[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 33 สัตว์ประหลาดด้านละหนึ่งตัว

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 33 สัตว์ประหลาดด้านละหนึ่งตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เหมือนกับที่มาร์ตินพูดไว้ไม่มีผิดว่าถึงจะมีสัตว์ประหลาดมากมายในสถาบันวิจัย แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นมิตรกันอย่างแน่นอน สำหรับสัตว์ประหลาดเหล่านี้แล้วพวกมันไม่เคยเป็นอะไรมากไปกว่าการเป็นสัตว์ทดลองที่ทดลองแยกกัน และในตอนนี้พวกมันก็เข้าปะทะกันเอง ในสายตาของพวกมันคือความสัมพันธ์ในรูปแบบเหยื่อกับเหยื่อ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกมันทั้งหมดอาจจะเป็นเหยื่อ แต่ในสายตาของพวกมันก็ยังสามารถแยกแยะได้ว่าเหยื่อตัวไหนที่ฆ่าได้ง่ายหรือตัวไหนที่ฆ่าได้ยากกว่า

        เดิมทีเต่าฉลามมองว่าตัวทากหนวดหมึกเป็นเหยื่อของมัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังแข็งแกร่งกว่าตัวทากหนวดหมึกอีกด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากันฝ่ายตรงข้ามกลับมีร่างกายที่นุ่มนิ่มผิวเรียบลื่น แม้ว่าจะพยายามกัดอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถกัดเข้าได้เสียที ทันใดนั้นไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงเอะอะขึ้นมามันจึงหันมาหาพวกเขาตามเสียง

        เซลล์ดัดแปลงทั้งหมดล้วนมาจากร่างแม่แบบทดลองที่เป็นมนุษย์ อันที่จริงมีสิ่งที่แม้แต่มาร์ตินก็ไม่รู้นั่นคือนอกจากความสามารถในการกระตุ้นและการผสานรวมยีนของเซลล์ดัดแปลงแล้วมันยังมีความสามารถอื่น …… อีกประการหนึ่งแต่ทว่าตอนนี้ยังไม่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และเนื่องจากมาร์ตินไม่ใช่นักวิจัยกลุ่มหลักดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้

        ความสามารถประเภทนี้แสดงให้เห็นว่าพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้มีสติปัญญาที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น สติปัญญาของมัน …. ได้ตื่นขึ้นแล้ว!

        แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นจึงยังเห็นไม่ชัดเจน แต่สัตว์ประหลาดเต่าฉลามก็หันมามองไป๋อี้และพวก หลังจากที่มันมองไปที่สัตว์ประหลาดตัวทากหนวดหมึกอีกครั้งมันก็ตัดสินใจได้ว่า

        กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เดินอยู่ตรงนั้นเป็นสิ่งที่ฆ่าได้ง่ายกว่า!

        นอกจากนี้เต่าฉลามยังจำได้อีกว่ามันเคยถูกกักขังไว้ในพื้นที่เล็ก ๆ และถูกสิ่งมีชีวิตสองขาทำให้เจ็บปวด

        จากความแค้นเก่าและความแค้นใหม่รวมกับความหิวโหยทำให้เต่าฉลามหยุดชะงักทันที มันใช้แรงกระแทกขาทั้งสี่ข้างให้หดเข้าไป จากนั้นขาทั้งของมันก็หดเข้าในกระดองเต่าทันที กระดองที่แข็งและเรียบ รวมถึงส่วนของหน้าท้องที่แทบไม่มีแรงต้านทาน ส่งผลให้แรงผลักดันอันทรงพลังส่งให้เต่าฉลามตัวนี้ลื่นไถลจากพื้นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

        บรรลัยแล้ว อย่างนี้ก็ได้เหรอ!

        ทุกคนก่นด่าในใจ พวกเขาคิดว่าเต่าคงคลานช้า แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

         

        เมื่อเห็นเต่าฉลามพุ่งเข้าใส่อย่างอุกอาจทุกคนก็แตกตื่นวิ่งหนีไปอย่างไร้จุดหมายเพราะกลัวว่าจะโดนมันเล่นงาน ไต้ยู่เหยารีบเข้าไปในรถแท็กซี่ทันทีและกำลังจะสตาร์ทรถ แต่ยิ่งเธอกังวลมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น จนทำกุญแจรถหล่นลงบนเบาะ

        ในขณะนั้นเองเต่าฉลามได้ไถลเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทันทีที่ไต้ยู่เหยาหยิบกุญแจขึ้นมาในขณะนั้นดวงตาของเธอก็ต้องชะงักงัน

        ตึงตึง!

        เต่าฉลามหดหัวของมันเข้าไปในกระดอง จากนั้นก็กระแทกเข้ากับรถ ทันใดนั้นรถทั้งคันก็พังยับแล้วกระเด็นลอยออกไป แม้ว่าระบบป้องกันของรถจะมีถุงลมนิรภัยโผล่ออกมาแต่ทุกคนก็ไม่มีความเชื่อมั่นในสิ่งนี้นัก

        ไต่ยู่เหยา …… 80 เปอร์เซ็นต์ เธอจบเห่แน่

        หลังจากที่เต่าฉลามพุ่งเข้าชนรถ ร่างของมันก็หมุนไปบนพื้น จากนั้นต้นขาหนาทั้งสี่ข้างก็ยืดออกมาและตามด้วยส่วนหัว มันบิดหัวของตัวเองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจึงไล่ตามคนที่อยู่ใกล้ที่สุด … หนิงเสวี่ย เมื่อเห็นฉลามเต่าไล่ไปทางหนิงเสวี่ยคนอื่น ๆ ก็หนีไปในทิศทางตรงกันข้าม

        “ช่วยฉันด้วยหยูหาน ช่วยฉันด้วย!” หนิงเสวี่ยตะโกนเสียงดังขณะที่เธอวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

        หยูหานหยุดชั่วขณะ เขากัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโกรธ …… มันต้องตาย ตัวหยูหานเองก็ไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองเก่งกาจเพียงใด แต่เขาเพิ่งได้ครอบครองหนิงเสวี่ยไปเมื่อวานนี้ ถ้าวันนี้ต้องมาแตกหักโดยที่เขาไม่ยอมช่วยชีวิตเธอไว้ล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนอื่น ๆ ต้องรู้สึกผิดหวังในตัวเขาแน่ ๆ เมื่อนึกได้เช่นนี้หยูหานก็รีบวิ่งไปหาหนิงเสวี่ยทันที ระหว่างที่เขาวิ่งอยู่แขนขวาของหยูหานก็ปูดนูนขึ้นราวกับว่าเขาจะมีพละกำลังมากขึ้นมหาศาล

        ในเวลานี้หลังจากที่ตัวทากหนวดหมึกที่อยู่ห่างไกลออกไปหยุดอยู่ชั่วขณะ มันก็นำร่างมันคืบคลานมาที่นี่

        “แม่มันเถอะ ไม่กลัวตายบ้างหรือไง ในเมื่อคู่ต่อสู้ของแกปล่อยแกไปแกก็ควรจะหนีไปสิ” มาร์ตินที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปในทางนั้น แต่เมื่อเห็นตัวทากหนวดหมึกคืบคลานเข้ามาเขาก็ถึงกับไถลไปกับพื้น สักพักก็ลุกขึ้นอย่างเขินอายและเปลี่ยนทิศทางหนีทันที

        ลักษณะท่าทางของคนอื่นก็ไม่ต่างกับมาร์ติน ตายแน่ ตัวทากมันควรหนีไปไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงมาทางนี้

        เมื่อเห็นดังนั้นทำให้บางคนถึงกับอยากร้องไห้ออกมา

        “ลุงไป๋!” หงฉี่ฮว๋าชำเลืองมองไป๋อี้รอการตัดสินใจจากเขา

        “ไม่ต้องวิ่ง พวกเธอจะวิ่งไปไหน มันจะเป็นการดึงดูดสัตว์ประหลาดอีกมากมายในเมืองนี้ จะอยากรีบตายไปไหน!” ไป๋อี้ตะโกนเสียงดัง แต่เห็นได้ชัดว่ามีไม่กี่คนที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ในเวลานี้ ขณะนี้ไป๋อี้ได้จับมือโม่โม่เอาไว้ ชาร์ไป่เองก็ตามมาด้วย เขาเหลือบมองไปที่เต่าฉลามตรงนั้นจากนั้นก็มองไปที่ตัวทากหนวดหมึกที่กำลังคืบคลานเข้ามาอยู่

        “ฉี่ฮว๋าไปห้ามคนอื่นที่วิ่งอยู่ มาร์ตินคุณกับผมเราจะถ่วงเวลามันไว้” ไป๋อี้พูด

        หงฉี่ฮว๋าพยักหน้าและวิ่งไล่ตามคนอื่นทันทีเพื่อหยุดคนที่วิ่งหนีสะเปะสะปะตามอำเภอใจ ในทางกลับกันมาร์ตินกำลังร้องไห้ราวกับว่าจุดจบของเขากำลังใกล้เข้ามา เห็นได้ชัดว่าเมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้ถูกจับจ้องสังเกตผ่านกระจกที่มีความแข็งแรงสูงในสถาบันวิจัย พวกมันจึงไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามมาร์ตินยังคงมีสติดีและเขาไม่ได้วิ่งไปรอบ ๆ หากทำอะไรที่เป็นการดึงดูดสัตว์ประหลาดเข้ามาอีกล่ะก็นั่นแหละคือจังหวะแห่งความตายที่แท้จริง

        ตัวทากหนวดหมึกเป็นสัตว์จำพวกหอย พวกมันเคลื่อนที่ไม่เร็วมากแต่ก็ไม่ช้ามาก ความเร็วของมันไม่ได้ต่างอะไรกับการวิ่งเหยาะ ๆ ของมนุษย์

        ไป๋อี้เหลือบมองไปที่ตัวทากหนวดหมึกที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร จากนั้นก็มองไปข้างหลังอย่างต่อเนื่องด้วยหวังว่าจะหาทางฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ รถสองสามคันที่ชนพลิกคว่ำอยู่กับพื้นมีวัตถุดิบอาหารและยาที่ร่วงหล่นตามพื้นและยังมีมีดทำครัวกับมีดพร้าอีกสองสามด้าม … ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่พบสิ่งใดที่จะสามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้เลย

        ไป๋อี้หันไปอีกครั้ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเต่าฉลามและหยูหานกำลังปะทะกันอยู่ การเคลื่อนไหวของหยูหานร้ายกาจมาก เขาล่อเต่าฉลามไปที่บ้านหลังหนึ่งจากนั้นก็กระแทกมันเสียงดังลั่น มันล้มลงอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนว่าหยูหานเองก็จะไม่ยอมตายเด็ดขาด ในขณะนั้นหยูหานก็กลิ้งออกจากพื้นอย่างกะทันหันและรีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไป๋อี้

        แม้ว่าเขาจะเหยียดบุคลิกของหยูหาน แต่ไป๋อี้ก็ต้องยอมรับว่าศักยภาพและความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้ชายคนนี้ดีที่สุดในกลุ่มคน

        แม้ตอนนี้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาไม่นับว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจความหมายผ่านดวงตาของกันและกัน

        ในขณะที่จัดการกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งอยู่!

        เมื่อไป๋อี้หันไป ขณะนั้นตัวทากหนวดหมึกก็อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบเมตร มาร์ตินพยายามไม่วิ่งหนีเขายังคงหันหน้ามองไปที่ไป๋อี้และหวังว่าไป๋อี้จะหาทางได้

        “ล่อมันไปก่อน” ไป๋อี้กล่าว

        วูล์ฟตกลงไปข้าง ๆ จระเข้ก้ามปูยักษ์ ดูเหมือนว่าวูล์ฟจะถูกแช่อยู่ในน้ำเลือดอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าไป๋อี้จะขอให้วูล์ฟกินอย่างสิ้นหวังและเริ่มมีความหวังกับเซลล์ดัดแปลง แต่ไป๋อี้ก็ไม่มีความมั่นใจเท่าไรนัก ตอนนี้ไม่รู้ว่าวูล์ฟแค่เป็นลมหรือตายสนิทแต่ยังไงก็ตามเขาจะต้องนำตัวทากหนวดหมึกออกไปก่อน

        ไป๋อี้คว้ามีดทำครัวขึ้นมา เขาคิดว่ามันคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดในตอนนี้

        “โม่โม่ซ่อนตัวให้ดี” ขณะนี้เขาไม่มีแม้กระทั่งเวลามาดูแลโม่โม่ด้วยซ้ำ

        โชคดีที่แม้ว่าโม่โม่จะยังเล็กแต่เธอก็ค่อนข้างฉลาด ด้วยสิ่งที่หนูน้อยได้เห็นตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้จิตใจของโม่โม่ในวัยเยาว์เข้มแข็งขึ้นอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ไป๋อี้พูดจบโม่โม่ก็วิ่งไปที่บ้านพักใกล้ ๆ ทันที หนูน้อยนั่งยอง ๆ ที่มุมห้องอย่างระแวดระวังแล้วยื่นศีรษะออกไปมองไป๋อี้เงียบ ๆ ชาร์ไป่เองก็ตามไปทันทีและวิ่งไปเฝ้าอยู่ข้าง ๆ โม่โม่

        ไป๋อี้ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ แม้ว่าสถานที่นั้นจะไม่ปลอดภัยแต่หนูน้อยก็ซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี

        ไป๋อี้รีบวิ่งออกไปทันที มาร์ตินดูเป็นทุกข์มากแต่เขาก็ยังเดินตามไป ยิ่งกลัวความตายมากเท่าไหร่เขาก็จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น หากในตอนแรกฉินข่ายรุ่ยไม่ขี้ขลาดและเลือกที่จะวิ่งหนีไปแบบนั้น หลังจากฆ่าจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนั้นมีหรือจะเกิดเรื่องอะไรตามมาอีกมากมายเช่นนี้

        ขณะที่วิ่งไปไป๋อี้ก็เห็นปืนลูกซองที่ตกลงอยู่บนพื้นจึงเสียบมีดทำครัวไว้ที่เข็มขัดด้านหลังทันที จากนั้นก็หยิบปืนลูกซองขึ้นมา การดึงดูดความสนใจของมันยังพอจะเป็นประโยชน์อยู่มาก

        ไป๋อี้บรรจุปืนลูกซองและวิ่งไปอีกด้านหนึ่งของตัวทากหนวดหมึก เมื่อเห็นไป๋อี้วิ่งเข้ามาตัวทากหนวดหมึกก็เหยียดหนวดปลาหมึกออกไปหาไป๋อี้ทันที หนวดขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่ากับเอวของมนุษย์มีเมือกไหลอยู่ตลอดเวลาดูน่าขยะแขยงและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

        ปังปังปัง

        ปืนลูกซองยิงกระสุนออกไปหลายสิบนัดทำให้หนวดที่ม้วนขดเข้าหาไป๋อี้หยุดชะงักลงเล็กน้อย

        เฉียดผิวหนังเขาไปนิดเดียว จากนั้นมันก็เร่งความเร็วในการม้วนหนวดเข้าไปหาไป๋อี้ด้วยการตะแคงข้าง ไป๋อี้พยายามหลบหลีกแต่แขนขวาของเขกลับถูกจับไว้ด้วยหนวดของมัน ไป๋อี้พยายามอย่างหนักที่จะดึงแขนของเขาออกจากหนวดด้วยการสัมผัส แขนเสื้อมือขวาของไป๋อี้ถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ผิวหนังเกือบทั้งหมดบนแขนของเขาถูกย่อยจนเห็นกล้ามเนื้อข้างในที่มีเลือดไหล

        ในที่สุดก็เข้าใจว่าอาการบาดเจ็บของฉินข่ายรุ่ยและเหม่ยหลินมาจากไหน!

        ตัวดูดที่หนวดของมันเหมือนกับใบมีดขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน ไป๋อี้กลิ้งไปมาบนพื้นอย่างไม่ต้องสงสัยและรีบวิ่งไปทันที แน่นอนว่าช่วงเวลาต่อมาหนวดนั้นก็เลื้อยเข้าหาไป๋อี้อีกครั้ง ไป๋อี้หลบหลีกในขณะที่บนพื้นมีร่างเหม่ยหลินที่กำลังจะตายซึ่งเธอไม่สามารถขยับได้เธอจึงถูกมันจับได้โดยตรง

        เหม่ยหลินที่ใกล้จะตายเต็มทีก็ยังคงกลัวความตายอย่างมาก เธอดินอย่างทุรนทุราย

        “โอ้ไม่นะ ไม่ไม่…!” น้ำตาไหลนองใบหน้าของเธอและเธอพึมพำบางสิ่งที่ฟังไม่ได้ความออกมา อย่างไรก็ตามการต่อสู้แบบนี้ไร้ผลอย่างสิ้นเชิง หนวดของมันม้วนตัวเหม่ยหลินกลับเข้าไปอย่างรวดเร็วและส่งไปที่ปากใหญ่เหมือนดอกเบญจมาศของมัน

        เริ่มต้นจากศีรษะของเหม่ยหลินที่ถูกมันกลืนเข้าไป ร่างกายของเหม่ยหลินยังคงดิ้นรน ขาสองข้างของเธอสะบัดไปมาเป็นระยะ ๆ แต่ในไม่ช้ามันก็กลืนกินเข้าไปทั้งตัวอย่างสมบูรณ์

        “นั่นปากเหรอ? ฉันนึกว่าเป็นดอกเบญจมาศ!” มาร์ตินพูดขึ้นมาทันที

        “ฮะ……!” ไป๋อี้ได้ยินคำพูดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งเพราะเขาถูกกระตุ้นด้วยมุกตลกเย็นชาของมาร์ติน แต่มันก็เป็นการหัวเราะที่ไม่เต็มเสียงนัก ในเวลาแบบนี้ไม่มีใครสามารถหัวเราะได้จริง ๆ หรอก

 

                                                               ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 33 สัตว์ประหลาดด้านละหนึ่งตัว

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 33 สัตว์ประหลาดด้านละหนึ่งตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เหมือนกับที่มาร์ตินพูดไว้ไม่มีผิดว่าถึงจะมีสัตว์ประหลาดมากมายในสถาบันวิจัย แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นมิตรกันอย่างแน่นอน สำหรับสัตว์ประหลาดเหล่านี้แล้วพวกมันไม่เคยเป็นอะไรมากไปกว่าการเป็นสัตว์ทดลองที่ทดลองแยกกัน และในตอนนี้พวกมันก็เข้าปะทะกันเอง ในสายตาของพวกมันคือความสัมพันธ์ในรูปแบบเหยื่อกับเหยื่อ อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกมันทั้งหมดอาจจะเป็นเหยื่อ แต่ในสายตาของพวกมันก็ยังสามารถแยกแยะได้ว่าเหยื่อตัวไหนที่ฆ่าได้ง่ายหรือตัวไหนที่ฆ่าได้ยากกว่า

        เดิมทีเต่าฉลามมองว่าตัวทากหนวดหมึกเป็นเหยื่อของมัน ยิ่งไปกว่านั้นมันยังแข็งแกร่งกว่าตัวทากหนวดหมึกอีกด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากันฝ่ายตรงข้ามกลับมีร่างกายที่นุ่มนิ่มผิวเรียบลื่น แม้ว่าจะพยายามกัดอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถกัดเข้าได้เสียที ทันใดนั้นไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงเอะอะขึ้นมามันจึงหันมาหาพวกเขาตามเสียง

        เซลล์ดัดแปลงทั้งหมดล้วนมาจากร่างแม่แบบทดลองที่เป็นมนุษย์ อันที่จริงมีสิ่งที่แม้แต่มาร์ตินก็ไม่รู้นั่นคือนอกจากความสามารถในการกระตุ้นและการผสานรวมยีนของเซลล์ดัดแปลงแล้วมันยังมีความสามารถอื่น …… อีกประการหนึ่งแต่ทว่าตอนนี้ยังไม่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และเนื่องจากมาร์ตินไม่ใช่นักวิจัยกลุ่มหลักดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้

        ความสามารถประเภทนี้แสดงให้เห็นว่าพวกสัตว์ประหลาดเหล่านี้มีสติปัญญาที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น สติปัญญาของมัน …. ได้ตื่นขึ้นแล้ว!

        แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นจึงยังเห็นไม่ชัดเจน แต่สัตว์ประหลาดเต่าฉลามก็หันมามองไป๋อี้และพวก หลังจากที่มันมองไปที่สัตว์ประหลาดตัวทากหนวดหมึกอีกครั้งมันก็ตัดสินใจได้ว่า

        กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เดินอยู่ตรงนั้นเป็นสิ่งที่ฆ่าได้ง่ายกว่า!

        นอกจากนี้เต่าฉลามยังจำได้อีกว่ามันเคยถูกกักขังไว้ในพื้นที่เล็ก ๆ และถูกสิ่งมีชีวิตสองขาทำให้เจ็บปวด

        จากความแค้นเก่าและความแค้นใหม่รวมกับความหิวโหยทำให้เต่าฉลามหยุดชะงักทันที มันใช้แรงกระแทกขาทั้งสี่ข้างให้หดเข้าไป จากนั้นขาทั้งของมันก็หดเข้าในกระดองเต่าทันที กระดองที่แข็งและเรียบ รวมถึงส่วนของหน้าท้องที่แทบไม่มีแรงต้านทาน ส่งผลให้แรงผลักดันอันทรงพลังส่งให้เต่าฉลามตัวนี้ลื่นไถลจากพื้นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

        บรรลัยแล้ว อย่างนี้ก็ได้เหรอ!

        ทุกคนก่นด่าในใจ พวกเขาคิดว่าเต่าคงคลานช้า แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

         

        เมื่อเห็นเต่าฉลามพุ่งเข้าใส่อย่างอุกอาจทุกคนก็แตกตื่นวิ่งหนีไปอย่างไร้จุดหมายเพราะกลัวว่าจะโดนมันเล่นงาน ไต้ยู่เหยารีบเข้าไปในรถแท็กซี่ทันทีและกำลังจะสตาร์ทรถ แต่ยิ่งเธอกังวลมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น จนทำกุญแจรถหล่นลงบนเบาะ

        ในขณะนั้นเองเต่าฉลามได้ไถลเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการได้ ทันทีที่ไต้ยู่เหยาหยิบกุญแจขึ้นมาในขณะนั้นดวงตาของเธอก็ต้องชะงักงัน

        ตึงตึง!

        เต่าฉลามหดหัวของมันเข้าไปในกระดอง จากนั้นก็กระแทกเข้ากับรถ ทันใดนั้นรถทั้งคันก็พังยับแล้วกระเด็นลอยออกไป แม้ว่าระบบป้องกันของรถจะมีถุงลมนิรภัยโผล่ออกมาแต่ทุกคนก็ไม่มีความเชื่อมั่นในสิ่งนี้นัก

        ไต่ยู่เหยา …… 80 เปอร์เซ็นต์ เธอจบเห่แน่

        หลังจากที่เต่าฉลามพุ่งเข้าชนรถ ร่างของมันก็หมุนไปบนพื้น จากนั้นต้นขาหนาทั้งสี่ข้างก็ยืดออกมาและตามด้วยส่วนหัว มันบิดหัวของตัวเองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจึงไล่ตามคนที่อยู่ใกล้ที่สุด … หนิงเสวี่ย เมื่อเห็นฉลามเต่าไล่ไปทางหนิงเสวี่ยคนอื่น ๆ ก็หนีไปในทิศทางตรงกันข้าม

        “ช่วยฉันด้วยหยูหาน ช่วยฉันด้วย!” หนิงเสวี่ยตะโกนเสียงดังขณะที่เธอวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

        หยูหานหยุดชั่วขณะ เขากัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโกรธ …… มันต้องตาย ตัวหยูหานเองก็ไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองเก่งกาจเพียงใด แต่เขาเพิ่งได้ครอบครองหนิงเสวี่ยไปเมื่อวานนี้ ถ้าวันนี้ต้องมาแตกหักโดยที่เขาไม่ยอมช่วยชีวิตเธอไว้ล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนอื่น ๆ ต้องรู้สึกผิดหวังในตัวเขาแน่ ๆ เมื่อนึกได้เช่นนี้หยูหานก็รีบวิ่งไปหาหนิงเสวี่ยทันที ระหว่างที่เขาวิ่งอยู่แขนขวาของหยูหานก็ปูดนูนขึ้นราวกับว่าเขาจะมีพละกำลังมากขึ้นมหาศาล

        ในเวลานี้หลังจากที่ตัวทากหนวดหมึกที่อยู่ห่างไกลออกไปหยุดอยู่ชั่วขณะ มันก็นำร่างมันคืบคลานมาที่นี่

        “แม่มันเถอะ ไม่กลัวตายบ้างหรือไง ในเมื่อคู่ต่อสู้ของแกปล่อยแกไปแกก็ควรจะหนีไปสิ” มาร์ตินที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปในทางนั้น แต่เมื่อเห็นตัวทากหนวดหมึกคืบคลานเข้ามาเขาก็ถึงกับไถลไปกับพื้น สักพักก็ลุกขึ้นอย่างเขินอายและเปลี่ยนทิศทางหนีทันที

        ลักษณะท่าทางของคนอื่นก็ไม่ต่างกับมาร์ติน ตายแน่ ตัวทากมันควรหนีไปไม่ใช่เหรอ ทำไมมันถึงมาทางนี้

        เมื่อเห็นดังนั้นทำให้บางคนถึงกับอยากร้องไห้ออกมา

        “ลุงไป๋!” หงฉี่ฮว๋าชำเลืองมองไป๋อี้รอการตัดสินใจจากเขา

        “ไม่ต้องวิ่ง พวกเธอจะวิ่งไปไหน มันจะเป็นการดึงดูดสัตว์ประหลาดอีกมากมายในเมืองนี้ จะอยากรีบตายไปไหน!” ไป๋อี้ตะโกนเสียงดัง แต่เห็นได้ชัดว่ามีไม่กี่คนที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ในเวลานี้ ขณะนี้ไป๋อี้ได้จับมือโม่โม่เอาไว้ ชาร์ไป่เองก็ตามมาด้วย เขาเหลือบมองไปที่เต่าฉลามตรงนั้นจากนั้นก็มองไปที่ตัวทากหนวดหมึกที่กำลังคืบคลานเข้ามาอยู่

        “ฉี่ฮว๋าไปห้ามคนอื่นที่วิ่งอยู่ มาร์ตินคุณกับผมเราจะถ่วงเวลามันไว้” ไป๋อี้พูด

        หงฉี่ฮว๋าพยักหน้าและวิ่งไล่ตามคนอื่นทันทีเพื่อหยุดคนที่วิ่งหนีสะเปะสะปะตามอำเภอใจ ในทางกลับกันมาร์ตินกำลังร้องไห้ราวกับว่าจุดจบของเขากำลังใกล้เข้ามา เห็นได้ชัดว่าเมื่อสัตว์ประหลาดเหล่านี้ถูกจับจ้องสังเกตผ่านกระจกที่มีความแข็งแรงสูงในสถาบันวิจัย พวกมันจึงไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามมาร์ตินยังคงมีสติดีและเขาไม่ได้วิ่งไปรอบ ๆ หากทำอะไรที่เป็นการดึงดูดสัตว์ประหลาดเข้ามาอีกล่ะก็นั่นแหละคือจังหวะแห่งความตายที่แท้จริง

        ตัวทากหนวดหมึกเป็นสัตว์จำพวกหอย พวกมันเคลื่อนที่ไม่เร็วมากแต่ก็ไม่ช้ามาก ความเร็วของมันไม่ได้ต่างอะไรกับการวิ่งเหยาะ ๆ ของมนุษย์

        ไป๋อี้เหลือบมองไปที่ตัวทากหนวดหมึกที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร จากนั้นก็มองไปข้างหลังอย่างต่อเนื่องด้วยหวังว่าจะหาทางฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ รถสองสามคันที่ชนพลิกคว่ำอยู่กับพื้นมีวัตถุดิบอาหารและยาที่ร่วงหล่นตามพื้นและยังมีมีดทำครัวกับมีดพร้าอีกสองสามด้าม … ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่พบสิ่งใดที่จะสามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้เลย

        ไป๋อี้หันไปอีกครั้ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเต่าฉลามและหยูหานกำลังปะทะกันอยู่ การเคลื่อนไหวของหยูหานร้ายกาจมาก เขาล่อเต่าฉลามไปที่บ้านหลังหนึ่งจากนั้นก็กระแทกมันเสียงดังลั่น มันล้มลงอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนว่าหยูหานเองก็จะไม่ยอมตายเด็ดขาด ในขณะนั้นหยูหานก็กลิ้งออกจากพื้นอย่างกะทันหันและรีบเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไป๋อี้

        แม้ว่าเขาจะเหยียดบุคลิกของหยูหาน แต่ไป๋อี้ก็ต้องยอมรับว่าศักยภาพและความแข็งแกร่งทางจิตใจของผู้ชายคนนี้ดีที่สุดในกลุ่มคน

        แม้ตอนนี้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาไม่นับว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจความหมายผ่านดวงตาของกันและกัน

        ในขณะที่จัดการกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งอยู่!

        เมื่อไป๋อี้หันไป ขณะนั้นตัวทากหนวดหมึกก็อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบเมตร มาร์ตินพยายามไม่วิ่งหนีเขายังคงหันหน้ามองไปที่ไป๋อี้และหวังว่าไป๋อี้จะหาทางได้

        “ล่อมันไปก่อน” ไป๋อี้กล่าว

        วูล์ฟตกลงไปข้าง ๆ จระเข้ก้ามปูยักษ์ ดูเหมือนว่าวูล์ฟจะถูกแช่อยู่ในน้ำเลือดอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าไป๋อี้จะขอให้วูล์ฟกินอย่างสิ้นหวังและเริ่มมีความหวังกับเซลล์ดัดแปลง แต่ไป๋อี้ก็ไม่มีความมั่นใจเท่าไรนัก ตอนนี้ไม่รู้ว่าวูล์ฟแค่เป็นลมหรือตายสนิทแต่ยังไงก็ตามเขาจะต้องนำตัวทากหนวดหมึกออกไปก่อน

        ไป๋อี้คว้ามีดทำครัวขึ้นมา เขาคิดว่ามันคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดในตอนนี้

        “โม่โม่ซ่อนตัวให้ดี” ขณะนี้เขาไม่มีแม้กระทั่งเวลามาดูแลโม่โม่ด้วยซ้ำ

        โชคดีที่แม้ว่าโม่โม่จะยังเล็กแต่เธอก็ค่อนข้างฉลาด ด้วยสิ่งที่หนูน้อยได้เห็นตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้จิตใจของโม่โม่ในวัยเยาว์เข้มแข็งขึ้นอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ไป๋อี้พูดจบโม่โม่ก็วิ่งไปที่บ้านพักใกล้ ๆ ทันที หนูน้อยนั่งยอง ๆ ที่มุมห้องอย่างระแวดระวังแล้วยื่นศีรษะออกไปมองไป๋อี้เงียบ ๆ ชาร์ไป่เองก็ตามไปทันทีและวิ่งไปเฝ้าอยู่ข้าง ๆ โม่โม่

        ไป๋อี้ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ แม้ว่าสถานที่นั้นจะไม่ปลอดภัยแต่หนูน้อยก็ซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี

        ไป๋อี้รีบวิ่งออกไปทันที มาร์ตินดูเป็นทุกข์มากแต่เขาก็ยังเดินตามไป ยิ่งกลัวความตายมากเท่าไหร่เขาก็จะตายเร็วขึ้นเท่านั้น หากในตอนแรกฉินข่ายรุ่ยไม่ขี้ขลาดและเลือกที่จะวิ่งหนีไปแบบนั้น หลังจากฆ่าจระเข้ก้ามปูยักษ์ตัวนั้นมีหรือจะเกิดเรื่องอะไรตามมาอีกมากมายเช่นนี้

        ขณะที่วิ่งไปไป๋อี้ก็เห็นปืนลูกซองที่ตกลงอยู่บนพื้นจึงเสียบมีดทำครัวไว้ที่เข็มขัดด้านหลังทันที จากนั้นก็หยิบปืนลูกซองขึ้นมา การดึงดูดความสนใจของมันยังพอจะเป็นประโยชน์อยู่มาก

        ไป๋อี้บรรจุปืนลูกซองและวิ่งไปอีกด้านหนึ่งของตัวทากหนวดหมึก เมื่อเห็นไป๋อี้วิ่งเข้ามาตัวทากหนวดหมึกก็เหยียดหนวดปลาหมึกออกไปหาไป๋อี้ทันที หนวดขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่ากับเอวของมนุษย์มีเมือกไหลอยู่ตลอดเวลาดูน่าขยะแขยงและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

        ปังปังปัง

        ปืนลูกซองยิงกระสุนออกไปหลายสิบนัดทำให้หนวดที่ม้วนขดเข้าหาไป๋อี้หยุดชะงักลงเล็กน้อย

        เฉียดผิวหนังเขาไปนิดเดียว จากนั้นมันก็เร่งความเร็วในการม้วนหนวดเข้าไปหาไป๋อี้ด้วยการตะแคงข้าง ไป๋อี้พยายามหลบหลีกแต่แขนขวาของเขกลับถูกจับไว้ด้วยหนวดของมัน ไป๋อี้พยายามอย่างหนักที่จะดึงแขนของเขาออกจากหนวดด้วยการสัมผัส แขนเสื้อมือขวาของไป๋อี้ถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ผิวหนังเกือบทั้งหมดบนแขนของเขาถูกย่อยจนเห็นกล้ามเนื้อข้างในที่มีเลือดไหล

        ในที่สุดก็เข้าใจว่าอาการบาดเจ็บของฉินข่ายรุ่ยและเหม่ยหลินมาจากไหน!

        ตัวดูดที่หนวดของมันเหมือนกับใบมีดขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน ไป๋อี้กลิ้งไปมาบนพื้นอย่างไม่ต้องสงสัยและรีบวิ่งไปทันที แน่นอนว่าช่วงเวลาต่อมาหนวดนั้นก็เลื้อยเข้าหาไป๋อี้อีกครั้ง ไป๋อี้หลบหลีกในขณะที่บนพื้นมีร่างเหม่ยหลินที่กำลังจะตายซึ่งเธอไม่สามารถขยับได้เธอจึงถูกมันจับได้โดยตรง

        เหม่ยหลินที่ใกล้จะตายเต็มทีก็ยังคงกลัวความตายอย่างมาก เธอดินอย่างทุรนทุราย

        “โอ้ไม่นะ ไม่ไม่…!” น้ำตาไหลนองใบหน้าของเธอและเธอพึมพำบางสิ่งที่ฟังไม่ได้ความออกมา อย่างไรก็ตามการต่อสู้แบบนี้ไร้ผลอย่างสิ้นเชิง หนวดของมันม้วนตัวเหม่ยหลินกลับเข้าไปอย่างรวดเร็วและส่งไปที่ปากใหญ่เหมือนดอกเบญจมาศของมัน

        เริ่มต้นจากศีรษะของเหม่ยหลินที่ถูกมันกลืนเข้าไป ร่างกายของเหม่ยหลินยังคงดิ้นรน ขาสองข้างของเธอสะบัดไปมาเป็นระยะ ๆ แต่ในไม่ช้ามันก็กลืนกินเข้าไปทั้งตัวอย่างสมบูรณ์

        “นั่นปากเหรอ? ฉันนึกว่าเป็นดอกเบญจมาศ!” มาร์ตินพูดขึ้นมาทันที

        “ฮะ……!” ไป๋อี้ได้ยินคำพูดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งเพราะเขาถูกกระตุ้นด้วยมุกตลกเย็นชาของมาร์ติน แต่มันก็เป็นการหัวเราะที่ไม่เต็มเสียงนัก ในเวลาแบบนี้ไม่มีใครสามารถหัวเราะได้จริง ๆ หรอก

 

                                                               ————————

                           อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+