[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 39 กฎเกณฑ์สาระสำคัญ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 39 กฎเกณฑ์สาระสำคัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

        “โกรธ …… เหรอ!” หงฉี่ฮว๋ากระซิบเบา ๆ

        “ฉันเพิ่งตื่น ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฐานใต้ดินที่นี่เลย เล่าสถานการณ์เกี่ยวกับที่นี่ให้ฉันฟังที” ไป๋อี้ไม่ได้ยินเสียงกระซิบของหงฉี่ฮว๋า

        “อื้ม” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        “ฐานใต้ดินแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1.กลุ่มของเรา, 2.กลุ่มของหยูหาน, 3.กลุ่มคนกลุ่มเดิมที่อยู่มาก่อน ก่อนหน้านี้หยูหานค่อนข้างเป็นที่นิยมในฐานใต้ดินแห่งนี้ แต่ตอนนี้คาดว่ามีคนจำนวนเพียงไม่น้อยที่ยังคงเชื่อใจเขา ” หงฉี่ฮว๋ากล่าวช้า ๆ ขณะถือรายชื่อไปด้วย

 

        “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาฉันได้ทำความเข้าใจกับความคิดของคนส่วนใหญ่ แม้ว่าทุกคนจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงแต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่เต็มใจจะเสี่ยงอันตราย หลังจากนั้นเราก็ติดแหง็กอยู่ที่นี่มาตลอด ฐานใต้ดินแห่งนี้ส่วนตัวแล้วในสายตาของพวกเขาถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมาก ”

        “เช่นเดียวกับฉินข่ายรุ่ยและไต้ยู่เหยา พวกเขามีความคิดที่จะอยู่ที่นี่ เว้นแต่พวกเขาจะโง่จริง ๆ ถึงเต็มใจที่จะติดตามหยูหานไป อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ไปกับหยูหานอย่างแน่นอน และเนื่องจากงานเลี้ยงก่อนหน้านี้พวกเขาก็คงจะไม่ตามพวกเราไปเช่นกัน ดังนั้นการอยู่ที่ฐานใต้ดินนี้จึงกลายเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของพวกเขา ”

        “ส่วนด้านหยูหาน ……”

        “ให้เขาออกไป!” ไป๋อี้พูดอย่างเย็นชา

        “เราจะออกจากฐานใต้ดินนี้เร็ว ๆ นี้ ก่อนที่เราจะออกไปเราต้องปล่อยหยูหานออกจากที่นี่ก่อน ไม่เช่นนั้นกลุ่มของพวกเขาจะถูกหยูหานเล่นงานอีกครั้ง และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถูกใช้เป็นเครื่องมือจนตัวตาย” ไป๋อี้อธิบายอย่างช้า ๆ พร้อมสายตาประหลาดใจของหงฉี่ฮว๋า อันที่จริงหงฉี่ฮว๋าคิดไม่ถึงว่าท่าทีของไป๋อี้จะเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ที่ทำให้ไป๋อี้เริ่มมีความคิดที่เปลี่ยนไป

        “ถ้าคุณยังมีท่าทีแข็งกร้าว คุณอาจจะถูกเรียกว่าเป็นคนเลือดเย็นอีกครั้ง”

        “ไม่เป็นไร อย่างไรซะฉันก็จะแยกตัวออกเร็ว ๆ นี้แล้ว ดังนั้นฉันคิดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่จะช่วยพวกเขา” ไป๋อี้โบกมือไปมา

        “เข้าใจแล้ว” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้ารับ แม้ว่าเธอจะเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นและเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยไวกาโต้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่นก่อนหน้านี้ เพราะเพื่อพวกเขาแล้วถึงเกือบจะเอาตัวเองไม่รอด นี่เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเข้าใจได้ก็เข้าใจไปและถ้าไม่เข้าใจก็ทิ้งไว้อย่างนั้น เพื่อให้บรรลุระดับนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องละอายแก่ใจกับมิตรภาพก่อนหน้านี้

        “เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเถอะ ฉันจะไปคุยกับหยูหาน เขาจะออกไปเองแต่โดยดีถ้าเขาฉลาด …… มากพอ” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

        “รบกวนเธอด้วย!”

        “ไม่ ไม่เป็นไรเลย ที่จริงเดิมทีฉันมาหาลุงไป๋เพื่อจะคุยเรื่องอื่น” หงฉี่ฮว๋าพูดและหยิบรายชื่อออกมา

        ไป๋อี้หยิบมันขึ้นมาและมองลงไปในรายชื่อ จากนั้นดวงตาของเขาก็เคร่งขรึมเล็กน้อย นี่คือรายชื่อคนในทีม แต่หลังรายชื่อแต่ละคนยังมีบางอย่างที่มากกว่านั้น นั่นคือประเภทของยีนที่ผสานรวมเข้าด้วยกัน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซลล์ดัดแปลงนับเป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญมันส่งผลกระทบต่อนิวซีแลนด์ทั้งประเทศ หัวข้อนี้ถูกยกมาพูดแทนข้อพิพาทของทีมก่อนหน้านี้ ท้ายที่สุดถ้าไม่สามารถจัดการกับเซลล์ดัดแปลงได้อย่างถูกต้องทุกคนก็จบเห่แน่

        1.ไป๋อี้——1.ผีเสื้อ

        2.โม่โม่——1.ผีเสื้อ

        3.ชาร์ไป่——1.ผีเสื้อ

        4.วูล์ฟ——1.หมา,2.โคเนื้อ,3.จระเข้, 4.อีแร้ง

        5.เฮลัวส์——1.ยุง

        6.มาร์ตินแอนเดอร์สัน——1.ตัวทาก,2.ปลิง

        7.หยูหาน——1.งูเหลือมทอง, 2.มด, 3.เต่า, 4.นกแก้ว

        8.หนิงเสวี่ย——1.แมว

        9.ฉินข่ายรุ่ย——1.สุกร, 2.ปลิง, 3.ตัวทาก

        10.เบลลิก้าทีน่า——1.จิ้งหรีดตุ่น (สุนัขดิน), 2.ตั๊กแตน

        11.เบลล่า——1.กระต่าย

        12.ปู่ฮาร์วีย์——1.โคเนื้อ, 2.ไก่พื้นเมือง

        13.เมย์วิส——1.ผึ้ง

        14.เปโตรเดอร์ลาโล——1.โคเนื้อ

        15.โฮล์ป เลสเตอร์——1.สุนัข

        16.หนูน้อยเวอร์เนอร์——1.หมูแคระ, 2.โคเนื้อ

        17.พูพู——1.โคเนื้อ

        และมีเพียงห้าคนที่ไม่ได้ผสานรวมยีนทางชีววิทยากับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

        1.หงฉี่ฮว๋า, 2.ไต้ยู่เหยา, 3.ซาร่า, 4.จูเลียร์, 5.โจนส์เลสเตอร์

        หลังจากอ่านข้อมูลนี้เสร็จไป๋อี้ก็หายใจเข้าลึก ๆ เห็นได้ชัดว่าหลังจากการต่อสู้ที่อันตรายเมื่อไม่กี่วันก่อน หงฉี่ฮว๋าก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น โดยการผสานรวมยีนทางชีววิทยาบางอย่างเข้าด้วยกันจะเห็นได้จากข้อมูลนี้ว่าหลายคนได้สัมผัสกับยีนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างในชีวิตประจำวันแล้วรวมเข้าด้วยกัน

        “มีสิบห้าคนที่มีการผสานรวมยีน ถ้ารวมชาร์ไป่และพูพูด้วยก็จะเป็นสิบเจ็ดคน จากข้อมูลนี้ การผสานรวมยีนเป็นเรื่องง่ายแต่มีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น ยีนที่ผสานรวมหลังจากที่สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการดูเหมือนว่าจะแตกต่างออกไป โดยไม่สามารถผสานรวมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อีกแล้ว”

        “ตัวอย่างเช่นวูล์ฟ เขาเกือบจะถูกจระเข้ก้ามปูยักษ์ทำร้าย แต่มีเพียงยีนของจระเข้เท่านั้นที่ถูกผสานรวม ไม่ได้รวมถึงยีนของปูและด้วงด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือยีนที่ผสานรวมในช่วงหลังของการวิวัฒนาการดูเหมือนจะไม่สามารถถูกผสานรวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อีกครั้ง ถ้าให้เดาหลังจากการผสานรวมครั้งที่หนึ่งแม้ว่าลักษณะเฉพาะบางประการจะสะท้อนให้เห็นในสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์”

        ไป๋อี้พยักหน้า!

        “ถึงกระนั้นการผสานรวมยีนก็ทำได้ง่ายมาก จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นการสัมผัสกับยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันแล้วนำมาผสานรวมเข้าด้วยกัน พูดง่าย ๆ ก็อย่างเช่น กระต่าย โคเนื้อ หมูแคระ ฯลฯ…” หงฉี่ฮว๋ากล่าวช้า ๆ

        แน่นอนว่าไป๋อี้เข้าใจว่าตามสถานการณ์ที่พวกเขาพูดคุยกันในเวลานั้น สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีและนับว่าเป็นการสูญเปล่าในการผสานรวมยีน

        “นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง!” หงฉี่ฮว๋าพูดขึ้นทันทีเมื่อไป๋อี้กำลังทำสมาธิ

        “หือ?” ไป๋อี้มองไปที่หงฉี่ฮว๋า

        “หลังจากที่คุณจุดชนวนถังน้ำมันแล้ว ลุงไป๋ ตอนที่ฉันไปตามหาคุณฉันก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่ง” หงฉี่ฮว๋าหยุดชั่วขณะและสีหน้าของไป๋อี้ก็ดูเคร่งขรึมขึ้นทันที เธอยังไม่ได้บอกคนอื่น ๆ ว่าเจอสัตว์ประหลาดตัวที่สี่เข้าให้แล้ว

        “มันสูงมากกว่าสามเมตร ร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ มือขวาเหมือนเคียว หางเป็นรูปงู และมีปีกเล็ก ๆ คู่หนึ่ง ถ้าต้องใช้คำ ๆ หนึ่งอธิบายมันก็คือนาคเหมือนในเกม มันปรากฏตัวได้อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ มันอยู่หลังฉันแต่ไม่ได้ฆ่าฉัน เหมือนว่ามันพูดอะไรสักอย่างออกมาแต่ฉันไม่ได้ยินชัดเจน” หงฉี่ฮว๋ากล่าวเสริม

        “มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยังคงไว้ซึ่งภูมิปัญญาและความทรงจำ ……” แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่นาคในเกมจะปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริง นั่นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

        “มันน่าจะเป็น!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันคาดการณ์ไว้นานแล้วและนี่ก็เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ถ้าเรารวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าด้วยกัน เราจะสูญเสียความทรงจำดั้งเดิมและความเป็นเหตุเป็นผล แม้ว่าเราจะเตรียมพร้อมไว้แล้วแต่ฉันก็กลัวว่าจะมีตัวแปรมากเกินไป ตอนนี้ฉันมีตัวอย่างแล้ว มันทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะง่ายขึ้นมาก ”

        “เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ฉันสนใจอีกเรื่องหนึ่ง” ไป๋อี้มองตัวเองสักครู่แล้วกล่าว

        “เรื่องอะไร?”

        “มันไม่ยากที่จะสังเกตเห็นจากวูล์ฟและหยูหานว่ายีนที่พวกเขาผสานรวมกันนั้นเป็นยีนที่พวกเขาสัมผัส แต่ทำไมโม่โม่กับฉันถึงแสดงออกเฉพาะยีนของผีเสื้อ?” ไป๋อี้พูดอย่างอธิบายไม่ถูก

        “ฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับคำถามนี้แล้ว ฉันกลัวว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีนัก” หงฉี่ฮว๋าลังเลสักครู่แล้วกล่าว

        “เอ๋?”

        “วันนั้นลุงไป๋เจอผีเสื้อเยอะมาก”

        “โอ้ … หมายความว่าตำแหน่งที่ผสานรวมยีนทั้งหมดของโม่โม่และฉันถูกผสมเข้ากับยีนของผีเสื้อทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อเราสัมผัสกับยีนชีวภาพอื่น ๆ ก็ไม่มีทางที่จะผสานรวมเข้าด้วยกันได้” ความคิดของไป๋อี้ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพียงแค่หันไปเล็กน้อยเขาก็นึกถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของหงฉี่ฮว๋าได้

        “เกรงว่าจะเป็นอย่างนั้น!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า น้ำเสียงของเธอหนักขึ้นเล็กน้อย

        จากการพูดคุยปรึกษาหารือกันของพวกเขาเกี่ยวกับการผสานรวมยีนของตนเองเมื่อสองสามวันก่อน ผีเสื้อไม่ใช่ทางเลือกที่ดีจริง ๆ ในทางกลับกันไป๋อี้และโม่โม่คาดว่าตำแหน่งผสานรวมของยีนทั้งหมดถูกผสานรวมกับยีนของผีเสื้อแล้ว ดังนั้นร่างกายของไป๋อี้จึงมีแต่ลวดลายผีเสื้อมากมาย อย่างไรก็ตามด้วยวิธีนี้ไป๋อี้ไม่สามารถแข่งขันกับพลังที่ทรงพลังอื่น ๆ ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประสาทสัมผัสทั้งห้าที่แม่นยำ การสะท้อนของเสียงและอื่น ๆ

        “อย่างไรก็ตามในช่วงสองวันที่ผ่านมาฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับเรื่องการผสานรวมยีน ”

        “มาร์ตินกล่าวว่าการผสานรวมยีนไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้นตามการอนุมานของพวกเราก่อนหน้านี้ มันถูกต้องแต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด การรวมยีนของสัตว์หลายชนิดที่เราคาดไม่ถึงสามารถบรรลุความแข็งแกร่งได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุด ในบรรดาสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานรวมยีน สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดตกเป็นของสายพันธุ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ดังนั้นจากการทดลองในสถาบันวิจัยของมาร์ตินจึงแนะนำให้เราเลือกยีนชีวภาพเพียงสองหรือสามยีนสำหรับการผสานรวม แล้วยีนของสิ่งมีชีวิตแบบไหนที่จะผสานรวมเข้าด้วยกัน การเสี่ยงโชคบางที … อาจจะเหมาะกับโลกนี้มากกว่าก็ได้” หงฉี่ฮว๋ากล่าวอีกครั้ง

        “เสี่ยงโชค……งั้นเหรอ!” ไป๋อี้ยิ้มเล็กน้อย

        สถาบันวิจัย 121 แห่งและสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานยีนทางพันธุกรรมจำนวนมากต้องมองหารูปแบบบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตามมันอาจจะไม่มีกฎสำหรับการผสานรวมยีน แน่นอนว่าบางทีก็อาจจะมีแต่มาร์ตินไม่รู้ หลังจากร่วมอันตรายกับมาร์ตินเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไป๋อี้เชื่อว่ามาร์ตินจะไม่ปิดบังข้อมูลอย่างแน่นอน

        “ดูเหมือนจะไม่มียีนของมนุษย์บนนี้!” ไป๋อี้สังเกตเห็นบางอย่าง

        “ฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เซลล์ดัดแปลงได้มาจากร่างแม่พันธุ์ต้นแบบซึ่งเป็นมนุษย์ ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการแต่ละชนิดได้รับการผสมกับยีนของมนุษย์มานานแล้ว แต่ยีนของร่างแม่แบบทดลองดูเหมือนจะไม่ได้แสดงอะไรออกมาเหมือนอย่างอื่น ไม่มียีนของมนุษย์คนใดที่มีความสามารถเกินเลยเซลล์ดัดแปลงของร่างแม่พันธุ์ต้นแบบได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป ”

        “อย่างนี้นี่เอง งั้นฉันมีคำถามสุดท้าย!”

        “ข้อมูลนี้ฉันวางแผนที่จะเผยแพร่ให้ในทีมเท่านั้น มีใครที่เธออยากบอกเป็นการส่วนตัวไหม!” ไป๋อี้เงยหน้าขึ้นและมองหงฉี่ฮว๋าอย่างจริงจัง

        “เบลลิก้าทีน่า …… ฉันและเธอเราเป็นเพื่อนแท้!” หงฉี่ฮว๋าไม่ได้โต้แย้งการตัดสินใจของไป๋อี้ พวกเขาผ่านอะไรมามาก ถ้ายังอยากเป็นคนดีก็คงต้องถูกมองว่าเป็นคนโง่เท่านั้น อย่างไรก็ตามหงฉี่ฮว๋ายังคงอยากช่วยเหลือเพื่อนแท้ของเธอ

        “โอเค ตามนี้แหละ!” ไป๋อี้พยักหน้า

        “ขอบคุณนะลุงไป๋”

        “เธอพูดอะไรอย่างนั้น เรื่องพวกนี้เธอเป็นคนคิดออกก็แล้วแต่เธอเลย” ไป๋อี้ยิ้มพลางส่ายหัว

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                 https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 39 กฎเกณฑ์สาระสำคัญ

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 39 กฎเกณฑ์สาระสำคัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

        “โกรธ …… เหรอ!” หงฉี่ฮว๋ากระซิบเบา ๆ

        “ฉันเพิ่งตื่น ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฐานใต้ดินที่นี่เลย เล่าสถานการณ์เกี่ยวกับที่นี่ให้ฉันฟังที” ไป๋อี้ไม่ได้ยินเสียงกระซิบของหงฉี่ฮว๋า

        “อื้ม” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        “ฐานใต้ดินแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1.กลุ่มของเรา, 2.กลุ่มของหยูหาน, 3.กลุ่มคนกลุ่มเดิมที่อยู่มาก่อน ก่อนหน้านี้หยูหานค่อนข้างเป็นที่นิยมในฐานใต้ดินแห่งนี้ แต่ตอนนี้คาดว่ามีคนจำนวนเพียงไม่น้อยที่ยังคงเชื่อใจเขา ” หงฉี่ฮว๋ากล่าวช้า ๆ ขณะถือรายชื่อไปด้วย

 

        “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาฉันได้ทำความเข้าใจกับความคิดของคนส่วนใหญ่ แม้ว่าทุกคนจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเซลล์ดัดแปลงแต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่เต็มใจจะเสี่ยงอันตราย หลังจากนั้นเราก็ติดแหง็กอยู่ที่นี่มาตลอด ฐานใต้ดินแห่งนี้ส่วนตัวแล้วในสายตาของพวกเขาถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมาก ”

        “เช่นเดียวกับฉินข่ายรุ่ยและไต้ยู่เหยา พวกเขามีความคิดที่จะอยู่ที่นี่ เว้นแต่พวกเขาจะโง่จริง ๆ ถึงเต็มใจที่จะติดตามหยูหานไป อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ไปกับหยูหานอย่างแน่นอน และเนื่องจากงานเลี้ยงก่อนหน้านี้พวกเขาก็คงจะไม่ตามพวกเราไปเช่นกัน ดังนั้นการอยู่ที่ฐานใต้ดินนี้จึงกลายเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของพวกเขา ”

        “ส่วนด้านหยูหาน ……”

        “ให้เขาออกไป!” ไป๋อี้พูดอย่างเย็นชา

        “เราจะออกจากฐานใต้ดินนี้เร็ว ๆ นี้ ก่อนที่เราจะออกไปเราต้องปล่อยหยูหานออกจากที่นี่ก่อน ไม่เช่นนั้นกลุ่มของพวกเขาจะถูกหยูหานเล่นงานอีกครั้ง และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถูกใช้เป็นเครื่องมือจนตัวตาย” ไป๋อี้อธิบายอย่างช้า ๆ พร้อมสายตาประหลาดใจของหงฉี่ฮว๋า อันที่จริงหงฉี่ฮว๋าคิดไม่ถึงว่าท่าทีของไป๋อี้จะเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้ที่ทำให้ไป๋อี้เริ่มมีความคิดที่เปลี่ยนไป

        “ถ้าคุณยังมีท่าทีแข็งกร้าว คุณอาจจะถูกเรียกว่าเป็นคนเลือดเย็นอีกครั้ง”

        “ไม่เป็นไร อย่างไรซะฉันก็จะแยกตัวออกเร็ว ๆ นี้แล้ว ดังนั้นฉันคิดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่จะช่วยพวกเขา” ไป๋อี้โบกมือไปมา

        “เข้าใจแล้ว” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้ารับ แม้ว่าเธอจะเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นและเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยไวกาโต้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโอนอ่อนผ่อนตามคนอื่นก่อนหน้านี้ เพราะเพื่อพวกเขาแล้วถึงเกือบจะเอาตัวเองไม่รอด นี่เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเข้าใจได้ก็เข้าใจไปและถ้าไม่เข้าใจก็ทิ้งไว้อย่างนั้น เพื่อให้บรรลุระดับนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องละอายแก่ใจกับมิตรภาพก่อนหน้านี้

        “เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเถอะ ฉันจะไปคุยกับหยูหาน เขาจะออกไปเองแต่โดยดีถ้าเขาฉลาด …… มากพอ” หงฉี่ฮว๋ากล่าว

        “รบกวนเธอด้วย!”

        “ไม่ ไม่เป็นไรเลย ที่จริงเดิมทีฉันมาหาลุงไป๋เพื่อจะคุยเรื่องอื่น” หงฉี่ฮว๋าพูดและหยิบรายชื่อออกมา

        ไป๋อี้หยิบมันขึ้นมาและมองลงไปในรายชื่อ จากนั้นดวงตาของเขาก็เคร่งขรึมเล็กน้อย นี่คือรายชื่อคนในทีม แต่หลังรายชื่อแต่ละคนยังมีบางอย่างที่มากกว่านั้น นั่นคือประเภทของยีนที่ผสานรวมเข้าด้วยกัน เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เซลล์ดัดแปลงนับเป็นเรื่องใหญ่ ที่สำคัญมันส่งผลกระทบต่อนิวซีแลนด์ทั้งประเทศ หัวข้อนี้ถูกยกมาพูดแทนข้อพิพาทของทีมก่อนหน้านี้ ท้ายที่สุดถ้าไม่สามารถจัดการกับเซลล์ดัดแปลงได้อย่างถูกต้องทุกคนก็จบเห่แน่

        1.ไป๋อี้——1.ผีเสื้อ

        2.โม่โม่——1.ผีเสื้อ

        3.ชาร์ไป่——1.ผีเสื้อ

        4.วูล์ฟ——1.หมา,2.โคเนื้อ,3.จระเข้, 4.อีแร้ง

        5.เฮลัวส์——1.ยุง

        6.มาร์ตินแอนเดอร์สัน——1.ตัวทาก,2.ปลิง

        7.หยูหาน——1.งูเหลือมทอง, 2.มด, 3.เต่า, 4.นกแก้ว

        8.หนิงเสวี่ย——1.แมว

        9.ฉินข่ายรุ่ย——1.สุกร, 2.ปลิง, 3.ตัวทาก

        10.เบลลิก้าทีน่า——1.จิ้งหรีดตุ่น (สุนัขดิน), 2.ตั๊กแตน

        11.เบลล่า——1.กระต่าย

        12.ปู่ฮาร์วีย์——1.โคเนื้อ, 2.ไก่พื้นเมือง

        13.เมย์วิส——1.ผึ้ง

        14.เปโตรเดอร์ลาโล——1.โคเนื้อ

        15.โฮล์ป เลสเตอร์——1.สุนัข

        16.หนูน้อยเวอร์เนอร์——1.หมูแคระ, 2.โคเนื้อ

        17.พูพู——1.โคเนื้อ

        และมีเพียงห้าคนที่ไม่ได้ผสานรวมยีนทางชีววิทยากับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ

        1.หงฉี่ฮว๋า, 2.ไต้ยู่เหยา, 3.ซาร่า, 4.จูเลียร์, 5.โจนส์เลสเตอร์

        หลังจากอ่านข้อมูลนี้เสร็จไป๋อี้ก็หายใจเข้าลึก ๆ เห็นได้ชัดว่าหลังจากการต่อสู้ที่อันตรายเมื่อไม่กี่วันก่อน หงฉี่ฮว๋าก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น โดยการผสานรวมยีนทางชีววิทยาบางอย่างเข้าด้วยกันจะเห็นได้จากข้อมูลนี้ว่าหลายคนได้สัมผัสกับยีนของสิ่งมีชีวิตบางอย่างในชีวิตประจำวันแล้วรวมเข้าด้วยกัน

        “มีสิบห้าคนที่มีการผสานรวมยีน ถ้ารวมชาร์ไป่และพูพูด้วยก็จะเป็นสิบเจ็ดคน จากข้อมูลนี้ การผสานรวมยีนเป็นเรื่องง่ายแต่มีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น ยีนที่ผสานรวมหลังจากที่สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการดูเหมือนว่าจะแตกต่างออกไป โดยไม่สามารถผสานรวมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อีกแล้ว”

        “ตัวอย่างเช่นวูล์ฟ เขาเกือบจะถูกจระเข้ก้ามปูยักษ์ทำร้าย แต่มีเพียงยีนของจระเข้เท่านั้นที่ถูกผสานรวม ไม่ได้รวมถึงยีนของปูและด้วงด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือยีนที่ผสานรวมในช่วงหลังของการวิวัฒนาการดูเหมือนจะไม่สามารถถูกผสานรวมเข้ากับสิ่งมีชีวิตอื่นได้อีกครั้ง ถ้าให้เดาหลังจากการผสานรวมครั้งที่หนึ่งแม้ว่าลักษณะเฉพาะบางประการจะสะท้อนให้เห็นในสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการแล้วแต่ก็ยังไม่สมบูรณ์”

        ไป๋อี้พยักหน้า!

        “ถึงกระนั้นการผสานรวมยีนก็ทำได้ง่ายมาก จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นการสัมผัสกับยีนจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันแล้วนำมาผสานรวมเข้าด้วยกัน พูดง่าย ๆ ก็อย่างเช่น กระต่าย โคเนื้อ หมูแคระ ฯลฯ…” หงฉี่ฮว๋ากล่าวช้า ๆ

        แน่นอนว่าไป๋อี้เข้าใจว่าตามสถานการณ์ที่พวกเขาพูดคุยกันในเวลานั้น สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีและนับว่าเป็นการสูญเปล่าในการผสานรวมยีน

        “นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง!” หงฉี่ฮว๋าพูดขึ้นทันทีเมื่อไป๋อี้กำลังทำสมาธิ

        “หือ?” ไป๋อี้มองไปที่หงฉี่ฮว๋า

        “หลังจากที่คุณจุดชนวนถังน้ำมันแล้ว ลุงไป๋ ตอนที่ฉันไปตามหาคุณฉันก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดอีกตัวหนึ่ง” หงฉี่ฮว๋าหยุดชั่วขณะและสีหน้าของไป๋อี้ก็ดูเคร่งขรึมขึ้นทันที เธอยังไม่ได้บอกคนอื่น ๆ ว่าเจอสัตว์ประหลาดตัวที่สี่เข้าให้แล้ว

        “มันสูงมากกว่าสามเมตร ร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ มือขวาเหมือนเคียว หางเป็นรูปงู และมีปีกเล็ก ๆ คู่หนึ่ง ถ้าต้องใช้คำ ๆ หนึ่งอธิบายมันก็คือนาคเหมือนในเกม มันปรากฏตัวได้อย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ มันอยู่หลังฉันแต่ไม่ได้ฆ่าฉัน เหมือนว่ามันพูดอะไรสักอย่างออกมาแต่ฉันไม่ได้ยินชัดเจน” หงฉี่ฮว๋ากล่าวเสริม

        “มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยังคงไว้ซึ่งภูมิปัญญาและความทรงจำ ……” แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่นาคในเกมจะปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริง นั่นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

        “มันน่าจะเป็น!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า

        “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันคาดการณ์ไว้นานแล้วและนี่ก็เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ถ้าเรารวมยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าด้วยกัน เราจะสูญเสียความทรงจำดั้งเดิมและความเป็นเหตุเป็นผล แม้ว่าเราจะเตรียมพร้อมไว้แล้วแต่ฉันก็กลัวว่าจะมีตัวแปรมากเกินไป ตอนนี้ฉันมีตัวอย่างแล้ว มันทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะง่ายขึ้นมาก ”

        “เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ฉันสนใจอีกเรื่องหนึ่ง” ไป๋อี้มองตัวเองสักครู่แล้วกล่าว

        “เรื่องอะไร?”

        “มันไม่ยากที่จะสังเกตเห็นจากวูล์ฟและหยูหานว่ายีนที่พวกเขาผสานรวมกันนั้นเป็นยีนที่พวกเขาสัมผัส แต่ทำไมโม่โม่กับฉันถึงแสดงออกเฉพาะยีนของผีเสื้อ?” ไป๋อี้พูดอย่างอธิบายไม่ถูก

        “ฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับคำถามนี้แล้ว ฉันกลัวว่าผลลัพธ์จะออกมาไม่ดีนัก” หงฉี่ฮว๋าลังเลสักครู่แล้วกล่าว

        “เอ๋?”

        “วันนั้นลุงไป๋เจอผีเสื้อเยอะมาก”

        “โอ้ … หมายความว่าตำแหน่งที่ผสานรวมยีนทั้งหมดของโม่โม่และฉันถูกผสมเข้ากับยีนของผีเสื้อทั้งหมดแล้ว ดังนั้นเมื่อเราสัมผัสกับยีนชีวภาพอื่น ๆ ก็ไม่มีทางที่จะผสานรวมเข้าด้วยกันได้” ความคิดของไป๋อี้ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพียงแค่หันไปเล็กน้อยเขาก็นึกถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของหงฉี่ฮว๋าได้

        “เกรงว่าจะเป็นอย่างนั้น!” หงฉี่ฮว๋าพยักหน้า น้ำเสียงของเธอหนักขึ้นเล็กน้อย

        จากการพูดคุยปรึกษาหารือกันของพวกเขาเกี่ยวกับการผสานรวมยีนของตนเองเมื่อสองสามวันก่อน ผีเสื้อไม่ใช่ทางเลือกที่ดีจริง ๆ ในทางกลับกันไป๋อี้และโม่โม่คาดว่าตำแหน่งผสานรวมของยีนทั้งหมดถูกผสานรวมกับยีนของผีเสื้อแล้ว ดังนั้นร่างกายของไป๋อี้จึงมีแต่ลวดลายผีเสื้อมากมาย อย่างไรก็ตามด้วยวิธีนี้ไป๋อี้ไม่สามารถแข่งขันกับพลังที่ทรงพลังอื่น ๆ ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประสาทสัมผัสทั้งห้าที่แม่นยำ การสะท้อนของเสียงและอื่น ๆ

        “อย่างไรก็ตามในช่วงสองวันที่ผ่านมาฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับเรื่องการผสานรวมยีน ”

        “มาร์ตินกล่าวว่าการผสานรวมยีนไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้นตามการอนุมานของพวกเราก่อนหน้านี้ มันถูกต้องแต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด การรวมยีนของสัตว์หลายชนิดที่เราคาดไม่ถึงสามารถบรรลุความแข็งแกร่งได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แข็งแกร่งที่สุด ในบรรดาสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานรวมยีน สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดตกเป็นของสายพันธุ์ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ดังนั้นจากการทดลองในสถาบันวิจัยของมาร์ตินจึงแนะนำให้เราเลือกยีนชีวภาพเพียงสองหรือสามยีนสำหรับการผสานรวม แล้วยีนของสิ่งมีชีวิตแบบไหนที่จะผสานรวมเข้าด้วยกัน การเสี่ยงโชคบางที … อาจจะเหมาะกับโลกนี้มากกว่าก็ได้” หงฉี่ฮว๋ากล่าวอีกครั้ง

        “เสี่ยงโชค……งั้นเหรอ!” ไป๋อี้ยิ้มเล็กน้อย

        สถาบันวิจัย 121 แห่งและสัตว์ประหลาดที่เกิดการผสานยีนทางพันธุกรรมจำนวนมากต้องมองหารูปแบบบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตามมันอาจจะไม่มีกฎสำหรับการผสานรวมยีน แน่นอนว่าบางทีก็อาจจะมีแต่มาร์ตินไม่รู้ หลังจากร่วมอันตรายกับมาร์ตินเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไป๋อี้เชื่อว่ามาร์ตินจะไม่ปิดบังข้อมูลอย่างแน่นอน

        “ดูเหมือนจะไม่มียีนของมนุษย์บนนี้!” ไป๋อี้สังเกตเห็นบางอย่าง

        “ฉันถามมาร์ตินเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เซลล์ดัดแปลงได้มาจากร่างแม่พันธุ์ต้นแบบซึ่งเป็นมนุษย์ ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการแต่ละชนิดได้รับการผสมกับยีนของมนุษย์มานานแล้ว แต่ยีนของร่างแม่แบบทดลองดูเหมือนจะไม่ได้แสดงอะไรออกมาเหมือนอย่างอื่น ไม่มียีนของมนุษย์คนใดที่มีความสามารถเกินเลยเซลล์ดัดแปลงของร่างแม่พันธุ์ต้นแบบได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป ”

        “อย่างนี้นี่เอง งั้นฉันมีคำถามสุดท้าย!”

        “ข้อมูลนี้ฉันวางแผนที่จะเผยแพร่ให้ในทีมเท่านั้น มีใครที่เธออยากบอกเป็นการส่วนตัวไหม!” ไป๋อี้เงยหน้าขึ้นและมองหงฉี่ฮว๋าอย่างจริงจัง

        “เบลลิก้าทีน่า …… ฉันและเธอเราเป็นเพื่อนแท้!” หงฉี่ฮว๋าไม่ได้โต้แย้งการตัดสินใจของไป๋อี้ พวกเขาผ่านอะไรมามาก ถ้ายังอยากเป็นคนดีก็คงต้องถูกมองว่าเป็นคนโง่เท่านั้น อย่างไรก็ตามหงฉี่ฮว๋ายังคงอยากช่วยเหลือเพื่อนแท้ของเธอ

        “โอเค ตามนี้แหละ!” ไป๋อี้พยักหน้า

        “ขอบคุณนะลุงไป๋”

        “เธอพูดอะไรอย่างนั้น เรื่องพวกนี้เธอเป็นคนคิดออกก็แล้วแต่เธอเลย” ไป๋อี้ยิ้มพลางส่ายหัว

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                 https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+