[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 90 อธิษฐาน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 90 อธิษฐาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในที่สุดไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็สามารถหนีออกมาจากสถาบันวิจัยแห่งนั้นได้ ภาพเบื้องหลังของพวกเขานั้นคือพวกร่างทดลองทั้งหลายที่ได้วิ่งออกมาจากสถาบันวิจัยด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่พวกร่างทดลองได้รีบกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งหนึ่ง ด้านนอกจึงเหลือเพียงผู้ที่ออกมาแล้วค่อนข้างไกลเท่านั้น เนื่องจากด้านนอกนั้นมีพื้นที่กว้างขวางทำให้กลิ่นที่ยั่วยวนใจค่อย ๆ จืดจางไป หลังจากนั้นพวกที่เหลืออยู่จึงไม่ได้ถูกกลิ่นดึงดูดให้กลับเข้าไปด้านในอีก

        ในสถาบันวิจัย ร่างกายที่ขาดวิ่นของร่างแม่แบบทดลองได้จมอยู่ภายใต้เลือดและเศษเนื้อ หลังจากเลือดเนื้อเหล่านี้ได้สัมผัสกับเลือดเนื้อของร่างแม่แบบทดลองมันก็ค่อย ๆ ปล่อยกลิ่นที่น่าหลงใหลนั้นออกมา แม้ว่ากลิ่นนั้นจะไม่ชัดเท่ากลิ่นที่มาจากร่างแม่แบบทดลองโดยตรงแต่ก็ยังคงดึงดูดร่างทดลองทั้งหมดให้สู้ต่อกันไปอย่างไม่ขาดสายเพราะมีร่างแม่แบบทดลองกว่าครึ่งหนึ่งได้ระคนปนอยู่ในท่ามกลางเลือดเนื้อเหล่านั้น

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้หันกลับไปมองที่สถาบันวิจัย พวกเขาเงียบอยู่นาน …… สถาบันวิยแห่งชาติตองการิโร่! ที่นั่นมีสิ่งต่าง ๆ มากมายฝังอยู่ในนั้น

  ————————————————

        หลังจากได้ออกมาจากสถาบันวิจัยได้ไม่นาน ไป๋อี้และคนอื่น ๆ มองโลกภายนอกด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากที่นี่เคยเป็นอุทยานระบบนิเวศทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพทางธรรมชาติมากกว่า 90% แต่ตอนนี้ไป๋อี้และทุกคนไม่สามารถจดจำภาพเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ พืชทุกชนิดที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่งและในป่าเขียวชอุ่มแห่งนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงบและมีชีวิตชีวา

  เช่นเดียวกับที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้คาดการณ์มาก่อนหน้านี้แล้วว่าการผสานรวมเซล์ดัดแปลงในพืชทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็วจนได้กลายมาเป็นพื้นฐานของห่วงโซ่ชีวภาพใหม่ของนิวซีแลนด์

         “ไปกันเถอะ หาสถานที่ที่เงียบสงบก่อน” ไป๋อี้ได้พูดกับทุกคน

        หากพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว การหนีออกมาจากสถาบันวิจัยในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะร่างแม่แบบทดลองปล่อยกลิ่นอายอันน่าหลงใหลเย้ายวนออกมาในตอนท้าย เกรงว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ คงจะไม่สามารถออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้ง่าย ๆ เช่นนี้ ร่างแม่แบบทดลองเป็นแหล่งกำเนิดของร่างทดลองและสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหมดหากจะกล่าวว่าร่างแม่แบบมีบทบาทสำคัญมากในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั่นก็คงเป็นเรื่องจริง ไม่น่าแปลกใจหากร่างทดลองทั้งหลายจะต้องการกลืนกินร่างแม่แบบเช่นนั้น

        มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเดินในป่าทึบแห่งนี้ได้ แม้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะสามารถหนีรอดออกมาได้แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเดินไปได้ไกลมาก กลุ่มของไป๋อี้จึงได้หยุดอยู่ที่โขดหินแตกเพื่อพักผ่อน

         พวกเขาทั้งหมดนั้นต่างล้วนได้รับบาดเจ็บกันทุกคน คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักต่างก็กำลังรอรับการรักษาจากเมย์ริส ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็ได้ช่วยกันจัดพื้นที่ที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นที่พักชั่วคราวกันอย่างเงียบ ๆ

        ตอนนี้ทุกคนทำได้เพียงรอการฟื้นตัวตามธรรมชาติ หลังจากที่พวกเขาได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ได้นั่งล้อมรอบกันเป็นวงกลม จากนั้นท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงทำให้กองไฟที่อยู่ตรงกลางสะท้อนให้เห็นใบหน้าของแต่ละคน

        ไป๋อี้ได้หยิบกล่องเซฟแห่งความลับออกมา หลังจากนั้นเขาจึงหยิบหลอดฉีดยาออกมาจากด้านข้างอย่างลับๆ

        จากรูปแบบดั้งเดิมของยา Prototy นั้น แม้ว่าร่างกายจะมีการผสานรวมยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบทางกายภาพ แม้ยาชนิดนี้จะยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก แต่มันก็ใกล้จะสมบูรณ์ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้แล้ว นี่คือจุดประสงค์แรกเริ่มของไป๋อี้ที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องเดินทางไปยังสถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโร

     ไป๋อี้ได้เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจเฮือกใหญ่!

        ทุกคนล้วนไม่อยากรบกวนไป๋อี้ ในฐานะหัวหน้าทีม การเดินทางไปยังสถาบันวิจัยครั้งนี้มันทำให้ไป๋อี้ต้องแบกรับแรงกดดันและความเจ็บปวดในใจอย่างถึงที่สุด เพื่อนร่วมทีม เพื่อนในชีวิตจริง และคนที่ชอบ ……. ที่ไป๋อี้ยังสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้เพราะในตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ทันใดนั้นเองไป๋อี้ก็ได้ยื่นมือออกมาค่อย ๆ แตะโม่โม่และเมย์ริสอย่างช้า ๆ ทั้งสองยืนอยู่ข้างกายเขาทั้งสองฝั่ง ดังนั้นทุกคนจึงมองไปที่ไป๋อี้อย่างสงสัย

         “แม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเท่าไหร่นัก แต่ว่าตอนนี้ฉันอยากจะลองอธิษฐานสักครั้ง!”

        เมื่อทุกคนได้ยินที่ไป๋อี้พูดแบบนั้นพวกเขาจึงเกิดอาการมึนงงเล็กน้อย แต่ทว่าหลังจากนั้นพวกเขาได้จับมือกันและล้อมรอบเป็นวงกลมด้วยจิตที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ชาร์ไป่และพูพูก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของพวกเขาในตอนนี้ ยกเว้นว่าพวกมันจำเป็นต้องเข้าร่วมด้วยเท่านั้น พวกเขาได้นั่งยอง ๆ บนพื้นอยู่กับทุกคน ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังหลับตาลงอย่างเงียบสงบท่ามกลางกองไฟที่กำลังเผาไหม้อย่างช้า ๆ

            “ขอบคุณที่เราได้พบกันและอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนที่สามารถมอบความไว้วางใจให้กันได้ ขอบคุณทุกคนสำหรับการต่อสู้อย่างสุดชีวิตไปด้วยกัน เพราะความพยายามเหล่านั้นทำให้พวกเรามายืนอยู่ในจุดนี้ได้สำเร็จ เราจะรักและเห็นคุณค่าของเพื่อนที่สูญเสียไปในระหว่างทางตลอดกาลพร้อมกับมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งด้วยความหวังของพวกเขา สุดท้ายนี้ฉันหวังว่าทุกคนจะได้กลับไปสู่โลกที่สงบสุขและปลอดภัย” ไป๋อี้พูดช้า ๆ ตอนนี้ภายในจิตใจของทุกคนอยู่ในอาการเงียบสงบและเคร่งขรึม

หลังจากที่ไป๋อี้อธิษฐานเสร็จทุกคนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

        ในตอนนี้ทุกคนได้มองตรงไปยังน้ำยาสีฟ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อสิ่งนี้เองจึงทำให้ทุกคนต่อสู้มาจนถึงขนาดนี้และต้องสูญเสียเพื่อนไปมากมาย

         “ฉีดเลย!” ไป๋อี้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบหลอดยาขึ้นมา

        พูดตามตรงไม่มีใครรู้ว่าของสิ่งนี้จะมีผลกับคนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหรือไม่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การทดสอบแต่เพื่อไม่ให้เพื่อนที่พยายามทุ่มเทมาทั้งหมดสูญเปล่า ทุกคนจึงเลือกที่จะฉีดมัน ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังมีความคาดหวังว่าบางทีสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้

        การฉีดยาในครั้งนี้ถ้าให้เมย์ริสเป็นคนฉีดให้จะเป็นการดีกว่า บางทียาตัวนี้อาจจะไม่สามารถฉีดสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปในร่างกายได้ การฉีดยาให้กับทุกคนสามารถผ่านไปได้ด้วยดี แต่ว่าเมื่อเมย์ริสได้ฉีดยาให้กับวูฟล์เขาก็ได้เจอกับปัญหายุ่งยากเข้าให้แล้ว ผิวหนังในร่างกายทุกส่วนของวูล์ฟนั้นแข็งมาก เข็มฉีดยาอันเล็กแค่นี้จึงไม่สามารถทะลุผิวหนังของเขาได้เลย

        วูล์ฟเห็นทุกคนมองมาที่ร่างกายของเขาไปมาอย่างสงสัย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาจึงได้ทำการปิดก้นของตัวเองไว้ และพูดขึ้นว่า “ไม่นะ ฉันไม่อยากตาย”

        สีหน้าของทุกคนแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ไอ้เจ้าบ้าวูล์ฟ แกจะคิดแบบนี้ออกมาไม่ได้ เจ้าบ้านี่คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย เมื่อเห็นว่าวูล์ฟกำลังมีปัญหาอยู่ตรงนั้น เฮลัวส์จึงเตะเข้าไปที่ก้นของวูล์ฟหนึ่งที จนทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นเมย์ริสจึงเดินไปพร้อมกับนำเข็มฉีดยาติดมือไปด้วย

        “ไม่ฉีด!”

        …….

        หลังจากฉีดยาเสร็จแล้ว ไป๋อี้จึงได้เปิดกล่องเซฟลับอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงได้หยิบก้อนกล้ามเนื้อของร่างแม่แบบทดลองที่เขาได้ตัดมันออกมาก่อนหน้านี้ขึ้นมา พูดตามตรงก้อนเนื้อของร่างแม่แบบทดลองที่ไม่มีชีวิตแล้วนั้นเมื่อมองดูแล้วมันเหมือนกับซากมัมมี่แห้ง ๆ เนื่องจากการปะทุของร่างแม่แบบทดลองในก่อนหน้านี้ทำให้ส่วนที่เป็นแก่นสำคัญของตัวมันเองได้พ่นปะทุออกไปจนเกือบหมดแล้ว ถึงจะเป็นเพียงก้อนเนื้อที่แห้งเหี่ยวแบบนี้ แต่ทว่ามันกลับมีพลังดึงดูดที่ร้ายแรงต่อร่างทดลองทั้งหลายอย่างมหศาล

        ทันทีที่นำก้อนเนื้อขนาดเท่าลูกฟุตบอลออกมา มันทำให้ทุกคนได้หายใจหนักหน่วงขึ้น

        ไป๋อี้ได้หยิบมีดทำครัวออกมาจากทางด้านหลังและตัดก้อนเนื้อออกเป็นเจ็ดส่วนเท่า ๆ กันจากนั้นจึงวางไว้ด้านบนของเสาไม้ ไป๋อี้ไม่ได้คิดว่าจะได้ทำอาหารจากสิ่งนี้ โดยการทำอาหารนั้นต้องรู้เกี่ยววัตถุดิบหลายอย่าง ถ้าหากคุณไม่รู้เกี่ยวกับวิธีปรุงอาหารอาจจะต้องสูญเสียเนื้อในส่วนที่ดีที่สุดไป

         “ฉันไม่รู้ว่าเนื้อสิ่งนี้แท้ที่จริงแล้วมันจะมีส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร แต่แค่เพียงมองมันกลับทำให้รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่าง นั่นทำให้รู้เลยว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งธรรมดาอย่างแน่นอน”

         “โอเค ฉันรู้คำตอบของทุกคนแล้ว แต่ว่า  ฉันต้องให้คนใดคนหนึ่งได้ลองก่อน”

         “ฉัน ฉันเอง!” วูล์ฟพูดขึ้น โดยที่ยังไม่ทันรอให้ไป๋อี้ปฏิเสธ เขาก็คว้าชิ้นเนื้อด้วยมืออันใหญ่โตของเขาและได้โยนเข้าไปในปากอันน่ากลัวนั่นในทันที

        การกระทำของวูล์ฟทำให้ทุกคนต่างล้วนอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เมื่อวูลฟ์ได้กินมันเข้าไปแล้ว ทุกคนทำได้แค่เพียงมองและรอคำตอบจากเขาอย่างเงียบ ๆ

        “แก่มาก เหนียวและแห้งมาก ไม่รู้สึกถึงความอร่อยเลย ทำไมกลับรู้สึกอยากกินมันนะ แปลกจริง ๆ” วูล์ฟพูดขึ้นในขณะที่กำลังพยายามเคี้ยวก้อนเนื้อไปด้วย เมื่อผ่านไปไม่กี่วินาที ก้อนเนื้อที่แห้งเหี่ยวก็ได้หายเข้าไปในปากของวูล์ฟในที่สุด หลังจากที่วูล์ฟกินมันทุกคนจ้องมองไปที่วูล์ฟและรอคอยอย่างเงียบ ๆ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับวูล์ฟหรือไม่

        อย่างไรก็ตามหลังจากรอมานานกว่าครึ่งชั่วโมงวูล์ฟก็ไม่ได้เกิดเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ในเวลานี้ร่างทดลองที่มาที่นี่พวกมันได้กลิ่นของเนื้อสดจึงได้ล้อมรอบและปรากฏออกมาเป็นวงล้อมขนาดใหญ่ วูล์ฟมองไปยังก้อนเนื้อหกชิ้นที่เหลืออยู่ด้วยน้ำลายสอที่กำลังไหลออกมาจากปากอันใหญ่ขงเขาอย่างไม่ขาดสาย

  ไหนว่าไม่อร่อยไง!

  “ไป๋อี้ ไม่ต้องรอแล้วล่ะ” เฮลัวส์มองไปที่ไป๋อี้และพูดขึ้นมา

        ไป๋อี้จ้องมองไปที่ดวงตาของทุกคนและได้รับรู้ว่าพวกเขาต่างล้วนโหยหาเนื้อสดชิ้นนั้น เนื่องจากในตอนนี้วูล์ฟได้กินมันไปแล้ว ถ้าหากว่าต่อจากนี้มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจริิง ๆ ทุก ๆ คนก็ต้องยอมรับมันแต่โดยดี  หลังจากที่ไป๋อี้พยักหน้า ทุก ๆ คนจึงรีบพุ่งไปที่เนื้อสดที่อยู่ตรงกลางทันที การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วจนหน้าทึ่ง เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ทนไม่ได้แล้ว

        ไป๋อี้ที่อยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาได้หยิบเนื้อสดที่เหลือนำมาคิดวิเคราะห์สักครู่หลังจากนั้นจึงกัดมันเข้าปากไป เป็นอย่างที่วูล์ฟพูดไว้เนื้อสดนี่ไม่อร่อยจริง ๆ มันมีรสคาวและแห้ง แต่แปลกมากที่ร่างกายของทุกคนกระตือรือร้นที่จะกินสิ่งนี้แม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่ามันไม่อร่อยเลยก็ตาม  แต่ว่าพวกเขาก็กินมันอย่างหิวกระหาย

        หลังจากที่ไป๋อี้และคนอื่นได้กินเนื้อสดกันไปจนหมดแล้ว จึงทำให้กลิ่นที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ค่อย ๆ จางหายไป สัตว์ประหลาดที่รีบมาที่นี่ต่างพากันงงงวย ในขณะที่พวกมันยังคงสูดหากลิ่นในอากาศจนถึงที่สุด พวกมันก็ต้องมองหารอบ ๆ ด้วยความผิดหวัง

        และหลังจากที่พวกเขากินเนื้อสดกันเสร็จแล้ว ทุก ๆ คนต่างก็นั่งล้อมรอบกันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ทำอะไร พวกเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างช้า ๆ สิ่งที่น่าดึงดูดเช่นนี้อีกทั้งยังเป็นเนื้อของร่างแม่แบบทดลองมันควรจะมีผลอย่างมากต่อพวกเขาซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการอันเนื่องมาจากการได้รับเซลล์มาจากร่างแม่แบบทดลอง

        หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง ……. หลังจากสามชั่วโมงไปทุกคนมองหน้ากันอย่างสงสัย

        น่าแปลก นอกจากจะเกิดความรู้สึกหิวกระหายเมื่อได้กินมันแล้ว หลังจากที่กินมันกลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย และตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้วด้วย ร่างกายที่ควรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้างสักนิดแต่กลับไม่มีผลอะไรเลย

        “อย่ากังวลกับเรื่องนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เราจะสังเกตเห็นได้ทันที ตอนนี้เรามาคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีดีกว่า” ในที่สุดไป๋อี้ก็กล่าวขึ้นมา เขาดึงความสงสัยและความสนใจของทุกคนให้กลับมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 90 อธิษฐาน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 90 อธิษฐาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในที่สุดไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็สามารถหนีออกมาจากสถาบันวิจัยแห่งนั้นได้ ภาพเบื้องหลังของพวกเขานั้นคือพวกร่างทดลองทั้งหลายที่ได้วิ่งออกมาจากสถาบันวิจัยด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่พวกร่างทดลองได้รีบกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งหนึ่ง ด้านนอกจึงเหลือเพียงผู้ที่ออกมาแล้วค่อนข้างไกลเท่านั้น เนื่องจากด้านนอกนั้นมีพื้นที่กว้างขวางทำให้กลิ่นที่ยั่วยวนใจค่อย ๆ จืดจางไป หลังจากนั้นพวกที่เหลืออยู่จึงไม่ได้ถูกกลิ่นดึงดูดให้กลับเข้าไปด้านในอีก

        ในสถาบันวิจัย ร่างกายที่ขาดวิ่นของร่างแม่แบบทดลองได้จมอยู่ภายใต้เลือดและเศษเนื้อ หลังจากเลือดเนื้อเหล่านี้ได้สัมผัสกับเลือดเนื้อของร่างแม่แบบทดลองมันก็ค่อย ๆ ปล่อยกลิ่นที่น่าหลงใหลนั้นออกมา แม้ว่ากลิ่นนั้นจะไม่ชัดเท่ากลิ่นที่มาจากร่างแม่แบบทดลองโดยตรงแต่ก็ยังคงดึงดูดร่างทดลองทั้งหมดให้สู้ต่อกันไปอย่างไม่ขาดสายเพราะมีร่างแม่แบบทดลองกว่าครึ่งหนึ่งได้ระคนปนอยู่ในท่ามกลางเลือดเนื้อเหล่านั้น

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้หันกลับไปมองที่สถาบันวิจัย พวกเขาเงียบอยู่นาน …… สถาบันวิยแห่งชาติตองการิโร่! ที่นั่นมีสิ่งต่าง ๆ มากมายฝังอยู่ในนั้น

  ————————————————

        หลังจากได้ออกมาจากสถาบันวิจัยได้ไม่นาน ไป๋อี้และคนอื่น ๆ มองโลกภายนอกด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากที่นี่เคยเป็นอุทยานระบบนิเวศทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพทางธรรมชาติมากกว่า 90% แต่ตอนนี้ไป๋อี้และทุกคนไม่สามารถจดจำภาพเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ พืชทุกชนิดที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่งและในป่าเขียวชอุ่มแห่งนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงบและมีชีวิตชีวา

  เช่นเดียวกับที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้คาดการณ์มาก่อนหน้านี้แล้วว่าการผสานรวมเซล์ดัดแปลงในพืชทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็วจนได้กลายมาเป็นพื้นฐานของห่วงโซ่ชีวภาพใหม่ของนิวซีแลนด์

         “ไปกันเถอะ หาสถานที่ที่เงียบสงบก่อน” ไป๋อี้ได้พูดกับทุกคน

        หากพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว การหนีออกมาจากสถาบันวิจัยในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะร่างแม่แบบทดลองปล่อยกลิ่นอายอันน่าหลงใหลเย้ายวนออกมาในตอนท้าย เกรงว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ คงจะไม่สามารถออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้ง่าย ๆ เช่นนี้ ร่างแม่แบบทดลองเป็นแหล่งกำเนิดของร่างทดลองและสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหมดหากจะกล่าวว่าร่างแม่แบบมีบทบาทสำคัญมากในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั่นก็คงเป็นเรื่องจริง ไม่น่าแปลกใจหากร่างทดลองทั้งหลายจะต้องการกลืนกินร่างแม่แบบเช่นนั้น

        มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเดินในป่าทึบแห่งนี้ได้ แม้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะสามารถหนีรอดออกมาได้แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเดินไปได้ไกลมาก กลุ่มของไป๋อี้จึงได้หยุดอยู่ที่โขดหินแตกเพื่อพักผ่อน

         พวกเขาทั้งหมดนั้นต่างล้วนได้รับบาดเจ็บกันทุกคน คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักต่างก็กำลังรอรับการรักษาจากเมย์ริส ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็ได้ช่วยกันจัดพื้นที่ที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นที่พักชั่วคราวกันอย่างเงียบ ๆ

        ตอนนี้ทุกคนทำได้เพียงรอการฟื้นตัวตามธรรมชาติ หลังจากที่พวกเขาได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ได้นั่งล้อมรอบกันเป็นวงกลม จากนั้นท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงทำให้กองไฟที่อยู่ตรงกลางสะท้อนให้เห็นใบหน้าของแต่ละคน

        ไป๋อี้ได้หยิบกล่องเซฟแห่งความลับออกมา หลังจากนั้นเขาจึงหยิบหลอดฉีดยาออกมาจากด้านข้างอย่างลับๆ

        จากรูปแบบดั้งเดิมของยา Prototy นั้น แม้ว่าร่างกายจะมีการผสานรวมยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบทางกายภาพ แม้ยาชนิดนี้จะยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก แต่มันก็ใกล้จะสมบูรณ์ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้แล้ว นี่คือจุดประสงค์แรกเริ่มของไป๋อี้ที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องเดินทางไปยังสถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโร

     ไป๋อี้ได้เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจเฮือกใหญ่!

        ทุกคนล้วนไม่อยากรบกวนไป๋อี้ ในฐานะหัวหน้าทีม การเดินทางไปยังสถาบันวิจัยครั้งนี้มันทำให้ไป๋อี้ต้องแบกรับแรงกดดันและความเจ็บปวดในใจอย่างถึงที่สุด เพื่อนร่วมทีม เพื่อนในชีวิตจริง และคนที่ชอบ ……. ที่ไป๋อี้ยังสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้เพราะในตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ทันใดนั้นเองไป๋อี้ก็ได้ยื่นมือออกมาค่อย ๆ แตะโม่โม่และเมย์ริสอย่างช้า ๆ ทั้งสองยืนอยู่ข้างกายเขาทั้งสองฝั่ง ดังนั้นทุกคนจึงมองไปที่ไป๋อี้อย่างสงสัย

         “แม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเท่าไหร่นัก แต่ว่าตอนนี้ฉันอยากจะลองอธิษฐานสักครั้ง!”

        เมื่อทุกคนได้ยินที่ไป๋อี้พูดแบบนั้นพวกเขาจึงเกิดอาการมึนงงเล็กน้อย แต่ทว่าหลังจากนั้นพวกเขาได้จับมือกันและล้อมรอบเป็นวงกลมด้วยจิตที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ชาร์ไป่และพูพูก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของพวกเขาในตอนนี้ ยกเว้นว่าพวกมันจำเป็นต้องเข้าร่วมด้วยเท่านั้น พวกเขาได้นั่งยอง ๆ บนพื้นอยู่กับทุกคน ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังหลับตาลงอย่างเงียบสงบท่ามกลางกองไฟที่กำลังเผาไหม้อย่างช้า ๆ

            “ขอบคุณที่เราได้พบกันและอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนที่สามารถมอบความไว้วางใจให้กันได้ ขอบคุณทุกคนสำหรับการต่อสู้อย่างสุดชีวิตไปด้วยกัน เพราะความพยายามเหล่านั้นทำให้พวกเรามายืนอยู่ในจุดนี้ได้สำเร็จ เราจะรักและเห็นคุณค่าของเพื่อนที่สูญเสียไปในระหว่างทางตลอดกาลพร้อมกับมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งด้วยความหวังของพวกเขา สุดท้ายนี้ฉันหวังว่าทุกคนจะได้กลับไปสู่โลกที่สงบสุขและปลอดภัย” ไป๋อี้พูดช้า ๆ ตอนนี้ภายในจิตใจของทุกคนอยู่ในอาการเงียบสงบและเคร่งขรึม

หลังจากที่ไป๋อี้อธิษฐานเสร็จทุกคนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

        ในตอนนี้ทุกคนได้มองตรงไปยังน้ำยาสีฟ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อสิ่งนี้เองจึงทำให้ทุกคนต่อสู้มาจนถึงขนาดนี้และต้องสูญเสียเพื่อนไปมากมาย

         “ฉีดเลย!” ไป๋อี้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบหลอดยาขึ้นมา

        พูดตามตรงไม่มีใครรู้ว่าของสิ่งนี้จะมีผลกับคนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหรือไม่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การทดสอบแต่เพื่อไม่ให้เพื่อนที่พยายามทุ่มเทมาทั้งหมดสูญเปล่า ทุกคนจึงเลือกที่จะฉีดมัน ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังมีความคาดหวังว่าบางทีสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้

        การฉีดยาในครั้งนี้ถ้าให้เมย์ริสเป็นคนฉีดให้จะเป็นการดีกว่า บางทียาตัวนี้อาจจะไม่สามารถฉีดสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปในร่างกายได้ การฉีดยาให้กับทุกคนสามารถผ่านไปได้ด้วยดี แต่ว่าเมื่อเมย์ริสได้ฉีดยาให้กับวูฟล์เขาก็ได้เจอกับปัญหายุ่งยากเข้าให้แล้ว ผิวหนังในร่างกายทุกส่วนของวูล์ฟนั้นแข็งมาก เข็มฉีดยาอันเล็กแค่นี้จึงไม่สามารถทะลุผิวหนังของเขาได้เลย

        วูล์ฟเห็นทุกคนมองมาที่ร่างกายของเขาไปมาอย่างสงสัย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาจึงได้ทำการปิดก้นของตัวเองไว้ และพูดขึ้นว่า “ไม่นะ ฉันไม่อยากตาย”

        สีหน้าของทุกคนแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ไอ้เจ้าบ้าวูล์ฟ แกจะคิดแบบนี้ออกมาไม่ได้ เจ้าบ้านี่คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย เมื่อเห็นว่าวูล์ฟกำลังมีปัญหาอยู่ตรงนั้น เฮลัวส์จึงเตะเข้าไปที่ก้นของวูล์ฟหนึ่งที จนทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นเมย์ริสจึงเดินไปพร้อมกับนำเข็มฉีดยาติดมือไปด้วย

        “ไม่ฉีด!”

        …….

        หลังจากฉีดยาเสร็จแล้ว ไป๋อี้จึงได้เปิดกล่องเซฟลับอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงได้หยิบก้อนกล้ามเนื้อของร่างแม่แบบทดลองที่เขาได้ตัดมันออกมาก่อนหน้านี้ขึ้นมา พูดตามตรงก้อนเนื้อของร่างแม่แบบทดลองที่ไม่มีชีวิตแล้วนั้นเมื่อมองดูแล้วมันเหมือนกับซากมัมมี่แห้ง ๆ เนื่องจากการปะทุของร่างแม่แบบทดลองในก่อนหน้านี้ทำให้ส่วนที่เป็นแก่นสำคัญของตัวมันเองได้พ่นปะทุออกไปจนเกือบหมดแล้ว ถึงจะเป็นเพียงก้อนเนื้อที่แห้งเหี่ยวแบบนี้ แต่ทว่ามันกลับมีพลังดึงดูดที่ร้ายแรงต่อร่างทดลองทั้งหลายอย่างมหศาล

        ทันทีที่นำก้อนเนื้อขนาดเท่าลูกฟุตบอลออกมา มันทำให้ทุกคนได้หายใจหนักหน่วงขึ้น

        ไป๋อี้ได้หยิบมีดทำครัวออกมาจากทางด้านหลังและตัดก้อนเนื้อออกเป็นเจ็ดส่วนเท่า ๆ กันจากนั้นจึงวางไว้ด้านบนของเสาไม้ ไป๋อี้ไม่ได้คิดว่าจะได้ทำอาหารจากสิ่งนี้ โดยการทำอาหารนั้นต้องรู้เกี่ยววัตถุดิบหลายอย่าง ถ้าหากคุณไม่รู้เกี่ยวกับวิธีปรุงอาหารอาจจะต้องสูญเสียเนื้อในส่วนที่ดีที่สุดไป

         “ฉันไม่รู้ว่าเนื้อสิ่งนี้แท้ที่จริงแล้วมันจะมีส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร แต่แค่เพียงมองมันกลับทำให้รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่าง นั่นทำให้รู้เลยว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งธรรมดาอย่างแน่นอน”

         “โอเค ฉันรู้คำตอบของทุกคนแล้ว แต่ว่า  ฉันต้องให้คนใดคนหนึ่งได้ลองก่อน”

         “ฉัน ฉันเอง!” วูล์ฟพูดขึ้น โดยที่ยังไม่ทันรอให้ไป๋อี้ปฏิเสธ เขาก็คว้าชิ้นเนื้อด้วยมืออันใหญ่โตของเขาและได้โยนเข้าไปในปากอันน่ากลัวนั่นในทันที

        การกระทำของวูล์ฟทำให้ทุกคนต่างล้วนอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เมื่อวูลฟ์ได้กินมันเข้าไปแล้ว ทุกคนทำได้แค่เพียงมองและรอคำตอบจากเขาอย่างเงียบ ๆ

        “แก่มาก เหนียวและแห้งมาก ไม่รู้สึกถึงความอร่อยเลย ทำไมกลับรู้สึกอยากกินมันนะ แปลกจริง ๆ” วูล์ฟพูดขึ้นในขณะที่กำลังพยายามเคี้ยวก้อนเนื้อไปด้วย เมื่อผ่านไปไม่กี่วินาที ก้อนเนื้อที่แห้งเหี่ยวก็ได้หายเข้าไปในปากของวูล์ฟในที่สุด หลังจากที่วูล์ฟกินมันทุกคนจ้องมองไปที่วูล์ฟและรอคอยอย่างเงียบ ๆ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับวูล์ฟหรือไม่

        อย่างไรก็ตามหลังจากรอมานานกว่าครึ่งชั่วโมงวูล์ฟก็ไม่ได้เกิดเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ในเวลานี้ร่างทดลองที่มาที่นี่พวกมันได้กลิ่นของเนื้อสดจึงได้ล้อมรอบและปรากฏออกมาเป็นวงล้อมขนาดใหญ่ วูล์ฟมองไปยังก้อนเนื้อหกชิ้นที่เหลืออยู่ด้วยน้ำลายสอที่กำลังไหลออกมาจากปากอันใหญ่ขงเขาอย่างไม่ขาดสาย

  ไหนว่าไม่อร่อยไง!

  “ไป๋อี้ ไม่ต้องรอแล้วล่ะ” เฮลัวส์มองไปที่ไป๋อี้และพูดขึ้นมา

        ไป๋อี้จ้องมองไปที่ดวงตาของทุกคนและได้รับรู้ว่าพวกเขาต่างล้วนโหยหาเนื้อสดชิ้นนั้น เนื่องจากในตอนนี้วูล์ฟได้กินมันไปแล้ว ถ้าหากว่าต่อจากนี้มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจริิง ๆ ทุก ๆ คนก็ต้องยอมรับมันแต่โดยดี  หลังจากที่ไป๋อี้พยักหน้า ทุก ๆ คนจึงรีบพุ่งไปที่เนื้อสดที่อยู่ตรงกลางทันที การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วจนหน้าทึ่ง เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ทนไม่ได้แล้ว

        ไป๋อี้ที่อยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาได้หยิบเนื้อสดที่เหลือนำมาคิดวิเคราะห์สักครู่หลังจากนั้นจึงกัดมันเข้าปากไป เป็นอย่างที่วูล์ฟพูดไว้เนื้อสดนี่ไม่อร่อยจริง ๆ มันมีรสคาวและแห้ง แต่แปลกมากที่ร่างกายของทุกคนกระตือรือร้นที่จะกินสิ่งนี้แม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่ามันไม่อร่อยเลยก็ตาม  แต่ว่าพวกเขาก็กินมันอย่างหิวกระหาย

        หลังจากที่ไป๋อี้และคนอื่นได้กินเนื้อสดกันไปจนหมดแล้ว จึงทำให้กลิ่นที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ค่อย ๆ จางหายไป สัตว์ประหลาดที่รีบมาที่นี่ต่างพากันงงงวย ในขณะที่พวกมันยังคงสูดหากลิ่นในอากาศจนถึงที่สุด พวกมันก็ต้องมองหารอบ ๆ ด้วยความผิดหวัง

        และหลังจากที่พวกเขากินเนื้อสดกันเสร็จแล้ว ทุก ๆ คนต่างก็นั่งล้อมรอบกันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ทำอะไร พวกเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างช้า ๆ สิ่งที่น่าดึงดูดเช่นนี้อีกทั้งยังเป็นเนื้อของร่างแม่แบบทดลองมันควรจะมีผลอย่างมากต่อพวกเขาซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการอันเนื่องมาจากการได้รับเซลล์มาจากร่างแม่แบบทดลอง

        หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง ……. หลังจากสามชั่วโมงไปทุกคนมองหน้ากันอย่างสงสัย

        น่าแปลก นอกจากจะเกิดความรู้สึกหิวกระหายเมื่อได้กินมันแล้ว หลังจากที่กินมันกลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย และตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้วด้วย ร่างกายที่ควรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้างสักนิดแต่กลับไม่มีผลอะไรเลย

        “อย่ากังวลกับเรื่องนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เราจะสังเกตเห็นได้ทันที ตอนนี้เรามาคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีดีกว่า” ในที่สุดไป๋อี้ก็กล่าวขึ้นมา เขาดึงความสงสัยและความสนใจของทุกคนให้กลับมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 90 อธิษฐาน

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 90 อธิษฐาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในที่สุดไป๋อี้และคนอื่น ๆ ก็สามารถหนีออกมาจากสถาบันวิจัยแห่งนั้นได้ ภาพเบื้องหลังของพวกเขานั้นคือพวกร่างทดลองทั้งหลายที่ได้วิ่งออกมาจากสถาบันวิจัยด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่พวกร่างทดลองได้รีบกลับเข้าไปข้างในอีกครั้งหนึ่ง ด้านนอกจึงเหลือเพียงผู้ที่ออกมาแล้วค่อนข้างไกลเท่านั้น เนื่องจากด้านนอกนั้นมีพื้นที่กว้างขวางทำให้กลิ่นที่ยั่วยวนใจค่อย ๆ จืดจางไป หลังจากนั้นพวกที่เหลืออยู่จึงไม่ได้ถูกกลิ่นดึงดูดให้กลับเข้าไปด้านในอีก

        ในสถาบันวิจัย ร่างกายที่ขาดวิ่นของร่างแม่แบบทดลองได้จมอยู่ภายใต้เลือดและเศษเนื้อ หลังจากเลือดเนื้อเหล่านี้ได้สัมผัสกับเลือดเนื้อของร่างแม่แบบทดลองมันก็ค่อย ๆ ปล่อยกลิ่นที่น่าหลงใหลนั้นออกมา แม้ว่ากลิ่นนั้นจะไม่ชัดเท่ากลิ่นที่มาจากร่างแม่แบบทดลองโดยตรงแต่ก็ยังคงดึงดูดร่างทดลองทั้งหมดให้สู้ต่อกันไปอย่างไม่ขาดสายเพราะมีร่างแม่แบบทดลองกว่าครึ่งหนึ่งได้ระคนปนอยู่ในท่ามกลางเลือดเนื้อเหล่านั้น

        ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้หันกลับไปมองที่สถาบันวิจัย พวกเขาเงียบอยู่นาน …… สถาบันวิยแห่งชาติตองการิโร่! ที่นั่นมีสิ่งต่าง ๆ มากมายฝังอยู่ในนั้น

  ————————————————

        หลังจากได้ออกมาจากสถาบันวิจัยได้ไม่นาน ไป๋อี้และคนอื่น ๆ มองโลกภายนอกด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากที่นี่เคยเป็นอุทยานระบบนิเวศทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพทางธรรมชาติมากกว่า 90% แต่ตอนนี้ไป๋อี้และทุกคนไม่สามารถจดจำภาพเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ พืชทุกชนิดที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่งและในป่าเขียวชอุ่มแห่งนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงบและมีชีวิตชีวา

  เช่นเดียวกับที่ไป๋อี้และคนอื่น ๆ ได้คาดการณ์มาก่อนหน้านี้แล้วว่าการผสานรวมเซล์ดัดแปลงในพืชทำให้มันเติบโตอย่างรวดเร็วจนได้กลายมาเป็นพื้นฐานของห่วงโซ่ชีวภาพใหม่ของนิวซีแลนด์

         “ไปกันเถอะ หาสถานที่ที่เงียบสงบก่อน” ไป๋อี้ได้พูดกับทุกคน

        หากพูดอย่างตรงไปตรงมาแล้ว การหนีออกมาจากสถาบันวิจัยในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่โชคดีมากอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะร่างแม่แบบทดลองปล่อยกลิ่นอายอันน่าหลงใหลเย้ายวนออกมาในตอนท้าย เกรงว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ คงจะไม่สามารถออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้ง่าย ๆ เช่นนี้ ร่างแม่แบบทดลองเป็นแหล่งกำเนิดของร่างทดลองและสิ่งมีชีวิตที่เกิดการวิวัฒนาการทั้งหมดหากจะกล่าวว่าร่างแม่แบบมีบทบาทสำคัญมากในสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั่นก็คงเป็นเรื่องจริง ไม่น่าแปลกใจหากร่างทดลองทั้งหลายจะต้องการกลืนกินร่างแม่แบบเช่นนั้น

        มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเดินในป่าทึบแห่งนี้ได้ แม้ว่าไป๋อี้และคนอื่น ๆ จะสามารถหนีรอดออกมาได้แต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเดินไปได้ไกลมาก กลุ่มของไป๋อี้จึงได้หยุดอยู่ที่โขดหินแตกเพื่อพักผ่อน

         พวกเขาทั้งหมดนั้นต่างล้วนได้รับบาดเจ็บกันทุกคน คนที่ได้รับบาดเจ็บหนักต่างก็กำลังรอรับการรักษาจากเมย์ริส ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็ได้ช่วยกันจัดพื้นที่ที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นที่พักชั่วคราวกันอย่างเงียบ ๆ

        ตอนนี้ทุกคนทำได้เพียงรอการฟื้นตัวตามธรรมชาติ หลังจากที่พวกเขาได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ได้นั่งล้อมรอบกันเป็นวงกลม จากนั้นท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงทำให้กองไฟที่อยู่ตรงกลางสะท้อนให้เห็นใบหน้าของแต่ละคน

        ไป๋อี้ได้หยิบกล่องเซฟแห่งความลับออกมา หลังจากนั้นเขาจึงหยิบหลอดฉีดยาออกมาจากด้านข้างอย่างลับๆ

        จากรูปแบบดั้งเดิมของยา Prototy นั้น แม้ว่าร่างกายจะมีการผสานรวมยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบทางกายภาพ แม้ยาชนิดนี้จะยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก แต่มันก็ใกล้จะสมบูรณ์ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้แล้ว นี่คือจุดประสงค์แรกเริ่มของไป๋อี้ที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องเดินทางไปยังสถาบันวิจัยอุทยานแห่งชาติตองการิโร

     ไป๋อี้ได้เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจเฮือกใหญ่!

        ทุกคนล้วนไม่อยากรบกวนไป๋อี้ ในฐานะหัวหน้าทีม การเดินทางไปยังสถาบันวิจัยครั้งนี้มันทำให้ไป๋อี้ต้องแบกรับแรงกดดันและความเจ็บปวดในใจอย่างถึงที่สุด เพื่อนร่วมทีม เพื่อนในชีวิตจริง และคนที่ชอบ ……. ที่ไป๋อี้ยังสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้เพราะในตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ทันใดนั้นเองไป๋อี้ก็ได้ยื่นมือออกมาค่อย ๆ แตะโม่โม่และเมย์ริสอย่างช้า ๆ ทั้งสองยืนอยู่ข้างกายเขาทั้งสองฝั่ง ดังนั้นทุกคนจึงมองไปที่ไป๋อี้อย่างสงสัย

         “แม้ว่าฉันจะเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเท่าไหร่นัก แต่ว่าตอนนี้ฉันอยากจะลองอธิษฐานสักครั้ง!”

        เมื่อทุกคนได้ยินที่ไป๋อี้พูดแบบนั้นพวกเขาจึงเกิดอาการมึนงงเล็กน้อย แต่ทว่าหลังจากนั้นพวกเขาได้จับมือกันและล้อมรอบเป็นวงกลมด้วยจิตที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ชาร์ไป่และพูพูก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมของพวกเขาในตอนนี้ ยกเว้นว่าพวกมันจำเป็นต้องเข้าร่วมด้วยเท่านั้น พวกเขาได้นั่งยอง ๆ บนพื้นอยู่กับทุกคน ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังหลับตาลงอย่างเงียบสงบท่ามกลางกองไฟที่กำลังเผาไหม้อย่างช้า ๆ

            “ขอบคุณที่เราได้พบกันและอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนที่สามารถมอบความไว้วางใจให้กันได้ ขอบคุณทุกคนสำหรับการต่อสู้อย่างสุดชีวิตไปด้วยกัน เพราะความพยายามเหล่านั้นทำให้พวกเรามายืนอยู่ในจุดนี้ได้สำเร็จ เราจะรักและเห็นคุณค่าของเพื่อนที่สูญเสียไปในระหว่างทางตลอดกาลพร้อมกับมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งด้วยความหวังของพวกเขา สุดท้ายนี้ฉันหวังว่าทุกคนจะได้กลับไปสู่โลกที่สงบสุขและปลอดภัย” ไป๋อี้พูดช้า ๆ ตอนนี้ภายในจิตใจของทุกคนอยู่ในอาการเงียบสงบและเคร่งขรึม

หลังจากที่ไป๋อี้อธิษฐานเสร็จทุกคนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

        ในตอนนี้ทุกคนได้มองตรงไปยังน้ำยาสีฟ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อสิ่งนี้เองจึงทำให้ทุกคนต่อสู้มาจนถึงขนาดนี้และต้องสูญเสียเพื่อนไปมากมาย

         “ฉีดเลย!” ไป๋อี้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบหลอดยาขึ้นมา

        พูดตามตรงไม่มีใครรู้ว่าของสิ่งนี้จะมีผลกับคนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดหรือไม่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การทดสอบแต่เพื่อไม่ให้เพื่อนที่พยายามทุ่มเทมาทั้งหมดสูญเปล่า ทุกคนจึงเลือกที่จะฉีดมัน ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังมีความคาดหวังว่าบางทีสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้

        การฉีดยาในครั้งนี้ถ้าให้เมย์ริสเป็นคนฉีดให้จะเป็นการดีกว่า บางทียาตัวนี้อาจจะไม่สามารถฉีดสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปในร่างกายได้ การฉีดยาให้กับทุกคนสามารถผ่านไปได้ด้วยดี แต่ว่าเมื่อเมย์ริสได้ฉีดยาให้กับวูฟล์เขาก็ได้เจอกับปัญหายุ่งยากเข้าให้แล้ว ผิวหนังในร่างกายทุกส่วนของวูล์ฟนั้นแข็งมาก เข็มฉีดยาอันเล็กแค่นี้จึงไม่สามารถทะลุผิวหนังของเขาได้เลย

        วูล์ฟเห็นทุกคนมองมาที่ร่างกายของเขาไปมาอย่างสงสัย พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาจึงได้ทำการปิดก้นของตัวเองไว้ และพูดขึ้นว่า “ไม่นะ ฉันไม่อยากตาย”

        สีหน้าของทุกคนแสดงออกถึงความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด ไอ้เจ้าบ้าวูล์ฟ แกจะคิดแบบนี้ออกมาไม่ได้ เจ้าบ้านี่คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย เมื่อเห็นว่าวูล์ฟกำลังมีปัญหาอยู่ตรงนั้น เฮลัวส์จึงเตะเข้าไปที่ก้นของวูล์ฟหนึ่งที จนทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น หลังจากนั้นเมย์ริสจึงเดินไปพร้อมกับนำเข็มฉีดยาติดมือไปด้วย

        “ไม่ฉีด!”

        …….

        หลังจากฉีดยาเสร็จแล้ว ไป๋อี้จึงได้เปิดกล่องเซฟลับอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงได้หยิบก้อนกล้ามเนื้อของร่างแม่แบบทดลองที่เขาได้ตัดมันออกมาก่อนหน้านี้ขึ้นมา พูดตามตรงก้อนเนื้อของร่างแม่แบบทดลองที่ไม่มีชีวิตแล้วนั้นเมื่อมองดูแล้วมันเหมือนกับซากมัมมี่แห้ง ๆ เนื่องจากการปะทุของร่างแม่แบบทดลองในก่อนหน้านี้ทำให้ส่วนที่เป็นแก่นสำคัญของตัวมันเองได้พ่นปะทุออกไปจนเกือบหมดแล้ว ถึงจะเป็นเพียงก้อนเนื้อที่แห้งเหี่ยวแบบนี้ แต่ทว่ามันกลับมีพลังดึงดูดที่ร้ายแรงต่อร่างทดลองทั้งหลายอย่างมหศาล

        ทันทีที่นำก้อนเนื้อขนาดเท่าลูกฟุตบอลออกมา มันทำให้ทุกคนได้หายใจหนักหน่วงขึ้น

        ไป๋อี้ได้หยิบมีดทำครัวออกมาจากทางด้านหลังและตัดก้อนเนื้อออกเป็นเจ็ดส่วนเท่า ๆ กันจากนั้นจึงวางไว้ด้านบนของเสาไม้ ไป๋อี้ไม่ได้คิดว่าจะได้ทำอาหารจากสิ่งนี้ โดยการทำอาหารนั้นต้องรู้เกี่ยววัตถุดิบหลายอย่าง ถ้าหากคุณไม่รู้เกี่ยวกับวิธีปรุงอาหารอาจจะต้องสูญเสียเนื้อในส่วนที่ดีที่สุดไป

         “ฉันไม่รู้ว่าเนื้อสิ่งนี้แท้ที่จริงแล้วมันจะมีส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร แต่แค่เพียงมองมันกลับทำให้รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่าง นั่นทำให้รู้เลยว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งธรรมดาอย่างแน่นอน”

         “โอเค ฉันรู้คำตอบของทุกคนแล้ว แต่ว่า  ฉันต้องให้คนใดคนหนึ่งได้ลองก่อน”

         “ฉัน ฉันเอง!” วูล์ฟพูดขึ้น โดยที่ยังไม่ทันรอให้ไป๋อี้ปฏิเสธ เขาก็คว้าชิ้นเนื้อด้วยมืออันใหญ่โตของเขาและได้โยนเข้าไปในปากอันน่ากลัวนั่นในทันที

        การกระทำของวูล์ฟทำให้ทุกคนต่างล้วนอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่เมื่อวูลฟ์ได้กินมันเข้าไปแล้ว ทุกคนทำได้แค่เพียงมองและรอคำตอบจากเขาอย่างเงียบ ๆ

        “แก่มาก เหนียวและแห้งมาก ไม่รู้สึกถึงความอร่อยเลย ทำไมกลับรู้สึกอยากกินมันนะ แปลกจริง ๆ” วูล์ฟพูดขึ้นในขณะที่กำลังพยายามเคี้ยวก้อนเนื้อไปด้วย เมื่อผ่านไปไม่กี่วินาที ก้อนเนื้อที่แห้งเหี่ยวก็ได้หายเข้าไปในปากของวูล์ฟในที่สุด หลังจากที่วูล์ฟกินมันทุกคนจ้องมองไปที่วูล์ฟและรอคอยอย่างเงียบ ๆ เพื่อที่จะดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับวูล์ฟหรือไม่

        อย่างไรก็ตามหลังจากรอมานานกว่าครึ่งชั่วโมงวูล์ฟก็ไม่ได้เกิดเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ในเวลานี้ร่างทดลองที่มาที่นี่พวกมันได้กลิ่นของเนื้อสดจึงได้ล้อมรอบและปรากฏออกมาเป็นวงล้อมขนาดใหญ่ วูล์ฟมองไปยังก้อนเนื้อหกชิ้นที่เหลืออยู่ด้วยน้ำลายสอที่กำลังไหลออกมาจากปากอันใหญ่ขงเขาอย่างไม่ขาดสาย

  ไหนว่าไม่อร่อยไง!

  “ไป๋อี้ ไม่ต้องรอแล้วล่ะ” เฮลัวส์มองไปที่ไป๋อี้และพูดขึ้นมา

        ไป๋อี้จ้องมองไปที่ดวงตาของทุกคนและได้รับรู้ว่าพวกเขาต่างล้วนโหยหาเนื้อสดชิ้นนั้น เนื่องจากในตอนนี้วูล์ฟได้กินมันไปแล้ว ถ้าหากว่าต่อจากนี้มีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นจริิง ๆ ทุก ๆ คนก็ต้องยอมรับมันแต่โดยดี  หลังจากที่ไป๋อี้พยักหน้า ทุก ๆ คนจึงรีบพุ่งไปที่เนื้อสดที่อยู่ตรงกลางทันที การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วจนหน้าทึ่ง เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ทนไม่ได้แล้ว

        ไป๋อี้ที่อยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาได้หยิบเนื้อสดที่เหลือนำมาคิดวิเคราะห์สักครู่หลังจากนั้นจึงกัดมันเข้าปากไป เป็นอย่างที่วูล์ฟพูดไว้เนื้อสดนี่ไม่อร่อยจริง ๆ มันมีรสคาวและแห้ง แต่แปลกมากที่ร่างกายของทุกคนกระตือรือร้นที่จะกินสิ่งนี้แม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่ามันไม่อร่อยเลยก็ตาม  แต่ว่าพวกเขาก็กินมันอย่างหิวกระหาย

        หลังจากที่ไป๋อี้และคนอื่นได้กินเนื้อสดกันไปจนหมดแล้ว จึงทำให้กลิ่นที่อยู่ในบริเวณรอบ ๆ ค่อย ๆ จางหายไป สัตว์ประหลาดที่รีบมาที่นี่ต่างพากันงงงวย ในขณะที่พวกมันยังคงสูดหากลิ่นในอากาศจนถึงที่สุด พวกมันก็ต้องมองหารอบ ๆ ด้วยความผิดหวัง

        และหลังจากที่พวกเขากินเนื้อสดกันเสร็จแล้ว ทุก ๆ คนต่างก็นั่งล้อมรอบกันอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ทำอะไร พวกเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างช้า ๆ สิ่งที่น่าดึงดูดเช่นนี้อีกทั้งยังเป็นเนื้อของร่างแม่แบบทดลองมันควรจะมีผลอย่างมากต่อพวกเขาซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการอันเนื่องมาจากการได้รับเซลล์มาจากร่างแม่แบบทดลอง

        หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง ……. หลังจากสามชั่วโมงไปทุกคนมองหน้ากันอย่างสงสัย

        น่าแปลก นอกจากจะเกิดความรู้สึกหิวกระหายเมื่อได้กินมันแล้ว หลังจากที่กินมันกลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย และตอนนี้ก็ผ่านมานานแล้วด้วย ร่างกายที่ควรจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้างสักนิดแต่กลับไม่มีผลอะไรเลย

        “อย่ากังวลกับเรื่องนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เราจะสังเกตเห็นได้ทันที ตอนนี้เรามาคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีดีกว่า” ในที่สุดไป๋อี้ก็กล่าวขึ้นมา เขาดึงความสงสัยและความสนใจของทุกคนให้กลับมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+