[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 37 รู้ไหมว่าทำไม?

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 37 รู้ไหมว่าทำไม? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ไป๋อี้ คุณทำอะไรน่ะ” ฉินข่ายรุ่ยและไต้ยู่เหยาถามไป๋อี้ขึ้นมาเสียงดังทันที

 

        ไป๋อี้ไม่ได้คิดจะสนใจหรืออธิบายให้คนอื่น ๆ ฟังอยู่แล้ว แต่เขาเลือกที่จะเดินกลับไปหาหยูหานอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้หยูหานได้ลุกขึ้นมาเช่นกัน ทำให้บาดแผลที่เพิ่งจะดีขึ้นได้ไม่นานนักเริ่มปริออกจนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด อาการบาดเจ็บของเขานั้นรุนแรงพอ ๆ กับไป๋อี้เพียงแค่เขาไม่ได้หมดสติไปเหมือนไป๋อี้เท่านั้นเอง

        จังหวะก้าวสั้น ๆ ที่รวดเร็ว ……… พร้อมกับกำปั้นที่พุ่งออกไป!

        ไป๋อี้ลุกขึ้นและพุ่งหมัดใส่หยูหานอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้หยูหานได้ทำการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีจากความเจ็บปวดจากบาดแผลอย่างรุนแรงก่อนหน้า หยูหานยกมือขวาขึ้นมาเพื่อป้องกันจากทางด้านหน้า กำปั้นของทั้งสองคนได้กระแทกเข้าหากันอย่างดุเดือด ในใจของหยูหานนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น การผสานรวมยีนของมดทำให้เกิดพละกำลังที่ทรงพลังขึ้นมาทันที

        เสียงดังแกรกดังขึ้น ไป๋อี้ได้ยินเสียงลั่นของกระดูกจากภายในร่างกายของเขาที่ไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดได้อีกแล้ว เขาจึงกระเด็นออกไปทันที

        แต่หยูหานก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก ด้วยการใช้พลังในครั้งนี้ทำให้ผ้าพันแผลของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดและทำให้เกิดอาการโซซัดโซเซเล็กน้อย

        ไป๋อี้ได้ตกไปกระแทกใส่ตู้โลหะขนาดเล็กจากด้านบนอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงดังโครมคราม หลังจากนั้นก็มีสิ่งของร่วงตกลงมาใส่เขาซ้ำอีกครั้ง ร่างกายของไป๋อี้เหมือนจะพังทลายลงมาให้ได้ อย่างไรก็ตามไป๋อี้ก็ค่อย ๆ ปีนขึ้นมาและลุกขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปหาหยูหานอีกครั้ง ทางด้านของหยูหานนั้นดูเหมือนจะเดาได้ว่าทำไมไป๋อี้ถึงมุ่งเป้ามายังเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เช็ดเลือดตามร่างกายของเขาเช่นกัน และหลังจากนั้นจึงเดินมุ่งไปหาไป๋อี้

        เมื่อเขาทั้งสองได้เข้าใกล้กัน หยูหานต้องการเป็นคนรุก เขาต้องชนะให้ได้ เขาจึงยกมือขวากำหมดต่อยไปยังไป๋อี้ทันที

        อย่างไรก็ตามไป๋อี้นั้นเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะรับหมัดขวาของหยูหานด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว จากนั้นเขาก็ประชิดเข้าถึงตัวหยูหานและโจมตีด้วยข้อศอกขวาอย่างรุนแรง ร่างของไป๋อี้เซเล็กน้อยและเสียงกระดูกหักก็ดังมาจากมือซ้ายของเขา แต่ในตอนนั้นเองข้อศอกด้านขวาของเขาก็ได้กระแทกไปที่หน้าของหยูหานเข้าอย่างจัง

        เสียงหมัดดังผัวะกวนใจเขามาก หยูหานเดินวนไปรอบ ๆ อย่างโซซัดโซเซและดวงตาของเขาก็เริ่มพร่ามัว

        เห็นได้ว่าหยูหานยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของไป๋อี้

        แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนยังไม่มีท่าทีที่จะยุติการต่อสู้ไว้เพียงแค่นี้ ในตอนนั้นเองเขาได้ทรงตัวอย่างมั่นคงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากนั้นก็พุ่งตัวไปหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง

        ในเวลานี้ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า ฉินข่ายรุ่ย หนิงเสวี่ย ไต้ยู่เหยา และคนอื่น ๆ ต้องการเข้าไปห้ามการต่อสู้ที่แสนจะดุเดือดระหว่างไป๋อี้และหยูหาน แต่ได้ถูกวูฟล์และหงฉี่ฮว๋ามาขัดขวางไว้ก่อน ถึงจะเห็นได้ชัดว่าตอนนี้สภาพของวูล์ฟแม้แต่จะยืนยังไม่มั่นคง แต่ฉินข่ายรุ่ยก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากทะเลาะกับวูล์ฟ หนิงเสวี่ยและไต้ยู่เหยาได้หันไปมองหงฉี่ฮว๋าอย่างงุนงงว่าทำไมเธอถึงได้ขัดขวางไม่ให้เข้าไปยุติการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น

        “นี่มันเป็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ!” หงฉี่ฮว๋าพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม

        นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน!

        ในตอนนี้ไป๋อี้และหยูหานได้ทำการต่อสู้กันอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าการผสานรวมของยีนในตัวหยูหานจะแข็งแกร่งกว่าไป๋อี้ แต่ในแง่ของทักษะการต่อสู้ที่เป็นเลิศของไป๋อี้นั้น หยูหานเทียบไม่ติดอย่างแน่นอน และที่ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งสองคนต่างได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส สิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังใช้ต่อสู้กันในตอนนี้ไม่ใช่ความแข็งแกร่งหรือทักษะ แต่เป็นความอดทนและวัดระดับความดุดันที่มีอยู่ในตัวของเขาทั้งสองคน

        ทุกครั้งที่พวกเขาต่างผลัดกันแลกหมัดดูราวกับเป็นการสู้กันอย่างสุดชีวิต เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากร่างกายของพวกเขาไม่หยุด นอกจากนี้เสียงกระดูกหักจากการต่อสู้ทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะชำเลืองตามองการสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน โดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ในเขตฐานนี้มาก่อน แต่เดิมทีคนเหล่านี้ก็มีนิสัยที่โง่เง่าอยู่แล้ว พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงการต่อสู้ระยะประชิดที่โหดร้ายและน่าเวทนาเช่นนี้ได้ ในระยะเวลาสั้น ๆ บาดแผลเดิมของพวกเขาได้ปริออกทั้งหมดทำให้ร่างกายของพวกเขาแทบจะเต็มไปด้วยเลือดทั้งตัว

        “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก…………!!”

        จู่ ๆ หยูหานก็ลุกขึ้นวิ่งพรวดพราดไปหาไป๋อี้อย่างสุดกำลัง แต่ไป๋อี้ไม่ทันได้ระวังตัวจึงโดนกระโดดเตะอย่างสุดแรง ไป๋อี้เซเล็กน้อยจึงไม่สามารถหลบได้ทันทำให้เขาถูกหยูหานถีบเข้าที่หน้าท้องทันทีจนทำให้เขาชนเข้ากับกำแพงด้านหลังอย่างจัง

        วูล์ฟและหงฉี่ฮว๋าเมื่อเห็นดังนั้นพวกเขาก็กำหมัดแน่นและแทบอยากจะพุ่งออกไปในทันที

        เสียงโครมครามดังขึ้นเมื่อไป๋อี้ถูกกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง ทุก ๆ คนที่อยู่ตรงนั้นต่างรู้สึกราวกับมีแผ่นดินไหวขนาดย่อมเกิดขึ้น พลังที่แข็งแกร่งจากการผสานรวมของยีนมดในตัวของหยูหานนั้นบ้าคลั่งอย่างมาก

        “ไป๋อี้ ……….. แพ้แล้วใช่ไหม?”

        แต่ว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวดวงตาของไป๋อี้ก็เบิกกว้างขึ้นและส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธแค้น

        “ฮึ่ม ฮึ่มม … ฮึ่มมม!!”

        คลื่นเสียงที่ทรงพลังนี้ได้สั่นสะเทือนเข้าไปในแก้วหูของทุกคนและสีหน้าที่แสดงออกของไป๋อี้ในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความดุร้าย เสียงในใจของไป๋อี้กำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง กล้ามเนื้อภายนอกของเขาร้อนผ่าวราวกับว่าเลือดในตัวของเขากำลังเดือดพล่านอยู่ภายในร่างกาย ทันใดนั้นไป๋อี้ได้ใช้มือขวาของเขาบีบลำคอของหยูหานแล้วกดลงไปอย่างแรง

        เสียงโครมครามได้ดังขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำมือของไป๋อี้ที่กำลังใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดที่มีบดขยี้หยูหานลงกับพื้นอย่างแรง

        จนตอนนี้บนพื้นเต็มไปด้วยเศษซากอาหารและแก้วเหล้าที่แตกละเอียดกระจายไปทั่วบริเวณ อันที่จริงนี่ยังไม่ใช่การโจมตีที่หนักหน่วงเท่าไรนัก แต่ด้วยตอนนี้ไป๋อี้และหยูหานล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสกันทั้งคู่ ทันใดนั้นหยูหานก็ตัวสั่นเทาไปทั่วร่าง เขารู้สึกได้ว่าภาพตรงหน้าเริ่มมืดมิด ในเวลานี้มือขวาของไป๋อี้ที่มีผ้าผันแผลพันอยู่ได้คลายออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อของเขาซึ่งทำให้ลำคอของหยูหานได้สัมผัสกับผิวหนังของไป๋อี้โดยตรง

        ในด้านของหยูหานนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกโพลง เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหนีจากความตาย แต่ไป๋อี้นั้นก็ไม่ยอมที่จะปล่อยมือออกจากหยูหานแม้แต่น้อย ทั้งสองต่างฝ่ายต่างยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อต่อกัน เลือดสด ๆ จากหัวไหล่และหน้าอกของไป๋อี้ไหลหยดลงบนตัวของหยูหานอย่างต่อเนื่อง จากนั้นได้มีควันสีแดงที่น่าสะอิดสะเอียดลอยขึ้นมาจากเลือดของไป๋อี้ มันยากที่จะจิตนาการว่าเลือดของไป๋อี้นั้นร้อนแค่ไหน

        ในขณะนี้ร่างกายของหยูหานนั้นเหมือนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยน้ำมือของไป๋อี้ เขาพยายามที่จะต่อสู้ดิ้นรนให้ตัวเองรอด แต่ยิ่งเขาดิ้นรนมากเท่าใดมือขวาของไป๋อี้ก็ยิ่งบีบรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้ร่างของไป๋อี้ได้พันธนาการตัวของเขาเอาไว้ทำให้ไม่มีทางที่จะต้านทานได้เลย หยูหานรู้สึกว่ากระดูกนิ้วของไป๋อี้หักแต่นิ้วของไป๋อี้ก็ยังคงบีบคอของเขาอยู่ ทันใดนั้นเองราวกับเขาจะยอมรับชะตาชีวิตของตัวเอง ร่ายกายของเขาเริ่มชาและร่วงลงสู่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

        จู่ ๆ มือขวาของไป๋อี้ก็ค่อย ๆ ผ่อนลงอย่างช้า ๆ หยูหานอ้าปากเฮือกใหญ่เพื่อสูดอากาศหายใจอย่างกระหืดกระหอบ หลังจากนั้นก็จ้องมองไปที่ดวงตาของไป๋อี้

        “แกรู้ไหมว่าทำไมถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าทีมเราถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ถึงฉันรู้ว่าแกมีคิดร้ายและมีจิตใจที่ไม่ดี แต่ทำไมฉันยังต้องกลับมาอยู่กับพวกแก!” ไป๋อี้กำลังหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เขาจ้องกลับไปที่ตาของหยูหานเช่นกัน จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง

        “เพราะฉันไม่ได้ใจร้ายเท่าแกยังไงล่ะ!” ไป๋อี้ตะโกนออกมาเสียงดัง สีหน้าและท่าทางของเขาน่ากลัวมาก เลือดและน้ำลายของเขาแทบจะพ่นใส่หน้าของหยูหาน

        “ทุกคนนั้นล้วนเป็นเพื่อนจากมหาวิทยาลัยไวกาโต้ ฉันทอดทิ้งพวกเขาไว้แบบนี้ไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าการที่ได้อยู่กับแกและกลุ่มคนงี่เง่าแบบนี้จะทำให้ฉันตกอยู่ในอันตรายมากยิ่งขึ้น แต่พูดตามตรงฉันต้องการให้ทุกคนมีชีวิตรอดมากกว่านี้ เบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ยทุกคนล้วนเป็นเพื่อนของฉัน แม้แต่ฉินข่ายรุ่ยก็ด้วย ฉันไม่เคยคิดที่จะส่งพวกเขาไปตาย”

        “แกฆ่าคนสามคนตาย แกไม่ละอายใจบ้างเหรอที่พูดแบบนี้”

        “ที่เมืองเตอวามูตู แกจงใจสินะ แกจงใจออกตัวช้า จุดประสงค์ของแกก็คือโยนความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้ฉัน ถึงแกจะไม่ทำอย่างนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็อาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามการยึดอำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถนำมาใช้เป็นเหตุผลได้ ฉันจึงไม่เคยพูดอะไรเลย”

        “แต่ว่า …… แกอย่าเอาความใจดีของคนอื่นมาเป็นจุดอ่อน!” ไป๋อี้ตะคอกอย่างดุดัน

        “ไอ้ชั่ว ตอนนั้นแกคงอยากจะฆ่าวูล์ฟแน่ ๆ!” สีหน้าของไป๋อี้เปลี่ยนเป็นดุดันอีกครั้ง ในชั่วพริบตาดวงตาของเขาก็โหดร้ายขึ้นเป็นอย่างมากและมือขวาของเขาก็ค่อย ๆ ออกแรงขึ้นอีกครั้ง

        “ไม่ …. มี …… เหตุ …… ผล!” ใบหน้าของหยูหานแดงก่ำ เขาพูดทีละคำออกมาอย่างช้า ๆ หยูหานในตอนนี้ต่อให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับมันเด็ดขาด ถ้าเพียงแค่เขายอมรับมันเรื่องนี้ก็คงจบ มีแต่ทัศนคติที่แน่วแน่นี้เท่านั้นที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาถูกและไป๋อี้ทำผิด

        “ลุงไป๋อย่า อย่าฆ่าหยูหานนะ!” ขณะนั้นเองเบลลิก้าทีน่าก็ได้ตะโกนออกมา ถึงแม้ว่าหยูหานจะชอบหนิงเสวี่ย แต่ดูเหมือนว่าเบลลิก้าทีน่ายังคงรักหยูหานอยู่เหมือนเดิม สิ่งที่เรียกว่าความรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล

        “ฆ่าไอ้ชั่วนี่ซะ!”

        “ฆ่ามันซะ”

        แกรก เสียงที่ราวกับเสียงกระดูกหักดังขึ้น หัวใจของหยูหานหล่นตุ๊บไปถึงตาตุ่ม กระดูกไหปลาร้าของเขาหักและมันกำลังจะเสียบเข้าไปที่ลำคอของเขา ในตอนนี้เบลลิก้าทีน่ารีบวิ่งออกไปอย่างลนลานและคว้ามือขวาของไป๋อี้ไว้

        “ลุงไป๋!” เบลลิกาทีน้าร้องออกมาอย่างเสียใจ

        เธอจับมือขวาของไป๋อี้ไว้เป็นเวลานานทำให้ไป๋อี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงค่อย ๆ ปล่อยมือขวาของเขาลงและค่อย ๆ เอามือขวาออกจากคอของหยูหาน ทุกคนเห็นว่ามือขวาของเขาเต็มไปด้วยเลือดแต่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของใครกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นนิ้วชี้และนิ้วกลางของไป๋อี้ก็ยังบิดผิดรูป ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากระดูกของเขาหักอย่างรุนแรง

 

        ไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อสักครู่นั้นไป๋อี้เขาดุร้ายแค่ไหนและเขาต้องการที่จะฆ่าหยูหานมากแค่ไหน ในตอนนี้หยูหานยังคิดที่จะใช้โอกาสนี้ต่อสู้กลับและฆ่าไป๋อี้อีกครั้งหนึ่ง แต่ในที่สุดหยูหานก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ เขาทำได้เพียงแค่นอนอยู่เฉย ๆ บนพื้นแบบนั้น หยูหานมองเข้าไปในดวงตาของไป๋อี้ มันเป็นแววตาที่เย็นชาและน่ากลัวมาก ถ้าหากเขาทำอะไรลงไปเขาก็มั่นใจว่าไป๋อี้จะไม่ฟังคำห้ามปรามของใครอีกและคงฆ่าเขาทิ้งทันที

        “ครั้งนี้ฉันแพ้ แต่การต่อสู้ของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้แน่ไป๋อี้!”

        “ฮึ่ม! แกน่าจะขอบคุณเบลลิก้าทีน่านะ” ไป๋อี้ตะคอกอย่างเย็นชา ไป๋อี้ติดสินแล้วว่าเขาจะไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องผลได้ผลเสียส่วนตัวอีก

        ไป๋อี้ปล่อยมือ เขาค่อย ๆ ยืนขึ้นและเดินโซซัดโซเซไปด้านหน้า

        ในตอนนี้คนอื่น ๆ ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนทันที แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดแต่ในท้ายที่สุดก็ไม่มีใครต้องตาย แต่นี่เป็นเรื่องที่น่าสังเวชจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเซลล์ดัดแปลงเพิ่มพลังชีวิตของทุกคน หลาย ๆ คนคงไม่อาจทนกับอาการบาดเจ็บสาหัสนี้ได้

        เบลลิก้าทีน่าต้องการที่จะรีบไปช่วยหยูหานห้ามเลือดแต่เธอแทบจะไม่มีความรู้ในเรื่องของการรักษาพยาบาลเลยสักนิด เบลล่าจึงเป็นคนมาช่วยแทน ทำให้ตอนนี้อาการของหยูหานก็เริ่มคงที่มากขึ้น

        ส่วนทางด้านของไป๋อี้เขาก็ได้รับการรักษาจากเมย์ริสเช่นกัน

        “คนโง่ ฉันไม่ใช่เพิ่งพูดกับคุณไปเหรอว่าคุณได้ใช้ร่างกายสมบุกสมบันเกินไป ตอนนี้เซลล์ดัดแปลงในร่างกายของคุณได้เริ่มกัดกินร่างกายของคุณไปแล้ว และถ้ายังฝืนทำแบบนี้คุณจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่แบบนี้ได้อีกแล้วนะ” ตอนนี้เมย์ริสกำลังก่นด่าไป๋อี้ไปพลางทำการรักษาไปพลาง และให้ซาร่ารีบนำอาหารมาให้

        สำหรับคนที่มีเซลล์ดัดแปลงอยู่ในร่างกายนั้นดูเหมือนว่าไม่มียาครอบจักรวาลที่มีประสิทธิภาพเท่ากับอาหาร ตราบใดที่มีการเพิ่มอาหารให้เพียงพอต่อเซลล์ดัดแปลง มันก็จะสามารถกระตุ้นและรักษาพลังชีวิตของร่างกายมนุษย์ได้ มิฉะนั้นทั้งวูล์ฟ ชาร์ไป่ และไต้ยู่เหยาจะมีชีวิตรอดอยู่ถึงตอนนี้ได้อย่างไร?

 

                                                             ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                 https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ 37 รู้ไหมว่าทำไม?

Now you are reading [นิยายแปล] มหาวิบัติยีนกลายพันธุ์ Chapter 37 รู้ไหมว่าทำไม? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ไป๋อี้ คุณทำอะไรน่ะ” ฉินข่ายรุ่ยและไต้ยู่เหยาถามไป๋อี้ขึ้นมาเสียงดังทันที

 

        ไป๋อี้ไม่ได้คิดจะสนใจหรืออธิบายให้คนอื่น ๆ ฟังอยู่แล้ว แต่เขาเลือกที่จะเดินกลับไปหาหยูหานอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้หยูหานได้ลุกขึ้นมาเช่นกัน ทำให้บาดแผลที่เพิ่งจะดีขึ้นได้ไม่นานนักเริ่มปริออกจนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด อาการบาดเจ็บของเขานั้นรุนแรงพอ ๆ กับไป๋อี้เพียงแค่เขาไม่ได้หมดสติไปเหมือนไป๋อี้เท่านั้นเอง

        จังหวะก้าวสั้น ๆ ที่รวดเร็ว ……… พร้อมกับกำปั้นที่พุ่งออกไป!

        ไป๋อี้ลุกขึ้นและพุ่งหมัดใส่หยูหานอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้หยูหานได้ทำการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีจากความเจ็บปวดจากบาดแผลอย่างรุนแรงก่อนหน้า หยูหานยกมือขวาขึ้นมาเพื่อป้องกันจากทางด้านหน้า กำปั้นของทั้งสองคนได้กระแทกเข้าหากันอย่างดุเดือด ในใจของหยูหานนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธแค้น การผสานรวมยีนของมดทำให้เกิดพละกำลังที่ทรงพลังขึ้นมาทันที

        เสียงดังแกรกดังขึ้น ไป๋อี้ได้ยินเสียงลั่นของกระดูกจากภายในร่างกายของเขาที่ไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดได้อีกแล้ว เขาจึงกระเด็นออกไปทันที

        แต่หยูหานก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก ด้วยการใช้พลังในครั้งนี้ทำให้ผ้าพันแผลของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือดและทำให้เกิดอาการโซซัดโซเซเล็กน้อย

        ไป๋อี้ได้ตกไปกระแทกใส่ตู้โลหะขนาดเล็กจากด้านบนอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงดังโครมคราม หลังจากนั้นก็มีสิ่งของร่วงตกลงมาใส่เขาซ้ำอีกครั้ง ร่างกายของไป๋อี้เหมือนจะพังทลายลงมาให้ได้ อย่างไรก็ตามไป๋อี้ก็ค่อย ๆ ปีนขึ้นมาและลุกขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปหาหยูหานอีกครั้ง ทางด้านของหยูหานนั้นดูเหมือนจะเดาได้ว่าทำไมไป๋อี้ถึงมุ่งเป้ามายังเขา ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เช็ดเลือดตามร่างกายของเขาเช่นกัน และหลังจากนั้นจึงเดินมุ่งไปหาไป๋อี้

        เมื่อเขาทั้งสองได้เข้าใกล้กัน หยูหานต้องการเป็นคนรุก เขาต้องชนะให้ได้ เขาจึงยกมือขวากำหมดต่อยไปยังไป๋อี้ทันที

        อย่างไรก็ตามไป๋อี้นั้นเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะรับหมัดขวาของหยูหานด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว จากนั้นเขาก็ประชิดเข้าถึงตัวหยูหานและโจมตีด้วยข้อศอกขวาอย่างรุนแรง ร่างของไป๋อี้เซเล็กน้อยและเสียงกระดูกหักก็ดังมาจากมือซ้ายของเขา แต่ในตอนนั้นเองข้อศอกด้านขวาของเขาก็ได้กระแทกไปที่หน้าของหยูหานเข้าอย่างจัง

        เสียงหมัดดังผัวะกวนใจเขามาก หยูหานเดินวนไปรอบ ๆ อย่างโซซัดโซเซและดวงตาของเขาก็เริ่มพร่ามัว

        เห็นได้ว่าหยูหานยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของไป๋อี้

        แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าทั้งสองคนยังไม่มีท่าทีที่จะยุติการต่อสู้ไว้เพียงแค่นี้ ในตอนนั้นเองเขาได้ทรงตัวอย่างมั่นคงด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากนั้นก็พุ่งตัวไปหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง

        ในเวลานี้ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า ฉินข่ายรุ่ย หนิงเสวี่ย ไต้ยู่เหยา และคนอื่น ๆ ต้องการเข้าไปห้ามการต่อสู้ที่แสนจะดุเดือดระหว่างไป๋อี้และหยูหาน แต่ได้ถูกวูฟล์และหงฉี่ฮว๋ามาขัดขวางไว้ก่อน ถึงจะเห็นได้ชัดว่าตอนนี้สภาพของวูล์ฟแม้แต่จะยืนยังไม่มั่นคง แต่ฉินข่ายรุ่ยก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากทะเลาะกับวูล์ฟ หนิงเสวี่ยและไต้ยู่เหยาได้หันไปมองหงฉี่ฮว๋าอย่างงุนงงว่าทำไมเธอถึงได้ขัดขวางไม่ให้เข้าไปยุติการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้น

        “นี่มันเป็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ!” หงฉี่ฮว๋าพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม

        นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน!

        ในตอนนี้ไป๋อี้และหยูหานได้ทำการต่อสู้กันอย่างดุเดือด ถึงแม้ว่าการผสานรวมของยีนในตัวหยูหานจะแข็งแกร่งกว่าไป๋อี้ แต่ในแง่ของทักษะการต่อสู้ที่เป็นเลิศของไป๋อี้นั้น หยูหานเทียบไม่ติดอย่างแน่นอน และที่ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งสองคนต่างได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส สิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังใช้ต่อสู้กันในตอนนี้ไม่ใช่ความแข็งแกร่งหรือทักษะ แต่เป็นความอดทนและวัดระดับความดุดันที่มีอยู่ในตัวของเขาทั้งสองคน

        ทุกครั้งที่พวกเขาต่างผลัดกันแลกหมัดดูราวกับเป็นการสู้กันอย่างสุดชีวิต เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากร่างกายของพวกเขาไม่หยุด นอกจากนี้เสียงกระดูกหักจากการต่อสู้ทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะชำเลืองตามองการสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน โดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ในเขตฐานนี้มาก่อน แต่เดิมทีคนเหล่านี้ก็มีนิสัยที่โง่เง่าอยู่แล้ว พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงการต่อสู้ระยะประชิดที่โหดร้ายและน่าเวทนาเช่นนี้ได้ ในระยะเวลาสั้น ๆ บาดแผลเดิมของพวกเขาได้ปริออกทั้งหมดทำให้ร่างกายของพวกเขาแทบจะเต็มไปด้วยเลือดทั้งตัว

        “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก…………!!”

        จู่ ๆ หยูหานก็ลุกขึ้นวิ่งพรวดพราดไปหาไป๋อี้อย่างสุดกำลัง แต่ไป๋อี้ไม่ทันได้ระวังตัวจึงโดนกระโดดเตะอย่างสุดแรง ไป๋อี้เซเล็กน้อยจึงไม่สามารถหลบได้ทันทำให้เขาถูกหยูหานถีบเข้าที่หน้าท้องทันทีจนทำให้เขาชนเข้ากับกำแพงด้านหลังอย่างจัง

        วูล์ฟและหงฉี่ฮว๋าเมื่อเห็นดังนั้นพวกเขาก็กำหมัดแน่นและแทบอยากจะพุ่งออกไปในทันที

        เสียงโครมครามดังขึ้นเมื่อไป๋อี้ถูกกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง ทุก ๆ คนที่อยู่ตรงนั้นต่างรู้สึกราวกับมีแผ่นดินไหวขนาดย่อมเกิดขึ้น พลังที่แข็งแกร่งจากการผสานรวมของยีนมดในตัวของหยูหานนั้นบ้าคลั่งอย่างมาก

        “ไป๋อี้ ……….. แพ้แล้วใช่ไหม?”

        แต่ว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวดวงตาของไป๋อี้ก็เบิกกว้างขึ้นและส่งเสียงออกมาด้วยความโกรธแค้น

        “ฮึ่ม ฮึ่มม … ฮึ่มมม!!”

        คลื่นเสียงที่ทรงพลังนี้ได้สั่นสะเทือนเข้าไปในแก้วหูของทุกคนและสีหน้าที่แสดงออกของไป๋อี้ในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความดุร้าย เสียงในใจของไป๋อี้กำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง กล้ามเนื้อภายนอกของเขาร้อนผ่าวราวกับว่าเลือดในตัวของเขากำลังเดือดพล่านอยู่ภายในร่างกาย ทันใดนั้นไป๋อี้ได้ใช้มือขวาของเขาบีบลำคอของหยูหานแล้วกดลงไปอย่างแรง

        เสียงโครมครามได้ดังขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำมือของไป๋อี้ที่กำลังใช้น้ำหนักตัวทั้งหมดที่มีบดขยี้หยูหานลงกับพื้นอย่างแรง

        จนตอนนี้บนพื้นเต็มไปด้วยเศษซากอาหารและแก้วเหล้าที่แตกละเอียดกระจายไปทั่วบริเวณ อันที่จริงนี่ยังไม่ใช่การโจมตีที่หนักหน่วงเท่าไรนัก แต่ด้วยตอนนี้ไป๋อี้และหยูหานล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสกันทั้งคู่ ทันใดนั้นหยูหานก็ตัวสั่นเทาไปทั่วร่าง เขารู้สึกได้ว่าภาพตรงหน้าเริ่มมืดมิด ในเวลานี้มือขวาของไป๋อี้ที่มีผ้าผันแผลพันอยู่ได้คลายออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อของเขาซึ่งทำให้ลำคอของหยูหานได้สัมผัสกับผิวหนังของไป๋อี้โดยตรง

        ในด้านของหยูหานนั้นดวงตาทั้งสองข้างของเขาเบิกโพลง เขาพยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหนีจากความตาย แต่ไป๋อี้นั้นก็ไม่ยอมที่จะปล่อยมือออกจากหยูหานแม้แต่น้อย ทั้งสองต่างฝ่ายต่างยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อต่อกัน เลือดสด ๆ จากหัวไหล่และหน้าอกของไป๋อี้ไหลหยดลงบนตัวของหยูหานอย่างต่อเนื่อง จากนั้นได้มีควันสีแดงที่น่าสะอิดสะเอียดลอยขึ้นมาจากเลือดของไป๋อี้ มันยากที่จะจิตนาการว่าเลือดของไป๋อี้นั้นร้อนแค่ไหน

        ในขณะนี้ร่างกายของหยูหานนั้นเหมือนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยน้ำมือของไป๋อี้ เขาพยายามที่จะต่อสู้ดิ้นรนให้ตัวเองรอด แต่ยิ่งเขาดิ้นรนมากเท่าใดมือขวาของไป๋อี้ก็ยิ่งบีบรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้ร่างของไป๋อี้ได้พันธนาการตัวของเขาเอาไว้ทำให้ไม่มีทางที่จะต้านทานได้เลย หยูหานรู้สึกว่ากระดูกนิ้วของไป๋อี้หักแต่นิ้วของไป๋อี้ก็ยังคงบีบคอของเขาอยู่ ทันใดนั้นเองราวกับเขาจะยอมรับชะตาชีวิตของตัวเอง ร่ายกายของเขาเริ่มชาและร่วงลงสู่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

        จู่ ๆ มือขวาของไป๋อี้ก็ค่อย ๆ ผ่อนลงอย่างช้า ๆ หยูหานอ้าปากเฮือกใหญ่เพื่อสูดอากาศหายใจอย่างกระหืดกระหอบ หลังจากนั้นก็จ้องมองไปที่ดวงตาของไป๋อี้

        “แกรู้ไหมว่าทำไมถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าทีมเราถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ถึงฉันรู้ว่าแกมีคิดร้ายและมีจิตใจที่ไม่ดี แต่ทำไมฉันยังต้องกลับมาอยู่กับพวกแก!” ไป๋อี้กำลังหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เขาจ้องกลับไปที่ตาของหยูหานเช่นกัน จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง

        “เพราะฉันไม่ได้ใจร้ายเท่าแกยังไงล่ะ!” ไป๋อี้ตะโกนออกมาเสียงดัง สีหน้าและท่าทางของเขาน่ากลัวมาก เลือดและน้ำลายของเขาแทบจะพ่นใส่หน้าของหยูหาน

        “ทุกคนนั้นล้วนเป็นเพื่อนจากมหาวิทยาลัยไวกาโต้ ฉันทอดทิ้งพวกเขาไว้แบบนี้ไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าการที่ได้อยู่กับแกและกลุ่มคนงี่เง่าแบบนี้จะทำให้ฉันตกอยู่ในอันตรายมากยิ่งขึ้น แต่พูดตามตรงฉันต้องการให้ทุกคนมีชีวิตรอดมากกว่านี้ เบลลิก้าทีน่าและหนิงเสวี่ยทุกคนล้วนเป็นเพื่อนของฉัน แม้แต่ฉินข่ายรุ่ยก็ด้วย ฉันไม่เคยคิดที่จะส่งพวกเขาไปตาย”

        “แกฆ่าคนสามคนตาย แกไม่ละอายใจบ้างเหรอที่พูดแบบนี้”

        “ที่เมืองเตอวามูตู แกจงใจสินะ แกจงใจออกตัวช้า จุดประสงค์ของแกก็คือโยนความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้ฉัน ถึงแกจะไม่ทำอย่างนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็อาจจะไม่สามารถมีชีวิตรอดได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามการยึดอำนาจมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถนำมาใช้เป็นเหตุผลได้ ฉันจึงไม่เคยพูดอะไรเลย”

        “แต่ว่า …… แกอย่าเอาความใจดีของคนอื่นมาเป็นจุดอ่อน!” ไป๋อี้ตะคอกอย่างดุดัน

        “ไอ้ชั่ว ตอนนั้นแกคงอยากจะฆ่าวูล์ฟแน่ ๆ!” สีหน้าของไป๋อี้เปลี่ยนเป็นดุดันอีกครั้ง ในชั่วพริบตาดวงตาของเขาก็โหดร้ายขึ้นเป็นอย่างมากและมือขวาของเขาก็ค่อย ๆ ออกแรงขึ้นอีกครั้ง

        “ไม่ …. มี …… เหตุ …… ผล!” ใบหน้าของหยูหานแดงก่ำ เขาพูดทีละคำออกมาอย่างช้า ๆ หยูหานในตอนนี้ต่อให้ตายยังไงเขาก็ไม่ยอมรับมันเด็ดขาด ถ้าเพียงแค่เขายอมรับมันเรื่องนี้ก็คงจบ มีแต่ทัศนคติที่แน่วแน่นี้เท่านั้นที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาถูกและไป๋อี้ทำผิด

        “ลุงไป๋อย่า อย่าฆ่าหยูหานนะ!” ขณะนั้นเองเบลลิก้าทีน่าก็ได้ตะโกนออกมา ถึงแม้ว่าหยูหานจะชอบหนิงเสวี่ย แต่ดูเหมือนว่าเบลลิก้าทีน่ายังคงรักหยูหานอยู่เหมือนเดิม สิ่งที่เรียกว่าความรักนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล

        “ฆ่าไอ้ชั่วนี่ซะ!”

        “ฆ่ามันซะ”

        แกรก เสียงที่ราวกับเสียงกระดูกหักดังขึ้น หัวใจของหยูหานหล่นตุ๊บไปถึงตาตุ่ม กระดูกไหปลาร้าของเขาหักและมันกำลังจะเสียบเข้าไปที่ลำคอของเขา ในตอนนี้เบลลิก้าทีน่ารีบวิ่งออกไปอย่างลนลานและคว้ามือขวาของไป๋อี้ไว้

        “ลุงไป๋!” เบลลิกาทีน้าร้องออกมาอย่างเสียใจ

        เธอจับมือขวาของไป๋อี้ไว้เป็นเวลานานทำให้ไป๋อี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงค่อย ๆ ปล่อยมือขวาของเขาลงและค่อย ๆ เอามือขวาออกจากคอของหยูหาน ทุกคนเห็นว่ามือขวาของเขาเต็มไปด้วยเลือดแต่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของใครกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นนิ้วชี้และนิ้วกลางของไป๋อี้ก็ยังบิดผิดรูป ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากระดูกของเขาหักอย่างรุนแรง

 

        ไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อสักครู่นั้นไป๋อี้เขาดุร้ายแค่ไหนและเขาต้องการที่จะฆ่าหยูหานมากแค่ไหน ในตอนนี้หยูหานยังคิดที่จะใช้โอกาสนี้ต่อสู้กลับและฆ่าไป๋อี้อีกครั้งหนึ่ง แต่ในที่สุดหยูหานก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ เขาทำได้เพียงแค่นอนอยู่เฉย ๆ บนพื้นแบบนั้น หยูหานมองเข้าไปในดวงตาของไป๋อี้ มันเป็นแววตาที่เย็นชาและน่ากลัวมาก ถ้าหากเขาทำอะไรลงไปเขาก็มั่นใจว่าไป๋อี้จะไม่ฟังคำห้ามปรามของใครอีกและคงฆ่าเขาทิ้งทันที

        “ครั้งนี้ฉันแพ้ แต่การต่อสู้ของเรายังไม่จบเพียงเท่านี้แน่ไป๋อี้!”

        “ฮึ่ม! แกน่าจะขอบคุณเบลลิก้าทีน่านะ” ไป๋อี้ตะคอกอย่างเย็นชา ไป๋อี้ติดสินแล้วว่าเขาจะไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องผลได้ผลเสียส่วนตัวอีก

        ไป๋อี้ปล่อยมือ เขาค่อย ๆ ยืนขึ้นและเดินโซซัดโซเซไปด้านหน้า

        ในตอนนี้คนอื่น ๆ ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบวิ่งเข้าไปหาทั้งสองคนทันที แม้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดแต่ในท้ายที่สุดก็ไม่มีใครต้องตาย แต่นี่เป็นเรื่องที่น่าสังเวชจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเซลล์ดัดแปลงเพิ่มพลังชีวิตของทุกคน หลาย ๆ คนคงไม่อาจทนกับอาการบาดเจ็บสาหัสนี้ได้

        เบลลิก้าทีน่าต้องการที่จะรีบไปช่วยหยูหานห้ามเลือดแต่เธอแทบจะไม่มีความรู้ในเรื่องของการรักษาพยาบาลเลยสักนิด เบลล่าจึงเป็นคนมาช่วยแทน ทำให้ตอนนี้อาการของหยูหานก็เริ่มคงที่มากขึ้น

        ส่วนทางด้านของไป๋อี้เขาก็ได้รับการรักษาจากเมย์ริสเช่นกัน

        “คนโง่ ฉันไม่ใช่เพิ่งพูดกับคุณไปเหรอว่าคุณได้ใช้ร่างกายสมบุกสมบันเกินไป ตอนนี้เซลล์ดัดแปลงในร่างกายของคุณได้เริ่มกัดกินร่างกายของคุณไปแล้ว และถ้ายังฝืนทำแบบนี้คุณจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่แบบนี้ได้อีกแล้วนะ” ตอนนี้เมย์ริสกำลังก่นด่าไป๋อี้ไปพลางทำการรักษาไปพลาง และให้ซาร่ารีบนำอาหารมาให้

        สำหรับคนที่มีเซลล์ดัดแปลงอยู่ในร่างกายนั้นดูเหมือนว่าไม่มียาครอบจักรวาลที่มีประสิทธิภาพเท่ากับอาหาร ตราบใดที่มีการเพิ่มอาหารให้เพียงพอต่อเซลล์ดัดแปลง มันก็จะสามารถกระตุ้นและรักษาพลังชีวิตของร่างกายมนุษย์ได้ มิฉะนั้นทั้งวูล์ฟ ชาร์ไป่ และไต้ยู่เหยาจะมีชีวิตรอดอยู่ถึงตอนนี้ได้อย่างไร?

 

                                                             ————————

                             อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                 https://www.kawebook.com/story/6809

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+