[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 24 ความแตกแยกภายใน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 24 ความแตกแยกภายใน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        การนำลูกกระสุนปืนออกมาไม่นับว่าเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ใหญ่อะไร สองสามนาทีหลังจากนั้นกระสุนปืนก็ถูกเบลล่าใช้แหนบเล็ก ๆ คีบออกมา ขณะที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนนี้โม่โม่ก็ลูบศีรษะชาร์ไป่อยู่ตลอด เบลล่ารู้สึกได้ถึงความตึงจากกล้ามเนื้อของเจ้าชาร์ไป่ที่อยู่บนโต๊ะตลอดเวลาเนื่องจากความเจ็บปวด แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีอาการต่อต้านขัดขืนใด ๆ เลย

        หลังจากนำกระสุนปืนออกมาแล้วเบลล่าจึงเริ่มช่วยพันแผลให้กับชาร์ไป่ทันที นี่เป็นการพันอย่างลวก ๆ เพราะเครื่องมือนั้นมีไม่มาก ดังนั้นจึงทำได้เพียงพันแผลอย่างง่าย ๆ เท่านั้น ก่อนที่จะลงมือผ่าตัดเบลล่าได้พูดคุยกับไป๋อี้อย่างชัดเจนแล้วว่าแบบนี้มันอันตรายมาก อาจจะทำให้เสียเลือดมากหรืออาจจะติดเชื้อและเสียชีวิตได้ แต่ว่าไป๋อี้ก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย หากไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอย่างไรได้ เพราะในเมื่อมันไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว

        หลังจากที่พันแผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วเบลล่าก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว จากนั้นไป๋อี้จึงพยักหน้าให้

        “ขอบคุณนะ”

        “ไม่เป็นไร ไหล่ของคุณให้ฉันช่วยดูเถอะ” เบลล่าพูดขึ้น

        ไป๋อี้พยักหน้าแล้วจึงให้เบลล่าช่วยตรวจดูบาดแผลที่ไหล่ให้ สุดท้ายแล้วเบลล่าได้ก็ได้บอกกับไป๋อี้ว่าถึงแม้จะร้ายแรงแต่ว่าจุดที่สำคัญในร่างกายยังอยู่ดี เพียงแค่รักษาบาดแผลให้ดีแล้วก็น่าจะยังฟื้นคืนสภาพเดิมได้อยู่ หลังจากรู้เช่นนี้ท่าทางและน้ำเสียงของไป๋อี้ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย โลกเปลี่ยนไปอันตรายแบบนี้ ถ้าหากต่อไปจะต้องทิ้งผู้ช่วยไปอีกหนึ่งล่ะก็เขาคงจะรู้สึกกินแรงน่าดู

        หลังจากทุกคนเพิ่งจะรักษาอาการบาดเจ็บกันเป็นที่เรียบร้อย ไต้ยู่เหยาก็รอให้คนอื่นทำใจให้สงบจึงเสนอให้นำเจียงหลินหลินและร่างของพวกเขาออกไป 

        เรื่องนี้เป็นเรื่องง่าย ๆ ไป๋อี้จึงไม่ได้ไปด้วย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หยูหานและพวกอีกสองสามคนก็กลับมา บนใบหน้าของไต้ยู่เหยาและฉินข่ายรุ่ยยังคงมีสีหน้าที่หวาดกลัวอยู่

        “เป็นอะไรไปน่ะ” ไป๋อี้ถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง

        “สัตว์ประหลาดปรากฏตัวออกมาแล้ว ไม่ใช่สัตว์ประหลาดแบบพวกแฮมิลตันแต่เป็นสัตว์อื่น ๆ ที่กลายพันธุ์ไปเป็นสัตว์ประหลาด น่าจะเป็นสุนัขสองตัวแต่ว่าตอนนี้มีส่วนสูงถึงหนึ่งเมตรกว่าเข้าไปแล้ว มันกินซากศพของคน ลักษณะไม่สามารถอธิบายได้ สรุปแล้วก็คือคล้ายกับสุนัขมาก แต่พวกเราก็ไม่ได้ไปทำให้พวกเขาตกใจ” หยูหานกล่าว 

        “ถ้าอย่างนั้นร่างของพวกถังปิงล่ะ” ไป๋อี้ถามขึ้นมาอีก

        ไต้ยู่เหยาได้ยินคำถามของไป๋อี้ใบหน้าก็ซีดผาดไปทั้งหน้า เมื่อไป๋อี้เห็นสีหน้าของไต้ยู่เหยาที่ซีดลงก็รู้ได้เลยว่าผลลัพธ์นั้นต้องไม่ดีแน่ ไป๋อี้จึงไม่ได้ถามสิ่งใดไปมากกว่านี้ เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนกลับมาที่นี่แล้วเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

        “ถ้าอย่างนั้นออกเดินทางกันเถอะ มุ่งหน้าไปโอโทโรฮังกากัน” ไป๋อี้กล่าวขึ้น

        เห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนเห็นด้วย โดยเฉพาะไต้ยู่เหยาและฉินข่ายรุ่ยที่เพิ่งจะเห็นสุนัขสองตัวกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาด สาวสวยที่ได้รับการช่วยเหลือจากไป๋อี้เองก็ยินยอมที่จะติดตามไป๋อี้ไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ใคร ๆ ก็รู้ว่าการอยู่ตัวคนเดียวในเมืองนั้นก็เหมือนกับการรอคอยความตายหรือว่าอาจจะโหดร้ายยิ่งกว่าความตายด้วยซ้ำ 

        นอกจากรถสี่คันของไป๋อี้แล้วยังมีรถบรรทุกคันใหญ่เพิ่มมาอีกหนึ่งคัน ทุกอย่างล้วนเป็นสินค้าและวัตถุดิบที่ได้มาจากพวกแก๊งมาเฟียทมิฬทั้งนั้น หลังจากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถมุ่งหน้าออกจากเตอวามูตู

        ในระหว่างทางที่ผ่านมานั้นได้พบเจอกับการต่อสู้เป็นระยะ ไป๋อี้เองก็ได้เห็นสิ่งที่หยูหานพูดว่า ‘สุนัขที่กลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาด’ สองตัวนั้นเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ มองออกเลยว่าแต่เดิมเคยเป็นสุนัข แต่ว่าตอนนี้ทั้งตัวสูงกว่าหนึ่งเมตร ยาวสองเมตรกว่า และเผยให้เห็นฟันแหลมคม โดยทั้งตัวยังมีลักษณะเฉพาะของสัตว์อื่นอีกด้วย มันเป็นเหมือนกับการผสมผสานเอกลักษณ์ของสุนัขที่มีสองหัวเข้าด้วยกัน

        สุนัขทั้งสองตัวได้ลากซากศพของทุกคนไปไว้ที่กลางถนนและเริ่มกัดกินอาหารของตนที่ริมทางเท้า เลือดยังไหลออกจากร่างศพอย่างต่อเนื่องและเปื้อนไปทั่วพื้น สุนัขสองตัวนี้อาจจะยังไม่ดุร้ายเท่าสัตว์ประหลาดที่หลบหนีออกมาจากสถาบันแฮมิลตันทางตอนเหนือ แต่ว่าพอมองดูแล้วก็ทำให้คนตกใจได้เหมือนกัน

        บนถนนมีรถวิ่งผ่านไปแต่ว่ากลับไม่มีใครสักคนที่กล้าเข้าไปขัดขวางเจ้าสุนัขสองตัวนี้ ในทางกลับกันเมื่อเวลารถแล่นผ่านไปสุนัขทั้งสองตัวนั้นยังคงมองตามมาและแยกเขี้ยวแสดงให้เห็นถึงฟันที่แหลมคม

        ……………

        LV1-1 สภาวะหิวโหยการผสานรวมยีน

        คำสองสามคำได้แวบผ่านเข้ามาในหัวของไป๋อี้ จากนั้นทั้งขบวนรถก็ขับผ่านถนนเส้นนั้นและทิ้งสุนัขที่ดุร้ายทั้งสองไว้เบื้องหลัง

        ———–

        การมุ่งหน้าไปที่โอโทโรฮังกามีถนนอยู่สองสายด้วยกัน ถนนเส้นที่หนึ่งคือถนนออตโต้โรฮันซึ่งเป็นทางหลวงเส้นหลักของเมืองโอโทโรฮังกาและอยู่ทางตะวันออกค่อนไปทางด้านในประเทศ อีกเส้นทางหนึ่งคือถนนโปคูรูซึ่งเป็นเหมือนกับทางหลวง พูดได้เลยว่าถนนสายนี้ซ่อมแซมได้ง่ายและก็ไม่ค่อยจะมีผู้คนสัญจรเท่าใดนัก

        เส้นทางทั้งสองล้วนมีความเสี่ยงในตัวของมันเอง ส่วนจะเป็นความเสี่ยงอะไรนั้นคงจะต้องไปคิดกันเอาเองแล้ว ทุกคนโต้แย้งกันเล็กน้อยจากนั้นจึงเลือกเส้นทางที่สองคือถนนโปคูรูที่ห่างไกลออกมาสักหน่อย

        เป็นไปตามที่คนส่วนใหญ่ได้คิดไว้ มีผู้คนสัญจรบนถนนโปคูรูไม่มากนักทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างเงียบสงบ หากว่าไม่ได้มีคนได้รับบาดเจ็บอยู่สองสามคนแล้วล่ะก็คงจะคิดประมาณได้ว่าโลกในปัจจุบันนั้นยังคงเป็นโลกใบเดิมได้เลยทีเดียวเชียว ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

        ไป๋อี้นั่งอยู่บนเบาะของตนและไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ชาร์ไป่เองก็นอนอยู่ที่เบาะหลังอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้ขยับไปไหน โม่โม่ที่กำลังเศร้าสร้อยกำลังสวมกอดไป๋อี้อยู่ แม้ว่าเบลล่าได้นำลูกกระสุนปืนออกมาจากชาร์ไป่เรียบร้อยแล้ว แต่ขั้นตอนที่ทำไปอย่างเรียบง่ายนั้นยังไม่ได้รับการเย็บและก็ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าชาร์ไป่จะมีชีวิตรอดหรือไม่

        ขบวนรถยังเคลื่อนตัวต่อไป ทุกคนล้วนอยู่ในความเงียบงันโดยไม่มีการพูดคุยกัน หลังจากเรื่องราวที่เพิ่งผ่านพ้นไปถึงแม้ว่าฉินข่ายรุ่ยจะไม่ได้กล่าวโทษไป๋อี้อีกต่อไป แต่ว่าเดิมทีช่องว่างระหว่างกลุ่มที่กว้างอยู่แล้วกลับกว้างยิ่งขึ้นไปอีก ยังคงมีผู้คนที่มองไป๋อี้เป็นผู้นำในขณะที่อีกด้านหนึ่งหยูหานเองก็มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ซึ่งเป้าหมายของเขา … สำเร็จแล้ว

        ไป๋อี้หลับตาลงหวนนึกถึงการต่อสู้ในตอนนั้น สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันบนริมฝีปากของเขา

        ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ก็แค่นั้นเอง!

        ขบวนรถได้ขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

        หลังจากที่วูล์ฟเห็นปั๊มน้ำมัน เขาก็หมายจะขับรถเข้าไปแต่ก็ต้องหยุดลงและรถสองสามคันที่ตามหลังมาก็หยุดตามเช่นกัน ข้างในปั๊มน้ำมันเกิดความโกลาหลอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนอยู่จำนวนมาก และท่อส่งน้ำมันเส้นหนึ่งได้รับความเสียหายทำให้น้ำมันเบนซินไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันเบนซินระเหยไปทั่ว

        ไป๋อี้ลงจากรถมองดูก็รู้แล้วว่าผู้คนกลุ่มก่อนหน้านี้วางแผนอะไรไว้ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่การเติมน้ำมันรถอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้นแต่ยังทำให้ท่อส่งน้ำมันเสียหายก่อนจะค่อยเติมน้ำมันให้เต็ม สถานการณ์ในตอนนี้ของนิวซีแลนด์ที่จริงแล้วได้รับการเตรียมพร้อมอย่างดี ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะไม่มีน้ำมันเบนซินแต่ถึงอย่างไรก็ตามพฤติกรรมนี้เป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวกต่อคนที่มาทีหลังและยังสิ้นเปลืองน้ำมันเบนซินโดยใช่เหตุ

        “นายมาเติมน้ำมัน ฉันจะไปหาดูว่ามีอะไรที่เหมาะเอามาทำเป็นภาชนะไหม พวกเราจะเอาน้ำมันเบนซินไปด้วยบางส่วน” ไป๋อี้กล่าว

        “อืม” วูล์ฟพยักหน้า ในเวลานี้คนอื่น ๆ ก็ลงจากรถเช่นกัน หลังจากเห็นความเคลื่อนไหวของวูล์ฟทุกคนก็เริ่มลงมือ ผู้หญิงสองสามคนที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ในกลุ่มต้องการที่จะแสดงถึงการมีอยู่ของตนจึงอยากช่วยเหลือ แต่เรื่องยุ่งเหยิงแบบนี้พวกเธอไม่เข้าช่วยคงจะดีกว่า

        ปั๊มน้ำมันมีขนาดไม่ใหญ่มากและภาชนะอะไรก็ตามถูกคนที่มาก่อนด้านหน้าหยิบไปหมดแล้ว ไป๋อี้เองก็หาถังน้ำมันไม่เจอ จุดสำคัญที่สุดคือมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

        “ไป๋อี้ น้ำมันมีไม่มากนัก มีรถคันหนึ่งไม่พอใจกับการที่น้ำมันเบนซินรั่วไหลออกจากท่อน้ำมันที่แตก” เมื่อไป๋อี้กลับมาวูล์ฟก็พูดขึ้น สีหน้าของคนอื่นก็ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ รถทุกกันก็ล้วนแต่ตามหาความสะดวกสบายจากในเมืองกันทั้งนั้น เดิมทีแล้วน้ำมันก็ไม่ใช่ว่าจะมีอยู่เยอะ ซึ่งประมาณการได้ว่าอีกไม่นานมันก็คงจะหมดลง

        “ไม่เป็นไร สถานการณ์นี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดขึ้น แค่สามารถไปจนถึงโอโทโรฮังกาได้ก็พอแล้ว” ไป๋อี้พูด

        “แต่ว่าโอโทโรฮังกาก็คงจะโกลาหลอยู่เหมือนกันนะ” วูล์ฟพูดอย่างไม่แน่ใจนัก

        “แน่นอนว่าตอนนี้ทั่วทั้งนิวซีแลนด์ล้วนโกลาหลไปหมดแล้ว” ไป๋อี้มองไปที่วูล์ฟแล้วยิ้มออกมา เมื่อวูล์ฟมองไปที่ไป๋อี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังยิ้มได้อยู่ทั้ง ๆที่ทั่วทั้งนิวซีแลนด์ตกอยู่ในความวุ่นวาย วูล์ฟส่ายหัวแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากนักเพราะการใช้สมองไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด

        ……………

        เมื่อเดินทางมาถึงภูเขาคาคิพิขุทุกคนก็หยุดแวะกันอีกครั้งเป็นเพราะว่า … ความหิว

        นิวซีแลนด์มีประชากรบางเบาเสมอโดยมีที่ราบสองข้างทางซึ่งเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ ภูเขาคาคิพิขุมีความสูงเพียง 400 เมตรซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นภูเขาที่ใหญ่มากนัก ที่ทางแยกของถนนตรงเชิงเขามีครอบครัวอยู่สองครอบครัว ลักษณะเป็นบังกะโลขนาดเล็กทั่วไป กลุ่มของไป๋อี้ขับรถเข้าไปในลานเล็ก ๆ จากนั้นพอตรวจสอบก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเพราะทุกคนได้หนีกันไปจนหมดแล้ว

        “เราจะกินอาหารกันที่นี่ ยืมห้องครัวของเจ้าของบ้านสักหน่อย คนที่ไม่มีธุระอะไรก็ไปพักได้ พวกคุณมีใครทำอาหารได้บ้างยกมือหน่อย” ไป๋อี้พูดกับทุกคน แต่ว่ากลุ่มของหยูหานก็ปลีกตัวออกจากไป๋อี้และเดินไปที่บ้านอีกหลัง เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้อยู่ในกลุ่มแต่กลับไม่ได้รับความไว้วางใจอีกต่อไป

        ฮ่า~ ไป๋อี้หัวเราะกับตัวเองในใจ

        “เข้ามาในบ้านของคนอื่นแบบนี้มันจะไม่มีปัญหาเหรอ?” หนึ่งในสี่ของผู้หญิงที่เข้ามาร่วมกลุ่มทีหลังเอ่ยขึ้น

        “ก็แค่ยืมใช้ห้องครัวเอง เวลานี้ไม่มีใครเขามาสนใจเรื่องนี้กันแล้ว” ไป๋อี้มองไปที่หญิงสาวที่พูดขึ้นมาคนนั้น

        “ฉี่ฮว๋า เธอมาทำอาหารเถอะ ฉันจะคอยให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ แค่อย่าใส่น้ำมันกับเกลือผิดก็พอ” ไป๋อี้เอ่ยขึ้น

        “อื้ม ได้เลย” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        “ฉันก็ทำอาหารกินเองที่บ้านนะ ต้องการให้ช่วยไหม” ผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ได้เดินจากไปกล่าวขึ้นมา ไป๋อี้ยังไม่ได้ถามชื่อจากหญิงสาวทั้งสี่ที่เพิ่งจะเข้าร่วมกลุ่มเลย ในเวลานี้ผู้หญิงอีกสามคนตามหยูหานและคนอื่นไปที่บ้านอีกหลัง มีเพียงเฮลัวส์ที่ยังคงอยู่

        “ได้สิ คุณชื่ออะไรอย่างนั้นเหรอ?” ไป๋อี้ถาม

        “เฮลัวส์!”

        ผู้หญิงทั้งสี่คนนั้นสวยมาก หากว่าไม่สวยก็คงจะไม่ถูกพวกคนชั่วจับตัวไปและถูกทำร้ายหรอก ชื่อของผู้หญิงทั้งสี่คนคือ 1.เบลล่า (ศัลยแพทย์ฝึกหัด), 2.เฮลัวส์ (เจ้าสาวมือใหม่), 3.อกาธา (นักศึกษาวิทยาลัย), 4.เหม่ยหลิน (นักแปลอิสระ)

        ในความเป็นจริงไม่ได้มีเพียงพวกเขาทั้งสี่คนที่ถูกจับ เมื่อตอนพวกที่เหลือหนีไปพวกเขาก็พาผู้หญิงไปด้วยอีกสองสามคน สำหรับหญิงสาวที่สวยและเยาว์วัยหากพวกเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ในยุคที่วุ่นวายเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก

        การทำอาหารและกับข้าวทั้งหมดถูกส่งต่อให้หงฉี่ฮว๋าและเฮลัวส์เป็นคนจัดการ ในขณะที่หยูหานและกลุ่มของเขาไปที่บังกะโลอื่น ดูเหมือนว่าในตอนที่ทุกคนอยู่บนรถคนละคันกันทุกคนคงได้ยินมาว่าไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าเป็นคนที่เลือดเย็นแค่ไหน นอกจากเฮลัวส์ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะอยู่กับพวกของไป๋อี้เลย

        อย่างไรก็ตามไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากพวกเขาเป็นคนแปลกประหลาดและโดดเดี่ยว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาไม่เคยทำให้ใครพอใจอยู่แล้ว

        ไป๋อี้กลับมาที่รถและพบว่าชาร์ไป่ยังคงนอนอยู่บนเบาะหลังพร้อมกับเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากบาดแผลที่พันไว้ อีกทั้งเลือดยังเปรอะเปื้อนไปทั่วเบาะหลัง เมื่อเห็นไป๋อี้ใกล้เข้ามาชาร์ไป่ก็ส่งเสียงอย่างอ่อนแรง ไป๋อี้แตะไปที่หัวของชาร์ไป๋จากนั้นก็กอดโม่โม่อย่างแผ่วเบา

        “พ่อ ชาร์ไป่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ!”

        “อืม ไม่เป็นอะไรหรอก”

        แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ใช่หมอแต่เขาก็รู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์ปกติอาการบาดเจ็บของชาร์ไป่นั้นไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่แปลกก็คือสภาพทางสรีรวิทยาของชาร์ไป่ยังค่อนข้างคงที่จนถึงตอนนี้ และมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ดี มองดูแล้วความเป็นไปได้เดียวก็คือมีเซลล์ดัดแปลงอยู่ในร่างกายของเจ้าชาร์ไป่

 

                                                               ————————

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 24 ความแตกแยกภายใน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 24 ความแตกแยกภายใน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        การนำลูกกระสุนปืนออกมาไม่นับว่าเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ใหญ่อะไร สองสามนาทีหลังจากนั้นกระสุนปืนก็ถูกเบลล่าใช้แหนบเล็ก ๆ คีบออกมา ขณะที่อยู่ในระหว่างขั้นตอนนี้โม่โม่ก็ลูบศีรษะชาร์ไป่อยู่ตลอด เบลล่ารู้สึกได้ถึงความตึงจากกล้ามเนื้อของเจ้าชาร์ไป่ที่อยู่บนโต๊ะตลอดเวลาเนื่องจากความเจ็บปวด แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีอาการต่อต้านขัดขืนใด ๆ เลย

        หลังจากนำกระสุนปืนออกมาแล้วเบลล่าจึงเริ่มช่วยพันแผลให้กับชาร์ไป่ทันที นี่เป็นการพันอย่างลวก ๆ เพราะเครื่องมือนั้นมีไม่มาก ดังนั้นจึงทำได้เพียงพันแผลอย่างง่าย ๆ เท่านั้น ก่อนที่จะลงมือผ่าตัดเบลล่าได้พูดคุยกับไป๋อี้อย่างชัดเจนแล้วว่าแบบนี้มันอันตรายมาก อาจจะทำให้เสียเลือดมากหรืออาจจะติดเชื้อและเสียชีวิตได้ แต่ว่าไป๋อี้ก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย หากไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอย่างไรได้ เพราะในเมื่อมันไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว

        หลังจากที่พันแผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วเบลล่าก็เหงื่อท่วมไปทั้งตัว จากนั้นไป๋อี้จึงพยักหน้าให้

        “ขอบคุณนะ”

        “ไม่เป็นไร ไหล่ของคุณให้ฉันช่วยดูเถอะ” เบลล่าพูดขึ้น

        ไป๋อี้พยักหน้าแล้วจึงให้เบลล่าช่วยตรวจดูบาดแผลที่ไหล่ให้ สุดท้ายแล้วเบลล่าได้ก็ได้บอกกับไป๋อี้ว่าถึงแม้จะร้ายแรงแต่ว่าจุดที่สำคัญในร่างกายยังอยู่ดี เพียงแค่รักษาบาดแผลให้ดีแล้วก็น่าจะยังฟื้นคืนสภาพเดิมได้อยู่ หลังจากรู้เช่นนี้ท่าทางและน้ำเสียงของไป๋อี้ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย โลกเปลี่ยนไปอันตรายแบบนี้ ถ้าหากต่อไปจะต้องทิ้งผู้ช่วยไปอีกหนึ่งล่ะก็เขาคงจะรู้สึกกินแรงน่าดู

        หลังจากทุกคนเพิ่งจะรักษาอาการบาดเจ็บกันเป็นที่เรียบร้อย ไต้ยู่เหยาก็รอให้คนอื่นทำใจให้สงบจึงเสนอให้นำเจียงหลินหลินและร่างของพวกเขาออกไป 

        เรื่องนี้เป็นเรื่องง่าย ๆ ไป๋อี้จึงไม่ได้ไปด้วย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หยูหานและพวกอีกสองสามคนก็กลับมา บนใบหน้าของไต้ยู่เหยาและฉินข่ายรุ่ยยังคงมีสีหน้าที่หวาดกลัวอยู่

        “เป็นอะไรไปน่ะ” ไป๋อี้ถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง

        “สัตว์ประหลาดปรากฏตัวออกมาแล้ว ไม่ใช่สัตว์ประหลาดแบบพวกแฮมิลตันแต่เป็นสัตว์อื่น ๆ ที่กลายพันธุ์ไปเป็นสัตว์ประหลาด น่าจะเป็นสุนัขสองตัวแต่ว่าตอนนี้มีส่วนสูงถึงหนึ่งเมตรกว่าเข้าไปแล้ว มันกินซากศพของคน ลักษณะไม่สามารถอธิบายได้ สรุปแล้วก็คือคล้ายกับสุนัขมาก แต่พวกเราก็ไม่ได้ไปทำให้พวกเขาตกใจ” หยูหานกล่าว 

        “ถ้าอย่างนั้นร่างของพวกถังปิงล่ะ” ไป๋อี้ถามขึ้นมาอีก

        ไต้ยู่เหยาได้ยินคำถามของไป๋อี้ใบหน้าก็ซีดผาดไปทั้งหน้า เมื่อไป๋อี้เห็นสีหน้าของไต้ยู่เหยาที่ซีดลงก็รู้ได้เลยว่าผลลัพธ์นั้นต้องไม่ดีแน่ ไป๋อี้จึงไม่ได้ถามสิ่งใดไปมากกว่านี้ เมื่อเห็นว่าทุกคนล้วนกลับมาที่นี่แล้วเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

        “ถ้าอย่างนั้นออกเดินทางกันเถอะ มุ่งหน้าไปโอโทโรฮังกากัน” ไป๋อี้กล่าวขึ้น

        เห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนเห็นด้วย โดยเฉพาะไต้ยู่เหยาและฉินข่ายรุ่ยที่เพิ่งจะเห็นสุนัขสองตัวกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาด สาวสวยที่ได้รับการช่วยเหลือจากไป๋อี้เองก็ยินยอมที่จะติดตามไป๋อี้ไปด้วยเช่นกัน ตอนนี้โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ใคร ๆ ก็รู้ว่าการอยู่ตัวคนเดียวในเมืองนั้นก็เหมือนกับการรอคอยความตายหรือว่าอาจจะโหดร้ายยิ่งกว่าความตายด้วยซ้ำ 

        นอกจากรถสี่คันของไป๋อี้แล้วยังมีรถบรรทุกคันใหญ่เพิ่มมาอีกหนึ่งคัน ทุกอย่างล้วนเป็นสินค้าและวัตถุดิบที่ได้มาจากพวกแก๊งมาเฟียทมิฬทั้งนั้น หลังจากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถมุ่งหน้าออกจากเตอวามูตู

        ในระหว่างทางที่ผ่านมานั้นได้พบเจอกับการต่อสู้เป็นระยะ ไป๋อี้เองก็ได้เห็นสิ่งที่หยูหานพูดว่า ‘สุนัขที่กลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาด’ สองตัวนั้นเป็นสัตว์ประหลาดจริง ๆ มองออกเลยว่าแต่เดิมเคยเป็นสุนัข แต่ว่าตอนนี้ทั้งตัวสูงกว่าหนึ่งเมตร ยาวสองเมตรกว่า และเผยให้เห็นฟันแหลมคม โดยทั้งตัวยังมีลักษณะเฉพาะของสัตว์อื่นอีกด้วย มันเป็นเหมือนกับการผสมผสานเอกลักษณ์ของสุนัขที่มีสองหัวเข้าด้วยกัน

        สุนัขทั้งสองตัวได้ลากซากศพของทุกคนไปไว้ที่กลางถนนและเริ่มกัดกินอาหารของตนที่ริมทางเท้า เลือดยังไหลออกจากร่างศพอย่างต่อเนื่องและเปื้อนไปทั่วพื้น สุนัขสองตัวนี้อาจจะยังไม่ดุร้ายเท่าสัตว์ประหลาดที่หลบหนีออกมาจากสถาบันแฮมิลตันทางตอนเหนือ แต่ว่าพอมองดูแล้วก็ทำให้คนตกใจได้เหมือนกัน

        บนถนนมีรถวิ่งผ่านไปแต่ว่ากลับไม่มีใครสักคนที่กล้าเข้าไปขัดขวางเจ้าสุนัขสองตัวนี้ ในทางกลับกันเมื่อเวลารถแล่นผ่านไปสุนัขทั้งสองตัวนั้นยังคงมองตามมาและแยกเขี้ยวแสดงให้เห็นถึงฟันที่แหลมคม

        ……………

        LV1-1 สภาวะหิวโหยการผสานรวมยีน

        คำสองสามคำได้แวบผ่านเข้ามาในหัวของไป๋อี้ จากนั้นทั้งขบวนรถก็ขับผ่านถนนเส้นนั้นและทิ้งสุนัขที่ดุร้ายทั้งสองไว้เบื้องหลัง

        ———–

        การมุ่งหน้าไปที่โอโทโรฮังกามีถนนอยู่สองสายด้วยกัน ถนนเส้นที่หนึ่งคือถนนออตโต้โรฮันซึ่งเป็นทางหลวงเส้นหลักของเมืองโอโทโรฮังกาและอยู่ทางตะวันออกค่อนไปทางด้านในประเทศ อีกเส้นทางหนึ่งคือถนนโปคูรูซึ่งเป็นเหมือนกับทางหลวง พูดได้เลยว่าถนนสายนี้ซ่อมแซมได้ง่ายและก็ไม่ค่อยจะมีผู้คนสัญจรเท่าใดนัก

        เส้นทางทั้งสองล้วนมีความเสี่ยงในตัวของมันเอง ส่วนจะเป็นความเสี่ยงอะไรนั้นคงจะต้องไปคิดกันเอาเองแล้ว ทุกคนโต้แย้งกันเล็กน้อยจากนั้นจึงเลือกเส้นทางที่สองคือถนนโปคูรูที่ห่างไกลออกมาสักหน่อย

        เป็นไปตามที่คนส่วนใหญ่ได้คิดไว้ มีผู้คนสัญจรบนถนนโปคูรูไม่มากนักทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างเงียบสงบ หากว่าไม่ได้มีคนได้รับบาดเจ็บอยู่สองสามคนแล้วล่ะก็คงจะคิดประมาณได้ว่าโลกในปัจจุบันนั้นยังคงเป็นโลกใบเดิมได้เลยทีเดียวเชียว ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

        ไป๋อี้นั่งอยู่บนเบาะของตนและไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ชาร์ไป่เองก็นอนอยู่ที่เบาะหลังอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้ขยับไปไหน โม่โม่ที่กำลังเศร้าสร้อยกำลังสวมกอดไป๋อี้อยู่ แม้ว่าเบลล่าได้นำลูกกระสุนปืนออกมาจากชาร์ไป่เรียบร้อยแล้ว แต่ขั้นตอนที่ทำไปอย่างเรียบง่ายนั้นยังไม่ได้รับการเย็บและก็ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าชาร์ไป่จะมีชีวิตรอดหรือไม่

        ขบวนรถยังเคลื่อนตัวต่อไป ทุกคนล้วนอยู่ในความเงียบงันโดยไม่มีการพูดคุยกัน หลังจากเรื่องราวที่เพิ่งผ่านพ้นไปถึงแม้ว่าฉินข่ายรุ่ยจะไม่ได้กล่าวโทษไป๋อี้อีกต่อไป แต่ว่าเดิมทีช่องว่างระหว่างกลุ่มที่กว้างอยู่แล้วกลับกว้างยิ่งขึ้นไปอีก ยังคงมีผู้คนที่มองไป๋อี้เป็นผู้นำในขณะที่อีกด้านหนึ่งหยูหานเองก็มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ซึ่งเป้าหมายของเขา … สำเร็จแล้ว

        ไป๋อี้หลับตาลงหวนนึกถึงการต่อสู้ในตอนนั้น สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันบนริมฝีปากของเขา

        ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ก็แค่นั้นเอง!

        ขบวนรถได้ขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

        หลังจากที่วูล์ฟเห็นปั๊มน้ำมัน เขาก็หมายจะขับรถเข้าไปแต่ก็ต้องหยุดลงและรถสองสามคันที่ตามหลังมาก็หยุดตามเช่นกัน ข้างในปั๊มน้ำมันเกิดความโกลาหลอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนอยู่จำนวนมาก และท่อส่งน้ำมันเส้นหนึ่งได้รับความเสียหายทำให้น้ำมันเบนซินไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันเบนซินระเหยไปทั่ว

        ไป๋อี้ลงจากรถมองดูก็รู้แล้วว่าผู้คนกลุ่มก่อนหน้านี้วางแผนอะไรไว้ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่การเติมน้ำมันรถอย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้นแต่ยังทำให้ท่อส่งน้ำมันเสียหายก่อนจะค่อยเติมน้ำมันให้เต็ม สถานการณ์ในตอนนี้ของนิวซีแลนด์ที่จริงแล้วได้รับการเตรียมพร้อมอย่างดี ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะไม่มีน้ำมันเบนซินแต่ถึงอย่างไรก็ตามพฤติกรรมนี้เป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดความไม่สะดวกต่อคนที่มาทีหลังและยังสิ้นเปลืองน้ำมันเบนซินโดยใช่เหตุ

        “นายมาเติมน้ำมัน ฉันจะไปหาดูว่ามีอะไรที่เหมาะเอามาทำเป็นภาชนะไหม พวกเราจะเอาน้ำมันเบนซินไปด้วยบางส่วน” ไป๋อี้กล่าว

        “อืม” วูล์ฟพยักหน้า ในเวลานี้คนอื่น ๆ ก็ลงจากรถเช่นกัน หลังจากเห็นความเคลื่อนไหวของวูล์ฟทุกคนก็เริ่มลงมือ ผู้หญิงสองสามคนที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ในกลุ่มต้องการที่จะแสดงถึงการมีอยู่ของตนจึงอยากช่วยเหลือ แต่เรื่องยุ่งเหยิงแบบนี้พวกเธอไม่เข้าช่วยคงจะดีกว่า

        ปั๊มน้ำมันมีขนาดไม่ใหญ่มากและภาชนะอะไรก็ตามถูกคนที่มาก่อนด้านหน้าหยิบไปหมดแล้ว ไป๋อี้เองก็หาถังน้ำมันไม่เจอ จุดสำคัญที่สุดคือมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

        “ไป๋อี้ น้ำมันมีไม่มากนัก มีรถคันหนึ่งไม่พอใจกับการที่น้ำมันเบนซินรั่วไหลออกจากท่อน้ำมันที่แตก” เมื่อไป๋อี้กลับมาวูล์ฟก็พูดขึ้น สีหน้าของคนอื่นก็ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ รถทุกกันก็ล้วนแต่ตามหาความสะดวกสบายจากในเมืองกันทั้งนั้น เดิมทีแล้วน้ำมันก็ไม่ใช่ว่าจะมีอยู่เยอะ ซึ่งประมาณการได้ว่าอีกไม่นานมันก็คงจะหมดลง

        “ไม่เป็นไร สถานการณ์นี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดขึ้น แค่สามารถไปจนถึงโอโทโรฮังกาได้ก็พอแล้ว” ไป๋อี้พูด

        “แต่ว่าโอโทโรฮังกาก็คงจะโกลาหลอยู่เหมือนกันนะ” วูล์ฟพูดอย่างไม่แน่ใจนัก

        “แน่นอนว่าตอนนี้ทั่วทั้งนิวซีแลนด์ล้วนโกลาหลไปหมดแล้ว” ไป๋อี้มองไปที่วูล์ฟแล้วยิ้มออกมา เมื่อวูล์ฟมองไปที่ไป๋อี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังยิ้มได้อยู่ทั้ง ๆที่ทั่วทั้งนิวซีแลนด์ตกอยู่ในความวุ่นวาย วูล์ฟส่ายหัวแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากนักเพราะการใช้สมองไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด

        ……………

        เมื่อเดินทางมาถึงภูเขาคาคิพิขุทุกคนก็หยุดแวะกันอีกครั้งเป็นเพราะว่า … ความหิว

        นิวซีแลนด์มีประชากรบางเบาเสมอโดยมีที่ราบสองข้างทางซึ่งเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ ภูเขาคาคิพิขุมีความสูงเพียง 400 เมตรซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นภูเขาที่ใหญ่มากนัก ที่ทางแยกของถนนตรงเชิงเขามีครอบครัวอยู่สองครอบครัว ลักษณะเป็นบังกะโลขนาดเล็กทั่วไป กลุ่มของไป๋อี้ขับรถเข้าไปในลานเล็ก ๆ จากนั้นพอตรวจสอบก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเพราะทุกคนได้หนีกันไปจนหมดแล้ว

        “เราจะกินอาหารกันที่นี่ ยืมห้องครัวของเจ้าของบ้านสักหน่อย คนที่ไม่มีธุระอะไรก็ไปพักได้ พวกคุณมีใครทำอาหารได้บ้างยกมือหน่อย” ไป๋อี้พูดกับทุกคน แต่ว่ากลุ่มของหยูหานก็ปลีกตัวออกจากไป๋อี้และเดินไปที่บ้านอีกหลัง เห็นได้ชัดว่าไป๋อี้อยู่ในกลุ่มแต่กลับไม่ได้รับความไว้วางใจอีกต่อไป

        ฮ่า~ ไป๋อี้หัวเราะกับตัวเองในใจ

        “เข้ามาในบ้านของคนอื่นแบบนี้มันจะไม่มีปัญหาเหรอ?” หนึ่งในสี่ของผู้หญิงที่เข้ามาร่วมกลุ่มทีหลังเอ่ยขึ้น

        “ก็แค่ยืมใช้ห้องครัวเอง เวลานี้ไม่มีใครเขามาสนใจเรื่องนี้กันแล้ว” ไป๋อี้มองไปที่หญิงสาวที่พูดขึ้นมาคนนั้น

        “ฉี่ฮว๋า เธอมาทำอาหารเถอะ ฉันจะคอยให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ แค่อย่าใส่น้ำมันกับเกลือผิดก็พอ” ไป๋อี้เอ่ยขึ้น

        “อื้ม ได้เลย” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        “ฉันก็ทำอาหารกินเองที่บ้านนะ ต้องการให้ช่วยไหม” ผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ได้เดินจากไปกล่าวขึ้นมา ไป๋อี้ยังไม่ได้ถามชื่อจากหญิงสาวทั้งสี่ที่เพิ่งจะเข้าร่วมกลุ่มเลย ในเวลานี้ผู้หญิงอีกสามคนตามหยูหานและคนอื่นไปที่บ้านอีกหลัง มีเพียงเฮลัวส์ที่ยังคงอยู่

        “ได้สิ คุณชื่ออะไรอย่างนั้นเหรอ?” ไป๋อี้ถาม

        “เฮลัวส์!”

        ผู้หญิงทั้งสี่คนนั้นสวยมาก หากว่าไม่สวยก็คงจะไม่ถูกพวกคนชั่วจับตัวไปและถูกทำร้ายหรอก ชื่อของผู้หญิงทั้งสี่คนคือ 1.เบลล่า (ศัลยแพทย์ฝึกหัด), 2.เฮลัวส์ (เจ้าสาวมือใหม่), 3.อกาธา (นักศึกษาวิทยาลัย), 4.เหม่ยหลิน (นักแปลอิสระ)

        ในความเป็นจริงไม่ได้มีเพียงพวกเขาทั้งสี่คนที่ถูกจับ เมื่อตอนพวกที่เหลือหนีไปพวกเขาก็พาผู้หญิงไปด้วยอีกสองสามคน สำหรับหญิงสาวที่สวยและเยาว์วัยหากพวกเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ในยุคที่วุ่นวายเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก

        การทำอาหารและกับข้าวทั้งหมดถูกส่งต่อให้หงฉี่ฮว๋าและเฮลัวส์เป็นคนจัดการ ในขณะที่หยูหานและกลุ่มของเขาไปที่บังกะโลอื่น ดูเหมือนว่าในตอนที่ทุกคนอยู่บนรถคนละคันกันทุกคนคงได้ยินมาว่าไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าเป็นคนที่เลือดเย็นแค่ไหน นอกจากเฮลัวส์ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะอยู่กับพวกของไป๋อี้เลย

        อย่างไรก็ตามไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากพวกเขาเป็นคนแปลกประหลาดและโดดเดี่ยว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาพวกเขาไม่เคยทำให้ใครพอใจอยู่แล้ว

        ไป๋อี้กลับมาที่รถและพบว่าชาร์ไป่ยังคงนอนอยู่บนเบาะหลังพร้อมกับเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากบาดแผลที่พันไว้ อีกทั้งเลือดยังเปรอะเปื้อนไปทั่วเบาะหลัง เมื่อเห็นไป๋อี้ใกล้เข้ามาชาร์ไป่ก็ส่งเสียงอย่างอ่อนแรง ไป๋อี้แตะไปที่หัวของชาร์ไป๋จากนั้นก็กอดโม่โม่อย่างแผ่วเบา

        “พ่อ ชาร์ไป่จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ!”

        “อืม ไม่เป็นอะไรหรอก”

        แม้ว่าไป๋อี้จะไม่ใช่หมอแต่เขาก็รู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์ปกติอาการบาดเจ็บของชาร์ไป่นั้นไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่แปลกก็คือสภาพทางสรีรวิทยาของชาร์ไป่ยังค่อนข้างคงที่จนถึงตอนนี้ และมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ดี มองดูแล้วความเป็นไปได้เดียวก็คือมีเซลล์ดัดแปลงอยู่ในร่างกายของเจ้าชาร์ไป่

 

                                                               ————————

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+