[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 76 หยาดน้ำตา

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 76 หยาดน้ำตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ‘ขอโทษนะ ลุงไป๋ โม่โม่!’ ราวกับว่าเสียงพร่ำร้องที่เต็มไปด้วยความเสียใจลอยมาจากห้วงอวกาศอันมืดมิดที่ไหนสักแห่ง จิตใจของไป๋อี้ล่องลอยอยู่ในภวังค์ แต่ทว่าเขาได้ยินเสียงลมหายใจสุดท้ายของหงฉี่ฮว๋าอย่างชัดเจน ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงนี้มาจากไหน แต่มันเป็นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจากหงฉี่ฮว๋าอย่างลึกซึ้ง

  หงฉี่ฮว๋า …… ตายแล้ว!

  ทันใดนั้นน้ำตาร้อนผ่าวก็ไหลออกมาจากดวงตาของไป๋อี้และค่อย ๆ ไหลลงมาอาบที่หน้าแก้มของเขา ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่ต้องพูดขอโทษ สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดก็คือยังมีอีกหนึ่งคำที่ฉันยังไม่เคยได้พูดกับเธอ …… ฉี่ฮว๋า!

  ฉันช่างโง่เขลา ฉันมักจะคิดว่ายังมีเวลามากเพียงพอ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องรอจนกว่าจะสูญเสียมันไปถึงได้ค้นพบว่าเธอนั้นช่างมีคุณค่ากับฉันมาก!

  ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนฉายผ่านความคิดของไป๋อี้ ทั้งภาพมาร์ตินถูกฆ่าต่อหน้าเขาจนกลายเป็นชิ้น ๆ ภาพซาร่าที่มีเลือดอาบทั่วร่างกายจับราวประตูไว้และเผยรอยยิ้มสุดท้ายของเธอต่อโม่โม่ หงฉี่ฮว๋าเอนกายลงบนพื้น ที่หัวใจของเธอมีมีดวิลโลว์เล่มเล็กที่ไป๋อี้เคยให้ไว้ปักอยู่ แววตาสุดท้ายของเธอแสดงถึงความเสียใจและว่างเปล่า …… น้ำตาของไป๋อี้ยังคงไหลออกมาจากดวงตาของเขาอย่างต่อเนื่อง

  ฉันจะมาตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!

  ไม่ได้เด็ดขาด!

  ฉันยังไม่ได้ชดใช้ความผิดของฉัน ฉันยังไม่ได้พาเพื่อน ๆ ออกจากโลกที่โหดร้ายนี้ ฉันจะตายที่นี่ได้อย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด หัวใจของไป๋อี้ร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง ท่าทีการแสดงออกของเขาดูน่ากลัวอย่างมาก เมื่อทุกคนรอบข้างเห็นการแสดงออกของไป๋อี้พวกเขาก็ตกใจและคิดว่ามีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นกับไป๋อี้

  อย่างไรก็ตามในขณะที่เดิมทีการไหลเวียนเลือดของไป๋อี้หยุดลง อีกทั้งเลือดก็ค่อย ๆ เย็นตัว แต่ทว่าทันใดนั้นระบบไหลเวียนเลือดเริ่มไหลอีกครั้งอย่างช้า ๆ หัวใจของไป๋อี้ถูกหลอมรวมอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นหัวใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา จากที่ไม่มีสัญญาณชีพจนเริ่มได้ยินเสียง ตึกตัก …… ตึกตัก หัวใจที่หยุดเต้นเริ่มกลับมาสูบฉีดอีกครั้ง

  “อ๊ากกก อ๊ากกก……!” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็คำรามอย่างดุดัน ดวงตาของเขาจับจ้องเขม็งราวกับจะถลนออกมา

  ดวงตาของไป๋อี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานแดงก่ำและทันใดนั้นลวดลายสีสันบนแขนขาของไป๋อี้ก็เลือนหายไปอย่างช้า ๆ แต่ดูราวกับว่าดวงตาของเขากำลังดูดซับลวดลายสีสันเหล่านั้นเข้ามา ทันใดนั้นก็มีลวดลายแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ขอบของรูม่านตา ทุกคนจ้องไปที่ไป๋อี้ราวกับว่าพวกเขาจมดิ่งสู่โลกที่มีสีสันไปชั่วขณะหนึ่งและนั่นทำให้สติสัมปชัญญะของพวกเขาเลือนหายไป

  ไป๋อี้เดินมาที่หน้าประตูห้องกักขังด้วยตัวคนเดียว เขามองดูสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานรวมยีนต่าง ๆ เอาไว้ พวกมันสิบกว่าตัวอยู่นอกประตูนี้

  ตื่นกลัว!

  รูม่านตาของไป๋อี้ขยายขึ้นอีกครั้งในชั่วขณะหนึ่ง สัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนทั้งหลายที่อยู่นอกประตูต่างก็ส่องสะท้อนจับจ้องไปที่ลวดลายในม่านตาของไป๋อี้ทันที จากนั้นราวกับพวกมันได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด พวกมันหันกลับมาและหนีไปด้วยความหวาดกลัว ไกลออกไปสัตว์ประหลาดที่ยังคงเริ่มใกล้เข้ามาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสัตว์ป่าที่ดุร้าย นั่นทำให้พวกมันรู้สึกกลัวโดยสัญชาตญาณจากนั้นพวกมันทั้งหมดก็เลี่ยงหลบไป

  ไป๋อี้หันหน้าไปมองกล้องที่อยู่ในห้องกักขัง

  “ไนท์ เธอจะไม่เปิดประตูใหญ่จริง ๆ เหรอ?” ไป๋อี้ถาม

  “ขอโทษจริง ๆ ฉันก็อยากเปิดประตูอยู่หรอก แต่หน้าที่ความรับผิดชอบของฉันบอกว่าไม่ควรทำแบบนั้น” เสียงของไนท์ดังมาจากอากาศ เธอพูดตรงไปตรงมาแม้แต่จิตสำนึกที่เรียบง่ายและเป็นอิสระของไนท์เองก็รู้สึกตกใจกับกลุ่มของไป๋อี้

  “ที่นี่ควรจะมีที่ที่ปลอดภัยชั่วคราวสิน่า บอกฉันได้ไหม?”

  “ออกไปจากตรงนี้ แล้วเดินไปตามทางเดิน ทางด้านซ้ายมีทางเดินอีก 400 เมตรฉันจะเปิดห้องให้คุณ มีห้องวิจัยเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันเป็นสถานที่ที่ให้นักวิจัยทำการทดลองพื้นฐาน ที่นั่นน่าจะมีสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งยาและเครื่องมือต่าง ๆ ว่าแต่ตอนนี้คุณสามารถไปที่นั่นได้หรือไม่?” ในตอนนี้ไนท์ดูเหมือนจะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดียวกับไป๋อี้ แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะตัวไนท์เองยังคงต้องปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ นั่นทำให้เธอจึงไม่สามารถทำตามความประสงค์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์

  “ได้ ไม่มีปัญหา” ไป๋อี้พยักหน้ารับและตบไหล่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องกักขัง

  หลังจากมองกลับไปที่ไป๋อี้อีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์และความเฉื่อยชา พวกเขามองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของไป๋อี้แปลกเหลือเกิน ตอนนี้แทบจะหาเหตุผลมาอธิบายถึงการวิวัฒนาการเชิงชีววิทยาไม่ได้แล้ว การวิวัฒนาการจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในเวลาอันสั้นได้จริงหรือ?

  “พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ มีทางเดินอยู่ห่างออกไป 400 เมตรทางด้านซ้าย ที่นั่นสามารถพักผ่อนได้ ไนท์จะเปิดประตูทางเข้าให้พวกเรา” ไป๋อี้พูดกับทุกคน

  ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของไป๋อี้ แม้ว่าจะยังมีสัตว์ประหลาดมากมายอยู่ข้างนอกนั่นก็ตาม แต่เมื่อกลุ่มคนประคับประคองกันเดินออกมาที่ทางเดิน พวกเขาก็พบว่าเมื่อสัตว์ประหลาดทั้งหลายมองเห็นไป๋อี้จากระยะไกลพวกมันก็หลบหลีกไปในทันที

  “ไป๋อี้ ดวงตาของคุณ?” เมย์ริสอยากจะถาม

  “ไม่มีอะไร มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง เป็นการเลียนแบบทางชีววิทยาเท่านั้นเอง มันทำให้ฉันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น” ไป๋อี้ค่อย ๆ อธิบาย แต่ว่า …… ทุกความแข็งแกร่งมีราคาที่ต้องจ่าย การเปลี่ยนแปลงในสายตาของไป๋อี้ถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์จากการตายของหงฉี่ฮว๋า ถ้าเลือกได้ไป๋อี้ก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้แน่นอน

  เมื่อเห็นว่าไป๋อี้ดูไม่ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้มากนัก เมย์ริสก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามต่อ กลุ่มไป๋อี้มาถึงห้องวิจัยขนาดเล็กที่ไนท์กล่าวอย่างปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนั้นมีครบครัน อาการบาดเจ็บของเมย์ริสและเฮลัวส์ถือว่าสาหัสน้อยที่สุด เธอทั้งสองเป็นผู้ที่มีความคล่องตัวมากพอที่จะใช้ห้องปฏิบัติการนี้ พวกเธอจึงเริ่มใช้ยาและเครื่องมือในการเริ่มปฐมพยาบาลทันที

  หลังจากที่ไป๋อี้เข้ามาในห้องนี้ สีสันลวดลายในดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป แต่สีสันตามขนปุย มือและเท้าของเขายังไม่หายไปไหน หลังจากตรวจสอบยืนยันความปลอดภัยแล้ว ไป๋อี้ก็ล้มตัวลงบนเตียง

  คนอื่น ๆ ถึงกับตกใจอีกครั้ง แต่หลังจากที่เมย์ริสตรวจดู เธอก็พูดกับทุกคนว่า “ไม่มีปัญหา ไป๋อี้เพียงแค่ระเบิดพลังเกินขีดจำกัดเท่านั้นและตอนนี้เขาก็ต้องนอนหลับเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ สัญญาณชีพของเขามีความมั่นคงมาก มันจะไม่เกิดสถานการณ์แบบเมื่อครู่นี้ขึ้นอีก”

  ในที่สุดคำอธิบายของเมย์ริสก็ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การใช้พลังเกินขีดจำกัดร้ายกาจเกินไปแล้ว!

  ……

  เมื่อไป๋อี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาสามวันให้หลังมาแล้ว พอไป๋อี้ลืมตาขึ้นเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างมืดมัวและสลัวเป็นอย่างมาก ไป๋อี้ยื่นมือคลำไปมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าเขาอยู่บนเตียง แต่ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้กลับไม่รู้สึกถึงมันเพราะร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่ของตัวเองและเขาไม่สามารถใช้พละกำลังใด ๆ ได้เลย

  เมย์ริสคอยดูแลไป๋อี้อยู่เสมอ ทันทีที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเธอก็รู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้เป็นเช่นนั้นหัวใจของเมย์ริสก็หล่นไปถึงตาตุ่มทันที

  ในสถานการณ์ลักษณะเช่นนี้ เหมือนกับตอนที่เธอเห็นผู้ป่วยคนอื่น …… สูญเสียการมองเห็น!

  “ไป๋อี้ ตื่นแล้วสินะ?”

  “อื้ม นั่นเมย์ริสเหรอ” แม้ว่าการแสดงออกของไป๋อี้จะดูสงบมาก แต่ท่าทางการคลำด้วยมือของเขาอย่างระมัดระวังเช่นนั้นไม่สามารถหลอกเมย์ริสได้ “ที่นี่มีแสงสว่างไหม?” ไป๋อี้ถาม

  เมย์ริสรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เธอไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี

  “อย่างนี้นี่เอง” ไป๋อี้พอจะเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้โดยที่ยังไม่ทันได้ยินคำตอบของเมย์ริส ร่างกายของเขา เขาย่อมรู้ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงสองครั้งสุดท้ายและการใช้สายตาของเขาไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างปกติ หากบอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้นำมาซึ่งผลสืบเนื่องใด ๆ สู่ดวงตาของเขาไป๋อี้ก็คงไม่อาจเชื่อได้อย่างแน่นอน

  “อย่ากังวลไปเลย มันน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้” เมย์ริสปลอบใจไป๋อี้

  “อื้ม” ไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกหวั่นใจนัก

  “ฉันพูดจริง ๆ นะ คุณไม่ได้ตาบอดแต่กำเนิด แต่เกิดจากการใช้สายตามากเกินไป โดยทั่วไปแล้วตราบใดที่คุณพักผ่อนและฟื้นตัว การมองเห็นของคุณก็จะได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน” เมย์ริสอธิบายแล้วเริ่ม ตรวจไป๋อี้อย่างจริงจัง การตรวจนี้ใช้เวลากว่าหลายชั่วโมง ในระหว่างที่คนอื่น ๆ ได้รับรู้ข่าวการตาบอดของไป๋อี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรอด้วยความระส่ำระส่าย

  “วางใจเถอะ ดวงตาของไป๋อี้ไม่ได้สูญเสียการมองเห็นไปอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่มีความอ่อนไหวที่ไวต่อแสงเท่านั้น เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของดวงตาก่อนหน้านี้ของไป๋อี้แน่ ๆ ฉันคิดว่าตราบใดที่ไป๋อี้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเขาก็จะสามารถฟื้นตัวได้ เพราะดวงตาของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไปจากปกติ” เมย์ริสกล่าวกับทุกคน

  “อะฮ่า ๆๆ ฉันว่าแล้ว คนอย่างเจ้าไป๋อี้นั่นน่ะเหรอ จะเป็นอะไรไปง่าย ๆ ได้ยังไง” วูล์ฟพูดอย่างโล่งใจ

  “ก็แค่ไม่เห็นแสง” เฮลัวส์กล่าวย้ำ

  “ใช่ ใช่” วูล์ฟพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้รู้สึกสบายใจและโล่งใจที่ได้ยินว่าในที่สุดวูล์ฟและเฮลัวส์ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง? แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ความรู้สึกระหว่างกันก็ไม่ได้ถูกแบ่งแยกด้วยรูปลักษณ์ภายนอก

  แต่ว่า หงฉี่ฮว๋า!

  ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงลมหายใจของหงฉี่ฮว๋าที่เขาได้ยินมาจากที่ไหนในเวลานั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไป๋อี้มั่นใจได้ก็คือมันไม่ใช่ภาพหลอนอย่างแน่นอน หงฉี่ฮว๋าตายไปแล้วจริง ๆ

  ……

  “คิดไม่ถึง ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่” ไนท์มองไปที่ร่างแม่แบบทดลองด้วยความประหลาดใจ

  “มันแปลกเหรอที่ฉันยังมีชีวิตอยู่” ร่างแม่แบบทดลองตอบกลับ ตรงหน้าเธอมีร่างหงฉี่ฮว๋านอนเปลือยอยู่

  “เปล่า มันก็แค่รู้สึกแปลกจริง ๆ ฉันคือปัญญาประดิษฐ์ที่ดูแลร่างทดลองทั้งหลายและร่างแม่แบบทดลองที่จุดชนวนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ทั้งหมด ในสถาบันวิจัยขนาดใหญ่นี้มีเราเหลืออยู่เพียงสองคนที่ไม่ใช่มนุษย์” ไนท์กล่าว “อย่างไรก็ตามคุณขอให้ฉันช่วยพาร่างของหงฉี่ฮว๋ามาที่นี่ทำไม?”

  “ไม่รู้สิ”

  “ไม่รู้งั้นเหรอ?” ไนท์ประหลาดใจ

  “ใช่ ไม่รู้ ฉันไม่รู้เหตุผล ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับพวกไป๋อี้” ร่างแม่แบบทดลองอธิบาย 

  “ทำไมต้องเก็บเป็นความลับ”

  “ก็ไม่รู้สิ”

  “คุณโง่เง่ารึไง ไม่รู้อะไรสักอย่าง” ไนท์ตอบกลับร่างแม่แบบทดลอง

  “ใช่ ฉันธรรมดามาก ๆ ฉันไม่มีความเด็ดเดี่ยวหรือความมั่นใจ …… เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากจะฝากความหวังไว้กับร่างของพวกเขา” ร่างแม่แบบทดลองพูด ทันใดนั้นหนวดสองสามเส้นก็โผล่ออกมาม้วนร่างที่เปลือยเปล่าของหงฉี่ฮว๋า จากนั้นก็วางลงบนท้องของตัวเองอย่างช้า ๆ ต่อมาบริเวณนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ร่างของหงฉี่ฮว๋าถูกกลืนลงไป หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หายไปในร่างของแม่แบบทดลองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั่นดูเหมือนว่าแม่แบบทดลองจะตั้งครรภ์อยู่

  “ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร การพูดกับคุณนี่ช่างน่าเบื่อจริง ๆ อย่างไรซะคุณก็กำลังจะตายเร็ว ๆ นี้ ลาก่อน แต่ฉันจะเก็บเป็นความลับให้” เสียงของไนท์ค่อย ๆ จางหายไป

  “ว่ายังไง ฉันก็คือเธอ……ลูกสาวครึ่งมนุษย์!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 76 หยาดน้ำตา

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 76 หยาดน้ำตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ‘ขอโทษนะ ลุงไป๋ โม่โม่!’ ราวกับว่าเสียงพร่ำร้องที่เต็มไปด้วยความเสียใจลอยมาจากห้วงอวกาศอันมืดมิดที่ไหนสักแห่ง จิตใจของไป๋อี้ล่องลอยอยู่ในภวังค์ แต่ทว่าเขาได้ยินเสียงลมหายใจสุดท้ายของหงฉี่ฮว๋าอย่างชัดเจน ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงนี้มาจากไหน แต่มันเป็นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจากหงฉี่ฮว๋าอย่างลึกซึ้ง

  หงฉี่ฮว๋า …… ตายแล้ว!

  ทันใดนั้นน้ำตาร้อนผ่าวก็ไหลออกมาจากดวงตาของไป๋อี้และค่อย ๆ ไหลลงมาอาบที่หน้าแก้มของเขา ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่ต้องพูดขอโทษ สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดก็คือยังมีอีกหนึ่งคำที่ฉันยังไม่เคยได้พูดกับเธอ …… ฉี่ฮว๋า!

  ฉันช่างโง่เขลา ฉันมักจะคิดว่ายังมีเวลามากเพียงพอ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องรอจนกว่าจะสูญเสียมันไปถึงได้ค้นพบว่าเธอนั้นช่างมีคุณค่ากับฉันมาก!

  ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนฉายผ่านความคิดของไป๋อี้ ทั้งภาพมาร์ตินถูกฆ่าต่อหน้าเขาจนกลายเป็นชิ้น ๆ ภาพซาร่าที่มีเลือดอาบทั่วร่างกายจับราวประตูไว้และเผยรอยยิ้มสุดท้ายของเธอต่อโม่โม่ หงฉี่ฮว๋าเอนกายลงบนพื้น ที่หัวใจของเธอมีมีดวิลโลว์เล่มเล็กที่ไป๋อี้เคยให้ไว้ปักอยู่ แววตาสุดท้ายของเธอแสดงถึงความเสียใจและว่างเปล่า …… น้ำตาของไป๋อี้ยังคงไหลออกมาจากดวงตาของเขาอย่างต่อเนื่อง

  ฉันจะมาตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!

  ไม่ได้เด็ดขาด!

  ฉันยังไม่ได้ชดใช้ความผิดของฉัน ฉันยังไม่ได้พาเพื่อน ๆ ออกจากโลกที่โหดร้ายนี้ ฉันจะตายที่นี่ได้อย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด หัวใจของไป๋อี้ร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง ท่าทีการแสดงออกของเขาดูน่ากลัวอย่างมาก เมื่อทุกคนรอบข้างเห็นการแสดงออกของไป๋อี้พวกเขาก็ตกใจและคิดว่ามีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นกับไป๋อี้

  อย่างไรก็ตามในขณะที่เดิมทีการไหลเวียนเลือดของไป๋อี้หยุดลง อีกทั้งเลือดก็ค่อย ๆ เย็นตัว แต่ทว่าทันใดนั้นระบบไหลเวียนเลือดเริ่มไหลอีกครั้งอย่างช้า ๆ หัวใจของไป๋อี้ถูกหลอมรวมอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นหัวใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา จากที่ไม่มีสัญญาณชีพจนเริ่มได้ยินเสียง ตึกตัก …… ตึกตัก หัวใจที่หยุดเต้นเริ่มกลับมาสูบฉีดอีกครั้ง

  “อ๊ากกก อ๊ากกก……!” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็คำรามอย่างดุดัน ดวงตาของเขาจับจ้องเขม็งราวกับจะถลนออกมา

  ดวงตาของไป๋อี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานแดงก่ำและทันใดนั้นลวดลายสีสันบนแขนขาของไป๋อี้ก็เลือนหายไปอย่างช้า ๆ แต่ดูราวกับว่าดวงตาของเขากำลังดูดซับลวดลายสีสันเหล่านั้นเข้ามา ทันใดนั้นก็มีลวดลายแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ขอบของรูม่านตา ทุกคนจ้องไปที่ไป๋อี้ราวกับว่าพวกเขาจมดิ่งสู่โลกที่มีสีสันไปชั่วขณะหนึ่งและนั่นทำให้สติสัมปชัญญะของพวกเขาเลือนหายไป

  ไป๋อี้เดินมาที่หน้าประตูห้องกักขังด้วยตัวคนเดียว เขามองดูสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานรวมยีนต่าง ๆ เอาไว้ พวกมันสิบกว่าตัวอยู่นอกประตูนี้

  ตื่นกลัว!

  รูม่านตาของไป๋อี้ขยายขึ้นอีกครั้งในชั่วขณะหนึ่ง สัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนทั้งหลายที่อยู่นอกประตูต่างก็ส่องสะท้อนจับจ้องไปที่ลวดลายในม่านตาของไป๋อี้ทันที จากนั้นราวกับพวกมันได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด พวกมันหันกลับมาและหนีไปด้วยความหวาดกลัว ไกลออกไปสัตว์ประหลาดที่ยังคงเริ่มใกล้เข้ามาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสัตว์ป่าที่ดุร้าย นั่นทำให้พวกมันรู้สึกกลัวโดยสัญชาตญาณจากนั้นพวกมันทั้งหมดก็เลี่ยงหลบไป

  ไป๋อี้หันหน้าไปมองกล้องที่อยู่ในห้องกักขัง

  “ไนท์ เธอจะไม่เปิดประตูใหญ่จริง ๆ เหรอ?” ไป๋อี้ถาม

  “ขอโทษจริง ๆ ฉันก็อยากเปิดประตูอยู่หรอก แต่หน้าที่ความรับผิดชอบของฉันบอกว่าไม่ควรทำแบบนั้น” เสียงของไนท์ดังมาจากอากาศ เธอพูดตรงไปตรงมาแม้แต่จิตสำนึกที่เรียบง่ายและเป็นอิสระของไนท์เองก็รู้สึกตกใจกับกลุ่มของไป๋อี้

  “ที่นี่ควรจะมีที่ที่ปลอดภัยชั่วคราวสิน่า บอกฉันได้ไหม?”

  “ออกไปจากตรงนี้ แล้วเดินไปตามทางเดิน ทางด้านซ้ายมีทางเดินอีก 400 เมตรฉันจะเปิดห้องให้คุณ มีห้องวิจัยเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันเป็นสถานที่ที่ให้นักวิจัยทำการทดลองพื้นฐาน ที่นั่นน่าจะมีสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งยาและเครื่องมือต่าง ๆ ว่าแต่ตอนนี้คุณสามารถไปที่นั่นได้หรือไม่?” ในตอนนี้ไนท์ดูเหมือนจะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดียวกับไป๋อี้ แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะตัวไนท์เองยังคงต้องปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ นั่นทำให้เธอจึงไม่สามารถทำตามความประสงค์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์

  “ได้ ไม่มีปัญหา” ไป๋อี้พยักหน้ารับและตบไหล่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องกักขัง

  หลังจากมองกลับไปที่ไป๋อี้อีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์และความเฉื่อยชา พวกเขามองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของไป๋อี้แปลกเหลือเกิน ตอนนี้แทบจะหาเหตุผลมาอธิบายถึงการวิวัฒนาการเชิงชีววิทยาไม่ได้แล้ว การวิวัฒนาการจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในเวลาอันสั้นได้จริงหรือ?

  “พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ มีทางเดินอยู่ห่างออกไป 400 เมตรทางด้านซ้าย ที่นั่นสามารถพักผ่อนได้ ไนท์จะเปิดประตูทางเข้าให้พวกเรา” ไป๋อี้พูดกับทุกคน

  ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของไป๋อี้ แม้ว่าจะยังมีสัตว์ประหลาดมากมายอยู่ข้างนอกนั่นก็ตาม แต่เมื่อกลุ่มคนประคับประคองกันเดินออกมาที่ทางเดิน พวกเขาก็พบว่าเมื่อสัตว์ประหลาดทั้งหลายมองเห็นไป๋อี้จากระยะไกลพวกมันก็หลบหลีกไปในทันที

  “ไป๋อี้ ดวงตาของคุณ?” เมย์ริสอยากจะถาม

  “ไม่มีอะไร มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง เป็นการเลียนแบบทางชีววิทยาเท่านั้นเอง มันทำให้ฉันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น” ไป๋อี้ค่อย ๆ อธิบาย แต่ว่า …… ทุกความแข็งแกร่งมีราคาที่ต้องจ่าย การเปลี่ยนแปลงในสายตาของไป๋อี้ถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์จากการตายของหงฉี่ฮว๋า ถ้าเลือกได้ไป๋อี้ก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้แน่นอน

  เมื่อเห็นว่าไป๋อี้ดูไม่ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้มากนัก เมย์ริสก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามต่อ กลุ่มไป๋อี้มาถึงห้องวิจัยขนาดเล็กที่ไนท์กล่าวอย่างปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนั้นมีครบครัน อาการบาดเจ็บของเมย์ริสและเฮลัวส์ถือว่าสาหัสน้อยที่สุด เธอทั้งสองเป็นผู้ที่มีความคล่องตัวมากพอที่จะใช้ห้องปฏิบัติการนี้ พวกเธอจึงเริ่มใช้ยาและเครื่องมือในการเริ่มปฐมพยาบาลทันที

  หลังจากที่ไป๋อี้เข้ามาในห้องนี้ สีสันลวดลายในดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป แต่สีสันตามขนปุย มือและเท้าของเขายังไม่หายไปไหน หลังจากตรวจสอบยืนยันความปลอดภัยแล้ว ไป๋อี้ก็ล้มตัวลงบนเตียง

  คนอื่น ๆ ถึงกับตกใจอีกครั้ง แต่หลังจากที่เมย์ริสตรวจดู เธอก็พูดกับทุกคนว่า “ไม่มีปัญหา ไป๋อี้เพียงแค่ระเบิดพลังเกินขีดจำกัดเท่านั้นและตอนนี้เขาก็ต้องนอนหลับเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ สัญญาณชีพของเขามีความมั่นคงมาก มันจะไม่เกิดสถานการณ์แบบเมื่อครู่นี้ขึ้นอีก”

  ในที่สุดคำอธิบายของเมย์ริสก็ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การใช้พลังเกินขีดจำกัดร้ายกาจเกินไปแล้ว!

  ……

  เมื่อไป๋อี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาสามวันให้หลังมาแล้ว พอไป๋อี้ลืมตาขึ้นเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างมืดมัวและสลัวเป็นอย่างมาก ไป๋อี้ยื่นมือคลำไปมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าเขาอยู่บนเตียง แต่ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้กลับไม่รู้สึกถึงมันเพราะร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่ของตัวเองและเขาไม่สามารถใช้พละกำลังใด ๆ ได้เลย

  เมย์ริสคอยดูแลไป๋อี้อยู่เสมอ ทันทีที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเธอก็รู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้เป็นเช่นนั้นหัวใจของเมย์ริสก็หล่นไปถึงตาตุ่มทันที

  ในสถานการณ์ลักษณะเช่นนี้ เหมือนกับตอนที่เธอเห็นผู้ป่วยคนอื่น …… สูญเสียการมองเห็น!

  “ไป๋อี้ ตื่นแล้วสินะ?”

  “อื้ม นั่นเมย์ริสเหรอ” แม้ว่าการแสดงออกของไป๋อี้จะดูสงบมาก แต่ท่าทางการคลำด้วยมือของเขาอย่างระมัดระวังเช่นนั้นไม่สามารถหลอกเมย์ริสได้ “ที่นี่มีแสงสว่างไหม?” ไป๋อี้ถาม

  เมย์ริสรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เธอไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี

  “อย่างนี้นี่เอง” ไป๋อี้พอจะเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้โดยที่ยังไม่ทันได้ยินคำตอบของเมย์ริส ร่างกายของเขา เขาย่อมรู้ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงสองครั้งสุดท้ายและการใช้สายตาของเขาไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างปกติ หากบอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้นำมาซึ่งผลสืบเนื่องใด ๆ สู่ดวงตาของเขาไป๋อี้ก็คงไม่อาจเชื่อได้อย่างแน่นอน

  “อย่ากังวลไปเลย มันน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้” เมย์ริสปลอบใจไป๋อี้

  “อื้ม” ไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกหวั่นใจนัก

  “ฉันพูดจริง ๆ นะ คุณไม่ได้ตาบอดแต่กำเนิด แต่เกิดจากการใช้สายตามากเกินไป โดยทั่วไปแล้วตราบใดที่คุณพักผ่อนและฟื้นตัว การมองเห็นของคุณก็จะได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน” เมย์ริสอธิบายแล้วเริ่ม ตรวจไป๋อี้อย่างจริงจัง การตรวจนี้ใช้เวลากว่าหลายชั่วโมง ในระหว่างที่คนอื่น ๆ ได้รับรู้ข่าวการตาบอดของไป๋อี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรอด้วยความระส่ำระส่าย

  “วางใจเถอะ ดวงตาของไป๋อี้ไม่ได้สูญเสียการมองเห็นไปอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่มีความอ่อนไหวที่ไวต่อแสงเท่านั้น เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของดวงตาก่อนหน้านี้ของไป๋อี้แน่ ๆ ฉันคิดว่าตราบใดที่ไป๋อี้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเขาก็จะสามารถฟื้นตัวได้ เพราะดวงตาของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไปจากปกติ” เมย์ริสกล่าวกับทุกคน

  “อะฮ่า ๆๆ ฉันว่าแล้ว คนอย่างเจ้าไป๋อี้นั่นน่ะเหรอ จะเป็นอะไรไปง่าย ๆ ได้ยังไง” วูล์ฟพูดอย่างโล่งใจ

  “ก็แค่ไม่เห็นแสง” เฮลัวส์กล่าวย้ำ

  “ใช่ ใช่” วูล์ฟพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้รู้สึกสบายใจและโล่งใจที่ได้ยินว่าในที่สุดวูล์ฟและเฮลัวส์ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง? แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ความรู้สึกระหว่างกันก็ไม่ได้ถูกแบ่งแยกด้วยรูปลักษณ์ภายนอก

  แต่ว่า หงฉี่ฮว๋า!

  ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงลมหายใจของหงฉี่ฮว๋าที่เขาได้ยินมาจากที่ไหนในเวลานั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไป๋อี้มั่นใจได้ก็คือมันไม่ใช่ภาพหลอนอย่างแน่นอน หงฉี่ฮว๋าตายไปแล้วจริง ๆ

  ……

  “คิดไม่ถึง ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่” ไนท์มองไปที่ร่างแม่แบบทดลองด้วยความประหลาดใจ

  “มันแปลกเหรอที่ฉันยังมีชีวิตอยู่” ร่างแม่แบบทดลองตอบกลับ ตรงหน้าเธอมีร่างหงฉี่ฮว๋านอนเปลือยอยู่

  “เปล่า มันก็แค่รู้สึกแปลกจริง ๆ ฉันคือปัญญาประดิษฐ์ที่ดูแลร่างทดลองทั้งหลายและร่างแม่แบบทดลองที่จุดชนวนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ทั้งหมด ในสถาบันวิจัยขนาดใหญ่นี้มีเราเหลืออยู่เพียงสองคนที่ไม่ใช่มนุษย์” ไนท์กล่าว “อย่างไรก็ตามคุณขอให้ฉันช่วยพาร่างของหงฉี่ฮว๋ามาที่นี่ทำไม?”

  “ไม่รู้สิ”

  “ไม่รู้งั้นเหรอ?” ไนท์ประหลาดใจ

  “ใช่ ไม่รู้ ฉันไม่รู้เหตุผล ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับพวกไป๋อี้” ร่างแม่แบบทดลองอธิบาย 

  “ทำไมต้องเก็บเป็นความลับ”

  “ก็ไม่รู้สิ”

  “คุณโง่เง่ารึไง ไม่รู้อะไรสักอย่าง” ไนท์ตอบกลับร่างแม่แบบทดลอง

  “ใช่ ฉันธรรมดามาก ๆ ฉันไม่มีความเด็ดเดี่ยวหรือความมั่นใจ …… เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากจะฝากความหวังไว้กับร่างของพวกเขา” ร่างแม่แบบทดลองพูด ทันใดนั้นหนวดสองสามเส้นก็โผล่ออกมาม้วนร่างที่เปลือยเปล่าของหงฉี่ฮว๋า จากนั้นก็วางลงบนท้องของตัวเองอย่างช้า ๆ ต่อมาบริเวณนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ร่างของหงฉี่ฮว๋าถูกกลืนลงไป หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หายไปในร่างของแม่แบบทดลองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั่นดูเหมือนว่าแม่แบบทดลองจะตั้งครรภ์อยู่

  “ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร การพูดกับคุณนี่ช่างน่าเบื่อจริง ๆ อย่างไรซะคุณก็กำลังจะตายเร็ว ๆ นี้ ลาก่อน แต่ฉันจะเก็บเป็นความลับให้” เสียงของไนท์ค่อย ๆ จางหายไป

  “ว่ายังไง ฉันก็คือเธอ……ลูกสาวครึ่งมนุษย์!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 76 หยาดน้ำตา

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 76 หยาดน้ำตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ‘ขอโทษนะ ลุงไป๋ โม่โม่!’ ราวกับว่าเสียงพร่ำร้องที่เต็มไปด้วยความเสียใจลอยมาจากห้วงอวกาศอันมืดมิดที่ไหนสักแห่ง จิตใจของไป๋อี้ล่องลอยอยู่ในภวังค์ แต่ทว่าเขาได้ยินเสียงลมหายใจสุดท้ายของหงฉี่ฮว๋าอย่างชัดเจน ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงนี้มาจากไหน แต่มันเป็นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจากหงฉี่ฮว๋าอย่างลึกซึ้ง

  หงฉี่ฮว๋า …… ตายแล้ว!

  ทันใดนั้นน้ำตาร้อนผ่าวก็ไหลออกมาจากดวงตาของไป๋อี้และค่อย ๆ ไหลลงมาอาบที่หน้าแก้มของเขา ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่ต้องพูดขอโทษ สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดก็คือยังมีอีกหนึ่งคำที่ฉันยังไม่เคยได้พูดกับเธอ …… ฉี่ฮว๋า!

  ฉันช่างโง่เขลา ฉันมักจะคิดว่ายังมีเวลามากเพียงพอ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องรอจนกว่าจะสูญเสียมันไปถึงได้ค้นพบว่าเธอนั้นช่างมีคุณค่ากับฉันมาก!

  ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนฉายผ่านความคิดของไป๋อี้ ทั้งภาพมาร์ตินถูกฆ่าต่อหน้าเขาจนกลายเป็นชิ้น ๆ ภาพซาร่าที่มีเลือดอาบทั่วร่างกายจับราวประตูไว้และเผยรอยยิ้มสุดท้ายของเธอต่อโม่โม่ หงฉี่ฮว๋าเอนกายลงบนพื้น ที่หัวใจของเธอมีมีดวิลโลว์เล่มเล็กที่ไป๋อี้เคยให้ไว้ปักอยู่ แววตาสุดท้ายของเธอแสดงถึงความเสียใจและว่างเปล่า …… น้ำตาของไป๋อี้ยังคงไหลออกมาจากดวงตาของเขาอย่างต่อเนื่อง

  ฉันจะมาตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!

  ไม่ได้เด็ดขาด!

  ฉันยังไม่ได้ชดใช้ความผิดของฉัน ฉันยังไม่ได้พาเพื่อน ๆ ออกจากโลกที่โหดร้ายนี้ ฉันจะตายที่นี่ได้อย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด หัวใจของไป๋อี้ร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง ท่าทีการแสดงออกของเขาดูน่ากลัวอย่างมาก เมื่อทุกคนรอบข้างเห็นการแสดงออกของไป๋อี้พวกเขาก็ตกใจและคิดว่ามีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นกับไป๋อี้

  อย่างไรก็ตามในขณะที่เดิมทีการไหลเวียนเลือดของไป๋อี้หยุดลง อีกทั้งเลือดก็ค่อย ๆ เย็นตัว แต่ทว่าทันใดนั้นระบบไหลเวียนเลือดเริ่มไหลอีกครั้งอย่างช้า ๆ หัวใจของไป๋อี้ถูกหลอมรวมอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นหัวใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา จากที่ไม่มีสัญญาณชีพจนเริ่มได้ยินเสียง ตึกตัก …… ตึกตัก หัวใจที่หยุดเต้นเริ่มกลับมาสูบฉีดอีกครั้ง

  “อ๊ากกก อ๊ากกก……!” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็คำรามอย่างดุดัน ดวงตาของเขาจับจ้องเขม็งราวกับจะถลนออกมา

  ดวงตาของไป๋อี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานแดงก่ำและทันใดนั้นลวดลายสีสันบนแขนขาของไป๋อี้ก็เลือนหายไปอย่างช้า ๆ แต่ดูราวกับว่าดวงตาของเขากำลังดูดซับลวดลายสีสันเหล่านั้นเข้ามา ทันใดนั้นก็มีลวดลายแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ขอบของรูม่านตา ทุกคนจ้องไปที่ไป๋อี้ราวกับว่าพวกเขาจมดิ่งสู่โลกที่มีสีสันไปชั่วขณะหนึ่งและนั่นทำให้สติสัมปชัญญะของพวกเขาเลือนหายไป

  ไป๋อี้เดินมาที่หน้าประตูห้องกักขังด้วยตัวคนเดียว เขามองดูสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานรวมยีนต่าง ๆ เอาไว้ พวกมันสิบกว่าตัวอยู่นอกประตูนี้

  ตื่นกลัว!

  รูม่านตาของไป๋อี้ขยายขึ้นอีกครั้งในชั่วขณะหนึ่ง สัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนทั้งหลายที่อยู่นอกประตูต่างก็ส่องสะท้อนจับจ้องไปที่ลวดลายในม่านตาของไป๋อี้ทันที จากนั้นราวกับพวกมันได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด พวกมันหันกลับมาและหนีไปด้วยความหวาดกลัว ไกลออกไปสัตว์ประหลาดที่ยังคงเริ่มใกล้เข้ามาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสัตว์ป่าที่ดุร้าย นั่นทำให้พวกมันรู้สึกกลัวโดยสัญชาตญาณจากนั้นพวกมันทั้งหมดก็เลี่ยงหลบไป

  ไป๋อี้หันหน้าไปมองกล้องที่อยู่ในห้องกักขัง

  “ไนท์ เธอจะไม่เปิดประตูใหญ่จริง ๆ เหรอ?” ไป๋อี้ถาม

  “ขอโทษจริง ๆ ฉันก็อยากเปิดประตูอยู่หรอก แต่หน้าที่ความรับผิดชอบของฉันบอกว่าไม่ควรทำแบบนั้น” เสียงของไนท์ดังมาจากอากาศ เธอพูดตรงไปตรงมาแม้แต่จิตสำนึกที่เรียบง่ายและเป็นอิสระของไนท์เองก็รู้สึกตกใจกับกลุ่มของไป๋อี้

  “ที่นี่ควรจะมีที่ที่ปลอดภัยชั่วคราวสิน่า บอกฉันได้ไหม?”

  “ออกไปจากตรงนี้ แล้วเดินไปตามทางเดิน ทางด้านซ้ายมีทางเดินอีก 400 เมตรฉันจะเปิดห้องให้คุณ มีห้องวิจัยเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันเป็นสถานที่ที่ให้นักวิจัยทำการทดลองพื้นฐาน ที่นั่นน่าจะมีสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งยาและเครื่องมือต่าง ๆ ว่าแต่ตอนนี้คุณสามารถไปที่นั่นได้หรือไม่?” ในตอนนี้ไนท์ดูเหมือนจะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดียวกับไป๋อี้ แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะตัวไนท์เองยังคงต้องปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ นั่นทำให้เธอจึงไม่สามารถทำตามความประสงค์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์

  “ได้ ไม่มีปัญหา” ไป๋อี้พยักหน้ารับและตบไหล่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องกักขัง

  หลังจากมองกลับไปที่ไป๋อี้อีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์และความเฉื่อยชา พวกเขามองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของไป๋อี้แปลกเหลือเกิน ตอนนี้แทบจะหาเหตุผลมาอธิบายถึงการวิวัฒนาการเชิงชีววิทยาไม่ได้แล้ว การวิวัฒนาการจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในเวลาอันสั้นได้จริงหรือ?

  “พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ มีทางเดินอยู่ห่างออกไป 400 เมตรทางด้านซ้าย ที่นั่นสามารถพักผ่อนได้ ไนท์จะเปิดประตูทางเข้าให้พวกเรา” ไป๋อี้พูดกับทุกคน

  ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของไป๋อี้ แม้ว่าจะยังมีสัตว์ประหลาดมากมายอยู่ข้างนอกนั่นก็ตาม แต่เมื่อกลุ่มคนประคับประคองกันเดินออกมาที่ทางเดิน พวกเขาก็พบว่าเมื่อสัตว์ประหลาดทั้งหลายมองเห็นไป๋อี้จากระยะไกลพวกมันก็หลบหลีกไปในทันที

  “ไป๋อี้ ดวงตาของคุณ?” เมย์ริสอยากจะถาม

  “ไม่มีอะไร มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง เป็นการเลียนแบบทางชีววิทยาเท่านั้นเอง มันทำให้ฉันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น” ไป๋อี้ค่อย ๆ อธิบาย แต่ว่า …… ทุกความแข็งแกร่งมีราคาที่ต้องจ่าย การเปลี่ยนแปลงในสายตาของไป๋อี้ถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์จากการตายของหงฉี่ฮว๋า ถ้าเลือกได้ไป๋อี้ก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้แน่นอน

  เมื่อเห็นว่าไป๋อี้ดูไม่ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้มากนัก เมย์ริสก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามต่อ กลุ่มไป๋อี้มาถึงห้องวิจัยขนาดเล็กที่ไนท์กล่าวอย่างปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนั้นมีครบครัน อาการบาดเจ็บของเมย์ริสและเฮลัวส์ถือว่าสาหัสน้อยที่สุด เธอทั้งสองเป็นผู้ที่มีความคล่องตัวมากพอที่จะใช้ห้องปฏิบัติการนี้ พวกเธอจึงเริ่มใช้ยาและเครื่องมือในการเริ่มปฐมพยาบาลทันที

  หลังจากที่ไป๋อี้เข้ามาในห้องนี้ สีสันลวดลายในดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป แต่สีสันตามขนปุย มือและเท้าของเขายังไม่หายไปไหน หลังจากตรวจสอบยืนยันความปลอดภัยแล้ว ไป๋อี้ก็ล้มตัวลงบนเตียง

  คนอื่น ๆ ถึงกับตกใจอีกครั้ง แต่หลังจากที่เมย์ริสตรวจดู เธอก็พูดกับทุกคนว่า “ไม่มีปัญหา ไป๋อี้เพียงแค่ระเบิดพลังเกินขีดจำกัดเท่านั้นและตอนนี้เขาก็ต้องนอนหลับเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ สัญญาณชีพของเขามีความมั่นคงมาก มันจะไม่เกิดสถานการณ์แบบเมื่อครู่นี้ขึ้นอีก”

  ในที่สุดคำอธิบายของเมย์ริสก็ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การใช้พลังเกินขีดจำกัดร้ายกาจเกินไปแล้ว!

  ……

  เมื่อไป๋อี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาสามวันให้หลังมาแล้ว พอไป๋อี้ลืมตาขึ้นเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างมืดมัวและสลัวเป็นอย่างมาก ไป๋อี้ยื่นมือคลำไปมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าเขาอยู่บนเตียง แต่ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้กลับไม่รู้สึกถึงมันเพราะร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่ของตัวเองและเขาไม่สามารถใช้พละกำลังใด ๆ ได้เลย

  เมย์ริสคอยดูแลไป๋อี้อยู่เสมอ ทันทีที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเธอก็รู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้เป็นเช่นนั้นหัวใจของเมย์ริสก็หล่นไปถึงตาตุ่มทันที

  ในสถานการณ์ลักษณะเช่นนี้ เหมือนกับตอนที่เธอเห็นผู้ป่วยคนอื่น …… สูญเสียการมองเห็น!

  “ไป๋อี้ ตื่นแล้วสินะ?”

  “อื้ม นั่นเมย์ริสเหรอ” แม้ว่าการแสดงออกของไป๋อี้จะดูสงบมาก แต่ท่าทางการคลำด้วยมือของเขาอย่างระมัดระวังเช่นนั้นไม่สามารถหลอกเมย์ริสได้ “ที่นี่มีแสงสว่างไหม?” ไป๋อี้ถาม

  เมย์ริสรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เธอไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี

  “อย่างนี้นี่เอง” ไป๋อี้พอจะเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้โดยที่ยังไม่ทันได้ยินคำตอบของเมย์ริส ร่างกายของเขา เขาย่อมรู้ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงสองครั้งสุดท้ายและการใช้สายตาของเขาไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างปกติ หากบอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้นำมาซึ่งผลสืบเนื่องใด ๆ สู่ดวงตาของเขาไป๋อี้ก็คงไม่อาจเชื่อได้อย่างแน่นอน

  “อย่ากังวลไปเลย มันน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้” เมย์ริสปลอบใจไป๋อี้

  “อื้ม” ไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกหวั่นใจนัก

  “ฉันพูดจริง ๆ นะ คุณไม่ได้ตาบอดแต่กำเนิด แต่เกิดจากการใช้สายตามากเกินไป โดยทั่วไปแล้วตราบใดที่คุณพักผ่อนและฟื้นตัว การมองเห็นของคุณก็จะได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน” เมย์ริสอธิบายแล้วเริ่ม ตรวจไป๋อี้อย่างจริงจัง การตรวจนี้ใช้เวลากว่าหลายชั่วโมง ในระหว่างที่คนอื่น ๆ ได้รับรู้ข่าวการตาบอดของไป๋อี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรอด้วยความระส่ำระส่าย

  “วางใจเถอะ ดวงตาของไป๋อี้ไม่ได้สูญเสียการมองเห็นไปอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่มีความอ่อนไหวที่ไวต่อแสงเท่านั้น เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของดวงตาก่อนหน้านี้ของไป๋อี้แน่ ๆ ฉันคิดว่าตราบใดที่ไป๋อี้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเขาก็จะสามารถฟื้นตัวได้ เพราะดวงตาของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไปจากปกติ” เมย์ริสกล่าวกับทุกคน

  “อะฮ่า ๆๆ ฉันว่าแล้ว คนอย่างเจ้าไป๋อี้นั่นน่ะเหรอ จะเป็นอะไรไปง่าย ๆ ได้ยังไง” วูล์ฟพูดอย่างโล่งใจ

  “ก็แค่ไม่เห็นแสง” เฮลัวส์กล่าวย้ำ

  “ใช่ ใช่” วูล์ฟพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้รู้สึกสบายใจและโล่งใจที่ได้ยินว่าในที่สุดวูล์ฟและเฮลัวส์ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง? แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ความรู้สึกระหว่างกันก็ไม่ได้ถูกแบ่งแยกด้วยรูปลักษณ์ภายนอก

  แต่ว่า หงฉี่ฮว๋า!

  ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงลมหายใจของหงฉี่ฮว๋าที่เขาได้ยินมาจากที่ไหนในเวลานั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไป๋อี้มั่นใจได้ก็คือมันไม่ใช่ภาพหลอนอย่างแน่นอน หงฉี่ฮว๋าตายไปแล้วจริง ๆ

  ……

  “คิดไม่ถึง ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่” ไนท์มองไปที่ร่างแม่แบบทดลองด้วยความประหลาดใจ

  “มันแปลกเหรอที่ฉันยังมีชีวิตอยู่” ร่างแม่แบบทดลองตอบกลับ ตรงหน้าเธอมีร่างหงฉี่ฮว๋านอนเปลือยอยู่

  “เปล่า มันก็แค่รู้สึกแปลกจริง ๆ ฉันคือปัญญาประดิษฐ์ที่ดูแลร่างทดลองทั้งหลายและร่างแม่แบบทดลองที่จุดชนวนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ทั้งหมด ในสถาบันวิจัยขนาดใหญ่นี้มีเราเหลืออยู่เพียงสองคนที่ไม่ใช่มนุษย์” ไนท์กล่าว “อย่างไรก็ตามคุณขอให้ฉันช่วยพาร่างของหงฉี่ฮว๋ามาที่นี่ทำไม?”

  “ไม่รู้สิ”

  “ไม่รู้งั้นเหรอ?” ไนท์ประหลาดใจ

  “ใช่ ไม่รู้ ฉันไม่รู้เหตุผล ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับพวกไป๋อี้” ร่างแม่แบบทดลองอธิบาย 

  “ทำไมต้องเก็บเป็นความลับ”

  “ก็ไม่รู้สิ”

  “คุณโง่เง่ารึไง ไม่รู้อะไรสักอย่าง” ไนท์ตอบกลับร่างแม่แบบทดลอง

  “ใช่ ฉันธรรมดามาก ๆ ฉันไม่มีความเด็ดเดี่ยวหรือความมั่นใจ …… เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากจะฝากความหวังไว้กับร่างของพวกเขา” ร่างแม่แบบทดลองพูด ทันใดนั้นหนวดสองสามเส้นก็โผล่ออกมาม้วนร่างที่เปลือยเปล่าของหงฉี่ฮว๋า จากนั้นก็วางลงบนท้องของตัวเองอย่างช้า ๆ ต่อมาบริเวณนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ร่างของหงฉี่ฮว๋าถูกกลืนลงไป หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หายไปในร่างของแม่แบบทดลองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั่นดูเหมือนว่าแม่แบบทดลองจะตั้งครรภ์อยู่

  “ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร การพูดกับคุณนี่ช่างน่าเบื่อจริง ๆ อย่างไรซะคุณก็กำลังจะตายเร็ว ๆ นี้ ลาก่อน แต่ฉันจะเก็บเป็นความลับให้” เสียงของไนท์ค่อย ๆ จางหายไป

  “ว่ายังไง ฉันก็คือเธอ……ลูกสาวครึ่งมนุษย์!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 76 หยาดน้ำตา

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 76 หยาดน้ำตา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

  ‘ขอโทษนะ ลุงไป๋ โม่โม่!’ ราวกับว่าเสียงพร่ำร้องที่เต็มไปด้วยความเสียใจลอยมาจากห้วงอวกาศอันมืดมิดที่ไหนสักแห่ง จิตใจของไป๋อี้ล่องลอยอยู่ในภวังค์ แต่ทว่าเขาได้ยินเสียงลมหายใจสุดท้ายของหงฉี่ฮว๋าอย่างชัดเจน ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงนี้มาจากไหน แต่มันเป็นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจากหงฉี่ฮว๋าอย่างลึกซึ้ง

  หงฉี่ฮว๋า …… ตายแล้ว!

  ทันใดนั้นน้ำตาร้อนผ่าวก็ไหลออกมาจากดวงตาของไป๋อี้และค่อย ๆ ไหลลงมาอาบที่หน้าแก้มของเขา ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนที่ต้องพูดขอโทษ สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดก็คือยังมีอีกหนึ่งคำที่ฉันยังไม่เคยได้พูดกับเธอ …… ฉี่ฮว๋า!

  ฉันช่างโง่เขลา ฉันมักจะคิดว่ายังมีเวลามากเพียงพอ แต่กลับกลายเป็นว่าต้องรอจนกว่าจะสูญเสียมันไปถึงได้ค้นพบว่าเธอนั้นช่างมีคุณค่ากับฉันมาก!

  ภาพความทรงจำนับไม่ถ้วนฉายผ่านความคิดของไป๋อี้ ทั้งภาพมาร์ตินถูกฆ่าต่อหน้าเขาจนกลายเป็นชิ้น ๆ ภาพซาร่าที่มีเลือดอาบทั่วร่างกายจับราวประตูไว้และเผยรอยยิ้มสุดท้ายของเธอต่อโม่โม่ หงฉี่ฮว๋าเอนกายลงบนพื้น ที่หัวใจของเธอมีมีดวิลโลว์เล่มเล็กที่ไป๋อี้เคยให้ไว้ปักอยู่ แววตาสุดท้ายของเธอแสดงถึงความเสียใจและว่างเปล่า …… น้ำตาของไป๋อี้ยังคงไหลออกมาจากดวงตาของเขาอย่างต่อเนื่อง

  ฉันจะมาตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!

  ไม่ได้เด็ดขาด!

  ฉันยังไม่ได้ชดใช้ความผิดของฉัน ฉันยังไม่ได้พาเพื่อน ๆ ออกจากโลกที่โหดร้ายนี้ ฉันจะตายที่นี่ได้อย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด หัวใจของไป๋อี้ร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง ท่าทีการแสดงออกของเขาดูน่ากลัวอย่างมาก เมื่อทุกคนรอบข้างเห็นการแสดงออกของไป๋อี้พวกเขาก็ตกใจและคิดว่ามีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นกับไป๋อี้

  อย่างไรก็ตามในขณะที่เดิมทีการไหลเวียนเลือดของไป๋อี้หยุดลง อีกทั้งเลือดก็ค่อย ๆ เย็นตัว แต่ทว่าทันใดนั้นระบบไหลเวียนเลือดเริ่มไหลอีกครั้งอย่างช้า ๆ หัวใจของไป๋อี้ถูกหลอมรวมอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นหัวใจก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา จากที่ไม่มีสัญญาณชีพจนเริ่มได้ยินเสียง ตึกตัก …… ตึกตัก หัวใจที่หยุดเต้นเริ่มกลับมาสูบฉีดอีกครั้ง

  “อ๊ากกก อ๊ากกก……!” ทันใดนั้นไป๋อี้ก็คำรามอย่างดุดัน ดวงตาของเขาจับจ้องเขม็งราวกับจะถลนออกมา

  ดวงตาของไป๋อี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานแดงก่ำและทันใดนั้นลวดลายสีสันบนแขนขาของไป๋อี้ก็เลือนหายไปอย่างช้า ๆ แต่ดูราวกับว่าดวงตาของเขากำลังดูดซับลวดลายสีสันเหล่านั้นเข้ามา ทันใดนั้นก็มีลวดลายแปลก ๆ เกิดขึ้นที่ขอบของรูม่านตา ทุกคนจ้องไปที่ไป๋อี้ราวกับว่าพวกเขาจมดิ่งสู่โลกที่มีสีสันไปชั่วขณะหนึ่งและนั่นทำให้สติสัมปชัญญะของพวกเขาเลือนหายไป

  ไป๋อี้เดินมาที่หน้าประตูห้องกักขังด้วยตัวคนเดียว เขามองดูสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานรวมยีนต่าง ๆ เอาไว้ พวกมันสิบกว่าตัวอยู่นอกประตูนี้

  ตื่นกลัว!

  รูม่านตาของไป๋อี้ขยายขึ้นอีกครั้งในชั่วขณะหนึ่ง สัตว์ประหลาดที่ผ่านการผสานรวมยีนทั้งหลายที่อยู่นอกประตูต่างก็ส่องสะท้อนจับจ้องไปที่ลวดลายในม่านตาของไป๋อี้ทันที จากนั้นราวกับพวกมันได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด พวกมันหันกลับมาและหนีไปด้วยความหวาดกลัว ไกลออกไปสัตว์ประหลาดที่ยังคงเริ่มใกล้เข้ามาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของสัตว์ป่าที่ดุร้าย นั่นทำให้พวกมันรู้สึกกลัวโดยสัญชาตญาณจากนั้นพวกมันทั้งหมดก็เลี่ยงหลบไป

  ไป๋อี้หันหน้าไปมองกล้องที่อยู่ในห้องกักขัง

  “ไนท์ เธอจะไม่เปิดประตูใหญ่จริง ๆ เหรอ?” ไป๋อี้ถาม

  “ขอโทษจริง ๆ ฉันก็อยากเปิดประตูอยู่หรอก แต่หน้าที่ความรับผิดชอบของฉันบอกว่าไม่ควรทำแบบนั้น” เสียงของไนท์ดังมาจากอากาศ เธอพูดตรงไปตรงมาแม้แต่จิตสำนึกที่เรียบง่ายและเป็นอิสระของไนท์เองก็รู้สึกตกใจกับกลุ่มของไป๋อี้

  “ที่นี่ควรจะมีที่ที่ปลอดภัยชั่วคราวสิน่า บอกฉันได้ไหม?”

  “ออกไปจากตรงนี้ แล้วเดินไปตามทางเดิน ทางด้านซ้ายมีทางเดินอีก 400 เมตรฉันจะเปิดห้องให้คุณ มีห้องวิจัยเล็ก ๆ เชื่อมต่อกันเป็นสถานที่ที่ให้นักวิจัยทำการทดลองพื้นฐาน ที่นั่นน่าจะมีสิ่งที่คุณต้องการ ทั้งยาและเครื่องมือต่าง ๆ ว่าแต่ตอนนี้คุณสามารถไปที่นั่นได้หรือไม่?” ในตอนนี้ไนท์ดูเหมือนจะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดียวกับไป๋อี้ แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะตัวไนท์เองยังคงต้องปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ นั่นทำให้เธอจึงไม่สามารถทำตามความประสงค์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์

  “ได้ ไม่มีปัญหา” ไป๋อี้พยักหน้ารับและตบไหล่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องกักขัง

  หลังจากมองกลับไปที่ไป๋อี้อีกครั้ง คนอื่น ๆ ก็ตื่นขึ้นมาจากภวังค์และความเฉื่อยชา พวกเขามองไปที่ไป๋อี้ด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของไป๋อี้แปลกเหลือเกิน ตอนนี้แทบจะหาเหตุผลมาอธิบายถึงการวิวัฒนาการเชิงชีววิทยาไม่ได้แล้ว การวิวัฒนาการจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในเวลาอันสั้นได้จริงหรือ?

  “พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ มีทางเดินอยู่ห่างออกไป 400 เมตรทางด้านซ้าย ที่นั่นสามารถพักผ่อนได้ ไนท์จะเปิดประตูทางเข้าให้พวกเรา” ไป๋อี้พูดกับทุกคน

  ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของไป๋อี้ แม้ว่าจะยังมีสัตว์ประหลาดมากมายอยู่ข้างนอกนั่นก็ตาม แต่เมื่อกลุ่มคนประคับประคองกันเดินออกมาที่ทางเดิน พวกเขาก็พบว่าเมื่อสัตว์ประหลาดทั้งหลายมองเห็นไป๋อี้จากระยะไกลพวกมันก็หลบหลีกไปในทันที

  “ไป๋อี้ ดวงตาของคุณ?” เมย์ริสอยากจะถาม

  “ไม่มีอะไร มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง เป็นการเลียนแบบทางชีววิทยาเท่านั้นเอง มันทำให้ฉันมีความแข็งแกร่งมากขึ้น” ไป๋อี้ค่อย ๆ อธิบาย แต่ว่า …… ทุกความแข็งแกร่งมีราคาที่ต้องจ่าย การเปลี่ยนแปลงในสายตาของไป๋อี้ถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์จากการตายของหงฉี่ฮว๋า ถ้าเลือกได้ไป๋อี้ก็ไม่อยากให้มันเป็นเช่นนี้แน่นอน

  เมื่อเห็นว่าไป๋อี้ดูไม่ต้องการพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้มากนัก เมย์ริสก็ฉลาดพอที่จะไม่ถามต่อ กลุ่มไป๋อี้มาถึงห้องวิจัยขนาดเล็กที่ไนท์กล่าวอย่างปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนั้นมีครบครัน อาการบาดเจ็บของเมย์ริสและเฮลัวส์ถือว่าสาหัสน้อยที่สุด เธอทั้งสองเป็นผู้ที่มีความคล่องตัวมากพอที่จะใช้ห้องปฏิบัติการนี้ พวกเธอจึงเริ่มใช้ยาและเครื่องมือในการเริ่มปฐมพยาบาลทันที

  หลังจากที่ไป๋อี้เข้ามาในห้องนี้ สีสันลวดลายในดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป แต่สีสันตามขนปุย มือและเท้าของเขายังไม่หายไปไหน หลังจากตรวจสอบยืนยันความปลอดภัยแล้ว ไป๋อี้ก็ล้มตัวลงบนเตียง

  คนอื่น ๆ ถึงกับตกใจอีกครั้ง แต่หลังจากที่เมย์ริสตรวจดู เธอก็พูดกับทุกคนว่า “ไม่มีปัญหา ไป๋อี้เพียงแค่ระเบิดพลังเกินขีดจำกัดเท่านั้นและตอนนี้เขาก็ต้องนอนหลับเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ สัญญาณชีพของเขามีความมั่นคงมาก มันจะไม่เกิดสถานการณ์แบบเมื่อครู่นี้ขึ้นอีก”

  ในที่สุดคำอธิบายของเมย์ริสก็ทำให้ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก การใช้พลังเกินขีดจำกัดร้ายกาจเกินไปแล้ว!

  ……

  เมื่อไป๋อี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาสามวันให้หลังมาแล้ว พอไป๋อี้ลืมตาขึ้นเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างมืดมัวและสลัวเป็นอย่างมาก ไป๋อี้ยื่นมือคลำไปมาอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าเขาอยู่บนเตียง แต่ยิ่งไปกว่านั้นไป๋อี้กลับไม่รู้สึกถึงมันเพราะร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่ใช่ของตัวเองและเขาไม่สามารถใช้พละกำลังใด ๆ ได้เลย

  เมย์ริสคอยดูแลไป๋อี้อยู่เสมอ ทันทีที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาเธอก็รู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋อี้เป็นเช่นนั้นหัวใจของเมย์ริสก็หล่นไปถึงตาตุ่มทันที

  ในสถานการณ์ลักษณะเช่นนี้ เหมือนกับตอนที่เธอเห็นผู้ป่วยคนอื่น …… สูญเสียการมองเห็น!

  “ไป๋อี้ ตื่นแล้วสินะ?”

  “อื้ม นั่นเมย์ริสเหรอ” แม้ว่าการแสดงออกของไป๋อี้จะดูสงบมาก แต่ท่าทางการคลำด้วยมือของเขาอย่างระมัดระวังเช่นนั้นไม่สามารถหลอกเมย์ริสได้ “ที่นี่มีแสงสว่างไหม?” ไป๋อี้ถาม

  เมย์ริสรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เธอไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี

  “อย่างนี้นี่เอง” ไป๋อี้พอจะเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้โดยที่ยังไม่ทันได้ยินคำตอบของเมย์ริส ร่างกายของเขา เขาย่อมรู้ดีที่สุด การเปลี่ยนแปลงสองครั้งสุดท้ายและการใช้สายตาของเขาไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงอย่างปกติ หากบอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้นำมาซึ่งผลสืบเนื่องใด ๆ สู่ดวงตาของเขาไป๋อี้ก็คงไม่อาจเชื่อได้อย่างแน่นอน

  “อย่ากังวลไปเลย มันน่าจะฟื้นตัวกลับมาได้” เมย์ริสปลอบใจไป๋อี้

  “อื้ม” ไป๋อี้ไม่ได้รู้สึกหวั่นใจนัก

  “ฉันพูดจริง ๆ นะ คุณไม่ได้ตาบอดแต่กำเนิด แต่เกิดจากการใช้สายตามากเกินไป โดยทั่วไปแล้วตราบใดที่คุณพักผ่อนและฟื้นตัว การมองเห็นของคุณก็จะได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน” เมย์ริสอธิบายแล้วเริ่ม ตรวจไป๋อี้อย่างจริงจัง การตรวจนี้ใช้เวลากว่าหลายชั่วโมง ในระหว่างที่คนอื่น ๆ ได้รับรู้ข่าวการตาบอดของไป๋อี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรอด้วยความระส่ำระส่าย

  “วางใจเถอะ ดวงตาของไป๋อี้ไม่ได้สูญเสียการมองเห็นไปอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่มีความอ่อนไหวที่ไวต่อแสงเท่านั้น เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของดวงตาก่อนหน้านี้ของไป๋อี้แน่ ๆ ฉันคิดว่าตราบใดที่ไป๋อี้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองเขาก็จะสามารถฟื้นตัวได้ เพราะดวงตาของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไปจากปกติ” เมย์ริสกล่าวกับทุกคน

  “อะฮ่า ๆๆ ฉันว่าแล้ว คนอย่างเจ้าไป๋อี้นั่นน่ะเหรอ จะเป็นอะไรไปง่าย ๆ ได้ยังไง” วูล์ฟพูดอย่างโล่งใจ

  “ก็แค่ไม่เห็นแสง” เฮลัวส์กล่าวย้ำ

  “ใช่ ใช่” วูล์ฟพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้รู้สึกสบายใจและโล่งใจที่ได้ยินว่าในที่สุดวูล์ฟและเฮลัวส์ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง? แม้ว่าตอนนี้ทุกคนจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ความรู้สึกระหว่างกันก็ไม่ได้ถูกแบ่งแยกด้วยรูปลักษณ์ภายนอก

  แต่ว่า หงฉี่ฮว๋า!

  ไป๋อี้ไม่รู้ว่าเสียงลมหายใจของหงฉี่ฮว๋าที่เขาได้ยินมาจากที่ไหนในเวลานั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไป๋อี้มั่นใจได้ก็คือมันไม่ใช่ภาพหลอนอย่างแน่นอน หงฉี่ฮว๋าตายไปแล้วจริง ๆ

  ……

  “คิดไม่ถึง ว่าคุณยังมีชีวิตอยู่” ไนท์มองไปที่ร่างแม่แบบทดลองด้วยความประหลาดใจ

  “มันแปลกเหรอที่ฉันยังมีชีวิตอยู่” ร่างแม่แบบทดลองตอบกลับ ตรงหน้าเธอมีร่างหงฉี่ฮว๋านอนเปลือยอยู่

  “เปล่า มันก็แค่รู้สึกแปลกจริง ๆ ฉันคือปัญญาประดิษฐ์ที่ดูแลร่างทดลองทั้งหลายและร่างแม่แบบทดลองที่จุดชนวนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ทั้งหมด ในสถาบันวิจัยขนาดใหญ่นี้มีเราเหลืออยู่เพียงสองคนที่ไม่ใช่มนุษย์” ไนท์กล่าว “อย่างไรก็ตามคุณขอให้ฉันช่วยพาร่างของหงฉี่ฮว๋ามาที่นี่ทำไม?”

  “ไม่รู้สิ”

  “ไม่รู้งั้นเหรอ?” ไนท์ประหลาดใจ

  “ใช่ ไม่รู้ ฉันไม่รู้เหตุผล ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับพวกไป๋อี้” ร่างแม่แบบทดลองอธิบาย 

  “ทำไมต้องเก็บเป็นความลับ”

  “ก็ไม่รู้สิ”

  “คุณโง่เง่ารึไง ไม่รู้อะไรสักอย่าง” ไนท์ตอบกลับร่างแม่แบบทดลอง

  “ใช่ ฉันธรรมดามาก ๆ ฉันไม่มีความเด็ดเดี่ยวหรือความมั่นใจ …… เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากจะฝากความหวังไว้กับร่างของพวกเขา” ร่างแม่แบบทดลองพูด ทันใดนั้นหนวดสองสามเส้นก็โผล่ออกมาม้วนร่างที่เปลือยเปล่าของหงฉี่ฮว๋า จากนั้นก็วางลงบนท้องของตัวเองอย่างช้า ๆ ต่อมาบริเวณนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ร่างของหงฉี่ฮว๋าถูกกลืนลงไป หลังจากนั้นไม่นานเธอก็หายไปในร่างของแม่แบบทดลองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งนั่นดูเหมือนว่าแม่แบบทดลองจะตั้งครรภ์อยู่

  “ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังทำอะไร การพูดกับคุณนี่ช่างน่าเบื่อจริง ๆ อย่างไรซะคุณก็กำลังจะตายเร็ว ๆ นี้ ลาก่อน แต่ฉันจะเก็บเป็นความลับให้” เสียงของไนท์ค่อย ๆ จางหายไป

  “ว่ายังไง ฉันก็คือเธอ……ลูกสาวครึ่งมนุษย์!”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+