[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “ไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอ?” เมื่อเบ็นสันเห็นหยูหานและไป๋อี้คุยกันอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา

  “นี่คือคนที่ฉันบอกคุณในตอนนั้น ไป๋อี้ หัวหน้าไป๋อี้และคนเหล่านี้คือ …… ” หยูหานแนะนำช้า ๆ ถัดจากด้านหลังไปเรื่อย ๆ และไม่พูดเสริมเติมแต่งอะไรมากเกินไป ความจริงแล้วหยูหานเข้าใจดีว่าในเวลาแบบนี้เบ็นสันไม่ใช่คนโง่เง่า คนที่โง่จริง ๆ มีหรือจะสามารถแสดงความโดดเด่นท่ามกลางร่างทดลองนับไม่ถ้วน จนในที่สุดก็สามารถออกมามีชีวิตสู่โลกภายนอกได้อย่างนี้

  “นี่คืออดีตนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ …… คุณมาร์ตินแอนเดอร์สัน!” หยูหานชี้ไปที่มาร์ตินและแนะนำตัวเขาอย่างเคร่งขรึม

  ไป๋อี้เตรียมระวังตัวเมื่อหยูหานแนะนำเช่นนี้ เพราะเหตุใดหยูหานจึงให้ความสำคัญกับมาร์ติน แน่นอนว่ากอริลลาสี่แขนซึ่งเดิมทีที่เขาดูค่อนข้างจะสงวนท่าที แต่ตอนนี้กลับหยุดชะงักเล็กน้อยหลังจากได้ยินถึงตัวตนของมาร์ติน จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมออกมา

  “เฮ้~ ที่แท้คุณก็เป็นนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ ผมไม่รู้ว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า” กอริลลาสี่แขนเดินลงมาช้าๆ

  “คุณคือ?”

  “ฉันคือเบ็นสัน”

  มาร์ตินมองไปที่กอริลลาสี่แขนอย่างสงสัยราวกับว่าเขากำลังคิดย้อนกลับไปว่าเบ็นสันนั้นเป็นใคร ในตอนนี้เบ็นสันได้ก้าวออกจากจุดยืนบนแท่นซึ่งอยู่ห่างจากไป๋อี้และเพื่อน ๆ ไม่ถึงยี่สิบเมตร ไป๋อี้เอียงตัวเล็กน้อยจากนั้นเขาก็วางมือลงบนด้ามจับของดาบคะตะนะ เบ็นสันเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้ แต่เขากลับแสดงออกมาเพียงรอยยิ้มดูถูก

  “คุณอาจจะไม่รู้จักชื่อนี้ งั้น หมายเลข 0124-2 ล่ะ!” เบ็นสันจ้องไปที่มาร์ตินอย่างดุดัน

  มาร์ตินยังคงคิดอยู่ว่าเบ็นสันคือใคร แต่หลังจากได้ยินชื่อนั้นเขาก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ

  “หมายเลข 0124-2 คุณคือคนของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือที่เข้าสู่ LV2” มาร์ตินพูดด้วยความประหลาดใจ

  “หึ ก็ตามนั้นแหละ ตอนแรกผมอยู่ในสถาบันวิจัย แต่ถูกนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมของคุณโยนผมทิ้งไป ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอคุณวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ …… ” เบ็นสันพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

  “ยังไม่พอ!”

  “ที่นี่ยังไกลไม่พอ!”

  ทันใดนั้นเบ็นสันก็คำรามอย่างดุเดือด ทันใดนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นความดุร้ายขึ้นมาอย่างมาก คลื่นเสียงที่รุนแรงทำให้หูของทุกคนมึนงงและในขณะเดียวกันเบ็นสันก็ดีดตัวขึ้นและพุ่งเข้าหามาร์ตินทันที  

        ไป๋อี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่แรกและหลังจากที่รู้ว่าเบ็นสันเป็นร่างทดลองในสถาบันวิจัยเขาก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้นไปอีก ไป๋อี้ไม่รู้ว่าร่างทดลองต้องประสบกับอะไรมาบ้างในสถาบันวิจัยแห่งนั้น แต่เขาเดาได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมในทีมของเขา

  ไป๋อี้รีบแทรกตัวเข้าไป เขาใช้ดาบคะตะนะหมายจะฟันเบ็นสัน

  กรงเล็บขนาดใหญ่จากมือขวาของเบ็นสันคว้าที่ใบมีดไว้ได้โดยตรง เสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อนิ้วใหญ่ทั้งห้าของผู้ชายคนนี้บีบใบมีดจนแน่น เห็นได้ชัดว่าจริง ๆ เขาเกือบจะสามารถใช้ดาบฟันมือของผู้ชายคนนี้ได้แล้วแต่เขากลับไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย ในขณะนี้เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่โหดร้ายให้ไป๋อี้และแขนอีกข้างก็กำหมัดแน่น

  ไป๋อี้กดฝ่ามือซ้ายเข้ากับหน้าอกของเขาด้วยความร้อนรน แต่กลับถูกผลักกลับออกมาอย่างง่ายดาย

  ในชั่วขณะหนึ่งไป๋อี้ได้ยินเสียงกระดูกแตกในอกและทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง นั่นส่งผลให้หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ จากนั้นร่างของไป๋อี้ก็พุ่งลอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงทางด้านหลังอย่างแรงและค่อย ๆ ร่วงลงมา

  เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เบ็นสันรีบวิ่งออกไปก่อนจะถูกไป๋อี้เข้ามาขวางไว้ แต่ไป๋อี้ก็ถูกโยนปลิวออกไปเสียก่อน และในขณะนั้นเองมาร์ตินก็ถูกเบ็นสันคว้าคอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว

        นี่แหละ … LV2 การกลายพันธุ์!

        ทุกคนมองไปที่เบ็นสันด้วยความประหลาดใจ มีเพียงหงฉี่ฮว๋าเท่านั้นที่รีบวิ่งขึ้นไปทางข้างหลังไป๋อี้และใช้มีดสั้นสองเล่มเฉือนไปที่เอวของเบ็นสันจากทางซ้ายและขวา ความสูงที่ต่างกันทำให้หงฉี่ฮว๋าโจมตีเขาได้เฉพาะท่านี้เท่านั้น หึหึ มีเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ มีดเล่มนี้ราวกับมีดของเล่นที่เฉือนลงบนหนังวัว ทันทีที่มีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าสัมผัสไปที่ตัวของเบ็นสัน เธอรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทันใดนั้นมืออีกสองข้างของเบ็นสันก็คว้าเธอเอาไว้ หงฉี่ฮว๋ารีบเปลี่ยนทิศทางโจมตี จากนั้นเธอก็ม้วนตัวเด้งกลับไป

  ในเวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ยกปืนกลมือขึ้นและเล็งไปที่เบ็นสัน

        “คุณคิดจะทำอะไร?” หงฉี่ฮว๋ากลิ้งไปบนพื้นก่อนจะพลิกมาอยู่ในท่านั่งยอง ๆ และถามเขาอย่างช้า ๆ

  “ฉันคิดจะทำอะไรงั้นเหรอ จะว่าไปแล้ว ฉันคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ทันทีที่ฉันได้ยินว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักวิจัยมาจากสถาบันวิจัย นั่นยิ่งทำให้ฉันโกรธเกรี้ยว แต่ว่า ฉันจะทำอย่างไรต่อดี?” เบ็นสันคว้าคอของมาร์ตินเอาไว้และค่อย ๆ ใช้มือออกแรงบีบที่คอ มาร์ตินพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ

        “จู่ ๆ ฉันก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา!” เบ็นสันพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กลับยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี

  “ที่ผ่านมาคุณได้ปล่อยให้ร่างทดลองที่แตกต่างกันต่อสู้กันตรงกลางนี้อยู่บ่อยครั้งไม่ใช่เหรอ เพื่อทดสอบการเปลี่ยนแปลงและความแข็งแกร่งของพวกเขาใช่ไหม จะเป็นยังไงนะ คุณเองก็ลองดูบ้างสิ” เบ็นสันโน้มตัวเข้าไปใกล้และกระซิบบอกกับมาร์ติน หลังจากที่มาร์ตินได้ยินคำพูดของเบ็นสันเขาก็ดิ้นรนอย่างสุดแรงทันที ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวสิ่งที่เบ็นสันพูดมาก

  ไป๋อี้อยู่ในสภาพการปฐมพยาบาลของเมย์ริส ในที่สุดหัวใจของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเต้นเป็นจังหวะและเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ผลกระทบที่รุนแรงในตอนนั้นทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเขาหยุดลงชั่วขณะและนั่นเกือบจะทำให้เขาต้องมาตายแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ไป๋อี้เข้าใจความแข็งแกร่งของ LV2 อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นความแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลกอย่างสิ้นเชิง

  เมื่อเห็นไป๋อี้ได้รับการช่วยเหลือ หยูหานก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในชั่วพริบตา ด้วยบุคลิกของไป๋อี้ เขาจะไม่ยอมละทิ้งเพื่อนร่วมทีมอย่างแน่นอน ดังนั้นการขัดแย้งกับเบ็นสันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่หรือว่าพวกนายยังไม่รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ LV2 ใช่ไหม พวกนายต้องมาตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน …… ไม่สิ ถ้าจะให้ดีพวกนายต้องพังพินาศไปด้วยกันให้หมด

  “ปล่อยมาร์ติน!” ไป๋อี้เดินกลับมาช้า ๆ พร้อมกับดาบคะตะนะในมือ 

  “มันเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น นายจะเป็นศัตรูกับฉันเพียงเพราะนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมคนนี้เหรอ นายก็รู้ดี ระหว่างนายกับฉันเราไม่มีความขัดแย้งต่อกัน” เบ็นสันก้มหัวลงมามองไป๋อี้

  ไป๋อี้เริ่มแสดงท่าทีด้วยการขยับมือซ้ายขึ้นมาช้า ๆ ทุกคนในทีมจดจ้องมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาและในเวลานั้นทุกคนก็พร้อมแล้วที่จะต่อสู้ ขณะนั้นเองในส่วนของฝ่ายตรงข้าม เบ็นสันแสยะยิ้มออกมาและยกแขนที่สามของเขาขึ้นมาจากทางข้างหลัง หยูหานและคนอื่น ๆ จับอาวุธของพวกเขาขึ้นมาทันที  

        หนิงเสวี่ยยังคงมีท่าทีลังเล มีเพียงเบลลิก้าทีน่าเท่านั้นที่อยู่นิ่งไม่ขยับตัวเลย

  ต้องต่อสู้กันจริง ๆ เหรอนี่!

  ไป๋อี้หลับตาลงเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

  “ฉันไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอดีตของมาร์ตินในสถาบันวิจัย คุณอาจจะรู้สึกโกรธเขามากราวกับว่าเขาก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์ต่างก็พากันโกรธแค้น ทุกคนก็พอจะสามารถคาดเดาได้อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม …… นั่นคือมาร์ตินคนก่อนและตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมของเรา” ไป๋อี้เบิกตาโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แววตาของเขาแน่วแน่ไร้ซึ่งความลังเลหรือหลบซ่อนปนอยู่ข้างใน

  ”หึ ~!” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยูหาน เพื่อนร่วมทีมและมิตรภาพงั้นเหรอ?

 

  ทันใดนั้น ไป๋อี้และหยูหานก็ลั่นไกในเวลาไล่เลี่ยกัน เป้าหมายของกระสุนที่พุ่งออกไปไม่ใช่ เบ็นสันที่อยู่ตรงกลาง แต่เป็นพวกเขาทั้งสองที่เล็งไปยังซึ่งกันและกัน การกระทำของเขาทั้งสองเหมือนกับเป็นการให้สัญญาณให้คนในทีมเข้าสู่ระยะประชิดอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ทุกคนรีบหลบหลีกและในเวลาเดียวกันก็โจมตีศัตรูฝ่ายตรงข้าม

  ……

  “เหอะ เหอะ เหอะ การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว” ไนท์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มและมองไปที่ฉากทางเดินวงกลมผ่านกล้อง ในเวลานี้ภาพของไนท์เปลี่ยนไปเป็นภาพที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็ก ๆ และกินขนมบางอย่างอยู่ ในสายตาของเธอการต่อสู้ระหว่างทั้งสองทีมนั้นก็ไม่ต่างกับการดูภาพยนตร์

  “ฉันไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ ดังนั้นฉันจะดูการแสดงชั่วคราวนี้ …… วู้ววว ดูสิดูเข้าสิ!” ไนท์พึมพำพลางดูความคืบหน้าของพวกเขาผ่านกล้องที่มีอยู่ทั่วสถานกักกัน

  ……

  การเคลื่อนไหวของทุกคนรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขากลิ้งและกระโดดเพื่อหลบหลีกในสภาพแวดล้อมที่กระสุนถูกยิงกระจัดกระจายไปทั่ว ยกเว้นก็แต่บางคนที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ค่อนข้างเชื่องช้าเล็กน้อยและมีร่างกายที่ใหญ่โตอยู่ท่ามกลางห่ากระสุน ทุกคนรีบหาที่กำบังในเวลาอันรวดเร็ว แม้แต่บางคนที่ถูกยิงก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับ ‘อาการบาดเจ็บเล็กน้อย’ เหล่านั้น

  ไป๋อี้ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะฆ่าหยูหานได้ด้วยวิธีนี้ ดังนั้นเมื่อหยูหานหลบได้ เขาก็รีบวิ่งไปที่เบ็นสันซึ่งอยู่ตรงกลางโถง ข้างหลังไป๋อี้มีมีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าอยู่ในฝัก ในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาก็หยิบปืนพกที่มีอานุภาพแข็งแกร่งออกมาและเล็งไปที่ดวงตาของเบ็นสัน

  ปัง ปัง เสียงปืนสองนัดพุ่งออกจากปากกระบอกปืนที่หงฉี่ฮว๋ายกขึ้นมา กระสุนทั้งสองนัดพุ่งข้ามศีรษะของไป๋อี้ไปในชั่วพริบตาและตรงเข้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ใฃไป๋อี้ย่อตัวลงเล็กน้อยและลากดาบคะตะนะตามแนวทแยงมุมไปทางด้านหลัง ความเร็วของเขาเกือบจะทันความเร็วของกระสุนและทันใดนั้นก็แวบผ่านร่างของเบ็นสันไป

  เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มือข้างหนึ่งกำลังจะยกขึ้นเพื่อบังกระสุน แต่ทันใดนั้นมาร์ตินที่จับเขาเอาไว้ได้ก็อ้าปากกว้าง

  ฟู่ววว มาร์ตินพ่นเมือกเสมหะสีขาวออกมาจากปากของเขา ซึ่งมันเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วทันทีที่มันปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นมันก็ห่อหุ้มร่างกายของเบ็นสันไว้ครึ่งหนึ่ง ในตอนนี้ถือว่ามาร์ตินหายจากอาการตื่นตระหนกในตอนต้นแล้ว ไป๋อี้พูดถูก ทุกคนเดาได้ว่าเขาทำงานอะไรอยู่ในสถาบันวิจัย …… ฟ้าพิโรธผู้คนโกรธแค้น! แต่เนื่องจากเห็นว่าไป๋อี้ไม่ยอมศิโรราบ เขาก็ยิ่งไม่สามารถทำให้เพื่อนร่วมทีมผิดหวังได้อย่างน้อยเขาก็ต้องต่อต้าน

  เมือกใยไหม!

        เบ็นสันรู้สึกว่าแขนของเขาถูกรัดจนกระชับ เขาจึงต้องหยุดอยู่อย่างนั้น ในเวลานี้กระสุนทั้งสองนัดและไป๋อี้ได้พุ่งมาหาเขาแล้ว

        หมุนตัว ฟันดาบ!
 

  ทันใดนั้นไป๋อี้ก็หมุนตัวและด้วยผลอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนโดยการหมุนตัว ทำให้ดาบฟันลงไปบริเวณน่องของเบ็นสันอย่างรุนแรง ในตอนนี้แม้ว่าเบ็นสันจะพยายามเอียงศีรษะเบี่ยงหนี แต่กระสุนสองนัดก็ยังคงพุ่งเข้ามาที่ศีรษะของเขา ดวงตาของหงฉี่ฮว๋ามองตามแนวกระสุนนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนถึงวิถีการหมุนของกระสุนที่กำลังพุ่งเข้าไป ผมบนศีรษะของเบ็นสันปลิวไปตามกระแสลม จากนั้นผิวของเขาก็ถูกกระสุนบีบอัดและบุบยุบเข้าที่ศีรษะของเขา 

  ฟึ่บ!

  ทันใดนั้นร่างของเบ็นสันก็สั่นไปทั้งตัว กระสุนสองนัดที่เพิ่งยิงเข้าไปในกล้ามเนื้อครึ่งหนึ่งของเขาก็เด้งกลับทันทีด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ทำให้พวกมันปลิวออกมาทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “ไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอ?” เมื่อเบ็นสันเห็นหยูหานและไป๋อี้คุยกันอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา

  “นี่คือคนที่ฉันบอกคุณในตอนนั้น ไป๋อี้ หัวหน้าไป๋อี้และคนเหล่านี้คือ …… ” หยูหานแนะนำช้า ๆ ถัดจากด้านหลังไปเรื่อย ๆ และไม่พูดเสริมเติมแต่งอะไรมากเกินไป ความจริงแล้วหยูหานเข้าใจดีว่าในเวลาแบบนี้เบ็นสันไม่ใช่คนโง่เง่า คนที่โง่จริง ๆ มีหรือจะสามารถแสดงความโดดเด่นท่ามกลางร่างทดลองนับไม่ถ้วน จนในที่สุดก็สามารถออกมามีชีวิตสู่โลกภายนอกได้อย่างนี้

  “นี่คืออดีตนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ …… คุณมาร์ตินแอนเดอร์สัน!” หยูหานชี้ไปที่มาร์ตินและแนะนำตัวเขาอย่างเคร่งขรึม

  ไป๋อี้เตรียมระวังตัวเมื่อหยูหานแนะนำเช่นนี้ เพราะเหตุใดหยูหานจึงให้ความสำคัญกับมาร์ติน แน่นอนว่ากอริลลาสี่แขนซึ่งเดิมทีที่เขาดูค่อนข้างจะสงวนท่าที แต่ตอนนี้กลับหยุดชะงักเล็กน้อยหลังจากได้ยินถึงตัวตนของมาร์ติน จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมออกมา

  “เฮ้~ ที่แท้คุณก็เป็นนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ ผมไม่รู้ว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า” กอริลลาสี่แขนเดินลงมาช้าๆ

  “คุณคือ?”

  “ฉันคือเบ็นสัน”

  มาร์ตินมองไปที่กอริลลาสี่แขนอย่างสงสัยราวกับว่าเขากำลังคิดย้อนกลับไปว่าเบ็นสันนั้นเป็นใคร ในตอนนี้เบ็นสันได้ก้าวออกจากจุดยืนบนแท่นซึ่งอยู่ห่างจากไป๋อี้และเพื่อน ๆ ไม่ถึงยี่สิบเมตร ไป๋อี้เอียงตัวเล็กน้อยจากนั้นเขาก็วางมือลงบนด้ามจับของดาบคะตะนะ เบ็นสันเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้ แต่เขากลับแสดงออกมาเพียงรอยยิ้มดูถูก

  “คุณอาจจะไม่รู้จักชื่อนี้ งั้น หมายเลข 0124-2 ล่ะ!” เบ็นสันจ้องไปที่มาร์ตินอย่างดุดัน

  มาร์ตินยังคงคิดอยู่ว่าเบ็นสันคือใคร แต่หลังจากได้ยินชื่อนั้นเขาก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ

  “หมายเลข 0124-2 คุณคือคนของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือที่เข้าสู่ LV2” มาร์ตินพูดด้วยความประหลาดใจ

  “หึ ก็ตามนั้นแหละ ตอนแรกผมอยู่ในสถาบันวิจัย แต่ถูกนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมของคุณโยนผมทิ้งไป ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอคุณวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ …… ” เบ็นสันพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

  “ยังไม่พอ!”

  “ที่นี่ยังไกลไม่พอ!”

  ทันใดนั้นเบ็นสันก็คำรามอย่างดุเดือด ทันใดนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นความดุร้ายขึ้นมาอย่างมาก คลื่นเสียงที่รุนแรงทำให้หูของทุกคนมึนงงและในขณะเดียวกันเบ็นสันก็ดีดตัวขึ้นและพุ่งเข้าหามาร์ตินทันที  

        ไป๋อี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่แรกและหลังจากที่รู้ว่าเบ็นสันเป็นร่างทดลองในสถาบันวิจัยเขาก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้นไปอีก ไป๋อี้ไม่รู้ว่าร่างทดลองต้องประสบกับอะไรมาบ้างในสถาบันวิจัยแห่งนั้น แต่เขาเดาได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมในทีมของเขา

  ไป๋อี้รีบแทรกตัวเข้าไป เขาใช้ดาบคะตะนะหมายจะฟันเบ็นสัน

  กรงเล็บขนาดใหญ่จากมือขวาของเบ็นสันคว้าที่ใบมีดไว้ได้โดยตรง เสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อนิ้วใหญ่ทั้งห้าของผู้ชายคนนี้บีบใบมีดจนแน่น เห็นได้ชัดว่าจริง ๆ เขาเกือบจะสามารถใช้ดาบฟันมือของผู้ชายคนนี้ได้แล้วแต่เขากลับไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย ในขณะนี้เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่โหดร้ายให้ไป๋อี้และแขนอีกข้างก็กำหมัดแน่น

  ไป๋อี้กดฝ่ามือซ้ายเข้ากับหน้าอกของเขาด้วยความร้อนรน แต่กลับถูกผลักกลับออกมาอย่างง่ายดาย

  ในชั่วขณะหนึ่งไป๋อี้ได้ยินเสียงกระดูกแตกในอกและทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง นั่นส่งผลให้หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ จากนั้นร่างของไป๋อี้ก็พุ่งลอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงทางด้านหลังอย่างแรงและค่อย ๆ ร่วงลงมา

  เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เบ็นสันรีบวิ่งออกไปก่อนจะถูกไป๋อี้เข้ามาขวางไว้ แต่ไป๋อี้ก็ถูกโยนปลิวออกไปเสียก่อน และในขณะนั้นเองมาร์ตินก็ถูกเบ็นสันคว้าคอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว

        นี่แหละ … LV2 การกลายพันธุ์!

        ทุกคนมองไปที่เบ็นสันด้วยความประหลาดใจ มีเพียงหงฉี่ฮว๋าเท่านั้นที่รีบวิ่งขึ้นไปทางข้างหลังไป๋อี้และใช้มีดสั้นสองเล่มเฉือนไปที่เอวของเบ็นสันจากทางซ้ายและขวา ความสูงที่ต่างกันทำให้หงฉี่ฮว๋าโจมตีเขาได้เฉพาะท่านี้เท่านั้น หึหึ มีเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ มีดเล่มนี้ราวกับมีดของเล่นที่เฉือนลงบนหนังวัว ทันทีที่มีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าสัมผัสไปที่ตัวของเบ็นสัน เธอรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทันใดนั้นมืออีกสองข้างของเบ็นสันก็คว้าเธอเอาไว้ หงฉี่ฮว๋ารีบเปลี่ยนทิศทางโจมตี จากนั้นเธอก็ม้วนตัวเด้งกลับไป

  ในเวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ยกปืนกลมือขึ้นและเล็งไปที่เบ็นสัน

        “คุณคิดจะทำอะไร?” หงฉี่ฮว๋ากลิ้งไปบนพื้นก่อนจะพลิกมาอยู่ในท่านั่งยอง ๆ และถามเขาอย่างช้า ๆ

  “ฉันคิดจะทำอะไรงั้นเหรอ จะว่าไปแล้ว ฉันคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ทันทีที่ฉันได้ยินว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักวิจัยมาจากสถาบันวิจัย นั่นยิ่งทำให้ฉันโกรธเกรี้ยว แต่ว่า ฉันจะทำอย่างไรต่อดี?” เบ็นสันคว้าคอของมาร์ตินเอาไว้และค่อย ๆ ใช้มือออกแรงบีบที่คอ มาร์ตินพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ

        “จู่ ๆ ฉันก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา!” เบ็นสันพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กลับยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี

  “ที่ผ่านมาคุณได้ปล่อยให้ร่างทดลองที่แตกต่างกันต่อสู้กันตรงกลางนี้อยู่บ่อยครั้งไม่ใช่เหรอ เพื่อทดสอบการเปลี่ยนแปลงและความแข็งแกร่งของพวกเขาใช่ไหม จะเป็นยังไงนะ คุณเองก็ลองดูบ้างสิ” เบ็นสันโน้มตัวเข้าไปใกล้และกระซิบบอกกับมาร์ติน หลังจากที่มาร์ตินได้ยินคำพูดของเบ็นสันเขาก็ดิ้นรนอย่างสุดแรงทันที ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวสิ่งที่เบ็นสันพูดมาก

  ไป๋อี้อยู่ในสภาพการปฐมพยาบาลของเมย์ริส ในที่สุดหัวใจของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเต้นเป็นจังหวะและเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ผลกระทบที่รุนแรงในตอนนั้นทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเขาหยุดลงชั่วขณะและนั่นเกือบจะทำให้เขาต้องมาตายแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ไป๋อี้เข้าใจความแข็งแกร่งของ LV2 อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นความแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลกอย่างสิ้นเชิง

  เมื่อเห็นไป๋อี้ได้รับการช่วยเหลือ หยูหานก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในชั่วพริบตา ด้วยบุคลิกของไป๋อี้ เขาจะไม่ยอมละทิ้งเพื่อนร่วมทีมอย่างแน่นอน ดังนั้นการขัดแย้งกับเบ็นสันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่หรือว่าพวกนายยังไม่รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ LV2 ใช่ไหม พวกนายต้องมาตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน …… ไม่สิ ถ้าจะให้ดีพวกนายต้องพังพินาศไปด้วยกันให้หมด

  “ปล่อยมาร์ติน!” ไป๋อี้เดินกลับมาช้า ๆ พร้อมกับดาบคะตะนะในมือ 

  “มันเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น นายจะเป็นศัตรูกับฉันเพียงเพราะนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมคนนี้เหรอ นายก็รู้ดี ระหว่างนายกับฉันเราไม่มีความขัดแย้งต่อกัน” เบ็นสันก้มหัวลงมามองไป๋อี้

  ไป๋อี้เริ่มแสดงท่าทีด้วยการขยับมือซ้ายขึ้นมาช้า ๆ ทุกคนในทีมจดจ้องมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาและในเวลานั้นทุกคนก็พร้อมแล้วที่จะต่อสู้ ขณะนั้นเองในส่วนของฝ่ายตรงข้าม เบ็นสันแสยะยิ้มออกมาและยกแขนที่สามของเขาขึ้นมาจากทางข้างหลัง หยูหานและคนอื่น ๆ จับอาวุธของพวกเขาขึ้นมาทันที  

        หนิงเสวี่ยยังคงมีท่าทีลังเล มีเพียงเบลลิก้าทีน่าเท่านั้นที่อยู่นิ่งไม่ขยับตัวเลย

  ต้องต่อสู้กันจริง ๆ เหรอนี่!

  ไป๋อี้หลับตาลงเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

  “ฉันไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอดีตของมาร์ตินในสถาบันวิจัย คุณอาจจะรู้สึกโกรธเขามากราวกับว่าเขาก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์ต่างก็พากันโกรธแค้น ทุกคนก็พอจะสามารถคาดเดาได้อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม …… นั่นคือมาร์ตินคนก่อนและตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมของเรา” ไป๋อี้เบิกตาโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แววตาของเขาแน่วแน่ไร้ซึ่งความลังเลหรือหลบซ่อนปนอยู่ข้างใน

  ”หึ ~!” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยูหาน เพื่อนร่วมทีมและมิตรภาพงั้นเหรอ?

 

  ทันใดนั้น ไป๋อี้และหยูหานก็ลั่นไกในเวลาไล่เลี่ยกัน เป้าหมายของกระสุนที่พุ่งออกไปไม่ใช่ เบ็นสันที่อยู่ตรงกลาง แต่เป็นพวกเขาทั้งสองที่เล็งไปยังซึ่งกันและกัน การกระทำของเขาทั้งสองเหมือนกับเป็นการให้สัญญาณให้คนในทีมเข้าสู่ระยะประชิดอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ทุกคนรีบหลบหลีกและในเวลาเดียวกันก็โจมตีศัตรูฝ่ายตรงข้าม

  ……

  “เหอะ เหอะ เหอะ การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว” ไนท์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มและมองไปที่ฉากทางเดินวงกลมผ่านกล้อง ในเวลานี้ภาพของไนท์เปลี่ยนไปเป็นภาพที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็ก ๆ และกินขนมบางอย่างอยู่ ในสายตาของเธอการต่อสู้ระหว่างทั้งสองทีมนั้นก็ไม่ต่างกับการดูภาพยนตร์

  “ฉันไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ ดังนั้นฉันจะดูการแสดงชั่วคราวนี้ …… วู้ววว ดูสิดูเข้าสิ!” ไนท์พึมพำพลางดูความคืบหน้าของพวกเขาผ่านกล้องที่มีอยู่ทั่วสถานกักกัน

  ……

  การเคลื่อนไหวของทุกคนรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขากลิ้งและกระโดดเพื่อหลบหลีกในสภาพแวดล้อมที่กระสุนถูกยิงกระจัดกระจายไปทั่ว ยกเว้นก็แต่บางคนที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ค่อนข้างเชื่องช้าเล็กน้อยและมีร่างกายที่ใหญ่โตอยู่ท่ามกลางห่ากระสุน ทุกคนรีบหาที่กำบังในเวลาอันรวดเร็ว แม้แต่บางคนที่ถูกยิงก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับ ‘อาการบาดเจ็บเล็กน้อย’ เหล่านั้น

  ไป๋อี้ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะฆ่าหยูหานได้ด้วยวิธีนี้ ดังนั้นเมื่อหยูหานหลบได้ เขาก็รีบวิ่งไปที่เบ็นสันซึ่งอยู่ตรงกลางโถง ข้างหลังไป๋อี้มีมีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าอยู่ในฝัก ในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาก็หยิบปืนพกที่มีอานุภาพแข็งแกร่งออกมาและเล็งไปที่ดวงตาของเบ็นสัน

  ปัง ปัง เสียงปืนสองนัดพุ่งออกจากปากกระบอกปืนที่หงฉี่ฮว๋ายกขึ้นมา กระสุนทั้งสองนัดพุ่งข้ามศีรษะของไป๋อี้ไปในชั่วพริบตาและตรงเข้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ใฃไป๋อี้ย่อตัวลงเล็กน้อยและลากดาบคะตะนะตามแนวทแยงมุมไปทางด้านหลัง ความเร็วของเขาเกือบจะทันความเร็วของกระสุนและทันใดนั้นก็แวบผ่านร่างของเบ็นสันไป

  เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มือข้างหนึ่งกำลังจะยกขึ้นเพื่อบังกระสุน แต่ทันใดนั้นมาร์ตินที่จับเขาเอาไว้ได้ก็อ้าปากกว้าง

  ฟู่ววว มาร์ตินพ่นเมือกเสมหะสีขาวออกมาจากปากของเขา ซึ่งมันเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วทันทีที่มันปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นมันก็ห่อหุ้มร่างกายของเบ็นสันไว้ครึ่งหนึ่ง ในตอนนี้ถือว่ามาร์ตินหายจากอาการตื่นตระหนกในตอนต้นแล้ว ไป๋อี้พูดถูก ทุกคนเดาได้ว่าเขาทำงานอะไรอยู่ในสถาบันวิจัย …… ฟ้าพิโรธผู้คนโกรธแค้น! แต่เนื่องจากเห็นว่าไป๋อี้ไม่ยอมศิโรราบ เขาก็ยิ่งไม่สามารถทำให้เพื่อนร่วมทีมผิดหวังได้อย่างน้อยเขาก็ต้องต่อต้าน

  เมือกใยไหม!

        เบ็นสันรู้สึกว่าแขนของเขาถูกรัดจนกระชับ เขาจึงต้องหยุดอยู่อย่างนั้น ในเวลานี้กระสุนทั้งสองนัดและไป๋อี้ได้พุ่งมาหาเขาแล้ว

        หมุนตัว ฟันดาบ!
 

  ทันใดนั้นไป๋อี้ก็หมุนตัวและด้วยผลอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนโดยการหมุนตัว ทำให้ดาบฟันลงไปบริเวณน่องของเบ็นสันอย่างรุนแรง ในตอนนี้แม้ว่าเบ็นสันจะพยายามเอียงศีรษะเบี่ยงหนี แต่กระสุนสองนัดก็ยังคงพุ่งเข้ามาที่ศีรษะของเขา ดวงตาของหงฉี่ฮว๋ามองตามแนวกระสุนนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนถึงวิถีการหมุนของกระสุนที่กำลังพุ่งเข้าไป ผมบนศีรษะของเบ็นสันปลิวไปตามกระแสลม จากนั้นผิวของเขาก็ถูกกระสุนบีบอัดและบุบยุบเข้าที่ศีรษะของเขา 

  ฟึ่บ!

  ทันใดนั้นร่างของเบ็นสันก็สั่นไปทั้งตัว กระสุนสองนัดที่เพิ่งยิงเข้าไปในกล้ามเนื้อครึ่งหนึ่งของเขาก็เด้งกลับทันทีด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ทำให้พวกมันปลิวออกมาทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “ไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอ?” เมื่อเบ็นสันเห็นหยูหานและไป๋อี้คุยกันอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา

  “นี่คือคนที่ฉันบอกคุณในตอนนั้น ไป๋อี้ หัวหน้าไป๋อี้และคนเหล่านี้คือ …… ” หยูหานแนะนำช้า ๆ ถัดจากด้านหลังไปเรื่อย ๆ และไม่พูดเสริมเติมแต่งอะไรมากเกินไป ความจริงแล้วหยูหานเข้าใจดีว่าในเวลาแบบนี้เบ็นสันไม่ใช่คนโง่เง่า คนที่โง่จริง ๆ มีหรือจะสามารถแสดงความโดดเด่นท่ามกลางร่างทดลองนับไม่ถ้วน จนในที่สุดก็สามารถออกมามีชีวิตสู่โลกภายนอกได้อย่างนี้

  “นี่คืออดีตนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ …… คุณมาร์ตินแอนเดอร์สัน!” หยูหานชี้ไปที่มาร์ตินและแนะนำตัวเขาอย่างเคร่งขรึม

  ไป๋อี้เตรียมระวังตัวเมื่อหยูหานแนะนำเช่นนี้ เพราะเหตุใดหยูหานจึงให้ความสำคัญกับมาร์ติน แน่นอนว่ากอริลลาสี่แขนซึ่งเดิมทีที่เขาดูค่อนข้างจะสงวนท่าที แต่ตอนนี้กลับหยุดชะงักเล็กน้อยหลังจากได้ยินถึงตัวตนของมาร์ติน จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมออกมา

  “เฮ้~ ที่แท้คุณก็เป็นนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ ผมไม่รู้ว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า” กอริลลาสี่แขนเดินลงมาช้าๆ

  “คุณคือ?”

  “ฉันคือเบ็นสัน”

  มาร์ตินมองไปที่กอริลลาสี่แขนอย่างสงสัยราวกับว่าเขากำลังคิดย้อนกลับไปว่าเบ็นสันนั้นเป็นใคร ในตอนนี้เบ็นสันได้ก้าวออกจากจุดยืนบนแท่นซึ่งอยู่ห่างจากไป๋อี้และเพื่อน ๆ ไม่ถึงยี่สิบเมตร ไป๋อี้เอียงตัวเล็กน้อยจากนั้นเขาก็วางมือลงบนด้ามจับของดาบคะตะนะ เบ็นสันเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้ แต่เขากลับแสดงออกมาเพียงรอยยิ้มดูถูก

  “คุณอาจจะไม่รู้จักชื่อนี้ งั้น หมายเลข 0124-2 ล่ะ!” เบ็นสันจ้องไปที่มาร์ตินอย่างดุดัน

  มาร์ตินยังคงคิดอยู่ว่าเบ็นสันคือใคร แต่หลังจากได้ยินชื่อนั้นเขาก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ

  “หมายเลข 0124-2 คุณคือคนของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือที่เข้าสู่ LV2” มาร์ตินพูดด้วยความประหลาดใจ

  “หึ ก็ตามนั้นแหละ ตอนแรกผมอยู่ในสถาบันวิจัย แต่ถูกนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมของคุณโยนผมทิ้งไป ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอคุณวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ …… ” เบ็นสันพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

  “ยังไม่พอ!”

  “ที่นี่ยังไกลไม่พอ!”

  ทันใดนั้นเบ็นสันก็คำรามอย่างดุเดือด ทันใดนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นความดุร้ายขึ้นมาอย่างมาก คลื่นเสียงที่รุนแรงทำให้หูของทุกคนมึนงงและในขณะเดียวกันเบ็นสันก็ดีดตัวขึ้นและพุ่งเข้าหามาร์ตินทันที  

        ไป๋อี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่แรกและหลังจากที่รู้ว่าเบ็นสันเป็นร่างทดลองในสถาบันวิจัยเขาก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้นไปอีก ไป๋อี้ไม่รู้ว่าร่างทดลองต้องประสบกับอะไรมาบ้างในสถาบันวิจัยแห่งนั้น แต่เขาเดาได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมในทีมของเขา

  ไป๋อี้รีบแทรกตัวเข้าไป เขาใช้ดาบคะตะนะหมายจะฟันเบ็นสัน

  กรงเล็บขนาดใหญ่จากมือขวาของเบ็นสันคว้าที่ใบมีดไว้ได้โดยตรง เสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อนิ้วใหญ่ทั้งห้าของผู้ชายคนนี้บีบใบมีดจนแน่น เห็นได้ชัดว่าจริง ๆ เขาเกือบจะสามารถใช้ดาบฟันมือของผู้ชายคนนี้ได้แล้วแต่เขากลับไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย ในขณะนี้เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่โหดร้ายให้ไป๋อี้และแขนอีกข้างก็กำหมัดแน่น

  ไป๋อี้กดฝ่ามือซ้ายเข้ากับหน้าอกของเขาด้วยความร้อนรน แต่กลับถูกผลักกลับออกมาอย่างง่ายดาย

  ในชั่วขณะหนึ่งไป๋อี้ได้ยินเสียงกระดูกแตกในอกและทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง นั่นส่งผลให้หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ จากนั้นร่างของไป๋อี้ก็พุ่งลอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงทางด้านหลังอย่างแรงและค่อย ๆ ร่วงลงมา

  เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เบ็นสันรีบวิ่งออกไปก่อนจะถูกไป๋อี้เข้ามาขวางไว้ แต่ไป๋อี้ก็ถูกโยนปลิวออกไปเสียก่อน และในขณะนั้นเองมาร์ตินก็ถูกเบ็นสันคว้าคอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว

        นี่แหละ … LV2 การกลายพันธุ์!

        ทุกคนมองไปที่เบ็นสันด้วยความประหลาดใจ มีเพียงหงฉี่ฮว๋าเท่านั้นที่รีบวิ่งขึ้นไปทางข้างหลังไป๋อี้และใช้มีดสั้นสองเล่มเฉือนไปที่เอวของเบ็นสันจากทางซ้ายและขวา ความสูงที่ต่างกันทำให้หงฉี่ฮว๋าโจมตีเขาได้เฉพาะท่านี้เท่านั้น หึหึ มีเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ มีดเล่มนี้ราวกับมีดของเล่นที่เฉือนลงบนหนังวัว ทันทีที่มีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าสัมผัสไปที่ตัวของเบ็นสัน เธอรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทันใดนั้นมืออีกสองข้างของเบ็นสันก็คว้าเธอเอาไว้ หงฉี่ฮว๋ารีบเปลี่ยนทิศทางโจมตี จากนั้นเธอก็ม้วนตัวเด้งกลับไป

  ในเวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ยกปืนกลมือขึ้นและเล็งไปที่เบ็นสัน

        “คุณคิดจะทำอะไร?” หงฉี่ฮว๋ากลิ้งไปบนพื้นก่อนจะพลิกมาอยู่ในท่านั่งยอง ๆ และถามเขาอย่างช้า ๆ

  “ฉันคิดจะทำอะไรงั้นเหรอ จะว่าไปแล้ว ฉันคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ทันทีที่ฉันได้ยินว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักวิจัยมาจากสถาบันวิจัย นั่นยิ่งทำให้ฉันโกรธเกรี้ยว แต่ว่า ฉันจะทำอย่างไรต่อดี?” เบ็นสันคว้าคอของมาร์ตินเอาไว้และค่อย ๆ ใช้มือออกแรงบีบที่คอ มาร์ตินพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ

        “จู่ ๆ ฉันก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา!” เบ็นสันพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กลับยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี

  “ที่ผ่านมาคุณได้ปล่อยให้ร่างทดลองที่แตกต่างกันต่อสู้กันตรงกลางนี้อยู่บ่อยครั้งไม่ใช่เหรอ เพื่อทดสอบการเปลี่ยนแปลงและความแข็งแกร่งของพวกเขาใช่ไหม จะเป็นยังไงนะ คุณเองก็ลองดูบ้างสิ” เบ็นสันโน้มตัวเข้าไปใกล้และกระซิบบอกกับมาร์ติน หลังจากที่มาร์ตินได้ยินคำพูดของเบ็นสันเขาก็ดิ้นรนอย่างสุดแรงทันที ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวสิ่งที่เบ็นสันพูดมาก

  ไป๋อี้อยู่ในสภาพการปฐมพยาบาลของเมย์ริส ในที่สุดหัวใจของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเต้นเป็นจังหวะและเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ผลกระทบที่รุนแรงในตอนนั้นทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเขาหยุดลงชั่วขณะและนั่นเกือบจะทำให้เขาต้องมาตายแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ไป๋อี้เข้าใจความแข็งแกร่งของ LV2 อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นความแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลกอย่างสิ้นเชิง

  เมื่อเห็นไป๋อี้ได้รับการช่วยเหลือ หยูหานก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในชั่วพริบตา ด้วยบุคลิกของไป๋อี้ เขาจะไม่ยอมละทิ้งเพื่อนร่วมทีมอย่างแน่นอน ดังนั้นการขัดแย้งกับเบ็นสันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่หรือว่าพวกนายยังไม่รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ LV2 ใช่ไหม พวกนายต้องมาตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน …… ไม่สิ ถ้าจะให้ดีพวกนายต้องพังพินาศไปด้วยกันให้หมด

  “ปล่อยมาร์ติน!” ไป๋อี้เดินกลับมาช้า ๆ พร้อมกับดาบคะตะนะในมือ 

  “มันเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น นายจะเป็นศัตรูกับฉันเพียงเพราะนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมคนนี้เหรอ นายก็รู้ดี ระหว่างนายกับฉันเราไม่มีความขัดแย้งต่อกัน” เบ็นสันก้มหัวลงมามองไป๋อี้

  ไป๋อี้เริ่มแสดงท่าทีด้วยการขยับมือซ้ายขึ้นมาช้า ๆ ทุกคนในทีมจดจ้องมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาและในเวลานั้นทุกคนก็พร้อมแล้วที่จะต่อสู้ ขณะนั้นเองในส่วนของฝ่ายตรงข้าม เบ็นสันแสยะยิ้มออกมาและยกแขนที่สามของเขาขึ้นมาจากทางข้างหลัง หยูหานและคนอื่น ๆ จับอาวุธของพวกเขาขึ้นมาทันที  

        หนิงเสวี่ยยังคงมีท่าทีลังเล มีเพียงเบลลิก้าทีน่าเท่านั้นที่อยู่นิ่งไม่ขยับตัวเลย

  ต้องต่อสู้กันจริง ๆ เหรอนี่!

  ไป๋อี้หลับตาลงเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

  “ฉันไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอดีตของมาร์ตินในสถาบันวิจัย คุณอาจจะรู้สึกโกรธเขามากราวกับว่าเขาก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์ต่างก็พากันโกรธแค้น ทุกคนก็พอจะสามารถคาดเดาได้อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม …… นั่นคือมาร์ตินคนก่อนและตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมของเรา” ไป๋อี้เบิกตาโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แววตาของเขาแน่วแน่ไร้ซึ่งความลังเลหรือหลบซ่อนปนอยู่ข้างใน

  ”หึ ~!” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยูหาน เพื่อนร่วมทีมและมิตรภาพงั้นเหรอ?

 

  ทันใดนั้น ไป๋อี้และหยูหานก็ลั่นไกในเวลาไล่เลี่ยกัน เป้าหมายของกระสุนที่พุ่งออกไปไม่ใช่ เบ็นสันที่อยู่ตรงกลาง แต่เป็นพวกเขาทั้งสองที่เล็งไปยังซึ่งกันและกัน การกระทำของเขาทั้งสองเหมือนกับเป็นการให้สัญญาณให้คนในทีมเข้าสู่ระยะประชิดอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ทุกคนรีบหลบหลีกและในเวลาเดียวกันก็โจมตีศัตรูฝ่ายตรงข้าม

  ……

  “เหอะ เหอะ เหอะ การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว” ไนท์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มและมองไปที่ฉากทางเดินวงกลมผ่านกล้อง ในเวลานี้ภาพของไนท์เปลี่ยนไปเป็นภาพที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็ก ๆ และกินขนมบางอย่างอยู่ ในสายตาของเธอการต่อสู้ระหว่างทั้งสองทีมนั้นก็ไม่ต่างกับการดูภาพยนตร์

  “ฉันไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ ดังนั้นฉันจะดูการแสดงชั่วคราวนี้ …… วู้ววว ดูสิดูเข้าสิ!” ไนท์พึมพำพลางดูความคืบหน้าของพวกเขาผ่านกล้องที่มีอยู่ทั่วสถานกักกัน

  ……

  การเคลื่อนไหวของทุกคนรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขากลิ้งและกระโดดเพื่อหลบหลีกในสภาพแวดล้อมที่กระสุนถูกยิงกระจัดกระจายไปทั่ว ยกเว้นก็แต่บางคนที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ค่อนข้างเชื่องช้าเล็กน้อยและมีร่างกายที่ใหญ่โตอยู่ท่ามกลางห่ากระสุน ทุกคนรีบหาที่กำบังในเวลาอันรวดเร็ว แม้แต่บางคนที่ถูกยิงก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับ ‘อาการบาดเจ็บเล็กน้อย’ เหล่านั้น

  ไป๋อี้ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะฆ่าหยูหานได้ด้วยวิธีนี้ ดังนั้นเมื่อหยูหานหลบได้ เขาก็รีบวิ่งไปที่เบ็นสันซึ่งอยู่ตรงกลางโถง ข้างหลังไป๋อี้มีมีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าอยู่ในฝัก ในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาก็หยิบปืนพกที่มีอานุภาพแข็งแกร่งออกมาและเล็งไปที่ดวงตาของเบ็นสัน

  ปัง ปัง เสียงปืนสองนัดพุ่งออกจากปากกระบอกปืนที่หงฉี่ฮว๋ายกขึ้นมา กระสุนทั้งสองนัดพุ่งข้ามศีรษะของไป๋อี้ไปในชั่วพริบตาและตรงเข้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ใฃไป๋อี้ย่อตัวลงเล็กน้อยและลากดาบคะตะนะตามแนวทแยงมุมไปทางด้านหลัง ความเร็วของเขาเกือบจะทันความเร็วของกระสุนและทันใดนั้นก็แวบผ่านร่างของเบ็นสันไป

  เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มือข้างหนึ่งกำลังจะยกขึ้นเพื่อบังกระสุน แต่ทันใดนั้นมาร์ตินที่จับเขาเอาไว้ได้ก็อ้าปากกว้าง

  ฟู่ววว มาร์ตินพ่นเมือกเสมหะสีขาวออกมาจากปากของเขา ซึ่งมันเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วทันทีที่มันปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นมันก็ห่อหุ้มร่างกายของเบ็นสันไว้ครึ่งหนึ่ง ในตอนนี้ถือว่ามาร์ตินหายจากอาการตื่นตระหนกในตอนต้นแล้ว ไป๋อี้พูดถูก ทุกคนเดาได้ว่าเขาทำงานอะไรอยู่ในสถาบันวิจัย …… ฟ้าพิโรธผู้คนโกรธแค้น! แต่เนื่องจากเห็นว่าไป๋อี้ไม่ยอมศิโรราบ เขาก็ยิ่งไม่สามารถทำให้เพื่อนร่วมทีมผิดหวังได้อย่างน้อยเขาก็ต้องต่อต้าน

  เมือกใยไหม!

        เบ็นสันรู้สึกว่าแขนของเขาถูกรัดจนกระชับ เขาจึงต้องหยุดอยู่อย่างนั้น ในเวลานี้กระสุนทั้งสองนัดและไป๋อี้ได้พุ่งมาหาเขาแล้ว

        หมุนตัว ฟันดาบ!
 

  ทันใดนั้นไป๋อี้ก็หมุนตัวและด้วยผลอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนโดยการหมุนตัว ทำให้ดาบฟันลงไปบริเวณน่องของเบ็นสันอย่างรุนแรง ในตอนนี้แม้ว่าเบ็นสันจะพยายามเอียงศีรษะเบี่ยงหนี แต่กระสุนสองนัดก็ยังคงพุ่งเข้ามาที่ศีรษะของเขา ดวงตาของหงฉี่ฮว๋ามองตามแนวกระสุนนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนถึงวิถีการหมุนของกระสุนที่กำลังพุ่งเข้าไป ผมบนศีรษะของเบ็นสันปลิวไปตามกระแสลม จากนั้นผิวของเขาก็ถูกกระสุนบีบอัดและบุบยุบเข้าที่ศีรษะของเขา 

  ฟึ่บ!

  ทันใดนั้นร่างของเบ็นสันก็สั่นไปทั้งตัว กระสุนสองนัดที่เพิ่งยิงเข้าไปในกล้ามเนื้อครึ่งหนึ่งของเขาก็เด้งกลับทันทีด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ทำให้พวกมันปลิวออกมาทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 64 ความเกลียดชังที่บ้าระห่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “ไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอ?” เมื่อเบ็นสันเห็นหยูหานและไป๋อี้คุยกันอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา

  “นี่คือคนที่ฉันบอกคุณในตอนนั้น ไป๋อี้ หัวหน้าไป๋อี้และคนเหล่านี้คือ …… ” หยูหานแนะนำช้า ๆ ถัดจากด้านหลังไปเรื่อย ๆ และไม่พูดเสริมเติมแต่งอะไรมากเกินไป ความจริงแล้วหยูหานเข้าใจดีว่าในเวลาแบบนี้เบ็นสันไม่ใช่คนโง่เง่า คนที่โง่จริง ๆ มีหรือจะสามารถแสดงความโดดเด่นท่ามกลางร่างทดลองนับไม่ถ้วน จนในที่สุดก็สามารถออกมามีชีวิตสู่โลกภายนอกได้อย่างนี้

  “นี่คืออดีตนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ …… คุณมาร์ตินแอนเดอร์สัน!” หยูหานชี้ไปที่มาร์ตินและแนะนำตัวเขาอย่างเคร่งขรึม

  ไป๋อี้เตรียมระวังตัวเมื่อหยูหานแนะนำเช่นนี้ เพราะเหตุใดหยูหานจึงให้ความสำคัญกับมาร์ติน แน่นอนว่ากอริลลาสี่แขนซึ่งเดิมทีที่เขาดูค่อนข้างจะสงวนท่าที แต่ตอนนี้กลับหยุดชะงักเล็กน้อยหลังจากได้ยินถึงตัวตนของมาร์ติน จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมออกมา

  “เฮ้~ ที่แท้คุณก็เป็นนักวิจัยของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือ ผมไม่รู้ว่าคุณจำผมได้หรือเปล่า” กอริลลาสี่แขนเดินลงมาช้าๆ

  “คุณคือ?”

  “ฉันคือเบ็นสัน”

  มาร์ตินมองไปที่กอริลลาสี่แขนอย่างสงสัยราวกับว่าเขากำลังคิดย้อนกลับไปว่าเบ็นสันนั้นเป็นใคร ในตอนนี้เบ็นสันได้ก้าวออกจากจุดยืนบนแท่นซึ่งอยู่ห่างจากไป๋อี้และเพื่อน ๆ ไม่ถึงยี่สิบเมตร ไป๋อี้เอียงตัวเล็กน้อยจากนั้นเขาก็วางมือลงบนด้ามจับของดาบคะตะนะ เบ็นสันเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้ แต่เขากลับแสดงออกมาเพียงรอยยิ้มดูถูก

  “คุณอาจจะไม่รู้จักชื่อนี้ งั้น หมายเลข 0124-2 ล่ะ!” เบ็นสันจ้องไปที่มาร์ตินอย่างดุดัน

  มาร์ตินยังคงคิดอยู่ว่าเบ็นสันคือใคร แต่หลังจากได้ยินชื่อนั้นเขาก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ

  “หมายเลข 0124-2 คุณคือคนของสถาบันวิจัยแฮมิลตันทางตอนเหนือที่เข้าสู่ LV2” มาร์ตินพูดด้วยความประหลาดใจ

  “หึ ก็ตามนั้นแหละ ตอนแรกผมอยู่ในสถาบันวิจัย แต่ถูกนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมของคุณโยนผมทิ้งไป ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอคุณวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ …… ” เบ็นสันพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

  “ยังไม่พอ!”

  “ที่นี่ยังไกลไม่พอ!”

  ทันใดนั้นเบ็นสันก็คำรามอย่างดุเดือด ทันใดนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นความดุร้ายขึ้นมาอย่างมาก คลื่นเสียงที่รุนแรงทำให้หูของทุกคนมึนงงและในขณะเดียวกันเบ็นสันก็ดีดตัวขึ้นและพุ่งเข้าหามาร์ตินทันที  

        ไป๋อี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่แรกและหลังจากที่รู้ว่าเบ็นสันเป็นร่างทดลองในสถาบันวิจัยเขาก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้นไปอีก ไป๋อี้ไม่รู้ว่าร่างทดลองต้องประสบกับอะไรมาบ้างในสถาบันวิจัยแห่งนั้น แต่เขาเดาได้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมในทีมของเขา

  ไป๋อี้รีบแทรกตัวเข้าไป เขาใช้ดาบคะตะนะหมายจะฟันเบ็นสัน

  กรงเล็บขนาดใหญ่จากมือขวาของเบ็นสันคว้าที่ใบมีดไว้ได้โดยตรง เสียงแคร่กดังขึ้นเมื่อนิ้วใหญ่ทั้งห้าของผู้ชายคนนี้บีบใบมีดจนแน่น เห็นได้ชัดว่าจริง ๆ เขาเกือบจะสามารถใช้ดาบฟันมือของผู้ชายคนนี้ได้แล้วแต่เขากลับไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย ในขณะนี้เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่โหดร้ายให้ไป๋อี้และแขนอีกข้างก็กำหมัดแน่น

  ไป๋อี้กดฝ่ามือซ้ายเข้ากับหน้าอกของเขาด้วยความร้อนรน แต่กลับถูกผลักกลับออกมาอย่างง่ายดาย

  ในชั่วขณะหนึ่งไป๋อี้ได้ยินเสียงกระดูกแตกในอกและทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง นั่นส่งผลให้หัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ จากนั้นร่างของไป๋อี้ก็พุ่งลอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงทางด้านหลังอย่างแรงและค่อย ๆ ร่วงลงมา

  เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว เบ็นสันรีบวิ่งออกไปก่อนจะถูกไป๋อี้เข้ามาขวางไว้ แต่ไป๋อี้ก็ถูกโยนปลิวออกไปเสียก่อน และในขณะนั้นเองมาร์ตินก็ถูกเบ็นสันคว้าคอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว

        นี่แหละ … LV2 การกลายพันธุ์!

        ทุกคนมองไปที่เบ็นสันด้วยความประหลาดใจ มีเพียงหงฉี่ฮว๋าเท่านั้นที่รีบวิ่งขึ้นไปทางข้างหลังไป๋อี้และใช้มีดสั้นสองเล่มเฉือนไปที่เอวของเบ็นสันจากทางซ้ายและขวา ความสูงที่ต่างกันทำให้หงฉี่ฮว๋าโจมตีเขาได้เฉพาะท่านี้เท่านั้น หึหึ มีเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ มีดเล่มนี้ราวกับมีดของเล่นที่เฉือนลงบนหนังวัว ทันทีที่มีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าสัมผัสไปที่ตัวของเบ็นสัน เธอรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทันใดนั้นมืออีกสองข้างของเบ็นสันก็คว้าเธอเอาไว้ หงฉี่ฮว๋ารีบเปลี่ยนทิศทางโจมตี จากนั้นเธอก็ม้วนตัวเด้งกลับไป

  ในเวลาเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ยกปืนกลมือขึ้นและเล็งไปที่เบ็นสัน

        “คุณคิดจะทำอะไร?” หงฉี่ฮว๋ากลิ้งไปบนพื้นก่อนจะพลิกมาอยู่ในท่านั่งยอง ๆ และถามเขาอย่างช้า ๆ

  “ฉันคิดจะทำอะไรงั้นเหรอ จะว่าไปแล้ว ฉันคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ทันทีที่ฉันได้ยินว่าผู้ชายคนนี้เป็นนักวิจัยมาจากสถาบันวิจัย นั่นยิ่งทำให้ฉันโกรธเกรี้ยว แต่ว่า ฉันจะทำอย่างไรต่อดี?” เบ็นสันคว้าคอของมาร์ตินเอาไว้และค่อย ๆ ใช้มือออกแรงบีบที่คอ มาร์ตินพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่ก็ไม่เป็นผลใดๆ

        “จู่ ๆ ฉันก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา!” เบ็นสันพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ กลับยิ่งรู้สึกใจคอไม่ดี

  “ที่ผ่านมาคุณได้ปล่อยให้ร่างทดลองที่แตกต่างกันต่อสู้กันตรงกลางนี้อยู่บ่อยครั้งไม่ใช่เหรอ เพื่อทดสอบการเปลี่ยนแปลงและความแข็งแกร่งของพวกเขาใช่ไหม จะเป็นยังไงนะ คุณเองก็ลองดูบ้างสิ” เบ็นสันโน้มตัวเข้าไปใกล้และกระซิบบอกกับมาร์ติน หลังจากที่มาร์ตินได้ยินคำพูดของเบ็นสันเขาก็ดิ้นรนอย่างสุดแรงทันที ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวสิ่งที่เบ็นสันพูดมาก

  ไป๋อี้อยู่ในสภาพการปฐมพยาบาลของเมย์ริส ในที่สุดหัวใจของเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเต้นเป็นจังหวะและเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ผลกระทบที่รุนแรงในตอนนั้นทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจเขาหยุดลงชั่วขณะและนั่นเกือบจะทำให้เขาต้องมาตายแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ไป๋อี้เข้าใจความแข็งแกร่งของ LV2 อย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นความแตกต่างกันราวกับสวรรค์และโลกอย่างสิ้นเชิง

  เมื่อเห็นไป๋อี้ได้รับการช่วยเหลือ หยูหานก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ลงได้ในชั่วพริบตา ด้วยบุคลิกของไป๋อี้ เขาจะไม่ยอมละทิ้งเพื่อนร่วมทีมอย่างแน่นอน ดังนั้นการขัดแย้งกับเบ็นสันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่หรือว่าพวกนายยังไม่รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ LV2 ใช่ไหม พวกนายต้องมาตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน …… ไม่สิ ถ้าจะให้ดีพวกนายต้องพังพินาศไปด้วยกันให้หมด

  “ปล่อยมาร์ติน!” ไป๋อี้เดินกลับมาช้า ๆ พร้อมกับดาบคะตะนะในมือ 

  “มันเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมเท่านั้น นายจะเป็นศัตรูกับฉันเพียงเพราะนักวิจัยที่ไร้มนุษยธรรมคนนี้เหรอ นายก็รู้ดี ระหว่างนายกับฉันเราไม่มีความขัดแย้งต่อกัน” เบ็นสันก้มหัวลงมามองไป๋อี้

  ไป๋อี้เริ่มแสดงท่าทีด้วยการขยับมือซ้ายขึ้นมาช้า ๆ ทุกคนในทีมจดจ้องมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาและในเวลานั้นทุกคนก็พร้อมแล้วที่จะต่อสู้ ขณะนั้นเองในส่วนของฝ่ายตรงข้าม เบ็นสันแสยะยิ้มออกมาและยกแขนที่สามของเขาขึ้นมาจากทางข้างหลัง หยูหานและคนอื่น ๆ จับอาวุธของพวกเขาขึ้นมาทันที  

        หนิงเสวี่ยยังคงมีท่าทีลังเล มีเพียงเบลลิก้าทีน่าเท่านั้นที่อยู่นิ่งไม่ขยับตัวเลย

  ต้องต่อสู้กันจริง ๆ เหรอนี่!

  ไป๋อี้หลับตาลงเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

  “ฉันไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอดีตของมาร์ตินในสถาบันวิจัย คุณอาจจะรู้สึกโกรธเขามากราวกับว่าเขาก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์ต่างก็พากันโกรธแค้น ทุกคนก็พอจะสามารถคาดเดาได้อยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม …… นั่นคือมาร์ตินคนก่อนและตอนนี้มาร์ตินเป็นเพื่อนร่วมทีมของเรา” ไป๋อี้เบิกตาโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แววตาของเขาแน่วแน่ไร้ซึ่งความลังเลหรือหลบซ่อนปนอยู่ข้างใน

  ”หึ ~!” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยูหาน เพื่อนร่วมทีมและมิตรภาพงั้นเหรอ?

 

  ทันใดนั้น ไป๋อี้และหยูหานก็ลั่นไกในเวลาไล่เลี่ยกัน เป้าหมายของกระสุนที่พุ่งออกไปไม่ใช่ เบ็นสันที่อยู่ตรงกลาง แต่เป็นพวกเขาทั้งสองที่เล็งไปยังซึ่งกันและกัน การกระทำของเขาทั้งสองเหมือนกับเป็นการให้สัญญาณให้คนในทีมเข้าสู่ระยะประชิดอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ทุกคนรีบหลบหลีกและในเวลาเดียวกันก็โจมตีศัตรูฝ่ายตรงข้าม

  ……

  “เหอะ เหอะ เหอะ การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว” ไนท์พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มและมองไปที่ฉากทางเดินวงกลมผ่านกล้อง ในเวลานี้ภาพของไนท์เปลี่ยนไปเป็นภาพที่เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็ก ๆ และกินขนมบางอย่างอยู่ ในสายตาของเธอการต่อสู้ระหว่างทั้งสองทีมนั้นก็ไม่ต่างกับการดูภาพยนตร์

  “ฉันไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ได้ ดังนั้นฉันจะดูการแสดงชั่วคราวนี้ …… วู้ววว ดูสิดูเข้าสิ!” ไนท์พึมพำพลางดูความคืบหน้าของพวกเขาผ่านกล้องที่มีอยู่ทั่วสถานกักกัน

  ……

  การเคลื่อนไหวของทุกคนรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขากลิ้งและกระโดดเพื่อหลบหลีกในสภาพแวดล้อมที่กระสุนถูกยิงกระจัดกระจายไปทั่ว ยกเว้นก็แต่บางคนที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ค่อนข้างเชื่องช้าเล็กน้อยและมีร่างกายที่ใหญ่โตอยู่ท่ามกลางห่ากระสุน ทุกคนรีบหาที่กำบังในเวลาอันรวดเร็ว แม้แต่บางคนที่ถูกยิงก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับ ‘อาการบาดเจ็บเล็กน้อย’ เหล่านั้น

  ไป๋อี้ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะฆ่าหยูหานได้ด้วยวิธีนี้ ดังนั้นเมื่อหยูหานหลบได้ เขาก็รีบวิ่งไปที่เบ็นสันซึ่งอยู่ตรงกลางโถง ข้างหลังไป๋อี้มีมีดสั้นของหงฉี่ฮว๋าอยู่ในฝัก ในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาก็หยิบปืนพกที่มีอานุภาพแข็งแกร่งออกมาและเล็งไปที่ดวงตาของเบ็นสัน

  ปัง ปัง เสียงปืนสองนัดพุ่งออกจากปากกระบอกปืนที่หงฉี่ฮว๋ายกขึ้นมา กระสุนทั้งสองนัดพุ่งข้ามศีรษะของไป๋อี้ไปในชั่วพริบตาและตรงเข้าไปที่ดวงตาของเบ็นสัน ใฃไป๋อี้ย่อตัวลงเล็กน้อยและลากดาบคะตะนะตามแนวทแยงมุมไปทางด้านหลัง ความเร็วของเขาเกือบจะทันความเร็วของกระสุนและทันใดนั้นก็แวบผ่านร่างของเบ็นสันไป

  เบ็นสันเผยรอยยิ้มที่มุมปาก มือข้างหนึ่งกำลังจะยกขึ้นเพื่อบังกระสุน แต่ทันใดนั้นมาร์ตินที่จับเขาเอาไว้ได้ก็อ้าปากกว้าง

  ฟู่ววว มาร์ตินพ่นเมือกเสมหะสีขาวออกมาจากปากของเขา ซึ่งมันเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วทันทีที่มันปรากฏขึ้นในอากาศ จากนั้นมันก็ห่อหุ้มร่างกายของเบ็นสันไว้ครึ่งหนึ่ง ในตอนนี้ถือว่ามาร์ตินหายจากอาการตื่นตระหนกในตอนต้นแล้ว ไป๋อี้พูดถูก ทุกคนเดาได้ว่าเขาทำงานอะไรอยู่ในสถาบันวิจัย …… ฟ้าพิโรธผู้คนโกรธแค้น! แต่เนื่องจากเห็นว่าไป๋อี้ไม่ยอมศิโรราบ เขาก็ยิ่งไม่สามารถทำให้เพื่อนร่วมทีมผิดหวังได้อย่างน้อยเขาก็ต้องต่อต้าน

  เมือกใยไหม!

        เบ็นสันรู้สึกว่าแขนของเขาถูกรัดจนกระชับ เขาจึงต้องหยุดอยู่อย่างนั้น ในเวลานี้กระสุนทั้งสองนัดและไป๋อี้ได้พุ่งมาหาเขาแล้ว

        หมุนตัว ฟันดาบ!
 

  ทันใดนั้นไป๋อี้ก็หมุนตัวและด้วยผลอันทรงพลังที่ขับเคลื่อนโดยการหมุนตัว ทำให้ดาบฟันลงไปบริเวณน่องของเบ็นสันอย่างรุนแรง ในตอนนี้แม้ว่าเบ็นสันจะพยายามเอียงศีรษะเบี่ยงหนี แต่กระสุนสองนัดก็ยังคงพุ่งเข้ามาที่ศีรษะของเขา ดวงตาของหงฉี่ฮว๋ามองตามแนวกระสุนนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนถึงวิถีการหมุนของกระสุนที่กำลังพุ่งเข้าไป ผมบนศีรษะของเบ็นสันปลิวไปตามกระแสลม จากนั้นผิวของเขาก็ถูกกระสุนบีบอัดและบุบยุบเข้าที่ศีรษะของเขา 

  ฟึ่บ!

  ทันใดนั้นร่างของเบ็นสันก็สั่นไปทั้งตัว กระสุนสองนัดที่เพิ่งยิงเข้าไปในกล้ามเนื้อครึ่งหนึ่งของเขาก็เด้งกลับทันทีด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ทำให้พวกมันปลิวออกมาทันที

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+