[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 43 ทีมที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 43 ทีมที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หลังจากออกมาจากห้องอาวุธทุกคนก็ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างสิ้นเชิง ในความเป็นจริงมีคนที่ต้องการร่วมทีมกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ อีก แต่เมื่อพวกเขาเห็นไป๋อี้และกลุ่มของเขารวมตัวกันโดยอัตโนมัติ พวกเขาเองก็ไม่ได้รับการแจ้งอะไรให้ทราบเลย ดังนั้นจึงต้องถอดใจไป

        ไป๋อี้ถามขออาวุธกับปู่ฮาร์วีย์โดยตรงเพราะเขาไม่ต้องการถามทุกคนว่าใครอยากออกเดินทางไปสถาบันวิจัยกับเขาบ้าง ถ้าไป๋อี้ถามออกไปอย่างนั้นคงจะมีคนในทีมมากกว่านี้แน่ ๆ และคนเหล่านี้พูดตรง ๆ ว่าไป๋อี้ก็ไม่ค่อยสบายใจกับพวกเขานัก หลังจากเกิดเรื่องกับหยูหานไป๋อี้ก็ไม่ต้องการที่จะเสียความรู้สึกกับคนที่ไม่จริงใจอีกต่อไป

        ไป๋อี้มองไปยังคนที่อยู่รอบตัวและรวมถึงตัวเขาเองด้วย …… 1.ไป๋อี้, 2.โม่โม่ (เจ้าสุนัขชาร์ไป่), 3.หงฉี่ฮว๋า, 4.วูล์ฟ, 5.เฮลัวส์, 6.มาร์ติน, 7.เมย์ริส, 8.ซาร่า, 9.หนูน้อยเวอร์เนอร์ (เจ้าหมูพูพู) กรณีของหนูน้อยเวอร์เนอร์นั้นเป็นเหตุฉุกละหุก หงฉี่ฮว๋าได้บอกเหตุผลกับไป๋อี้แล้ว ซึ่งไป๋อี้เองก็ยอมให้มีเด็กเพิ่มเข้ามาในทีมอีกหนึ่งคนได้

        คนเหล่านี้คือกลุ่มทีมที่แท้จริงรวมเป็นทีมเดียวกัน

        ตอนนี้วูล์ฟมีความสูงถึง 2 เมตรครึ่ง เขามีกล้ามเนื้อปูดนูนทั้งตัวและปากของเขาก็คล้ายกับปากของจระเข้ สุนัข และวัวผสมกันยื่นออกมาทางด้านหน้า อีกทั้งฟันของเขายังแหลมคมมาก ผิวหนังบนร่างกายของวูล์ฟเริ่มมีกระดองที่หนาปรากฏขึ้นและมีหางกุดเพิ่มเข้ามาที่หลังสะโพกของเขา มือขวาของวูล์ฟที่ใช้สำหรับหยิบจับอาหารกลายเป็นอุ้งเท้ากรงเล็บอันแหลมคมและมันก็ว่องไวกว่ากรงเล็บของสัตว์ปกติทั่วไปอย่างแน่นอน

        ชาร์ไป่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และในตอนนี้มันก็มีความยาวเกือบ 1.5 เมตร หลายส่วนของร่างกายของมันดูเหมือนจะปริผ่านผิวหนังและแตกออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีแดงสดด้านใน ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เลือดไหลออกมาแต่ดูแล้วคล้ายผิวหนังของหนวดปลาหมึก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือชาร์ไป่ในปัจจุบันมีความแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่ดูเซ่อซ่าก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง มีเพียงคำเดียวที่สามารถอธิบายรูปลักษณ์ตอนนี้ของมันได้นั่นคือคำว่า——ดุร้าย!

        ไป๋อี้เองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นกัน เขามีขนปุยและลวดลายสีสันมากมายแผ่ออกมาจากดวงตาและครอบคลุมขึ้นไปถึงบริเวณหน้าอกของไป๋อี้ เว้นก็แต่ว่าเขายังไม่มีปีกงอกออกมา ดู ๆ ไปแล้วลักษณะของเขาคล้ายกับผีเสื้อขนปุยตัวใหญ่

        ไป๋อี้เป็นผีเสื้อตัวใหญ่ ในขณะที่โม่โม่เป็นผีเสื้อตัวเล็ก แต่การเปลี่ยนแปลงของโม่โม่จะน้อยกว่าไป๋อี้ มากหนูน้อยยังมีสีสันลวดลายไม่ชัดเจนนัก

        คนอื่น ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยเช่นกัน แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก

        ไป๋อี้ประเมินดูทุกคนอย่างจริงจัง ทุกคนที่ถูกไป๋อี้มองมาต่างพากันยิ้มให้เขา

        “พวกเราทุกคน …… จะมีชีวิตอยู่เพื่อเอาโลกที่สงบสุขกลับมา!” ไป๋อี้ยื่นมือขวาออกไป หงฉี่ฮว๋าเริ่มวางต่อ และคนอื่น ๆ ก็วางมือบนหลังมือของไป๋อี้ตามมา จากนั้นทุกคนก็คลี่ยิ้มออกมา แม้แต่หนูน้อยเวอร์เนอเองก็ถูกหงฉี่ฮว๋าจับมือมาวางกับทุกคนด้วย คนสุดท้ายคือโม่โม่ที่กระโดดขึ้นมาและวางทับบนมือของทุกคนเช่นกัน พฤติกรรมของเด็กน้อยที่แสดงออกมาทำให้ทุกคนหัวเราะขบขันกันเกรียวกราว

        ชาร์ไป่และพูพูอยู่ข้างนอก พวกมันไม่ได้เข้าร่วมด้วยเพราะไม่เช่นนั้นคนอื่น ๆ อาจเกิดการผสานรวมยีนกับพวกมันได้

        เสียงหัวเราะขบขันดังแว่วมาจากทุกคน หลังจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์ก็ไม่เคยมีใครหัวเราะอย่างร่าเริงเช่นนี้อีก

        ……

        “งั้นเรามาเริ่มแผนที่วางไว้กันเถอะ รถและทุกอย่างพร้อมหรือยัง” ไป๋อี้มองไปที่มาร์ติน ตลอดสองวันที่ผ่านมาไป๋อี้ไม่ได้เอาแต่นอนบนเตียงผู้ป่วยอย่างเปล่าประโยชน์ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาไป๋อี้ก็ได้วางแผนสำหรับอนาคตไว้แล้ว การเดินทางไปที่สถาบันวิจัยในอุทยานแห่งชาติตองการิโรไม่ใช่เรื่องง่าย โลกภายนอกเป็นอันตรายมาก ดังนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ

        “อื้ม พร้อมแล้ว รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จุของได้เยอะมาก นอกจากนี้ยังมีรถออฟโรด (เปิดหลังคา) สองคันและมีรถสปอร์ต ซึ่งเพียงพอสำหรับทุกคน” มาร์ตินตอบ

        “นอกจากอาหารแล้วของจำเป็นอื่น ๆ เช่น ยาต่าง ๆ จัดรวบรวมดีหรือยัง” ไป๋อี้ถามอีกครั้ง เมย์ริสและซาร่าพยักหน้ารับทันที

        “งั้นก็เอาขึ้นรถแล้วออกเดินทางกันได้เลย” ไป๋อี้พยักหน้าเป็นสัญญาณ

        “อาการบาดเจ็บของนายยังหนักอยู่ นายไม่คิดจะอยู่รักษาตัวต่อก่อนเหรอ?” วูล์ฟถาม

        “ไม่ล่ะ การรักษาระหว่างการเดินทางก็เหมือนกันนั่นแหละ ตอนนี้หยูหานออกจากฐานใต้ดินไปแล้ว เราต้องเร่งความเร็วด้วย ไม่เช่นนั้นการปล่อยให้เขานำหน้าไปก่อนคงไม่ใช่เรื่องดี” ไป๋อี้ส่ายหัว ช่างน่าเสียดายที่ในตอนนั้นฉันใจอ่อนยอมปล่อยเขาเพราะเบลลิก้าทีน่าขอร้องไว้ แต่ฉันยังต้องระวังศัตรูคนนี้ให้ดี

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ขนของขึ้นรถเสร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดประตูฐานใต้ดินออก คนอื่น ๆ ก็ยังคงรู้สึกตกตะลึง ไป๋อี้และทีมเตรียมพร้อมเร็วขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทำไมไป๋อี้และทีมถึงกล้าออกไปโลดโผนข้างนอกนั่นโดยไม่กังวลแม้แต่น้อย พวกเขาไม่กลัวการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดหรือไง?

        รถสี่คันแล่นผ่านประตูของฐานใต้ดินออกไป ทุกคนเฝ้าดูพวกเขาจากทั้งสองด้าน เมื่อรถแล่นผ่านประตูสายตาของทุกคนก็สบกันซึ่งระคนไปด้วยสายตาที่สื่อความหมายหลากหลายต่างกันออกไป จากนี้ไปทุกคนก็มุ่งไปสู่ทางเลือกของตัวเองและไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

        สายตาของเพื่อน ๆ จับจ้องไปตามรถ จนท้ายที่สุดรถก็แล่นไกลออกไปเรื่อย ๆ จนลับสายตาทุกคนไป

        ไป๋อี้ วูล์ฟ และชาร์ไป่นั่งในรถออฟโรดแบบเปิดหลังคาเป็นคันหน้าสุด มาร์ตินและหนูน้อยเวอร์เนอร์นั่งในรถบรรทุกเป็นคันที่สอง รถบรรทุกนั้นมีเพียงคนขับก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด จากนั้นก็เป็นรถสปอร์ตของเมย์ริส ซาร่า และโม่โม่ที่ตามมาในลำดับที่สาม หงฉี่ฮว๋าและเฮลัวส์ขึ้นรถออฟโรดปิดท้ายเป็นคันสุดท้าย แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นผู้หญิงแต่พวกเธอได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทั้งสองคนมีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เป็นอย่างดี

        “ไป๋อี้ พวกเราจะไปไหนกัน ” วูล์ฟถาม เขาได้รับการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายมาแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ไป๋อี้ไม่ได้บอกเรื่องการเตรียมการลับ ๆ กับวูล์ฟ อย่างไรซะเขาก็ทำอะไรไม่ได้นัก ถ้าต้องให้ใช้สมองสำหรับวูล์ฟมันคงเป็นการทรมานเขาอย่างแท้จริง

 

        “โรงเรียนมัธยมต้นโอโทโรฮังกา!”

        “ทำไม …… ต้องเป็นที่นั่น?”

        “เนื่องจากโรงเรียนมัธยมต้นโอโทโรฮังกามีสวนนิเวศวิทยา ซึ่งโดยปกติแล้วนักเรียนจะใช้ศึกษาวิจัยทางนิเวศวิทยาจึงอาจจะไม่พบสิ่งมีชีวิตแปลก ๆ ในนั้น แต่น่าจะพอมีสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปอยู่บ้าง”

        “สวนนิเวศวิทยา?”

        “บื้อซะจริง นายลืมการผสานรวมยีนด้วยตนเองของเราเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” ไป๋อี้ดุด้วยรอยยิ้ม หลังจากคำเตือนของไป๋อี้วูล์ฟก็คิดพิจารณาย้อนกลับไป อันที่จริงไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าได้พูดถึงเรื่องนี้เมื่อสองสามวันก่อน แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนพวกเขาก็แทบจะลืมมันไปแล้ว

        เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่สัตว์ประหลาดปรากฏตัวในโอโรทังกา ผู้คนในเมืองเสียชีวิต คนที่รอดก็หนีออกไปแล้ว หรืออาจยังมีผู้คนที่รอดชีวิตอาศัยอยู่แต่พวกเขาคงต้องซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ในสถานที่บางแห่ง เมืองนี้เงียบมาก เมืองทั้งเมืองเหมือนเมืองร้าง และมีเพียงเสียงของไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่ขับรถมาเท่านั้น

        ไป๋อี้เป็นคนขับรถ วูล์ฟและชาร์ไป่นั่งอยู่หลังรถออฟโรดแบบเปิดหลังคาเพราะขนาดปัจจุบันของพวกเขาใหญ่ขึ้นจนทำให้ไม่สามารถเข้าไปในรถได้ วูล์ฟถือปืนกลในมืออย่างระแวดระวังเพราะกลัวว่าสัตว์ประหลาดจะกระโจนออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ชาร์ไป่นอนอยู่บนรถ หูของมันตั้งขึ้นเล็กน้อยและกล้ามเนื้อที่ปริแตกของมันก็ดูน่ากลัวมาก

        ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็หันไปมองบางสิ่ง ทำให้วูล์ฟเล็งปืนกลในมือของเขาไปที่ข้างถนนทันที

        คนอื่น ๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางนั้น สุนัขตัวใหญ่ที่คล้ายกับชาร์ไป่ปรากฏตัวขึ้น มันมีลักษณะเฉพาะที่คล้ายกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ผสมอยู่ด้วย มันมองตาทุกคนด้วยความลังเล แมวและสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่พบบ่อยที่สุดของมนุษย์ แต่สุนัขมีความภักดีต่อมนุษย์มากกว่า เห็นได้ชัดว่าสุนัขตัวนี้ไม่มีเจตนาจะโจมตีไป๋อี้

        “ต้องฆ่ามันทิ้งไหม?”

        “บรู๊วววว!” ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็ลุกขึ้นยืนและเห่าเสียงดังใส่อีกฝ่าย หลังจากสุนัขตัวนั้นได้ยินเสียงเห่าของชาร์ไป่มันก็ส่งเสียงเห่าสองครั้งตอบกลับ จากนั้นก็ถอยกลับไปที่ถนน หลังจากที่เห็นสุนัขตัวนั้นถอยจากไปชาร์ไป่ก็ทิ้งตัวนอนลงบนรถอีกครั้ง

        “นี่มันอะไรน่ะชาร์ไป่?”

        “คาดว่ามันคงให้สุนัขตัวนั้นถอยจากไป แม้ว่าพวกมันจะกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่แตกต่างกันแต่พวกมันก็ยังเป็นสัตว์ประเภทเดียวกันอยู่ เมื่อครู่นี้ชาร์ไป่ไม่ต้องการให้สุนัขตัวนั้นต้องถูกฆ่าตาย” ไป๋อี้อธิบาย เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋อี้ชาร์ไป่ก็เห่าขึ้นมาสองครั้งราวกับเป็นการตอบกลับคำพูดของเขา ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อย คำอธิบายของเขาเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น นี่หรือว่าชาร์ไป่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือนี่?

        ในขณะนั้นเองทันใดนั้นก็มีเสียงพั่บ ๆ ดังขึ้น มีนกตัวใหญ่กำลังกระพือปีกบินมาจากหลังคาในระยะไกลและปีกของมันมีขนาดประมาณหนึ่งเมตร นกตัวนี้มีขนาดใหญ่อะไรขนาดนี้ อันที่จริงถ้าเป็นตอนที่สถานการณ์ปกติพวกเขาคงไม่สามารถมองเห็นนกระยะไกลจากในเมืองได้ แต่ตอนนี้มันคือสัตว์ทดลองที่ตัวใหญ่มาก เห็นได้ชัดว่ามันได้วิวัฒนาการตามธรรมชาติในช่วงเวลาแบบนี้

        นกตัวใหญ่ตัวนั้นบินมาทำให้ทุกคนต่างก็พากันตกใจ แต่หลังจากที่เห็นว่ามันเป็นเพียงนกธรรมดาที่ตัวใหญ่ขึ้นเท่านั้น พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

        ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการอีกหลายตัวจนในที่สุดไป๋อี้และคนในทีมก็มาถึงโรงเรียนมัธยมโอโทโรฮังกาอย่างปลอดภัย

        “แปลกจริง ที่นี่ไม่มีสัตว์ประหลาดเลย!” วูล์ฟพูดออกมาอย่างคนเขลา

        “ไม่น่าแปลกใจเลย จริง ๆ แล้วหงฉี่ฮว๋าได้วิเคราะห์แล้วว่าสัตว์ประหลาดทั้งสามตัวที่เราพบก่อนหน้านี้นั่นคือจระเข้ก้ามปูยักษ์ ตัวทากหนวดหมึก และเต่าฉลาม พวกมันเป็นสัตว์น้ำทั้งหมด เมื่อดูจากภูมิประเทศของโอโทโรทังกาแล้วพวกมันอยู่ในแม่น้ำไวปาบริเวณจุดผันน้ำ คาดว่าสถาบันวิจัยคงทำการวิจัยสัตว์น้ำ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วสัตว์น้ำเหล่านั้นน่าจะออกจากแม่น้ำไปนานแล้ว” ไป๋อี้อธิบาย

        “อันที่จริงรถเหล่านี้ถูกพบโดยมาร์ตินและเฮลัวส์ ในช่วงสองวันที่ผ่านมามันเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าไม่มีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่หลุดมาจากสถาบันวิจัยอยู่ในเมืองนี้” ไป๋อี้กล่าวเสริม

        “โอ้เป็นแบบนี้นี่เอง!” วูล์ฟพยักหน้า

        ……

        โรงเรียนเงียบสงัด บรรดารถของพวกเขาต่อท้ายกันขับเข้ามาจากนั้นก็หยุดที่สนามเด็กเล่นอันกว้างขวาง ทุกคนลงจากรถและยืนอยู่บนสนามเด็กเล่นแห่งนั้น ต้นไม้และหญ้าที่อยู่ริมสนามเด็กเล่นพลิ้วไหวไปกับสายลมเล็กน้อย แสงแดดบนท้องฟ้าสว่างสดใสซึ่งนั่นทำให้ทุกคนรู้สึกสงบสุขเป็นอย่างมากในเวลานี้

 

                                              ————————

                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 43 ทีมที่แท้จริง

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 43 ทีมที่แท้จริง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หลังจากออกมาจากห้องอาวุธทุกคนก็ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างสิ้นเชิง ในความเป็นจริงมีคนที่ต้องการร่วมทีมกับไป๋อี้และคนอื่น ๆ อีก แต่เมื่อพวกเขาเห็นไป๋อี้และกลุ่มของเขารวมตัวกันโดยอัตโนมัติ พวกเขาเองก็ไม่ได้รับการแจ้งอะไรให้ทราบเลย ดังนั้นจึงต้องถอดใจไป

        ไป๋อี้ถามขออาวุธกับปู่ฮาร์วีย์โดยตรงเพราะเขาไม่ต้องการถามทุกคนว่าใครอยากออกเดินทางไปสถาบันวิจัยกับเขาบ้าง ถ้าไป๋อี้ถามออกไปอย่างนั้นคงจะมีคนในทีมมากกว่านี้แน่ ๆ และคนเหล่านี้พูดตรง ๆ ว่าไป๋อี้ก็ไม่ค่อยสบายใจกับพวกเขานัก หลังจากเกิดเรื่องกับหยูหานไป๋อี้ก็ไม่ต้องการที่จะเสียความรู้สึกกับคนที่ไม่จริงใจอีกต่อไป

        ไป๋อี้มองไปยังคนที่อยู่รอบตัวและรวมถึงตัวเขาเองด้วย …… 1.ไป๋อี้, 2.โม่โม่ (เจ้าสุนัขชาร์ไป่), 3.หงฉี่ฮว๋า, 4.วูล์ฟ, 5.เฮลัวส์, 6.มาร์ติน, 7.เมย์ริส, 8.ซาร่า, 9.หนูน้อยเวอร์เนอร์ (เจ้าหมูพูพู) กรณีของหนูน้อยเวอร์เนอร์นั้นเป็นเหตุฉุกละหุก หงฉี่ฮว๋าได้บอกเหตุผลกับไป๋อี้แล้ว ซึ่งไป๋อี้เองก็ยอมให้มีเด็กเพิ่มเข้ามาในทีมอีกหนึ่งคนได้

        คนเหล่านี้คือกลุ่มทีมที่แท้จริงรวมเป็นทีมเดียวกัน

        ตอนนี้วูล์ฟมีความสูงถึง 2 เมตรครึ่ง เขามีกล้ามเนื้อปูดนูนทั้งตัวและปากของเขาก็คล้ายกับปากของจระเข้ สุนัข และวัวผสมกันยื่นออกมาทางด้านหน้า อีกทั้งฟันของเขายังแหลมคมมาก ผิวหนังบนร่างกายของวูล์ฟเริ่มมีกระดองที่หนาปรากฏขึ้นและมีหางกุดเพิ่มเข้ามาที่หลังสะโพกของเขา มือขวาของวูล์ฟที่ใช้สำหรับหยิบจับอาหารกลายเป็นอุ้งเท้ากรงเล็บอันแหลมคมและมันก็ว่องไวกว่ากรงเล็บของสัตว์ปกติทั่วไปอย่างแน่นอน

        ชาร์ไป่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และในตอนนี้มันก็มีความยาวเกือบ 1.5 เมตร หลายส่วนของร่างกายของมันดูเหมือนจะปริผ่านผิวหนังและแตกออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีแดงสดด้านใน ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เลือดไหลออกมาแต่ดูแล้วคล้ายผิวหนังของหนวดปลาหมึก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือชาร์ไป่ในปัจจุบันมีความแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่ดูเซ่อซ่าก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง มีเพียงคำเดียวที่สามารถอธิบายรูปลักษณ์ตอนนี้ของมันได้นั่นคือคำว่า——ดุร้าย!

        ไป๋อี้เองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นกัน เขามีขนปุยและลวดลายสีสันมากมายแผ่ออกมาจากดวงตาและครอบคลุมขึ้นไปถึงบริเวณหน้าอกของไป๋อี้ เว้นก็แต่ว่าเขายังไม่มีปีกงอกออกมา ดู ๆ ไปแล้วลักษณะของเขาคล้ายกับผีเสื้อขนปุยตัวใหญ่

        ไป๋อี้เป็นผีเสื้อตัวใหญ่ ในขณะที่โม่โม่เป็นผีเสื้อตัวเล็ก แต่การเปลี่ยนแปลงของโม่โม่จะน้อยกว่าไป๋อี้ มากหนูน้อยยังมีสีสันลวดลายไม่ชัดเจนนัก

        คนอื่น ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อยเช่นกัน แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่นัก

        ไป๋อี้ประเมินดูทุกคนอย่างจริงจัง ทุกคนที่ถูกไป๋อี้มองมาต่างพากันยิ้มให้เขา

        “พวกเราทุกคน …… จะมีชีวิตอยู่เพื่อเอาโลกที่สงบสุขกลับมา!” ไป๋อี้ยื่นมือขวาออกไป หงฉี่ฮว๋าเริ่มวางต่อ และคนอื่น ๆ ก็วางมือบนหลังมือของไป๋อี้ตามมา จากนั้นทุกคนก็คลี่ยิ้มออกมา แม้แต่หนูน้อยเวอร์เนอเองก็ถูกหงฉี่ฮว๋าจับมือมาวางกับทุกคนด้วย คนสุดท้ายคือโม่โม่ที่กระโดดขึ้นมาและวางทับบนมือของทุกคนเช่นกัน พฤติกรรมของเด็กน้อยที่แสดงออกมาทำให้ทุกคนหัวเราะขบขันกันเกรียวกราว

        ชาร์ไป่และพูพูอยู่ข้างนอก พวกมันไม่ได้เข้าร่วมด้วยเพราะไม่เช่นนั้นคนอื่น ๆ อาจเกิดการผสานรวมยีนกับพวกมันได้

        เสียงหัวเราะขบขันดังแว่วมาจากทุกคน หลังจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์ก็ไม่เคยมีใครหัวเราะอย่างร่าเริงเช่นนี้อีก

        ……

        “งั้นเรามาเริ่มแผนที่วางไว้กันเถอะ รถและทุกอย่างพร้อมหรือยัง” ไป๋อี้มองไปที่มาร์ติน ตลอดสองวันที่ผ่านมาไป๋อี้ไม่ได้เอาแต่นอนบนเตียงผู้ป่วยอย่างเปล่าประโยชน์ ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาไป๋อี้ก็ได้วางแผนสำหรับอนาคตไว้แล้ว การเดินทางไปที่สถาบันวิจัยในอุทยานแห่งชาติตองการิโรไม่ใช่เรื่องง่าย โลกภายนอกเป็นอันตรายมาก ดังนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ

        “อื้ม พร้อมแล้ว รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จุของได้เยอะมาก นอกจากนี้ยังมีรถออฟโรด (เปิดหลังคา) สองคันและมีรถสปอร์ต ซึ่งเพียงพอสำหรับทุกคน” มาร์ตินตอบ

        “นอกจากอาหารแล้วของจำเป็นอื่น ๆ เช่น ยาต่าง ๆ จัดรวบรวมดีหรือยัง” ไป๋อี้ถามอีกครั้ง เมย์ริสและซาร่าพยักหน้ารับทันที

        “งั้นก็เอาขึ้นรถแล้วออกเดินทางกันได้เลย” ไป๋อี้พยักหน้าเป็นสัญญาณ

        “อาการบาดเจ็บของนายยังหนักอยู่ นายไม่คิดจะอยู่รักษาตัวต่อก่อนเหรอ?” วูล์ฟถาม

        “ไม่ล่ะ การรักษาระหว่างการเดินทางก็เหมือนกันนั่นแหละ ตอนนี้หยูหานออกจากฐานใต้ดินไปแล้ว เราต้องเร่งความเร็วด้วย ไม่เช่นนั้นการปล่อยให้เขานำหน้าไปก่อนคงไม่ใช่เรื่องดี” ไป๋อี้ส่ายหัว ช่างน่าเสียดายที่ในตอนนั้นฉันใจอ่อนยอมปล่อยเขาเพราะเบลลิก้าทีน่าขอร้องไว้ แต่ฉันยังต้องระวังศัตรูคนนี้ให้ดี

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ขนของขึ้นรถเสร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดประตูฐานใต้ดินออก คนอื่น ๆ ก็ยังคงรู้สึกตกตะลึง ไป๋อี้และทีมเตรียมพร้อมเร็วขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทำไมไป๋อี้และทีมถึงกล้าออกไปโลดโผนข้างนอกนั่นโดยไม่กังวลแม้แต่น้อย พวกเขาไม่กลัวการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดหรือไง?

        รถสี่คันแล่นผ่านประตูของฐานใต้ดินออกไป ทุกคนเฝ้าดูพวกเขาจากทั้งสองด้าน เมื่อรถแล่นผ่านประตูสายตาของทุกคนก็สบกันซึ่งระคนไปด้วยสายตาที่สื่อความหมายหลากหลายต่างกันออกไป จากนี้ไปทุกคนก็มุ่งไปสู่ทางเลือกของตัวเองและไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

        สายตาของเพื่อน ๆ จับจ้องไปตามรถ จนท้ายที่สุดรถก็แล่นไกลออกไปเรื่อย ๆ จนลับสายตาทุกคนไป

        ไป๋อี้ วูล์ฟ และชาร์ไป่นั่งในรถออฟโรดแบบเปิดหลังคาเป็นคันหน้าสุด มาร์ตินและหนูน้อยเวอร์เนอร์นั่งในรถบรรทุกเป็นคันที่สอง รถบรรทุกนั้นมีเพียงคนขับก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด จากนั้นก็เป็นรถสปอร์ตของเมย์ริส ซาร่า และโม่โม่ที่ตามมาในลำดับที่สาม หงฉี่ฮว๋าและเฮลัวส์ขึ้นรถออฟโรดปิดท้ายเป็นคันสุดท้าย แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นผู้หญิงแต่พวกเธอได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทั้งสองคนมีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เป็นอย่างดี

        “ไป๋อี้ พวกเราจะไปไหนกัน ” วูล์ฟถาม เขาได้รับการรักษาและฟื้นฟูสภาพร่างกายมาแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ไป๋อี้ไม่ได้บอกเรื่องการเตรียมการลับ ๆ กับวูล์ฟ อย่างไรซะเขาก็ทำอะไรไม่ได้นัก ถ้าต้องให้ใช้สมองสำหรับวูล์ฟมันคงเป็นการทรมานเขาอย่างแท้จริง

 

        “โรงเรียนมัธยมต้นโอโทโรฮังกา!”

        “ทำไม …… ต้องเป็นที่นั่น?”

        “เนื่องจากโรงเรียนมัธยมต้นโอโทโรฮังกามีสวนนิเวศวิทยา ซึ่งโดยปกติแล้วนักเรียนจะใช้ศึกษาวิจัยทางนิเวศวิทยาจึงอาจจะไม่พบสิ่งมีชีวิตแปลก ๆ ในนั้น แต่น่าจะพอมีสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปอยู่บ้าง”

        “สวนนิเวศวิทยา?”

        “บื้อซะจริง นายลืมการผสานรวมยีนด้วยตนเองของเราเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” ไป๋อี้ดุด้วยรอยยิ้ม หลังจากคำเตือนของไป๋อี้วูล์ฟก็คิดพิจารณาย้อนกลับไป อันที่จริงไป๋อี้และหงฉี่ฮว๋าได้พูดถึงเรื่องนี้เมื่อสองสามวันก่อน แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนพวกเขาก็แทบจะลืมมันไปแล้ว

        เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่สัตว์ประหลาดปรากฏตัวในโอโรทังกา ผู้คนในเมืองเสียชีวิต คนที่รอดก็หนีออกไปแล้ว หรืออาจยังมีผู้คนที่รอดชีวิตอาศัยอยู่แต่พวกเขาคงต้องซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ในสถานที่บางแห่ง เมืองนี้เงียบมาก เมืองทั้งเมืองเหมือนเมืองร้าง และมีเพียงเสียงของไป๋อี้และคนอื่น ๆ ที่ขับรถมาเท่านั้น

        ไป๋อี้เป็นคนขับรถ วูล์ฟและชาร์ไป่นั่งอยู่หลังรถออฟโรดแบบเปิดหลังคาเพราะขนาดปัจจุบันของพวกเขาใหญ่ขึ้นจนทำให้ไม่สามารถเข้าไปในรถได้ วูล์ฟถือปืนกลในมืออย่างระแวดระวังเพราะกลัวว่าสัตว์ประหลาดจะกระโจนออกมาจากที่ไหนสักแห่ง ชาร์ไป่นอนอยู่บนรถ หูของมันตั้งขึ้นเล็กน้อยและกล้ามเนื้อที่ปริแตกของมันก็ดูน่ากลัวมาก

        ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็หันไปมองบางสิ่ง ทำให้วูล์ฟเล็งปืนกลในมือของเขาไปที่ข้างถนนทันที

        คนอื่น ๆ มีปฏิกิริยาตอบสนองเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางนั้น สุนัขตัวใหญ่ที่คล้ายกับชาร์ไป่ปรากฏตัวขึ้น มันมีลักษณะเฉพาะที่คล้ายกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ผสมอยู่ด้วย มันมองตาทุกคนด้วยความลังเล แมวและสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่พบบ่อยที่สุดของมนุษย์ แต่สุนัขมีความภักดีต่อมนุษย์มากกว่า เห็นได้ชัดว่าสุนัขตัวนี้ไม่มีเจตนาจะโจมตีไป๋อี้

        “ต้องฆ่ามันทิ้งไหม?”

        “บรู๊วววว!” ทันใดนั้นชาร์ไป่ก็ลุกขึ้นยืนและเห่าเสียงดังใส่อีกฝ่าย หลังจากสุนัขตัวนั้นได้ยินเสียงเห่าของชาร์ไป่มันก็ส่งเสียงเห่าสองครั้งตอบกลับ จากนั้นก็ถอยกลับไปที่ถนน หลังจากที่เห็นสุนัขตัวนั้นถอยจากไปชาร์ไป่ก็ทิ้งตัวนอนลงบนรถอีกครั้ง

        “นี่มันอะไรน่ะชาร์ไป่?”

        “คาดว่ามันคงให้สุนัขตัวนั้นถอยจากไป แม้ว่าพวกมันจะกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่แตกต่างกันแต่พวกมันก็ยังเป็นสัตว์ประเภทเดียวกันอยู่ เมื่อครู่นี้ชาร์ไป่ไม่ต้องการให้สุนัขตัวนั้นต้องถูกฆ่าตาย” ไป๋อี้อธิบาย เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋อี้ชาร์ไป่ก็เห่าขึ้นมาสองครั้งราวกับเป็นการตอบกลับคำพูดของเขา ไป๋อี้ประหลาดใจเล็กน้อย คำอธิบายของเขาเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น นี่หรือว่าชาร์ไป่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดหรือนี่?

        ในขณะนั้นเองทันใดนั้นก็มีเสียงพั่บ ๆ ดังขึ้น มีนกตัวใหญ่กำลังกระพือปีกบินมาจากหลังคาในระยะไกลและปีกของมันมีขนาดประมาณหนึ่งเมตร นกตัวนี้มีขนาดใหญ่อะไรขนาดนี้ อันที่จริงถ้าเป็นตอนที่สถานการณ์ปกติพวกเขาคงไม่สามารถมองเห็นนกระยะไกลจากในเมืองได้ แต่ตอนนี้มันคือสัตว์ทดลองที่ตัวใหญ่มาก เห็นได้ชัดว่ามันได้วิวัฒนาการตามธรรมชาติในช่วงเวลาแบบนี้

        นกตัวใหญ่ตัวนั้นบินมาทำให้ทุกคนต่างก็พากันตกใจ แต่หลังจากที่เห็นว่ามันเป็นเพียงนกธรรมดาที่ตัวใหญ่ขึ้นเท่านั้น พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

        ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการอีกหลายตัวจนในที่สุดไป๋อี้และคนในทีมก็มาถึงโรงเรียนมัธยมโอโทโรฮังกาอย่างปลอดภัย

        “แปลกจริง ที่นี่ไม่มีสัตว์ประหลาดเลย!” วูล์ฟพูดออกมาอย่างคนเขลา

        “ไม่น่าแปลกใจเลย จริง ๆ แล้วหงฉี่ฮว๋าได้วิเคราะห์แล้วว่าสัตว์ประหลาดทั้งสามตัวที่เราพบก่อนหน้านี้นั่นคือจระเข้ก้ามปูยักษ์ ตัวทากหนวดหมึก และเต่าฉลาม พวกมันเป็นสัตว์น้ำทั้งหมด เมื่อดูจากภูมิประเทศของโอโทโรทังกาแล้วพวกมันอยู่ในแม่น้ำไวปาบริเวณจุดผันน้ำ คาดว่าสถาบันวิจัยคงทำการวิจัยสัตว์น้ำ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วสัตว์น้ำเหล่านั้นน่าจะออกจากแม่น้ำไปนานแล้ว” ไป๋อี้อธิบาย

        “อันที่จริงรถเหล่านี้ถูกพบโดยมาร์ตินและเฮลัวส์ ในช่วงสองวันที่ผ่านมามันเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าไม่มีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่หลุดมาจากสถาบันวิจัยอยู่ในเมืองนี้” ไป๋อี้กล่าวเสริม

        “โอ้เป็นแบบนี้นี่เอง!” วูล์ฟพยักหน้า

        ……

        โรงเรียนเงียบสงัด บรรดารถของพวกเขาต่อท้ายกันขับเข้ามาจากนั้นก็หยุดที่สนามเด็กเล่นอันกว้างขวาง ทุกคนลงจากรถและยืนอยู่บนสนามเด็กเล่นแห่งนั้น ต้นไม้และหญ้าที่อยู่ริมสนามเด็กเล่นพลิ้วไหวไปกับสายลมเล็กน้อย แสงแดดบนท้องฟ้าสว่างสดใสซึ่งนั่นทำให้ทุกคนรู้สึกสงบสุขเป็นอย่างมากในเวลานี้

 

                                              ————————

                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+