[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 38 ใบรายชื่อ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 38 ใบรายชื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อถูกเมย์ริสตำหนิต่อหน้า ไป๋อี้ไม่ได้โต้แย้งอะไรแต่กลับมีท่าทีเหมือนกับเด็กน้อยที่ทำผิดแล้วยอมรับผิดอย่างว่าง่าย ส่วนโม่โม่ที่อยู่ด้านข้าก็ทั้งออดอ้อนทั้งช่วยพ่อทำแผล ทำให้เมย์ริสทั้งตลกทั้งสงสาร

        “ที่นี่คือที่ไหน?” ไป๋อี้เอ่ยถามขึ้น

        “ที่นี่คือฐานใต้ดิน” ซาร่าช่วยไป๋อี้พันแผลไปพลางพูดไปพลาง

        “ฐานใต้ดิน?” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ก่อนหมดสติไปเห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ที่โอโทโรฮังกา แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงได้มาโผล่ในฐานใต้ดินอะไรนี่ได้ล่ะ หลังจากฟังคำอธิบายจากซาร่าอย่างละเอียดไป๋อี้ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

        ปู่ฮาร์วีย์ เป็นชายชราที่อยู่ภายในห้องโถงมาตั้งแต่แรก เป็นคนหนึ่งที่คลั่งไคล้และเชื่อเรื่องเกี่ยวกับวันโลกาวินาศ แน่นอนว่าในชีวิตประจำวันของปู่ฮาร์วีย์นั้นก็ออกจะปกติดี ไม่ได้มีพฤติกรรมบ้าคลั่งอะไร มีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ผู้คนพูดแขวะก็คือการที่เขาใช้จ่ายทรัพย์สินของครอบครัวไปกับอะไรที่เรียกว่า ‘ติดตั้งอุปกรณ์วันโลกาวินาศ’ และหนึ่งในนั้นที่สิ้นเปลืองที่สุดก็คือฐานใต้ดินแห่งนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้นจริง ดังนั้นปู่ฮาร์วีย์คนนี้เลยตื่นเต้นดีใจมาก

        “อย่างนั้นหรอกเหรอ” ไป๋อี้พยักหน้า

        ในโลกใบนี้มักจะมีกลุ่มคนที่แปลกประหลาดที่มีงานอดิเรกแปลก ๆ มีความเชื่อแปลก ๆ และเข้ากับใครไม่ได้เลยอยู่เสมอ แต่ไหนแต่ไรมาไป๋อี้ไม่เคยเลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มนี้ไม่ว่างานอดิเรกของคนเหล่านี้จะแปลกและผิดเพี้ยนไปอย่างไร ไป๋อี้คิดว่าตราบใดที่พฤติกรรมของพวกเขาไม่ส่งผลเสียต่อผู้อื่นนั่นก็เป็นเพียงปัญหาส่วนตัวเท่านั้น คนอื่นไม่มีเหตุผลหรือไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งและเห็นได้ชัดว่าปู่ฮาร์วีย์คนนี้ก็เป็นหนึ่งในคนแปลก ๆ เหล่านั้นเช่นกัน

        …………

        “แต่คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะโมโหจนเป็นได้ขนาดนี้” เมย์ริสพูดไปพลางช่วยพันแผลให้ไป๋อี้ไปพลาง

        “พวกคุณรู้?”

        “แน่นอนสิ เหตุการณ์ระหว่างทางที่พวกคุณเดินทางมาที่นี่ทุกคนได้ถามไถ่กันไปหมดแล้ว แต่ว่าพูดไม่เหมือนกันนะ ในกลุ่มคนทางฝั่งหยูหานบอกว่าคุณเป็นคนเย็นชาไร้ความปราณี เป็นฆาตกรฆ่าคนในกลุ่มไปหลายคนเพราะตัดสินใจผิดพลาด แต่หงฉี่ฮว๋าบอกว่าถ้าไม่ได้การตัดสินใจของคุณเกรงว่าคงจะมีคนตายมากกว่านี้” ซาร่ากล่าว

        “พวกคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

        “ยังจะต้องให้พูดอีกรึไง สองสามปีก่อนก็เห็น ๆ กันอยู่แล้วว่าถ้าคุณเป็นคนประเภทที่เย็นชาไร้ปราณีแบบนั้นจริง ๆ แล้วละก็คงจะไม่รับเลี้ยงโม่โม่แน่” ซาร่าเอ่ยอย่างหยิ่งยโส

        “ขอบคุณ!”

        “ขอบคุณอะไรกันล่ะ คุณยังไม่ได้พูดเลยนะว่าทำไมถึงได้โมโหจนเป็นขนาดนี้ได้” ซาร่าตบไปที่ไหล่ของไป๋อี้ เขาสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันทีทั่วทั้งร่างจนแทบจะหยุดหายใจ เมื่อเห็นซาร่าแอบยิ้มไป๋อี้ก็รู้เลยว่าซาร่าตั้งใจทำ ตั้งแต่ได้พบเจอกันที่โรงพยาบาลในตอนนั้นซาร่าและไป๋อี้ก็ได้กลายเป็น ‘คู่อริ’ กันโดยปริยาย

        ไป๋อี้จ้องเขม็งไปที่ซาร่าแต่เธอก็ไปซ่อนตัวอยู่ที่ข้างหลังเมย์ริส ไป๋อี้ใช้สายตาที่ดุดันมองออกไปจนไปสบเข้ากับเมย์ริสพอดี

        “อะไร?” เมย์ริสเอ่ยถาม

        “เปล่า ก็ไม่ได้มีอะไร” ไป๋อี้มองเห็นซาร่าทำหน้าตลกอยู่ข้างหลังเมย์ริสก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากนั้นไป๋อี้จึงเล่าเรื่องเหตุการณ์อย่างละเอียดให้กับทั้งสองฟัง

        “รู้ไหมว่าผมโมโหอะไร!”

        “ที่ผมโมโหน่ะ มันไม่ใช่ความทะเยอะทะยานของหยูหานหรอกเพราะมันเป็นเรื่องปกติ และในความเป็นจริงนั้นพบเห็นได้มากมายบนโลกใบนี้ แต่ที่ผมโมโหก็คือเพื่อความทะเยอะทะยานของตัวเองเขาทำให้เพื่อนเก่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับว่าการตายของสามคนนี้ เจียงหลินหลิน ถังปิง แรนด์กริฟฟินไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผม แต่ว่าถ้าหยูหานไม่เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่แน่พวกเขาก็อาจจะยังไม่ตาย แต่เพียงเพราะเรื่องมันยังไม่ได้เกิดขึ้นทำให้ใช้มาเป็นหลักฐานไม่ได้ ผมเลยไม่ได้พูดอะไรไป” ไป๋อี้อธิบายอย่างช้า ๆ

        “เป็นแบบนี้หรอกเหรอ หงฉี่ฮว๋าไม่เห็นพูดเรื่องนี้เลย” ซาร่าเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ

        “เธอดูไม่ออกรึไง หงฉี่ฮว๋าไม่ใช่คนช่างพูดช่างจาเหมือนไป๋อี้นะ แล้วก็เป็นเพราะว่าเรื่องมันยังไม่เกิดขึ้นเลยเอามาใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ไง ดังนั้นหงฉี่ฮว๋าเลยขี้เกียจที่จะพูดมันออกมา” เมย์ริสเอ่ยขึ้น เห็นได้ชัดว่าเมย์ริสได้เข้าสู่ช่วงวัยกลางคนจึงทำให้เห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้นและรู้จักนิสัยของหงฉี่ฮว๋าดีอีกด้วย

        ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

        …………

        “เข้ามา!” ซาร่าเดินไปเปิดประตูจึงได้รู้ว่านั่นเป็นหงฉี่ฮว๋า

        ประตูเปิดออกและหงฉี่ฮว๋าก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มจาง ๆ แต่สายตายังคงเคร่งขรึม ไป๋อี้ดูออกว่าจุดประสงค์ที่หงฉี่ฮว๋ามาคงไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมผู้ป่วยแน่นอน แต่น่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องการพูดคุยกับเขา

        “ฉันจะไปดูหยูหานสักหน่อย!” เมย์ริสเอ่ยขึ้น ทุกคนมองไปที่เมย์ริสด้วยความประหลาดใจ แต่ถ้าพิจารณาจากพฤติกรรมเมื่อครู่ เมย์ริสคงจะรู้ชัดเจนแล้วว่าหยูหานเป็นคนที่มีความสามารถอย่างไร

        “ฉันเป็นหมอ” เมย์ริสพูดมาหนึ่งประโยค

        ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข แบบนี้สิถึงจะใช่แพทย์หญิงเมย์ริสที่ไม่ให้ความรู้สึกส่วนตัวมามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ เธอเป็นหมอ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือการรักษาคนไข้ ถึงตอนนี้จะนับได้ว่าความสัมพันธ์ของไป๋อี้และหยูหานคือศัตรูกันก็ตาม ซาร่าอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกเมย์ริสลากไปหาหยูหานเสียก่อน เบลล่านั้นเป็นเพียงแพทย์ฝึกหัดแน่นอนว่าไม่สามารถรับมือกับอาการบาดเจ็บของหยูหานได้

        “ขอแสดงความยินดีกับลุงไป๋ที่ฟื้นคืนสติ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกำลังวังชา” หงฉี่ฮว๋ามองดูทั้งสองคนที่หายไปทางประตูก่อนจะกล่าวประโยคนี้ขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม ทั้งประโยคล้วนน่าขบขันทั้งสิ้น ไป๋อี้ในตอนนี้พูดไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเต็มไปด้วยกำลังวังชา ตอนนี้คงพูดได้เพียงว่าอ่อนแรงมากกว่า หากไม่ได้การปฐมพยาบาลของเมย์ริสช่วยไว้บางทีเขาอาจจะล้มลงไปที่พื้นแล้วก็ได้

        “นี่มาแสดงความยินดีเหรอ พูดมาเถอะ เธอมาหาฉันคงไม่ใช่แค่มาเยี่ยมหรอกใช่ไหม” ไป๋อี้กล่าว

        “อื้ม ลุงไป๋เป็นลมไม่ได้สติมาสามวันแล้ว นี่คือรายชื่อบุคลากรและวัตถุดิบสำรองของฐานใต้ดินแห่งนี้” หงฉี่ฮว๋ากล่าวพร้อมกับมอบรายชื่อให้หนึ่งแผ่น ฟังหงฉี่ฮว๋าพูดแบบนั้นไป๋อี้ถึงได้รู้ว่าตนเองเป็นลมหมดสติไปถึงสามวัน ไม่แปลกที่จะหิวโหยขนาดนั้น แล้วก็ยังมีวูล์ฟอีกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

        ไป๋อี้หยิบรายชื่อขึ้นมาตรวจสอบอย่างรอบคอบ

        ประการแรกคือคนในทีมเดิมมีดังนี้

        1.ไป๋อี้, 2.โม่โม่ (สัตว์เลี้ยงชาร์ไป่), 3.หงฉี่ฮว๋า, 4.วูล์ฟ, 5.เฮลัวส์, 6.มาร์ตินแอนเดอร์สัน

        1.หยูหาน, 2.หนิงเสวี่ย, 3.ฉินข่ายรุ่ย, 4.ไต้ยู่เหยา, 5.เบลลิก้าทีน่า, 6.เบลล่า

        เหม่ยหลินถูกหนวดฟาดอย่างแรงและโดนกินไปแล้ว แน่นอนว่าเธอได้ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่ทำให้ไป๋อี้ประหลาดใจคือไต้ยู่เหยายังมีชีวิตอยู่ พูดกันตามตรงเลยตอนนั้นที่เห็นไต้ยู่เหยาถูกเจ้าฉลามเต่าจับไปที่ข้างบนรถ ทุกคนคิดว่าเธอต้องเสร็จมันแล้วแน่ เป็นไปตามคาดเพราะว่าเซลล์ที่มีนั้นแข็งแรงเกินไป เพียงแค่ไม่ตายและตราบใดที่ได้รับสารอาหารเพียงพอก็มีโอกาสรอดชีวิตอยู่สูงมาก

        ในกลุ่มที่เพิ่งพบมีแปดคน ดังนี้

        ๅ.ปู่ฮาร์วีย์ (ผู้ที่คลั่งไคล้และมีความเชื่อในวันโลกาวินาศ ฐานทัพใต้ดินแห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นโดยเขา ที่นี่ไม่เพียงแต่มีอาวุธต่าง ๆ เท่านั้นยังมีอุปกรณ์ยังชีพมากมายอีกด้วย)

        2.เมย์ริส (แพทย์อาวุโสและศัลยแพทย์เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์การปฐมพยาบาลและการผ่าตัด)

        3.ซาร่า (เป็นพยาบาลเก่งเรื่องการรักษาพยาบาล)

        4.เปโตรเดอร์ลาโล (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานในโรงพยาบาลกับซาร่าและคนอื่นๆหนีมาที่นี่โดยบังเอิญ)

        5.โฮล์ป เลสเตอร์ (เพื่อนบ้านของปู่ฮาร์วีย์ เป็นคนงานเครื่องจักรกลซึ่งมักคิดว่าปู่ฮาร์วีย์เป็นบ้า แต่เป็นเพราะปู่ฮาร์วีย์ที่ทำให้เขารอดชีวิตมาได้)

        6.จูเลีย (ภรรยาของโฮป)

        7.โจนส์เลสเตอร์ (ลูกชายของโฮล์ปอายุแปดขวบเรียกกันว่าหนูน้อยโจนส์)

        8.หนูน้อยเวอร์เนอร์ (เพื่อนของหนูน้อยโจนส์ ครอบครัวเสียชีวิตหมดแล้ว อายุแปดขวบเช่นกัน พูพู สัตว์เลี้ยงของเวอร์เนอร์ตัวน้อย เป็นลูกหมูตัวหนึ่งตัวไม่ใหญ่แต่อ้วนมาก)

        ไป๋อี้สำรวจคร่าว ๆ ด้วยความรวดเร็ว ฐานใต้ดินนี้ไม่นับว่าใหญ่มาก แต่ถึงอย่างไรมันก็ถูกสร้างขึ้นด้วยคนคนเดียว อีกทั้งยังเป็นคนที่มีจิตไม่ปกติและคลั่งไคล้อีกด้วย แต่วัตถุดิบในฐานใต้ดินนี้ก็ยังมีเพียงพอ เป็นไปตามคาดการณ์ของหงฉี่ฮว๋า อาหารทั้งหมดถึงแม้ว่าจะเริ่มกินกันไปก็ยังเพียงพอสำหรับทุกคนเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว

        นอกจากนี้ยังมีอาวุธและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการดัดแปลงอีกเล็กน้อย แน่นอนว่าด้วยความสามารถของปู่ฮาร์วีย์นั้นคงไม่สามารถทำอาวุธหนักได้ แต่ด้วยความสัมพันธ์บางอย่างทำให้เขาได้รับอุปกรณ์โลหะดัดแปลง เขาได้ทำอาวุธโลหะด้วยตัวเองบางส่วนที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น มีดพร้า ดาบญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้สิ่งที่ใหญ่กว่านั้นยังมีปืนเครื่องไอพ่นไฟ และยังมีปืนพกสองสามกระบอกกับปืนยาวสองกระบอก แต่ปู่ฮาร์วีย์ดูเหมือนจะไม่สนใจอาวุธพวกนี้มากนัก

        “จุดจบวันโลกาวินาศในสายตาของปู่ฮาร์วีย์จะเป็นยังไง”

        “มันน่าจะเป็นทางชีวเคมีและอื่น ๆ ที่คล้ายกันก็คือสัตว์ของวันโลกาวินาศที่แพร่กระจายกันอย่างกว้างขวางบนอินเทอร์เน็ต แม้ว่าสัตว์ประหลาดทางชีวเคมีภายในจะแตกต่างจากสัตว์ที่ผสานรวมทางพันธุกรรมในปัจจุบัน แต่ระดับความอันตรายก็ใกล้เคียงกัน” หงฉี่ฮว๋าหัวเราะเบา ๆ หากในเวลาปกติพบใครบางคนแบบปู่ฮาร์วีย์คงจะคิดว่าเป็นคนบ้า แต่ตอนนี้ทุกคนต้องขอบคุณปู่ฮาร์วีย์ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะหาที่ปลอดภัยในตอนนี้ไม่ได้แน่

        “แต่การรักษาความปลอดภัยนี้เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น พูดตรง ๆ ว่าฉันไม่มีความมั่นใจในฐานใต้ดินนี้มากนัก ตอนแรกฉันวางแผนไว้ว่ารอให้ลุงไป๋ฟื้นแล้วเราจะไปจากที่นี่กัน แต่ดู ๆ แล้วเหมือนว่าจะต้องรอสักพัก” หงฉี่ฮว๋ากล่าว ตอนนี้ไป๋อี้บาดเจ็บ และด้วยอาการบาดเจ็บในตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่นอนพักสักระยะเวลาหนึ่งแม้จะมีเซลล์ที่ใช้งานอยู่เป็นตัวรองรับก็ตาม

        สาเหตุที่ฐานใต้ดินนี้ไม่ปลอดภัยก็เป็นเพราะการที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดเหล่านั้นแล้วถึงได้รู้ว่ามันทรงพลังเพียงใด เช่น ปีศาจอสรพิษยักษ์ที่เคยพบมาก่อนหน้านี้ หงฉี่ฮว๋ารู้สึกว่าฐานใต้ดินนี้จะถูกเจาะได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้และคนอื่น ๆ มีเป้าหมายที่สำคัญกว่านั่นคือยาเพื่อฟื้นฟูคืนร่างมนุษย์

        “ขอโทษที่หุนหันพลันแล่น แต่ตอนนั้นมันอดไม่ได้จริง ๆ”

        “ฉันดูออกนะว่าลุงไป๋กำลังควบคุมอารมณ์อยู่ เป็นเพราะก่อนหน้านี้อยู่ในสถานการณ์อันตรายเลยไม่ไปสร้างความยุ่งยากให้หยูหาน”

        “อ๋า……!” ไป๋อี้เงียบไปโดยไม่ได้ปฏิเสธอะไร

        “แต่ว่าแบบนี้ก็ดี อย่างน้อยคนอื่นก็จะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหยูหาน พูดตามตรงเลยนะมันทำให้คนอื่นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วลุงไป๋!” หงฉี่ฮว๋ากล่าวอย่างจริงจัง

        “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร …… แค่รู้สึกโกรธก็เท่านั้น” ไป๋อี้ส่ายหัว

 

                                                                  ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 38 ใบรายชื่อ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 38 ใบรายชื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เมื่อถูกเมย์ริสตำหนิต่อหน้า ไป๋อี้ไม่ได้โต้แย้งอะไรแต่กลับมีท่าทีเหมือนกับเด็กน้อยที่ทำผิดแล้วยอมรับผิดอย่างว่าง่าย ส่วนโม่โม่ที่อยู่ด้านข้าก็ทั้งออดอ้อนทั้งช่วยพ่อทำแผล ทำให้เมย์ริสทั้งตลกทั้งสงสาร

        “ที่นี่คือที่ไหน?” ไป๋อี้เอ่ยถามขึ้น

        “ที่นี่คือฐานใต้ดิน” ซาร่าช่วยไป๋อี้พันแผลไปพลางพูดไปพลาง

        “ฐานใต้ดิน?” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ก่อนหมดสติไปเห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ที่โอโทโรฮังกา แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงได้มาโผล่ในฐานใต้ดินอะไรนี่ได้ล่ะ หลังจากฟังคำอธิบายจากซาร่าอย่างละเอียดไป๋อี้ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

        ปู่ฮาร์วีย์ เป็นชายชราที่อยู่ภายในห้องโถงมาตั้งแต่แรก เป็นคนหนึ่งที่คลั่งไคล้และเชื่อเรื่องเกี่ยวกับวันโลกาวินาศ แน่นอนว่าในชีวิตประจำวันของปู่ฮาร์วีย์นั้นก็ออกจะปกติดี ไม่ได้มีพฤติกรรมบ้าคลั่งอะไร มีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้ผู้คนพูดแขวะก็คือการที่เขาใช้จ่ายทรัพย์สินของครอบครัวไปกับอะไรที่เรียกว่า ‘ติดตั้งอุปกรณ์วันโลกาวินาศ’ และหนึ่งในนั้นที่สิ้นเปลืองที่สุดก็คือฐานใต้ดินแห่งนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งนั้นมันจะเกิดขึ้นจริง ดังนั้นปู่ฮาร์วีย์คนนี้เลยตื่นเต้นดีใจมาก

        “อย่างนั้นหรอกเหรอ” ไป๋อี้พยักหน้า

        ในโลกใบนี้มักจะมีกลุ่มคนที่แปลกประหลาดที่มีงานอดิเรกแปลก ๆ มีความเชื่อแปลก ๆ และเข้ากับใครไม่ได้เลยอยู่เสมอ แต่ไหนแต่ไรมาไป๋อี้ไม่เคยเลือกปฏิบัติกับคนกลุ่มนี้ไม่ว่างานอดิเรกของคนเหล่านี้จะแปลกและผิดเพี้ยนไปอย่างไร ไป๋อี้คิดว่าตราบใดที่พฤติกรรมของพวกเขาไม่ส่งผลเสียต่อผู้อื่นนั่นก็เป็นเพียงปัญหาส่วนตัวเท่านั้น คนอื่นไม่มีเหตุผลหรือไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งและเห็นได้ชัดว่าปู่ฮาร์วีย์คนนี้ก็เป็นหนึ่งในคนแปลก ๆ เหล่านั้นเช่นกัน

        …………

        “แต่คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะโมโหจนเป็นได้ขนาดนี้” เมย์ริสพูดไปพลางช่วยพันแผลให้ไป๋อี้ไปพลาง

        “พวกคุณรู้?”

        “แน่นอนสิ เหตุการณ์ระหว่างทางที่พวกคุณเดินทางมาที่นี่ทุกคนได้ถามไถ่กันไปหมดแล้ว แต่ว่าพูดไม่เหมือนกันนะ ในกลุ่มคนทางฝั่งหยูหานบอกว่าคุณเป็นคนเย็นชาไร้ความปราณี เป็นฆาตกรฆ่าคนในกลุ่มไปหลายคนเพราะตัดสินใจผิดพลาด แต่หงฉี่ฮว๋าบอกว่าถ้าไม่ได้การตัดสินใจของคุณเกรงว่าคงจะมีคนตายมากกว่านี้” ซาร่ากล่าว

        “พวกคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”

        “ยังจะต้องให้พูดอีกรึไง สองสามปีก่อนก็เห็น ๆ กันอยู่แล้วว่าถ้าคุณเป็นคนประเภทที่เย็นชาไร้ปราณีแบบนั้นจริง ๆ แล้วละก็คงจะไม่รับเลี้ยงโม่โม่แน่” ซาร่าเอ่ยอย่างหยิ่งยโส

        “ขอบคุณ!”

        “ขอบคุณอะไรกันล่ะ คุณยังไม่ได้พูดเลยนะว่าทำไมถึงได้โมโหจนเป็นขนาดนี้ได้” ซาร่าตบไปที่ไหล่ของไป๋อี้ เขาสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันทีทั่วทั้งร่างจนแทบจะหยุดหายใจ เมื่อเห็นซาร่าแอบยิ้มไป๋อี้ก็รู้เลยว่าซาร่าตั้งใจทำ ตั้งแต่ได้พบเจอกันที่โรงพยาบาลในตอนนั้นซาร่าและไป๋อี้ก็ได้กลายเป็น ‘คู่อริ’ กันโดยปริยาย

        ไป๋อี้จ้องเขม็งไปที่ซาร่าแต่เธอก็ไปซ่อนตัวอยู่ที่ข้างหลังเมย์ริส ไป๋อี้ใช้สายตาที่ดุดันมองออกไปจนไปสบเข้ากับเมย์ริสพอดี

        “อะไร?” เมย์ริสเอ่ยถาม

        “เปล่า ก็ไม่ได้มีอะไร” ไป๋อี้มองเห็นซาร่าทำหน้าตลกอยู่ข้างหลังเมย์ริสก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากนั้นไป๋อี้จึงเล่าเรื่องเหตุการณ์อย่างละเอียดให้กับทั้งสองฟัง

        “รู้ไหมว่าผมโมโหอะไร!”

        “ที่ผมโมโหน่ะ มันไม่ใช่ความทะเยอะทะยานของหยูหานหรอกเพราะมันเป็นเรื่องปกติ และในความเป็นจริงนั้นพบเห็นได้มากมายบนโลกใบนี้ แต่ที่ผมโมโหก็คือเพื่อความทะเยอะทะยานของตัวเองเขาทำให้เพื่อนเก่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ผมไม่ใช่ไม่ยอมรับว่าการตายของสามคนนี้ เจียงหลินหลิน ถังปิง แรนด์กริฟฟินไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผม แต่ว่าถ้าหยูหานไม่เห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่แน่พวกเขาก็อาจจะยังไม่ตาย แต่เพียงเพราะเรื่องมันยังไม่ได้เกิดขึ้นทำให้ใช้มาเป็นหลักฐานไม่ได้ ผมเลยไม่ได้พูดอะไรไป” ไป๋อี้อธิบายอย่างช้า ๆ

        “เป็นแบบนี้หรอกเหรอ หงฉี่ฮว๋าไม่เห็นพูดเรื่องนี้เลย” ซาร่าเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ

        “เธอดูไม่ออกรึไง หงฉี่ฮว๋าไม่ใช่คนช่างพูดช่างจาเหมือนไป๋อี้นะ แล้วก็เป็นเพราะว่าเรื่องมันยังไม่เกิดขึ้นเลยเอามาใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ไง ดังนั้นหงฉี่ฮว๋าเลยขี้เกียจที่จะพูดมันออกมา” เมย์ริสเอ่ยขึ้น เห็นได้ชัดว่าเมย์ริสได้เข้าสู่ช่วงวัยกลางคนจึงทำให้เห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้นและรู้จักนิสัยของหงฉี่ฮว๋าดีอีกด้วย

        ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

        …………

        “เข้ามา!” ซาร่าเดินไปเปิดประตูจึงได้รู้ว่านั่นเป็นหงฉี่ฮว๋า

        ประตูเปิดออกและหงฉี่ฮว๋าก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มจาง ๆ แต่สายตายังคงเคร่งขรึม ไป๋อี้ดูออกว่าจุดประสงค์ที่หงฉี่ฮว๋ามาคงไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมผู้ป่วยแน่นอน แต่น่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องการพูดคุยกับเขา

        “ฉันจะไปดูหยูหานสักหน่อย!” เมย์ริสเอ่ยขึ้น ทุกคนมองไปที่เมย์ริสด้วยความประหลาดใจ แต่ถ้าพิจารณาจากพฤติกรรมเมื่อครู่ เมย์ริสคงจะรู้ชัดเจนแล้วว่าหยูหานเป็นคนที่มีความสามารถอย่างไร

        “ฉันเป็นหมอ” เมย์ริสพูดมาหนึ่งประโยค

        ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข แบบนี้สิถึงจะใช่แพทย์หญิงเมย์ริสที่ไม่ให้ความรู้สึกส่วนตัวมามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ เธอเป็นหมอ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือการรักษาคนไข้ ถึงตอนนี้จะนับได้ว่าความสัมพันธ์ของไป๋อี้และหยูหานคือศัตรูกันก็ตาม ซาร่าอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกเมย์ริสลากไปหาหยูหานเสียก่อน เบลล่านั้นเป็นเพียงแพทย์ฝึกหัดแน่นอนว่าไม่สามารถรับมือกับอาการบาดเจ็บของหยูหานได้

        “ขอแสดงความยินดีกับลุงไป๋ที่ฟื้นคืนสติ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยกำลังวังชา” หงฉี่ฮว๋ามองดูทั้งสองคนที่หายไปทางประตูก่อนจะกล่าวประโยคนี้ขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม ทั้งประโยคล้วนน่าขบขันทั้งสิ้น ไป๋อี้ในตอนนี้พูดไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเต็มไปด้วยกำลังวังชา ตอนนี้คงพูดได้เพียงว่าอ่อนแรงมากกว่า หากไม่ได้การปฐมพยาบาลของเมย์ริสช่วยไว้บางทีเขาอาจจะล้มลงไปที่พื้นแล้วก็ได้

        “นี่มาแสดงความยินดีเหรอ พูดมาเถอะ เธอมาหาฉันคงไม่ใช่แค่มาเยี่ยมหรอกใช่ไหม” ไป๋อี้กล่าว

        “อื้ม ลุงไป๋เป็นลมไม่ได้สติมาสามวันแล้ว นี่คือรายชื่อบุคลากรและวัตถุดิบสำรองของฐานใต้ดินแห่งนี้” หงฉี่ฮว๋ากล่าวพร้อมกับมอบรายชื่อให้หนึ่งแผ่น ฟังหงฉี่ฮว๋าพูดแบบนั้นไป๋อี้ถึงได้รู้ว่าตนเองเป็นลมหมดสติไปถึงสามวัน ไม่แปลกที่จะหิวโหยขนาดนั้น แล้วก็ยังมีวูล์ฟอีกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

        ไป๋อี้หยิบรายชื่อขึ้นมาตรวจสอบอย่างรอบคอบ

        ประการแรกคือคนในทีมเดิมมีดังนี้

        1.ไป๋อี้, 2.โม่โม่ (สัตว์เลี้ยงชาร์ไป่), 3.หงฉี่ฮว๋า, 4.วูล์ฟ, 5.เฮลัวส์, 6.มาร์ตินแอนเดอร์สัน

        1.หยูหาน, 2.หนิงเสวี่ย, 3.ฉินข่ายรุ่ย, 4.ไต้ยู่เหยา, 5.เบลลิก้าทีน่า, 6.เบลล่า

        เหม่ยหลินถูกหนวดฟาดอย่างแรงและโดนกินไปแล้ว แน่นอนว่าเธอได้ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่ทำให้ไป๋อี้ประหลาดใจคือไต้ยู่เหยายังมีชีวิตอยู่ พูดกันตามตรงเลยตอนนั้นที่เห็นไต้ยู่เหยาถูกเจ้าฉลามเต่าจับไปที่ข้างบนรถ ทุกคนคิดว่าเธอต้องเสร็จมันแล้วแน่ เป็นไปตามคาดเพราะว่าเซลล์ที่มีนั้นแข็งแรงเกินไป เพียงแค่ไม่ตายและตราบใดที่ได้รับสารอาหารเพียงพอก็มีโอกาสรอดชีวิตอยู่สูงมาก

        ในกลุ่มที่เพิ่งพบมีแปดคน ดังนี้

        ๅ.ปู่ฮาร์วีย์ (ผู้ที่คลั่งไคล้และมีความเชื่อในวันโลกาวินาศ ฐานทัพใต้ดินแห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นโดยเขา ที่นี่ไม่เพียงแต่มีอาวุธต่าง ๆ เท่านั้นยังมีอุปกรณ์ยังชีพมากมายอีกด้วย)

        2.เมย์ริส (แพทย์อาวุโสและศัลยแพทย์เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์การปฐมพยาบาลและการผ่าตัด)

        3.ซาร่า (เป็นพยาบาลเก่งเรื่องการรักษาพยาบาล)

        4.เปโตรเดอร์ลาโล (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานในโรงพยาบาลกับซาร่าและคนอื่นๆหนีมาที่นี่โดยบังเอิญ)

        5.โฮล์ป เลสเตอร์ (เพื่อนบ้านของปู่ฮาร์วีย์ เป็นคนงานเครื่องจักรกลซึ่งมักคิดว่าปู่ฮาร์วีย์เป็นบ้า แต่เป็นเพราะปู่ฮาร์วีย์ที่ทำให้เขารอดชีวิตมาได้)

        6.จูเลีย (ภรรยาของโฮป)

        7.โจนส์เลสเตอร์ (ลูกชายของโฮล์ปอายุแปดขวบเรียกกันว่าหนูน้อยโจนส์)

        8.หนูน้อยเวอร์เนอร์ (เพื่อนของหนูน้อยโจนส์ ครอบครัวเสียชีวิตหมดแล้ว อายุแปดขวบเช่นกัน พูพู สัตว์เลี้ยงของเวอร์เนอร์ตัวน้อย เป็นลูกหมูตัวหนึ่งตัวไม่ใหญ่แต่อ้วนมาก)

        ไป๋อี้สำรวจคร่าว ๆ ด้วยความรวดเร็ว ฐานใต้ดินนี้ไม่นับว่าใหญ่มาก แต่ถึงอย่างไรมันก็ถูกสร้างขึ้นด้วยคนคนเดียว อีกทั้งยังเป็นคนที่มีจิตไม่ปกติและคลั่งไคล้อีกด้วย แต่วัตถุดิบในฐานใต้ดินนี้ก็ยังมีเพียงพอ เป็นไปตามคาดการณ์ของหงฉี่ฮว๋า อาหารทั้งหมดถึงแม้ว่าจะเริ่มกินกันไปก็ยังเพียงพอสำหรับทุกคนเป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว

        นอกจากนี้ยังมีอาวุธและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการดัดแปลงอีกเล็กน้อย แน่นอนว่าด้วยความสามารถของปู่ฮาร์วีย์นั้นคงไม่สามารถทำอาวุธหนักได้ แต่ด้วยความสัมพันธ์บางอย่างทำให้เขาได้รับอุปกรณ์โลหะดัดแปลง เขาได้ทำอาวุธโลหะด้วยตัวเองบางส่วนที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น มีดพร้า ดาบญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้สิ่งที่ใหญ่กว่านั้นยังมีปืนเครื่องไอพ่นไฟ และยังมีปืนพกสองสามกระบอกกับปืนยาวสองกระบอก แต่ปู่ฮาร์วีย์ดูเหมือนจะไม่สนใจอาวุธพวกนี้มากนัก

        “จุดจบวันโลกาวินาศในสายตาของปู่ฮาร์วีย์จะเป็นยังไง”

        “มันน่าจะเป็นทางชีวเคมีและอื่น ๆ ที่คล้ายกันก็คือสัตว์ของวันโลกาวินาศที่แพร่กระจายกันอย่างกว้างขวางบนอินเทอร์เน็ต แม้ว่าสัตว์ประหลาดทางชีวเคมีภายในจะแตกต่างจากสัตว์ที่ผสานรวมทางพันธุกรรมในปัจจุบัน แต่ระดับความอันตรายก็ใกล้เคียงกัน” หงฉี่ฮว๋าหัวเราะเบา ๆ หากในเวลาปกติพบใครบางคนแบบปู่ฮาร์วีย์คงจะคิดว่าเป็นคนบ้า แต่ตอนนี้ทุกคนต้องขอบคุณปู่ฮาร์วีย์ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงจะหาที่ปลอดภัยในตอนนี้ไม่ได้แน่

        “แต่การรักษาความปลอดภัยนี้เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น พูดตรง ๆ ว่าฉันไม่มีความมั่นใจในฐานใต้ดินนี้มากนัก ตอนแรกฉันวางแผนไว้ว่ารอให้ลุงไป๋ฟื้นแล้วเราจะไปจากที่นี่กัน แต่ดู ๆ แล้วเหมือนว่าจะต้องรอสักพัก” หงฉี่ฮว๋ากล่าว ตอนนี้ไป๋อี้บาดเจ็บ และด้วยอาการบาดเจ็บในตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่นอนพักสักระยะเวลาหนึ่งแม้จะมีเซลล์ที่ใช้งานอยู่เป็นตัวรองรับก็ตาม

        สาเหตุที่ฐานใต้ดินนี้ไม่ปลอดภัยก็เป็นเพราะการที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดเหล่านั้นแล้วถึงได้รู้ว่ามันทรงพลังเพียงใด เช่น ปีศาจอสรพิษยักษ์ที่เคยพบมาก่อนหน้านี้ หงฉี่ฮว๋ารู้สึกว่าฐานใต้ดินนี้จะถูกเจาะได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้และคนอื่น ๆ มีเป้าหมายที่สำคัญกว่านั่นคือยาเพื่อฟื้นฟูคืนร่างมนุษย์

        “ขอโทษที่หุนหันพลันแล่น แต่ตอนนั้นมันอดไม่ได้จริง ๆ”

        “ฉันดูออกนะว่าลุงไป๋กำลังควบคุมอารมณ์อยู่ เป็นเพราะก่อนหน้านี้อยู่ในสถานการณ์อันตรายเลยไม่ไปสร้างความยุ่งยากให้หยูหาน”

        “อ๋า……!” ไป๋อี้เงียบไปโดยไม่ได้ปฏิเสธอะไร

        “แต่ว่าแบบนี้ก็ดี อย่างน้อยคนอื่นก็จะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหยูหาน พูดตามตรงเลยนะมันทำให้คนอื่นเริ่มเคลื่อนไหวแล้วลุงไป๋!” หงฉี่ฮว๋ากล่าวอย่างจริงจัง

        “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร …… แค่รู้สึกโกรธก็เท่านั้น” ไป๋อี้ส่ายหัว

 

                                                                  ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+