[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 15 การเผชิญหน้าอันน่าระทึก

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 15 การเผชิญหน้าอันน่าระทึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในไม่ช้าทุกคนก็รู้เรื่องที่ไป๋อี้โดนยาพิษ ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ด้วยว่าหากต้องการล้างพิษนั้นจะต้องฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวให้ได้ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้อย่างนั้น แต่ก็ไม่มีใครตอบรับที่จะช่วยไป๋อี้แม้เเต่คนเดียว อันที่จริงถึงไป๋อี้จะช่วยเหลือพวกเขามามาก แต่ทว่าในตอนนี้แม้พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้เพื่อช่วยไป๋อี้ได้ก็ตาม พวกเขากลับไม่ทำ

        ไป๋อี้นอนบนเบาะข้างหลังพลางหลับตาลงและหายใจหอบเล็กน้อย

        เขาไม่มีความแค้นต่อคนอื่นคนใด นี่เป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรต่อกัน ดังนั้นการที่จะให้พวกเขาต้องมาต่อสู้และพยายามอย่างหนักก็คงไม่ใช่เรื่อง ท้ายที่สุดแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องที่พูดปาว ๆ แล้วจะสามารถทำได้โดยง่าย เรื่องการฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวนั้นหากพวกเขาไม่ระวังตัว พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายถูกฆ่าแทน

        ความเร็วของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวนั้นไม่เร็วมากนัก และรถคันก่อนหน้าก็ขับไปไกลจนพ้นสายตาไปนานแล้ว มีเพียงวูล์ฟเท่านั้นที่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงเล็กน้อยเพื่อจับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว ไป๋อี้ต้องฆ่ามันถ้าเขาต้องการที่จะมีชีวิตรอด ณ เวลานี้จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหนี

        “ขอโทษนะ ช่วยบอกฉันเกี่ยวกับลักษณะของถนนข้างหน้าที่พวกเธอได้พบเห็นมาก่อนแล้วได้ไหม เช่น อุโมงค์ สะพาน ฯลฯ ” ไป๋อี้กุมหัวอย่างมึน ๆ แล้วพูดใส่โทรศัพท์

        “ฉันพบสะพานที่นี่ แต่มันเล็กมาก มันคงไม่มีประโยชน์อะไร”

        “เกิดอุบัติเหตุขึ้นทางนี้ ทำให้ถนนกว่าครึ่งหนึ่งมีการจราจรติดขัด แต่ยังสามารถขับไปได้ แล้วก็ยังมีรถบรรทุกของหนักจอดอยู่ที่นี่ด้วย”

        “ฉันเพิ่งดูแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ที่นี่คือถนนวงเวียน” แรนด์พูด

        “4.5 กม. จากแม่น้ำ มีอุโมงค์ความยาวประมาณ 200 เมตร” ฉินข่ายรุ่ยซึ่งขับรถเร็วที่สุดก็ได้ยินเสียงของเขาเช่นกัน ทุกคนรู้ดีว่าไป๋อี้เก็บข้อมูลนี้เพื่อหาทางฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวและแน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธคำของ่าย ๆ แค่นี้ แต่ไม่มีใครคิดจริง ๆ ว่าไป๋อี้จะทำได้สำเร็จ

        ไป๋อี้กุมหัวของเขาและหอบหนักขึ้น ทันใดนั้นก็มีไอเดียผุดขึ้นในใจของไป๋อี้ จากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป ในเวลานี้คนอื่น ๆ กำลังคิดในใจว่าจะมีวิธีใดที่ปลอดภัยที่สุดในการฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวหรือไม่ แต่ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีอาวุธในมือ การที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จึ้งเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น

        “วูล์ฟ นายเชื่อใจฉันไหม? ”

        “แน่นอน ฉันเชื่อใจนาย ไป๋อี้ นายมีความคิดอะไรอยู่ใช่ไหม? ” วูล์ฟยกนิ้วให้ไป๋อี้

        “ฉันต้องช่วยตัวเอง ฉันไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จได้หรือเปล่า” ไป๋อี้ยิ้มอย่างหม่นหมอง

        “วูล์ฟ เมื่อนายขับรถมาถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุ นายขับช้าลงหน่อยแล้วฉันจะลงตรงนั้น จากนั้นนายก็พานกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวไปวนรอบถนนวงเวียน ล่อให้มันตามมาข้างหลัง มันอาจจะระทึกสักหน่อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนายต้องสร้างโอกาสให้มันเกือบจะคว้ารถของนายไว้ได้ก่อนที่จะเข้าไปในอุโมงค์ แน่นอนว่ามันจะดีกว่าถ้านายสามารถนำนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวเข้าไปในอุโมงค์ได้” ใบหน้าของไป๋อี้มีเหงื่อไหลซกออกมาเรื่อย ๆ 

        “ขณะขับเข้าไปในอุโมงค์ให้เบนไปทางซ้าย เมื่อเข้าไปในอุโมงค์แล้วให้เปลี่ยนไปทางขวาทันที ฉันจะขับรถบรรทุกของหนักไปทางซ้ายและจัดการชนมัน” ไป๋อี้พูดขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้า

        “ไป๋อี้ นายต้องมีชีวิตรอดนะ! ”

        “ฟังให้ดี! ” ไป๋อี้ตะโกน “ฉันรู้ว่านี่เสี่ยงมาก แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ร่างกายของฉันสัมผัสได้ถึงสารพิษที่มีความรุนแรงมาก แม้ว่าฉันจะสูดเข้าไปเพียงเล็กน้อยแต่ก็อาจจะไม่สามารถทนต่อไปได้ จำไว้ให้ดีว่าโอกาสของฉันมีไม่มาก ขอร้องล่ะ แล้วก็อีกอย่างถ้าฉันตาย … ฉันขอให้นายช่วยดูแลโม่โม่ด้วย” คำพูดของไป๋อี้ราวกับเป็นการกล่าวสั่งเสีย

        “พ่อ อย่าทิ้งโม่โม่ไปนะ” โม่โม่จับมือไป๋อี้เอาไว้พร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

         “โม่โม่ หนูก็มีส่วนในภารกิจนี้เช่นกัน ถ้าหนูต้องการช่วยพ่อก็ทำตามที่พ่อบอกนะ” ไป๋อี้แตะหน้าผากของโม่โม่อย่างรักใคร่

        “ขณะที่หนูกำลังจะเข้าไปในอุโมงค์ ให้ใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งเวลาให้พ่อทราบโดยใช้ตัวนับเวลาถอยหลัง 5.4.3.2.1 จะให้ดีที่สุดคือเข้าไปในอุโมงค์ทันทีที่นับถอยหลังถึงเลข 1 เข้าใจไหม” ไป๋อี้พูดกับโม่โม่ 

         “พ่อ ฮือฮือ พ่อ”

        “จำไว้ให้ดี ว่าชีวิตของพ่อมอบให้หนูแล้วโม่โม่” ไป๋อี้พูด ขณะนี้รถคันดังกล่าวเคลื่อนตัวผ่านจุดเกิดอุบัติเหตุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        ก่อนที่วูล์ฟจะทันได้ตอบอะไร ไป๋อี้ก็ผลักประตูรถออกและกระโดดลงไปแล้ว ความเฉื่อยที่เสถียรทำให้ไป๋อี้กลิ้งกลุกกลักไปบนทางหลวงอย่างต่อเนื่องและวิ่งเข้าไปหลบในกองรถที่ชนกัน แรงเสียดทานกับพื้นทำให้ร่างกายของไป๋อี้มีบาดแผลถลอกนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับเลือดที่ไหลออกมาจากอวัยวะภายในของเขา

        ฉันนี่รนหาที่ตายจริง ๆ!

        วูล์ฟพูดอะไรบางอย่างในใจ แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ไป๋อี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิธีที่ต้องเสี่ยงตายเพื่อช่วยชีวิตตัวเอง เมื่อเห็นว่าไป๋อี้ยังไม่ตาย แต่รีบลุกขึ้นและซ่อนตัวอยู่ใต้ซากรถที่บิดเบี้ยว วูล์ฟก็หายใจเข้าลึก ๆ ไป๋อี้กล้าที่จะทำเรื่องเสี่ยงชีวิต เขายังจะต้องพูดอะไรอีก

         “โม่โม่ ยึดให้มั่น” วูล์ฟบอกกับหนูน้อย

        “ค่ะ! ” โม่โม่ที่ยังคงมีคราบน้ำตาบนใบหน้าขานรับ ก่อนจะก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

        วูล์ฟชะลอตัวลงปล่อยให้นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวไล่ตามมาจนเกือบจะทันหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าระทึกใจเป็นอย่างมาก และนี่คือสิ่งที่ไป๋อี้ขอให้เขาทำเช่นนี้กับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว อย่าให้มันรู้สึกว่าไม่มีหวังที่จะจับเราได้ หลังจากนั้นค่อยทิ้งห่างมันหนีออกไป

        หลังจากนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวบินตามรถไป ไป๋อี้ก็ใช้มือซ้ายของเขาพยุงตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะนำมือซ้ายของเขาวางลงบนไหล่ข้างที่หัก ใบหน้าของเขาถูอย่างรุนแรงกับพื้น ทำให้มีรอยแผลจนแทบมองเห็นกระดูก อย่างไรก็ตามไป๋อี้ไม่สนใจเรื่องนี้เลย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบาดแผลทางกายเท่านั้น และถึงแม้ว่าเขาจะดูน่าสังเวชเพียงใด แต่ก็ไม่ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้สารพิษในร่างกายของเขาต่างหากที่อันตรายที่สุด

        ไป๋อี้มาที่รถบรรทุกและเปิดประตูออก แต่กลับพบว่าไม่มีกุญแจรถ

        ปังปัง เสียงที่ไป๋อี้ฟาดกำปั้นลงบนพวงมาลัยอย่างอดที่จะหัวเสียไม่ได้ดังขึ้น ไป๋อี้ส่ายหัวด้วยความรำคาญใจ แต่ตอนนี้ถึงจะกระสับกระส่ายวุ่นวายใจไปก็ทำอะไรไม่ได้ เขาแค่เคยเรียนรู้วิธีการขโมยรถมาจากในภาพยนตร์เท่านั้นเสียด้วย ไป๋อี้แยกชิ้นส่วนออกจากกันและนำสายไฟสองเส้นมาสัมผัสกันเพื่อหวังจะสตาร์ทรถบรรทุกของคนนี้

        บางทีอาจจะเป็นเพราะพระเจ้าเมตตาสงสารหลังจากเขาพยายามอยู่ราวสองนาทีในที่สุดมันก็สตาร์ทติด

        ไป๋อี้ถอนหายใจออกมาและขับรถบรรทุกของไปที่อุโมงค์ ในขณะเดียวกันไป๋อี้ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและกดโทรออกหาโม่โม่ โม่โม่บอกวูล์ฟว่า “พ่อสตาร์ทรถบรรทุกได้แล้ว สามารถพานกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวเข้าไปได้เลยค่ะ”

        “พ่อไม่ต้องห่วง หนูจะทำให้ดีที่สุด” โม่โม่สัญญาด้วยน้ำตาคลอเบ้า

        “โม่โม่หนูเก่งมาก หนูต้องทำได้ดีแน่” ไป๋อี้ให้กำลังใจโม่โม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไป๋อี้ก็ไม่รู้ว่าลูกสาววัยสี่ขวบของเขาจะทำอะไรได้มากแค่ไหนเหมือนกัน

        อาการบาดเจ็บจากการกระโดดลงจากรถในตอนนั้นทำให้เขามีบาดแผลฉกรรจ์ แต่นั่นกลับทำให้จิตใจเขาจดจ่อและมีสมาธิขึ้น ไป๋อี้สตาร์ทรถบรรทุกอย่างเงียบ ๆ เสียงทุ้มต่ำของรถดังขึ้นราวกับเสียงคำรามของเครื่องยานยนต์เหล็ก ไม่นานหลังจากนั้นเสียงของโม่โม่ก็ดังมาจากโทรศัพท์ของไป๋อี้

        “10”

        “9”

        ……

        รถบรรทุกเริ่มสตาร์ทและไป๋อี้เริ่มเร่งความเร็วขึ้น ขณะที่โม่โม่นับถึง 3 ไป๋อี้ก็ขับรถบรรทุกเข้าไปในอุโมงค์จากอีกด้านหนึ่ง และเมื่อโม่โม่นับถึง 1 นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวก็ตะครุบและจับหลังคารถของวูล์ฟด้วยอุ้งเล็บที่ขอบอุโมงค์ แต่เนื่องจากความเฉื่อยที่รุนแรง จึงจับเขาไว้ไม่ได้ ทว่าตัวของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวกลับถูกรถลากเข้าไปในอุโมงค์แทน

        ตอนนี้แหละ!

        พวงมาลัยของวูล์ฟหมุนกลับอย่างกะทันหันตามที่ไป๋อี้ได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้ เขาส่ายหัวไปทางขวาอย่างหมดหวัง ในเวลานี้แสงไฟที่ส่องประกายและเสียงบีบแตรของรถบรรทุกก็ตรงมาข้างหน้าเช่นกัน รถทั้งสองคันเกือบแฉลบเฉี่ยวกัน แต่ทว่าทันใดนั้นเองรถบรรทุกก็พุ่งเข้าชนนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวด้วยแรงมหาศาล

        เสียงปึงดังขึ้น นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวบินขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แต่มันถูกรถบรรทุกชนในอุโมงค์ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาดแต่ขณะนั้นในดวงตาของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวก็ฉายออกมาให้เห็นว่ามันตื่นตระหนกอย่างมาก จากนั้นเขาก็มองดูรถบรรทุกชนหัวของมันด้วยแรงกระแทกอย่างแรง

        ตายซะเถอะ!

        ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางการแสดงออกของไป๋อี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นความดุร้าย เวลานี้ราวกับว่าทั้งคนและรถถูกผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ มันกระแทกเข้ากับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวเข้าอย่างจัง ส่งผลให้หัวของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวแตกแหลกออกเหมือนกับลูกแตงโมที่แตกกระจาย รวมทั้งหัวของรถบรรทุกก็บุบยุบตามไปด้วย ทว่าถุงลมนิรภัยก็ยังคงใช้การได้ดี มันเริ่มทำงานและเด้งออกมา

        รถบรรทุกยังคงขับดันนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวออกจากอุโมงค์ไปเรื่อย ๆ จนมันชนเข้ากับเชิงเขาก่อนที่ไป๋อี้จะหยุดรถลงในที่สุด อีกด้านหนึ่งวูล์ฟก็หยุดรถและมองไปข้างนอกอย่างหอบเหนื่อย วูล์ฟขับรถวนกลับมาอย่างช้า ๆ ออกมาจากอุโมงค์เพื่อดูนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวที่ติดอยู่ระหว่างรถบรรทุกกับเชิงเขา ตอนนี้นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวยังคงกระตุกอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่ามันคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

        ทันทีที่วูล์ฟเปิดประตูรถ โม่โม่ที่เร็วกว่าเขาก็วิ่งไปที่ข้างรถบรรทุกพลางตะโกนร้องเรียกพ่อ

        วูล์ฟเปิดประตูรถบรรทุกและช่วยไป๋อี้ลงมา เขาตระหนักได้ว่าสภาพปัจจุบันของไป๋อี้ไม่สู้ดีนัก เขาเกือบจะหมดสติอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องโชคดีจริง ๆ ที่ผู้ชายคนนี้สามารถทำสิ่งที่น่าระทึกได้ในสภาพแบบนี้ วูล์ฟยกนิ้วให้ไป๋อี้ที่กำลังหน้ามืดตาพร่ามัว

        “น้ำดี……งู! ” ไป๋อี้กล่าว

        “อืม ฉันจะหามาให้นายทันที” วูล์ฟพูดและเดินไปหานกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว

        ในเวลานี้ชาร์ไป่กำลังเห่าใส่นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ พลังชีวิตของเจ้านี่น่าทึ่งเหลือเกิน แม้ว่ามันจะโดนถึงขนาดนี้ แต่มันก็ยังไม่ตายดีและงูเหลือมทั้งเจ็ดที่หางของนกอีแร้งยังคงขยับอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ตามไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องตายอยู่ดี

        วูล์ฟยังไม่ได้เข้าไปในทันที ในเมื่อมันยังไม่ตาย หากเขาเผลอถูกงูกัดเข้ามันจะไม่คุ้มกัน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานมันก็ตายสนิท วูล์ฟจึงเริ่มผ่าเอาถุงน้ำดีงูออกจากหัวงูเหลือมที่เขาเคยชกมันมาก่อนหน้านี้ แล้วนำไปให้ไป๋อี้

        ในเวลานี้ไม่มีใครคิดถึงเรื่องการผสานรวมยีนกับเจ้าสิ่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้มันเป็นไปได้ไหมที่จะปรุงน้ำดีงูให้สุกก่อนกิน ?

        ไป๋อี้กลืนถุงน้ำดีงูขนาดเท่ากำปั้นลงไปพร้อมกับกลิ่นคาวของมัน จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเฝื่อน ๆ ตอนนี้โม่โม่กุมมือขวาของไป๋อี้ไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น ไป๋อี้ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ลูบหัวของโม่โม่เบา ๆ ด้วยความรักที่หาที่เปรียบมิได้ซึ่งฉายแววออกมาจากดวงตาของเขา

                                                                  ————————

                                  อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 15 การเผชิญหน้าอันน่าระทึก

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 15 การเผชิญหน้าอันน่าระทึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในไม่ช้าทุกคนก็รู้เรื่องที่ไป๋อี้โดนยาพิษ ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ด้วยว่าหากต้องการล้างพิษนั้นจะต้องฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวให้ได้ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้อย่างนั้น แต่ก็ไม่มีใครตอบรับที่จะช่วยไป๋อี้แม้เเต่คนเดียว อันที่จริงถึงไป๋อี้จะช่วยเหลือพวกเขามามาก แต่ทว่าในตอนนี้แม้พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้เพื่อช่วยไป๋อี้ได้ก็ตาม พวกเขากลับไม่ทำ

        ไป๋อี้นอนบนเบาะข้างหลังพลางหลับตาลงและหายใจหอบเล็กน้อย

        เขาไม่มีความแค้นต่อคนอื่นคนใด นี่เป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรต่อกัน ดังนั้นการที่จะให้พวกเขาต้องมาต่อสู้และพยายามอย่างหนักก็คงไม่ใช่เรื่อง ท้ายที่สุดแล้วนี่ไม่ใช่เรื่องที่พูดปาว ๆ แล้วจะสามารถทำได้โดยง่าย เรื่องการฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวนั้นหากพวกเขาไม่ระวังตัว พวกเขาก็จะเป็นฝ่ายถูกฆ่าแทน

        ความเร็วของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวนั้นไม่เร็วมากนัก และรถคันก่อนหน้าก็ขับไปไกลจนพ้นสายตาไปนานแล้ว มีเพียงวูล์ฟเท่านั้นที่ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงเล็กน้อยเพื่อจับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว ไป๋อี้ต้องฆ่ามันถ้าเขาต้องการที่จะมีชีวิตรอด ณ เวลานี้จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหนี

        “ขอโทษนะ ช่วยบอกฉันเกี่ยวกับลักษณะของถนนข้างหน้าที่พวกเธอได้พบเห็นมาก่อนแล้วได้ไหม เช่น อุโมงค์ สะพาน ฯลฯ ” ไป๋อี้กุมหัวอย่างมึน ๆ แล้วพูดใส่โทรศัพท์

        “ฉันพบสะพานที่นี่ แต่มันเล็กมาก มันคงไม่มีประโยชน์อะไร”

        “เกิดอุบัติเหตุขึ้นทางนี้ ทำให้ถนนกว่าครึ่งหนึ่งมีการจราจรติดขัด แต่ยังสามารถขับไปได้ แล้วก็ยังมีรถบรรทุกของหนักจอดอยู่ที่นี่ด้วย”

        “ฉันเพิ่งดูแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ที่นี่คือถนนวงเวียน” แรนด์พูด

        “4.5 กม. จากแม่น้ำ มีอุโมงค์ความยาวประมาณ 200 เมตร” ฉินข่ายรุ่ยซึ่งขับรถเร็วที่สุดก็ได้ยินเสียงของเขาเช่นกัน ทุกคนรู้ดีว่าไป๋อี้เก็บข้อมูลนี้เพื่อหาทางฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวและแน่นอนว่าไม่มีใครปฏิเสธคำของ่าย ๆ แค่นี้ แต่ไม่มีใครคิดจริง ๆ ว่าไป๋อี้จะทำได้สำเร็จ

        ไป๋อี้กุมหัวของเขาและหอบหนักขึ้น ทันใดนั้นก็มีไอเดียผุดขึ้นในใจของไป๋อี้ จากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป ในเวลานี้คนอื่น ๆ กำลังคิดในใจว่าจะมีวิธีใดที่ปลอดภัยที่สุดในการฆ่านกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวหรือไม่ แต่ทว่าไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีอาวุธในมือ การที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จึ้งเป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น

        “วูล์ฟ นายเชื่อใจฉันไหม? ”

        “แน่นอน ฉันเชื่อใจนาย ไป๋อี้ นายมีความคิดอะไรอยู่ใช่ไหม? ” วูล์ฟยกนิ้วให้ไป๋อี้

        “ฉันต้องช่วยตัวเอง ฉันไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จได้หรือเปล่า” ไป๋อี้ยิ้มอย่างหม่นหมอง

        “วูล์ฟ เมื่อนายขับรถมาถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุ นายขับช้าลงหน่อยแล้วฉันจะลงตรงนั้น จากนั้นนายก็พานกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวไปวนรอบถนนวงเวียน ล่อให้มันตามมาข้างหลัง มันอาจจะระทึกสักหน่อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนายต้องสร้างโอกาสให้มันเกือบจะคว้ารถของนายไว้ได้ก่อนที่จะเข้าไปในอุโมงค์ แน่นอนว่ามันจะดีกว่าถ้านายสามารถนำนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวเข้าไปในอุโมงค์ได้” ใบหน้าของไป๋อี้มีเหงื่อไหลซกออกมาเรื่อย ๆ 

        “ขณะขับเข้าไปในอุโมงค์ให้เบนไปทางซ้าย เมื่อเข้าไปในอุโมงค์แล้วให้เปลี่ยนไปทางขวาทันที ฉันจะขับรถบรรทุกของหนักไปทางซ้ายและจัดการชนมัน” ไป๋อี้พูดขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้า

        “ไป๋อี้ นายต้องมีชีวิตรอดนะ! ”

        “ฟังให้ดี! ” ไป๋อี้ตะโกน “ฉันรู้ว่านี่เสี่ยงมาก แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ร่างกายของฉันสัมผัสได้ถึงสารพิษที่มีความรุนแรงมาก แม้ว่าฉันจะสูดเข้าไปเพียงเล็กน้อยแต่ก็อาจจะไม่สามารถทนต่อไปได้ จำไว้ให้ดีว่าโอกาสของฉันมีไม่มาก ขอร้องล่ะ แล้วก็อีกอย่างถ้าฉันตาย … ฉันขอให้นายช่วยดูแลโม่โม่ด้วย” คำพูดของไป๋อี้ราวกับเป็นการกล่าวสั่งเสีย

        “พ่อ อย่าทิ้งโม่โม่ไปนะ” โม่โม่จับมือไป๋อี้เอาไว้พร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

         “โม่โม่ หนูก็มีส่วนในภารกิจนี้เช่นกัน ถ้าหนูต้องการช่วยพ่อก็ทำตามที่พ่อบอกนะ” ไป๋อี้แตะหน้าผากของโม่โม่อย่างรักใคร่

        “ขณะที่หนูกำลังจะเข้าไปในอุโมงค์ ให้ใช้โทรศัพท์มือถือแจ้งเวลาให้พ่อทราบโดยใช้ตัวนับเวลาถอยหลัง 5.4.3.2.1 จะให้ดีที่สุดคือเข้าไปในอุโมงค์ทันทีที่นับถอยหลังถึงเลข 1 เข้าใจไหม” ไป๋อี้พูดกับโม่โม่ 

         “พ่อ ฮือฮือ พ่อ”

        “จำไว้ให้ดี ว่าชีวิตของพ่อมอบให้หนูแล้วโม่โม่” ไป๋อี้พูด ขณะนี้รถคันดังกล่าวเคลื่อนตัวผ่านจุดเกิดอุบัติเหตุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

        ก่อนที่วูล์ฟจะทันได้ตอบอะไร ไป๋อี้ก็ผลักประตูรถออกและกระโดดลงไปแล้ว ความเฉื่อยที่เสถียรทำให้ไป๋อี้กลิ้งกลุกกลักไปบนทางหลวงอย่างต่อเนื่องและวิ่งเข้าไปหลบในกองรถที่ชนกัน แรงเสียดทานกับพื้นทำให้ร่างกายของไป๋อี้มีบาดแผลถลอกนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับเลือดที่ไหลออกมาจากอวัยวะภายในของเขา

        ฉันนี่รนหาที่ตายจริง ๆ!

        วูล์ฟพูดอะไรบางอย่างในใจ แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ไป๋อี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิธีที่ต้องเสี่ยงตายเพื่อช่วยชีวิตตัวเอง เมื่อเห็นว่าไป๋อี้ยังไม่ตาย แต่รีบลุกขึ้นและซ่อนตัวอยู่ใต้ซากรถที่บิดเบี้ยว วูล์ฟก็หายใจเข้าลึก ๆ ไป๋อี้กล้าที่จะทำเรื่องเสี่ยงชีวิต เขายังจะต้องพูดอะไรอีก

         “โม่โม่ ยึดให้มั่น” วูล์ฟบอกกับหนูน้อย

        “ค่ะ! ” โม่โม่ที่ยังคงมีคราบน้ำตาบนใบหน้าขานรับ ก่อนจะก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

        วูล์ฟชะลอตัวลงปล่อยให้นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวไล่ตามมาจนเกือบจะทันหลายครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าระทึกใจเป็นอย่างมาก และนี่คือสิ่งที่ไป๋อี้ขอให้เขาทำเช่นนี้กับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว อย่าให้มันรู้สึกว่าไม่มีหวังที่จะจับเราได้ หลังจากนั้นค่อยทิ้งห่างมันหนีออกไป

        หลังจากนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวบินตามรถไป ไป๋อี้ก็ใช้มือซ้ายของเขาพยุงตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะนำมือซ้ายของเขาวางลงบนไหล่ข้างที่หัก ใบหน้าของเขาถูอย่างรุนแรงกับพื้น ทำให้มีรอยแผลจนแทบมองเห็นกระดูก อย่างไรก็ตามไป๋อี้ไม่สนใจเรื่องนี้เลย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบาดแผลทางกายเท่านั้น และถึงแม้ว่าเขาจะดูน่าสังเวชเพียงใด แต่ก็ไม่ถึงแก่ชีวิต ตอนนี้สารพิษในร่างกายของเขาต่างหากที่อันตรายที่สุด

        ไป๋อี้มาที่รถบรรทุกและเปิดประตูออก แต่กลับพบว่าไม่มีกุญแจรถ

        ปังปัง เสียงที่ไป๋อี้ฟาดกำปั้นลงบนพวงมาลัยอย่างอดที่จะหัวเสียไม่ได้ดังขึ้น ไป๋อี้ส่ายหัวด้วยความรำคาญใจ แต่ตอนนี้ถึงจะกระสับกระส่ายวุ่นวายใจไปก็ทำอะไรไม่ได้ เขาแค่เคยเรียนรู้วิธีการขโมยรถมาจากในภาพยนตร์เท่านั้นเสียด้วย ไป๋อี้แยกชิ้นส่วนออกจากกันและนำสายไฟสองเส้นมาสัมผัสกันเพื่อหวังจะสตาร์ทรถบรรทุกของคนนี้

        บางทีอาจจะเป็นเพราะพระเจ้าเมตตาสงสารหลังจากเขาพยายามอยู่ราวสองนาทีในที่สุดมันก็สตาร์ทติด

        ไป๋อี้ถอนหายใจออกมาและขับรถบรรทุกของไปที่อุโมงค์ ในขณะเดียวกันไป๋อี้ก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและกดโทรออกหาโม่โม่ โม่โม่บอกวูล์ฟว่า “พ่อสตาร์ทรถบรรทุกได้แล้ว สามารถพานกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวเข้าไปได้เลยค่ะ”

        “พ่อไม่ต้องห่วง หนูจะทำให้ดีที่สุด” โม่โม่สัญญาด้วยน้ำตาคลอเบ้า

        “โม่โม่หนูเก่งมาก หนูต้องทำได้ดีแน่” ไป๋อี้ให้กำลังใจโม่โม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไป๋อี้ก็ไม่รู้ว่าลูกสาววัยสี่ขวบของเขาจะทำอะไรได้มากแค่ไหนเหมือนกัน

        อาการบาดเจ็บจากการกระโดดลงจากรถในตอนนั้นทำให้เขามีบาดแผลฉกรรจ์ แต่นั่นกลับทำให้จิตใจเขาจดจ่อและมีสมาธิขึ้น ไป๋อี้สตาร์ทรถบรรทุกอย่างเงียบ ๆ เสียงทุ้มต่ำของรถดังขึ้นราวกับเสียงคำรามของเครื่องยานยนต์เหล็ก ไม่นานหลังจากนั้นเสียงของโม่โม่ก็ดังมาจากโทรศัพท์ของไป๋อี้

        “10”

        “9”

        ……

        รถบรรทุกเริ่มสตาร์ทและไป๋อี้เริ่มเร่งความเร็วขึ้น ขณะที่โม่โม่นับถึง 3 ไป๋อี้ก็ขับรถบรรทุกเข้าไปในอุโมงค์จากอีกด้านหนึ่ง และเมื่อโม่โม่นับถึง 1 นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวก็ตะครุบและจับหลังคารถของวูล์ฟด้วยอุ้งเล็บที่ขอบอุโมงค์ แต่เนื่องจากความเฉื่อยที่รุนแรง จึงจับเขาไว้ไม่ได้ ทว่าตัวของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวกลับถูกรถลากเข้าไปในอุโมงค์แทน

        ตอนนี้แหละ!

        พวงมาลัยของวูล์ฟหมุนกลับอย่างกะทันหันตามที่ไป๋อี้ได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้ เขาส่ายหัวไปทางขวาอย่างหมดหวัง ในเวลานี้แสงไฟที่ส่องประกายและเสียงบีบแตรของรถบรรทุกก็ตรงมาข้างหน้าเช่นกัน รถทั้งสองคันเกือบแฉลบเฉี่ยวกัน แต่ทว่าทันใดนั้นเองรถบรรทุกก็พุ่งเข้าชนนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวด้วยแรงมหาศาล

        เสียงปึงดังขึ้น นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวบินขึ้นด้วยความตื่นตระหนก แต่มันถูกรถบรรทุกชนในอุโมงค์ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาดแต่ขณะนั้นในดวงตาของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวก็ฉายออกมาให้เห็นว่ามันตื่นตระหนกอย่างมาก จากนั้นเขาก็มองดูรถบรรทุกชนหัวของมันด้วยแรงกระแทกอย่างแรง

        ตายซะเถอะ!

        ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางการแสดงออกของไป๋อี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นความดุร้าย เวลานี้ราวกับว่าทั้งคนและรถถูกผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ มันกระแทกเข้ากับนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวเข้าอย่างจัง ส่งผลให้หัวของนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวแตกแหลกออกเหมือนกับลูกแตงโมที่แตกกระจาย รวมทั้งหัวของรถบรรทุกก็บุบยุบตามไปด้วย ทว่าถุงลมนิรภัยก็ยังคงใช้การได้ดี มันเริ่มทำงานและเด้งออกมา

        รถบรรทุกยังคงขับดันนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวออกจากอุโมงค์ไปเรื่อย ๆ จนมันชนเข้ากับเชิงเขาก่อนที่ไป๋อี้จะหยุดรถลงในที่สุด อีกด้านหนึ่งวูล์ฟก็หยุดรถและมองไปข้างนอกอย่างหอบเหนื่อย วูล์ฟขับรถวนกลับมาอย่างช้า ๆ ออกมาจากอุโมงค์เพื่อดูนกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวที่ติดอยู่ระหว่างรถบรรทุกกับเชิงเขา ตอนนี้นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัวยังคงกระตุกอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่ามันคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

        ทันทีที่วูล์ฟเปิดประตูรถ โม่โม่ที่เร็วกว่าเขาก็วิ่งไปที่ข้างรถบรรทุกพลางตะโกนร้องเรียกพ่อ

        วูล์ฟเปิดประตูรถบรรทุกและช่วยไป๋อี้ลงมา เขาตระหนักได้ว่าสภาพปัจจุบันของไป๋อี้ไม่สู้ดีนัก เขาเกือบจะหมดสติอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องโชคดีจริง ๆ ที่ผู้ชายคนนี้สามารถทำสิ่งที่น่าระทึกได้ในสภาพแบบนี้ วูล์ฟยกนิ้วให้ไป๋อี้ที่กำลังหน้ามืดตาพร่ามัว

        “น้ำดี……งู! ” ไป๋อี้กล่าว

        “อืม ฉันจะหามาให้นายทันที” วูล์ฟพูดและเดินไปหานกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว

        ในเวลานี้ชาร์ไป่กำลังเห่าใส่นกอีแร้งหางงูเจ็ดหัว แต่ไม่กล้าเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ พลังชีวิตของเจ้านี่น่าทึ่งเหลือเกิน แม้ว่ามันจะโดนถึงขนาดนี้ แต่มันก็ยังไม่ตายดีและงูเหลือมทั้งเจ็ดที่หางของนกอีแร้งยังคงขยับอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ตามไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องตายอยู่ดี

        วูล์ฟยังไม่ได้เข้าไปในทันที ในเมื่อมันยังไม่ตาย หากเขาเผลอถูกงูกัดเข้ามันจะไม่คุ้มกัน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานมันก็ตายสนิท วูล์ฟจึงเริ่มผ่าเอาถุงน้ำดีงูออกจากหัวงูเหลือมที่เขาเคยชกมันมาก่อนหน้านี้ แล้วนำไปให้ไป๋อี้

        ในเวลานี้ไม่มีใครคิดถึงเรื่องการผสานรวมยีนกับเจ้าสิ่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้มันเป็นไปได้ไหมที่จะปรุงน้ำดีงูให้สุกก่อนกิน ?

        ไป๋อี้กลืนถุงน้ำดีงูขนาดเท่ากำปั้นลงไปพร้อมกับกลิ่นคาวของมัน จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเฝื่อน ๆ ตอนนี้โม่โม่กุมมือขวาของไป๋อี้ไว้แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงนั้น ไป๋อี้ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ลูบหัวของโม่โม่เบา ๆ ด้วยความรักที่หาที่เปรียบมิได้ซึ่งฉายแววออกมาจากดวงตาของเขา

                                                                  ————————

                                  อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+