[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 36 ความโกรธ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 36 ความโกรธ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ผลจากการระเบิดของถังน้ำมันไม่ได้ฆ่าตัวทากในทันที แต่เปลวไฟที่ถูกจุดด้วยน้ำมันเบนซินล้อมอยู่รอบตัวมันที่อยู่ด้านใน ตัวทากหนวดหมึกตัวนี้ยังคงต่อสู้และดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่มันก็สูญเสียการเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และสุดท้ายก็ขดตัวเข้าหากันจนตายในกองไฟ

        “ไปกัน!” หงฉี่ฮว๋าพูด

        “ไป ไปไหน?” มาร์ตินถาม

        “แน่นอนว่าต้องไปหาลุงไป๋น่ะสิ” หงฉี่ฮว๋ากล่าว เธอกระโดดลงมาจากทางลาดเล็ก ๆ แล้ววิ่งไปทางปั๊มน้ำมัน ในขณะนี้ปั๊มน้ำมันยังคงลุกไหม้โหมด้วยเปลวไฟ แต่การระเบิดได้หยุดลงแล้ว ตราบใดที่ระมัดระวังไม่เข้าไปใกล้เปลวไฟก็จะปลอดภัย

        “ไป๋อี้ตายไปแล้ว!” มาร์ตินผงะไปครู่หนึ่งแล้วตะโกนเสียงดัง

        “เป็นไปไม่ได้!”

        “เธอมีเหตุผลหน่อยสิ ไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากการระเบิดใหญ่ขนาดนั้นไปได้หรอกนะ แม้ว่าไป๋อี้จะมีสติดีแต่เขาก็เป็นเพียงคนคนหนึ่ง” มาร์ตินตะโกนเสียงดัง พฤติกรรมของไป๋อี้ทำให้มาร์ตินประทับใจจริง ๆ ลักษณะบางอย่างของไป๋อี้ทำให้เขารู้สึกชื่นชมมาก แต่มาร์ตินรู้สึกว่าเขาควรยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าไป๋อี้คงไม่สามารถรอดจากการระเบิดครั้งนี้ได้

        “ฉันบอกว่าเป็นไปไม่ได้ไง!” หงฉี่ฮว๋าหันออกมา เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกระโดดลงไป

        มาร์ตินมองไปตามแผ่นหลังของหงฉี่ฮว๋าที่เดินหายลับไปในระยะไกลด้วยความสงสัยว่าทำไมหงฉี่ฮว๋าถึงแน่ใจว่าไป๋อี้ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากกัดฟันกรอด ๆ มาร์ตินก็รีบวิ่งตามไป แต่ทันใดนั้นเสียงของรถก็ดังขึ้นและขับผ่านไป มาร์ตินมองไปเห็นชายหญิงสองสามคนกระโดดลงจากรถ โม่โม่เองก็อยู่ในรถคันนั้นและกระโดดลงมาด้วย

        “ไป๋อี้ล่ะ?” แพทย์หญิงในชุดเสื้อคลุมสีขาวกล่าว

        “เขาอยู่ในนั้น … คุณเป็นเพื่อนของไป๋อี้เหรอ? ” มาร์ตินตอบอย่างงงงวย เมื่อเห็นคนเหล่านี้รีบวิ่งเข้าหาเปลวไฟ เขาก็เริ่มตอบสนองอีกครั้งและเดินตามไปทันที

 

        “เฮ้เพื่อน!” เมย์ริสมองไปที่มาร์ตินและบริเวณผิวหนังที่ถูกตัวทากดูดด้วยหนวดของมัน

        “ซาร่าคุณมาช่วยเขาพันผ้าพันแผลแบบง่าย ๆ ที่ใช้ในการสู้รบหน่อย” เมย์ริสพูดกับหญิงสาวอีกคน

        “โอเคค่ะ คุณหมอเมย์ริส” หญิงสาวในชุดพยาบาลพยักหน้าทันที

        “ซาร่า …… คุณคงเป็นเพื่อนที่ไป๋อี้พูดถึงในโอโทโรฮังกา” มาร์ตินซัก

        “อืม เขาเคยบอกกับพวกคุณไหมว่าความเคลื่อนไหวของพวกคุณกินบริเวณกว้างจริง ๆ” ซาร่าพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

        “พ่อ พ่อ!” โม่โม่ที่เมย์ริสพามากำลังมองไปที่เปลวไฟและตะโกนเรียกพ่ออยู่ตลอดเวลา แม้แต่โม่โม่ที่เป็นเพียงเด็กน้อยก็ยังเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเขา เมย์ริสมองดูเปลวไฟข้างหน้าพลางขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม และแม้แต่คนไม่กี่คนที่มากับเธอก็ไม่คิดว่าไป๋อี้จะสามารถเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้ได้

        ……

        ในเวลานี้เปลวไฟโดยรอบกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงแต่หัวใจของหงฉี่ฮว๋ารู้สึกเหมือนจะร่วงไปถึงอุโมงค์น้ำแข็ง เพราะจู่ ๆ คอของเธอก็มีตะขอเหมือนเคียวยาวกว่าครึ่งเมตรเกี่ยวไว้ สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์สูงกว่าสามเมตร มีหางเป็นงู มีมือเป็นรูปเคียว มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีปีกครึ่งเดียว …… ถ้าหากต้องตั้งชื่อให้มันก็คงเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับพญานาคที่หลุดออกออกมาจากเกมอย่างไรอย่างนั้น

        “……!” เจ้าสิ่งนั้นพูดอะไรบางอย่างออกมาอย่างกะทันหันแต่หงฉี่ฮว๋าได้ยินไม่ชัดเจน

        ก่อนที่เธอจะได้ถามอะไรขึ้นมา ขอเกี่ยวที่คล้ายเคียวมือขวาของสัตว์ประหลาดก็เหวี่ยงลงมาตัดหนวดขนาดใหญ่ของตัวทากหนวดหมึก จากนั้นมันก็กัดเข้าไปในปากและค่อย ๆ หายไปจากด้านหลังของเธอเข้าไปในเปลวไฟ

        จนกระทั่งมันจากไปหงฉี่ฮว๋าถึงได้รู้สึกว่าหัวใจของเธอกลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้งหนึ่ง ไม่ผิดแน่ …… นี่คือสิ่งที่ไป๋อี้กล่าวไว้ว่าสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นโดยการผสานรวมยีนทางชีววิทยาอื่น ๆ กับมนุษย์ พวกเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำและความเป็นเหตุเป็นผลโดยสิ้นเชิง ดังนั้นหลังจากได้พบเธอพวกมันจึงไม่ได้ฆ่าเธอและปล่อยเธอไป

        “เฮ้อออ ……!” หงฉี่ฮว๋าสูดหายใจเข้าลึก ๆ อากาศร้อนจัดอย่างน่าเหลือเชื่อที่เกิดจากเปลวไฟซึ่งกำลังลุกไหม้

        ……

        โม่โม่ร้องห่มร้องไห้เสียงดังและพยายามจะพุ่งเข้าไปในเปลวเพลิง แต่เมย์ริสจับโม่โม่ไว้แน่นและป้องกันไม่ให้เธอเข้าไป เสียงร้องไห้ของหนูน้อยทำให้ทุกคนรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมาก สุดท้ายแล้วเธอก็คงทำได้เพียงต้องยอมรับผลของตอนจบแบบนี้ให้ได้

        อย่างไรก็ตามในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังสิ้นหวัง ขณะเดียวกันก็มีร่างสองร่างปรากฏขึ้นในเปลวไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ

        หงฉี่ฮว๋าพยุงไป๋อี้ด้วยกำลังของตนเอง เขาทั้งสองกำลังเดินออกมาจากเปลวไฟ หงฉี่ฮว๋ามีความคิดคล้ายกับไป๋อี้มาก ๆ ตั้งแต่เริ่มแรกเธอรู้ว่าว่ามันจะต้องเกิดการระเบิดใหญ่และรู้ว่าสถานที่ที่ดีที่สุดในการซ่อนจากเปลวไฟคือที่ไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพื้นที่ยุบตัวลงเป็นหลุมนั้นสามารถป้องกันที่จะสัมผัสกับคลื่นแรงกระแทกจากการระเบิดได้เป็นอย่างดี และสถานที่ที่มีน้ำก็สามารถหลีกเลี่ยงจากเปลวไฟได้ ดังนั้นที่เดียวที่ว่านั่นก็คือคูน้ำเสียนั่งเอง

        ร่างกายของทั้งสองคนมีกลิ่นเหม็นฉุนเพราะคูน้ำเสียไม่ใช่สถานที่ที่สะอาดนัก

        ทุกคนที่เห็นพวกเขาสองคนอดไม่ได้ที่จะแสดงความดีอกดีใจออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวว่าจะรู้จักสนิทสนมกันหรือไม่ มันเป็นความสุขความดีใจที่ออกมาจากใจล้วน ๆ ความรู้สึกแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีใครกลับมาหลังจากต้องเผชิญความยากลำบากและประสบความสำเร็จ ไม่มีใครรังเกียจกลิ่นเหม็นที่ติดตัวพวกเขาทั้งสองคนเลย ทุกคนรวมตัวกันรอบ ๆ พวกเขาทันที เมย์ริสใส่เครื่องช่วยหายใจแบบเรียบง่ายให้กับไป๋อี้และวางเขาไว้บนเปล

        ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของหงฉี่ฮว๋าเต็มไปด้วยความกังวล

        หงฉี่ฮว๋าหันไปมารอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ และมองไปยังทางที่สิ่งมีชีวิตคล้ายพญานาคที่เพิ่งจากไป

        ————————————————

        ไป๋อี้ตื่นฟื้นจากฝันร้าย ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง พร้อมกับยังคงมีฉากที่น่าเศร้าของความทรงจำที่ฝังอยู่ในใจหลงเหลืออยู่ หลังจากนั้นไม่นานไป๋อี้ก็มองไปรอบ ๆ มันเป็นห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยเครื่องเรือนที่ดูจืดชืด ไป๋อี้หันหน้าไปก็พบว่าโม่โม่นอนอยู่บนขอบเตียง หนูน้อยกำลังหลับปุ๋ยอยู่

        ฉันได้รับการช่วยเหลือ!

        แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไป๋อี้ก็ตอบสนองทันที เขายื่นมือซ้ายออกมาและพยายามจะแตะไปที่ศีรษะเล็ก ๆ ของโม่โม่  แต่ไป๋อี้พบว่ามือซ้ายของเขาเหมือนไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป มันไม่ขยับเลย เมื่อนึกถึงฉากต่อสู้ของเขาในตอนนั้นไป๋อี้ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แน่นอนว่าร่างกายของเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

        “โม่โม่!” ไป๋อี้พูดเสียงแหบ

        “เอ๋ …… พ่อ พ่อฟื้นแล้ว!” ตอนแรกโม่โม่รู้สึกงัวเงียเล็กน้อยแต่ในไม่ช้าเธอก็ตื่นขึ้นเต็มตา เธอร้องอุทานด้วยความประหลาดใจและวิ่งออกไปข้างนอกทันที

        “พี่เมย์ริส พี่ซาร่า พ่อฟื้นแล้วค่ะ” ไป๋อี้ยังคงสงสัยว่าทำไมโม่โม่วิ่งออกไปข้างนอก เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ไป๋อี้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามเขาได้รับการช่วยชีวิตโดยเมย์ริสและซาร่า ว่าแต่สถานที่แห่งนี้คือที่ไหน?

        ในไม่ช้ากลุ่มคนก็วิ่งเข้ามา มาร์ตินเป็นคนแรกที่เบียดตัวเองเข้ามาในห้องแต่คำว่า “ออกไป” ของเมย์วิสทำให้ผู้ชายคนนี้หดหัวและหยุดชะงักลงพลางเดินออกไปข้างนอกอย่างเศร้าใจ ไป๋อี้มองดูอย่างตลกขบขัน คุณหมอเมย์ริสดูเป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นอายของสตรีผู้ทรงพลังจริง ๆ

        เมย์ริสและซาร่าเดินเข้ามา พวกเธอพยักหน้าให้ไป๋อี้เล็กน้อยจากนั้นก็เริ่มตรวจไป๋อี้อย่างละเอียด

        จะเห็นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและอุปกรณ์ที่เมย์ริสใช้ในการตรวจนั้นก็เป็นของที่ค่อนข้างเรียบง่าย บ่อยครั้งเธอใช้เพียงสัญชาตญาณในฐานะแพทย์ ไม่นานเมย์ริสก็ตรวจเสร็จและยิ้มให้ไป๋อี้

        “ฟื้นตัวได้ไม่เลว ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ก็ยังเป็นอันตรายถึงชีวิตในขณะนี้”

        “ขอบคุณนะ!”

        ทันใดนั้นท้องของไป๋อี้ก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่คาดคิด มันเป็นเสียงของความหิว ซาร่าปิดปากและหัวเราะเบา ๆ ไป๋อี้รู้สึกอายเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเมย์ริสจะไม่สนใจเลย ความหิวอย่างตะกละตะกลามเป็นที่ประจักษ์แล้วเมื่อไม่นานมานี้

        “เรากำลังเตรียมอาหารอยู่ โชคดีที่คุณฟื้นขึ้นมา สารละลายสารอาหารสำหรับการฉีดหยดทางหลอดเลือดดำที่ใช้กันทั่วไปไม่สามารถกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดัดแปลงได้ เซลล์ดัดแปลงเหล่านี้จะเปลี่ยนรูปของสารอาหารต่าง ๆ ก็ต่อเมื่อมีสารอาหารเพียงพอ หากมีอาหารไม่เพียงพอพวกมันจะเปลี่ยนแปลงจากร่างกายจำพวกกล้ามเนื้อไขมันและโปรตีนของคุณ … ถ้าคุณไม่ตื่นขึ้นมาคุณก็คงไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีก” เมย์ริสกล่าว

        “แบบนี้นี่เอง!” ไป๋อี้พยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่ร่างกายของเขาอ่อนแอลงมาก

        “แน่นอนว่าฉันเรียนรู้จากมาร์ตินคนนั้น” เมย์ริสพยักหน้า

        “หมอเมย์ริส … แล้วเพื่อนของฉันพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?” ไป๋อี้ถามอย่างประหม่าเล็กน้อย ไป๋อี้ยังคงจำสถานการณ์ในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน ทั้งวูล์ฟและชาร์ไป่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

        “เรื่องนั้นคุณจะรู้เองเมื่อเห็นพวกเขา” เมย์ริสทิ้งท้ายเป็นปริศนาไว้

        ในไม่ช้าไป๋อี้ก็เห็นวูล์ฟกับชาร์ไป่ รวมถึงคนอื่น ๆ ในทีมก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ซึ่งแน่นอนยังมีคนอื่นอีกสองสามคนที่เขาไม่รู้จักรวมอยู่ด้วย ทุกคนรวมตัวกันในห้องโถง และหลายคนถูกพันด้วยผ้าพันแผล วูล์ฟอยู่บนรถเข็นแต่มองไปที่ไป๋อี้ด้วยรอยยิ้ม ชาร์ไป่ลุกขึ้นมาจากมุมห้องทันทีและกระโดดเข้าใส่ไป๋อี้

        การผสานรวมยีน …… สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริง ๆ!

        “ถ้าอย่างนั้นนักรบคนสุดท้ายของเราก็ตื่นขึ้นแล้ว ทุกคนดื่มหมดแก้ว!” ชายชราผมยุ่งชูแก้วไวน์ขึ้นและกล่าวกับทุกคน

        หงฉี่ฮว๋ายกแก้วไวน์ให้ไป๋อี้จากนั้นทุกคนก็เริ่มยกแก้วขึ้นตาม

        ไป๋อี้เหลือบมองทุกคน แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน …… นั่นคือที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย จะว่าปลอดภัยไหม ….. .อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องทุกคนเหมือนตอนนั้น

         

        ไป๋อี้วางแก้วไวน์ลงแล้วเดินช้า ๆ ไปหาหยูหานที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายแห่ง คนอื่น ๆ อยากจะฉลองแต่เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของไป๋อี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักทันที

        ไป๋อี้คิดจะทำอะไร?

        เสียงต่อผัวะดังขึ้นเมื่อหมัดขวาของไป๋อี้ปะทะไปที่ใบหน้าของหยูหานอย่างรุนแรงพร้อมกับประกายเย็นยะเยือกที่ผิดปกติในดวงตาของเขา ไป๋อี้ยังไม่ลืมว่าในเวลานั้นหยูหานต้องการที่จะฆ่าวูล์ฟ จริง ๆ เดิมทีคิดว่าหยูหานเป็นเพียงคนที่มีความทะเยอทะยานสูง แต่เขาคิดไม่ถึงว่าหยูหานจะทำสิ่งนี้ได้ ถูกต้อง เขาคิดในแง่ดีเกินไป แต่คนอื่นมักมองว่าความใจดีของเขาเป็นความอ่อนแอ!

        ตอนที่หยูหานเห็นไป๋อี้เดินมาเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ แต่ตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ดังนั้นร่างกายของเขาจึงไม่ตอบสนองใด ๆ การต่อกรกับเต่าฉลามตัวนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลย

        ด้วยแรงปะทะของหมัดนั้นทำให้หยูหานกระเด็นไปกระแทกเข้ากับโต๊ะอย่างรุนแรง อาหารและไวน์ที่อยู่บนโต๊ะร่วงลงสู่พื้นและตัวไป๋อี้เองก็ค่อย ๆ มีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลบนร่างกายของเขาอย่างช้า ๆ 

 

                                                                   ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                     https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 36 ความโกรธ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 36 ความโกรธ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ผลจากการระเบิดของถังน้ำมันไม่ได้ฆ่าตัวทากในทันที แต่เปลวไฟที่ถูกจุดด้วยน้ำมันเบนซินล้อมอยู่รอบตัวมันที่อยู่ด้านใน ตัวทากหนวดหมึกตัวนี้ยังคงต่อสู้และดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่มันก็สูญเสียการเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ และสุดท้ายก็ขดตัวเข้าหากันจนตายในกองไฟ

        “ไปกัน!” หงฉี่ฮว๋าพูด

        “ไป ไปไหน?” มาร์ตินถาม

        “แน่นอนว่าต้องไปหาลุงไป๋น่ะสิ” หงฉี่ฮว๋ากล่าว เธอกระโดดลงมาจากทางลาดเล็ก ๆ แล้ววิ่งไปทางปั๊มน้ำมัน ในขณะนี้ปั๊มน้ำมันยังคงลุกไหม้โหมด้วยเปลวไฟ แต่การระเบิดได้หยุดลงแล้ว ตราบใดที่ระมัดระวังไม่เข้าไปใกล้เปลวไฟก็จะปลอดภัย

        “ไป๋อี้ตายไปแล้ว!” มาร์ตินผงะไปครู่หนึ่งแล้วตะโกนเสียงดัง

        “เป็นไปไม่ได้!”

        “เธอมีเหตุผลหน่อยสิ ไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากการระเบิดใหญ่ขนาดนั้นไปได้หรอกนะ แม้ว่าไป๋อี้จะมีสติดีแต่เขาก็เป็นเพียงคนคนหนึ่ง” มาร์ตินตะโกนเสียงดัง พฤติกรรมของไป๋อี้ทำให้มาร์ตินประทับใจจริง ๆ ลักษณะบางอย่างของไป๋อี้ทำให้เขารู้สึกชื่นชมมาก แต่มาร์ตินรู้สึกว่าเขาควรยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าไป๋อี้คงไม่สามารถรอดจากการระเบิดครั้งนี้ได้

        “ฉันบอกว่าเป็นไปไม่ได้ไง!” หงฉี่ฮว๋าหันออกมา เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วกระโดดลงไป

        มาร์ตินมองไปตามแผ่นหลังของหงฉี่ฮว๋าที่เดินหายลับไปในระยะไกลด้วยความสงสัยว่าทำไมหงฉี่ฮว๋าถึงแน่ใจว่าไป๋อี้ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากกัดฟันกรอด ๆ มาร์ตินก็รีบวิ่งตามไป แต่ทันใดนั้นเสียงของรถก็ดังขึ้นและขับผ่านไป มาร์ตินมองไปเห็นชายหญิงสองสามคนกระโดดลงจากรถ โม่โม่เองก็อยู่ในรถคันนั้นและกระโดดลงมาด้วย

        “ไป๋อี้ล่ะ?” แพทย์หญิงในชุดเสื้อคลุมสีขาวกล่าว

        “เขาอยู่ในนั้น … คุณเป็นเพื่อนของไป๋อี้เหรอ? ” มาร์ตินตอบอย่างงงงวย เมื่อเห็นคนเหล่านี้รีบวิ่งเข้าหาเปลวไฟ เขาก็เริ่มตอบสนองอีกครั้งและเดินตามไปทันที

 

        “เฮ้เพื่อน!” เมย์ริสมองไปที่มาร์ตินและบริเวณผิวหนังที่ถูกตัวทากดูดด้วยหนวดของมัน

        “ซาร่าคุณมาช่วยเขาพันผ้าพันแผลแบบง่าย ๆ ที่ใช้ในการสู้รบหน่อย” เมย์ริสพูดกับหญิงสาวอีกคน

        “โอเคค่ะ คุณหมอเมย์ริส” หญิงสาวในชุดพยาบาลพยักหน้าทันที

        “ซาร่า …… คุณคงเป็นเพื่อนที่ไป๋อี้พูดถึงในโอโทโรฮังกา” มาร์ตินซัก

        “อืม เขาเคยบอกกับพวกคุณไหมว่าความเคลื่อนไหวของพวกคุณกินบริเวณกว้างจริง ๆ” ซาร่าพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

        “พ่อ พ่อ!” โม่โม่ที่เมย์ริสพามากำลังมองไปที่เปลวไฟและตะโกนเรียกพ่ออยู่ตลอดเวลา แม้แต่โม่โม่ที่เป็นเพียงเด็กน้อยก็ยังเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเขา เมย์ริสมองดูเปลวไฟข้างหน้าพลางขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม และแม้แต่คนไม่กี่คนที่มากับเธอก็ไม่คิดว่าไป๋อี้จะสามารถเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์นี้ได้

        ……

        ในเวลานี้เปลวไฟโดยรอบกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงแต่หัวใจของหงฉี่ฮว๋ารู้สึกเหมือนจะร่วงไปถึงอุโมงค์น้ำแข็ง เพราะจู่ ๆ คอของเธอก็มีตะขอเหมือนเคียวยาวกว่าครึ่งเมตรเกี่ยวไว้ สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์สูงกว่าสามเมตร มีหางเป็นงู มีมือเป็นรูปเคียว มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีปีกครึ่งเดียว …… ถ้าหากต้องตั้งชื่อให้มันก็คงเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับพญานาคที่หลุดออกออกมาจากเกมอย่างไรอย่างนั้น

        “……!” เจ้าสิ่งนั้นพูดอะไรบางอย่างออกมาอย่างกะทันหันแต่หงฉี่ฮว๋าได้ยินไม่ชัดเจน

        ก่อนที่เธอจะได้ถามอะไรขึ้นมา ขอเกี่ยวที่คล้ายเคียวมือขวาของสัตว์ประหลาดก็เหวี่ยงลงมาตัดหนวดขนาดใหญ่ของตัวทากหนวดหมึก จากนั้นมันก็กัดเข้าไปในปากและค่อย ๆ หายไปจากด้านหลังของเธอเข้าไปในเปลวไฟ

        จนกระทั่งมันจากไปหงฉี่ฮว๋าถึงได้รู้สึกว่าหัวใจของเธอกลับมาเต้นเป็นจังหวะอีกครั้งหนึ่ง ไม่ผิดแน่ …… นี่คือสิ่งที่ไป๋อี้กล่าวไว้ว่าสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นโดยการผสานรวมยีนทางชีววิทยาอื่น ๆ กับมนุษย์ พวกเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำและความเป็นเหตุเป็นผลโดยสิ้นเชิง ดังนั้นหลังจากได้พบเธอพวกมันจึงไม่ได้ฆ่าเธอและปล่อยเธอไป

        “เฮ้อออ ……!” หงฉี่ฮว๋าสูดหายใจเข้าลึก ๆ อากาศร้อนจัดอย่างน่าเหลือเชื่อที่เกิดจากเปลวไฟซึ่งกำลังลุกไหม้

        ……

        โม่โม่ร้องห่มร้องไห้เสียงดังและพยายามจะพุ่งเข้าไปในเปลวเพลิง แต่เมย์ริสจับโม่โม่ไว้แน่นและป้องกันไม่ให้เธอเข้าไป เสียงร้องไห้ของหนูน้อยทำให้ทุกคนรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมาก สุดท้ายแล้วเธอก็คงทำได้เพียงต้องยอมรับผลของตอนจบแบบนี้ให้ได้

        อย่างไรก็ตามในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังสิ้นหวัง ขณะเดียวกันก็มีร่างสองร่างปรากฏขึ้นในเปลวไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ

        หงฉี่ฮว๋าพยุงไป๋อี้ด้วยกำลังของตนเอง เขาทั้งสองกำลังเดินออกมาจากเปลวไฟ หงฉี่ฮว๋ามีความคิดคล้ายกับไป๋อี้มาก ๆ ตั้งแต่เริ่มแรกเธอรู้ว่าว่ามันจะต้องเกิดการระเบิดใหญ่และรู้ว่าสถานที่ที่ดีที่สุดในการซ่อนจากเปลวไฟคือที่ไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพื้นที่ยุบตัวลงเป็นหลุมนั้นสามารถป้องกันที่จะสัมผัสกับคลื่นแรงกระแทกจากการระเบิดได้เป็นอย่างดี และสถานที่ที่มีน้ำก็สามารถหลีกเลี่ยงจากเปลวไฟได้ ดังนั้นที่เดียวที่ว่านั่นก็คือคูน้ำเสียนั่งเอง

        ร่างกายของทั้งสองคนมีกลิ่นเหม็นฉุนเพราะคูน้ำเสียไม่ใช่สถานที่ที่สะอาดนัก

        ทุกคนที่เห็นพวกเขาสองคนอดไม่ได้ที่จะแสดงความดีอกดีใจออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวว่าจะรู้จักสนิทสนมกันหรือไม่ มันเป็นความสุขความดีใจที่ออกมาจากใจล้วน ๆ ความรู้สึกแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีใครกลับมาหลังจากต้องเผชิญความยากลำบากและประสบความสำเร็จ ไม่มีใครรังเกียจกลิ่นเหม็นที่ติดตัวพวกเขาทั้งสองคนเลย ทุกคนรวมตัวกันรอบ ๆ พวกเขาทันที เมย์ริสใส่เครื่องช่วยหายใจแบบเรียบง่ายให้กับไป๋อี้และวางเขาไว้บนเปล

        ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าตอนนี้ใบหน้าของหงฉี่ฮว๋าเต็มไปด้วยความกังวล

        หงฉี่ฮว๋าหันไปมารอบ ๆ อย่างเงียบ ๆ และมองไปยังทางที่สิ่งมีชีวิตคล้ายพญานาคที่เพิ่งจากไป

        ————————————————

        ไป๋อี้ตื่นฟื้นจากฝันร้าย ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง พร้อมกับยังคงมีฉากที่น่าเศร้าของความทรงจำที่ฝังอยู่ในใจหลงเหลืออยู่ หลังจากนั้นไม่นานไป๋อี้ก็มองไปรอบ ๆ มันเป็นห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยเครื่องเรือนที่ดูจืดชืด ไป๋อี้หันหน้าไปก็พบว่าโม่โม่นอนอยู่บนขอบเตียง หนูน้อยกำลังหลับปุ๋ยอยู่

        ฉันได้รับการช่วยเหลือ!

        แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ไป๋อี้ก็ตอบสนองทันที เขายื่นมือซ้ายออกมาและพยายามจะแตะไปที่ศีรษะเล็ก ๆ ของโม่โม่  แต่ไป๋อี้พบว่ามือซ้ายของเขาเหมือนไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป มันไม่ขยับเลย เมื่อนึกถึงฉากต่อสู้ของเขาในตอนนั้นไป๋อี้ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แน่นอนว่าร่างกายของเขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

        “โม่โม่!” ไป๋อี้พูดเสียงแหบ

        “เอ๋ …… พ่อ พ่อฟื้นแล้ว!” ตอนแรกโม่โม่รู้สึกงัวเงียเล็กน้อยแต่ในไม่ช้าเธอก็ตื่นขึ้นเต็มตา เธอร้องอุทานด้วยความประหลาดใจและวิ่งออกไปข้างนอกทันที

        “พี่เมย์ริส พี่ซาร่า พ่อฟื้นแล้วค่ะ” ไป๋อี้ยังคงสงสัยว่าทำไมโม่โม่วิ่งออกไปข้างนอก เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ไป๋อี้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามเขาได้รับการช่วยชีวิตโดยเมย์ริสและซาร่า ว่าแต่สถานที่แห่งนี้คือที่ไหน?

        ในไม่ช้ากลุ่มคนก็วิ่งเข้ามา มาร์ตินเป็นคนแรกที่เบียดตัวเองเข้ามาในห้องแต่คำว่า “ออกไป” ของเมย์วิสทำให้ผู้ชายคนนี้หดหัวและหยุดชะงักลงพลางเดินออกไปข้างนอกอย่างเศร้าใจ ไป๋อี้มองดูอย่างตลกขบขัน คุณหมอเมย์ริสดูเป็นผู้หญิงที่มีกลิ่นอายของสตรีผู้ทรงพลังจริง ๆ

        เมย์ริสและซาร่าเดินเข้ามา พวกเธอพยักหน้าให้ไป๋อี้เล็กน้อยจากนั้นก็เริ่มตรวจไป๋อี้อย่างละเอียด

        จะเห็นได้ว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและอุปกรณ์ที่เมย์ริสใช้ในการตรวจนั้นก็เป็นของที่ค่อนข้างเรียบง่าย บ่อยครั้งเธอใช้เพียงสัญชาตญาณในฐานะแพทย์ ไม่นานเมย์ริสก็ตรวจเสร็จและยิ้มให้ไป๋อี้

        “ฟื้นตัวได้ไม่เลว ถึงฉันจะไม่รู้ว่าคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ก็ยังเป็นอันตรายถึงชีวิตในขณะนี้”

        “ขอบคุณนะ!”

        ทันใดนั้นท้องของไป๋อี้ก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่คาดคิด มันเป็นเสียงของความหิว ซาร่าปิดปากและหัวเราะเบา ๆ ไป๋อี้รู้สึกอายเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเมย์ริสจะไม่สนใจเลย ความหิวอย่างตะกละตะกลามเป็นที่ประจักษ์แล้วเมื่อไม่นานมานี้

        “เรากำลังเตรียมอาหารอยู่ โชคดีที่คุณฟื้นขึ้นมา สารละลายสารอาหารสำหรับการฉีดหยดทางหลอดเลือดดำที่ใช้กันทั่วไปไม่สามารถกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดัดแปลงได้ เซลล์ดัดแปลงเหล่านี้จะเปลี่ยนรูปของสารอาหารต่าง ๆ ก็ต่อเมื่อมีสารอาหารเพียงพอ หากมีอาหารไม่เพียงพอพวกมันจะเปลี่ยนแปลงจากร่างกายจำพวกกล้ามเนื้อไขมันและโปรตีนของคุณ … ถ้าคุณไม่ตื่นขึ้นมาคุณก็คงไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีก” เมย์ริสกล่าว

        “แบบนี้นี่เอง!” ไป๋อี้พยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่ร่างกายของเขาอ่อนแอลงมาก

        “แน่นอนว่าฉันเรียนรู้จากมาร์ตินคนนั้น” เมย์ริสพยักหน้า

        “หมอเมย์ริส … แล้วเพื่อนของฉันพวกเขาเป็นยังไงบ้าง?” ไป๋อี้ถามอย่างประหม่าเล็กน้อย ไป๋อี้ยังคงจำสถานการณ์ในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน ทั้งวูล์ฟและชาร์ไป่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

        “เรื่องนั้นคุณจะรู้เองเมื่อเห็นพวกเขา” เมย์ริสทิ้งท้ายเป็นปริศนาไว้

        ในไม่ช้าไป๋อี้ก็เห็นวูล์ฟกับชาร์ไป่ รวมถึงคนอื่น ๆ ในทีมก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ซึ่งแน่นอนยังมีคนอื่นอีกสองสามคนที่เขาไม่รู้จักรวมอยู่ด้วย ทุกคนรวมตัวกันในห้องโถง และหลายคนถูกพันด้วยผ้าพันแผล วูล์ฟอยู่บนรถเข็นแต่มองไปที่ไป๋อี้ด้วยรอยยิ้ม ชาร์ไป่ลุกขึ้นมาจากมุมห้องทันทีและกระโดดเข้าใส่ไป๋อี้

        การผสานรวมยีน …… สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริง ๆ!

        “ถ้าอย่างนั้นนักรบคนสุดท้ายของเราก็ตื่นขึ้นแล้ว ทุกคนดื่มหมดแก้ว!” ชายชราผมยุ่งชูแก้วไวน์ขึ้นและกล่าวกับทุกคน

        หงฉี่ฮว๋ายกแก้วไวน์ให้ไป๋อี้จากนั้นทุกคนก็เริ่มยกแก้วขึ้นตาม

        ไป๋อี้เหลือบมองทุกคน แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน …… นั่นคือที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย จะว่าปลอดภัยไหม ….. .อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องทุกคนเหมือนตอนนั้น

         

        ไป๋อี้วางแก้วไวน์ลงแล้วเดินช้า ๆ ไปหาหยูหานที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลหลายแห่ง คนอื่น ๆ อยากจะฉลองแต่เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของไป๋อี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักทันที

        ไป๋อี้คิดจะทำอะไร?

        เสียงต่อผัวะดังขึ้นเมื่อหมัดขวาของไป๋อี้ปะทะไปที่ใบหน้าของหยูหานอย่างรุนแรงพร้อมกับประกายเย็นยะเยือกที่ผิดปกติในดวงตาของเขา ไป๋อี้ยังไม่ลืมว่าในเวลานั้นหยูหานต้องการที่จะฆ่าวูล์ฟ จริง ๆ เดิมทีคิดว่าหยูหานเป็นเพียงคนที่มีความทะเยอทะยานสูง แต่เขาคิดไม่ถึงว่าหยูหานจะทำสิ่งนี้ได้ ถูกต้อง เขาคิดในแง่ดีเกินไป แต่คนอื่นมักมองว่าความใจดีของเขาเป็นความอ่อนแอ!

        ตอนที่หยูหานเห็นไป๋อี้เดินมาเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ แต่ตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ดังนั้นร่างกายของเขาจึงไม่ตอบสนองใด ๆ การต่อกรกับเต่าฉลามตัวนั้นไม่ใช่เรื่องตลกเลย

        ด้วยแรงปะทะของหมัดนั้นทำให้หยูหานกระเด็นไปกระแทกเข้ากับโต๊ะอย่างรุนแรง อาหารและไวน์ที่อยู่บนโต๊ะร่วงลงสู่พื้นและตัวไป๋อี้เองก็ค่อย ๆ มีเลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลบนร่างกายของเขาอย่างช้า ๆ 

 

                                                                   ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                     https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+