[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 140 ตอบข้อสงสัย

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 140 ตอบข้อสงสัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ในแต่ละขั้นแต่ละตอน ไป๋อี้ได้นำพาทุกคนเข้าสู่ความสิ้นหวังจากการต่อสู้ดิ้นรน ก่อนจะก่อเกิดความหวังอย่างไม่จำกัดขึ้นในจิตใจของทุกคน ในนิวซีแลนด์ตอนนี้มนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนควรได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งและฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง

  “หัวหน้าไป๋อี้ นี่เป็นการร่วมมือของมนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนเลยหรือ?” ทันใดนั้นก็มีคนด้านล่างถามขึ้นมา

  “ใช่แล้ว!”

  “มนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง การร่วมมือกันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากแต่ละคนต่างทำตามหน้าที่ของตัวเอง จึงจะระดมพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้ กระบวนการที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ ถ้ามีแค่เพียงทีมใดทีมหนึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีโอกาสบรรลุเป้าหมาย ผมรู้ว่าทุกคนเป็นกังวลเรื่องอะไร หลังจากการรวมทีมกัน ทีมของตนเองก็ต้องแยกออกราวกับว่าถูกทำให้แตกแยกจากกันใช่ไหม สิ่งที่ผมอยากจะบอกคืออย่าหมกมุ่นอยู่กับความเป็นผู้นำของกลุ่มทีมเล็ก ๆ ในมือคุณเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ้านิวซีแลนด์เป็นเช่นนี้ตลอดไป บทบาทความเป็นผู้นำนั้นจะมีประโยชน์อะไร หากคุณมีความมั่นใจจริง ๆ คุณสามารถใช้จังหวะนี้เพื่อเพิ่มพูนโอกาสได้ ส่วนวิธีการนั้นคุณต้องพิจารณาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าผมไม่คิดว่าคนที่คอยถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่นจะได้รับการยอมรับหรอกนะ” ไป๋อี้ไม่อายที่จะเปิดเผยความจริงซึ่งทำให้บางคนหน้าชาขึ้นมาทันที

  แม้ว่าพวกเขาจะคิดแบบนี้จริง ๆ แต่ใครจะคิดว่าไป๋อี้จะพูดออกมาซึ่ง ๆ หน้า

  “ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าไป๋อี้ ในเรื่องนี้คุณอยู่ในฐานะอะไร?”

  “ในฐานะผู้บุกเบิก”

  “แล้วถ้ามีการเลือกตั้งในอนาคต หัวหน้าไป๋อี้ก็คงจะได้รับการสนับสนุนมากที่สุดอย่างแน่นอนใช่ไหม?” จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาอย่างติดตลก อย่างไรก็ตามหากไป๋อี้ไม่ตอบคำถามนี้อย่างชัดเจนเขาอาจจะถูกต่อต้านได้

  “ถ้าทุกท่านสนับสนุนผมแบบนั้นจริง ๆ ผมก็ต้องทำในส่วนของผม” ไป๋อี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มราวกับเป็นการหยอกล้ออยู่เช่นกัน แต่ทันใดนั้นคำพูดของไป๋อี้ก็เปลี่ยนไปทันที “ตลอดการปฏิวัติและการลุกฮือนับครั้งไม่ถ้วนในยุคโบราณและสมัยใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ผู้บุกเบิกมีชื่อเสียงมากในช่วงแรก แต่คนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในตอนท้ายมักไม่ใช่พวกเขา”

  ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร? ทุกคนครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำไมกี่ครั้งต่อกี่ครั้งไป๋อี้ก็จะพูดถึงเรื่องแบบนี้อย่างชัดเจน นี่เป็นการปลูกฝังให้ผู้คนมีความทะเยอทะยานใช่ไหม?

  แน่นอนว่าไป๋อี้รู้ว่านี่เป็นการปลูกฝังให้คนมีความทะเยอทะยาน แต่ถ้าเขาไม่พูดออกมา คนที่มีความทะเยอทะยานเหล่านั้นก็คงจะไม่ทำอะไรสักอย่าง? ถ้าหากว่าผู้คนต้องการบรรลุความทะเยอทะยานของตน อย่างน้อยนิวซีแลนด์ก็คงมีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงโดยทั่ว มิฉะนั้นก็คงจะเป็นเหมือนกับตอนนี้ ไม่มีความทะเยอะทะยานแล้วจะมีประโยชน์อะไร นี่คือเป้าหมายของไป๋อี้เพราะคนที่มีความทะเยอทะยานและจุดมุ่งหมายจะเป็นแรงส่งเสริมการพัฒนาของโลกทั้งใบ

  “ในครั้งนี้สิ่งที่ผมจะเผยแพร่คือข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงในสถาบันวิจัย ……”

  “หัวหน้าไป๋อี้ ผมมีคำถามอยากถาม” ทันใดนั้นก็มีคนขัดจังหวะไป๋อี้ขณะพูด

  “ว่ามาเลย”

  “คุณรู้อะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างไร เรื่องแบบนี้เว้นแต่คนในเท่านั้นที่จะล่วงรู้ได้ ผมเกรงว่าคุณจะไม่ได้รู้อะไรมากมาย” ผู้ชายตรงหน้านั่งอยู่บนก้อนหินพร้อมกับโน้มตัว จากภายนอกจะเห็นได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูบุ่มบ่ามใจร้อนมาก และข้าง ๆ กันนั้นยังมีผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายกันอีกหลายสิบคน ในขณะนี้เป็นที่กล่าวกันว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถล่วงรู้ได้เพียงบุคลากรภายในเท่านั้น ซึ่งความหมายที่ชายคนนั้นต้องการสื่อก็สื่อออกมาโดยตัวมันเองอยู่แล้ว

  “โดยบังเอิญน่ะ เมื่อผมตอบแบบนี้คุณเชื่อไหม”

  “คุณกำลังสงสัยในตัวตนของผม อันที่จริงก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ ผมเคยเป็นเชฟที่มหาวิทยาลัยไวกาโต้ในแฮมิลตัน ถึงนิวซีแลนด์จะกลายเป็นเกาะปีศาจไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าคุณสนใจก็สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้” ไป๋อี้กล่าว ช่วงเวลาแบบนี้มันเริ่มขึ้นแล้วหรือนี่ น่าสนใจจริง ๆ แต่ก็เหมือนกับที่ไป๋อี้กล่าว แม้ว่าตัวตนเดิมของเขาจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่มหาวิทยาลัยไวกาโต้ก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในนิวซีแลนด์ หากตรวจสอบดูก็จะสามารถพิสูจน์ตัวตนของไป๋อี้ได้

  “ฉันและทีมบังเอิญเข้าไปในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งและได้ข้อมูลมา สิ่งแรกที่ฉันบอกทุกคนคือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงจาก LV0-LV2 เพื่อให้พวกคุณมีวิธีรับมือที่แน่นอน แน่นอนว่าผมมีรายละเอียดบางประการที่ปิดบังไว้ เพราะผมยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง อีกทั้งต้องเสียสละเพื่อนหลายคนกว่าจะได้ข้อมูลเหล่านี้มา ผมจึงไม่สามารถบอกทุกคนทั้งหมดโดยไม่เห็นแก่ตัวได้” ไป๋อี้พูดด้วยสีหน้าติดตลก คนด้านล่างถึงกับผงะไปชั่วขณะ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หัวเราะออกมา

  มีจิตใจเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ!

  นี่เป็นเรื่องจริง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในจุดของไป๋อี้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ใจดีเหมือนอย่างไป๋อี้ก็เป็นได้ อย่างน้อยไป๋อี้ก็เผยแพร่ข้อมูลพื้นฐานทั้งหมด ถ้าเป็นคนอื่น เขาจะทำอย่างนั้นไหม?

  “แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลนี้อยู่ในมือผม ผมศึกษาเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบมาระยะหนึ่ง จากนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับผิด” เมื่อไป๋อี้พูดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา

  “ผมเป็นเชฟ การที่ผมศึกษาเรื่องเซลล์ ยีน ปัญหาทางโครโมโซมและอื่น ๆ มันเป็นความพยายามที่สูญเปล่า ตอนที่ผมเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยกว่าจะได้ประกาศนียบัตรนั้นยังต้องหาคนรับจ้างโกงข้อสอบเลย” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก ในขณะนี้ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างพากันหัวเราะ แม้ในช่วงเวลาที่สงบสุขก็ยังมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำการวิจัยที่ล้ำสมัยเช่นนี้ได้ รวมทั้งพวกเขาเองก็คาดว่าตัวเองคงเป็นเหมือนกับไป๋อี้ การได้เห็นสูตรเหล่านั้นยิ่งดูยิ่งไม่รู้เรื่อง

  “ดังนั้น!” น้ำเสียงของไป๋อี้เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมทันที

  “ ไม่ว่าเมื่อใดพรสวรรค์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ที่คนไร้การศึกษาอย่างพวกเราจะเรียนรู้สิ่งนี้ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ต่างกับผู้ที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว หากเราได้ค้นพบคนเหล่านั้น ผมหวังว่าทุกคนจะปกป้องพวกเขา เพราะพวกเขาคือความหวังของพวกเรา แน่นอนว่าผมไม่ได้ขอให้คุณรองรับคนเหล่านี้ในทุก ๆ เรื่อง ผมแค่อยากให้คนที่มีความสามารถพยายามปกป้องกลุ่มคนประเภทนี้ไว้” ไป๋อี้พูดย้ำอีกครั้ง

  “ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม หลังจากที่พวกคุณได้รับข้อมูลการวิจัยเซลล์ดัดแปลงเหล่านี้ พวกคุณจะรู้ว่าผมไม่ได้ตื่นตระหนกไปเองแน่นอน ระดับความรู้ของผมยังไม่ถึงขั้นและไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าใจเนื้อหาเหล่านี้” ไป๋อี้กล่าวก่อนจะชูชิปข้อมูลในมือขึ้น

  “หากใครต้องการเอกสารการวิจัยนี้ก็สามารถทำการคัดลอกได้ แม้ว่าจะมีการกล่าวขานว่านิวซีแลนด์ได้พังทลายไปแล้ว แต่ผมคิดว่าถ้าพวกคุณมองหาดี ๆ พวกคุณก็ยังสามารถหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อยู่บ้าง” ไป๋อี้กล่าวพลางหยิบฮาร์ดดิสก์และแฟลชไดร์ฟ USB ขึ้นมา

  “แน่นอนว่าถ้าหาไม่เจอจริง ๆ ก็ยังมีเอกสารที่บันทึกไว้อยู่ที่นี่ แต่มันมีจำนวนเยอะมาก พวกคุณอาจจะไม่สามารถคัดลอกได้ทั้งหมด” ไป๋อี้พูดพลางหยิบถุงข้อมูลอีกใบที่หนาเตอะขึ้นมาซ้อนทับกัน

  “ว่าแต่ พวกคุณยังมีคำถามที่อยากถามไหม?”

  “ในนิวซีแลนด์มีสถาบันวิจัยเพียงแห่งเดียวเหรอ?”

  “สถาบันวิจัยที่คุณพบตั้งอยู่ที่ไหน?”

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณทำให้เรย์มอนด์หลับสนิทก่อนจะฟื้นตัวจากสภาวะดุร้ายได้อย่างไร คุณมีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า?”

  ยังคงมีคำถามทีละคำถามผุดมาจากฝูงชนด้านล่าง ไป๋อี้ยกมือส่งสัญญาณให้ฝูงชนด้านล่างเงียบ จากนั้นจึงเริ่มตอบคำถามเหล่านี้ทีละคำถาม

  “แน่นอนว่าไม่ได้มีสถาบันวิจัยเพียงแห่งเดียวในนิวซีแลนด์ เท่าที่ผมรู้มามันมีทั้งหมด 121 แห่งสถาบันที่เราพบเป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น”

  121 แห่ง มีจำนวนมากอะไรขนาดนี้ ทุกคนดีใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลังจากเข้าไปในสถาบันวิจัยพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่ไม่มีใครรู้และเดินนำหน้าทุกคนไปอีกก้าวใช่ไหม?

  “เมื่อเข้าไปในสถาบันวิจัย คุณอาจได้รับสิ่งที่สำคัญกว่านี้ แต่ผมอยากจะเตือนคุณว่าโดยพื้นฐานแล้วมีร่างทดลองมากมายในสถาบันการวิจัย ร่างทดลองในช่วงแรก ๆ มีความร้ายกาจเพียงใดผมคิดว่าผมคงไม่ต้องเตือนคุณ ถ้าคุณต้องการอะไรบางอย่างจากที่นั่น สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือเตรียมตัวตาย” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะเตือนพวกเขาเมื่อเห็นความชุลมุนวุ่นวายของกลุ่มคนด้านล่าง

  น้ำเสียงหนักหน่วงถึงกับทำให้คนด้านล่างหายใจติดขัดขึ้นมาทันที!

  “สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของสถาบันวิจัย ผมต้องขอโทษด้วย แต่เราพบเพียงแห่งเดียวโดยบังเอิญ สถาบันวิจัยแต่ละแห่งเป็นเอกเทศ และผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” ไป๋อี้พูดอีกครั้ง

  “สำหรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับเรย์มอนด์ที่คุณถามถึง มันเป็นเรื่องง่ายมาก ผมก็แค่สะกดจิต” ไป๋อี้เพิกเฉยต่อความวุ่นวายด้านล่างและพูดต่อไป

  “ผมได้บอกไปแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เข้าสู่ช่วงดุร้าย LV1-2 นั้นมีผลเนื่องจากความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดนั้นเป็นรูปแบบชีวิตที่เสถียรซึ่งเกิดจากการคัดกรองตามธรรมชาติเป็นเวลานานมาแล้ว ในช่วงระยะหิวโหยความตะกละตะกลามจะเพิ่มขึ้น การหลอมรวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในร่างกาย แต่จิตวิญญาณไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้นำไปสู่ความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ และนี่คือที่มาของความดุร้ายอย่างคลุ้มคลั่ง”

  “เราต้องปรับสมดุลความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณ ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือการนอนหลับให้สนิทอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นยาระงับประสาทหรือเทคนิคการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการฝึกจิตอย่างอดทนก็ไม่ดีเท่ากับการนอนหลับ อย่างไรก็ตามในช่วงระยะดุร้ายดังกล่าว การนอนหลับเป็นเรื่องที่ยากมากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าสู่ภาวะหลับลึก”

  “โชคไม่ดีที่หลังจากที่ผมได้ผสานรวมเข้ากับเซลล์ดัดแปลง ความสามารถในการกลายพันธุ์ก็คือการสะกดจิตเล็ก ๆ น้อย ๆ ความสามารถนี้เป็นความสามารถที่ได้รับมาจากการผสานรวมยีนทางชีววิทยากับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น พละกำลัง พิษ เขี้ยว และกรงเล็บ เป็นต้น มันมีความคล้ายกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือผมเชื่อว่าในหมู่พวกเราทุกคนต่างก็มีคนที่ผ่านการกลายพันธุ์จากเซลล์ดัดแปลงด้วยใช่ไหม” ไป๋อี้มองไปที่คนด้านล่าง

  “ผมไม่ได้ปิดบังอะไรไว้ ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นความสามารถในการสะกดจิตชนิดหนึ่งจริง ๆ แล้วการสะกดจิตทุกชนิดมีอยู่ก่อนที่นิวซีแลนด์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเสียอีก หากคุณสามารถหาวิธีอื่น ๆ เพื่อให้ผู้คนเข้าสู่สภาวะหลับลึกได้ ผลก็คงเป็นแบบนี้เช่นกัน สำหรับเรื่องวิธีการนั้นผมขอโทษด้วย ผมไม่สามารถรู้ทุกอย่างได้ คุณต้องสำรวจมันด้วยตัวเอง” ไป๋อี้พูดช้า ๆ

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณช่วยบอกใบ้วิธีสะกดจิตของคุณให้ผมหน่อยได้ไหม”

  ไป๋อี้เหลือบมองผู้ชายที่กำลังพูดแล้วพยักหน้า “ได้ แค่นายนะ!”

  “การเปลี่ยนแปลงที่ดวงตาของผมมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ผมให้ชื่อว่าม่านตาบุษบาผกผัน!” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงขบขัน จากนั้นก็ชี้ไปที่ดวงตาของเขา ท่ามกลางการจ้องมองของคนเหล่านี้ดวงตาของไป๋อี้เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็ค่อย ๆ หมุนไปมาเหมือนดอกไม้ที่เติบโตกลับด้านหลัง จากนั้นไม่นานผู้ชายตรงหน้าไป๋อี้ก็ล้มลงกับพื้นทันที

  เป็นชื่อที่เจ๋งไปเลย เดิมทีผู้คนในฝูงชนหัวเราะคิกคักเพราะคำพูดของไป๋อี้ แต่ในเวลานี้พวกเขาทุกคนแทบหยุดหายใจ นี่แหละคือ ——ม่านตาบุษบาผกผัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 140 ตอบข้อสงสัย

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 140 ตอบข้อสงสัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ในแต่ละขั้นแต่ละตอน ไป๋อี้ได้นำพาทุกคนเข้าสู่ความสิ้นหวังจากการต่อสู้ดิ้นรน ก่อนจะก่อเกิดความหวังอย่างไม่จำกัดขึ้นในจิตใจของทุกคน ในนิวซีแลนด์ตอนนี้มนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนควรได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งและฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง

  “หัวหน้าไป๋อี้ นี่เป็นการร่วมมือของมนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนเลยหรือ?” ทันใดนั้นก็มีคนด้านล่างถามขึ้นมา

  “ใช่แล้ว!”

  “มนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง การร่วมมือกันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากแต่ละคนต่างทำตามหน้าที่ของตัวเอง จึงจะระดมพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้ กระบวนการที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ ถ้ามีแค่เพียงทีมใดทีมหนึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีโอกาสบรรลุเป้าหมาย ผมรู้ว่าทุกคนเป็นกังวลเรื่องอะไร หลังจากการรวมทีมกัน ทีมของตนเองก็ต้องแยกออกราวกับว่าถูกทำให้แตกแยกจากกันใช่ไหม สิ่งที่ผมอยากจะบอกคืออย่าหมกมุ่นอยู่กับความเป็นผู้นำของกลุ่มทีมเล็ก ๆ ในมือคุณเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ้านิวซีแลนด์เป็นเช่นนี้ตลอดไป บทบาทความเป็นผู้นำนั้นจะมีประโยชน์อะไร หากคุณมีความมั่นใจจริง ๆ คุณสามารถใช้จังหวะนี้เพื่อเพิ่มพูนโอกาสได้ ส่วนวิธีการนั้นคุณต้องพิจารณาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าผมไม่คิดว่าคนที่คอยถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่นจะได้รับการยอมรับหรอกนะ” ไป๋อี้ไม่อายที่จะเปิดเผยความจริงซึ่งทำให้บางคนหน้าชาขึ้นมาทันที

  แม้ว่าพวกเขาจะคิดแบบนี้จริง ๆ แต่ใครจะคิดว่าไป๋อี้จะพูดออกมาซึ่ง ๆ หน้า

  “ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าไป๋อี้ ในเรื่องนี้คุณอยู่ในฐานะอะไร?”

  “ในฐานะผู้บุกเบิก”

  “แล้วถ้ามีการเลือกตั้งในอนาคต หัวหน้าไป๋อี้ก็คงจะได้รับการสนับสนุนมากที่สุดอย่างแน่นอนใช่ไหม?” จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาอย่างติดตลก อย่างไรก็ตามหากไป๋อี้ไม่ตอบคำถามนี้อย่างชัดเจนเขาอาจจะถูกต่อต้านได้

  “ถ้าทุกท่านสนับสนุนผมแบบนั้นจริง ๆ ผมก็ต้องทำในส่วนของผม” ไป๋อี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มราวกับเป็นการหยอกล้ออยู่เช่นกัน แต่ทันใดนั้นคำพูดของไป๋อี้ก็เปลี่ยนไปทันที “ตลอดการปฏิวัติและการลุกฮือนับครั้งไม่ถ้วนในยุคโบราณและสมัยใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ผู้บุกเบิกมีชื่อเสียงมากในช่วงแรก แต่คนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในตอนท้ายมักไม่ใช่พวกเขา”

  ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร? ทุกคนครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำไมกี่ครั้งต่อกี่ครั้งไป๋อี้ก็จะพูดถึงเรื่องแบบนี้อย่างชัดเจน นี่เป็นการปลูกฝังให้ผู้คนมีความทะเยอทะยานใช่ไหม?

  แน่นอนว่าไป๋อี้รู้ว่านี่เป็นการปลูกฝังให้คนมีความทะเยอทะยาน แต่ถ้าเขาไม่พูดออกมา คนที่มีความทะเยอทะยานเหล่านั้นก็คงจะไม่ทำอะไรสักอย่าง? ถ้าหากว่าผู้คนต้องการบรรลุความทะเยอทะยานของตน อย่างน้อยนิวซีแลนด์ก็คงมีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงโดยทั่ว มิฉะนั้นก็คงจะเป็นเหมือนกับตอนนี้ ไม่มีความทะเยอะทะยานแล้วจะมีประโยชน์อะไร นี่คือเป้าหมายของไป๋อี้เพราะคนที่มีความทะเยอทะยานและจุดมุ่งหมายจะเป็นแรงส่งเสริมการพัฒนาของโลกทั้งใบ

  “ในครั้งนี้สิ่งที่ผมจะเผยแพร่คือข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงในสถาบันวิจัย ……”

  “หัวหน้าไป๋อี้ ผมมีคำถามอยากถาม” ทันใดนั้นก็มีคนขัดจังหวะไป๋อี้ขณะพูด

  “ว่ามาเลย”

  “คุณรู้อะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างไร เรื่องแบบนี้เว้นแต่คนในเท่านั้นที่จะล่วงรู้ได้ ผมเกรงว่าคุณจะไม่ได้รู้อะไรมากมาย” ผู้ชายตรงหน้านั่งอยู่บนก้อนหินพร้อมกับโน้มตัว จากภายนอกจะเห็นได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูบุ่มบ่ามใจร้อนมาก และข้าง ๆ กันนั้นยังมีผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายกันอีกหลายสิบคน ในขณะนี้เป็นที่กล่าวกันว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถล่วงรู้ได้เพียงบุคลากรภายในเท่านั้น ซึ่งความหมายที่ชายคนนั้นต้องการสื่อก็สื่อออกมาโดยตัวมันเองอยู่แล้ว

  “โดยบังเอิญน่ะ เมื่อผมตอบแบบนี้คุณเชื่อไหม”

  “คุณกำลังสงสัยในตัวตนของผม อันที่จริงก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ ผมเคยเป็นเชฟที่มหาวิทยาลัยไวกาโต้ในแฮมิลตัน ถึงนิวซีแลนด์จะกลายเป็นเกาะปีศาจไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าคุณสนใจก็สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้” ไป๋อี้กล่าว ช่วงเวลาแบบนี้มันเริ่มขึ้นแล้วหรือนี่ น่าสนใจจริง ๆ แต่ก็เหมือนกับที่ไป๋อี้กล่าว แม้ว่าตัวตนเดิมของเขาจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่มหาวิทยาลัยไวกาโต้ก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในนิวซีแลนด์ หากตรวจสอบดูก็จะสามารถพิสูจน์ตัวตนของไป๋อี้ได้

  “ฉันและทีมบังเอิญเข้าไปในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งและได้ข้อมูลมา สิ่งแรกที่ฉันบอกทุกคนคือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงจาก LV0-LV2 เพื่อให้พวกคุณมีวิธีรับมือที่แน่นอน แน่นอนว่าผมมีรายละเอียดบางประการที่ปิดบังไว้ เพราะผมยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง อีกทั้งต้องเสียสละเพื่อนหลายคนกว่าจะได้ข้อมูลเหล่านี้มา ผมจึงไม่สามารถบอกทุกคนทั้งหมดโดยไม่เห็นแก่ตัวได้” ไป๋อี้พูดด้วยสีหน้าติดตลก คนด้านล่างถึงกับผงะไปชั่วขณะ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หัวเราะออกมา

  มีจิตใจเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ!

  นี่เป็นเรื่องจริง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในจุดของไป๋อี้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ใจดีเหมือนอย่างไป๋อี้ก็เป็นได้ อย่างน้อยไป๋อี้ก็เผยแพร่ข้อมูลพื้นฐานทั้งหมด ถ้าเป็นคนอื่น เขาจะทำอย่างนั้นไหม?

  “แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลนี้อยู่ในมือผม ผมศึกษาเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบมาระยะหนึ่ง จากนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับผิด” เมื่อไป๋อี้พูดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา

  “ผมเป็นเชฟ การที่ผมศึกษาเรื่องเซลล์ ยีน ปัญหาทางโครโมโซมและอื่น ๆ มันเป็นความพยายามที่สูญเปล่า ตอนที่ผมเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยกว่าจะได้ประกาศนียบัตรนั้นยังต้องหาคนรับจ้างโกงข้อสอบเลย” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก ในขณะนี้ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างพากันหัวเราะ แม้ในช่วงเวลาที่สงบสุขก็ยังมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำการวิจัยที่ล้ำสมัยเช่นนี้ได้ รวมทั้งพวกเขาเองก็คาดว่าตัวเองคงเป็นเหมือนกับไป๋อี้ การได้เห็นสูตรเหล่านั้นยิ่งดูยิ่งไม่รู้เรื่อง

  “ดังนั้น!” น้ำเสียงของไป๋อี้เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมทันที

  “ ไม่ว่าเมื่อใดพรสวรรค์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ที่คนไร้การศึกษาอย่างพวกเราจะเรียนรู้สิ่งนี้ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ต่างกับผู้ที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว หากเราได้ค้นพบคนเหล่านั้น ผมหวังว่าทุกคนจะปกป้องพวกเขา เพราะพวกเขาคือความหวังของพวกเรา แน่นอนว่าผมไม่ได้ขอให้คุณรองรับคนเหล่านี้ในทุก ๆ เรื่อง ผมแค่อยากให้คนที่มีความสามารถพยายามปกป้องกลุ่มคนประเภทนี้ไว้” ไป๋อี้พูดย้ำอีกครั้ง

  “ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม หลังจากที่พวกคุณได้รับข้อมูลการวิจัยเซลล์ดัดแปลงเหล่านี้ พวกคุณจะรู้ว่าผมไม่ได้ตื่นตระหนกไปเองแน่นอน ระดับความรู้ของผมยังไม่ถึงขั้นและไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าใจเนื้อหาเหล่านี้” ไป๋อี้กล่าวก่อนจะชูชิปข้อมูลในมือขึ้น

  “หากใครต้องการเอกสารการวิจัยนี้ก็สามารถทำการคัดลอกได้ แม้ว่าจะมีการกล่าวขานว่านิวซีแลนด์ได้พังทลายไปแล้ว แต่ผมคิดว่าถ้าพวกคุณมองหาดี ๆ พวกคุณก็ยังสามารถหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อยู่บ้าง” ไป๋อี้กล่าวพลางหยิบฮาร์ดดิสก์และแฟลชไดร์ฟ USB ขึ้นมา

  “แน่นอนว่าถ้าหาไม่เจอจริง ๆ ก็ยังมีเอกสารที่บันทึกไว้อยู่ที่นี่ แต่มันมีจำนวนเยอะมาก พวกคุณอาจจะไม่สามารถคัดลอกได้ทั้งหมด” ไป๋อี้พูดพลางหยิบถุงข้อมูลอีกใบที่หนาเตอะขึ้นมาซ้อนทับกัน

  “ว่าแต่ พวกคุณยังมีคำถามที่อยากถามไหม?”

  “ในนิวซีแลนด์มีสถาบันวิจัยเพียงแห่งเดียวเหรอ?”

  “สถาบันวิจัยที่คุณพบตั้งอยู่ที่ไหน?”

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณทำให้เรย์มอนด์หลับสนิทก่อนจะฟื้นตัวจากสภาวะดุร้ายได้อย่างไร คุณมีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า?”

  ยังคงมีคำถามทีละคำถามผุดมาจากฝูงชนด้านล่าง ไป๋อี้ยกมือส่งสัญญาณให้ฝูงชนด้านล่างเงียบ จากนั้นจึงเริ่มตอบคำถามเหล่านี้ทีละคำถาม

  “แน่นอนว่าไม่ได้มีสถาบันวิจัยเพียงแห่งเดียวในนิวซีแลนด์ เท่าที่ผมรู้มามันมีทั้งหมด 121 แห่งสถาบันที่เราพบเป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น”

  121 แห่ง มีจำนวนมากอะไรขนาดนี้ ทุกคนดีใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลังจากเข้าไปในสถาบันวิจัยพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่ไม่มีใครรู้และเดินนำหน้าทุกคนไปอีกก้าวใช่ไหม?

  “เมื่อเข้าไปในสถาบันวิจัย คุณอาจได้รับสิ่งที่สำคัญกว่านี้ แต่ผมอยากจะเตือนคุณว่าโดยพื้นฐานแล้วมีร่างทดลองมากมายในสถาบันการวิจัย ร่างทดลองในช่วงแรก ๆ มีความร้ายกาจเพียงใดผมคิดว่าผมคงไม่ต้องเตือนคุณ ถ้าคุณต้องการอะไรบางอย่างจากที่นั่น สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือเตรียมตัวตาย” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะเตือนพวกเขาเมื่อเห็นความชุลมุนวุ่นวายของกลุ่มคนด้านล่าง

  น้ำเสียงหนักหน่วงถึงกับทำให้คนด้านล่างหายใจติดขัดขึ้นมาทันที!

  “สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของสถาบันวิจัย ผมต้องขอโทษด้วย แต่เราพบเพียงแห่งเดียวโดยบังเอิญ สถาบันวิจัยแต่ละแห่งเป็นเอกเทศ และผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” ไป๋อี้พูดอีกครั้ง

  “สำหรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับเรย์มอนด์ที่คุณถามถึง มันเป็นเรื่องง่ายมาก ผมก็แค่สะกดจิต” ไป๋อี้เพิกเฉยต่อความวุ่นวายด้านล่างและพูดต่อไป

  “ผมได้บอกไปแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เข้าสู่ช่วงดุร้าย LV1-2 นั้นมีผลเนื่องจากความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดนั้นเป็นรูปแบบชีวิตที่เสถียรซึ่งเกิดจากการคัดกรองตามธรรมชาติเป็นเวลานานมาแล้ว ในช่วงระยะหิวโหยความตะกละตะกลามจะเพิ่มขึ้น การหลอมรวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในร่างกาย แต่จิตวิญญาณไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้นำไปสู่ความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ และนี่คือที่มาของความดุร้ายอย่างคลุ้มคลั่ง”

  “เราต้องปรับสมดุลความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณ ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือการนอนหลับให้สนิทอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นยาระงับประสาทหรือเทคนิคการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการฝึกจิตอย่างอดทนก็ไม่ดีเท่ากับการนอนหลับ อย่างไรก็ตามในช่วงระยะดุร้ายดังกล่าว การนอนหลับเป็นเรื่องที่ยากมากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าสู่ภาวะหลับลึก”

  “โชคไม่ดีที่หลังจากที่ผมได้ผสานรวมเข้ากับเซลล์ดัดแปลง ความสามารถในการกลายพันธุ์ก็คือการสะกดจิตเล็ก ๆ น้อย ๆ ความสามารถนี้เป็นความสามารถที่ได้รับมาจากการผสานรวมยีนทางชีววิทยากับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น พละกำลัง พิษ เขี้ยว และกรงเล็บ เป็นต้น มันมีความคล้ายกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือผมเชื่อว่าในหมู่พวกเราทุกคนต่างก็มีคนที่ผ่านการกลายพันธุ์จากเซลล์ดัดแปลงด้วยใช่ไหม” ไป๋อี้มองไปที่คนด้านล่าง

  “ผมไม่ได้ปิดบังอะไรไว้ ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นความสามารถในการสะกดจิตชนิดหนึ่งจริง ๆ แล้วการสะกดจิตทุกชนิดมีอยู่ก่อนที่นิวซีแลนด์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเสียอีก หากคุณสามารถหาวิธีอื่น ๆ เพื่อให้ผู้คนเข้าสู่สภาวะหลับลึกได้ ผลก็คงเป็นแบบนี้เช่นกัน สำหรับเรื่องวิธีการนั้นผมขอโทษด้วย ผมไม่สามารถรู้ทุกอย่างได้ คุณต้องสำรวจมันด้วยตัวเอง” ไป๋อี้พูดช้า ๆ

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณช่วยบอกใบ้วิธีสะกดจิตของคุณให้ผมหน่อยได้ไหม”

  ไป๋อี้เหลือบมองผู้ชายที่กำลังพูดแล้วพยักหน้า “ได้ แค่นายนะ!”

  “การเปลี่ยนแปลงที่ดวงตาของผมมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ผมให้ชื่อว่าม่านตาบุษบาผกผัน!” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงขบขัน จากนั้นก็ชี้ไปที่ดวงตาของเขา ท่ามกลางการจ้องมองของคนเหล่านี้ดวงตาของไป๋อี้เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็ค่อย ๆ หมุนไปมาเหมือนดอกไม้ที่เติบโตกลับด้านหลัง จากนั้นไม่นานผู้ชายตรงหน้าไป๋อี้ก็ล้มลงกับพื้นทันที

  เป็นชื่อที่เจ๋งไปเลย เดิมทีผู้คนในฝูงชนหัวเราะคิกคักเพราะคำพูดของไป๋อี้ แต่ในเวลานี้พวกเขาทุกคนแทบหยุดหายใจ นี่แหละคือ ——ม่านตาบุษบาผกผัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 140 ตอบข้อสงสัย

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 140 ตอบข้อสงสัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ในแต่ละขั้นแต่ละตอน ไป๋อี้ได้นำพาทุกคนเข้าสู่ความสิ้นหวังจากการต่อสู้ดิ้นรน ก่อนจะก่อเกิดความหวังอย่างไม่จำกัดขึ้นในจิตใจของทุกคน ในนิวซีแลนด์ตอนนี้มนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนควรได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่งและฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง

  “หัวหน้าไป๋อี้ นี่เป็นการร่วมมือของมนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนเลยหรือ?” ทันใดนั้นก็มีคนด้านล่างถามขึ้นมา

  “ใช่แล้ว!”

  “มนุษย์กลายพันธุ์ทุกคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลง การร่วมมือกันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากแต่ละคนต่างทำตามหน้าที่ของตัวเอง จึงจะระดมพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้ กระบวนการที่ผมพูดถึงก่อนหน้านี้ ถ้ามีแค่เพียงทีมใดทีมหนึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีโอกาสบรรลุเป้าหมาย ผมรู้ว่าทุกคนเป็นกังวลเรื่องอะไร หลังจากการรวมทีมกัน ทีมของตนเองก็ต้องแยกออกราวกับว่าถูกทำให้แตกแยกจากกันใช่ไหม สิ่งที่ผมอยากจะบอกคืออย่าหมกมุ่นอยู่กับความเป็นผู้นำของกลุ่มทีมเล็ก ๆ ในมือคุณเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ้านิวซีแลนด์เป็นเช่นนี้ตลอดไป บทบาทความเป็นผู้นำนั้นจะมีประโยชน์อะไร หากคุณมีความมั่นใจจริง ๆ คุณสามารถใช้จังหวะนี้เพื่อเพิ่มพูนโอกาสได้ ส่วนวิธีการนั้นคุณต้องพิจารณาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าผมไม่คิดว่าคนที่คอยถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่นจะได้รับการยอมรับหรอกนะ” ไป๋อี้ไม่อายที่จะเปิดเผยความจริงซึ่งทำให้บางคนหน้าชาขึ้นมาทันที

  แม้ว่าพวกเขาจะคิดแบบนี้จริง ๆ แต่ใครจะคิดว่าไป๋อี้จะพูดออกมาซึ่ง ๆ หน้า

  “ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าไป๋อี้ ในเรื่องนี้คุณอยู่ในฐานะอะไร?”

  “ในฐานะผู้บุกเบิก”

  “แล้วถ้ามีการเลือกตั้งในอนาคต หัวหน้าไป๋อี้ก็คงจะได้รับการสนับสนุนมากที่สุดอย่างแน่นอนใช่ไหม?” จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาอย่างติดตลก อย่างไรก็ตามหากไป๋อี้ไม่ตอบคำถามนี้อย่างชัดเจนเขาอาจจะถูกต่อต้านได้

  “ถ้าทุกท่านสนับสนุนผมแบบนั้นจริง ๆ ผมก็ต้องทำในส่วนของผม” ไป๋อี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มราวกับเป็นการหยอกล้ออยู่เช่นกัน แต่ทันใดนั้นคำพูดของไป๋อี้ก็เปลี่ยนไปทันที “ตลอดการปฏิวัติและการลุกฮือนับครั้งไม่ถ้วนในยุคโบราณและสมัยใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ผู้บุกเบิกมีชื่อเสียงมากในช่วงแรก แต่คนที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในตอนท้ายมักไม่ใช่พวกเขา”

  ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร? ทุกคนครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำไมกี่ครั้งต่อกี่ครั้งไป๋อี้ก็จะพูดถึงเรื่องแบบนี้อย่างชัดเจน นี่เป็นการปลูกฝังให้ผู้คนมีความทะเยอทะยานใช่ไหม?

  แน่นอนว่าไป๋อี้รู้ว่านี่เป็นการปลูกฝังให้คนมีความทะเยอทะยาน แต่ถ้าเขาไม่พูดออกมา คนที่มีความทะเยอทะยานเหล่านั้นก็คงจะไม่ทำอะไรสักอย่าง? ถ้าหากว่าผู้คนต้องการบรรลุความทะเยอทะยานของตน อย่างน้อยนิวซีแลนด์ก็คงมีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงโดยทั่ว มิฉะนั้นก็คงจะเป็นเหมือนกับตอนนี้ ไม่มีความทะเยอะทะยานแล้วจะมีประโยชน์อะไร นี่คือเป้าหมายของไป๋อี้เพราะคนที่มีความทะเยอทะยานและจุดมุ่งหมายจะเป็นแรงส่งเสริมการพัฒนาของโลกทั้งใบ

  “ในครั้งนี้สิ่งที่ผมจะเผยแพร่คือข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงในสถาบันวิจัย ……”

  “หัวหน้าไป๋อี้ ผมมีคำถามอยากถาม” ทันใดนั้นก็มีคนขัดจังหวะไป๋อี้ขณะพูด

  “ว่ามาเลย”

  “คุณรู้อะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างไร เรื่องแบบนี้เว้นแต่คนในเท่านั้นที่จะล่วงรู้ได้ ผมเกรงว่าคุณจะไม่ได้รู้อะไรมากมาย” ผู้ชายตรงหน้านั่งอยู่บนก้อนหินพร้อมกับโน้มตัว จากภายนอกจะเห็นได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูบุ่มบ่ามใจร้อนมาก และข้าง ๆ กันนั้นยังมีผู้ชายที่มีลักษณะคล้ายกันอีกหลายสิบคน ในขณะนี้เป็นที่กล่าวกันว่าข้อมูลเหล่านี้สามารถล่วงรู้ได้เพียงบุคลากรภายในเท่านั้น ซึ่งความหมายที่ชายคนนั้นต้องการสื่อก็สื่อออกมาโดยตัวมันเองอยู่แล้ว

  “โดยบังเอิญน่ะ เมื่อผมตอบแบบนี้คุณเชื่อไหม”

  “คุณกำลังสงสัยในตัวตนของผม อันที่จริงก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงในนิวซีแลนด์ ผมเคยเป็นเชฟที่มหาวิทยาลัยไวกาโต้ในแฮมิลตัน ถึงนิวซีแลนด์จะกลายเป็นเกาะปีศาจไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าคุณสนใจก็สามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้” ไป๋อี้กล่าว ช่วงเวลาแบบนี้มันเริ่มขึ้นแล้วหรือนี่ น่าสนใจจริง ๆ แต่ก็เหมือนกับที่ไป๋อี้กล่าว แม้ว่าตัวตนเดิมของเขาจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่มหาวิทยาลัยไวกาโต้ก็เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในนิวซีแลนด์ หากตรวจสอบดูก็จะสามารถพิสูจน์ตัวตนของไป๋อี้ได้

  “ฉันและทีมบังเอิญเข้าไปในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งและได้ข้อมูลมา สิ่งแรกที่ฉันบอกทุกคนคือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงจาก LV0-LV2 เพื่อให้พวกคุณมีวิธีรับมือที่แน่นอน แน่นอนว่าผมมีรายละเอียดบางประการที่ปิดบังไว้ เพราะผมยังมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง อีกทั้งต้องเสียสละเพื่อนหลายคนกว่าจะได้ข้อมูลเหล่านี้มา ผมจึงไม่สามารถบอกทุกคนทั้งหมดโดยไม่เห็นแก่ตัวได้” ไป๋อี้พูดด้วยสีหน้าติดตลก คนด้านล่างถึงกับผงะไปชั่วขณะ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็หัวเราะออกมา

  มีจิตใจเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ!

  นี่เป็นเรื่องจริง มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในจุดของไป๋อี้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ใจดีเหมือนอย่างไป๋อี้ก็เป็นได้ อย่างน้อยไป๋อี้ก็เผยแพร่ข้อมูลพื้นฐานทั้งหมด ถ้าเป็นคนอื่น เขาจะทำอย่างนั้นไหม?

  “แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลนี้อยู่ในมือผม ผมศึกษาเรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบมาระยะหนึ่ง จากนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับผิด” เมื่อไป๋อี้พูดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา

  “ผมเป็นเชฟ การที่ผมศึกษาเรื่องเซลล์ ยีน ปัญหาทางโครโมโซมและอื่น ๆ มันเป็นความพยายามที่สูญเปล่า ตอนที่ผมเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยกว่าจะได้ประกาศนียบัตรนั้นยังต้องหาคนรับจ้างโกงข้อสอบเลย” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก ในขณะนี้ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างพากันหัวเราะ แม้ในช่วงเวลาที่สงบสุขก็ยังมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำการวิจัยที่ล้ำสมัยเช่นนี้ได้ รวมทั้งพวกเขาเองก็คาดว่าตัวเองคงเป็นเหมือนกับไป๋อี้ การได้เห็นสูตรเหล่านั้นยิ่งดูยิ่งไม่รู้เรื่อง

  “ดังนั้น!” น้ำเสียงของไป๋อี้เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมทันที

  “ ไม่ว่าเมื่อใดพรสวรรค์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ที่คนไร้การศึกษาอย่างพวกเราจะเรียนรู้สิ่งนี้ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ต่างกับผู้ที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว หากเราได้ค้นพบคนเหล่านั้น ผมหวังว่าทุกคนจะปกป้องพวกเขา เพราะพวกเขาคือความหวังของพวกเรา แน่นอนว่าผมไม่ได้ขอให้คุณรองรับคนเหล่านี้ในทุก ๆ เรื่อง ผมแค่อยากให้คนที่มีความสามารถพยายามปกป้องกลุ่มคนประเภทนี้ไว้” ไป๋อี้พูดย้ำอีกครั้ง

  “ถ้าพวกคุณไม่เชื่อผม หลังจากที่พวกคุณได้รับข้อมูลการวิจัยเซลล์ดัดแปลงเหล่านี้ พวกคุณจะรู้ว่าผมไม่ได้ตื่นตระหนกไปเองแน่นอน ระดับความรู้ของผมยังไม่ถึงขั้นและไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าใจเนื้อหาเหล่านี้” ไป๋อี้กล่าวก่อนจะชูชิปข้อมูลในมือขึ้น

  “หากใครต้องการเอกสารการวิจัยนี้ก็สามารถทำการคัดลอกได้ แม้ว่าจะมีการกล่าวขานว่านิวซีแลนด์ได้พังทลายไปแล้ว แต่ผมคิดว่าถ้าพวกคุณมองหาดี ๆ พวกคุณก็ยังสามารถหาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้อยู่บ้าง” ไป๋อี้กล่าวพลางหยิบฮาร์ดดิสก์และแฟลชไดร์ฟ USB ขึ้นมา

  “แน่นอนว่าถ้าหาไม่เจอจริง ๆ ก็ยังมีเอกสารที่บันทึกไว้อยู่ที่นี่ แต่มันมีจำนวนเยอะมาก พวกคุณอาจจะไม่สามารถคัดลอกได้ทั้งหมด” ไป๋อี้พูดพลางหยิบถุงข้อมูลอีกใบที่หนาเตอะขึ้นมาซ้อนทับกัน

  “ว่าแต่ พวกคุณยังมีคำถามที่อยากถามไหม?”

  “ในนิวซีแลนด์มีสถาบันวิจัยเพียงแห่งเดียวเหรอ?”

  “สถาบันวิจัยที่คุณพบตั้งอยู่ที่ไหน?”

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณทำให้เรย์มอนด์หลับสนิทก่อนจะฟื้นตัวจากสภาวะดุร้ายได้อย่างไร คุณมีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า?”

  ยังคงมีคำถามทีละคำถามผุดมาจากฝูงชนด้านล่าง ไป๋อี้ยกมือส่งสัญญาณให้ฝูงชนด้านล่างเงียบ จากนั้นจึงเริ่มตอบคำถามเหล่านี้ทีละคำถาม

  “แน่นอนว่าไม่ได้มีสถาบันวิจัยเพียงแห่งเดียวในนิวซีแลนด์ เท่าที่ผมรู้มามันมีทั้งหมด 121 แห่งสถาบันที่เราพบเป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น”

  121 แห่ง มีจำนวนมากอะไรขนาดนี้ ทุกคนดีใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลังจากเข้าไปในสถาบันวิจัยพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่ไม่มีใครรู้และเดินนำหน้าทุกคนไปอีกก้าวใช่ไหม?

  “เมื่อเข้าไปในสถาบันวิจัย คุณอาจได้รับสิ่งที่สำคัญกว่านี้ แต่ผมอยากจะเตือนคุณว่าโดยพื้นฐานแล้วมีร่างทดลองมากมายในสถาบันการวิจัย ร่างทดลองในช่วงแรก ๆ มีความร้ายกาจเพียงใดผมคิดว่าผมคงไม่ต้องเตือนคุณ ถ้าคุณต้องการอะไรบางอย่างจากที่นั่น สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือเตรียมตัวตาย” ไป๋อี้อดไม่ได้ที่จะเตือนพวกเขาเมื่อเห็นความชุลมุนวุ่นวายของกลุ่มคนด้านล่าง

  น้ำเสียงหนักหน่วงถึงกับทำให้คนด้านล่างหายใจติดขัดขึ้นมาทันที!

  “สำหรับตำแหน่งที่ตั้งของสถาบันวิจัย ผมต้องขอโทษด้วย แต่เราพบเพียงแห่งเดียวโดยบังเอิญ สถาบันวิจัยแต่ละแห่งเป็นเอกเทศ และผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” ไป๋อี้พูดอีกครั้ง

  “สำหรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับเรย์มอนด์ที่คุณถามถึง มันเป็นเรื่องง่ายมาก ผมก็แค่สะกดจิต” ไป๋อี้เพิกเฉยต่อความวุ่นวายด้านล่างและพูดต่อไป

  “ผมได้บอกไปแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เข้าสู่ช่วงดุร้าย LV1-2 นั้นมีผลเนื่องจากความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดนั้นเป็นรูปแบบชีวิตที่เสถียรซึ่งเกิดจากการคัดกรองตามธรรมชาติเป็นเวลานานมาแล้ว ในช่วงระยะหิวโหยความตะกละตะกลามจะเพิ่มขึ้น การหลอมรวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วภายในร่างกาย แต่จิตวิญญาณไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก การเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้นำไปสู่ความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณ และนี่คือที่มาของความดุร้ายอย่างคลุ้มคลั่ง”

  “เราต้องปรับสมดุลความไม่ลงรอยกันระหว่างร่างกายกับจิตวิญญาณ ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือการนอนหลับให้สนิทอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นยาระงับประสาทหรือเทคนิคการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณที่ขับเคลื่อนด้วยการฝึกจิตอย่างอดทนก็ไม่ดีเท่ากับการนอนหลับ อย่างไรก็ตามในช่วงระยะดุร้ายดังกล่าว การนอนหลับเป็นเรื่องที่ยากมากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าสู่ภาวะหลับลึก”

  “โชคไม่ดีที่หลังจากที่ผมได้ผสานรวมเข้ากับเซลล์ดัดแปลง ความสามารถในการกลายพันธุ์ก็คือการสะกดจิตเล็ก ๆ น้อย ๆ ความสามารถนี้เป็นความสามารถที่ได้รับมาจากการผสานรวมยีนทางชีววิทยากับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น พละกำลัง พิษ เขี้ยว และกรงเล็บ เป็นต้น มันมีความคล้ายกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือผมเชื่อว่าในหมู่พวกเราทุกคนต่างก็มีคนที่ผ่านการกลายพันธุ์จากเซลล์ดัดแปลงด้วยใช่ไหม” ไป๋อี้มองไปที่คนด้านล่าง

  “ผมไม่ได้ปิดบังอะไรไว้ ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นความสามารถในการสะกดจิตชนิดหนึ่งจริง ๆ แล้วการสะกดจิตทุกชนิดมีอยู่ก่อนที่นิวซีแลนด์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเสียอีก หากคุณสามารถหาวิธีอื่น ๆ เพื่อให้ผู้คนเข้าสู่สภาวะหลับลึกได้ ผลก็คงเป็นแบบนี้เช่นกัน สำหรับเรื่องวิธีการนั้นผมขอโทษด้วย ผมไม่สามารถรู้ทุกอย่างได้ คุณต้องสำรวจมันด้วยตัวเอง” ไป๋อี้พูดช้า ๆ

  “หัวหน้าไป๋อี้ คุณช่วยบอกใบ้วิธีสะกดจิตของคุณให้ผมหน่อยได้ไหม”

  ไป๋อี้เหลือบมองผู้ชายที่กำลังพูดแล้วพยักหน้า “ได้ แค่นายนะ!”

  “การเปลี่ยนแปลงที่ดวงตาของผมมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ผมให้ชื่อว่าม่านตาบุษบาผกผัน!” ไป๋อี้พูดด้วยน้ำเสียงขบขัน จากนั้นก็ชี้ไปที่ดวงตาของเขา ท่ามกลางการจ้องมองของคนเหล่านี้ดวงตาของไป๋อี้เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็ค่อย ๆ หมุนไปมาเหมือนดอกไม้ที่เติบโตกลับด้านหลัง จากนั้นไม่นานผู้ชายตรงหน้าไป๋อี้ก็ล้มลงกับพื้นทันที

  เป็นชื่อที่เจ๋งไปเลย เดิมทีผู้คนในฝูงชนหัวเราะคิกคักเพราะคำพูดของไป๋อี้ แต่ในเวลานี้พวกเขาทุกคนแทบหยุดหายใจ นี่แหละคือ ——ม่านตาบุษบาผกผัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+