิตแบบตื้น ๆ เท่านั้นที่เพิ่งเขาสำรวจพบ

  ความสามารถในการกระโดดของคนยุคนี้เทียบไม่ได้กับคนทั่วไปจริง ๆ ทั้งสามคนกำลังรวมตัวกันกระโดดอย่างดุเดือดและพวกเขาสามารถกระโดดได้ไกลกว่า 100 เมตรจนสามารถข้ามมาอีกด้านหนึ่งได้

  ไป๋อี้ลืมตาขึ้นเล็กน้อย เขาถือดาบเขี้ยวในแนวทแยง ดวงตาของเขาเป็นประกายเต็มไปด้วยจุดประสงค์แห่งการฆ่าที่น่ากลัว แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่รู้จักไป๋อี้มาก่อน แต่ตราบใดที่พวกเขายืนยันจะอยู่กับ หยูหาน พวกเขาก็ได้ถูกไป๋อี้ตัดสินสังหารไปแล้ว หลังจากประสบการณ์ที่ผ่านมามากมาย ไม่เพียงแต่หยูหานเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ไป๋อี้ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาแตกต่างจากหยูหาน ไป๋อี้ได้กลบฝังความเมตตาและความอ่อนโยนไว้ในใจของเขาอย่างสมบูรณ์

  ตายซะเถอะ!

  ไม่ใช่แค่ไป๋อี้เท่านั้น แต่วูล์ฟและคนอื่น ๆ ก็พร้อมที่จะโจมตีเช่นกัน ทั้งสามคนนี้ถูกกำหนดชะตาชีวิตให้ต้องมาตายที่นี่เสียแล้ว

  แม้ว่าคนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานจะไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสามคนจึงหุนหันพลันแล่นถึงเพียงนี้ แต่พวกเขาก็เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี พวกเขาจึงวิ่งอย่างรวดเร็วลงมาจากสะพานทั้งสองด้านพร้อมที่จะมาสมทบกับโกเธ่ทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว อดัมส์เองก็กางปีกออกทางด้านหลังและโฉบลงมาทันที อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดคือ ……

  มีบางอย่างโผล่พ้นมาจากทะเลสาบอันมืดมิดพร้อมเสียงน้ำที่สาดกระเซ็น

  ทันใดนั้นหนวดขนาดใหญ่สองเส้นยาวกว่าสิบเมตรก็โผล่พ้นออกมาจากก้นบึ้งของทะเลสาบ มันจับไคลแมนที่กระโดดมากลางอากาศได้โดยตรง จากนั้นก็ดึงทึ้งอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่หยูหานและคนในทีม แม้แต่ไป๋อี้และพรรคพวกก็ตกใจเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น

  แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ว่านิวซีแลนด์ในตอนนี้ไม่ใช่นิวซีแลนด์ที่เคยเป็นอีกต่อไปตอนนี้ชื่อของที่นี่คือ เกาะปีศาจ!

  มีสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างบิดเบี้ยวทรงพลังและแปลกประหลาดมากมายบนเกาะปีศาจแห่งนี้ สิ่งเหล่านี้ยังคงมีอยู่บนบก โดยเฉพาะในมหาสมุทรที่อยู่ใกล้เคียงที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่า น่าเสียดายที่ทะเลสาบด้านในของเวลลิงตันเชื่อมต่อกับท่าเรือ มีแต่พระเจ้าที่จะทราบดีว่าสัตว์น้ำที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสัตว์น้ำชนิดใด ก่อนที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะทันได้ลงมือ ไคลแมนผู้เคราะห์ร้ายก็ถูกมันจับตัวไปเสียแล้ว

  ฟุ่บ ผู้ชายคนนั้นที่ตัวใหญ่พอ ๆ กับวูล์ฟถูกจับลงไปใต้น้ำ.

  หยูหานและพวกต่างก็มึนงง จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นฉากที่ทำให้สติหลุดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

  โกเธ่และเอเวอลินรีบพุ่งตัวไปที่กลุ่มของไป๋อี้ โกเธ่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเอเวอลิน แต่เมื่อเอเวลินรีบไปที่ไป๋อี้ ม่านตาบุษบาผกผันก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เอเวอลินที่รีบวิ่งไปยังไป๋อี้เกิดความสับสนมึนงงและมันเป็นช่วงเวลาแห่งความมึนงงที่ทำให้เอเวอลินเสียโอกาสทั้งหมดในการโจมตี

  ฟิ้ว ศีรษะของเอเวอลินลอยละลิ่วตรงออกไปพร้อมด้วยเสียงร้องโอดครวญ เลือดสาดกระจายไปในอากาศ

  มือซ้ายที่ยื่นออกมาของหยูหานหยุดค้างเติ่งอย่างช้า ๆ ในอากาศ จากนั้นเขาก็มองดูหัวของเอเวอลิน ลอยละลิ่วและร่วงลงพร้อมทั้งเลือดสีแดงสด แต่ร่างกายของเอเวอลินไม่ได้ร่วงหล่นตามไปด้วย ไป๋อี้มีดวงตาแปลก ๆ คู่หนึ่ง ราวกับดอกไม้ที่เติบโตย้อนกลับซึ่งดูเหมือนจะดูดความคิดของทุกคนเข้ามา หยูหานและคนในกลุ่มนั้นมึนงงอย่างสิ้นเชิง

  ไม่เพียงแต่หยูหานและคนในกลุ่มเท่านั้นที่มึนงง แม้แต่วูล์ฟและคนในทีมไป๋อี้ก็มึนงงเช่นกัน ไป๋อี้แสดงท่าทีโหดร้ายเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร พวกเขาต่างร่วมกันโจมตีโกเธ่ด้วย แต่โกเธ่กลับถูกฆ่าตายด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอ ที่จริงมันไม่จำเป็น แต่ไป๋อี้คนนี้สามารถฆ่าผู้หญิงคนนั้นด้วยน้ำมือของเขาเพียงครั้งเดียว

  ถ้าตัวตายก็อย่ามาโทษฉันล่ะ!

  ในเวลานี้คนอื่น ๆ ในทีมของหยูหานก็เริ่มหวนนึกถึงสิ่งที่ไป๋อี้พูดก่อนเริ่มสงครามระหว่างพวกเขา นี่ไม่ใช่เรื่องตลก แต่เป็นการแก้แค้นด้วยการคร่าชีวิตและความตายอย่างแท้จริง

  “ไป๋ …… อี้!”

  ทันใดนั้นดวงตาของหยูหานก็เบิกโพลง เขาคำรามออกมาอย่างดุร้าย ในขณะนี้การเต้นของหัวใจหยูหานเหมือนได้หยุดลง จนถึงตอนนี้เขาตระหนักได้ถึงความเจ็บปวดที่ไป๋อี้เคยประสบ

  เมื่อเขามองไปยังไป๋อี้ที่ยืนอยู่อย่างเงียบขรึม มีเพียงหนิงเสวี่ยเท่านั้นที่รู้สึกได้ …… ไป๋อี้เปลี่ยนไปแล้ว! นี่ไม่ใช่ลุงไป๋ที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนและมีน้ำใจให้กับผู้คนเสมอมา

  เขาได้ฝังไป๋อี้ผู้ใจดีและอ่อนโยนไว้ส่วนลึกภายในใจ มันช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้!

  “ระวังดวงตาของไป๋อี้!” หนิงเสวี่ยเตือนเขาทันทีเมื่อเธอเห็นหยูหานกำลังพุ่งเข้าหาไป๋อี้ ในความเป็นจริง แม้ปราศจากคำเตือนของหนิงเสวี่ย หยูหานและคนอื่น ๆ ต่างก็คอยปกป้องตนเองจากดวงตาของไป๋อี้อยู่แล้ว ในทีมความแข็งแกร่งของเอเวอลินไม่ได้แย่นัก แต่นี่คือเอเวอลิน เขาไม่มีพลังอะไรในการต่อต้านไป๋อี้ เมื่อเห็นดวงตาพิเศษของไป๋อี้คำพูดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในใจของทุกคน …… ความสามารถพิเศษจากม่านตา!

  ไป๋อี้เอียงศีรษะของเขา จากนั้นก็ใช้เท้าของเขาหวดออกมาเป็นการเชื้อเชิญหยูหาน

  ฝูงวิญญาณผีมากมายยืนดูสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ อย่าตื่นตระหนกตกใจ ครั้งนี้ยังไม่ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงดุเดือดนัก จะว่าไป ตอนที่ฝูงวิญญาณผีเหล่านี้ตาย พวกเขาได้มีชีวิตอยู่เพียงในช่วงแรกของการเปลี่ยนแปลงในนิวซีเเลนด์เท่านั้น ตอนนั้นพวกเขายังเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่น่าเศร้าถึงเพียงนี้มาก่อน

  มีเพียงแอนนาเท่านั้นที่ลอยอยู่ในสนามรบด้วยความตื่นเต้น และเฝ้ารอให้เลือดสาดมากกว่านี้

  “หึ หึ …… ฆ่าได้ดีนี่ ไป๋อี้นายเก่งจริง ๆ นายฆ่าคนไปแล้วคนหนึ่ง” แอนนาตื่นเต้นมากราวกับว่าเธอกินยากระตุ้นอารมณ์เข้าไปอย่างไรอย่างนั้น วิญญาณของเธอสลับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เธออยู่ข้าง ๆ ไป๋อี้จากนั้นครึ่งหนึ่งของศีรษะของเธอก็ถูกเปิดออก  ทันทีที่แอนนาปรากฏตัวหยูหานถึงกับตกใจ ทันใดนั้นสมองของเธอก็โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งและใครก็ตามที่มีประสาทรับรู้เป็นปกติคงจะต้องตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน

  หลังจากได้ยินคำพูดของแอนนา นอกจากความเจ็บปวดในใจแล้วหัวใจของหยูหานก็ตื่นตัวขึ้นอีกครั้งด้วยความจงเกลียดจงชัง

  สิ่งนี้คือผีงั้นเหรอ!

  ทำไมผีเหล่านี้ถึงสามารถสื่อสารกับพวกไป๋อี้ได้อย่างง่ายดาย?

  “เป็นอย่างนี้สินะ เป็นอย่างนี้เอง เป็นโอกาสดีที่ได้เจอนาย” หยูหานไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสถานการณ์ของตัวเองจะไม่ต่างไปกว่าไป๋อี้ หยูหานอยู่ในห้วงแห่งความปวดใจและความจงเกลียดจงชังอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ม่านตางูที่อยู่บริเวณแขนซ้ายของเขาก็เปล่งแสงที่น่ากลัวออกมา

  เป็นเรื่องดีที่ได้มาพบกันอย่างนั้นเหรอ?

  ไป๋อี้ยิ้มขึ้นมาทันใด สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที การพูดหยอกล้อนั้นมีขีดจำกัด! เขาไม่ใช่ตัวละครเอกในนวนิยายทั่วไปที่บทของตัวเอกจะทำการใด ๆ ก็สำเร็จราบรื่นโดยง่าย ทุกความแข็งแกร่งของไป๋อี้และเพื่อนของเขามาจากการพยายามอย่างหนักของตนเอง หรือว่าผู้ชายอย่างนายคงเอาแต่ฝันกลางวันนั่นคือสาเหตุที่นายเกลียดชังคนอื่น นั่นคือสาเหตุที่นายตีกรอบคนอื่น นั่นคือสาเหตุที่นายดูน่ารังเกียจเเบบนี้!

  ดวงตาคู่นี้ นายรู้ไหมว่ามันตื่นตัวขึ้นมาภายใต้สถานการณ์ใด รู้บ้างไหม!

  ม่านตาบุษบาผกผัน!

  ดอกไม้ที่บานกลับหัวผลิบานในดวงตาของไป๋อี้ แม้ว่าหยูหานจะรู้ว่าดวงตาของไป๋อี้นั้นแปลก แต่เขาก็ยังคงมองมันโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่บนโลกนี้พึ่งพาการมองเห็นมากเกินไป แน่นอนว่ามนุษย์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในขณะนี้ดาบเขี้ยวของไป๋อี้ได้ฟันเข้าหาหยูหานอย่างดุเดือด

  “หยูหาน!” หนิงเสวี่ยอยู่ข้าง ๆ เขาและเมื่อเห็นว่าหยุหานดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้นเธอจึงดีดเล็บออกมา เล็บซึ่งยาวประมาณ 10 เซนติเมตรมีสีเข้มและแหลมคม พุ่งเข้าหาใบหน้าของไป๋อี้ด้วยแรงหวด หลังจากที่เล็บหนิงเสวี่ยพุ่งเลยผ่านหยูหานเข้ามา

  ไป๋อี้ยกดาบเขี้ยวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะฟันปัดออกไปสองครั้ง ในเวลาประเดี๋ยวเดียวนั้นทำให้เป็นช่วงเวลาที่งูหลามบนแขนซ้ายของหยูหานขู่ฟ่อและหยูหานก็ตื่นขึ้นจากการสะกดจิตทันที

  ในขณะที่ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ หยูหานก็ถอยหลังไปสองก้าวแล้วดึงหนิงเสวี่ยออกไป

  “ดวงตาของนาย นั่นมันเรียกว่าอะไร?” ใบหน้าของหยูหานบูดบึ้ง ดวงตาของเขาหลบต่ำลงเขาไม่กล้ามองไปที่ดวงตาของไป๋อี้ หยูหานไม่ได้ถามถึงหลักการดวงตาของไป๋อี้เพราะเขารู้ว่าไป๋อี้คงไม่ตอบ แต่ถ้าเป็นเพียงชื่อเรียกของมัน ไป๋อี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

  “ม่านตาบุษบาผกผัน!”

  “อย่างนั้นหรอกเหรอ!” หยูหานยกแขนซ้ายขึ้น งูหลามค่อย ๆ พันรอบเกราะเต่าและพ่นตัวอักษรงูออกมา “แขนซ้ายของฉันตอนนี้เรียกว่าแขนเสวียนอู่” หยูหานไม่ได้ตื่นตกใจกับดวงตาของไป๋อี้ แต่กลับยกมือซ้ายขึ้น อย่างไรก็ตามไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าไป๋อี้จะได้รับพลังที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไรเพราะเขามีเพียงยีนของผีเสื้อเท่านั้น

  “ระวังอย่าสบตาเขา ดูเหมือนว่าผลของการสะกดจิตมัน ไม่ใช่เทคนิคภาพลวงตาอย่างที่จินตนาการไว้ ตราบใดที่ทุกคนมีสมาธิก็จะได้รับผลกระทบของมันน้อยลง” หลังจากที่หยูหานถอยห่างออกมา เขาก็หยุดชั่วคราว จากนั้นเขาก็กล่าวบอกคนอื่น

  ภาพลวงตา เห็นได้ชัดว่าหยูหานจินตนาการถึงดวงตาของไป๋อี้ว่าน่าจะเป็นความสามารถพิเศษเหมือนในการ์ตูนอนิเมะ อย่างไรก็ตามหยูหานพูดถูก คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งของการสะกดจิตคือมันมีผลเพียงเล็กน้อยต่อคนที่มีเจตจำนงแน่วแน่ ไป๋อี้เองก็ได้ค้นพบเรื่องนี้แล้ว ดวงตาของไป๋อี้มีพลังมากในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ยงคงกระพัน อันที่จริงมันง่ายมากที่จะต้านทานต่อสายตาของไป๋อี้ได้นั่นก็คือความมุ่งมั่น นี่เป็นเพียงการเผชิญหน้ากับไป๋อี้ครั้งแรก ในครั้งต่อ ๆ ไปการเผชิญหน้าต่อต้านกับการสะกดจิตของไป๋อี้ก็จะยิ่งง่ายขึ้นมากเท่านั้น

  ผลของม่านตาบุษบาผกผันที่มีต่อคนที่มุ่งมั่นจะอ่อนแอลงอย่างมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ผลอย่างสิ้นเชิง!

  การมีเจตจำนงแน่วแน่จะสามารถตื่นจากการสะกดจิตได้เร็วมาก แต่ในการต่อสู้ ช่วงเวลาแห่งความประมาทนั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงเสวี่ย หากไม่ถึงแก่ชีวิตหยูหานก็คงจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

  “เตรียมพร้อมหรือยัง ยินดีต้อนรับเข้าสู่ความตาย!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+