[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 139 แผนของไป๋อี้

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 139 แผนของไป๋อี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  หลังจากสร่างเมาเรย์มอนด์ก็ไม่ได้เคอะเขินแต่อย่างใด เมื่อเขาได้รู้จักตัวตนของไป๋อี้เขาก็ตกลงที่จะเข้าร่วมกับทีมในทันที ซึ่งอันที่จริงเขาก็อยากเข้าร่วมด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้ว่าเขาจะต่อสู้ได้อย่างบ้าระห่ำ แต่เขาก็ยังคงหลีกเลี่ยงการเข้าสู่สภาวะดุร้ายโดยไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้พ่ายแพ้ให้กับเงื้อมมือของไป๋อี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าไป๋อี้จะอธิบายถึงม่านตาบุษบาผกผันของเขาให้ฟังในภายหลัง แต่เรย์มอนด์ก็ยังรู้สึกยำเกรงไป๋อี้อยู่ดี

  การเพิ่มสมาชิกใหม่หลายคนภายในระยะเวลาหลายวันมานี้ช่วยขับเคลื่อนฟันเฟืองของทีมให้แน่นขึ้น เฮลัวส์เองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับการเลือกสมาชิกด้วยความบังเอิญเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่ง แต่ในแง่ของบุคลิกภาพของพวกเขานั้นค่อนข้างดี แม้แต่ชายที่ชื่อเรย์มอนด์ก็ไม่ได้เป็นที่รังเกียจหลังจากที่ได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันแล้ว

  ในขณะนี้ไป๋อี้และทีมเริ่มดำเนินการตามเป้าหมายของพวกเขาในหุบเขาหิมะแล้ว

  มีปัญหามากมายที่ต้องเผชิญกับมนุษย์กลายพันธุ์ในนิวซีแลนด์ สิ่งที่เวร่ากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการเขียนรายการปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดแล้วนำมาเรียบเรียงลงในตารางเพื่อให้ไป๋อี้มองเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น ไป๋อี้ขอให้ทุกคนเสนอแนวคิดของตัวเองเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้และหาวิธีแก้ปัญหาที่สามารถเป็นไปได้ ไม่จำเป็นต้องลงมือทำในตอนนี้ แต่อย่างน้อยก็วางแผนแนวทางที่สมเหตุสมผลไว้เป็นวิธีที่จะกำจัดสภาพที่เป็นอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์

  ช่วงนี้ไป๋อี้ก็จะไปที่บ้านของแกรี่เป็นครั้งคราว ทั้งสองคุยถึงเรื่องนี้โดยมีเวร่าทำหน้าที่ในฐานะเลขานุการ ซึ่งก็ดูเหมือนจะช่วยไป๋อี้ได้มากทีเดียว

  หลังจากกลับมาเวร่าก็ยังต้องสอนหนังสือโม่โม่อีกด้วย โดยเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง แน่นอนว่าเนื่องจากตอนนี้เวร่าไม่ค่อยมีเวลา ลอเทียร์จึงได้ใช้เวลากับโม่โม่ นอกเหนือจากการเรียนการสอนของเด็กแล้วทั้งสองยังต้องเรียนรู้ทักษะดาบขั้นพื้นฐานอีกด้วย คนในทีมไป๋อี้ได้สรุปรูปแบบทักษะการฟันดาบอย่างเป็นระบบไว้แล้ว แม้บางทีทักษะดาบชุดนี้จะยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็พัฒนานำหน้าทุกคนไปแล้ว

  มัลวีย์กำลังง่วนอยู่กับการซ่อมแซมดาบเขี้ยว ซึ่งการซ่อมอาวุธนั้นไม่ใช่เพียงแค่นำไปแช่ในตัวทำละลายเท่านั้น

  เรย์มอนด์ วูล์ฟ และเฮลัวส์ช่วยมัลวีย์รวบรวมวัสดุสำหรับผสมตัวทำละลาย ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสามคน โดยทั่วไปแล้วคงไม่มีอันตรายใด ๆ รอบนอกหุบเขาหิมะที่จะทำอันตรายพวกเขาได้ หลังจากกลับมาถึงเรย์มอนด์ยังฟังเทคนิคดาบของไป๋อี้ไปด้วย แน่นอนว่าเรย์มอนด์ไม่ต้องการเรียนรู้มันนัก แต่ก็รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ยิ่งไปกว่านั้นทฤษฎีว่าด้วยพละกำลังนั้นมีประโยชน์มากเมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง

  อย่างไรก็ตามเวร่าและลอเทียร์ที่รับแรงโจมตีของโม่โม่ไว้ ทั้งสองคาดไม่ถึงเลยว่าโม่โม่จะมีความร้ายกาจถึงขนาดนี้

  โม่โม่จัดว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในทีม

  ถูกต้อง โม่โม่ด้อยกว่าไป๋อี้เท่านั้น แม้แต่วูล์ฟและเฮลัวส์ก็เทียบไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะโม่โม่ยังเป็นเด็กจิตใจของเธอจึงไม่วอกแวก หรือเป็นเพราะตัวโม่โม่เองก็ชื่นชอบศิลปะดาบอยู่แล้ว เธอจึงเรียนรู้อย่างพิถีพิถันมากขึ้น แน่นอนว่าความสามารถในการต่อสู้ไม่สามารถคำนวณได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่นนี้ ก่อนหน้านี้โม่โม่ยังเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในทีม แต่ตอนนี้โม่โม่มีความสามารถในการสังหารวิญญาณเนื่องด้วยเธอได้หลอมรวมเข้ากับผีเสื้อกลืนกินวิญญาณ นั่นทำให้ยากที่จะประเมินออกมาเป็นคำพูดได้

  ตอนที่เวร่าและลอทเทียร์กำลังสอนความรู้ให้แก่โม่โม่ พวกเธอก็ได้เรียนรู้ทักษะการใช้มีดดาบจากโม่โม่ด้วยเช่นกัน

  เวร่าใช้วิธีเกมแข่งขันเพื่อดูว่าใครสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ดีกว่า นั่นทำให้โม่โม่มีแรงบันดาลใจที่จะขยันเรียนหนังสือเรียนของเด็กที่รวบรวมไว้อยู่พักหนึ่ง 

  จะไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้ ภูมิหลังเดิมของลอเทียร์นั้นผิดปกติจริง ๆ แม้ว่าเธอจะอายุเพียง 15 ปี แต่เธอก็เป็นทายาทในตระกูลที่สูงศักดิ์ของนิวซีแลนด์ เธอได้รับการศึกษามามาก แม้ว่าเธอจะกลายเป็นแบบนี้ แต่เธอก็มีอุปนิสัยสงบเสงี่ยมเรียบร้อย โม่โม่ที่อยู่กับลอเทียร์ก็ได้เรียนรู้จากเธอเช่นกัน นั่นทำให้หนูน้อยค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

  ในที่สุดไป๋อี้ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ท้ายที่สุดโม่โม่ก็จะไม่ต้องเติบโตมาเป็นดั่งชายชาตรีในร่างหญิงแล้ว

  กล่าวคือ การเรียนรู้ของเด็กมีความสำคัญมากทั้งยังอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของบุคคลนั้น ๆ อีกด้วย

  ……

  ในช่วงเวลานี้ไป๋อี้ได้ปรึกษาหารือกับแกรี่ ด้วยชื่อเสียงของไป๋อี้เขาจึงเรียกให้ทุกคนในหุบเขาหิมะร่วมมือกันเพื่ออนาคตในการพัฒนามนุษยชาติ แกรี่มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแล นี่เป็นหน้าที่ที่แกรี่พึงพอใจมาก แม้ว่ามันจะทำให้ชื่อเสียงของไป๋อี้ยิ่งเลื่องชื่อลือนามขึ้นไปอีก แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้มีกำลังคนมากมาย เขามีสมาชิกเพียงไม่กี่คน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงสามารถทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นแกรี่คงจะต้องพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่

  หลังจากเตรียมตัวมาหนึ่งสัปดาห์ก็มีการประกาศในหมู่บ้านหุบเขาหิมะ ความว่าไป๋อี้มาที่หมู่บ้านหุบเขาหิมะเพื่อจะประกาศอะไรบางอย่างโดยหวังว่าสภาพที่เป็นอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดในนิวซีแลนด์ในปัจจุบันจะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง

  การปรากฏตัวของไป๋อี้เป็นที่เลื่องลือกันออกไปนานแล้ว หลังจากการประกาศครั้งนี้ทุกคนในหุบเขาหิมะต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไป๋อี้จะประกาศอะไรอีกหรือ? หลังจากทราบข่าวทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอการชุมนุมในอีกหนึ่งสัปดาห์ที่จะถึง ในการชุมนุมครั้งนี้ไป๋อี้ไม่เพียงแต่จะแจ้งข้อมูลบางอย่างเท่านั้น แต่ยังจะตอบข้อสงสัยบางประการอีกด้วย

  ในสัปดาห์นี้เวร่าได้ช่วยไป๋อี้จัดระเบียบข้อมูลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงทำให้ตอนนี้ไป๋อี้สามารถยืนยันได้อีกครั้งว่าเธอเป็นผู้ช่วยที่ดีจริง ๆ เป็นความโชคดียิ่งแล้วที่ได้พบกับเวร่า แม้ว่าเธอจะไม่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้มากนัก แต่ความสามารถในการวางแผนและจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมทิ้งห่างคนอื่นไปหลายช่วงตึกเลยทีเดียว

  หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่ไป๋อี้และพรรคพวกเข้ามาในหุบเขาหิมะ ในเช้าของการชุมนุม มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดมารวมตัวที่จัตุรัสกลางหมู่บ้านก่อนเวลาที่กำหนดเสียอีก พวกเขาพูดคุยกันเซ็งแซ่ว่าไป๋อี้จะประกาศอะไรต่อจากนี้

  ประการแรกแกรี่ซึ่งเป็นผู้นำของหุบเขาหิมะได้ขึ้นไปพูดสองสามคำ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความนิยมมากนัก แกรี่เห็นว่าถ้าเขาพูดต่อไปอาจจะเกิดการต่อต้าน ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ไป๋อี้ขึ้นมาบนเวที

  “ผมคือไป๋อี้!” หลังจากที่ไป๋อี้ขึ้นเวที เขาก็ไม่ได้พูดประโยคที่น่าเบื่อทั้งหลาย แต่เขาพูดตรงไปตรงมาและเข้าประเด็นทันที

  “บางทีพวกคุณอาจจะสงสัยมากว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ เช่นนั้น ผมจะบอกพวกคุณว่าสาเหตุที่ผมมายืนอยู่ที่นี่เป็นเพราะ “อนาคต” …… ของพวกเรามนุษย์กลายพันธุ์ทุกคน!” ถึงน้ำเสียงของไป๋อี้จะไม่ได้มีความหนักแน่นมากมายเท่าไหร่นัก แต่ก็หนักแน่นพอที่จะกระแทกใจทุกคนราวกับโดนค้อนทุบ บรรดาผู้ที่เดิมทีไม่เห็นด้วยกับไป๋อี้ต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเป็นศูนย์รวมจิตใจของเขา

  “นี่คือรายการช่วงเวลาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” ไป๋อี้สะบัดตารางเวลาออกมา

  วันที่ 23 เดือนมีนาคม ปี 2020 เซลล์ดัดแปลงแพร่กระจายมาจากร่างแม่แบบทดลอง เซลล์ดัดแปลงได้ปะทุขึ้นแทบทั่วทั้งนิวซีแลนด์และน่านน้ำโดยรอบ 1-2 วันถัดมาเซลล์ดัดแปลงที่แฝงอยู่ในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายถูกกระตุ้นและเข้าสู่ระยะหิวโหย

  วันที่ 27 เดือนมีนาคม – วันที่ 1 เดือนตุลาคม ปี 2020 เป็นเวลากว่าครึ่งปีซึ่งเป็นช่วงที่ยากที่สุดสำหรับมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายนั่นคือการเข้าสู่ระยะหิวโหย

  ร่างกายต้องการอาหารและสารอาหารทุกชนิดอย่างบ้าคลั่ง แต่ทั่วทั้งนิวซีแลนด์นั้นมีอาหารอย่างจำกัด ดังนั้นการต่อสู้นองเลือดทุกรูปแบบจึงเกิดขึ้น รวมทั้งการแก่งแย่งและการสวาปามอาหารทั้งหลายด้วยเช่นกัน

        ในขั้นตอนนี้มนุษย์ทุกคนเริ่มผสานรวมกับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และค่อย ๆ กลายเป็นสัตว์ประหลาด การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หลายคนถึงกับคุ้มคลั่งและไม่สามารถยอมรับมันได้

  ในครึ่งปีนี้คาดว่ามีผู้เสียชีวิตในนิวซีแลนด์มากกว่า 5 ล้านคนด้วยสาเหตุต่าง ๆ บางคนอาจบอกว่า 5 ล้านคนนั้นไม่มาก แต่นี่คืออัตรามากกว่า 80% ของประชากรนิวซีแลนด์เลยทีเดียว

  หกเดือนหลังจากการแพร่กระจายของเซลล์ดัดแปลง การบริโภคอาหารของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็เริ่มคงที่ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเพราะมนุษย์และสัตว์ที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหลายได้เริ่มเข้าสู่ระยะดุร้าย LV1-2 กันแล้ว

  ความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณจะทำให้สิ่งมีชีวิตเข้าสู่สภาวะดุร้ายอย่างอธิบายไม่ได้ และยิ่งเข้าสู่สภาวะดุร้ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฟื้นคืนสติได้ยากยิ่งขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะไปโดยปริยาย

  จนถึงตอนนี้ วันที่ 11 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 แม้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ยังมีชีวิตอยู่จะค่อย ๆ คุ้นเคยกับสถานการณ์ปัจจุบันในนิวซีแลนด์แล้ว แต่ก็ยังห่างไกลจากการดำรงชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามกล่าวได้เพียงว่า——เป็นการต่อสู้ดิ้นรนมากกว่า!

  “ถูกต้องแล้วล่ะ นี่คือการต่อสู้ดิ้นรน!”

  น้ำเสียงของไป๋อี้นั้นเย็นชาและเศร้าสลด เสียงที่สั่นสะเครือของเขาดูเหมือนจะนำพาให้จิตใจของทุกคนเข้าสู่โลกใบนั้น เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว ทุกคนรอดชีวิตจากนิวซีแลนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกคนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงทุกสิ่งที่ผ่านมา หลังจากนั้นความรู้สึกกลัวก็แผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

  ต่อสู้ดิ้นรน!

  “ไม่มีใครมาช่วยพวกเรา ไม่มีใครเลย สิ่งเดียวที่จะช่วยพวกเราได้คือตัวเราเอง” ไป๋อี้กล่าว ไป๋อี้ค่อยๆ ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่ฉากซึ่งบรรยายด้วยภาษาของเขาเองด้วยความหนักแน่นและจริงจังอย่างไม่รู้ตัว

  “มีผู้คนจำนวนมากที่นี่ บางทีเราอาจจะได้เรียนรู้สภาพที่เป็นอยู่ของโลกภายนอกจากบางช่องทาง นิวซีแลนด์ได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการแล้วในนามเกาะปีศาจ ในโลกภายนอกผู้คนจะไม่มาช่วยเราเพราะที่นี่ได้กลายเป็นอุทยานนิเวศวิทยาธรรมชาติแห่งชาติเพื่อการวิจัยการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดัดแปลงจากความร่วมมือจากนานาประเทศ”

  “อย่างไรก็ตามพวกเราสามารถช่วยตัวเองได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งการช่วยเหลือจากผู้อื่น” ไป๋อี้บีบมือขวาเข้าหากัน

  ดูแลช่วยเหลือตนเอง!

  “หัวหน้าไป๋อี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” ในตอนนี้แม้แต่คนที่มีอคติกับไป๋อี้มาก่อนก็อดไม่ได้ที่จะรอคำอธิบายของเขา พวกเขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อออกจากนิวซีแลนด์ที่ตอนนี้ถูกขนานนามว่าเกาะปีศาจ? ไป๋อี้กดมือของเขาลงและในไม่ช้าฝูงชนด้านล่างก็ค่อย ๆ สงบลง

  “สำหรับเรื่องนี้ผมได้วางแผนอย่างเรียบง่ายไว้แล้ว อย่างไรก็ตามข้อกำหนดที่ควรจะเป็นยังต้องให้ทุกท่านปรับปรุงให้มันสมบูรณ์แบบ” ไป๋อี้เผยรายการอื่น ๆ ขึ้นมาอีก

  1.การดำรงชีวิตอยู่!

  ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่ เพราะการมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่ทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนต้องทำตอนนี้คือพยายามดำรงชีวิตอยู่ให้ถึงที่สุด

  2.การปกป้อง!

  ปกป้องความผู้มีความสามารถที่อยู่ท่ามกลางมนุษย์กลายพันธุ์ให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกแง่มุม  อย่าเพิกเฉยเพียงเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับนิวซีแลนด์ในปัจจุบันนี้ ในบรรดาเรื่องเหล่านี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถด้านชีววิทยาโดยเฉพาะนักวิจัยที่เคยมีส่วนร่วมในการวิจัยเซลล์ดัดแปลงมาก่อน แม้ว่าผมจะโกรธแค้นพวกเขามาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสามารถเหล่านี้จะทำให้เรามีโอกาสที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับยาที่ช่วยทุกคนฟื้นฟูคืนร่างมนุษย์ได้

  3.การสื่อสาร!

  นิวซีแลนด์ไม่ควรกลายเป็นเกาะปีศาจที่โดดเดี่ยว แม้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลายจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะในตัวเองและต้องการการสนับสนุนจากมนุษย์ภายนอก ดังนั้นการสื่อสารบนเครือข่ายกับโลกภายนอกจำเป็นต้องถูกสร้างขึ้นมาใหม่

  4.การสร้างใหม่!

  รวบรวมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวัสดุของนิวซีแลนด์ที่ผ่านมาและสร้างถิ่นฐานใหม่ที่ปลอดภัยของมนุษย์

  5.การศึกษาวิจัย!

  มนุษย์กลายพันธุ์ต้องการกลับสู่โลกปกติ พวกเราต้องควบคุมความดุร้ายของตัวเองและรูปลักษณ์ที่เป็นสัตว์ประหลาดในตอนนี้ ดังนั้นแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ในปัจจุบันจะเกิดจากการศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลง อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ในทางตรงกันข้ามเราต้องทำการวิจัยอย่างลึกซึ้งเพื่อหาทางแก้ไข

  เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ต้องการสภาพแวดล้อมที่มั่นคง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาก่อน

  6.……

  ไป๋อี้พูดอย่างช้า ๆ ขณะนี้ทั่วทิศทางต่างก็ตั้งใจฟังรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างจริงจัง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 139 แผนของไป๋อี้

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 139 แผนของไป๋อี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  หลังจากสร่างเมาเรย์มอนด์ก็ไม่ได้เคอะเขินแต่อย่างใด เมื่อเขาได้รู้จักตัวตนของไป๋อี้เขาก็ตกลงที่จะเข้าร่วมกับทีมในทันที ซึ่งอันที่จริงเขาก็อยากเข้าร่วมด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้ว่าเขาจะต่อสู้ได้อย่างบ้าระห่ำ แต่เขาก็ยังคงหลีกเลี่ยงการเข้าสู่สภาวะดุร้ายโดยไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้พ่ายแพ้ให้กับเงื้อมมือของไป๋อี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าไป๋อี้จะอธิบายถึงม่านตาบุษบาผกผันของเขาให้ฟังในภายหลัง แต่เรย์มอนด์ก็ยังรู้สึกยำเกรงไป๋อี้อยู่ดี

  การเพิ่มสมาชิกใหม่หลายคนภายในระยะเวลาหลายวันมานี้ช่วยขับเคลื่อนฟันเฟืองของทีมให้แน่นขึ้น เฮลัวส์เองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับการเลือกสมาชิกด้วยความบังเอิญเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่ง แต่ในแง่ของบุคลิกภาพของพวกเขานั้นค่อนข้างดี แม้แต่ชายที่ชื่อเรย์มอนด์ก็ไม่ได้เป็นที่รังเกียจหลังจากที่ได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันแล้ว

  ในขณะนี้ไป๋อี้และทีมเริ่มดำเนินการตามเป้าหมายของพวกเขาในหุบเขาหิมะแล้ว

  มีปัญหามากมายที่ต้องเผชิญกับมนุษย์กลายพันธุ์ในนิวซีแลนด์ สิ่งที่เวร่ากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการเขียนรายการปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดแล้วนำมาเรียบเรียงลงในตารางเพื่อให้ไป๋อี้มองเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น ไป๋อี้ขอให้ทุกคนเสนอแนวคิดของตัวเองเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้และหาวิธีแก้ปัญหาที่สามารถเป็นไปได้ ไม่จำเป็นต้องลงมือทำในตอนนี้ แต่อย่างน้อยก็วางแผนแนวทางที่สมเหตุสมผลไว้เป็นวิธีที่จะกำจัดสภาพที่เป็นอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์

  ช่วงนี้ไป๋อี้ก็จะไปที่บ้านของแกรี่เป็นครั้งคราว ทั้งสองคุยถึงเรื่องนี้โดยมีเวร่าทำหน้าที่ในฐานะเลขานุการ ซึ่งก็ดูเหมือนจะช่วยไป๋อี้ได้มากทีเดียว

  หลังจากกลับมาเวร่าก็ยังต้องสอนหนังสือโม่โม่อีกด้วย โดยเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง แน่นอนว่าเนื่องจากตอนนี้เวร่าไม่ค่อยมีเวลา ลอเทียร์จึงได้ใช้เวลากับโม่โม่ นอกเหนือจากการเรียนการสอนของเด็กแล้วทั้งสองยังต้องเรียนรู้ทักษะดาบขั้นพื้นฐานอีกด้วย คนในทีมไป๋อี้ได้สรุปรูปแบบทักษะการฟันดาบอย่างเป็นระบบไว้แล้ว แม้บางทีทักษะดาบชุดนี้จะยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็พัฒนานำหน้าทุกคนไปแล้ว

  มัลวีย์กำลังง่วนอยู่กับการซ่อมแซมดาบเขี้ยว ซึ่งการซ่อมอาวุธนั้นไม่ใช่เพียงแค่นำไปแช่ในตัวทำละลายเท่านั้น

  เรย์มอนด์ วูล์ฟ และเฮลัวส์ช่วยมัลวีย์รวบรวมวัสดุสำหรับผสมตัวทำละลาย ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสามคน โดยทั่วไปแล้วคงไม่มีอันตรายใด ๆ รอบนอกหุบเขาหิมะที่จะทำอันตรายพวกเขาได้ หลังจากกลับมาถึงเรย์มอนด์ยังฟังเทคนิคดาบของไป๋อี้ไปด้วย แน่นอนว่าเรย์มอนด์ไม่ต้องการเรียนรู้มันนัก แต่ก็รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ยิ่งไปกว่านั้นทฤษฎีว่าด้วยพละกำลังนั้นมีประโยชน์มากเมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง

  อย่างไรก็ตามเวร่าและลอเทียร์ที่รับแรงโจมตีของโม่โม่ไว้ ทั้งสองคาดไม่ถึงเลยว่าโม่โม่จะมีความร้ายกาจถึงขนาดนี้

  โม่โม่จัดว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในทีม

  ถูกต้อง โม่โม่ด้อยกว่าไป๋อี้เท่านั้น แม้แต่วูล์ฟและเฮลัวส์ก็เทียบไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะโม่โม่ยังเป็นเด็กจิตใจของเธอจึงไม่วอกแวก หรือเป็นเพราะตัวโม่โม่เองก็ชื่นชอบศิลปะดาบอยู่แล้ว เธอจึงเรียนรู้อย่างพิถีพิถันมากขึ้น แน่นอนว่าความสามารถในการต่อสู้ไม่สามารถคำนวณได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่นนี้ ก่อนหน้านี้โม่โม่ยังเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในทีม แต่ตอนนี้โม่โม่มีความสามารถในการสังหารวิญญาณเนื่องด้วยเธอได้หลอมรวมเข้ากับผีเสื้อกลืนกินวิญญาณ นั่นทำให้ยากที่จะประเมินออกมาเป็นคำพูดได้

  ตอนที่เวร่าและลอทเทียร์กำลังสอนความรู้ให้แก่โม่โม่ พวกเธอก็ได้เรียนรู้ทักษะการใช้มีดดาบจากโม่โม่ด้วยเช่นกัน

  เวร่าใช้วิธีเกมแข่งขันเพื่อดูว่าใครสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ดีกว่า นั่นทำให้โม่โม่มีแรงบันดาลใจที่จะขยันเรียนหนังสือเรียนของเด็กที่รวบรวมไว้อยู่พักหนึ่ง 

  จะไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้ ภูมิหลังเดิมของลอเทียร์นั้นผิดปกติจริง ๆ แม้ว่าเธอจะอายุเพียง 15 ปี แต่เธอก็เป็นทายาทในตระกูลที่สูงศักดิ์ของนิวซีแลนด์ เธอได้รับการศึกษามามาก แม้ว่าเธอจะกลายเป็นแบบนี้ แต่เธอก็มีอุปนิสัยสงบเสงี่ยมเรียบร้อย โม่โม่ที่อยู่กับลอเทียร์ก็ได้เรียนรู้จากเธอเช่นกัน นั่นทำให้หนูน้อยค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

  ในที่สุดไป๋อี้ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ท้ายที่สุดโม่โม่ก็จะไม่ต้องเติบโตมาเป็นดั่งชายชาตรีในร่างหญิงแล้ว

  กล่าวคือ การเรียนรู้ของเด็กมีความสำคัญมากทั้งยังอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของบุคคลนั้น ๆ อีกด้วย

  ……

  ในช่วงเวลานี้ไป๋อี้ได้ปรึกษาหารือกับแกรี่ ด้วยชื่อเสียงของไป๋อี้เขาจึงเรียกให้ทุกคนในหุบเขาหิมะร่วมมือกันเพื่ออนาคตในการพัฒนามนุษยชาติ แกรี่มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแล นี่เป็นหน้าที่ที่แกรี่พึงพอใจมาก แม้ว่ามันจะทำให้ชื่อเสียงของไป๋อี้ยิ่งเลื่องชื่อลือนามขึ้นไปอีก แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้มีกำลังคนมากมาย เขามีสมาชิกเพียงไม่กี่คน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงสามารถทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นแกรี่คงจะต้องพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่

  หลังจากเตรียมตัวมาหนึ่งสัปดาห์ก็มีการประกาศในหมู่บ้านหุบเขาหิมะ ความว่าไป๋อี้มาที่หมู่บ้านหุบเขาหิมะเพื่อจะประกาศอะไรบางอย่างโดยหวังว่าสภาพที่เป็นอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดในนิวซีแลนด์ในปัจจุบันจะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง

  การปรากฏตัวของไป๋อี้เป็นที่เลื่องลือกันออกไปนานแล้ว หลังจากการประกาศครั้งนี้ทุกคนในหุบเขาหิมะต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไป๋อี้จะประกาศอะไรอีกหรือ? หลังจากทราบข่าวทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอการชุมนุมในอีกหนึ่งสัปดาห์ที่จะถึง ในการชุมนุมครั้งนี้ไป๋อี้ไม่เพียงแต่จะแจ้งข้อมูลบางอย่างเท่านั้น แต่ยังจะตอบข้อสงสัยบางประการอีกด้วย

  ในสัปดาห์นี้เวร่าได้ช่วยไป๋อี้จัดระเบียบข้อมูลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงทำให้ตอนนี้ไป๋อี้สามารถยืนยันได้อีกครั้งว่าเธอเป็นผู้ช่วยที่ดีจริง ๆ เป็นความโชคดียิ่งแล้วที่ได้พบกับเวร่า แม้ว่าเธอจะไม่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้มากนัก แต่ความสามารถในการวางแผนและจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมทิ้งห่างคนอื่นไปหลายช่วงตึกเลยทีเดียว

  หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่ไป๋อี้และพรรคพวกเข้ามาในหุบเขาหิมะ ในเช้าของการชุมนุม มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดมารวมตัวที่จัตุรัสกลางหมู่บ้านก่อนเวลาที่กำหนดเสียอีก พวกเขาพูดคุยกันเซ็งแซ่ว่าไป๋อี้จะประกาศอะไรต่อจากนี้

  ประการแรกแกรี่ซึ่งเป็นผู้นำของหุบเขาหิมะได้ขึ้นไปพูดสองสามคำ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความนิยมมากนัก แกรี่เห็นว่าถ้าเขาพูดต่อไปอาจจะเกิดการต่อต้าน ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ไป๋อี้ขึ้นมาบนเวที

  “ผมคือไป๋อี้!” หลังจากที่ไป๋อี้ขึ้นเวที เขาก็ไม่ได้พูดประโยคที่น่าเบื่อทั้งหลาย แต่เขาพูดตรงไปตรงมาและเข้าประเด็นทันที

  “บางทีพวกคุณอาจจะสงสัยมากว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ เช่นนั้น ผมจะบอกพวกคุณว่าสาเหตุที่ผมมายืนอยู่ที่นี่เป็นเพราะ “อนาคต” …… ของพวกเรามนุษย์กลายพันธุ์ทุกคน!” ถึงน้ำเสียงของไป๋อี้จะไม่ได้มีความหนักแน่นมากมายเท่าไหร่นัก แต่ก็หนักแน่นพอที่จะกระแทกใจทุกคนราวกับโดนค้อนทุบ บรรดาผู้ที่เดิมทีไม่เห็นด้วยกับไป๋อี้ต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเป็นศูนย์รวมจิตใจของเขา

  “นี่คือรายการช่วงเวลาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” ไป๋อี้สะบัดตารางเวลาออกมา

  วันที่ 23 เดือนมีนาคม ปี 2020 เซลล์ดัดแปลงแพร่กระจายมาจากร่างแม่แบบทดลอง เซลล์ดัดแปลงได้ปะทุขึ้นแทบทั่วทั้งนิวซีแลนด์และน่านน้ำโดยรอบ 1-2 วันถัดมาเซลล์ดัดแปลงที่แฝงอยู่ในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายถูกกระตุ้นและเข้าสู่ระยะหิวโหย

  วันที่ 27 เดือนมีนาคม – วันที่ 1 เดือนตุลาคม ปี 2020 เป็นเวลากว่าครึ่งปีซึ่งเป็นช่วงที่ยากที่สุดสำหรับมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายนั่นคือการเข้าสู่ระยะหิวโหย

  ร่างกายต้องการอาหารและสารอาหารทุกชนิดอย่างบ้าคลั่ง แต่ทั่วทั้งนิวซีแลนด์นั้นมีอาหารอย่างจำกัด ดังนั้นการต่อสู้นองเลือดทุกรูปแบบจึงเกิดขึ้น รวมทั้งการแก่งแย่งและการสวาปามอาหารทั้งหลายด้วยเช่นกัน

        ในขั้นตอนนี้มนุษย์ทุกคนเริ่มผสานรวมกับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และค่อย ๆ กลายเป็นสัตว์ประหลาด การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หลายคนถึงกับคุ้มคลั่งและไม่สามารถยอมรับมันได้

  ในครึ่งปีนี้คาดว่ามีผู้เสียชีวิตในนิวซีแลนด์มากกว่า 5 ล้านคนด้วยสาเหตุต่าง ๆ บางคนอาจบอกว่า 5 ล้านคนนั้นไม่มาก แต่นี่คืออัตรามากกว่า 80% ของประชากรนิวซีแลนด์เลยทีเดียว

  หกเดือนหลังจากการแพร่กระจายของเซลล์ดัดแปลง การบริโภคอาหารของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็เริ่มคงที่ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเพราะมนุษย์และสัตว์ที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหลายได้เริ่มเข้าสู่ระยะดุร้าย LV1-2 กันแล้ว

  ความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณจะทำให้สิ่งมีชีวิตเข้าสู่สภาวะดุร้ายอย่างอธิบายไม่ได้ และยิ่งเข้าสู่สภาวะดุร้ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฟื้นคืนสติได้ยากยิ่งขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะไปโดยปริยาย

  จนถึงตอนนี้ วันที่ 11 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 แม้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ยังมีชีวิตอยู่จะค่อย ๆ คุ้นเคยกับสถานการณ์ปัจจุบันในนิวซีแลนด์แล้ว แต่ก็ยังห่างไกลจากการดำรงชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามกล่าวได้เพียงว่า——เป็นการต่อสู้ดิ้นรนมากกว่า!

  “ถูกต้องแล้วล่ะ นี่คือการต่อสู้ดิ้นรน!”

  น้ำเสียงของไป๋อี้นั้นเย็นชาและเศร้าสลด เสียงที่สั่นสะเครือของเขาดูเหมือนจะนำพาให้จิตใจของทุกคนเข้าสู่โลกใบนั้น เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว ทุกคนรอดชีวิตจากนิวซีแลนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกคนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงทุกสิ่งที่ผ่านมา หลังจากนั้นความรู้สึกกลัวก็แผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

  ต่อสู้ดิ้นรน!

  “ไม่มีใครมาช่วยพวกเรา ไม่มีใครเลย สิ่งเดียวที่จะช่วยพวกเราได้คือตัวเราเอง” ไป๋อี้กล่าว ไป๋อี้ค่อยๆ ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่ฉากซึ่งบรรยายด้วยภาษาของเขาเองด้วยความหนักแน่นและจริงจังอย่างไม่รู้ตัว

  “มีผู้คนจำนวนมากที่นี่ บางทีเราอาจจะได้เรียนรู้สภาพที่เป็นอยู่ของโลกภายนอกจากบางช่องทาง นิวซีแลนด์ได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการแล้วในนามเกาะปีศาจ ในโลกภายนอกผู้คนจะไม่มาช่วยเราเพราะที่นี่ได้กลายเป็นอุทยานนิเวศวิทยาธรรมชาติแห่งชาติเพื่อการวิจัยการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดัดแปลงจากความร่วมมือจากนานาประเทศ”

  “อย่างไรก็ตามพวกเราสามารถช่วยตัวเองได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งการช่วยเหลือจากผู้อื่น” ไป๋อี้บีบมือขวาเข้าหากัน

  ดูแลช่วยเหลือตนเอง!

  “หัวหน้าไป๋อี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” ในตอนนี้แม้แต่คนที่มีอคติกับไป๋อี้มาก่อนก็อดไม่ได้ที่จะรอคำอธิบายของเขา พวกเขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อออกจากนิวซีแลนด์ที่ตอนนี้ถูกขนานนามว่าเกาะปีศาจ? ไป๋อี้กดมือของเขาลงและในไม่ช้าฝูงชนด้านล่างก็ค่อย ๆ สงบลง

  “สำหรับเรื่องนี้ผมได้วางแผนอย่างเรียบง่ายไว้แล้ว อย่างไรก็ตามข้อกำหนดที่ควรจะเป็นยังต้องให้ทุกท่านปรับปรุงให้มันสมบูรณ์แบบ” ไป๋อี้เผยรายการอื่น ๆ ขึ้นมาอีก

  1.การดำรงชีวิตอยู่!

  ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่ เพราะการมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่ทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนต้องทำตอนนี้คือพยายามดำรงชีวิตอยู่ให้ถึงที่สุด

  2.การปกป้อง!

  ปกป้องความผู้มีความสามารถที่อยู่ท่ามกลางมนุษย์กลายพันธุ์ให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกแง่มุม  อย่าเพิกเฉยเพียงเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับนิวซีแลนด์ในปัจจุบันนี้ ในบรรดาเรื่องเหล่านี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถด้านชีววิทยาโดยเฉพาะนักวิจัยที่เคยมีส่วนร่วมในการวิจัยเซลล์ดัดแปลงมาก่อน แม้ว่าผมจะโกรธแค้นพวกเขามาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสามารถเหล่านี้จะทำให้เรามีโอกาสที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับยาที่ช่วยทุกคนฟื้นฟูคืนร่างมนุษย์ได้

  3.การสื่อสาร!

  นิวซีแลนด์ไม่ควรกลายเป็นเกาะปีศาจที่โดดเดี่ยว แม้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลายจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะในตัวเองและต้องการการสนับสนุนจากมนุษย์ภายนอก ดังนั้นการสื่อสารบนเครือข่ายกับโลกภายนอกจำเป็นต้องถูกสร้างขึ้นมาใหม่

  4.การสร้างใหม่!

  รวบรวมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวัสดุของนิวซีแลนด์ที่ผ่านมาและสร้างถิ่นฐานใหม่ที่ปลอดภัยของมนุษย์

  5.การศึกษาวิจัย!

  มนุษย์กลายพันธุ์ต้องการกลับสู่โลกปกติ พวกเราต้องควบคุมความดุร้ายของตัวเองและรูปลักษณ์ที่เป็นสัตว์ประหลาดในตอนนี้ ดังนั้นแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ในปัจจุบันจะเกิดจากการศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลง อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ในทางตรงกันข้ามเราต้องทำการวิจัยอย่างลึกซึ้งเพื่อหาทางแก้ไข

  เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ต้องการสภาพแวดล้อมที่มั่นคง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาก่อน

  6.……

  ไป๋อี้พูดอย่างช้า ๆ ขณะนี้ทั่วทิศทางต่างก็ตั้งใจฟังรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างจริงจัง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 139 แผนของไป๋อี้

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 139 แผนของไป๋อี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  หลังจากสร่างเมาเรย์มอนด์ก็ไม่ได้เคอะเขินแต่อย่างใด เมื่อเขาได้รู้จักตัวตนของไป๋อี้เขาก็ตกลงที่จะเข้าร่วมกับทีมในทันที ซึ่งอันที่จริงเขาก็อยากเข้าร่วมด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้ว่าเขาจะต่อสู้ได้อย่างบ้าระห่ำ แต่เขาก็ยังคงหลีกเลี่ยงการเข้าสู่สภาวะดุร้ายโดยไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้พ่ายแพ้ให้กับเงื้อมมือของไป๋อี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้ว่าไป๋อี้จะอธิบายถึงม่านตาบุษบาผกผันของเขาให้ฟังในภายหลัง แต่เรย์มอนด์ก็ยังรู้สึกยำเกรงไป๋อี้อยู่ดี

  การเพิ่มสมาชิกใหม่หลายคนภายในระยะเวลาหลายวันมานี้ช่วยขับเคลื่อนฟันเฟืองของทีมให้แน่นขึ้น เฮลัวส์เองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับการเลือกสมาชิกด้วยความบังเอิญเช่นนี้ โดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่ง แต่ในแง่ของบุคลิกภาพของพวกเขานั้นค่อนข้างดี แม้แต่ชายที่ชื่อเรย์มอนด์ก็ไม่ได้เป็นที่รังเกียจหลังจากที่ได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันแล้ว

  ในขณะนี้ไป๋อี้และทีมเริ่มดำเนินการตามเป้าหมายของพวกเขาในหุบเขาหิมะแล้ว

  มีปัญหามากมายที่ต้องเผชิญกับมนุษย์กลายพันธุ์ในนิวซีแลนด์ สิ่งที่เวร่ากำลังทำอยู่ตอนนี้คือการเขียนรายการปัญหาเหล่านี้ทั้งหมดแล้วนำมาเรียบเรียงลงในตารางเพื่อให้ไป๋อี้มองเห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น ไป๋อี้ขอให้ทุกคนเสนอแนวคิดของตัวเองเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้และหาวิธีแก้ปัญหาที่สามารถเป็นไปได้ ไม่จำเป็นต้องลงมือทำในตอนนี้ แต่อย่างน้อยก็วางแผนแนวทางที่สมเหตุสมผลไว้เป็นวิธีที่จะกำจัดสภาพที่เป็นอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์

  ช่วงนี้ไป๋อี้ก็จะไปที่บ้านของแกรี่เป็นครั้งคราว ทั้งสองคุยถึงเรื่องนี้โดยมีเวร่าทำหน้าที่ในฐานะเลขานุการ ซึ่งก็ดูเหมือนจะช่วยไป๋อี้ได้มากทีเดียว

  หลังจากกลับมาเวร่าก็ยังต้องสอนหนังสือโม่โม่อีกด้วย โดยเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง แน่นอนว่าเนื่องจากตอนนี้เวร่าไม่ค่อยมีเวลา ลอเทียร์จึงได้ใช้เวลากับโม่โม่ นอกเหนือจากการเรียนการสอนของเด็กแล้วทั้งสองยังต้องเรียนรู้ทักษะดาบขั้นพื้นฐานอีกด้วย คนในทีมไป๋อี้ได้สรุปรูปแบบทักษะการฟันดาบอย่างเป็นระบบไว้แล้ว แม้บางทีทักษะดาบชุดนี้จะยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาก็พัฒนานำหน้าทุกคนไปแล้ว

  มัลวีย์กำลังง่วนอยู่กับการซ่อมแซมดาบเขี้ยว ซึ่งการซ่อมอาวุธนั้นไม่ใช่เพียงแค่นำไปแช่ในตัวทำละลายเท่านั้น

  เรย์มอนด์ วูล์ฟ และเฮลัวส์ช่วยมัลวีย์รวบรวมวัสดุสำหรับผสมตัวทำละลาย ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสามคน โดยทั่วไปแล้วคงไม่มีอันตรายใด ๆ รอบนอกหุบเขาหิมะที่จะทำอันตรายพวกเขาได้ หลังจากกลับมาถึงเรย์มอนด์ยังฟังเทคนิคดาบของไป๋อี้ไปด้วย แน่นอนว่าเรย์มอนด์ไม่ต้องการเรียนรู้มันนัก แต่ก็รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ยิ่งไปกว่านั้นทฤษฎีว่าด้วยพละกำลังนั้นมีประโยชน์มากเมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเอง

  อย่างไรก็ตามเวร่าและลอเทียร์ที่รับแรงโจมตีของโม่โม่ไว้ ทั้งสองคาดไม่ถึงเลยว่าโม่โม่จะมีความร้ายกาจถึงขนาดนี้

  โม่โม่จัดว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองในทีม

  ถูกต้อง โม่โม่ด้อยกว่าไป๋อี้เท่านั้น แม้แต่วูล์ฟและเฮลัวส์ก็เทียบไม่ได้ บางทีอาจเป็นเพราะโม่โม่ยังเป็นเด็กจิตใจของเธอจึงไม่วอกแวก หรือเป็นเพราะตัวโม่โม่เองก็ชื่นชอบศิลปะดาบอยู่แล้ว เธอจึงเรียนรู้อย่างพิถีพิถันมากขึ้น แน่นอนว่าความสามารถในการต่อสู้ไม่สามารถคำนวณได้ด้วยวิธีง่าย ๆ เช่นนี้ ก่อนหน้านี้โม่โม่ยังเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในทีม แต่ตอนนี้โม่โม่มีความสามารถในการสังหารวิญญาณเนื่องด้วยเธอได้หลอมรวมเข้ากับผีเสื้อกลืนกินวิญญาณ นั่นทำให้ยากที่จะประเมินออกมาเป็นคำพูดได้

  ตอนที่เวร่าและลอทเทียร์กำลังสอนความรู้ให้แก่โม่โม่ พวกเธอก็ได้เรียนรู้ทักษะการใช้มีดดาบจากโม่โม่ด้วยเช่นกัน

  เวร่าใช้วิธีเกมแข่งขันเพื่อดูว่าใครสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ดีกว่า นั่นทำให้โม่โม่มีแรงบันดาลใจที่จะขยันเรียนหนังสือเรียนของเด็กที่รวบรวมไว้อยู่พักหนึ่ง 

  จะไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้ ภูมิหลังเดิมของลอเทียร์นั้นผิดปกติจริง ๆ แม้ว่าเธอจะอายุเพียง 15 ปี แต่เธอก็เป็นทายาทในตระกูลที่สูงศักดิ์ของนิวซีแลนด์ เธอได้รับการศึกษามามาก แม้ว่าเธอจะกลายเป็นแบบนี้ แต่เธอก็มีอุปนิสัยสงบเสงี่ยมเรียบร้อย โม่โม่ที่อยู่กับลอเทียร์ก็ได้เรียนรู้จากเธอเช่นกัน นั่นทำให้หนูน้อยค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

  ในที่สุดไป๋อี้ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ท้ายที่สุดโม่โม่ก็จะไม่ต้องเติบโตมาเป็นดั่งชายชาตรีในร่างหญิงแล้ว

  กล่าวคือ การเรียนรู้ของเด็กมีความสำคัญมากทั้งยังอาจส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของบุคคลนั้น ๆ อีกด้วย

  ……

  ในช่วงเวลานี้ไป๋อี้ได้ปรึกษาหารือกับแกรี่ ด้วยชื่อเสียงของไป๋อี้เขาจึงเรียกให้ทุกคนในหุบเขาหิมะร่วมมือกันเพื่ออนาคตในการพัฒนามนุษยชาติ แกรี่มีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแล นี่เป็นหน้าที่ที่แกรี่พึงพอใจมาก แม้ว่ามันจะทำให้ชื่อเสียงของไป๋อี้ยิ่งเลื่องชื่อลือนามขึ้นไปอีก แต่ไป๋อี้ก็ไม่ได้มีกำลังคนมากมาย เขามีสมาชิกเพียงไม่กี่คน ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงสามารถทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นแกรี่คงจะต้องพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่

  หลังจากเตรียมตัวมาหนึ่งสัปดาห์ก็มีการประกาศในหมู่บ้านหุบเขาหิมะ ความว่าไป๋อี้มาที่หมู่บ้านหุบเขาหิมะเพื่อจะประกาศอะไรบางอย่างโดยหวังว่าสภาพที่เป็นอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดในนิวซีแลนด์ในปัจจุบันจะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้บ้าง

  การปรากฏตัวของไป๋อี้เป็นที่เลื่องลือกันออกไปนานแล้ว หลังจากการประกาศครั้งนี้ทุกคนในหุบเขาหิมะต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไป๋อี้จะประกาศอะไรอีกหรือ? หลังจากทราบข่าวทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอการชุมนุมในอีกหนึ่งสัปดาห์ที่จะถึง ในการชุมนุมครั้งนี้ไป๋อี้ไม่เพียงแต่จะแจ้งข้อมูลบางอย่างเท่านั้น แต่ยังจะตอบข้อสงสัยบางประการอีกด้วย

  ในสัปดาห์นี้เวร่าได้ช่วยไป๋อี้จัดระเบียบข้อมูลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงทำให้ตอนนี้ไป๋อี้สามารถยืนยันได้อีกครั้งว่าเธอเป็นผู้ช่วยที่ดีจริง ๆ เป็นความโชคดียิ่งแล้วที่ได้พบกับเวร่า แม้ว่าเธอจะไม่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้มากนัก แต่ความสามารถในการวางแผนและจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมทิ้งห่างคนอื่นไปหลายช่วงตึกเลยทีเดียว

  หนึ่งสัปดาห์ต่อมาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่ไป๋อี้และพรรคพวกเข้ามาในหุบเขาหิมะ ในเช้าของการชุมนุม มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดมารวมตัวที่จัตุรัสกลางหมู่บ้านก่อนเวลาที่กำหนดเสียอีก พวกเขาพูดคุยกันเซ็งแซ่ว่าไป๋อี้จะประกาศอะไรต่อจากนี้

  ประการแรกแกรี่ซึ่งเป็นผู้นำของหุบเขาหิมะได้ขึ้นไปพูดสองสามคำ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความนิยมมากนัก แกรี่เห็นว่าถ้าเขาพูดต่อไปอาจจะเกิดการต่อต้าน ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ไป๋อี้ขึ้นมาบนเวที

  “ผมคือไป๋อี้!” หลังจากที่ไป๋อี้ขึ้นเวที เขาก็ไม่ได้พูดประโยคที่น่าเบื่อทั้งหลาย แต่เขาพูดตรงไปตรงมาและเข้าประเด็นทันที

  “บางทีพวกคุณอาจจะสงสัยมากว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ เช่นนั้น ผมจะบอกพวกคุณว่าสาเหตุที่ผมมายืนอยู่ที่นี่เป็นเพราะ “อนาคต” …… ของพวกเรามนุษย์กลายพันธุ์ทุกคน!” ถึงน้ำเสียงของไป๋อี้จะไม่ได้มีความหนักแน่นมากมายเท่าไหร่นัก แต่ก็หนักแน่นพอที่จะกระแทกใจทุกคนราวกับโดนค้อนทุบ บรรดาผู้ที่เดิมทีไม่เห็นด้วยกับไป๋อี้ต่างก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเป็นศูนย์รวมจิตใจของเขา

  “นี่คือรายการช่วงเวลาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” ไป๋อี้สะบัดตารางเวลาออกมา

  วันที่ 23 เดือนมีนาคม ปี 2020 เซลล์ดัดแปลงแพร่กระจายมาจากร่างแม่แบบทดลอง เซลล์ดัดแปลงได้ปะทุขึ้นแทบทั่วทั้งนิวซีแลนด์และน่านน้ำโดยรอบ 1-2 วันถัดมาเซลล์ดัดแปลงที่แฝงอยู่ในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายถูกกระตุ้นและเข้าสู่ระยะหิวโหย

  วันที่ 27 เดือนมีนาคม – วันที่ 1 เดือนตุลาคม ปี 2020 เป็นเวลากว่าครึ่งปีซึ่งเป็นช่วงที่ยากที่สุดสำหรับมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายนั่นคือการเข้าสู่ระยะหิวโหย

  ร่างกายต้องการอาหารและสารอาหารทุกชนิดอย่างบ้าคลั่ง แต่ทั่วทั้งนิวซีแลนด์นั้นมีอาหารอย่างจำกัด ดังนั้นการต่อสู้นองเลือดทุกรูปแบบจึงเกิดขึ้น รวมทั้งการแก่งแย่งและการสวาปามอาหารทั้งหลายด้วยเช่นกัน

        ในขั้นตอนนี้มนุษย์ทุกคนเริ่มผสานรวมกับยีนของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และค่อย ๆ กลายเป็นสัตว์ประหลาด การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หลายคนถึงกับคุ้มคลั่งและไม่สามารถยอมรับมันได้

  ในครึ่งปีนี้คาดว่ามีผู้เสียชีวิตในนิวซีแลนด์มากกว่า 5 ล้านคนด้วยสาเหตุต่าง ๆ บางคนอาจบอกว่า 5 ล้านคนนั้นไม่มาก แต่นี่คืออัตรามากกว่า 80% ของประชากรนิวซีแลนด์เลยทีเดียว

  หกเดือนหลังจากการแพร่กระจายของเซลล์ดัดแปลง การบริโภคอาหารของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็เริ่มคงที่ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเพราะมนุษย์และสัตว์ที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหลายได้เริ่มเข้าสู่ระยะดุร้าย LV1-2 กันแล้ว

  ความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณจะทำให้สิ่งมีชีวิตเข้าสู่สภาวะดุร้ายอย่างอธิบายไม่ได้ และยิ่งเข้าสู่สภาวะดุร้ายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งฟื้นคืนสติได้ยากยิ่งขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดคลุ้มคลั่งที่ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะไปโดยปริยาย

  จนถึงตอนนี้ วันที่ 11 เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 แม้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ยังมีชีวิตอยู่จะค่อย ๆ คุ้นเคยกับสถานการณ์ปัจจุบันในนิวซีแลนด์แล้ว แต่ก็ยังห่างไกลจากการดำรงชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามกล่าวได้เพียงว่า——เป็นการต่อสู้ดิ้นรนมากกว่า!

  “ถูกต้องแล้วล่ะ นี่คือการต่อสู้ดิ้นรน!”

  น้ำเสียงของไป๋อี้นั้นเย็นชาและเศร้าสลด เสียงที่สั่นสะเครือของเขาดูเหมือนจะนำพาให้จิตใจของทุกคนเข้าสู่โลกใบนั้น เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว ทุกคนรอดชีวิตจากนิวซีแลนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป ทุกคนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงทุกสิ่งที่ผ่านมา หลังจากนั้นความรู้สึกกลัวก็แผ่ซ่านออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ

  ต่อสู้ดิ้นรน!

  “ไม่มีใครมาช่วยพวกเรา ไม่มีใครเลย สิ่งเดียวที่จะช่วยพวกเราได้คือตัวเราเอง” ไป๋อี้กล่าว ไป๋อี้ค่อยๆ ดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่ฉากซึ่งบรรยายด้วยภาษาของเขาเองด้วยความหนักแน่นและจริงจังอย่างไม่รู้ตัว

  “มีผู้คนจำนวนมากที่นี่ บางทีเราอาจจะได้เรียนรู้สภาพที่เป็นอยู่ของโลกภายนอกจากบางช่องทาง นิวซีแลนด์ได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการแล้วในนามเกาะปีศาจ ในโลกภายนอกผู้คนจะไม่มาช่วยเราเพราะที่นี่ได้กลายเป็นอุทยานนิเวศวิทยาธรรมชาติแห่งชาติเพื่อการวิจัยการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ดัดแปลงจากความร่วมมือจากนานาประเทศ”

  “อย่างไรก็ตามพวกเราสามารถช่วยตัวเองได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งการช่วยเหลือจากผู้อื่น” ไป๋อี้บีบมือขวาเข้าหากัน

  ดูแลช่วยเหลือตนเอง!

  “หัวหน้าไป๋อี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?” ในตอนนี้แม้แต่คนที่มีอคติกับไป๋อี้มาก่อนก็อดไม่ได้ที่จะรอคำอธิบายของเขา พวกเขาจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อออกจากนิวซีแลนด์ที่ตอนนี้ถูกขนานนามว่าเกาะปีศาจ? ไป๋อี้กดมือของเขาลงและในไม่ช้าฝูงชนด้านล่างก็ค่อย ๆ สงบลง

  “สำหรับเรื่องนี้ผมได้วางแผนอย่างเรียบง่ายไว้แล้ว อย่างไรก็ตามข้อกำหนดที่ควรจะเป็นยังต้องให้ทุกท่านปรับปรุงให้มันสมบูรณ์แบบ” ไป๋อี้เผยรายการอื่น ๆ ขึ้นมาอีก

  1.การดำรงชีวิตอยู่!

  ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่ เพราะการมีชีวิตอยู่เท่านั้นที่ทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนต้องทำตอนนี้คือพยายามดำรงชีวิตอยู่ให้ถึงที่สุด

  2.การปกป้อง!

  ปกป้องความผู้มีความสามารถที่อยู่ท่ามกลางมนุษย์กลายพันธุ์ให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกแง่มุม  อย่าเพิกเฉยเพียงเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับนิวซีแลนด์ในปัจจุบันนี้ ในบรรดาเรื่องเหล่านี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถด้านชีววิทยาโดยเฉพาะนักวิจัยที่เคยมีส่วนร่วมในการวิจัยเซลล์ดัดแปลงมาก่อน แม้ว่าผมจะโกรธแค้นพวกเขามาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสามารถเหล่านี้จะทำให้เรามีโอกาสที่จะค้นคว้าเกี่ยวกับยาที่ช่วยทุกคนฟื้นฟูคืนร่างมนุษย์ได้

  3.การสื่อสาร!

  นิวซีแลนด์ไม่ควรกลายเป็นเกาะปีศาจที่โดดเดี่ยว แม้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลายจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังมีสติสัมปชัญญะในตัวเองและต้องการการสนับสนุนจากมนุษย์ภายนอก ดังนั้นการสื่อสารบนเครือข่ายกับโลกภายนอกจำเป็นต้องถูกสร้างขึ้นมาใหม่

  4.การสร้างใหม่!

  รวบรวมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและวัสดุของนิวซีแลนด์ที่ผ่านมาและสร้างถิ่นฐานใหม่ที่ปลอดภัยของมนุษย์

  5.การศึกษาวิจัย!

  มนุษย์กลายพันธุ์ต้องการกลับสู่โลกปกติ พวกเราต้องควบคุมความดุร้ายของตัวเองและรูปลักษณ์ที่เป็นสัตว์ประหลาดในตอนนี้ ดังนั้นแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ในปัจจุบันจะเกิดจากการศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลง อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ละทิ้งสิ่งเหล่านี้ ในทางตรงกันข้ามเราต้องทำการวิจัยอย่างลึกซึ้งเพื่อหาทางแก้ไข

  เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ต้องการสภาพแวดล้อมที่มั่นคง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาก่อน

  6.……

  ไป๋อี้พูดอย่างช้า ๆ ขณะนี้ทั่วทิศทางต่างก็ตั้งใจฟังรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างจริงจัง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+