[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 95 การหลับลึกโดยปราศจากความฝัน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 95 การหลับลึกโดยปราศจากความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมย์ริสคำนวณความแข็งแกร่งของชาร์ไป่ผิดในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ เธอจึงถูกตวัดจนลอยออกมาและหลังจากนั้นเธอก็หลบเลี่ยงอยู่ตลอดโดยไม่มีช่องว่างให้ต่อสู้กลับ หลังจากที่ไป๋อี้เรียกสติวูล์ฟกลับมาได้ ไป๋อี้ก็รีบไปที่นั่นทันที แต่ก็ยังมีอีกคนที่เคลื่อนที่เร็วกว่าไป๋อี้

  “ชาร์ไป่ หยุดนะ!” ทันใดนั้นร่างเล็ก ๆ ของโม่โม่ก็เข้าขวางอยู่หน้าชาร์ไป่

  “โม่โม่ อย่า” เมย์ริสรีบปรามเธอ แม้ว่าตอนนี้เธอดูเหมือนกำลังซ่อนตัวอยู่ แต่ก็เป็นเพียงเพราะเธอไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับชาร์ไป่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเมย์ริสไม่ได้ตั้งใจที่จะต่อสู้กลับ ตราบใดที่เธอลากชาร์ไป่กลับมาที่นี่ได้ก็ถือว่าเป็นชัยชนะแล้ว อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คาดคิดว่าโม่โม่จะรู้สึกกังวลเมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้และมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าชาร์ไป่

  ชาร์ไป่ตะคอกคำรามใส่อย่างดุเดือด ปากขนาดใหญ่ของมันกำลังจะกัดร่างเล็ก ๆ ของโม่โม่ ในเวลานี้หัวใจของไป๋อี้บีบรัดแน่นไปพร้อมกับมีดทำครัวในมือที่ถูกกำจนแน่นไม่ต่างกัน …… ชาร์ไป่ เจ้านี่!

  อย่างไรก็ตามขณะที่ไป๋อี้คิดว่าปากของชาร์ไป่กำลังจะงาบหนูน้อย ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็หยุดชะงักลง สายตาที่ดุร้ายของมันสงบลงอย่างช้า ๆ จากนั้นร่างกายที่แน่นเกร็งของมันก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

  “เชื่อฟังฉัน ชาร์ไป่!” โม่โม่กอดหัวของชาร์ไป่และพูดเบา ๆ

  ทุกคนต่างตกตะลึงโดยเฉพาะไป๋อี้ ในตอนแรกที่เขาใช้พลังม่านตาจำลองเพื่อดึงสติวูล์ฟนั้นไม่เป็นผล เขาจึงรู้ดีว่าการเรียกคืนสติคนที่ตกอยู่ในสภาวะดุร้ายรุนแรงนั้นยากเพียงใด และเขาไม่คาดคิดว่าชาร์ไป่ที่ถูกโม่โม่ตะโกนบอกนั้นจะค่อย ๆ สงบลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาคืออะไร?

  ชาร์ไป่สงบลงแล้ว ในส่วนของเวอร์เนอร์ที่เหลือก็ไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่พูพูวนเวียนอยู่กับเวอร์เนอร์ไปทั่ว ในเวลานี้ใคร ๆ ต่างก็เพิ่งรู้ว่าพูพูนั้นเก่งกาจไม่เบา นิสัยพูพูในสายตาทุกคนคือพูพูจอมขี้เกียจ แต่ในเวลานี้มันกำลังต่อกรกับเจ้านายของมันและดูเหมือนว่ามันจะเล่นสนุกอย่างมีความสุขมาก

  ……

  ทุกคนยังไม่ได้ไปไหนไกล พวกเขาหยุดอยู่ที่ชายขอบเมือง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่ชอบอยู่ในป่า การอยู่ในบ้านตามเขตเมืองนี้ดีกว่าการอยู่ในป่ามาก ลองนึกภาพสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงในป่าฝนภายใต้ต้นไม้ใบหญ้าใด ๆ อาจมีแมลงบางชนิดที่วิวัฒนาการแล้วซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตจำนวนมาก แม้ว่าอาจจะไม่ถึงตาย แต่สิ่งมีชีวิตบางตัวที่มีขนเมื่อมันคลานเข้ามาบนร่างกายมันก็สร้างความน่ารำคาญไม่น้อย

  ในส่วนของสัตว์ประหลาดหนูในเมืองนั้น พูดตามตรงว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด ไป๋อี้ตัดสินใจว่าหลังจากการต่อสู้สองครั้งก่อนหน้านี้ หนูที่ยังพอมีความนึกคิดอยู่ไม่ควรต้องมาตายเช่นนี้

  “พวกเราต้องเรียนรู้วิชามวยไทเก็กตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน”

  ทุกคนรวมตัวกันทันทีหลังจากจัดการหาบ้านพักได้แล้ว แม้ว่าไป๋อี้จะไม่พูดออกไป แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่าแม้ตอนนี้มีเพียงวูล์ฟและคนอื่นอีกสองสามคนเท่านั้นที่อยู่ในสภาวะดุร้ายไร้สติเช่นนั้น แต่ในไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็จะเป็นแบบนี้เช่นกัน หากในเวลานั้นเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนที่ได้เข้าสู่ระยะดุร้ายรุนแรงนั้นก็จะไม่มีใครมาดึงสติพวกเขาได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถึงมีคนมาเรียกสติก็คงไม่ตื่นมาจากภวังค์ง่าย ๆ ในเวลานั้น ไม่ว่าเขาจะมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาได้อีกครั้งหรือไม่คงขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้าจริง ๆ

  ไป๋อี้เปิดเซฟกล่องความลับและหยิบคอมพิวเตอร์จอสัมผัสขนาดเล็กออกมา

  การทำงานของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้คล้ายกับโทรศัพท์มือถือ แม้จะไม่ครอบคลุมเท่าโทรศัพท์มือถือ แต่ก็มีความทนทานและไม่เสียหายง่าย หน้าจอมีฟังก์ชั่นการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ของตัวเอง ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้งานได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่มันยังไม่เสียหาย ในคอมพิวเตอร์หน้าจอสัมผัสแบบพกพานี้มีข้อมูลถูกเก็บไว้บางอย่าง รวมถึงข้อมูล “มวยไทเก็ก” ของสถาบันวิจัยด้วยเช่นกัน

  แน่นอนว่าไป๋อี้เคยเห็นมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก

  เนื่องจากมวยไทเก็กชุดนี้เป็นเพียงรุ่นที่ยังสร้างไม่เสร็จและไม่เหมาะสำหรับทุกคน ภายในมีกระบวนท่ามวยไทเก็กของประเทศจีนอยู่ แต่เหมาะสำหรับมนุษย์เท่านั้น ลองคิดดูสิว่าคนทุกคนที่ได้รับเซลล์ดัดแปลงและมีการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตชีวภาพอื่น ๆ จนมีการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างอย่างมากมวยไทเก็กของมนุษย์จะเหมาะสมกับพวกเราได้อย่างไร?  ในนี้นอกจากจะมีมวยไทเก็กแล้วยังมีสูตรอีกหลายสิบสูตรที่ได้รับการตั้งขึ้นในทางวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปว่าเหตุใดมวยไทเก็กจึงมีผลต่อจิตวิญญาณและจากนั้นก็มีการสรุปเทคนิคในการบ่มเพาะวิญญาณที่สามารถใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างแท้จริง

  แน่นอนว่าสูตรที่ศึกษาค้นคว้ามากมายเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์และไม่รู้ว่าถูกต้องหรือไม่

  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกไป๋อี้ไม่มีใครที่สามารถเข้าใจมันได้ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนต้องคิดหนักจนเหงื่อตก

  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในหมู่ผู้คนที่นี่ มีเพียงไป๋อี้และโม่โม่เท่านั้นที่ยังคงมีรูปร่างเหมือนมนุษย์และคาดว่าพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ ดังนั้นไป๋อี้จึงไม่ปล่อยให้ทุกคนต้องมาเรียนรู้เวอร์ชั่นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เช่นนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามวยไทเก็กที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์นี้หรือแม้แต่ผลของมันก็ยังต้องทำการฝึกฝนอีกมาก

  “เราจะไม่คิดค้นปรับปรุงสูตรเพราะเราไม่สันทัดเรื่องนี้ แม้ว่าหลักสูตรมวยไทเก็กชุดดั้งเดิมนี้จะถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนท่าจากร่างกายมนุษย์ แต่ฉันคิดว่าเรายังสามารถฝึกฝนได้ อย่าฝืนตัวเองในส่วนที่ไม่เหมาะกับรูปร่างปัจจุบันและเรียนรู้ให้มากที่สุด” ไป๋อี้กล่าว

  ทุกคนพยักหน้ารับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

  “นอกจากนี้ฉันยังสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งแม้ว่าโม่โม่จะควบคุมสติไม่ได้นิดหน่อย แต่โม่โม่ก็ไม่สูญเสียสตินึกคิด นอกจากนี้ชาร์ไป่ยังสามารถเรียกสติกลับมาได้จากโม่โม่อย่างง่ายดาย ลองคิดดูสิว่าเพราะอะไรกัน?” เรื่องแบบนี้ไป๋อี้คิดคนเดียวไม่ได้จะเป็นการดีกว่าที่ให้ทุกคนคิดหาเหตุผลจากรายละเอียดดังกล่าวร่วมกัน

  เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็มองไปที่โม่โม่และชาร์ไป่ที่นอนอยู่บนพื้น โม่โม่กำลังพิงคอของชาร์ไป่อยู่ เด็กสาวขนฟูน่ารักและสุนัขตัวใหญ่ที่ดุร้าย มันยากที่จะจินตนาการถึงความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวกันเช่นนี้

  “โม่โม่, ชาร์ไป่, วูล์ฟ และเวอร์เนอร์ พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในสภาวะดุร้ายที่รุนแรงในเวลาเดียวกันคือระหว่างการต่อสู้ที่สถาบันวิจัย ถ้าจะถามว่าทำไมตอนนี้พวกเขาถึงเกิดความแตกต่างกัน เหตุผลนั้นก็ต้องเกิดขึ้นภายในหนึ่งเดือนนี้แหละ” เมย์ริสกล่าวจากนั้นทุกคนก็มองหน้ากันแล้ววิเคราะห์เปรียบเทียบสิ่งที่ทุกคนรู้จนถึงตอนนี้

  ในเดือนนี้ ทั้งสี่คนมีอะไรที่ต่างกันออกไป?

  มันน่าแปลก ปกติพวกเราก็มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่นอนหลับ โม่โม่ก็นอนกับไป๋อี้ 

  จริงสิ นอนหลับ!

  ไป๋อี้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ ไป๋อี้ยังจำที่ไนท์บอกว่าหลังจากเข้าสู่ LV1-3 แล้วเขาจะรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณโดยสัญชาตญาณและสัญชาตญาณนั้นจะเริ่มชอบนอนหลับเพื่อปรับสมดุลความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณในระหว่างช่วงแห่งการนอนหลับ และในช่วงเดือนนี้แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ได้จงใจสะกดจิตโม่โม่ แต่อย่างไรก็ตามเขาจะพยายามสงบสติอารมณ์โม่โม่ก่อนนอนเพื่อทำให้โม่โม่ฝันดีให้มากที่สุด และชาร์ไป่เองก็น่าจะพักผ่อนอยู่ในห้องของไป๋อี้เช่นเดียวกัน

  “นอนหลับ!” ไป๋อี้มองไปที่ทุกคน

  “นอนหลับเหรอ?”

  “ใช่มันคือการนอนหลับ ไนท์กล่าวว่าการนอนหลับเป็นสภาวะที่วิเศษมากซึ่งร่างกายและจิตวิญญาณจะถูกปรับสมดุลโดยสัญชาตญาณ นี่เป็นวิธีการปรับสมดุลร่างกายที่เกิดจากสัญชาตญาณของความง่วงระดับ LV1-3 ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในสภาพการนอนหลับที่ดีเยี่ยมจะดีต่อการเติบโตของจิตวิญญาณ ถ้าให้นึกถึงเหตุผลที่โม่โม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ง่ายขึ้น ความเป็นไปได้เดียวนั่นก็คือการนอนหลับ” ไป๋อี้อธิบาย

  “แต่ในสถาบันทุกคนก็นอนหลับกันหมดไม่ใช่เหรอ” เฮลัวส์งงงวย

  “ไม่ มันต่างกัน คุณภาพการนอนหลับของทุกคนต่างกัน คิดว่าตัวเองนอนหลับสนิทดีหรือไม่?”

  “ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก มันก็เหมือนกับการนอนหลับทั่วไป”

  “ฉันฝันเป็นบางครั้ง” วูล์ฟเกาหนังศีรษะของเขา

  “ฝันอะไร?”

  “มันคือการต่อสู้ ฉันมักฝันว่าฆ่าสัตว์ประหลาดจำนวนมากและฉันก็มีความสุขมาก” วูล์ฟพูดอย่างภาคภูมิใจ

  “โม่โม่ หนูล่ะ?”

  “หนูไม่ได้ฝันอะไรเลยค่ะ ก็แค่หลับตาลงพอลืมตาขึ้นก็ตื่นแล้ว” โม่โม่พูดอย่างจริงจัง

        “หลับลึก การนอนหลับโดยปราศจากฝันนั่นคือการหลับลึก!” เมย์ริสพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

  “หลับลึก การหลับโดยไม่ฝันอย่างนั้นเหรอ?” วูล์ฟและเฮลัวส์ถามขึ้น

  “ใช่ นั่นเป็นศัพท์เกี่ยวกับสภาวะการนอนหลับสนิทจริง ๆ สภาวะการนอนหลับของแต่ละคนแบ่งออกเป็นหลายประเภท การอดหลับอดนอน การหลับแบบไม่สนิท การหลับสนิท การหลับลึกโดยไม่ฝัน สภาวะการนอนแต่ละครั้งเป็นสภาวะของร่างกายมนุษย์ ซึ่งล้วนแตกต่างกันตามทฤษฎีทางการแพทย์ ที่จริงแล้วหากคนเราสามารถเข้าสู่ห้วงนิทราอันไร้ความฝันได้ตลอดเวลาก็ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนให้เกินแปดชั่วโมงต่อวัน เพียงชั่วโมงเดียวก็เพียงพอสำหรับการพักผ่อนหนึ่งวันแล้ว แต่ข้อเท็จจริง มันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะการเข้านอนหลับลึกเป็นเรื่องยากมากและการนอนหลับลึกโดยไม่ฝันนั้นเป็นเรื่องดีในช่วงเวลาสั้น ๆ ในแต่ละครั้งที่คุณหลับ” เมย์ริสอธิบาย

  “ไม่สิ ฉันก็ไม่ได้ฝันอะไรมากนะ” เฮลัวส์ถามย้อนกลับไป

  “ความฝันยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทความฝันที่เธอเรียกน่าจะเป็นความฝันที่ชัดเจนซึ่งเป็นสภาวะที่สามารถรับรู้ได้ว่ากำลังฝันอยู่และหลาย ๆ ครั้งขณะที่กำลังฝันอยู่แต่ไม่รู้ตัว ตราบใดที่ยังคงฝันอยู่ก็ไม่ใช่การหลับลึกที่ปราศจากความฝัน” เมย์ริสอธิบาย

  “นั่นน่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างโม่โม่กับเธอตามข้อมูลที่เรียนรู้จากไนท์ LV1-3 คือช่วงที่กำลังเข้าสู่ระยะหลับใหลโดยสัญชาตญาณและเริ่มปรับสมดุลความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ ถ้าโม่โม่สามารถนอนหลับได้แบบนี้ทุกวัน นั่นจึงทำให้เธอสงบสติได้ดีกว่าพวกเรา” ไป๋อี้กล่าวปิดท้าย

  “ว่าแต่ โม่โม่นอนหลับลึกอย่างสบายได้อย่างไร” พูดตรง ๆ แม้แต่วูล์ฟและเฮลัวส์ก็มักจะนึกถึงฉากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในสถาบันวิจัยปรากฏอยู่ในความฝัน

  “น่าจะเป็นเพราะความสามารถของฉัน” ไป๋อี้พูดพร้อมกับชี้มาที่ตาของเขา “เพื่อให้โม่โม่หลับสบายขึ้นฉันมักจะปลอบประโลมโม่โม่ทุกครั้งและทำให้เธอหลับได้อย่างง่ายดาย” ไป๋อี้อธิบาย

  “ดวงตาของนายอีกแล้ว ไป๋อี้ดวงตาของคุณน่าหลงใหลขนาดนี้ ทุกคนพากันอิจฉาหมดแล้ว” เฮลัวส์พูดอย่างอิจฉา

        “อย่าอิจฉาสิ่งนี้เลย พลังที่ปรากฏจากดวงตาของฉันมันเกิดจากความบังเอิญเท่านั้น” ไป๋อี้กล่าว แน่นอนว่าที่เฮลัวส์พูดเป็นเพียงการพูดคุยหยอกล้อ เธอไม่ได้อิจฉาจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงในม่านตาของไป๋อี้นั้นพวกเขาเข้าใจสถานการณ์ดีและเขาทั้งหมดรู้ดีว่าไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

        “อย่างไรซะ ก็ต้องลองดูก่อน คืนนี้ฉันจะสะกดจิตวูล์ฟ”

        “สะกดจิตแค่คนเดียวเหรอ?”

  “ใช่ สะกดจิตเพียงคนเดียวเพราะโม่โม่ไม่ตื่นขึ้นมาง่ายระหว่างการนอนหลับเราไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะหลับใหลได้” ไป๋อี้พยักหน้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 95 การหลับลึกโดยปราศจากความฝัน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 95 การหลับลึกโดยปราศจากความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมย์ริสคำนวณความแข็งแกร่งของชาร์ไป่ผิดในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ เธอจึงถูกตวัดจนลอยออกมาและหลังจากนั้นเธอก็หลบเลี่ยงอยู่ตลอดโดยไม่มีช่องว่างให้ต่อสู้กลับ หลังจากที่ไป๋อี้เรียกสติวูล์ฟกลับมาได้ ไป๋อี้ก็รีบไปที่นั่นทันที แต่ก็ยังมีอีกคนที่เคลื่อนที่เร็วกว่าไป๋อี้

  “ชาร์ไป่ หยุดนะ!” ทันใดนั้นร่างเล็ก ๆ ของโม่โม่ก็เข้าขวางอยู่หน้าชาร์ไป่

  “โม่โม่ อย่า” เมย์ริสรีบปรามเธอ แม้ว่าตอนนี้เธอดูเหมือนกำลังซ่อนตัวอยู่ แต่ก็เป็นเพียงเพราะเธอไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับชาร์ไป่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเมย์ริสไม่ได้ตั้งใจที่จะต่อสู้กลับ ตราบใดที่เธอลากชาร์ไป่กลับมาที่นี่ได้ก็ถือว่าเป็นชัยชนะแล้ว อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คาดคิดว่าโม่โม่จะรู้สึกกังวลเมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้และมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าชาร์ไป่

  ชาร์ไป่ตะคอกคำรามใส่อย่างดุเดือด ปากขนาดใหญ่ของมันกำลังจะกัดร่างเล็ก ๆ ของโม่โม่ ในเวลานี้หัวใจของไป๋อี้บีบรัดแน่นไปพร้อมกับมีดทำครัวในมือที่ถูกกำจนแน่นไม่ต่างกัน …… ชาร์ไป่ เจ้านี่!

  อย่างไรก็ตามขณะที่ไป๋อี้คิดว่าปากของชาร์ไป่กำลังจะงาบหนูน้อย ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็หยุดชะงักลง สายตาที่ดุร้ายของมันสงบลงอย่างช้า ๆ จากนั้นร่างกายที่แน่นเกร็งของมันก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

  “เชื่อฟังฉัน ชาร์ไป่!” โม่โม่กอดหัวของชาร์ไป่และพูดเบา ๆ

  ทุกคนต่างตกตะลึงโดยเฉพาะไป๋อี้ ในตอนแรกที่เขาใช้พลังม่านตาจำลองเพื่อดึงสติวูล์ฟนั้นไม่เป็นผล เขาจึงรู้ดีว่าการเรียกคืนสติคนที่ตกอยู่ในสภาวะดุร้ายรุนแรงนั้นยากเพียงใด และเขาไม่คาดคิดว่าชาร์ไป่ที่ถูกโม่โม่ตะโกนบอกนั้นจะค่อย ๆ สงบลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาคืออะไร?

  ชาร์ไป่สงบลงแล้ว ในส่วนของเวอร์เนอร์ที่เหลือก็ไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่พูพูวนเวียนอยู่กับเวอร์เนอร์ไปทั่ว ในเวลานี้ใคร ๆ ต่างก็เพิ่งรู้ว่าพูพูนั้นเก่งกาจไม่เบา นิสัยพูพูในสายตาทุกคนคือพูพูจอมขี้เกียจ แต่ในเวลานี้มันกำลังต่อกรกับเจ้านายของมันและดูเหมือนว่ามันจะเล่นสนุกอย่างมีความสุขมาก

  ……

  ทุกคนยังไม่ได้ไปไหนไกล พวกเขาหยุดอยู่ที่ชายขอบเมือง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่ชอบอยู่ในป่า การอยู่ในบ้านตามเขตเมืองนี้ดีกว่าการอยู่ในป่ามาก ลองนึกภาพสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงในป่าฝนภายใต้ต้นไม้ใบหญ้าใด ๆ อาจมีแมลงบางชนิดที่วิวัฒนาการแล้วซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตจำนวนมาก แม้ว่าอาจจะไม่ถึงตาย แต่สิ่งมีชีวิตบางตัวที่มีขนเมื่อมันคลานเข้ามาบนร่างกายมันก็สร้างความน่ารำคาญไม่น้อย

  ในส่วนของสัตว์ประหลาดหนูในเมืองนั้น พูดตามตรงว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด ไป๋อี้ตัดสินใจว่าหลังจากการต่อสู้สองครั้งก่อนหน้านี้ หนูที่ยังพอมีความนึกคิดอยู่ไม่ควรต้องมาตายเช่นนี้

  “พวกเราต้องเรียนรู้วิชามวยไทเก็กตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน”

  ทุกคนรวมตัวกันทันทีหลังจากจัดการหาบ้านพักได้แล้ว แม้ว่าไป๋อี้จะไม่พูดออกไป แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่าแม้ตอนนี้มีเพียงวูล์ฟและคนอื่นอีกสองสามคนเท่านั้นที่อยู่ในสภาวะดุร้ายไร้สติเช่นนั้น แต่ในไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็จะเป็นแบบนี้เช่นกัน หากในเวลานั้นเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนที่ได้เข้าสู่ระยะดุร้ายรุนแรงนั้นก็จะไม่มีใครมาดึงสติพวกเขาได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถึงมีคนมาเรียกสติก็คงไม่ตื่นมาจากภวังค์ง่าย ๆ ในเวลานั้น ไม่ว่าเขาจะมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาได้อีกครั้งหรือไม่คงขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้าจริง ๆ

  ไป๋อี้เปิดเซฟกล่องความลับและหยิบคอมพิวเตอร์จอสัมผัสขนาดเล็กออกมา

  การทำงานของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้คล้ายกับโทรศัพท์มือถือ แม้จะไม่ครอบคลุมเท่าโทรศัพท์มือถือ แต่ก็มีความทนทานและไม่เสียหายง่าย หน้าจอมีฟังก์ชั่นการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ของตัวเอง ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้งานได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่มันยังไม่เสียหาย ในคอมพิวเตอร์หน้าจอสัมผัสแบบพกพานี้มีข้อมูลถูกเก็บไว้บางอย่าง รวมถึงข้อมูล “มวยไทเก็ก” ของสถาบันวิจัยด้วยเช่นกัน

  แน่นอนว่าไป๋อี้เคยเห็นมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก

  เนื่องจากมวยไทเก็กชุดนี้เป็นเพียงรุ่นที่ยังสร้างไม่เสร็จและไม่เหมาะสำหรับทุกคน ภายในมีกระบวนท่ามวยไทเก็กของประเทศจีนอยู่ แต่เหมาะสำหรับมนุษย์เท่านั้น ลองคิดดูสิว่าคนทุกคนที่ได้รับเซลล์ดัดแปลงและมีการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตชีวภาพอื่น ๆ จนมีการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างอย่างมากมวยไทเก็กของมนุษย์จะเหมาะสมกับพวกเราได้อย่างไร?  ในนี้นอกจากจะมีมวยไทเก็กแล้วยังมีสูตรอีกหลายสิบสูตรที่ได้รับการตั้งขึ้นในทางวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปว่าเหตุใดมวยไทเก็กจึงมีผลต่อจิตวิญญาณและจากนั้นก็มีการสรุปเทคนิคในการบ่มเพาะวิญญาณที่สามารถใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างแท้จริง

  แน่นอนว่าสูตรที่ศึกษาค้นคว้ามากมายเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์และไม่รู้ว่าถูกต้องหรือไม่

  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกไป๋อี้ไม่มีใครที่สามารถเข้าใจมันได้ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนต้องคิดหนักจนเหงื่อตก

  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในหมู่ผู้คนที่นี่ มีเพียงไป๋อี้และโม่โม่เท่านั้นที่ยังคงมีรูปร่างเหมือนมนุษย์และคาดว่าพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ ดังนั้นไป๋อี้จึงไม่ปล่อยให้ทุกคนต้องมาเรียนรู้เวอร์ชั่นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เช่นนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามวยไทเก็กที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์นี้หรือแม้แต่ผลของมันก็ยังต้องทำการฝึกฝนอีกมาก

  “เราจะไม่คิดค้นปรับปรุงสูตรเพราะเราไม่สันทัดเรื่องนี้ แม้ว่าหลักสูตรมวยไทเก็กชุดดั้งเดิมนี้จะถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนท่าจากร่างกายมนุษย์ แต่ฉันคิดว่าเรายังสามารถฝึกฝนได้ อย่าฝืนตัวเองในส่วนที่ไม่เหมาะกับรูปร่างปัจจุบันและเรียนรู้ให้มากที่สุด” ไป๋อี้กล่าว

  ทุกคนพยักหน้ารับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

  “นอกจากนี้ฉันยังสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งแม้ว่าโม่โม่จะควบคุมสติไม่ได้นิดหน่อย แต่โม่โม่ก็ไม่สูญเสียสตินึกคิด นอกจากนี้ชาร์ไป่ยังสามารถเรียกสติกลับมาได้จากโม่โม่อย่างง่ายดาย ลองคิดดูสิว่าเพราะอะไรกัน?” เรื่องแบบนี้ไป๋อี้คิดคนเดียวไม่ได้จะเป็นการดีกว่าที่ให้ทุกคนคิดหาเหตุผลจากรายละเอียดดังกล่าวร่วมกัน

  เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็มองไปที่โม่โม่และชาร์ไป่ที่นอนอยู่บนพื้น โม่โม่กำลังพิงคอของชาร์ไป่อยู่ เด็กสาวขนฟูน่ารักและสุนัขตัวใหญ่ที่ดุร้าย มันยากที่จะจินตนาการถึงความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวกันเช่นนี้

  “โม่โม่, ชาร์ไป่, วูล์ฟ และเวอร์เนอร์ พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในสภาวะดุร้ายที่รุนแรงในเวลาเดียวกันคือระหว่างการต่อสู้ที่สถาบันวิจัย ถ้าจะถามว่าทำไมตอนนี้พวกเขาถึงเกิดความแตกต่างกัน เหตุผลนั้นก็ต้องเกิดขึ้นภายในหนึ่งเดือนนี้แหละ” เมย์ริสกล่าวจากนั้นทุกคนก็มองหน้ากันแล้ววิเคราะห์เปรียบเทียบสิ่งที่ทุกคนรู้จนถึงตอนนี้

  ในเดือนนี้ ทั้งสี่คนมีอะไรที่ต่างกันออกไป?

  มันน่าแปลก ปกติพวกเราก็มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่นอนหลับ โม่โม่ก็นอนกับไป๋อี้ 

  จริงสิ นอนหลับ!

  ไป๋อี้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ ไป๋อี้ยังจำที่ไนท์บอกว่าหลังจากเข้าสู่ LV1-3 แล้วเขาจะรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณโดยสัญชาตญาณและสัญชาตญาณนั้นจะเริ่มชอบนอนหลับเพื่อปรับสมดุลความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณในระหว่างช่วงแห่งการนอนหลับ และในช่วงเดือนนี้แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ได้จงใจสะกดจิตโม่โม่ แต่อย่างไรก็ตามเขาจะพยายามสงบสติอารมณ์โม่โม่ก่อนนอนเพื่อทำให้โม่โม่ฝันดีให้มากที่สุด และชาร์ไป่เองก็น่าจะพักผ่อนอยู่ในห้องของไป๋อี้เช่นเดียวกัน

  “นอนหลับ!” ไป๋อี้มองไปที่ทุกคน

  “นอนหลับเหรอ?”

  “ใช่มันคือการนอนหลับ ไนท์กล่าวว่าการนอนหลับเป็นสภาวะที่วิเศษมากซึ่งร่างกายและจิตวิญญาณจะถูกปรับสมดุลโดยสัญชาตญาณ นี่เป็นวิธีการปรับสมดุลร่างกายที่เกิดจากสัญชาตญาณของความง่วงระดับ LV1-3 ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในสภาพการนอนหลับที่ดีเยี่ยมจะดีต่อการเติบโตของจิตวิญญาณ ถ้าให้นึกถึงเหตุผลที่โม่โม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ง่ายขึ้น ความเป็นไปได้เดียวนั่นก็คือการนอนหลับ” ไป๋อี้อธิบาย

  “แต่ในสถาบันทุกคนก็นอนหลับกันหมดไม่ใช่เหรอ” เฮลัวส์งงงวย

  “ไม่ มันต่างกัน คุณภาพการนอนหลับของทุกคนต่างกัน คิดว่าตัวเองนอนหลับสนิทดีหรือไม่?”

  “ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก มันก็เหมือนกับการนอนหลับทั่วไป”

  “ฉันฝันเป็นบางครั้ง” วูล์ฟเกาหนังศีรษะของเขา

  “ฝันอะไร?”

  “มันคือการต่อสู้ ฉันมักฝันว่าฆ่าสัตว์ประหลาดจำนวนมากและฉันก็มีความสุขมาก” วูล์ฟพูดอย่างภาคภูมิใจ

  “โม่โม่ หนูล่ะ?”

  “หนูไม่ได้ฝันอะไรเลยค่ะ ก็แค่หลับตาลงพอลืมตาขึ้นก็ตื่นแล้ว” โม่โม่พูดอย่างจริงจัง

        “หลับลึก การนอนหลับโดยปราศจากฝันนั่นคือการหลับลึก!” เมย์ริสพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

  “หลับลึก การหลับโดยไม่ฝันอย่างนั้นเหรอ?” วูล์ฟและเฮลัวส์ถามขึ้น

  “ใช่ นั่นเป็นศัพท์เกี่ยวกับสภาวะการนอนหลับสนิทจริง ๆ สภาวะการนอนหลับของแต่ละคนแบ่งออกเป็นหลายประเภท การอดหลับอดนอน การหลับแบบไม่สนิท การหลับสนิท การหลับลึกโดยไม่ฝัน สภาวะการนอนแต่ละครั้งเป็นสภาวะของร่างกายมนุษย์ ซึ่งล้วนแตกต่างกันตามทฤษฎีทางการแพทย์ ที่จริงแล้วหากคนเราสามารถเข้าสู่ห้วงนิทราอันไร้ความฝันได้ตลอดเวลาก็ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนให้เกินแปดชั่วโมงต่อวัน เพียงชั่วโมงเดียวก็เพียงพอสำหรับการพักผ่อนหนึ่งวันแล้ว แต่ข้อเท็จจริง มันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะการเข้านอนหลับลึกเป็นเรื่องยากมากและการนอนหลับลึกโดยไม่ฝันนั้นเป็นเรื่องดีในช่วงเวลาสั้น ๆ ในแต่ละครั้งที่คุณหลับ” เมย์ริสอธิบาย

  “ไม่สิ ฉันก็ไม่ได้ฝันอะไรมากนะ” เฮลัวส์ถามย้อนกลับไป

  “ความฝันยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทความฝันที่เธอเรียกน่าจะเป็นความฝันที่ชัดเจนซึ่งเป็นสภาวะที่สามารถรับรู้ได้ว่ากำลังฝันอยู่และหลาย ๆ ครั้งขณะที่กำลังฝันอยู่แต่ไม่รู้ตัว ตราบใดที่ยังคงฝันอยู่ก็ไม่ใช่การหลับลึกที่ปราศจากความฝัน” เมย์ริสอธิบาย

  “นั่นน่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างโม่โม่กับเธอตามข้อมูลที่เรียนรู้จากไนท์ LV1-3 คือช่วงที่กำลังเข้าสู่ระยะหลับใหลโดยสัญชาตญาณและเริ่มปรับสมดุลความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ ถ้าโม่โม่สามารถนอนหลับได้แบบนี้ทุกวัน นั่นจึงทำให้เธอสงบสติได้ดีกว่าพวกเรา” ไป๋อี้กล่าวปิดท้าย

  “ว่าแต่ โม่โม่นอนหลับลึกอย่างสบายได้อย่างไร” พูดตรง ๆ แม้แต่วูล์ฟและเฮลัวส์ก็มักจะนึกถึงฉากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในสถาบันวิจัยปรากฏอยู่ในความฝัน

  “น่าจะเป็นเพราะความสามารถของฉัน” ไป๋อี้พูดพร้อมกับชี้มาที่ตาของเขา “เพื่อให้โม่โม่หลับสบายขึ้นฉันมักจะปลอบประโลมโม่โม่ทุกครั้งและทำให้เธอหลับได้อย่างง่ายดาย” ไป๋อี้อธิบาย

  “ดวงตาของนายอีกแล้ว ไป๋อี้ดวงตาของคุณน่าหลงใหลขนาดนี้ ทุกคนพากันอิจฉาหมดแล้ว” เฮลัวส์พูดอย่างอิจฉา

        “อย่าอิจฉาสิ่งนี้เลย พลังที่ปรากฏจากดวงตาของฉันมันเกิดจากความบังเอิญเท่านั้น” ไป๋อี้กล่าว แน่นอนว่าที่เฮลัวส์พูดเป็นเพียงการพูดคุยหยอกล้อ เธอไม่ได้อิจฉาจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงในม่านตาของไป๋อี้นั้นพวกเขาเข้าใจสถานการณ์ดีและเขาทั้งหมดรู้ดีว่าไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

        “อย่างไรซะ ก็ต้องลองดูก่อน คืนนี้ฉันจะสะกดจิตวูล์ฟ”

        “สะกดจิตแค่คนเดียวเหรอ?”

  “ใช่ สะกดจิตเพียงคนเดียวเพราะโม่โม่ไม่ตื่นขึ้นมาง่ายระหว่างการนอนหลับเราไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะหลับใหลได้” ไป๋อี้พยักหน้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 95 การหลับลึกโดยปราศจากความฝัน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 95 การหลับลึกโดยปราศจากความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมย์ริสคำนวณความแข็งแกร่งของชาร์ไป่ผิดในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ เธอจึงถูกตวัดจนลอยออกมาและหลังจากนั้นเธอก็หลบเลี่ยงอยู่ตลอดโดยไม่มีช่องว่างให้ต่อสู้กลับ หลังจากที่ไป๋อี้เรียกสติวูล์ฟกลับมาได้ ไป๋อี้ก็รีบไปที่นั่นทันที แต่ก็ยังมีอีกคนที่เคลื่อนที่เร็วกว่าไป๋อี้

  “ชาร์ไป่ หยุดนะ!” ทันใดนั้นร่างเล็ก ๆ ของโม่โม่ก็เข้าขวางอยู่หน้าชาร์ไป่

  “โม่โม่ อย่า” เมย์ริสรีบปรามเธอ แม้ว่าตอนนี้เธอดูเหมือนกำลังซ่อนตัวอยู่ แต่ก็เป็นเพียงเพราะเธอไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับชาร์ไป่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเมย์ริสไม่ได้ตั้งใจที่จะต่อสู้กลับ ตราบใดที่เธอลากชาร์ไป่กลับมาที่นี่ได้ก็ถือว่าเป็นชัยชนะแล้ว อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้คาดคิดว่าโม่โม่จะรู้สึกกังวลเมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้และมายืนหยุดอยู่ตรงหน้าชาร์ไป่

  ชาร์ไป่ตะคอกคำรามใส่อย่างดุเดือด ปากขนาดใหญ่ของมันกำลังจะกัดร่างเล็ก ๆ ของโม่โม่ ในเวลานี้หัวใจของไป๋อี้บีบรัดแน่นไปพร้อมกับมีดทำครัวในมือที่ถูกกำจนแน่นไม่ต่างกัน …… ชาร์ไป่ เจ้านี่!

  อย่างไรก็ตามขณะที่ไป๋อี้คิดว่าปากของชาร์ไป่กำลังจะงาบหนูน้อย ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็หยุดชะงักลง สายตาที่ดุร้ายของมันสงบลงอย่างช้า ๆ จากนั้นร่างกายที่แน่นเกร็งของมันก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

  “เชื่อฟังฉัน ชาร์ไป่!” โม่โม่กอดหัวของชาร์ไป่และพูดเบา ๆ

  ทุกคนต่างตกตะลึงโดยเฉพาะไป๋อี้ ในตอนแรกที่เขาใช้พลังม่านตาจำลองเพื่อดึงสติวูล์ฟนั้นไม่เป็นผล เขาจึงรู้ดีว่าการเรียกคืนสติคนที่ตกอยู่ในสภาวะดุร้ายรุนแรงนั้นยากเพียงใด และเขาไม่คาดคิดว่าชาร์ไป่ที่ถูกโม่โม่ตะโกนบอกนั้นจะค่อย ๆ สงบลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาคืออะไร?

  ชาร์ไป่สงบลงแล้ว ในส่วนของเวอร์เนอร์ที่เหลือก็ไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่พูพูวนเวียนอยู่กับเวอร์เนอร์ไปทั่ว ในเวลานี้ใคร ๆ ต่างก็เพิ่งรู้ว่าพูพูนั้นเก่งกาจไม่เบา นิสัยพูพูในสายตาทุกคนคือพูพูจอมขี้เกียจ แต่ในเวลานี้มันกำลังต่อกรกับเจ้านายของมันและดูเหมือนว่ามันจะเล่นสนุกอย่างมีความสุขมาก

  ……

  ทุกคนยังไม่ได้ไปไหนไกล พวกเขาหยุดอยู่ที่ชายขอบเมือง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ไม่ชอบอยู่ในป่า การอยู่ในบ้านตามเขตเมืองนี้ดีกว่าการอยู่ในป่ามาก ลองนึกภาพสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิงในป่าฝนภายใต้ต้นไม้ใบหญ้าใด ๆ อาจมีแมลงบางชนิดที่วิวัฒนาการแล้วซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตจำนวนมาก แม้ว่าอาจจะไม่ถึงตาย แต่สิ่งมีชีวิตบางตัวที่มีขนเมื่อมันคลานเข้ามาบนร่างกายมันก็สร้างความน่ารำคาญไม่น้อย

  ในส่วนของสัตว์ประหลาดหนูในเมืองนั้น พูดตามตรงว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด ไป๋อี้ตัดสินใจว่าหลังจากการต่อสู้สองครั้งก่อนหน้านี้ หนูที่ยังพอมีความนึกคิดอยู่ไม่ควรต้องมาตายเช่นนี้

  “พวกเราต้องเรียนรู้วิชามวยไทเก็กตอนนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน”

  ทุกคนรวมตัวกันทันทีหลังจากจัดการหาบ้านพักได้แล้ว แม้ว่าไป๋อี้จะไม่พูดออกไป แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่าแม้ตอนนี้มีเพียงวูล์ฟและคนอื่นอีกสองสามคนเท่านั้นที่อยู่ในสภาวะดุร้ายไร้สติเช่นนั้น แต่ในไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็จะเป็นแบบนี้เช่นกัน หากในเวลานั้นเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนที่ได้เข้าสู่ระยะดุร้ายรุนแรงนั้นก็จะไม่มีใครมาดึงสติพวกเขาได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือถึงมีคนมาเรียกสติก็คงไม่ตื่นมาจากภวังค์ง่าย ๆ ในเวลานั้น ไม่ว่าเขาจะมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาได้อีกครั้งหรือไม่คงขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้าจริง ๆ

  ไป๋อี้เปิดเซฟกล่องความลับและหยิบคอมพิวเตอร์จอสัมผัสขนาดเล็กออกมา

  การทำงานของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้คล้ายกับโทรศัพท์มือถือ แม้จะไม่ครอบคลุมเท่าโทรศัพท์มือถือ แต่ก็มีความทนทานและไม่เสียหายง่าย หน้าจอมีฟังก์ชั่นการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ของตัวเอง ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้งานได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่มันยังไม่เสียหาย ในคอมพิวเตอร์หน้าจอสัมผัสแบบพกพานี้มีข้อมูลถูกเก็บไว้บางอย่าง รวมถึงข้อมูล “มวยไทเก็ก” ของสถาบันวิจัยด้วยเช่นกัน

  แน่นอนว่าไป๋อี้เคยเห็นมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก

  เนื่องจากมวยไทเก็กชุดนี้เป็นเพียงรุ่นที่ยังสร้างไม่เสร็จและไม่เหมาะสำหรับทุกคน ภายในมีกระบวนท่ามวยไทเก็กของประเทศจีนอยู่ แต่เหมาะสำหรับมนุษย์เท่านั้น ลองคิดดูสิว่าคนทุกคนที่ได้รับเซลล์ดัดแปลงและมีการผสานรวมยีนกับสิ่งมีชีวิตชีวภาพอื่น ๆ จนมีการเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างอย่างมากมวยไทเก็กของมนุษย์จะเหมาะสมกับพวกเราได้อย่างไร?  ในนี้นอกจากจะมีมวยไทเก็กแล้วยังมีสูตรอีกหลายสิบสูตรที่ได้รับการตั้งขึ้นในทางวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปว่าเหตุใดมวยไทเก็กจึงมีผลต่อจิตวิญญาณและจากนั้นก็มีการสรุปเทคนิคในการบ่มเพาะวิญญาณที่สามารถใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างแท้จริง

  แน่นอนว่าสูตรที่ศึกษาค้นคว้ามากมายเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์และไม่รู้ว่าถูกต้องหรือไม่

  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกไป๋อี้ไม่มีใครที่สามารถเข้าใจมันได้ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนต้องคิดหนักจนเหงื่อตก

  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในหมู่ผู้คนที่นี่ มีเพียงไป๋อี้และโม่โม่เท่านั้นที่ยังคงมีรูปร่างเหมือนมนุษย์และคาดว่าพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ ดังนั้นไป๋อี้จึงไม่ปล่อยให้ทุกคนต้องมาเรียนรู้เวอร์ชั่นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เช่นนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามวยไทเก็กที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์นี้หรือแม้แต่ผลของมันก็ยังต้องทำการฝึกฝนอีกมาก

  “เราจะไม่คิดค้นปรับปรุงสูตรเพราะเราไม่สันทัดเรื่องนี้ แม้ว่าหลักสูตรมวยไทเก็กชุดดั้งเดิมนี้จะถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนท่าจากร่างกายมนุษย์ แต่ฉันคิดว่าเรายังสามารถฝึกฝนได้ อย่าฝืนตัวเองในส่วนที่ไม่เหมาะกับรูปร่างปัจจุบันและเรียนรู้ให้มากที่สุด” ไป๋อี้กล่าว

  ทุกคนพยักหน้ารับ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

  “นอกจากนี้ฉันยังสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งแม้ว่าโม่โม่จะควบคุมสติไม่ได้นิดหน่อย แต่โม่โม่ก็ไม่สูญเสียสตินึกคิด นอกจากนี้ชาร์ไป่ยังสามารถเรียกสติกลับมาได้จากโม่โม่อย่างง่ายดาย ลองคิดดูสิว่าเพราะอะไรกัน?” เรื่องแบบนี้ไป๋อี้คิดคนเดียวไม่ได้จะเป็นการดีกว่าที่ให้ทุกคนคิดหาเหตุผลจากรายละเอียดดังกล่าวร่วมกัน

  เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็มองไปที่โม่โม่และชาร์ไป่ที่นอนอยู่บนพื้น โม่โม่กำลังพิงคอของชาร์ไป่อยู่ เด็กสาวขนฟูน่ารักและสุนัขตัวใหญ่ที่ดุร้าย มันยากที่จะจินตนาการถึงความสัมพันธ์ที่กลมเกลียวกันเช่นนี้

  “โม่โม่, ชาร์ไป่, วูล์ฟ และเวอร์เนอร์ พวกเขาทั้งหมดตกอยู่ในสภาวะดุร้ายที่รุนแรงในเวลาเดียวกันคือระหว่างการต่อสู้ที่สถาบันวิจัย ถ้าจะถามว่าทำไมตอนนี้พวกเขาถึงเกิดความแตกต่างกัน เหตุผลนั้นก็ต้องเกิดขึ้นภายในหนึ่งเดือนนี้แหละ” เมย์ริสกล่าวจากนั้นทุกคนก็มองหน้ากันแล้ววิเคราะห์เปรียบเทียบสิ่งที่ทุกคนรู้จนถึงตอนนี้

  ในเดือนนี้ ทั้งสี่คนมีอะไรที่ต่างกันออกไป?

  มันน่าแปลก ปกติพวกเราก็มักจะอยู่ด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่นอนหลับ โม่โม่ก็นอนกับไป๋อี้ 

  จริงสิ นอนหลับ!

  ไป๋อี้รู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ ไป๋อี้ยังจำที่ไนท์บอกว่าหลังจากเข้าสู่ LV1-3 แล้วเขาจะรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณโดยสัญชาตญาณและสัญชาตญาณนั้นจะเริ่มชอบนอนหลับเพื่อปรับสมดุลความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณในระหว่างช่วงแห่งการนอนหลับ และในช่วงเดือนนี้แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ได้จงใจสะกดจิตโม่โม่ แต่อย่างไรก็ตามเขาจะพยายามสงบสติอารมณ์โม่โม่ก่อนนอนเพื่อทำให้โม่โม่ฝันดีให้มากที่สุด และชาร์ไป่เองก็น่าจะพักผ่อนอยู่ในห้องของไป๋อี้เช่นเดียวกัน

  “นอนหลับ!” ไป๋อี้มองไปที่ทุกคน

  “นอนหลับเหรอ?”

  “ใช่มันคือการนอนหลับ ไนท์กล่าวว่าการนอนหลับเป็นสภาวะที่วิเศษมากซึ่งร่างกายและจิตวิญญาณจะถูกปรับสมดุลโดยสัญชาตญาณ นี่เป็นวิธีการปรับสมดุลร่างกายที่เกิดจากสัญชาตญาณของความง่วงระดับ LV1-3 ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในสภาพการนอนหลับที่ดีเยี่ยมจะดีต่อการเติบโตของจิตวิญญาณ ถ้าให้นึกถึงเหตุผลที่โม่โม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ง่ายขึ้น ความเป็นไปได้เดียวนั่นก็คือการนอนหลับ” ไป๋อี้อธิบาย

  “แต่ในสถาบันทุกคนก็นอนหลับกันหมดไม่ใช่เหรอ” เฮลัวส์งงงวย

  “ไม่ มันต่างกัน คุณภาพการนอนหลับของทุกคนต่างกัน คิดว่าตัวเองนอนหลับสนิทดีหรือไม่?”

  “ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก มันก็เหมือนกับการนอนหลับทั่วไป”

  “ฉันฝันเป็นบางครั้ง” วูล์ฟเกาหนังศีรษะของเขา

  “ฝันอะไร?”

  “มันคือการต่อสู้ ฉันมักฝันว่าฆ่าสัตว์ประหลาดจำนวนมากและฉันก็มีความสุขมาก” วูล์ฟพูดอย่างภาคภูมิใจ

  “โม่โม่ หนูล่ะ?”

  “หนูไม่ได้ฝันอะไรเลยค่ะ ก็แค่หลับตาลงพอลืมตาขึ้นก็ตื่นแล้ว” โม่โม่พูดอย่างจริงจัง

        “หลับลึก การนอนหลับโดยปราศจากฝันนั่นคือการหลับลึก!” เมย์ริสพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

  “หลับลึก การหลับโดยไม่ฝันอย่างนั้นเหรอ?” วูล์ฟและเฮลัวส์ถามขึ้น

  “ใช่ นั่นเป็นศัพท์เกี่ยวกับสภาวะการนอนหลับสนิทจริง ๆ สภาวะการนอนหลับของแต่ละคนแบ่งออกเป็นหลายประเภท การอดหลับอดนอน การหลับแบบไม่สนิท การหลับสนิท การหลับลึกโดยไม่ฝัน สภาวะการนอนแต่ละครั้งเป็นสภาวะของร่างกายมนุษย์ ซึ่งล้วนแตกต่างกันตามทฤษฎีทางการแพทย์ ที่จริงแล้วหากคนเราสามารถเข้าสู่ห้วงนิทราอันไร้ความฝันได้ตลอดเวลาก็ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนให้เกินแปดชั่วโมงต่อวัน เพียงชั่วโมงเดียวก็เพียงพอสำหรับการพักผ่อนหนึ่งวันแล้ว แต่ข้อเท็จจริง มันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะการเข้านอนหลับลึกเป็นเรื่องยากมากและการนอนหลับลึกโดยไม่ฝันนั้นเป็นเรื่องดีในช่วงเวลาสั้น ๆ ในแต่ละครั้งที่คุณหลับ” เมย์ริสอธิบาย

  “ไม่สิ ฉันก็ไม่ได้ฝันอะไรมากนะ” เฮลัวส์ถามย้อนกลับไป

  “ความฝันยังแบ่งออกเป็นหลายประเภทความฝันที่เธอเรียกน่าจะเป็นความฝันที่ชัดเจนซึ่งเป็นสภาวะที่สามารถรับรู้ได้ว่ากำลังฝันอยู่และหลาย ๆ ครั้งขณะที่กำลังฝันอยู่แต่ไม่รู้ตัว ตราบใดที่ยังคงฝันอยู่ก็ไม่ใช่การหลับลึกที่ปราศจากความฝัน” เมย์ริสอธิบาย

  “นั่นน่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างโม่โม่กับเธอตามข้อมูลที่เรียนรู้จากไนท์ LV1-3 คือช่วงที่กำลังเข้าสู่ระยะหลับใหลโดยสัญชาตญาณและเริ่มปรับสมดุลความแตกต่างระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ ถ้าโม่โม่สามารถนอนหลับได้แบบนี้ทุกวัน นั่นจึงทำให้เธอสงบสติได้ดีกว่าพวกเรา” ไป๋อี้กล่าวปิดท้าย

  “ว่าแต่ โม่โม่นอนหลับลึกอย่างสบายได้อย่างไร” พูดตรง ๆ แม้แต่วูล์ฟและเฮลัวส์ก็มักจะนึกถึงฉากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในสถาบันวิจัยปรากฏอยู่ในความฝัน

  “น่าจะเป็นเพราะความสามารถของฉัน” ไป๋อี้พูดพร้อมกับชี้มาที่ตาของเขา “เพื่อให้โม่โม่หลับสบายขึ้นฉันมักจะปลอบประโลมโม่โม่ทุกครั้งและทำให้เธอหลับได้อย่างง่ายดาย” ไป๋อี้อธิบาย

  “ดวงตาของนายอีกแล้ว ไป๋อี้ดวงตาของคุณน่าหลงใหลขนาดนี้ ทุกคนพากันอิจฉาหมดแล้ว” เฮลัวส์พูดอย่างอิจฉา

        “อย่าอิจฉาสิ่งนี้เลย พลังที่ปรากฏจากดวงตาของฉันมันเกิดจากความบังเอิญเท่านั้น” ไป๋อี้กล่าว แน่นอนว่าที่เฮลัวส์พูดเป็นเพียงการพูดคุยหยอกล้อ เธอไม่ได้อิจฉาจริง ๆ การเปลี่ยนแปลงในม่านตาของไป๋อี้นั้นพวกเขาเข้าใจสถานการณ์ดีและเขาทั้งหมดรู้ดีว่าไม่สามารถลอกเลียนแบบได้

        “อย่างไรซะ ก็ต้องลองดูก่อน คืนนี้ฉันจะสะกดจิตวูล์ฟ”

        “สะกดจิตแค่คนเดียวเหรอ?”

  “ใช่ สะกดจิตเพียงคนเดียวเพราะโม่โม่ไม่ตื่นขึ้นมาง่ายระหว่างการนอนหลับเราไม่สามารถปล่อยให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะหลับใหลได้” ไป๋อี้พยักหน้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+