[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 152 จุดประสงค์ที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 152 จุดประสงค์ที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ชายชราจีฮั่วชิงเป็นบุคคลสำคัญของในหน่วยรบพิเศษนี้ ทุกคนต่างก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อปกป้องชายผู้นี้เท่านั้น อำนาจในการตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ในตอนนี้ก็ท้อแท้และหมดไฟเป็นอย่างมาก พวกเขาไร้ซึ่งความพยายามและจิตใจที่จะทำเรื่องนี้จริง ๆ จีฮั่วชิงค่อย ๆ อธิบายสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

        “คนบางส่วนที่โลกภายนอกมองว่านิวซีแลนด์เป็นระบบนิเวศตามธรรมชาติสำหรับการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดัดแปลง พวกคุณน่าจะรู้ใช้ไหม” จีฮั่วชิงเริ่มถามเป็นอันดับแรก 

        “อืม” ไป๋อี้พยักหน้าหลังจากนั้นก็เก็บดาบจุมพิตสีแดงกลับเข้าไปในฝัก

        “ถ้าอย่างนั้นผมก็คงไม่จำเป็นต้องอธิบายตั้งแต่แรก พวกคุณควรรู้ไว้ สิ่งที่เรียกว่าการวิจัยดังกล่าวดป็นการกำหนดให้เกิดการเหนี่ยวนำสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการบางชนิดหรือบังคับให้เปลี่ยนแปลงเพื่อทดสอบลักษณะพิเศษของเซลล์ดัดแปลงและสำหรับกระบวนการเหล่านี้ คุณควรทราบด้วยว่าหากต้องการที่จะศึกษาเซลล์ดัดแปลงก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะสังเกตการณ์จากโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องมีการติดต่อเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองอีกด้วย ดังนั้นโลกภายนอกจึงมีการติดต่อเข้ามาหลากหลายด้านกับนิวซีแลนด์อยู่เสมอ” จีฮั่วชิงอธิบายกระบวนการออกมาอย่างช้า ๆ ไม่เพียงแต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่ตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ แต่ยังรวมถึงหน่วยรบพิเศษทั้งห้าด้วย

        “อยากที่จะดำเนินการติดต่อกับเกาะปีศาจนิวซีแลนด์ด้วยตัวเอง แค่คิดก็รู้แล้วว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง นั่นคือการกระทำที่อันตรายอย่างยิ่ง แน่นอนว่าคนเบื้องบนระดับสูงตัวจริงคงจะไม่มาทำเรื่องแบบนี้หรอก พวกเขาต้องการเพียงแค่ได้รับผลประโยชน์จากผลงานการวิจัยเท่านั้น ผู้ที่ทุ่มเทชีวิตอย่างสุดความสามารถในการทำงานแน่นอนว่าต้องเป็นกลุ่มคนที่จงรักภักดีและอุทิศตนเพื่อประเทศ …… โง่เง่า!” ท่าทีเย้ยหยันเผยอยู่บนใบหน้าของชายชราจีฮั่วชิง

        ทันทีที่ทหารพิเศษหลายนายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินคำกล่าวข้างต้น ก็กุมปืนไว้แน่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

        “ไม่ต้องพร่ำถึงเรื่องนี้ เข้าประเด็นสำคัญเถอะ” ไป๋อี้ค่อนข้างที่จะใจเย็นมาก สิ่งที่เรียกว่าความภักดีและการอุทิศตนอะไรนั่นน่ะไร้ค่ามากสำหรับในสังคมสมัยใหม่นี้ ส่วนเรื่องที่ว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงหรือไม่นั้น สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับค่านิยมในใจของทุกคนและเขาไม่เป็นต้องนำเรื่องนี้มาตัดสิน

        “ใช่ ๆ ประเด็นสำคัญ” จีฮั่วชิงพยักหน้า “เซลล์ดัดแปลงได้รับการศึกษาวิจัยโดยด็อกเตอร์หวัง เนื่องจากเขาเป็นคนจีน ดังนั้นในเรื่องของความเข้าใจเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงประเทศจีนจึงนำหน้าประเทศอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย พวกคุณก็คงจะเข้าใจได้สินะ ถึงแม้ว่าทุกประเทศจะร่วมกันสนับสนุนการวิจัยเซลล์ดัดแปลงก็ตาม แต่ทว่าก็ยังคงมีความสัมพันธ์ในรูปแบบของการแข่งขันระหว่างความร่วมมือแฝงอยู่ด้วย”

        “อืม”

        “เนื่องจากงานวิจัยของประเทศจีนเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงนั้นก้าวหน้านำอยู่เล็กน้อย ดังนั้นในโลกภายนอกขอบเขตเกี่ยวกับเรื่องเซลล์ดัดแปลง ประเทศจีนจึงมีสิทธิในการกล่าวถึงในวงกว้าง แน่นอนว่าสิ่งที่มาพร้อมกับสิทธิในการพูดก็คือสิ่งที่เรียกว่าเงินตราและอำนาจ … และการแสวงหาประโยชน์จากประเทศอื่น ๆ น่าเสียดายที่หนึ่งในคู่อริเก่าของผมได้สมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐอเมริกาอย่างลับ ๆ บางทีเขาอาจมีการทำข้อตกลงเพื่อช่วยให้เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้านักวิจัย จากนั้นก็ส่งฉันมาที่นี่” จีฮั่วชิงกล่าวถึงเนื้อหาส่วนนี้อย่างเรียบง่าย

        เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะกล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่ออำนาจมากนัก

        “จริง ๆ แล้วก่อนที่ฉันจะขึ้นเครื่องบินมา ฉันก็นึกว่าจะได้ไปเข้าร่วมประชุมสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับเรื่องเซลล์ดัดแปลง แม้ว่าฉันจะไม่ชอบการสัมมนาที่โอ้อวดเกินความเป็นจริงประเภทนั้นมากนัก แต่จากสถานภาพของฉันก็ไม่สามารถขาดการประชุมนี้ได้ ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าตอนขึ้นเครื่องจะเพิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล หลังจากนั้นก็บินมาถึงนิวซีแลนด์อย่างคาดไม่ถึง”

        “หลังจากที่คุณพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ คุณไม่ขอให้เครื่องบินบินกลับไปเหรอ?” เวร่าเอ่ยถามขึ้น

        “การวางแผนของอีกฝ่ายนั้นสมบูรณ์แบบมาก ในตอนที่ฉันขึ้นมาบนเครื่องบินไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ เลย พวกคุณคิดว่าจะบินกลับได้ง่ายดายขนาดนั้นหรือยังไง ยิ่งไปกว่านั้นถึงฉันจะรู้ว่ามันอันตราย แต่ว่าโดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่าการมานิวซีแลนด์ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน ในโลกภายนอกถึงแม้ว่าจะมีตัวอย่างการทดลองที่นำกลับมาจากนิวซีแลนด์ในรูปแบบต่าง ๆ แต่ไหนเลยจะสู้กับการได้มาสัมผัสที่นิวซีแลนด์แห่งนี้โดยตรง” จีฮั่วชิงค่อย ๆ กล่าวอย่างตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

        เขาเป็นนักวิจัยผู้คลั่งไคล้งานเหรอ!

        ตอนที่เขารู้ว่าตัวเองถูกฝ่ายตรงข้ามวางกับดัก แต่เขาก็ไม่ได้ครุ่นคิดที่จะหาทางออกไปจากที่นี่แต่อย่างใด ในเมื่อตกกระไดพลอยโจรแล้ว เขากลับเตรียมพร้อมที่จะศึกษาวิจัยอยู่ในนิวซีแลนด์เสียด้วยซ้ำ ทว่าตัวอย่างการทดลองที่กล่าวถึงข้างต้นถูกนำกลับไปจากนิวซีแลนด์ในรูปแบบต่าง ๆ หมายความว่าโลกภายนอกกำลังไล่จับมนุษย์วิวัฒนาการและสิ่งมีชีวิตที่นี่อย่างนั้นหรือ

        “พวกเขาล่ะ” ไป๋อี้มองไปที่ทหารพิเศษสองสามนาย

        “พวกเราแค่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนเพื่อปกป้องนักวิจัยคนสำคัญคนหนึ่งที่มาปฏิบัติงานศึกษาวิจัยเรื่องสำคัญที่เกาะปีศาจนี่ก็เท่านั้น” ในตอนนี้หัวหน้าทีมคนนั้นก็ไม่ปกปิดอะไรอีกต่อไป

        “แล้วเครื่องบินล่ะ?”

        “กลับไปแล้ว”

        ไป๋อี้คร้านจะใส่ใจอะไรมากนัก แต่เขากำลังพิจารณาว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด ดูเหมือนว่าจะพวกเขาจะไม่ได้โกหก แต่ไป๋อี้ก็สัมผัสได้อยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไป๋อี้นวดคลึงที่หว่างคิ้วและมองไปที่คนเหล่านั้นอีกครั้ง

        “แยกกันเถอะ สอบถามทีละคน” ไป๋อี้กล่าวช้าๆ

        “นี่นายกำลังไต่สวนนักโทษหรือไง” ทันใดนั้นท่ามกลางกลุ่มหน่วยรบพิเศษก็มีชายคนหนึ่งขมวดคิ้วและจับจ้องมาที่ไป๋อี้

        “ใช่ คุณมีความเห็นอะไรไหม” ไป๋อี้มองย้อนกลับไป ตอนนี้ไป๋อี้ไม่ได้ใช้ม่านตาบุษบาผกผัน แต่ทว่าแววตาลุ่มลึกที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้รวมทั้งสีสันของขนปุกปุยบนใบหน้ายังคงทำให้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกตื่นตัวและหวาดผวาด้วยความกดดันอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ชายคนนี้คว้าลูกกระสุนไว้ด้วยมือเปล่า ทั้งยังมีกลุ่มคนรูปร่างประหลาดที่อยู่อีกฝั่งด้วย ทหารกองกำลังพิเศษเหล่านี้ก็ไม่มีความเห็นอะไรแล้ว

        คนที่อยู่ใต้อาณัติจำใจต้องก้มหัวให้

        “บอกความจริงมาเถอะ!” หลังจากที่กองกำลังพิเศษหลายนายถูกพาตัวไปไป๋อี้ก็มองไปที่จีฮั่วชิง น่าเสียดายที่การสะกดจิตด้วยดวงตาของไป๋อี้ไม่ใช่การสะกดจิตแบบที่สามารถควบคุมผู้อื่น แต่เป็นการทำให้สิ่งมีชีวิตตกอยู่ในสภาวะหลับลึกเท่านั้น มิฉะนั้นนี่คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสอบถามถึงเรื่องต่าง ๆ

        “ที่ฉันพูดคือความจริง!” จีฮั่วชิงจ้องเขม็งไปที่ไป๋อี้ ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธไป๋อี้ที่ไม่เชื่อคำพูดของเขา

        “เก้าส่วนน่ะเป็นความจริง ผมต้องการให้หนึ่งส่วนที่เหลือในคำโกหกนั้นของคุณเป็นความจริงด้วยเช่นกัน” ในชั่วพริบตาเดียวดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ก็เปลี่ยนเป็นม่านตาบุษบาผกผัน มันทำให้คนผู้นั้นตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าไป๋อี้ชายชราจีฮั่วชิงที่ยังคงดื้อดึงอยู่เล็กน้อยก็หยุดชะงักงันทันทีอย่างเห็นได้ชัด ในแววตาและในสมองของเขาล้วนเต็มไปด้วยภาพดวงตาทั้งสองที่แปลกประหลาดของไป๋อี้  ในดวงตาของไป๋อี้มองแล้วราวกับท้องฟ้าที่ควบแน่นครอบคลุมเหนือปฐพี พลังยับยั้งที่ยิ่งใหญ่ ทำให้จีฮั่วชิงสูญสติสัมปชัญญะของเขาไปในทันที หลังจากนั้น …… หัวใจก็หยุดเต้น

        แนนซี่รู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติ จากนั้นเธอจึงรีบเข้าไปช่วยจีฮั่วชิง หลังจากที่ยุ่งอยู่ไม่นานในที่สุดชายชราคนนี้ก็ผ่อนลมหายใจและหัวใจก็กลับมาเต้นอีกครั้ง

        วูล์ฟและคนอื่น ๆ มองไปที่ไป๋อี้อย่างเย้าหยอก ความตั้งใจเดิมของไป๋อี้ไม่ได้ต้องการฆ่าชายชราคนนี้ทิ้งอย่างแน่นอน นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพียงแต่ไป๋อี้คิดไม่ถึงว่ามนุษย์ปกติที่มาจากโลกภายนอกจะมีความสามารถในการรับพลังของเขาได้แย่ขนาดนี้ นี่เป็นเพียงแค่การดึงเข้าสู่ภวังค์โดยที่ไม่มีการสะกดจิตใด ๆ ไม่นึกเลยว่าชายชราคนนี้จะถึงกับหัวใจหยุดเต้นได้

        ไป๋อี้เองก็รู้สึกเขินเล็กน้อย แต่การแสดงออกในลักษณะนั้นจะไม่แสดงออกมาให้เห็นแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของไป๋อี้ตอนนี้ยังคงไว้ซึ่งความเย็นชาอย่างมาก

        ชายชราจีฮั่วชิงที่เพิ่งจะผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกได้สบเข้ากับดวงตาของไป๋อี้อีกครั้งก่อนเขาแทบจะล้มทั้งยืนในทันที

        “แกล้งตายน่ะไม่จำเป็นหรอก ถ้าคุณชอบล่ะก็ ผมสามารถทำให้คุณตายจริง ๆ ก็ได้นะ” น้ำเสียงของไป๋อี้สงบนิ่งเป็นอย่างมาก เขาพูดออกมาอย่างเรียบง่ายราวกับว่าเป็นเพียงการพูดกับเพื่อนว่าให้ไปเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น ทว่าเป็นน้ำเสียงที่สงบนิ่งและเย็นชาจนทำให้ในใจของชายชราจีฮั่วชิงรู้สึกตื่นตระหนก ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าการถูกกดขี่ข่มเหงเสียอีก

        “คือ ฉัน!” จีฮั่วชิงยกมือทั้งสองข้างขึ้น

        ………………

        ทุกคนในทีมของไป๋อี้มองไปที่เขาและรอการตัดสินใจของไป๋อี้ เขามองไปที่จีฮั่วชิงจากนั้นจึงตัดสินได้ว่า 80% เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของจีฮั่วชิ่ง ถึงแม้จะรู้ว่าถูกคู่อริวางหลุมพรางแต่ก็เต็มใจที่จะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ไป๋อี้ไม่นึกมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นข่าวที่สำคัญขนาดนี้ แม้ว่าจะยังไม่แน่นอนแต่ว่าพวกเขาก็คงต้องตรวจสอบดูเสียหน่อย

   คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากด็อกเตอร์หวังคนนั้นแล้วในบรรดานักวิจัยในนิวซีแลนด์ยังมีคนที่ชั่วช้าขนาดนี้อยู่อีก เมื่อเทียบกับด็อกเตอร์หวังแล้วการวิจัยของผู้ชายคนนี้ที่เกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงช่างเสียสติเหลือเกิน

        “ไป๋อี้ แล้วตอนนี้จะทำยังไงกันต่อ?”

        “พาเขาไปด้วย ไปที่สถาบันวิจัยเล็ก ๆ ก่อนจากนั้นค่อยไปที่เมืองไครสต์เชิร์ช” จากคำพูดของพวกเขาเมื่อครู่ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ รู้แล้วว่ามนุษย์วิวัฒนามีการวางแผนที่จะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ในคาบสมุทรทางตอนเหนือตั้งอยู่ที่แฮมิลตัน แม้ว่าแฮมิลตันจะเป็นเมืองแรกที่ร่างทดลองหลบหนีออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นานเมืองนี้ก็เกือบจะเป็นเหมือนกับที่อื่น ๆ ส่วนในคาบสมุทรทางตอนใต้ พวกเขาเลือกที่จะอยู่ทางด้านซ้ายบนของไครสต์เชิร์ชเพื่อเตรียมสร้างเมืองใหม่ที่นั่น

        สาเหตุที่พวกเขาไม่ได้เลือกอยู่ที่ตั้งเดิมของไครสต์เชิร์ชเป็นเพราะสถานที่นั้นอยู่ใกล้มหาสมุทรมาก สำหรับมนุษย์ปกติในโลกการอยู่ใกล้มหาสมุทรเป็นเรื่องดี อีกทั้งอุตสาหกรรมการเดินเรือก็จะได้รับการพัฒนา ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วเมืองชายฝั่งจึงมีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ว่าในนิวซีแลนด์ตอนนี้การอยู่ที่เมืองชายฝั่งนั้นหมายความว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ

        “ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเขาล่ะ?” วูล์ฟมองไปที่ทหารหน่วยรบพิเศษสองสามนายตรงนั้น

        “ก็แล้วแต่พวกเขาสิ” ไป๋อี้เหลือบมองไปที่สองสามคนนั้นและไม่ได้ใส่ใจนัก พวกเขาพาจีฮั่วชิงไปเพราะว่าชายชรานั้นเป็นนักวิจัยและในอนาคตเขาจะมีบทบาทมาก แต่ว่ากับคนเหล่านั้นไป๋อี้และคนในทีมไม่ได้สนใจที่จะปกป้องพวกเขามากนัก ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้อาจไม่เต็มใจที่จะติดตามไป๋อี้และทีมไป

        “เซรุ่มที่คุณเพิ่งสกัดออกมานั่นล่ะ” ก่อนที่จะไปไป๋อี้พูดขึ้นกับจีฮั่วชิง

        “ทำไมเหรอ?”

        “สิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปนั้นไม่ผิด หากพวกเขาจะอยู่ที่นี่แบบนี้ พวกเขาอาจจะตายได้ ทางเดียวที่จะอยู่รอดก็คือการผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลง” ไป๋อี้พูดพร้อมกับวางเซรุ่มต้นแบบที่จีฮั่วชิงนำออกมาวางลงบนโต๊ะเก่าที่ผุพัง

        “ทิ้งไว้ที่นี่นะ จะใช้หรือไม่ใช้แล้วแต่พวกคุณ อันที่จริงเชื้อของเซลล์ดัดแปลงนั้นแข็งแรงมากและไม่จำเป็นต้องลำบากลำบนอะไร ถ้าหากสูญเสียเซรุ่มนี้ไป เพราะถึงอย่างไรก็สามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสโดยตรงกับของเหลวในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีการวิวัฒนาการอยู่แล้ว พวกคุณเลือกที่จะกลายเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนเกาะนิวซีแลนด์หรือว่าจะกลายเป็นมนุษย์วิวัฒนาการเหมือนกัน แล้วค่อยต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและนำไปสู่การกลายพันธุ์?” ไป๋อี้มองไปที่คนเหล่านั้น คำพูดของเขาช่างเป็นดั่งเสียงกระซิบของปีศาจ

          อา!

        หลังจากที่ไป๋อี้วางเซรุ่มต้นแบบนั้นไว้สองสามอัน เขาก็นำทีมค่อย ๆ หันเดินจากไป มีทหารหน่วยรบพิเศษธรรมดาเพียงไม่กี่นายที่มองไปที่ยาเซรุ่มที่อยู่บนโต๊ะอย่างสับสน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 152 จุดประสงค์ที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 152 จุดประสงค์ที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ชายชราจีฮั่วชิงเป็นบุคคลสำคัญของในหน่วยรบพิเศษนี้ ทุกคนต่างก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อปกป้องชายผู้นี้เท่านั้น อำนาจในการตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ในตอนนี้ก็ท้อแท้และหมดไฟเป็นอย่างมาก พวกเขาไร้ซึ่งความพยายามและจิตใจที่จะทำเรื่องนี้จริง ๆ จีฮั่วชิงค่อย ๆ อธิบายสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

        “คนบางส่วนที่โลกภายนอกมองว่านิวซีแลนด์เป็นระบบนิเวศตามธรรมชาติสำหรับการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดัดแปลง พวกคุณน่าจะรู้ใช้ไหม” จีฮั่วชิงเริ่มถามเป็นอันดับแรก 

        “อืม” ไป๋อี้พยักหน้าหลังจากนั้นก็เก็บดาบจุมพิตสีแดงกลับเข้าไปในฝัก

        “ถ้าอย่างนั้นผมก็คงไม่จำเป็นต้องอธิบายตั้งแต่แรก พวกคุณควรรู้ไว้ สิ่งที่เรียกว่าการวิจัยดังกล่าวดป็นการกำหนดให้เกิดการเหนี่ยวนำสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการบางชนิดหรือบังคับให้เปลี่ยนแปลงเพื่อทดสอบลักษณะพิเศษของเซลล์ดัดแปลงและสำหรับกระบวนการเหล่านี้ คุณควรทราบด้วยว่าหากต้องการที่จะศึกษาเซลล์ดัดแปลงก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะสังเกตการณ์จากโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องมีการติดต่อเชื่อมโยงอย่างต่อเนื่องด้วยตนเองอีกด้วย ดังนั้นโลกภายนอกจึงมีการติดต่อเข้ามาหลากหลายด้านกับนิวซีแลนด์อยู่เสมอ” จีฮั่วชิงอธิบายกระบวนการออกมาอย่างช้า ๆ ไม่เพียงแต่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่ตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ แต่ยังรวมถึงหน่วยรบพิเศษทั้งห้าด้วย

        “อยากที่จะดำเนินการติดต่อกับเกาะปีศาจนิวซีแลนด์ด้วยตัวเอง แค่คิดก็รู้แล้วว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง นั่นคือการกระทำที่อันตรายอย่างยิ่ง แน่นอนว่าคนเบื้องบนระดับสูงตัวจริงคงจะไม่มาทำเรื่องแบบนี้หรอก พวกเขาต้องการเพียงแค่ได้รับผลประโยชน์จากผลงานการวิจัยเท่านั้น ผู้ที่ทุ่มเทชีวิตอย่างสุดความสามารถในการทำงานแน่นอนว่าต้องเป็นกลุ่มคนที่จงรักภักดีและอุทิศตนเพื่อประเทศ …… โง่เง่า!” ท่าทีเย้ยหยันเผยอยู่บนใบหน้าของชายชราจีฮั่วชิง

        ทันทีที่ทหารพิเศษหลายนายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินคำกล่าวข้างต้น ก็กุมปืนไว้แน่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

        “ไม่ต้องพร่ำถึงเรื่องนี้ เข้าประเด็นสำคัญเถอะ” ไป๋อี้ค่อนข้างที่จะใจเย็นมาก สิ่งที่เรียกว่าความภักดีและการอุทิศตนอะไรนั่นน่ะไร้ค่ามากสำหรับในสังคมสมัยใหม่นี้ ส่วนเรื่องที่ว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงหรือไม่นั้น สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับค่านิยมในใจของทุกคนและเขาไม่เป็นต้องนำเรื่องนี้มาตัดสิน

        “ใช่ ๆ ประเด็นสำคัญ” จีฮั่วชิงพยักหน้า “เซลล์ดัดแปลงได้รับการศึกษาวิจัยโดยด็อกเตอร์หวัง เนื่องจากเขาเป็นคนจีน ดังนั้นในเรื่องของความเข้าใจเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงประเทศจีนจึงนำหน้าประเทศอื่น ๆ อยู่เล็กน้อย พวกคุณก็คงจะเข้าใจได้สินะ ถึงแม้ว่าทุกประเทศจะร่วมกันสนับสนุนการวิจัยเซลล์ดัดแปลงก็ตาม แต่ทว่าก็ยังคงมีความสัมพันธ์ในรูปแบบของการแข่งขันระหว่างความร่วมมือแฝงอยู่ด้วย”

        “อืม”

        “เนื่องจากงานวิจัยของประเทศจีนเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงนั้นก้าวหน้านำอยู่เล็กน้อย ดังนั้นในโลกภายนอกขอบเขตเกี่ยวกับเรื่องเซลล์ดัดแปลง ประเทศจีนจึงมีสิทธิในการกล่าวถึงในวงกว้าง แน่นอนว่าสิ่งที่มาพร้อมกับสิทธิในการพูดก็คือสิ่งที่เรียกว่าเงินตราและอำนาจ … และการแสวงหาประโยชน์จากประเทศอื่น ๆ น่าเสียดายที่หนึ่งในคู่อริเก่าของผมได้สมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐอเมริกาอย่างลับ ๆ บางทีเขาอาจมีการทำข้อตกลงเพื่อช่วยให้เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้านักวิจัย จากนั้นก็ส่งฉันมาที่นี่” จีฮั่วชิงกล่าวถึงเนื้อหาส่วนนี้อย่างเรียบง่าย

        เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีเจตนาที่จะกล่าวถึงเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่ออำนาจมากนัก

        “จริง ๆ แล้วก่อนที่ฉันจะขึ้นเครื่องบินมา ฉันก็นึกว่าจะได้ไปเข้าร่วมประชุมสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับเรื่องเซลล์ดัดแปลง แม้ว่าฉันจะไม่ชอบการสัมมนาที่โอ้อวดเกินความเป็นจริงประเภทนั้นมากนัก แต่จากสถานภาพของฉันก็ไม่สามารถขาดการประชุมนี้ได้ ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าตอนขึ้นเครื่องจะเพิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล หลังจากนั้นก็บินมาถึงนิวซีแลนด์อย่างคาดไม่ถึง”

        “หลังจากที่คุณพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ คุณไม่ขอให้เครื่องบินบินกลับไปเหรอ?” เวร่าเอ่ยถามขึ้น

        “การวางแผนของอีกฝ่ายนั้นสมบูรณ์แบบมาก ในตอนที่ฉันขึ้นมาบนเครื่องบินไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ เลย พวกคุณคิดว่าจะบินกลับได้ง่ายดายขนาดนั้นหรือยังไง ยิ่งไปกว่านั้นถึงฉันจะรู้ว่ามันอันตราย แต่ว่าโดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่าการมานิวซีแลนด์ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน ในโลกภายนอกถึงแม้ว่าจะมีตัวอย่างการทดลองที่นำกลับมาจากนิวซีแลนด์ในรูปแบบต่าง ๆ แต่ไหนเลยจะสู้กับการได้มาสัมผัสที่นิวซีแลนด์แห่งนี้โดยตรง” จีฮั่วชิงค่อย ๆ กล่าวอย่างตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

        เขาเป็นนักวิจัยผู้คลั่งไคล้งานเหรอ!

        ตอนที่เขารู้ว่าตัวเองถูกฝ่ายตรงข้ามวางกับดัก แต่เขาก็ไม่ได้ครุ่นคิดที่จะหาทางออกไปจากที่นี่แต่อย่างใด ในเมื่อตกกระไดพลอยโจรแล้ว เขากลับเตรียมพร้อมที่จะศึกษาวิจัยอยู่ในนิวซีแลนด์เสียด้วยซ้ำ ทว่าตัวอย่างการทดลองที่กล่าวถึงข้างต้นถูกนำกลับไปจากนิวซีแลนด์ในรูปแบบต่าง ๆ หมายความว่าโลกภายนอกกำลังไล่จับมนุษย์วิวัฒนาการและสิ่งมีชีวิตที่นี่อย่างนั้นหรือ

        “พวกเขาล่ะ” ไป๋อี้มองไปที่ทหารพิเศษสองสามนาย

        “พวกเราแค่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนเพื่อปกป้องนักวิจัยคนสำคัญคนหนึ่งที่มาปฏิบัติงานศึกษาวิจัยเรื่องสำคัญที่เกาะปีศาจนี่ก็เท่านั้น” ในตอนนี้หัวหน้าทีมคนนั้นก็ไม่ปกปิดอะไรอีกต่อไป

        “แล้วเครื่องบินล่ะ?”

        “กลับไปแล้ว”

        ไป๋อี้คร้านจะใส่ใจอะไรมากนัก แต่เขากำลังพิจารณาว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด ดูเหมือนว่าจะพวกเขาจะไม่ได้โกหก แต่ไป๋อี้ก็สัมผัสได้อยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไป๋อี้นวดคลึงที่หว่างคิ้วและมองไปที่คนเหล่านั้นอีกครั้ง

        “แยกกันเถอะ สอบถามทีละคน” ไป๋อี้กล่าวช้าๆ

        “นี่นายกำลังไต่สวนนักโทษหรือไง” ทันใดนั้นท่ามกลางกลุ่มหน่วยรบพิเศษก็มีชายคนหนึ่งขมวดคิ้วและจับจ้องมาที่ไป๋อี้

        “ใช่ คุณมีความเห็นอะไรไหม” ไป๋อี้มองย้อนกลับไป ตอนนี้ไป๋อี้ไม่ได้ใช้ม่านตาบุษบาผกผัน แต่ทว่าแววตาลุ่มลึกที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้รวมทั้งสีสันของขนปุกปุยบนใบหน้ายังคงทำให้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกตื่นตัวและหวาดผวาด้วยความกดดันอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ที่ชายคนนี้คว้าลูกกระสุนไว้ด้วยมือเปล่า ทั้งยังมีกลุ่มคนรูปร่างประหลาดที่อยู่อีกฝั่งด้วย ทหารกองกำลังพิเศษเหล่านี้ก็ไม่มีความเห็นอะไรแล้ว

        คนที่อยู่ใต้อาณัติจำใจต้องก้มหัวให้

        “บอกความจริงมาเถอะ!” หลังจากที่กองกำลังพิเศษหลายนายถูกพาตัวไปไป๋อี้ก็มองไปที่จีฮั่วชิง น่าเสียดายที่การสะกดจิตด้วยดวงตาของไป๋อี้ไม่ใช่การสะกดจิตแบบที่สามารถควบคุมผู้อื่น แต่เป็นการทำให้สิ่งมีชีวิตตกอยู่ในสภาวะหลับลึกเท่านั้น มิฉะนั้นนี่คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสอบถามถึงเรื่องต่าง ๆ

        “ที่ฉันพูดคือความจริง!” จีฮั่วชิงจ้องเขม็งไปที่ไป๋อี้ ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธไป๋อี้ที่ไม่เชื่อคำพูดของเขา

        “เก้าส่วนน่ะเป็นความจริง ผมต้องการให้หนึ่งส่วนที่เหลือในคำโกหกนั้นของคุณเป็นความจริงด้วยเช่นกัน” ในชั่วพริบตาเดียวดวงตาทั้งสองข้างของไป๋อี้ก็เปลี่ยนเป็นม่านตาบุษบาผกผัน มันทำให้คนผู้นั้นตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าไป๋อี้ชายชราจีฮั่วชิงที่ยังคงดื้อดึงอยู่เล็กน้อยก็หยุดชะงักงันทันทีอย่างเห็นได้ชัด ในแววตาและในสมองของเขาล้วนเต็มไปด้วยภาพดวงตาทั้งสองที่แปลกประหลาดของไป๋อี้  ในดวงตาของไป๋อี้มองแล้วราวกับท้องฟ้าที่ควบแน่นครอบคลุมเหนือปฐพี พลังยับยั้งที่ยิ่งใหญ่ ทำให้จีฮั่วชิงสูญสติสัมปชัญญะของเขาไปในทันที หลังจากนั้น …… หัวใจก็หยุดเต้น

        แนนซี่รู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติ จากนั้นเธอจึงรีบเข้าไปช่วยจีฮั่วชิง หลังจากที่ยุ่งอยู่ไม่นานในที่สุดชายชราคนนี้ก็ผ่อนลมหายใจและหัวใจก็กลับมาเต้นอีกครั้ง

        วูล์ฟและคนอื่น ๆ มองไปที่ไป๋อี้อย่างเย้าหยอก ความตั้งใจเดิมของไป๋อี้ไม่ได้ต้องการฆ่าชายชราคนนี้ทิ้งอย่างแน่นอน นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพียงแต่ไป๋อี้คิดไม่ถึงว่ามนุษย์ปกติที่มาจากโลกภายนอกจะมีความสามารถในการรับพลังของเขาได้แย่ขนาดนี้ นี่เป็นเพียงแค่การดึงเข้าสู่ภวังค์โดยที่ไม่มีการสะกดจิตใด ๆ ไม่นึกเลยว่าชายชราคนนี้จะถึงกับหัวใจหยุดเต้นได้

        ไป๋อี้เองก็รู้สึกเขินเล็กน้อย แต่การแสดงออกในลักษณะนั้นจะไม่แสดงออกมาให้เห็นแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของไป๋อี้ตอนนี้ยังคงไว้ซึ่งความเย็นชาอย่างมาก

        ชายชราจีฮั่วชิงที่เพิ่งจะผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกได้สบเข้ากับดวงตาของไป๋อี้อีกครั้งก่อนเขาแทบจะล้มทั้งยืนในทันที

        “แกล้งตายน่ะไม่จำเป็นหรอก ถ้าคุณชอบล่ะก็ ผมสามารถทำให้คุณตายจริง ๆ ก็ได้นะ” น้ำเสียงของไป๋อี้สงบนิ่งเป็นอย่างมาก เขาพูดออกมาอย่างเรียบง่ายราวกับว่าเป็นเพียงการพูดกับเพื่อนว่าให้ไปเที่ยวอย่างไรอย่างนั้น ทว่าเป็นน้ำเสียงที่สงบนิ่งและเย็นชาจนทำให้ในใจของชายชราจีฮั่วชิงรู้สึกตื่นตระหนก ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าการถูกกดขี่ข่มเหงเสียอีก

        “คือ ฉัน!” จีฮั่วชิงยกมือทั้งสองข้างขึ้น

        ………………

        ทุกคนในทีมของไป๋อี้มองไปที่เขาและรอการตัดสินใจของไป๋อี้ เขามองไปที่จีฮั่วชิงจากนั้นจึงตัดสินได้ว่า 80% เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของจีฮั่วชิ่ง ถึงแม้จะรู้ว่าถูกคู่อริวางหลุมพรางแต่ก็เต็มใจที่จะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ไป๋อี้ไม่นึกมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นข่าวที่สำคัญขนาดนี้ แม้ว่าจะยังไม่แน่นอนแต่ว่าพวกเขาก็คงต้องตรวจสอบดูเสียหน่อย

   คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากด็อกเตอร์หวังคนนั้นแล้วในบรรดานักวิจัยในนิวซีแลนด์ยังมีคนที่ชั่วช้าขนาดนี้อยู่อีก เมื่อเทียบกับด็อกเตอร์หวังแล้วการวิจัยของผู้ชายคนนี้ที่เกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงช่างเสียสติเหลือเกิน

        “ไป๋อี้ แล้วตอนนี้จะทำยังไงกันต่อ?”

        “พาเขาไปด้วย ไปที่สถาบันวิจัยเล็ก ๆ ก่อนจากนั้นค่อยไปที่เมืองไครสต์เชิร์ช” จากคำพูดของพวกเขาเมื่อครู่ ไป๋อี้และคนอื่น ๆ รู้แล้วว่ามนุษย์วิวัฒนามีการวางแผนที่จะสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ ในคาบสมุทรทางตอนเหนือตั้งอยู่ที่แฮมิลตัน แม้ว่าแฮมิลตันจะเป็นเมืองแรกที่ร่างทดลองหลบหนีออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นานเมืองนี้ก็เกือบจะเป็นเหมือนกับที่อื่น ๆ ส่วนในคาบสมุทรทางตอนใต้ พวกเขาเลือกที่จะอยู่ทางด้านซ้ายบนของไครสต์เชิร์ชเพื่อเตรียมสร้างเมืองใหม่ที่นั่น

        สาเหตุที่พวกเขาไม่ได้เลือกอยู่ที่ตั้งเดิมของไครสต์เชิร์ชเป็นเพราะสถานที่นั้นอยู่ใกล้มหาสมุทรมาก สำหรับมนุษย์ปกติในโลกการอยู่ใกล้มหาสมุทรเป็นเรื่องดี อีกทั้งอุตสาหกรรมการเดินเรือก็จะได้รับการพัฒนา ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วเมืองชายฝั่งจึงมีความเจริญรุ่งเรืองมาก แต่ว่าในนิวซีแลนด์ตอนนี้การอยู่ที่เมืองชายฝั่งนั้นหมายความว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดใต้ทะเลลึกมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ

        “ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเขาล่ะ?” วูล์ฟมองไปที่ทหารหน่วยรบพิเศษสองสามนายตรงนั้น

        “ก็แล้วแต่พวกเขาสิ” ไป๋อี้เหลือบมองไปที่สองสามคนนั้นและไม่ได้ใส่ใจนัก พวกเขาพาจีฮั่วชิงไปเพราะว่าชายชรานั้นเป็นนักวิจัยและในอนาคตเขาจะมีบทบาทมาก แต่ว่ากับคนเหล่านั้นไป๋อี้และคนในทีมไม่ได้สนใจที่จะปกป้องพวกเขามากนัก ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้อาจไม่เต็มใจที่จะติดตามไป๋อี้และทีมไป

        “เซรุ่มที่คุณเพิ่งสกัดออกมานั่นล่ะ” ก่อนที่จะไปไป๋อี้พูดขึ้นกับจีฮั่วชิง

        “ทำไมเหรอ?”

        “สิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปนั้นไม่ผิด หากพวกเขาจะอยู่ที่นี่แบบนี้ พวกเขาอาจจะตายได้ ทางเดียวที่จะอยู่รอดก็คือการผสานรวมกับเซลล์ดัดแปลง” ไป๋อี้พูดพร้อมกับวางเซรุ่มต้นแบบที่จีฮั่วชิงนำออกมาวางลงบนโต๊ะเก่าที่ผุพัง

        “ทิ้งไว้ที่นี่นะ จะใช้หรือไม่ใช้แล้วแต่พวกคุณ อันที่จริงเชื้อของเซลล์ดัดแปลงนั้นแข็งแรงมากและไม่จำเป็นต้องลำบากลำบนอะไร ถ้าหากสูญเสียเซรุ่มนี้ไป เพราะถึงอย่างไรก็สามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสโดยตรงกับของเหลวในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่มีการวิวัฒนาการอยู่แล้ว พวกคุณเลือกที่จะกลายเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนเกาะนิวซีแลนด์หรือว่าจะกลายเป็นมนุษย์วิวัฒนาการเหมือนกัน แล้วค่อยต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและนำไปสู่การกลายพันธุ์?” ไป๋อี้มองไปที่คนเหล่านั้น คำพูดของเขาช่างเป็นดั่งเสียงกระซิบของปีศาจ

          อา!

        หลังจากที่ไป๋อี้วางเซรุ่มต้นแบบนั้นไว้สองสามอัน เขาก็นำทีมค่อย ๆ หันเดินจากไป มีทหารหน่วยรบพิเศษธรรมดาเพียงไม่กี่นายที่มองไปที่ยาเซรุ่มที่อยู่บนโต๊ะอย่างสับสน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+