[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 27 ความคิดที่บ้าระห่ำ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 27 ความคิดที่บ้าระห่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “กลับมาทำไม ฉันไม่เข้าใจ!” วูล์ฟถาม

 

  “วูล์ฟ นายมีความมั่นใจได้ แต่นายต้องไม่ประมาณตนสูงเกินไป นายมั่นใจในตัวพวกเราไหมที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด?” ไป๋อี้กล่าว

 

  “…… ไม่!” วูล์ฟคิดสักพักแล้วส่ายหัว

 

  “ใช่ ฉันก็เหมือนกัน ในสถาบันวิจัยทั้งหมดคงไม่มีสัตว์ประหลาดแค่ตัวเดียวหรอก ที่จริงแล้วตอนนี้ฉันเกลียดหยูหานมาก แต่บางครั้งมันก็ไม่สามารถที่จะทำตามความชอบหรือไม่ชอบอย่างเดียวได้” ไป๋อี้อธิบาย

 

  “เป็นคนบ้าบิ่น เข้าใจแล้ว เหมือนที่พวกเขาว่าฉันอย่างนั้นสินะ ฮ่า ๆๆๆๆ”

  

       แม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจเดินทางผ่านโอโทโรฮังกาไปด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดำเนินการในทันที ในเวลานี้ไป๋อี้ก็ต้องยอมรับว่ามันอันตรายเกินไปที่จะเข้าไปในเมืองที่มีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวในเวลากลางคืน ไป๋อี้ไม่สามารถปล่อยให้หงฉี่ฮว๋าและวูล์ฟที่ไว้ใจเขาต้องมาตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงตัดสินใจที่จะอยู่ใกล้ ๆ กันหนึ่งคืน แล้วรอพรุ่งนี้จึงจะผ่านเข้าเมืองในตอนกลางวัน

 

  ……

 

  มีบ้านหลายหลังกระจายอยู่ในป่า คนกลุ่มนี้พบบ้านสองหลังที่เจ้าของทิ้งไว้ ผู้อยู่อาศัยโดยรอบไม่ได้หนีออกไปทั้งหมด หลังจากที่เห็นไป๋อี้และกลุ่มของเขาบุกเข้าไปในบ้านของคนอื่น คนเหล่านั้นก็ไม่ได้สนใจธุระกงการอะไรของคนอื่น ทุกคนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในนิวซีแลนด์และตำรวจก็ไม่มีผลใด ๆ แล้ว ตราบเท่าที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้เข้ามาโจมตี คนเหล่านั้นก็เพียงแค่สวดมนต์ไหว้พระ

 

  พวกเขาตรวจสอบทุกอย่างในบ้านอย่างละเอียดและระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องว่างเล็ก ๆ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะได้พักผ่อน

 

  โม่โม่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงไม่นานหนูน้อยก็หลับไปหลังจากที่ไป๋อี้อุ้มเธอไปที่เตียง ไป๋อี้จูบหน้าผากของโม่โม่เบา ๆ และยิ้มอย่างอบอุ่น

 

  การผสานรวมยีนและเซลล์ดัดแปลง ……. อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับโม่โม่นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยน ความผิดปกติทางด้านการมองเห็นซึ่งมีมาแต่กำเนิดของโม่โม่ จากเดิมทีที่ตาของเธอนั้นเกือบจะบอด แต่ในวันนี้โม่โม่กลับบอกไป๋อี้ว่าเธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว

 

  นี่เป็นข่าวดีที่หายาก!

 

  “ลุงไป๋ อยู่ไหม?” จู่ ๆ เสียงของหงฉี่ฮว๋าก็ดังมาจากนอกห้อง

 

  “อยู่ ดึกแล้วทำไมยังไม่พักผ่อนอีก มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” ไป๋อี้เปิดประตูให้หงฉี่ฮว๋าเข้ามา

 

  “ฉันมีความคิดบางอย่างต้องการปรึกษากับคุณลุงไป๋” หงฉี่ฮว๋ากล่าวโดยไม่มีการกระบิดกระบวนเขินอายใด ๆ จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องของไป๋อี้

 

  “มีความคิดอะไร?”

 

  “ผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างเข้าด้วยกัน!” หงฉี่ฮว๋าพูดเบา ๆ

 

  ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยจากนั้นก็มองไปที่หงฉี่ฮว๋าแล้วหัวเราะออกมา ช่างเป็นความคิดที่บ้าคลั่งเสียจริง มีคนบ้าอยู่ในทีมของฉันหนึ่งคนสินะ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการที่ไป๋อี้หัวเราะนั่นหมายความว่าไป๋อี้เองก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน แต่มันก็เป็นเพียงความคิดที่ยังไม่สมบูรณ์และไม่ได้ต่อยอด

 

  “ฉันจะไปเรียกวูล์ฟและเฮลัวส์ ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไรและฉันก็มีความคิดนี้เหมือนกัน” ไป๋อี้พูด

 

  “อื้ม!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้ารับ

 

  ในไม่ช้าวูล์ฟและเฮลัวส์ก็ถูกไป๋อี้เรียกเข้าไปในห้อง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ไป๋อี้บอกให้พวกเขาทำในเวลานี้ หลังจากที่ได้เห็นหงฉี่ฮว๋า วูล์ฟก็แซวหยอกล้อไป๋อี้ไปพลางหัวเราะไปพลาง

 

  “หัวเราะอะไร?”

 

  “ไป๋อี้ แบบนี้มันไม่ดีมั้ง นายกับหงฉี่ฮว๋าอยู่ด้วยกันสองคนตามลำพัง แล้วพวกเรามาเป็นก้างขวางคออะไรเนี่ย”

 

  “ฉันคิดอะไรวุ่นวายมาตลอดทั้งวัน ฉันเรียกพวกนายมาก็เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาหารือ” ไป๋อี้เข้าใจความหมายของวูล์ฟ พวกเขาคิดว่าตนและหงฉี่ฮว๋ามีความสัมพันธ์บางอย่าง พูดตามตรงว่าหงฉี่ฮว๋านั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ไป๋อี้เต็มใจที่จะตามจีบเธอหากทำได้ อย่างไรก็ตามตั้งแต่รับโม่โม่มาไป๋อี้ก็เลิกมองหาผู้หญิงมาเป็นภรรยาเพราะคาดว่ามีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่สามารถยอมรับสาวน้อยแปลกหน้ามาเป็นลูกสาวของตนได้

 

  “เรื่องอะไรเหรอ?” วูล์ฟไม่ได้แซวหยอกล้อต่อ

 

  “เราควรผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างเข้าด้วยกันหรือไม่!”

 

  “นายบ้าไปแล้วเหรอ!”วูล์ฟมองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ

 

  “ไม่ฉันไม่ได้บ้า ฉันจริงจัง” ไป๋อี้ส่ายหัว

 

  “มาร์ตินได้กล่าวไว้แล้วว่าตามระดับของเซลล์ดัดแปลง LV1-LV9 จำนวนยีนที่แต่ละคนสามารถผสานรวมกันได้คือ 1-9 ครั้ง ตอนนี้เราได้เริ่มเห็นแล้วว่าเซลล์ดัดแปลงนั้นมีพลังบางอย่าง โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดกระบวนการผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ดังนั้นฉันคิดว่าแทนที่จะผสานรวมยีนอื่น ๆ อย่างสะเปะสะปะโดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ทำไมเราไม่ริเริ่มที่จะรวมยีนทางชีววิทยาที่มีประโยชน์บางอย่างเข้าด้วยกันเอง” ไป๋อี้พูดในขณะที่หงฉี่ฮว๋าเปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปและบันทึกไว้

 

  “ทำไมคุณถึงต้องการริเริ่มที่จะผสานรวมยีนอื่น ๆ เข้ามา ฉันยังไม่เข้าใจ” เฮลัวส์ถามอย่างสงสัย

 

  “เพราะพลังความสามารถและความแข็งแกร่ง! คุณได้เห็นความแข็งแกร่งของหยูหานมาแล้ว การประเมินเบื้องต้นคือตอนนี้เขาสามารถยกของหนักได้สองเท่า ส่วนวูล์ฟแม้ว่าคุณจะแข็งแกร่งมาก แต่คุณก็ยังมีพลังที่ด้อยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือการผสานรวมยีนของพวกเขาทั้งสองคนนั้นต่างกัน” หงฉี่ฮว๋าเงยหน้าขึ้นและอธิบายให้เฮลัวส์ฟัง

 

  “ฉันจะไม่พูดถึงสัตว์ทดลองที่ออกมาจากสถาบันวิจัย แต่เงาดำในท่อน้ำทิ้งที่ฉันเจอเมื่อบ่ายนี้เป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับคนธรรมดา หากเราต้องการอยู่ในโลกที่อันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ เราจึงต้องการความแข็งแกร่ง และตอนนี้ … วิธีที่ฉันคิดว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้ก็คือการผสานรวมยีนที่มีประโยชน์บางอย่างเข้าด้วยกัน เช่น มด!” หงฉี่ฮว๋ากล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

  วูล์ฟและเฮลัวส์ตกอยู่ในความตะลึงงันอย่างสิ้นเชิงกับความคิดที่บ้าระห่ำแบบนี้

 

  “นี่เป็นความคิดของพวกเธอสองคนหรือเป็นวิธีคิดของคนอื่นเนี่ย?” วูล์ฟถาม

 

  “ฉันคิดว่าพวกเขาทุกคนมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่หงฉี่ฮว๋ามาปรึกษาฉัน ฉันก็ค่อนข้างแปลกใจ” ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋ามองหน้ากันแล้วพูด

 

  “แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว” วูล์ฟไม่ลืมที่จะแซว

 

  “ฉันเข้าใจแล้ว ว่าสิ่งที่พวกคุณหมายถึงคือแทนที่จะผสานรวมยีนที่ไร้ประโยชน์บางตัวภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ มันจะเป็นการดีกว่าที่จะผสานยีนที่ทรงพลังบางอย่างเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในโลกนี้” เฮลัวส์ฉลาดมาก แม้ว่าเธอจะเพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

 

  “ใช่ พลังที่แข็งแกร่ง ความเร็วที่เร็วขึ้น การมองเห็นที่แม่นยำ สามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง ความคล่องแคล่วในการบิน ภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง … สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของเราได้” หงฉี่ฮว๋ากล่าวพลางบันทึกเอาไว้

 

  “แต่เราอาจจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด!” เฮลัวส์พูดอย่างลังเล

 

  “เมื่อเรากลายเป็นสัตว์ประหลาดเรายังสามารถหายาเพื่อฟื้นฟูร่างมนุษย์กลับมาได้ แต่ถ้าเราไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ ก็จะไม่เหลืออะไรเลย เมื่อพิจารณาจากกลุ่มสัตว์ทดลองที่หลบหนีออกมาจากสถาบันวิจัยฉันกลัวว่าทั้งนิวซีแลนด์จะกลายเป็นสนามทดสอบขนาดใหญ่ ในไม่ช้านี้ … มันจะกลายเป็นสถานการณ์ที่สัตว์ประหลาดวิ่งพล่านไปทั่ว” ไป๋อี้พูดอย่างใจเย็น

 

  ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ คำพูดของไป๋อี้ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอย่างแน่นอน ทุกคนในนิวซีแลนด์รู้สึกหิวโหยซึ่งหมายความว่าทุกคนถูกเซลล์ดัดแปลงแฝงตัวเป็นปรสิตอยู่ภายในร่างกาย ขั้นตอนแรกของเซลล์ดัดแปลงปรสิตคือความหิวโหยตะกละตะกลาม ขั้นต่อไปคือการผสานรวมยีน จากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดชนิดต่าง ๆ

 

  “แล้วต้องทำยังไง?”

 

  “มีสิ่งมีชีวิตประมาณ 2.5 ล้านชนิดที่ถูกบันทึกไว้ในวงจรชีวภาพ ซึ่งรวมถึงสัตว์ประมาณ 2 ล้านชนิด พืชประมาณ 340,000 ชนิดและจุลินทรีย์ประมาณ 37,000 ชนิด ประการแรกจุลินทรีย์จะถูกแยกออกเนื่องจากจุลินทรีย์มีอยู่เสมอในทุกส่วนของระบบนิเวศ ถ้าจะเกิดการผสานรวมยีนได้จริง ๆ ก็คงจะต้องเกิดการผสานรวมไปนานแล้ว” หงฉี่ฮว๋ากล่าวพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป

 

  “แม้ว่ามดจะมีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถยกของหนักได้ 20 ถึง 150 เท่าของน้ำหนักตัวขึ้นอยู่กับชนิดของมัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีสัตว์ชนิดใดในโลกที่สามารถเปรียบเทียบกับมดได้อีก”

 

  “มาร์ตินกล่าวว่าเซลล์ดัดแปลงสร้างพลังงานพิเศษได้หลายชนิด แต่จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้โดยตรง ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นไปที่การรับมือกับวิกฤตที่จะเกิดขึ้นเป็นหลัก พลังที่แข็งแกร่ง, ความเร็วที่เร็วขึ้น ,การมองเห็นที่แม่นยำ, ความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง, ความคล่องแคล่วและสารพิษ, ความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกัน, ความสามารถในการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมทางน้ำ, ความสามารถพิเศษ … มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกไหม?” หงฉี่ฮว๋ากล่าว เมื่อตระหนักได้ว่าวูล์ฟและเฮลัวส์กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยความงุนงง

 

  “หงฉี่ฮว๋าเป็นคนยอดเยี่ยมอย่างนี้มาโดยตลอดเลยหรือ” วูล์ฟถามไป๋อี้ ‘อย่างเงียบ ๆ’

 

  “นายควรถามหงฉี่ฮว๋าด้วยตัวนายเอง” ไป๋อี้กล่าว

 

  “ถ้าคุณบอกว่าฉันนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แสดงว่าคุณหมายถึงสิ่งที่ฉันเป็นในตอนนี้ ไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันเป็นเพียงคนที่ไม่ได้เรื่องและไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยในวิทยาลัย” หงฉี่ฮว๋าส่ายหัว

 

  “เป็นไปได้ยังไง ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนที่มีไหวพริบพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดีในมหาวิทยาลัย อะไรแบบนั้น … แบบ … !” แบบอะไรนะ วูล์ฟคิดอยู่นานก็พูดไม่ออก แน่นอนว่าคำศัพท์ในหัวของเขานั้นมีแต่คำที่ง่ายเกินไป อย่างไรก็ตามการแสดงออกของหงฉี่ฮว๋าในช่วงเวลานี้ไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้เลยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอยังเป็นเพียงคนที่ไม่โดดเด่นอะไร

 

  “ฉันพูดจริง ๆ”

 

  “บางคนจะเปล่งประกายในบางสภาพแวดล้อมหรือบางยุคสมัยเท่านั้น ในยุคกลางความสามารถของหลาย ๆ คนจะถูกฝังไว้ในผงคลีเช่นเดียวกับเพชรที่ซ่อนอยู่ในฝุ่นตลอดไป หงฉี่ฮว๋าเธอน่าจะเป็นคนแบบนั้น” เฮลัวส์มองไปที่หงฉี่ฮว๋าและแสดงความคิดเห็นออกมา

 

  “ขอบคุณนะ!” หงฉี่ฮว๋าไม่ได้ถ่อมตนจนดูเย่อหยิ่งทะนงตน 

 

  “เอาล่ะ เรามาพูดถึงความคิดริเริ่มที่จะผสานรวมยีนทางชีววิทยาอื่น ๆ เข้าด้วยกันต่อเถอะ” ไป๋อี้เห็นแนวโน้มของวูล์ฟที่จะผลักดันหัวข้อนี้ออกไปและก็อดไม่ได้ที่จะหยุดบทสนทนานี้

 

  “ก่อนที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการผสานรวมยีนที่ใช้งานได้ ยังมีเรื่องหนึ่งที่เราต้องทำให้ชัดเจน” ไป๋อี้เห็นว่ามีคนหลายคนตั้งอกตั้งใจฟังและอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ

 

  “เรื่องอะไร?”

 

  “หลังจากที่เราผสานรวมยีนและกลายเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว เราจะสูญเสียสติสัมปชัญญะของเราหรือไม่” ไป๋อี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

  ————————————————

 

  ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เท่านั้นที่คุยปรึกษาหารือกัน กลุ่มของหยูหานไม่ได้หยุดพักผ่อนในทันทีและพวกเขาก็คุยปรึกษากันถึงสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เช่นกัน ฉินข่ายรุ่ยยังคงลังเลที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดโดยตรง เขาคิดว่ามันอันตรายที่จะต้องผ่านเมืองนี้ไป หยูหานไม่ต้องการอธิบายอะไรอีกต่อไป ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าได้อธิบายอย่างชัดเจนในตอนเย็นแล้ว แต่คนโง่คนนี้ช่างไม่เข้าใจอะไรเลย

 

  “พรุ่งนี้เราจะเดินทางผ่านโอโทโรฮังกา!” หยูหานตัดสินใจอย่างเย็นชาและกลับไปที่ห้องพร้อมกับหนิงเสวี่ย ในเวลาเพียงไม่กี่วันหนิงเสวี่ยก็ถูกหยูหานครอบครอง ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนี้สาวน้อยอย่างหนิงเสวี่ยไม่ได้มีท่าทีต่อต้านผู้ชายที่เธอสามารถพึ่งพาได้เช่นนี้

 

  ฉินข่ายรุ่ยได้แต่นั่งกัดฟันกรอด ๆ อยู่ตรงนั้น

 

  เบลลิก้าทีน่ามองไปที่ด้านหลังของหยูหานและความเศร้าก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่วัน เป็นเพราะเธอไม่สวยเหมือนหนิงเสวี่ยใช่ไหม

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 27 ความคิดที่บ้าระห่ำ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 27 ความคิดที่บ้าระห่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  “กลับมาทำไม ฉันไม่เข้าใจ!” วูล์ฟถาม

 

  “วูล์ฟ นายมีความมั่นใจได้ แต่นายต้องไม่ประมาณตนสูงเกินไป นายมั่นใจในตัวพวกเราไหมที่ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาด?” ไป๋อี้กล่าว

 

  “…… ไม่!” วูล์ฟคิดสักพักแล้วส่ายหัว

 

  “ใช่ ฉันก็เหมือนกัน ในสถาบันวิจัยทั้งหมดคงไม่มีสัตว์ประหลาดแค่ตัวเดียวหรอก ที่จริงแล้วตอนนี้ฉันเกลียดหยูหานมาก แต่บางครั้งมันก็ไม่สามารถที่จะทำตามความชอบหรือไม่ชอบอย่างเดียวได้” ไป๋อี้อธิบาย

 

  “เป็นคนบ้าบิ่น เข้าใจแล้ว เหมือนที่พวกเขาว่าฉันอย่างนั้นสินะ ฮ่า ๆๆๆๆ”

  

       แม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจเดินทางผ่านโอโทโรฮังกาไปด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดำเนินการในทันที ในเวลานี้ไป๋อี้ก็ต้องยอมรับว่ามันอันตรายเกินไปที่จะเข้าไปในเมืองที่มีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวในเวลากลางคืน ไป๋อี้ไม่สามารถปล่อยให้หงฉี่ฮว๋าและวูล์ฟที่ไว้ใจเขาต้องมาตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ได้ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงตัดสินใจที่จะอยู่ใกล้ ๆ กันหนึ่งคืน แล้วรอพรุ่งนี้จึงจะผ่านเข้าเมืองในตอนกลางวัน

 

  ……

 

  มีบ้านหลายหลังกระจายอยู่ในป่า คนกลุ่มนี้พบบ้านสองหลังที่เจ้าของทิ้งไว้ ผู้อยู่อาศัยโดยรอบไม่ได้หนีออกไปทั้งหมด หลังจากที่เห็นไป๋อี้และกลุ่มของเขาบุกเข้าไปในบ้านของคนอื่น คนเหล่านั้นก็ไม่ได้สนใจธุระกงการอะไรของคนอื่น ทุกคนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในนิวซีแลนด์และตำรวจก็ไม่มีผลใด ๆ แล้ว ตราบเท่าที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ไม่ได้เข้ามาโจมตี คนเหล่านั้นก็เพียงแค่สวดมนต์ไหว้พระ

 

  พวกเขาตรวจสอบทุกอย่างในบ้านอย่างละเอียดและระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องว่างเล็ก ๆ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะได้พักผ่อน

 

  โม่โม่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เพียงไม่นานหนูน้อยก็หลับไปหลังจากที่ไป๋อี้อุ้มเธอไปที่เตียง ไป๋อี้จูบหน้าผากของโม่โม่เบา ๆ และยิ้มอย่างอบอุ่น

 

  การผสานรวมยีนและเซลล์ดัดแปลง ……. อาจเป็นข่าวร้ายสำหรับคนอื่น ๆ แต่สำหรับโม่โม่นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยน ความผิดปกติทางด้านการมองเห็นซึ่งมีมาแต่กำเนิดของโม่โม่ จากเดิมทีที่ตาของเธอนั้นเกือบจะบอด แต่ในวันนี้โม่โม่กลับบอกไป๋อี้ว่าเธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว

 

  นี่เป็นข่าวดีที่หายาก!

 

  “ลุงไป๋ อยู่ไหม?” จู่ ๆ เสียงของหงฉี่ฮว๋าก็ดังมาจากนอกห้อง

 

  “อยู่ ดึกแล้วทำไมยังไม่พักผ่อนอีก มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” ไป๋อี้เปิดประตูให้หงฉี่ฮว๋าเข้ามา

 

  “ฉันมีความคิดบางอย่างต้องการปรึกษากับคุณลุงไป๋” หงฉี่ฮว๋ากล่าวโดยไม่มีการกระบิดกระบวนเขินอายใด ๆ จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องของไป๋อี้

 

  “มีความคิดอะไร?”

 

  “ผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างเข้าด้วยกัน!” หงฉี่ฮว๋าพูดเบา ๆ

 

  ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อยจากนั้นก็มองไปที่หงฉี่ฮว๋าแล้วหัวเราะออกมา ช่างเป็นความคิดที่บ้าคลั่งเสียจริง มีคนบ้าอยู่ในทีมของฉันหนึ่งคนสินะ อย่างไรก็ตามเนื่องจากการที่ไป๋อี้หัวเราะนั่นหมายความว่าไป๋อี้เองก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน แต่มันก็เป็นเพียงความคิดที่ยังไม่สมบูรณ์และไม่ได้ต่อยอด

 

  “ฉันจะไปเรียกวูล์ฟและเฮลัวส์ ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไรและฉันก็มีความคิดนี้เหมือนกัน” ไป๋อี้พูด

 

  “อื้ม!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้ารับ

 

  ในไม่ช้าวูล์ฟและเฮลัวส์ก็ถูกไป๋อี้เรียกเข้าไปในห้อง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ไป๋อี้บอกให้พวกเขาทำในเวลานี้ หลังจากที่ได้เห็นหงฉี่ฮว๋า วูล์ฟก็แซวหยอกล้อไป๋อี้ไปพลางหัวเราะไปพลาง

 

  “หัวเราะอะไร?”

 

  “ไป๋อี้ แบบนี้มันไม่ดีมั้ง นายกับหงฉี่ฮว๋าอยู่ด้วยกันสองคนตามลำพัง แล้วพวกเรามาเป็นก้างขวางคออะไรเนี่ย”

 

  “ฉันคิดอะไรวุ่นวายมาตลอดทั้งวัน ฉันเรียกพวกนายมาก็เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาหารือ” ไป๋อี้เข้าใจความหมายของวูล์ฟ พวกเขาคิดว่าตนและหงฉี่ฮว๋ามีความสัมพันธ์บางอย่าง พูดตามตรงว่าหงฉี่ฮว๋านั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ไป๋อี้เต็มใจที่จะตามจีบเธอหากทำได้ อย่างไรก็ตามตั้งแต่รับโม่โม่มาไป๋อี้ก็เลิกมองหาผู้หญิงมาเป็นภรรยาเพราะคาดว่ามีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่สามารถยอมรับสาวน้อยแปลกหน้ามาเป็นลูกสาวของตนได้

 

  “เรื่องอะไรเหรอ?” วูล์ฟไม่ได้แซวหยอกล้อต่อ

 

  “เราควรผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างเข้าด้วยกันหรือไม่!”

 

  “นายบ้าไปแล้วเหรอ!”วูล์ฟมองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ

 

  “ไม่ฉันไม่ได้บ้า ฉันจริงจัง” ไป๋อี้ส่ายหัว

 

  “มาร์ตินได้กล่าวไว้แล้วว่าตามระดับของเซลล์ดัดแปลง LV1-LV9 จำนวนยีนที่แต่ละคนสามารถผสานรวมกันได้คือ 1-9 ครั้ง ตอนนี้เราได้เริ่มเห็นแล้วว่าเซลล์ดัดแปลงนั้นมีพลังบางอย่าง โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดกระบวนการผสานรวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ดังนั้นฉันคิดว่าแทนที่จะผสานรวมยีนอื่น ๆ อย่างสะเปะสะปะโดยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ทำไมเราไม่ริเริ่มที่จะรวมยีนทางชีววิทยาที่มีประโยชน์บางอย่างเข้าด้วยกันเอง” ไป๋อี้พูดในขณะที่หงฉี่ฮว๋าเปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปและบันทึกไว้

 

  “ทำไมคุณถึงต้องการริเริ่มที่จะผสานรวมยีนอื่น ๆ เข้ามา ฉันยังไม่เข้าใจ” เฮลัวส์ถามอย่างสงสัย

 

  “เพราะพลังความสามารถและความแข็งแกร่ง! คุณได้เห็นความแข็งแกร่งของหยูหานมาแล้ว การประเมินเบื้องต้นคือตอนนี้เขาสามารถยกของหนักได้สองเท่า ส่วนวูล์ฟแม้ว่าคุณจะแข็งแกร่งมาก แต่คุณก็ยังมีพลังที่ด้อยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือการผสานรวมยีนของพวกเขาทั้งสองคนนั้นต่างกัน” หงฉี่ฮว๋าเงยหน้าขึ้นและอธิบายให้เฮลัวส์ฟัง

 

  “ฉันจะไม่พูดถึงสัตว์ทดลองที่ออกมาจากสถาบันวิจัย แต่เงาดำในท่อน้ำทิ้งที่ฉันเจอเมื่อบ่ายนี้เป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับคนธรรมดา หากเราต้องการอยู่ในโลกที่อันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ เราจึงต้องการความแข็งแกร่ง และตอนนี้ … วิธีที่ฉันคิดว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้ก็คือการผสานรวมยีนที่มีประโยชน์บางอย่างเข้าด้วยกัน เช่น มด!” หงฉี่ฮว๋ากล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

  วูล์ฟและเฮลัวส์ตกอยู่ในความตะลึงงันอย่างสิ้นเชิงกับความคิดที่บ้าระห่ำแบบนี้

 

  “นี่เป็นความคิดของพวกเธอสองคนหรือเป็นวิธีคิดของคนอื่นเนี่ย?” วูล์ฟถาม

 

  “ฉันคิดว่าพวกเขาทุกคนมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน ตอนที่หงฉี่ฮว๋ามาปรึกษาฉัน ฉันก็ค่อนข้างแปลกใจ” ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋ามองหน้ากันแล้วพูด

 

  “แค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว” วูล์ฟไม่ลืมที่จะแซว

 

  “ฉันเข้าใจแล้ว ว่าสิ่งที่พวกคุณหมายถึงคือแทนที่จะผสานรวมยีนที่ไร้ประโยชน์บางตัวภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ มันจะเป็นการดีกว่าที่จะผสานยีนที่ทรงพลังบางอย่างเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตในโลกนี้” เฮลัวส์ฉลาดมาก แม้ว่าเธอจะเพิ่งเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

 

  “ใช่ พลังที่แข็งแกร่ง ความเร็วที่เร็วขึ้น การมองเห็นที่แม่นยำ สามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง ความคล่องแคล่วในการบิน ภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง … สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของเราได้” หงฉี่ฮว๋ากล่าวพลางบันทึกเอาไว้

 

  “แต่เราอาจจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด!” เฮลัวส์พูดอย่างลังเล

 

  “เมื่อเรากลายเป็นสัตว์ประหลาดเรายังสามารถหายาเพื่อฟื้นฟูร่างมนุษย์กลับมาได้ แต่ถ้าเราไม่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้ ก็จะไม่เหลืออะไรเลย เมื่อพิจารณาจากกลุ่มสัตว์ทดลองที่หลบหนีออกมาจากสถาบันวิจัยฉันกลัวว่าทั้งนิวซีแลนด์จะกลายเป็นสนามทดสอบขนาดใหญ่ ในไม่ช้านี้ … มันจะกลายเป็นสถานการณ์ที่สัตว์ประหลาดวิ่งพล่านไปทั่ว” ไป๋อี้พูดอย่างใจเย็น

 

  ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ คำพูดของไป๋อี้ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอย่างแน่นอน ทุกคนในนิวซีแลนด์รู้สึกหิวโหยซึ่งหมายความว่าทุกคนถูกเซลล์ดัดแปลงแฝงตัวเป็นปรสิตอยู่ภายในร่างกาย ขั้นตอนแรกของเซลล์ดัดแปลงปรสิตคือความหิวโหยตะกละตะกลาม ขั้นต่อไปคือการผสานรวมยีน จากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดชนิดต่าง ๆ

 

  “แล้วต้องทำยังไง?”

 

  “มีสิ่งมีชีวิตประมาณ 2.5 ล้านชนิดที่ถูกบันทึกไว้ในวงจรชีวภาพ ซึ่งรวมถึงสัตว์ประมาณ 2 ล้านชนิด พืชประมาณ 340,000 ชนิดและจุลินทรีย์ประมาณ 37,000 ชนิด ประการแรกจุลินทรีย์จะถูกแยกออกเนื่องจากจุลินทรีย์มีอยู่เสมอในทุกส่วนของระบบนิเวศ ถ้าจะเกิดการผสานรวมยีนได้จริง ๆ ก็คงจะต้องเกิดการผสานรวมไปนานแล้ว” หงฉี่ฮว๋ากล่าวพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป

 

  “แม้ว่ามดจะมีขนาดเล็ก แต่ก็สามารถยกของหนักได้ 20 ถึง 150 เท่าของน้ำหนักตัวขึ้นอยู่กับชนิดของมัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีสัตว์ชนิดใดในโลกที่สามารถเปรียบเทียบกับมดได้อีก”

 

  “มาร์ตินกล่าวว่าเซลล์ดัดแปลงสร้างพลังงานพิเศษได้หลายชนิด แต่จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้โดยตรง ดังนั้นเราจึงมุ่งเน้นไปที่การรับมือกับวิกฤตที่จะเกิดขึ้นเป็นหลัก พลังที่แข็งแกร่ง, ความเร็วที่เร็วขึ้น ,การมองเห็นที่แม่นยำ, ความสามารถในการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง, ความคล่องแคล่วและสารพิษ, ความสามารถในการสร้างภูมิคุ้มกัน, ความสามารถในการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมทางน้ำ, ความสามารถพิเศษ … มีอะไรจะเพิ่มเติมอีกไหม?” หงฉี่ฮว๋ากล่าว เมื่อตระหนักได้ว่าวูล์ฟและเฮลัวส์กำลังจ้องมองพวกเขาด้วยความงุนงง

 

  “หงฉี่ฮว๋าเป็นคนยอดเยี่ยมอย่างนี้มาโดยตลอดเลยหรือ” วูล์ฟถามไป๋อี้ ‘อย่างเงียบ ๆ’

 

  “นายควรถามหงฉี่ฮว๋าด้วยตัวนายเอง” ไป๋อี้กล่าว

 

  “ถ้าคุณบอกว่าฉันนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แสดงว่าคุณหมายถึงสิ่งที่ฉันเป็นในตอนนี้ ไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันเป็นเพียงคนที่ไม่ได้เรื่องและไม่ได้โดดเด่นอะไรเลยในวิทยาลัย” หงฉี่ฮว๋าส่ายหัว

 

  “เป็นไปได้ยังไง ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนที่มีไหวพริบพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดีในมหาวิทยาลัย อะไรแบบนั้น … แบบ … !” แบบอะไรนะ วูล์ฟคิดอยู่นานก็พูดไม่ออก แน่นอนว่าคำศัพท์ในหัวของเขานั้นมีแต่คำที่ง่ายเกินไป อย่างไรก็ตามการแสดงออกของหงฉี่ฮว๋าในช่วงเวลานี้ไม่สามารถทำให้คนอื่นเชื่อได้เลยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเธอยังเป็นเพียงคนที่ไม่โดดเด่นอะไร

 

  “ฉันพูดจริง ๆ”

 

  “บางคนจะเปล่งประกายในบางสภาพแวดล้อมหรือบางยุคสมัยเท่านั้น ในยุคกลางความสามารถของหลาย ๆ คนจะถูกฝังไว้ในผงคลีเช่นเดียวกับเพชรที่ซ่อนอยู่ในฝุ่นตลอดไป หงฉี่ฮว๋าเธอน่าจะเป็นคนแบบนั้น” เฮลัวส์มองไปที่หงฉี่ฮว๋าและแสดงความคิดเห็นออกมา

 

  “ขอบคุณนะ!” หงฉี่ฮว๋าไม่ได้ถ่อมตนจนดูเย่อหยิ่งทะนงตน 

 

  “เอาล่ะ เรามาพูดถึงความคิดริเริ่มที่จะผสานรวมยีนทางชีววิทยาอื่น ๆ เข้าด้วยกันต่อเถอะ” ไป๋อี้เห็นแนวโน้มของวูล์ฟที่จะผลักดันหัวข้อนี้ออกไปและก็อดไม่ได้ที่จะหยุดบทสนทนานี้

 

  “ก่อนที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการผสานรวมยีนที่ใช้งานได้ ยังมีเรื่องหนึ่งที่เราต้องทำให้ชัดเจน” ไป๋อี้เห็นว่ามีคนหลายคนตั้งอกตั้งใจฟังและอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ

 

  “เรื่องอะไร?”

 

  “หลังจากที่เราผสานรวมยีนและกลายเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว เราจะสูญเสียสติสัมปชัญญะของเราหรือไม่” ไป๋อี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม

 

  ————————————————

 

  ในเวลานี้ไม่เพียงแต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ เท่านั้นที่คุยปรึกษาหารือกัน กลุ่มของหยูหานไม่ได้หยุดพักผ่อนในทันทีและพวกเขาก็คุยปรึกษากันถึงสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เช่นกัน ฉินข่ายรุ่ยยังคงลังเลที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดโดยตรง เขาคิดว่ามันอันตรายที่จะต้องผ่านเมืองนี้ไป หยูหานไม่ต้องการอธิบายอะไรอีกต่อไป ไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าได้อธิบายอย่างชัดเจนในตอนเย็นแล้ว แต่คนโง่คนนี้ช่างไม่เข้าใจอะไรเลย

 

  “พรุ่งนี้เราจะเดินทางผ่านโอโทโรฮังกา!” หยูหานตัดสินใจอย่างเย็นชาและกลับไปที่ห้องพร้อมกับหนิงเสวี่ย ในเวลาเพียงไม่กี่วันหนิงเสวี่ยก็ถูกหยูหานครอบครอง ในช่วงเวลาที่อันตรายเช่นนี้สาวน้อยอย่างหนิงเสวี่ยไม่ได้มีท่าทีต่อต้านผู้ชายที่เธอสามารถพึ่งพาได้เช่นนี้

 

  ฉินข่ายรุ่ยได้แต่นั่งกัดฟันกรอด ๆ อยู่ตรงนั้น

 

  เบลลิก้าทีน่ามองไปที่ด้านหลังของหยูหานและความเศร้าก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่วัน เป็นเพราะเธอไม่สวยเหมือนหนิงเสวี่ยใช่ไหม

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+