[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 156 อ่อนอิทธิพล

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 156 อ่อนอิทธิพล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ฝูงชนที่มารวมตัวกันโดยบังเอิญดึงดูดความสนใจของคนในละแวกนั้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงได้รู้ว่าไป๋อี้มาที่เมืองไครสต์เชิร์ช ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร่วมอย่างคึกคะนองหรือเพื่อหวังให้ไป๋อี้ช่วยเรียกสติคนที่เข้าสู่สภาวะดุร้ายเหล่านั้น มนุษย์วิวัฒนาการส่วนใหญ่ที่ทราบข่าวต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์จะบานปลายมากขึ้นเรื่อย ๆ

  แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่นี่ทำให้กลุ่มผู้ถืออำนาจในไครสต์เชิร์ชต่างตกใจเช่นกัน

  ไป๋อี้มาที่นี่!

  เมื่อพวกเขาทราบข่าว กลุ่มคนที่มีอำนาจก็รู้สึกประหลาดใจอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นก็เริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าครึ่งปี แต่การกำกับดูแลในไครสต์เชิร์ชก็ยังไม่ชัดเจน ตอนนี้ไครสต์เชิร์ชถูกควบคุมดูแลโดยกองกำลังทั้งห้า ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลุ่มเล็ก ๆ ดังกล่าวนี้รวมถึงทีมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ มีจำนวนทั้งหมดกี่คน คำพูดของไป๋อี้ในตอนนั้นเป็นการส่งเสริมความทะเยอทะยานของผู้คนได้จริง ๆ

  ในเวลานี้หากไป๋อี้เข้ามาในเมืองมันจะเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อสถานะที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย

  จะปล่อยสิทธิที่อยู่ในมือของตนไปได้อย่างไร!

  อย่าบอกว่าความคิดนี้หยาบช้า สิทธิ ความปรารถนา เป็นแรงผลักดันให้คนส่วนใหญ่ก้าวไปข้างหน้าและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมองผ่านไปได้ แม้ว่าคนที่มีอำนาจเหล่านี้จะไม่ต้อนรับการมาของไป๋อี้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องไม่แสดงออกทางสีหน้าและพวกเขาก็ต้องแสดงท่าทางต้อนรับเป็นอย่างดีด้วย คนที่สามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา และในไม่ช้าก็มีคนวิ่งเข้ามา

  ……

  “มีคนมา ท่านรัฐมนตรีอัลคอตต์” เสียงจากด้านนอกดังขึ้นพร้อมกับมีคนแทรกเข้ามาท่ามกลางกลุ่มคน ไป๋อี้มองไปที่ชายคนนั้นจึงได้ตระหนักว่าอัลคอตต์คนนี้มีร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีลักษณะพิเศษอะไร

  “ผู้นี่คือหัวหน้าไป๋อี้สินะ ฉันคืออัลคอตต์ รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยแห่งสาธารณะไครสต์เชิร์ช” อัลคอตต์เดินเข้าไปหาไป๋อี้ทันทีที่เขามาถึง

  “สวัสดีครับ ผมคือไป๋อี้”

  “คุณมีชื่อเสียงมานานแล้ว ฉันไม่คาดคิดเลยว่าหัวหน้าไป๋อี้จะมาเยือนไครสต์เชิร์ชในวันนี้ เรารอคอยกันมาเป็นเวลาเนิ่นนาน พี่น้องของเราหลายคนตกอยู่ในสภาวะดุร้าย และปัจจุบันเราเองก็ยังไม่พบทางออกที่ดี การมาเยือนของหัวหน้าไป๋อี้นั้นเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมในการพูดคุย เราไปที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะก่อนแล้วค่อยคุยกันดี ๆ อีกที” อัลคอตต์กล่าว

  “ตกลง!” เปลือกตาของไป๋อี้กระตุกเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้น ผมก็รู้สึกขอบคุณจริง ๆ” อัลคอตต์ดูเป็นเกียรติมาก จากนั้นก็โบกมือให้กับฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ เพื่อปรามพวกเขาว่าอย่าให้เกิดความวุ่นวาย “ฉันรู้ว่าทุกคนตื่นเต้นกับการมาถึงของหัวหน้าไป๋อี้ในไครสต์เชิร์ช ฉันเชื่อว่าหัวหน้าไป๋อี้จะไม่เพิกเฉยต่อพี่น้องของเราที่เข้าสู่สภาวะดุร้ายแน่ ๆ แต่พวกคุณช่วยปล่อยเขาออกมาก่อนได้ไหม ทุกอย่างต้องมีกระบวนการที่สมเหตุสมผล ได้โปรดอดทนรอ ฉันคิดว่าหัวหน้าไป๋อี้จะได้มาพบพวกคุณอีกครั้งในไม่ช้านี้” อัลคอตต์พูดกับฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ มนุษย์วิวัฒนาการที่แออัดและกำลังตื่นเต้นจึงค่อย ๆ สงบลง

  “ถ้าอย่างนั้นก็ เชิญ!”

  “ขอบคุณครับ!” ไป๋อี้ยิ้มที่มุมปาก แต่ในใจกลับปรากฏรอยยิ้มแอบแฝงอยู่ข้างใน!!

  อันที่จริงก่อนที่จะมาถึงไครสต์เชิร์ชไป๋อี้และทีมได้พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะต้องเจอในไครสต์เชิร์ช พวกเขาเชื่อว่าเมื่อไป๋อี้มาเยือนที่นี่ เขาอาจจะถูกลอยตัวอยู่อย่างนั้น เพราะแม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียง แต่เขาก็ไม่มีอำนาจมากนัก ช่วยไม่ได้ ไป๋อี้มาช้ากว่าคนอื่น ๆ ถึงครึ่งปี ไครสต์เชิร์ชได้สร้างระบบโครงสร้างของตัวเองขึ้นมาและไม่มีใครอยากให้ไป๋อี้ทำรัง

  แน่นอนว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น อัลคอตต์ได้มอบตำแหน่งหน้าที่ให้ไป๋อี้ในการช่วยเหลือมนุษย์วิวัฒนาการทุกคนที่ตกอยู่ในสภาวะดุร้ายให้หฟื้นคืนสติ!

  มีเหรอจะปฏิเสธ?

  จะเป็นไปได้อย่างไร! ไป๋อี้ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ในปัจจุบันเขาเป็นคนเดียวที่สามารถปลุกคนที่ตกอยู่ในสภาวะดุร้ายได้ เพียงแค่มองไปที่ผู้คนที่ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ หากไป๋อี้ปฏิเสธก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากกว่านี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อความคาดหวังในใจของผู้คนเหล่านี้ถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานีมันง่ายที่จะเปลี่ยนจากความคาดหวังที่ตื่นเต้นเป็นการใส่ร้ายและความไม่พอใจได้ ถ้าถึงเวลานั้นไป๋อี้จะยังมีจุดยืนในหมู่มนุษย์วิวัฒนาการอีกหรือ?

  ผู้ชายคนนี้ ไป๋อี้เหลือบมองอัลคอตต์รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะโดยไม่ตั้งใจ

  อย่างไรก็ตามไป๋อี้ก็ได้แต่ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ ……. ฮี่ฮี่!

  ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ ไป๋อี้ได้คิดถึงผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว อันที่จริง ไป๋อี้และคนในทีมได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ในนิวซีแลนด์และวิวัฒนาการของมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว

  สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือไป๋อี้และคนในทีมมีความเข้าใจเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงเป็นอย่างดี แน่นอนว่าท่ามกลางผู้คนมากมายน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าใจได้ และยิ่งพวกเขารู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ไป๋อี้และคนในทีมประหลาดใจมากยิ่งขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงที่พบในตอนนี้สามารถแบ่งออกเป็นระยะต่าง ๆ ได้ดังนี้ ระยะแรกเริ่ม LV0, ระยะหิวโหย LV1-1, ระยะดุร้าย LV1-2, ระยะหลับใหล LV1-3 และระยะกลายพันธุ์ LV2 เกรงว่าความเข้าใจของคนอื่นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน LV2 นั้นยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดแค่เพียงชื่อเท่านั้น ซึ่งไป๋อี้และเพื่อน ๆ รู้ดีกว่าคนเหล่านี้

  ระยะกลายพันธุ์ LV2 เป็นระยะที่แข็งแกร่งมาก เพียงแค่ความแข็งแกร่งในระยะเริ่มต้นก็ทรงพลังมากแล้ว สำหรับการพัฒนาในลำดับถัดไปอย่างต่อเนื่อง ไป๋อี้และคนในทีมยังไม่ทราบอย่างชัดเจนนัก แต่พวกเขาก็ได้ให้ไนท์คำนวณจากการจำลองขึ้นมาแล้ว

  ผลสรุปสุดท้าย คือ ความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคลอยู่เหนือสิทธิ์ของกลุ่มทางสังคม!

  พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าเซลล์ดัดแปลงยังคงมีวิวัฒนาการต่อไป ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของแต่ละบุคคลจะนำมาซึ่งการปกครองและการยับยั้ง มันมีประสิทธิภาพและยิ่งใหญ่กว่าพลังที่ได้รับจากกลุ่มทางสังคม

  เป็นเพราะไนท์ได้สรุปประเด็นนี้ไว้แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ไป๋อี้และคนในทีมตั้งเป้าหมายในอนาคต

        พวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อสิทธิ์ใด ๆ ในตอนนี้ แต่ใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตนเองและเพิ่มความแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้เพิ่งทลายรังไหมและกลายเป็นผีเสื้อ เขายังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองมากนักและไม่มีเวลาที่จะเสียไปกับการต่อสู้เพื่ออำนาจ สิ่งที่กลุ่มสังคมมอบให้ไม่ใช่ของตน มีเพียงกำลังของตนเองเท่านั้นที่จะไม่ทรยศต่อตนเอง

  ความทะเยอทะยาน ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความทะเยอทะยาน กล่าวโดยสรุปคือไป๋อี้ต้องการมีพลังในการปกป้องตัวเองและเพื่อน ๆ

  ……

  แน่นอนว่าผู้ปกครองชั่วคราวที่เป็นกังวลมากกับการมาเยือนของไป๋อี้ที่เมืองนี้คงไม่รู้แผนของไป๋อี้อย่างแน่นอน

  แม้จะกล่าวว่าที่นี่เป็นกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ แต่เมื่อไป๋อี้และคนในทีมมาที่นี่ พวกเขาก็พบว่ามันเป็นโบสถ์มหาวิหาร เมื่อมองไปยังมนุษย์วิวัฒนาการสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูที่มีความสูงกว่า 3 เมตร ไป๋อี้ก็เข้าใจได้ทันที อันที่จริงมีเพียงอาคารขนาดใหญ่ที่สวยงามเช่นโบสถ์เท่านั้นที่จะเหมาะสมสำหรับมนุษย์ที่มีขนาดโตกว่าปกติเช่นนี้ 

  หลังจากที่ไป๋อี้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ ในเวลาไม่นาน รัฐมนตรีของหน่วยงานอื่น ๆ ในไครสต์เชิร์ชก็มาที่นี่เช่นกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมาด้วยความไม่เต็มใจแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อไป๋อี้เพื่อเป็นฉากบังหน้า

  หลังจากได้พบคนไม่กี่คนเหล่านี้ ไป๋อี้และคนในทีมก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างปัจจุบันของไครสต์เชิร์ช แน่นอนว่าเมืองในปัจจุบันไม่สามารถแบ่งหน่วยงานออกเป็นจำนวนมากเหมือนเมืองปกติได้ โดยจัดให้มีหน่วยงานที่จำเป็นเพียงไม่กี่หน่วยงานเท่านั้น

  1.กระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในไครสต์เชิร์ช โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอัลคอตต์

  2.กระทรวงการเกษตร ค้นหาผักพืชและปศุสัตว์ที่สามารถปลูกและกินได้เป็นเวลานานจากพืชกลายพันธุ์ต่าง ๆ ในนิวซีแลนด์เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารขึ้นมาใหม่ โดยรัฐมนตรีเอ็ดการ์ซึ่งเคยเป็นนักพฤกษศาสตร์มาก่อน

  3.กระทรวงกลาโหม เป็นกองกำลังติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในไครสต์เชิร์ชซึ่งรับผิดชอบการผลิตอาวุธและทำการกวาดล้างสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการรอบ ๆ ไครสต์เชิร์ช ปัจจุบันนำโดยรัฐมนตรีฟรอยแลนซ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงในไครสต์เชิร์ช

  4.กระทรวงการวิจัย เป็นผลสืบเนื่องมาจากคำพูดและข้อมูลของไป๋อี้แต่เดิม ซึ่งไครสต์เชิร์ชยังได้เริ่มการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงโดยหวังว่าจะหาทางแก้ไขผลเสียของเซลล์ดัดแปลงได้ เดิมทีรัฐมนตรีไอแซคเป็นนักวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเซลล์ในช่วงแรก ๆ ของการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์เขารู้อะไรไม่น้อยไปกว่าไป๋อี้ เพียงแต่เขาไม่เคยกล้าออกมาพูดแบบนี้กับคนอื่น จนตอนนี้เขาถึงได้กล้าเปิดเผยตัวตนอีกครั้ง

  5.กระทรวงแพทยศาสตร์ วิจัยสัตว์และพืชชนิดใหม่ในนิวซีแลนด์ สกัดส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพจากพวกมันและร่วมมือกับเทคโนโลยีทางการแพทย์และระบบของมนุษยชาติโดยหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นและช่วยมนุษย์วิวัฒนาการได้มากขึ้น โดยรัฐมนตรีลูเซียซึ่งเคยเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในนิวซีแลนด์และปัจจุบันยังเป็นหมอปรุงยาที่เก่งกาจมากที่สุดในไครสต์เชิร์ช

  หลังจากรู้ระบบโครงสร้างหลักของไครสต์เชิร์ชในปัจจุบัน ไป๋อี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอดถอนใจด้วยความหดหู่ การรวมอำนาจนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาถูกถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกันจึงไม่มีผู้นำอย่างแท้จริง

  เกี่ยวกับการมาถึงของไป๋อี้ คนเหล่านี้แต่ละคนมีแนวคิดเป็นของตนเอง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยากมีคนที่เหนือกว่าตนอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นนี้ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของไป๋อี้ทำให้พวกเขาต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างดี

  ก่อนที่พวกไป๋อี้จะมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ได้ยินคำพูดของอัลคอตต์บนท้องถนน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเห็นพ้องต้องกันอย่างลับ ๆ ไป๋อี้มีเกียรติสูง ตอนนี้เขามีภารกิจอันสูงส่งในการช่วยชีวิตเพื่อนพี่น้องที่เข้าสู่ระยะดุร้าย ถ้าเป็นคุณคุณจะปฏิเสธได้เหรอ

  “ได้สิ มันเป็นหน้าที่!” สำหรับความคาดหวังของทุกคน ไป๋อี้ตอบตกลงอย่างง่ายดาย

  “ผมจะพยายามปลุกคนที่ตกอยู่ในระยะดุร้าย แต่ดวงตาของผมไม่สามารถใช้งานได้อย่างไม่จำกัด ดังนั้นผมต้องการเวลาพักผ่อนให้มาก และเกรงว่าจะช่วยคนจำนวนมากไม่ได้” ไป๋อี้พูดช้า ๆ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

  “ไม่เป็นไร เพียงใครบางคนสามารถฟื้นคืนสติได้ก็ช่วยได้มากแล้ว นี่ยังเป็นกำลังใจและความหวังที่ดีสำหรับคนอื่น ๆ อีกด้วย” รัฐมนตรีทั้งสามกล่าวอย่างรวดเร็ว อีกสองคนไม่ได้พูดอะไรพวกเขาเพียงแค่มองไปที่ไป๋อี้และครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ ไป๋อี้คนนี้อ่อนอิทธิพลจริง ๆ หรือ?

  นั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียว ไป๋อี้ไม่ได้กระตือรือร้นในอำนาจมากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไนท์วิเคราะห์ว่าในระยะหลังความแข็งแกร่งส่วนบุคคลจะสามารถลบล้างอำนาจทางสังคมได้อย่างสมบูรณ์ คราวนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมถึงต้องยอมเสียเวลาในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการช่วยมนุษย์ที่วิวัฒนาการได้อย่างแท้จริงจึงไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

  เพียงแค่พวกเขายังไม่เข้าใจ!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 156 อ่อนอิทธิพล

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 156 อ่อนอิทธิพล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ฝูงชนที่มารวมตัวกันโดยบังเอิญดึงดูดความสนใจของคนในละแวกนั้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงได้รู้ว่าไป๋อี้มาที่เมืองไครสต์เชิร์ช ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาร่วมอย่างคึกคะนองหรือเพื่อหวังให้ไป๋อี้ช่วยเรียกสติคนที่เข้าสู่สภาวะดุร้ายเหล่านั้น มนุษย์วิวัฒนาการส่วนใหญ่ที่ทราบข่าวต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์จะบานปลายมากขึ้นเรื่อย ๆ

  แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่นี่ทำให้กลุ่มผู้ถืออำนาจในไครสต์เชิร์ชต่างตกใจเช่นกัน

  ไป๋อี้มาที่นี่!

  เมื่อพวกเขาทราบข่าว กลุ่มคนที่มีอำนาจก็รู้สึกประหลาดใจอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นก็เริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าครึ่งปี แต่การกำกับดูแลในไครสต์เชิร์ชก็ยังไม่ชัดเจน ตอนนี้ไครสต์เชิร์ชถูกควบคุมดูแลโดยกองกำลังทั้งห้า ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลุ่มเล็ก ๆ ดังกล่าวนี้รวมถึงทีมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ มีจำนวนทั้งหมดกี่คน คำพูดของไป๋อี้ในตอนนั้นเป็นการส่งเสริมความทะเยอทะยานของผู้คนได้จริง ๆ

  ในเวลานี้หากไป๋อี้เข้ามาในเมืองมันจะเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อสถานะที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย

  จะปล่อยสิทธิที่อยู่ในมือของตนไปได้อย่างไร!

  อย่าบอกว่าความคิดนี้หยาบช้า สิทธิ ความปรารถนา เป็นแรงผลักดันให้คนส่วนใหญ่ก้าวไปข้างหน้าและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมองผ่านไปได้ แม้ว่าคนที่มีอำนาจเหล่านี้จะไม่ต้อนรับการมาของไป๋อี้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องไม่แสดงออกทางสีหน้าและพวกเขาก็ต้องแสดงท่าทางต้อนรับเป็นอย่างดีด้วย คนที่สามารถนั่งในตำแหน่งนี้ได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา และในไม่ช้าก็มีคนวิ่งเข้ามา

  ……

  “มีคนมา ท่านรัฐมนตรีอัลคอตต์” เสียงจากด้านนอกดังขึ้นพร้อมกับมีคนแทรกเข้ามาท่ามกลางกลุ่มคน ไป๋อี้มองไปที่ชายคนนั้นจึงได้ตระหนักว่าอัลคอตต์คนนี้มีร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีลักษณะพิเศษอะไร

  “ผู้นี่คือหัวหน้าไป๋อี้สินะ ฉันคืออัลคอตต์ รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยแห่งสาธารณะไครสต์เชิร์ช” อัลคอตต์เดินเข้าไปหาไป๋อี้ทันทีที่เขามาถึง

  “สวัสดีครับ ผมคือไป๋อี้”

  “คุณมีชื่อเสียงมานานแล้ว ฉันไม่คาดคิดเลยว่าหัวหน้าไป๋อี้จะมาเยือนไครสต์เชิร์ชในวันนี้ เรารอคอยกันมาเป็นเวลาเนิ่นนาน พี่น้องของเราหลายคนตกอยู่ในสภาวะดุร้าย และปัจจุบันเราเองก็ยังไม่พบทางออกที่ดี การมาเยือนของหัวหน้าไป๋อี้นั้นเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมในการพูดคุย เราไปที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะก่อนแล้วค่อยคุยกันดี ๆ อีกที” อัลคอตต์กล่าว

  “ตกลง!” เปลือกตาของไป๋อี้กระตุกเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้า

  “ถ้าอย่างนั้น ผมก็รู้สึกขอบคุณจริง ๆ” อัลคอตต์ดูเป็นเกียรติมาก จากนั้นก็โบกมือให้กับฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ เพื่อปรามพวกเขาว่าอย่าให้เกิดความวุ่นวาย “ฉันรู้ว่าทุกคนตื่นเต้นกับการมาถึงของหัวหน้าไป๋อี้ในไครสต์เชิร์ช ฉันเชื่อว่าหัวหน้าไป๋อี้จะไม่เพิกเฉยต่อพี่น้องของเราที่เข้าสู่สภาวะดุร้ายแน่ ๆ แต่พวกคุณช่วยปล่อยเขาออกมาก่อนได้ไหม ทุกอย่างต้องมีกระบวนการที่สมเหตุสมผล ได้โปรดอดทนรอ ฉันคิดว่าหัวหน้าไป๋อี้จะได้มาพบพวกคุณอีกครั้งในไม่ช้านี้” อัลคอตต์พูดกับฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ มนุษย์วิวัฒนาการที่แออัดและกำลังตื่นเต้นจึงค่อย ๆ สงบลง

  “ถ้าอย่างนั้นก็ เชิญ!”

  “ขอบคุณครับ!” ไป๋อี้ยิ้มที่มุมปาก แต่ในใจกลับปรากฏรอยยิ้มแอบแฝงอยู่ข้างใน!!

  อันที่จริงก่อนที่จะมาถึงไครสต์เชิร์ชไป๋อี้และทีมได้พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะต้องเจอในไครสต์เชิร์ช พวกเขาเชื่อว่าเมื่อไป๋อี้มาเยือนที่นี่ เขาอาจจะถูกลอยตัวอยู่อย่างนั้น เพราะแม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียง แต่เขาก็ไม่มีอำนาจมากนัก ช่วยไม่ได้ ไป๋อี้มาช้ากว่าคนอื่น ๆ ถึงครึ่งปี ไครสต์เชิร์ชได้สร้างระบบโครงสร้างของตัวเองขึ้นมาและไม่มีใครอยากให้ไป๋อี้ทำรัง

  แน่นอนว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น อัลคอตต์ได้มอบตำแหน่งหน้าที่ให้ไป๋อี้ในการช่วยเหลือมนุษย์วิวัฒนาการทุกคนที่ตกอยู่ในสภาวะดุร้ายให้หฟื้นคืนสติ!

  มีเหรอจะปฏิเสธ?

  จะเป็นไปได้อย่างไร! ไป๋อี้ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ในปัจจุบันเขาเป็นคนเดียวที่สามารถปลุกคนที่ตกอยู่ในสภาวะดุร้ายได้ เพียงแค่มองไปที่ผู้คนที่ตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ หากไป๋อี้ปฏิเสธก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากกว่านี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อความคาดหวังในใจของผู้คนเหล่านี้ถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานีมันง่ายที่จะเปลี่ยนจากความคาดหวังที่ตื่นเต้นเป็นการใส่ร้ายและความไม่พอใจได้ ถ้าถึงเวลานั้นไป๋อี้จะยังมีจุดยืนในหมู่มนุษย์วิวัฒนาการอีกหรือ?

  ผู้ชายคนนี้ ไป๋อี้เหลือบมองอัลคอตต์รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะโดยไม่ตั้งใจ

  อย่างไรก็ตามไป๋อี้ก็ได้แต่ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ ……. ฮี่ฮี่!

  ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ ไป๋อี้ได้คิดถึงผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว อันที่จริง ไป๋อี้และคนในทีมได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ในนิวซีแลนด์และวิวัฒนาการของมนุษย์ด้วยกันเองแล้ว

  สิ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือไป๋อี้และคนในทีมมีความเข้าใจเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงเป็นอย่างดี แน่นอนว่าท่ามกลางผู้คนมากมายน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าใจได้ และยิ่งพวกเขารู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ไป๋อี้และคนในทีมประหลาดใจมากยิ่งขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงที่พบในตอนนี้สามารถแบ่งออกเป็นระยะต่าง ๆ ได้ดังนี้ ระยะแรกเริ่ม LV0, ระยะหิวโหย LV1-1, ระยะดุร้าย LV1-2, ระยะหลับใหล LV1-3 และระยะกลายพันธุ์ LV2 เกรงว่าความเข้าใจของคนอื่นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใน LV2 นั้นยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดแค่เพียงชื่อเท่านั้น ซึ่งไป๋อี้และเพื่อน ๆ รู้ดีกว่าคนเหล่านี้

  ระยะกลายพันธุ์ LV2 เป็นระยะที่แข็งแกร่งมาก เพียงแค่ความแข็งแกร่งในระยะเริ่มต้นก็ทรงพลังมากแล้ว สำหรับการพัฒนาในลำดับถัดไปอย่างต่อเนื่อง ไป๋อี้และคนในทีมยังไม่ทราบอย่างชัดเจนนัก แต่พวกเขาก็ได้ให้ไนท์คำนวณจากการจำลองขึ้นมาแล้ว

  ผลสรุปสุดท้าย คือ ความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคลอยู่เหนือสิทธิ์ของกลุ่มทางสังคม!

  พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าเซลล์ดัดแปลงยังคงมีวิวัฒนาการต่อไป ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของแต่ละบุคคลจะนำมาซึ่งการปกครองและการยับยั้ง มันมีประสิทธิภาพและยิ่งใหญ่กว่าพลังที่ได้รับจากกลุ่มทางสังคม

  เป็นเพราะไนท์ได้สรุปประเด็นนี้ไว้แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ไป๋อี้และคนในทีมตั้งเป้าหมายในอนาคต

        พวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อสิทธิ์ใด ๆ ในตอนนี้ แต่ใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตนเองและเพิ่มความแข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้เพิ่งทลายรังไหมและกลายเป็นผีเสื้อ เขายังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองมากนักและไม่มีเวลาที่จะเสียไปกับการต่อสู้เพื่ออำนาจ สิ่งที่กลุ่มสังคมมอบให้ไม่ใช่ของตน มีเพียงกำลังของตนเองเท่านั้นที่จะไม่ทรยศต่อตนเอง

  ความทะเยอทะยาน ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความทะเยอทะยาน กล่าวโดยสรุปคือไป๋อี้ต้องการมีพลังในการปกป้องตัวเองและเพื่อน ๆ

  ……

  แน่นอนว่าผู้ปกครองชั่วคราวที่เป็นกังวลมากกับการมาเยือนของไป๋อี้ที่เมืองนี้คงไม่รู้แผนของไป๋อี้อย่างแน่นอน

  แม้จะกล่าวว่าที่นี่เป็นกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ แต่เมื่อไป๋อี้และคนในทีมมาที่นี่ พวกเขาก็พบว่ามันเป็นโบสถ์มหาวิหาร เมื่อมองไปยังมนุษย์วิวัฒนาการสองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูที่มีความสูงกว่า 3 เมตร ไป๋อี้ก็เข้าใจได้ทันที อันที่จริงมีเพียงอาคารขนาดใหญ่ที่สวยงามเช่นโบสถ์เท่านั้นที่จะเหมาะสมสำหรับมนุษย์ที่มีขนาดโตกว่าปกติเช่นนี้ 

  หลังจากที่ไป๋อี้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ ในเวลาไม่นาน รัฐมนตรีของหน่วยงานอื่น ๆ ในไครสต์เชิร์ชก็มาที่นี่เช่นกัน ไม่ว่าพวกเขาจะมาด้วยความไม่เต็มใจแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อไป๋อี้เพื่อเป็นฉากบังหน้า

  หลังจากได้พบคนไม่กี่คนเหล่านี้ ไป๋อี้และคนในทีมก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างปัจจุบันของไครสต์เชิร์ช แน่นอนว่าเมืองในปัจจุบันไม่สามารถแบ่งหน่วยงานออกเป็นจำนวนมากเหมือนเมืองปกติได้ โดยจัดให้มีหน่วยงานที่จำเป็นเพียงไม่กี่หน่วยงานเท่านั้น

  1.กระทรวงความมั่นคงแห่งสาธารณะ รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในไครสต์เชิร์ช โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอัลคอตต์

  2.กระทรวงการเกษตร ค้นหาผักพืชและปศุสัตว์ที่สามารถปลูกและกินได้เป็นเวลานานจากพืชกลายพันธุ์ต่าง ๆ ในนิวซีแลนด์เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารขึ้นมาใหม่ โดยรัฐมนตรีเอ็ดการ์ซึ่งเคยเป็นนักพฤกษศาสตร์มาก่อน

  3.กระทรวงกลาโหม เป็นกองกำลังติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในไครสต์เชิร์ชซึ่งรับผิดชอบการผลิตอาวุธและทำการกวาดล้างสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการรอบ ๆ ไครสต์เชิร์ช ปัจจุบันนำโดยรัฐมนตรีฟรอยแลนซ์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงในไครสต์เชิร์ช

  4.กระทรวงการวิจัย เป็นผลสืบเนื่องมาจากคำพูดและข้อมูลของไป๋อี้แต่เดิม ซึ่งไครสต์เชิร์ชยังได้เริ่มการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงโดยหวังว่าจะหาทางแก้ไขผลเสียของเซลล์ดัดแปลงได้ เดิมทีรัฐมนตรีไอแซคเป็นนักวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยเซลล์ในช่วงแรก ๆ ของการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์เขารู้อะไรไม่น้อยไปกว่าไป๋อี้ เพียงแต่เขาไม่เคยกล้าออกมาพูดแบบนี้กับคนอื่น จนตอนนี้เขาถึงได้กล้าเปิดเผยตัวตนอีกครั้ง

  5.กระทรวงแพทยศาสตร์ วิจัยสัตว์และพืชชนิดใหม่ในนิวซีแลนด์ สกัดส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพจากพวกมันและร่วมมือกับเทคโนโลยีทางการแพทย์และระบบของมนุษยชาติโดยหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นและช่วยมนุษย์วิวัฒนาการได้มากขึ้น โดยรัฐมนตรีลูเซียซึ่งเคยเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในนิวซีแลนด์และปัจจุบันยังเป็นหมอปรุงยาที่เก่งกาจมากที่สุดในไครสต์เชิร์ช

  หลังจากรู้ระบบโครงสร้างหลักของไครสต์เชิร์ชในปัจจุบัน ไป๋อี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอดถอนใจด้วยความหดหู่ การรวมอำนาจนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาถูกถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกันจึงไม่มีผู้นำอย่างแท้จริง

  เกี่ยวกับการมาถึงของไป๋อี้ คนเหล่านี้แต่ละคนมีแนวคิดเป็นของตนเอง เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยากมีคนที่เหนือกว่าตนอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นนี้ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของไป๋อี้ทำให้พวกเขาต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างดี

  ก่อนที่พวกไป๋อี้จะมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ได้ยินคำพูดของอัลคอตต์บนท้องถนน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเห็นพ้องต้องกันอย่างลับ ๆ ไป๋อี้มีเกียรติสูง ตอนนี้เขามีภารกิจอันสูงส่งในการช่วยชีวิตเพื่อนพี่น้องที่เข้าสู่ระยะดุร้าย ถ้าเป็นคุณคุณจะปฏิเสธได้เหรอ

  “ได้สิ มันเป็นหน้าที่!” สำหรับความคาดหวังของทุกคน ไป๋อี้ตอบตกลงอย่างง่ายดาย

  “ผมจะพยายามปลุกคนที่ตกอยู่ในระยะดุร้าย แต่ดวงตาของผมไม่สามารถใช้งานได้อย่างไม่จำกัด ดังนั้นผมต้องการเวลาพักผ่อนให้มาก และเกรงว่าจะช่วยคนจำนวนมากไม่ได้” ไป๋อี้พูดช้า ๆ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

  “ไม่เป็นไร เพียงใครบางคนสามารถฟื้นคืนสติได้ก็ช่วยได้มากแล้ว นี่ยังเป็นกำลังใจและความหวังที่ดีสำหรับคนอื่น ๆ อีกด้วย” รัฐมนตรีทั้งสามกล่าวอย่างรวดเร็ว อีกสองคนไม่ได้พูดอะไรพวกเขาเพียงแค่มองไปที่ไป๋อี้และครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ ไป๋อี้คนนี้อ่อนอิทธิพลจริง ๆ หรือ?

  นั่นเป็นเพียงเหตุผลเดียว ไป๋อี้ไม่ได้กระตือรือร้นในอำนาจมากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไนท์วิเคราะห์ว่าในระยะหลังความแข็งแกร่งส่วนบุคคลจะสามารถลบล้างอำนาจทางสังคมได้อย่างสมบูรณ์ คราวนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมถึงต้องยอมเสียเวลาในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการช่วยมนุษย์ที่วิวัฒนาการได้อย่างแท้จริงจึงไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้

  เพียงแค่พวกเขายังไม่เข้าใจ!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+