สามีข้า คือพรานป่าตอนที่345 ความอับอาย

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter ตอนที่345 ความอับอาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 345 ความอับอาย

จิ่นเหยียนได้รับคําสั่งจากหยุนเคอผู้เป็นนายให้ตามล่ามือสังหาร เมื่อใกล้รุ่งสางขอ งอีกวันหนึ่งเขาก็กลับมา

ทว่าเมื่อเขาถือวิสาสะเข้าไปในห้องเพื่อจะรายงานต่อองค์ชายหยุนเคอ เขาก็เห็นหยุนเถียนเถียนอยู่ในอ้อมแขนขององค์ชาย สตรีผู้นี้เคยอยู่กับองค์ชายในฐานะสามีภรรยามาก่อน ทว่าในอนาคตนางอาจจะเป็นองค์หญิงผู้เป็นน้องสาวขององค์ชายก็ได้

“นายท่าน… ข้าคิดว่าใกล้ชิดนางถึงเพียงนี้ไม่ดีแน่ หากนางเป็นน้องสาวของท่านจริง ๆ การโอบกอดเช่นนี้อาจจะไม่เหมาะสมนัก”

มู่หรงหยุนเคอตอบกลับไปด้วยการขว้างกริชลงพื้น

เสียงพูดเย็นชาดังขึ้นทันที “หากปากของเจ้าอยู่ไม่สุขก็จงตัดลิ้นตัวเองทิ้งเสีย! เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าปลาหมอตายเพราะปาก? ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

จิ๋นเหยียนตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นทั่วร่างกาย น้ําเสียงขององค์ชายที่เปล่งออกมานั้นช่างเย็นชานัก แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากําลังบันดาลโทสะ หากข้ายังเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็เกรงว่าอาจต้องถึงขั้นชะตาขาดแน่!”

เขารีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะเบะปาก ก็เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกต้องแล้ว เหตุใดองค์ชายจึงไม่ฟังข้านะ?”

“ข้าเป็นเพียงผู้ติดตามตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอํานาจใดจึงไม่กล้าเอ่ยถามหรือถือวิสาสะบอก ข้าทําได้เพียงนั่งรออยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟังจนกว่าองค์ชายจะเสร็จกิจ

หยุนเถียนเถียนตื่นขึ้นในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น เมื่อมู่หรงหยุนเคอเห็นว่านางกําลังจะลืมตาขึ้น เขาก็รีบหลับตาลงทันทีแล้วแสร้งทําเป็นหลับอย่างรวดเร็ว

เทพเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่าหยุนเถียนเถียนรู้สึกเศร้าและโกรธเพียงใด เมื่อนางพบว่าตนเองตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของมู่หรงหยุนเคออีกครั้ง

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือหยุนเถียนเถียนพบว่าขาของตนพาดอยู่บนเอวของมู่หรงหยุนเคอ!

ท่าทางเช่นนี้ช่างดูคล่อแหลมเป็นที่สุด…ล่อแหลมเสียจนหยุนเกียนเถียนไม่อาจกล้าสู้หน้าใครได้อีกต่อไปหากมีคนมาเห็นเข้า

“ข้าเพิ่งตื่นลืมตาขึ้นแล้วเห็นใบหน้าของมู่หรงหยุนเคอที่กําลังหลับใหล… ใบหน้าอันหล่อเหลามีเสน่ห์นั่น” หยุนเถียนเถียนหน้าแดงทันที

นางพยายามตั้งสติก่อนจะค่อย ๆ คลานออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วพุ่งตัวลงจากเตียงทันที

อากาศหนาวเย็นข้างนอกทําให้นางตั้งสติได้ พูดตามตรงว่าตั้งแต่เกิดมาจนโตถึงบัดนี้… นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกบึงกับรูปลักษณ์ของบุรุษ

อันที่จริงการหลงเสน่ห์ของบุรุษเพราะรูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย โดยเฉพาะกับชายที่ดีไปเสียทุกด้านเช่นเขา

“ทว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องของตัวตนที่ยังไม่ชัดเจน หากข้ามอบหัวใจดวงนี้ให้แก่เขาแล้วมารู้ทีหลังว่าร่างกายนี้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดของเขาจริง ๆ ก็คงจะกลายเป็นตลกร้ายเรื่องใหญ่เลยทีเดียว

“ข้าเคยได้ยินเรื่องที่ชายหญิงคู่หนึ่งตกลงคบหาดูใจกันแล้วจู่ ๆ ก็พบว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้อาจจะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง

หยุนเถียนเถียนจ้องใบหน้าของมู่หรงหยุนเคอด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ไม่อาจทนกับการจ้องมองเช่นนี้ได้อีกต่อไป เปลือกตาของเขาเริ่มกระตุกก่อนจะลืมตาขึ้น

หยุนเถียนเถียนดูคล้ายจะหวาดกลัว นางเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะยืนอย่างมั่นคงได้

“เถียนเถียน เจ้า…”

หยุนเคอเพิ่งตื่น เสียงของเขาจึงแหบเล็กน้อยทว่าเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด บัดนี้หยุนเถียนเถียนรู้สึกประหม่าด้วยเสียงอันเย้ายวนของเขา

ทันใดนั้นนางก็ยกมือเย็นขึ้นแตะใบหน้าตัวเอง นางไม่อาจเป็นคนงี่เง่าเช่นนี้ต่อไปได้อีกแล้ว!

มู่หรงหยุนเคอมองหน้าอันซับซ้อนของหยุนเกียนเถียน ดูเหมือนนางจะเกิดอารมณ์หลงใหลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความเฉยเมย เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วมองดูนางเดินจากไป

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมานอกบ้าน ลมหนาวที่พัดผ่านร่างก็ทําให้นางได้สติขึ้นมาบ้าง

บัดนี้จนเหยียนเดินผ่านมาพอดี เขามองสีหน้าอันอธิบายไม่ถูกของหยุนเถียนเถียนก่อนจะถามขึ้น

“แม่นางหยุน ท่านเหนื่อยหรือไม่? แล้วองค์ชายอยู่ที่ใดเล่า? องค์ชายตื่นแล้วหรือ?”

หยุนเกียนเถียนกลอกตา คําพูดขององครักษ์ผู้นี้ดูเหมือนจะสุภาพทว่ากลับแฝงความนัยบางอย่างที่หยาบคายลามก เขากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? หากยิ่งอธิบายก็อาจจะยิ่งยุ่งยากกว่าเดิม

“อยู่ข้างใน… เข้าไปดูเองเถิด!”

เมื่อพูดจบหยุนเสียนเถียนก็รีบเดินเข้าไปในสวนด้วยความโกรธระคนอับอาย

จิ่นเหยียนเกาหัวตัวเองด้วยความสงสัยว่าเขาไปทําสิ่งใดให้สตรีผู้นี้ขุ่นเคืองเข้า ก่อนจะเดินไปหาเจ้านายของตน

เมื่อมู่หรงหยุนเคออยู่กับหยุนเกียนเถียน บุคลิกของเขาจะดูเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนโยนใจดี ทว่าเมื่อเขาอยู่กับผู้ใต้บังคับบัญชาจอมพูดมากผู้นี้ บุคลิกของเขาจะห่างไกลจากคําว่าใจดีอย่างสุด

เขาถามด้วยสีหน้าเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น?”

จิ่นเหยียนรู้สึกกระวนกระวายมานานแล้วทว่าก็ไม่กล้าขัดความสุขของผู้เป็นนาย

“นายท่าน ข้าพบว่าพวกที่มาลอบสังหารแม่นางหยุนเมื่อวานนี้เป็นคนของเจ้าเมืองหลง ข้าไม่รู้ว่าตัวตนของชายผู้นี้เป็นใครกันแน่เพราะเขาลอบฝึกฝนมือสังหารไว้มากมาย… ข้าไม่เข้าใจว่าคนที่มีความสามารถถึงเพียงนั้นจะมาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เพื่อสิ่งใด?”

มู่หรงหยุนเคอกัดฟันแน่น “ไปเถิด! เดิมที่จักรพรรดิแห่งอวหยางเคยมีองค์หญิงเคียงข้าง ทว่า นางเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย องค์หญิงผู้นั้นมีพี่ชายชื่อฉินหลง เจ้าจงไปตรวจสอบเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเมืองหลงด้วยเบาะแสนี้!”

เมื่อจิ่นเหยียนมองหน้าเจ้านายของเขาก็รู้สึกว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะที่พูดอะไรมาก ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่เขาสงบปากสงบคําก่อนจะเดินจากไป

ขณะนี้หยุนเถียนเถียนนั่งอยู่ในสวนด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าจะทําเช่นไรต่อไปดี อารมณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าทําให้นางรู้สึกสับสน

ทว่าผู้ร้ายที่ทําให้หัวใจของนางต้องปั่นป่วนเช่นนี้ไม่ยอมปล่อยนางไป เขาเดินเข้าไปหานางก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ

เมื่อเห็นว่าสาวน้อยผู้นี้กําลังจะลุกหนีไป มู่หรงหยุนเคอจึงรีบพูดว่า “อย่าพึ่งไป ข้ารู้ตัวของคนที่มาลอบสังหารเจ้าเมื่อวานนี้แล้ว!”

สีหน้าของหยุนเสียนเถียนเคร่งขรึมขึ้นทันทีก่อนจะยอมนั่งลงดังที่เขาคาดไว้ “พูดมาสิ ข้ากําลังฟังอยู่”

มู่หรงหยุนเคอส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หากเขามัวชักช้าหญิงสาวผู้นี้ก็คงจะลุกหนีแล้วเริ่มหลบหน้าเขาอีกแน่นอน

“ข้าไม่นึกเลยว่าคนที่ถูกส่งมาลอบสังหารเจ้าในครั้งนี้จะเป็นคนของเจ้าเมืองหลง แม้หากมองอย่างผิวเผินจะดูเหมือนว่าเขาคอยช่วยเหลือเจ้า ทว่าเบื้องหลังเขากลับลอบฝึกฝนนักฆ่าฝีมือดีไว้มากมาย… ข้าจึงได้บอกเจ้าไปแล้วตั้งแต่แรกว่าให้ระวังเจ้าเมืองหลงผู้นี้ให้ดี!”

หยุนเถียนเถียนตกใจเล็กน้อย นางรู้ว่าการสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเมืองหลงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะเคยให้ความช่วยเหลือข้าก็ตาม ทว่าก็เป็นเพียงแค่การติดต่อกันแบบผิวเผินในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น”

บัดนี้เมื่อได้รู้ว่าความช่วยเหลือของเขาเป็นเพียงการแสร้งทําดีกับข้าเพื่อบังหน้า ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะแปลกแต่อย่างใด

“หากคิดให้รอบคอบจะเห็นว่าความจริงแล้วสิ่งที่เจ้าเมืองหลงพูดนั้นก็มีข้อบกพร่อง หากเขาเป็นเพียงผู้ติดตามของจักรพรรดิแห่งอวหยางที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหยุนจึงเอ๋อ เขาจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เขาไม่รู้เหล่านี้ได้อย่างไร?

“อืม…ข้าเข้าใจแล้วล่ะ”

มู่หรงหยุนเคอรู้สึกสับสนเล็กน้อย เหตุใดท่าทีของแม่สาวน้อยผู้นี้หลังจากได้รับรู้เรื่องร้ายแรงจึงดูปกตินัก?

“เจ้าไม่มีความคิดเห็นอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วหรือ? หากเจ้าเมืองหลงส่งคนมาลอบสังหารเขาเช่นนี้ได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดกับเจ้าในตอนแรกก็จะต้องเป็นเรื่องหลอกลวงแน่นอน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่าตอนที่345 ความอับอาย

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter ตอนที่345 ความอับอาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 345 ความอับอาย

จิ่นเหยียนได้รับคําสั่งจากหยุนเคอผู้เป็นนายให้ตามล่ามือสังหาร เมื่อใกล้รุ่งสางขอ งอีกวันหนึ่งเขาก็กลับมา

ทว่าเมื่อเขาถือวิสาสะเข้าไปในห้องเพื่อจะรายงานต่อองค์ชายหยุนเคอ เขาก็เห็นหยุนเถียนเถียนอยู่ในอ้อมแขนขององค์ชาย สตรีผู้นี้เคยอยู่กับองค์ชายในฐานะสามีภรรยามาก่อน ทว่าในอนาคตนางอาจจะเป็นองค์หญิงผู้เป็นน้องสาวขององค์ชายก็ได้

“นายท่าน… ข้าคิดว่าใกล้ชิดนางถึงเพียงนี้ไม่ดีแน่ หากนางเป็นน้องสาวของท่านจริง ๆ การโอบกอดเช่นนี้อาจจะไม่เหมาะสมนัก”

มู่หรงหยุนเคอตอบกลับไปด้วยการขว้างกริชลงพื้น

เสียงพูดเย็นชาดังขึ้นทันที “หากปากของเจ้าอยู่ไม่สุขก็จงตัดลิ้นตัวเองทิ้งเสีย! เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าปลาหมอตายเพราะปาก? ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

จิ๋นเหยียนตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นทั่วร่างกาย น้ําเสียงขององค์ชายที่เปล่งออกมานั้นช่างเย็นชานัก แสดงให้เห็นชัดเจนว่ากําลังบันดาลโทสะ หากข้ายังเข้าไปยุ่งเกี่ยวก็เกรงว่าอาจต้องถึงขั้นชะตาขาดแน่!”

เขารีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะเบะปาก ก็เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกต้องแล้ว เหตุใดองค์ชายจึงไม่ฟังข้านะ?”

“ข้าเป็นเพียงผู้ติดตามตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอํานาจใดจึงไม่กล้าเอ่ยถามหรือถือวิสาสะบอก ข้าทําได้เพียงนั่งรออยู่ด้านนอกอย่างเชื่อฟังจนกว่าองค์ชายจะเสร็จกิจ

หยุนเถียนเถียนตื่นขึ้นในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น เมื่อมู่หรงหยุนเคอเห็นว่านางกําลังจะลืมตาขึ้น เขาก็รีบหลับตาลงทันทีแล้วแสร้งทําเป็นหลับอย่างรวดเร็ว

เทพเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่าหยุนเถียนเถียนรู้สึกเศร้าและโกรธเพียงใด เมื่อนางพบว่าตนเองตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของมู่หรงหยุนเคออีกครั้ง

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือหยุนเถียนเถียนพบว่าขาของตนพาดอยู่บนเอวของมู่หรงหยุนเคอ!

ท่าทางเช่นนี้ช่างดูคล่อแหลมเป็นที่สุด…ล่อแหลมเสียจนหยุนเกียนเถียนไม่อาจกล้าสู้หน้าใครได้อีกต่อไปหากมีคนมาเห็นเข้า

“ข้าเพิ่งตื่นลืมตาขึ้นแล้วเห็นใบหน้าของมู่หรงหยุนเคอที่กําลังหลับใหล… ใบหน้าอันหล่อเหลามีเสน่ห์นั่น” หยุนเถียนเถียนหน้าแดงทันที

นางพยายามตั้งสติก่อนจะค่อย ๆ คลานออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วพุ่งตัวลงจากเตียงทันที

อากาศหนาวเย็นข้างนอกทําให้นางตั้งสติได้ พูดตามตรงว่าตั้งแต่เกิดมาจนโตถึงบัดนี้… นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกบึงกับรูปลักษณ์ของบุรุษ

อันที่จริงการหลงเสน่ห์ของบุรุษเพราะรูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย โดยเฉพาะกับชายที่ดีไปเสียทุกด้านเช่นเขา

“ทว่าปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องของตัวตนที่ยังไม่ชัดเจน หากข้ามอบหัวใจดวงนี้ให้แก่เขาแล้วมารู้ทีหลังว่าร่างกายนี้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือดของเขาจริง ๆ ก็คงจะกลายเป็นตลกร้ายเรื่องใหญ่เลยทีเดียว

“ข้าเคยได้ยินเรื่องที่ชายหญิงคู่หนึ่งตกลงคบหาดูใจกันแล้วจู่ ๆ ก็พบว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นพี่น้องกัน ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้อาจจะมาเกิดขึ้นกับตัวเอง

หยุนเถียนเถียนจ้องใบหน้าของมู่หรงหยุนเคอด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ไม่อาจทนกับการจ้องมองเช่นนี้ได้อีกต่อไป เปลือกตาของเขาเริ่มกระตุกก่อนจะลืมตาขึ้น

หยุนเถียนเถียนดูคล้ายจะหวาดกลัว นางเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าวก่อนจะยืนอย่างมั่นคงได้

“เถียนเถียน เจ้า…”

หยุนเคอเพิ่งตื่น เสียงของเขาจึงแหบเล็กน้อยทว่าเต็มไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด บัดนี้หยุนเถียนเถียนรู้สึกประหม่าด้วยเสียงอันเย้ายวนของเขา

ทันใดนั้นนางก็ยกมือเย็นขึ้นแตะใบหน้าตัวเอง นางไม่อาจเป็นคนงี่เง่าเช่นนี้ต่อไปได้อีกแล้ว!

มู่หรงหยุนเคอมองหน้าอันซับซ้อนของหยุนเกียนเถียน ดูเหมือนนางจะเกิดอารมณ์หลงใหลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความเฉยเมย เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วมองดูนางเดินจากไป

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมานอกบ้าน ลมหนาวที่พัดผ่านร่างก็ทําให้นางได้สติขึ้นมาบ้าง

บัดนี้จนเหยียนเดินผ่านมาพอดี เขามองสีหน้าอันอธิบายไม่ถูกของหยุนเถียนเถียนก่อนจะถามขึ้น

“แม่นางหยุน ท่านเหนื่อยหรือไม่? แล้วองค์ชายอยู่ที่ใดเล่า? องค์ชายตื่นแล้วหรือ?”

หยุนเกียนเถียนกลอกตา คําพูดขององครักษ์ผู้นี้ดูเหมือนจะสุภาพทว่ากลับแฝงความนัยบางอย่างที่หยาบคายลามก เขากล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? หากยิ่งอธิบายก็อาจจะยิ่งยุ่งยากกว่าเดิม

“อยู่ข้างใน… เข้าไปดูเองเถิด!”

เมื่อพูดจบหยุนเสียนเถียนก็รีบเดินเข้าไปในสวนด้วยความโกรธระคนอับอาย

จิ่นเหยียนเกาหัวตัวเองด้วยความสงสัยว่าเขาไปทําสิ่งใดให้สตรีผู้นี้ขุ่นเคืองเข้า ก่อนจะเดินไปหาเจ้านายของตน

เมื่อมู่หรงหยุนเคออยู่กับหยุนเกียนเถียน บุคลิกของเขาจะดูเป็นชายหนุ่มผู้อ่อนโยนใจดี ทว่าเมื่อเขาอยู่กับผู้ใต้บังคับบัญชาจอมพูดมากผู้นี้ บุคลิกของเขาจะห่างไกลจากคําว่าใจดีอย่างสุด

เขาถามด้วยสีหน้าเย็นชา “เกิดอะไรขึ้น?”

จิ่นเหยียนรู้สึกกระวนกระวายมานานแล้วทว่าก็ไม่กล้าขัดความสุขของผู้เป็นนาย

“นายท่าน ข้าพบว่าพวกที่มาลอบสังหารแม่นางหยุนเมื่อวานนี้เป็นคนของเจ้าเมืองหลง ข้าไม่รู้ว่าตัวตนของชายผู้นี้เป็นใครกันแน่เพราะเขาลอบฝึกฝนมือสังหารไว้มากมาย… ข้าไม่เข้าใจว่าคนที่มีความสามารถถึงเพียงนั้นจะมาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เพื่อสิ่งใด?”

มู่หรงหยุนเคอกัดฟันแน่น “ไปเถิด! เดิมที่จักรพรรดิแห่งอวหยางเคยมีองค์หญิงเคียงข้าง ทว่า นางเสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย องค์หญิงผู้นั้นมีพี่ชายชื่อฉินหลง เจ้าจงไปตรวจสอบเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเมืองหลงด้วยเบาะแสนี้!”

เมื่อจิ่นเหยียนมองหน้าเจ้านายของเขาก็รู้สึกว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะที่พูดอะไรมาก ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่เขาสงบปากสงบคําก่อนจะเดินจากไป

ขณะนี้หยุนเถียนเถียนนั่งอยู่ในสวนด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะไม่รู้ว่าจะทําเช่นไรต่อไปดี อารมณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าทําให้นางรู้สึกสับสน

ทว่าผู้ร้ายที่ทําให้หัวใจของนางต้องปั่นป่วนเช่นนี้ไม่ยอมปล่อยนางไป เขาเดินเข้าไปหานางก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ

เมื่อเห็นว่าสาวน้อยผู้นี้กําลังจะลุกหนีไป มู่หรงหยุนเคอจึงรีบพูดว่า “อย่าพึ่งไป ข้ารู้ตัวของคนที่มาลอบสังหารเจ้าเมื่อวานนี้แล้ว!”

สีหน้าของหยุนเสียนเถียนเคร่งขรึมขึ้นทันทีก่อนจะยอมนั่งลงดังที่เขาคาดไว้ “พูดมาสิ ข้ากําลังฟังอยู่”

มู่หรงหยุนเคอส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หากเขามัวชักช้าหญิงสาวผู้นี้ก็คงจะลุกหนีแล้วเริ่มหลบหน้าเขาอีกแน่นอน

“ข้าไม่นึกเลยว่าคนที่ถูกส่งมาลอบสังหารเจ้าในครั้งนี้จะเป็นคนของเจ้าเมืองหลง แม้หากมองอย่างผิวเผินจะดูเหมือนว่าเขาคอยช่วยเหลือเจ้า ทว่าเบื้องหลังเขากลับลอบฝึกฝนนักฆ่าฝีมือดีไว้มากมาย… ข้าจึงได้บอกเจ้าไปแล้วตั้งแต่แรกว่าให้ระวังเจ้าเมืองหลงผู้นี้ให้ดี!”

หยุนเถียนเถียนตกใจเล็กน้อย นางรู้ว่าการสืบหาตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเมืองหลงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะเคยให้ความช่วยเหลือข้าก็ตาม ทว่าก็เป็นเพียงแค่การติดต่อกันแบบผิวเผินในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น”

บัดนี้เมื่อได้รู้ว่าความช่วยเหลือของเขาเป็นเพียงการแสร้งทําดีกับข้าเพื่อบังหน้า ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะแปลกแต่อย่างใด

“หากคิดให้รอบคอบจะเห็นว่าความจริงแล้วสิ่งที่เจ้าเมืองหลงพูดนั้นก็มีข้อบกพร่อง หากเขาเป็นเพียงผู้ติดตามของจักรพรรดิแห่งอวหยางที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหยุนจึงเอ๋อ เขาจะรู้สึกผิดกับเรื่องที่เขาไม่รู้เหล่านี้ได้อย่างไร?

“อืม…ข้าเข้าใจแล้วล่ะ”

มู่หรงหยุนเคอรู้สึกสับสนเล็กน้อย เหตุใดท่าทีของแม่สาวน้อยผู้นี้หลังจากได้รับรู้เรื่องร้ายแรงจึงดูปกตินัก?

“เจ้าไม่มีความคิดเห็นอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วหรือ? หากเจ้าเมืองหลงส่งคนมาลอบสังหารเขาเช่นนี้ได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดกับเจ้าในตอนแรกก็จะต้องเป็นเรื่องหลอกลวงแน่นอน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+