สามีข้า คือพรานป่า 332 ธุรกิจขายของโบราณ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 332 ธุรกิจขายของโบราณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 332 ธุรกิจขายของโบราณ

เมื่อเฉินเฉินเดินเข้าห้องสอบไปแล้ว หยุนเถียนเถียนก็มองไปรอบกายแล้วนึกถึงคํากล่าวที่ว่า เมื่อพ่อแม่มาส่งบุตรสอบเข้ามหาวิทยาลัย พ่อแม่เหล่านั้นกลับเคร่งเครียดและประหม่ายิ่งกว่าบุตรหลานของตนเสียอีก

อันที่จริงพ่อแม่ยุคนี้อาจจะเครียดเสียยิ่งกว่ายุคปัจจุบันหลายเท่าก็ได้

ข้อแตกต่างประการหนึ่งที่ชัดเจนมากก็คือ การสอบยุคปัจจุบันผู้เข้าสอบมักจะเป็นเด็กอายุเท่ากันหมด ทว่าการสอบยุคนี้มีผู้เข้าสอบหลากหลายช่วงวัยตั้งแต่เด็กน้อยไปจนถึงผู้ใหญ่ มีแม้กระทั่งชายชราที่ต้องใช้ไม้ค้ํายันคอยพยุง!
หยุนเสียนเถียนไม่เข้าใจว่า คนอายุปูนนี้แม้จะผ่านการคัดเลือกพร้อมได้รับการยอมรับว่ามีพรสวรรค์ ทว่าจะมีประโยชน์เช่นไร? อีกทั้งการสอบก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล นั่งสอบนานเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าเส้นจะยึดหรือไม่ มันคุ้มค่าแล้วหรือที่ต้องฝืนสังขารตนเองเพื่อทดสอบพรสวรรค์เช่นนี้?

ไม่ว่าหยุนเกียนเถียนจะคิดเช่นไร ชายชราก็เดินเข้าห้องสอบไปโดยไม่ลังเล

หยุนเถียนเถียนไม่กังวลเลยว่าเฉินเฉินจะไม่สามารถเอาตัวรอดในห้องสอบได้ เด็กชายผู้นี้ฉลาดปราดเปรื่องยิ่ง เขาทุ่มเททบทวนตําราด้วยความมานะบากบั่นเฉกเช่นเดียวกับผู้เข้าสอบต่าง วัยทุกคน แม้จะยากเข็ญทว่าผลของการกระทําเช่นนี้ย่อมต้องงดงาม

เมื่อส่งเฉินเฉินไปเข้าสอบเรียบร้อยแล้วหยุนเถียนเถียนก็แวะไปบ้านพักสกลหลี่ ซึ่งคราวนี้หลี่ซื่อสวามีท่าทางเอาการเอางานอย่างมาก

หยนเถียนเถียนนั่งฟังหลี่ซื่อฮวาเล่าถึงความพยายามของเขาที่ประสบความสําเร็จแล้วในตอน

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด เมื่อหลี่ซื่อฮวาประสบความสําเร็จบางอย่าง เขาไม่คิดจะป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้ทว่ากลับต้องการจะบอกหยุนเถียนเถียนเพียงผู้เดียวเท่านั้น

ในที่สุดหลี่ซื่อฮวาก็พบโอกาสในการใช้ประโยชน์จากการหายตัวไปของหยุนเคอ แม้ว่าหยุนเถียนเถียนอาจจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาที่เขาต้องเผชิญมานานแล้ว ทว่าเขาก็ยังต้องการจะบอกเรื่องนี้แก่นางด้วยตัวเอง

หยุนเสียนเถียนฟังอย่างอดทนโดยไม่ขัดจังหวะ หลี่ซื้อฮวาผู้อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ดูเป็นคนเอาจริงเอาจังนัก ต่างจากภาพลักษณ์เดิมที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจากชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของเขามาเนิ่นนาน

“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าของเก่าได้ตายไปแล้วก็ถึงที่ของข้าที่จะได้ขึ้นครองบ้าง! เจ้าเคยบอกข้าว่า เจ้ามีความรู้เกี่ยวกับของโบราณใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็มาร่วมทําธุรกิจขายของโบราณกับข้าที่ร้านเด็ด!

หยุนเถียนเถียนยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิ! บังเอิญว่าข้าก็กําลังมองหาช่องทางทําธุรกิจในเมืองฟเฉิงอยู่เช่นกัน หากร้านอยู่ไม่ไกลนักก็ไม่จําเป็นต้องนั่งรถม้ากันหรอก”

หลี่ซื่อสวามีความสุขมากเมื่อได้เดินไปบนถนนกับหยุนเกียนเถียน บารมีของนายน้อยหอื่นั้นช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน หญิงสาวที่เดินสวนกันตามทางต่างก็พากันหลบเลี่ยงเมื่อเห็นเขา

หยุนเถียนเถียนเอียงศีรษะพลางกลั้นยิ้มแล้วพูดขึ้น “หากท่านยังไม่ยอมชี้แจงเรื่องชื่อเสียงของท่าน อาจเป็นการยากที่จะหาสตรีสักคนมาแต่งงานเป็นภรรยาของท่านในอนาคต ตอนนี้สตรีโฉดผู้นั้นก็ไม่อยู่แล้ว ฉะนั้นท่านควรเริ่มแก้ข่าวลือฉาวโฉนี้ได้แล้ว… อีกทั้งชื่อเสียงย่อมส่งผลต่อธุรกิจเข้าในสักวันหนึ่ง เมื่อท่านตกเป็นเป้าสายตาจากคนหมู่มากย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้”

พัดในมือของหลี่ซื่อฮวาถึงกับสั่นเมื่อเขานึกถึงหยุนเพียนเพียนขึ้นมาได้ “ตอนนี้พวกผู้หญิงที่คนร่ําลือกันว่าถูกข้าสังหารต่างก็โดนย้ายไปอยู่อีกบ้านหมดแล้ว ข้าแค่ใช้โอกาสนี้ปล่อยพวกนางไปเท่านั้น!”

“ทว่าข้าไม่อาจกอบกู้ชื่อเสียงได้ด้วยการปล่อยสตรีเหล่านี้ไป ข้าถูกหยุนเพียนเพียนใส่ร้ายป้ายสีเพราะข้าได้แตะต้องผู้หญิงไปเพียงสองสามคนเท่านั้น…ตอนนี้ข้าไม่ต้องการให้มีข่าวลือว่ามีผู้หญิงมากมายถูกกักขังอยู่ในสนามหลังบ้านข้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าคิดว่าข้าควรจัดการเรื่องนี้เช่นไรดี?”

หยุนเถียนเถียนมองหน้าหลี่ซื่อฮวาด้วยความประหลาดใจ “ท่านไม่ควรมาถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้… ท่านควรถามสตรีพวกนั้นต่างหาก! ถามถึงสิ่งที่พวกนางต้องการ! ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าบนโลกนี้การเกิดเป็นผู้หญิงนั้นเสียเปรียบนัก ท่านต้องให้โอกาสพวกนางตัดสินใจด้วยตัวเอง!”

หลี่ซื่อฮวาจึงกล่าวเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนเองบ้าง “แน่นอนสิ ข้าต้องการให้พวกนางได้มีโอกาสตัดสินใจเอง มิฉะนั้นข้าคงจะสังหารพวกนางไปแล้ว! ทว่าต่อให้ข้าปล่อยตัวพวกนางออกไปสู่โลกภายนอก ก็ยังไม่เพียงพอที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของข้าให้กลับคืนมาได้หรอก! ถึงแม้นางจะใส่ร้ายข้าหนักหนานัก ทว่าข้าก็ได้แตะต้องสตรีเหล่านั้นจริงเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น”

“ข้าแค่อยากจะถามเจ้าว่า ข้าควรเก็บซ่อนหญิงสองสามคนที่ข้าได้แตะต้องไปแล้วนั้นไว้ดีหรือไม่? ข้าเกรงว่าหากปล่อยนางไปแล้วนางอาจเอาไปโพนทะนาให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้”

หยุนเวียนเถียนมองหลี่ซื่อฮวาด้วยสายตาดูแคลน “ทีแรกท่านยังกล้าบังคับจิตใจของสตรีมากมาย แล้วเหตุใดจึงจะทนสตรีสองสามคนนี้ไม่ได้เล่า? หากท่านต้องการให้ข้าช่วยชี้แนะแก่ท่านตามความจริงข้าก็ได้พูดไปแล้ว เช่นนี้ท่านยังมีปัญหาใดอีก? สตรีโฉดผู้นั้นตายไปแล้วจึงไม่เป็นการดีหากท่านจะกล่าวถึงนางในเชิงเสียหายอีก… ทว่าจะดีกว่านักหากปล่อยให้นางถูกสาปแช่งไล่หลังจากดวงวิญญาณที่ถูกนางฆ่าตาย”

หลี่ซื่อฮวาพยักหน้าก่อนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาลอบมองหยุนเสียนเถียนอย่างกังวลแล้วพูดขึ้น “เหตุใดช่วงนี้หยุนเคอชอบทําตัวมีลับลมคมในนัก? เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะมีสิ่งใดปิดบังเจ้าอยู่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าช่วงที่องค์ชายหายตัวไป… เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หยุนเคอปรากฏตัวขึ้น! ข้าคิดมานานแล้วว่าหยุนเคอของเจ้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายอย่างแน่นอน!”

หยุนเวียนเถียนตกตะลึง หยุนเคอยิ่งกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายเสียอีกเพราะเขานั่นแหละที่เป็นองค์ชาย! นางไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หยุนเคอกําลังทําอยู่จําเป็นต้องปกปิดหรือไม่ ทว่านางก็ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าหยุนเคอมีความลับ! นายน้อยหลี่… ข้าว่าบางอย่างก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว ท่านหันมาให้ความสนใจกับการทําธุรกิจเพื่อความรุ่งเรืองของเราไม่ดีกว่าหรือ?”

น้ําเสียงของหยุนเถียนเถียนแปร่งไปอย่างเห็นได้ชัด นางกําลังปกปิดบางอย่างกับเขา หลี่ซื้อฮวาจึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานเขาก็เข้าใจว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับคนใหญ่คนโตเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอาจเอื้อมอย่างยิ่ง

เมื่อเดินมาถึงร้านขายของโบราณก็พบว่ามีลูกค้าอยู่เพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าเขากําลังสนใจ แจกันลายครามสีฟ้าขาวอยู่ บางทีอาจต้องการนําไปตกแต่งห้องรับแขกก็เป็นได้

ของโบราณร้านนี้ล้วนแต่มีคุณภาพดี หลี่ซื่อฮวาได้ทําเครื่องหมายระบุปีที่พบสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ อีกทั้งของโบราณแต่ละชิ้นก็ไม่ค่อยมีตําหนิอีกด้วย

ทว่าสินค้าในร้านยังคงมีน้อยเกินไป โดยทั่วไปแล้วของโบราณเหล่านี้มีมูลค่าสูงมาก ดังนั้นจึงมีของปลอมปะปนอยู่หลายอย่าง

ของปลอมดังกล่าวมีราคาไม่แพงนักซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม… กระนั้นก็ยังมีผู้เต็มใจที่จะซื้ออยู่ดี

หยุนเกียนเถียนถอนหายใจยาว “นายน้อยหลี่… ไม่ใช่ว่าข้าต้องการจะขัดท่านหรอกนะ ทว่าที่นี่มีสินค้าที่เป็นของแท้น้อยเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ร้านจะเงียบเหงาเช่นนี้… พวกที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ส่วนใหญ่มักเป็นระดับปรมาจารย์ด้านของโบราณทั้งนั้น ฉะนั้นพวกเขาคงไม่มาถึงร้านของท่านเพียงเพื่อซื้อของปลอมกลับไปหรอก!”

หลี่ซื่อฮวายกยิ้ม “ในเมืองแห่งนี้มีไม่กี่คนที่กล้าใช้ของโบราณของแท้ คนส่วนใหญ่ที่มาซื้อของแท้ไปประดับตกแต่งบ้าน หรือซื้อเพื่อนําไปเป็นของขวัญมอบให้กันในวาระพิเศษได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนระดับเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ดังนั้นหากคนฐานะค่อนข้างจะซื้อของปลอมไปใช้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าละอายนัก”

หยุนเสียนเถียนถามขึ้นขณะยืนดูของบนชั้นวาง “แล้วท่านนําของโบราณเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?”

“ของโบราณพวกนั้นข้ารับมาจากคนอื่น… บางชิ้นก็มาจากโจรปล้นสุสานขุดขึ้นมาจากหลุมศพแล้วขายทอดตลาดมืด จากนั้นข้าก็ไปซื้อมาได้ นอกจากนี้หลายชิ้นก็เป็นมรดกตกทอดประจําตระกูล เมื่อถึงคราวตกยากเจ้าของจึงนํามาขายให้ข้าถึงที่นี่ ซึ่งข้าก็สามารถนํามาขายต่อเพื่อทํากําไรได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 332 ธุรกิจขายของโบราณ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 332 ธุรกิจขายของโบราณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 332 ธุรกิจขายของโบราณ

เมื่อเฉินเฉินเดินเข้าห้องสอบไปแล้ว หยุนเถียนเถียนก็มองไปรอบกายแล้วนึกถึงคํากล่าวที่ว่า เมื่อพ่อแม่มาส่งบุตรสอบเข้ามหาวิทยาลัย พ่อแม่เหล่านั้นกลับเคร่งเครียดและประหม่ายิ่งกว่าบุตรหลานของตนเสียอีก

อันที่จริงพ่อแม่ยุคนี้อาจจะเครียดเสียยิ่งกว่ายุคปัจจุบันหลายเท่าก็ได้

ข้อแตกต่างประการหนึ่งที่ชัดเจนมากก็คือ การสอบยุคปัจจุบันผู้เข้าสอบมักจะเป็นเด็กอายุเท่ากันหมด ทว่าการสอบยุคนี้มีผู้เข้าสอบหลากหลายช่วงวัยตั้งแต่เด็กน้อยไปจนถึงผู้ใหญ่ มีแม้กระทั่งชายชราที่ต้องใช้ไม้ค้ํายันคอยพยุง!
หยุนเสียนเถียนไม่เข้าใจว่า คนอายุปูนนี้แม้จะผ่านการคัดเลือกพร้อมได้รับการยอมรับว่ามีพรสวรรค์ ทว่าจะมีประโยชน์เช่นไร? อีกทั้งการสอบก็เป็นไปอย่างทุลักทุเล นั่งสอบนานเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าเส้นจะยึดหรือไม่ มันคุ้มค่าแล้วหรือที่ต้องฝืนสังขารตนเองเพื่อทดสอบพรสวรรค์เช่นนี้?

ไม่ว่าหยุนเกียนเถียนจะคิดเช่นไร ชายชราก็เดินเข้าห้องสอบไปโดยไม่ลังเล

หยุนเถียนเถียนไม่กังวลเลยว่าเฉินเฉินจะไม่สามารถเอาตัวรอดในห้องสอบได้ เด็กชายผู้นี้ฉลาดปราดเปรื่องยิ่ง เขาทุ่มเททบทวนตําราด้วยความมานะบากบั่นเฉกเช่นเดียวกับผู้เข้าสอบต่าง วัยทุกคน แม้จะยากเข็ญทว่าผลของการกระทําเช่นนี้ย่อมต้องงดงาม

เมื่อส่งเฉินเฉินไปเข้าสอบเรียบร้อยแล้วหยุนเถียนเถียนก็แวะไปบ้านพักสกลหลี่ ซึ่งคราวนี้หลี่ซื่อสวามีท่าทางเอาการเอางานอย่างมาก

หยนเถียนเถียนนั่งฟังหลี่ซื่อฮวาเล่าถึงความพยายามของเขาที่ประสบความสําเร็จแล้วในตอน

ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด เมื่อหลี่ซื่อฮวาประสบความสําเร็จบางอย่าง เขาไม่คิดจะป่าวประกาศให้ผู้อื่นรับรู้ทว่ากลับต้องการจะบอกหยุนเถียนเถียนเพียงผู้เดียวเท่านั้น

ในที่สุดหลี่ซื่อฮวาก็พบโอกาสในการใช้ประโยชน์จากการหายตัวไปของหยุนเคอ แม้ว่าหยุนเถียนเถียนอาจจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาที่เขาต้องเผชิญมานานแล้ว ทว่าเขาก็ยังต้องการจะบอกเรื่องนี้แก่นางด้วยตัวเอง

หยุนเสียนเถียนฟังอย่างอดทนโดยไม่ขัดจังหวะ หลี่ซื้อฮวาผู้อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ดูเป็นคนเอาจริงเอาจังนัก ต่างจากภาพลักษณ์เดิมที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจากชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของเขามาเนิ่นนาน

“เอาล่ะ! ในเมื่อเจ้าของเก่าได้ตายไปแล้วก็ถึงที่ของข้าที่จะได้ขึ้นครองบ้าง! เจ้าเคยบอกข้าว่า เจ้ามีความรู้เกี่ยวกับของโบราณใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็มาร่วมทําธุรกิจขายของโบราณกับข้าที่ร้านเด็ด!

หยุนเถียนเถียนยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิ! บังเอิญว่าข้าก็กําลังมองหาช่องทางทําธุรกิจในเมืองฟเฉิงอยู่เช่นกัน หากร้านอยู่ไม่ไกลนักก็ไม่จําเป็นต้องนั่งรถม้ากันหรอก”

หลี่ซื่อสวามีความสุขมากเมื่อได้เดินไปบนถนนกับหยุนเกียนเถียน บารมีของนายน้อยหอื่นั้นช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน หญิงสาวที่เดินสวนกันตามทางต่างก็พากันหลบเลี่ยงเมื่อเห็นเขา

หยุนเถียนเถียนเอียงศีรษะพลางกลั้นยิ้มแล้วพูดขึ้น “หากท่านยังไม่ยอมชี้แจงเรื่องชื่อเสียงของท่าน อาจเป็นการยากที่จะหาสตรีสักคนมาแต่งงานเป็นภรรยาของท่านในอนาคต ตอนนี้สตรีโฉดผู้นั้นก็ไม่อยู่แล้ว ฉะนั้นท่านควรเริ่มแก้ข่าวลือฉาวโฉนี้ได้แล้ว… อีกทั้งชื่อเสียงย่อมส่งผลต่อธุรกิจเข้าในสักวันหนึ่ง เมื่อท่านตกเป็นเป้าสายตาจากคนหมู่มากย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้”

พัดในมือของหลี่ซื่อฮวาถึงกับสั่นเมื่อเขานึกถึงหยุนเพียนเพียนขึ้นมาได้ “ตอนนี้พวกผู้หญิงที่คนร่ําลือกันว่าถูกข้าสังหารต่างก็โดนย้ายไปอยู่อีกบ้านหมดแล้ว ข้าแค่ใช้โอกาสนี้ปล่อยพวกนางไปเท่านั้น!”

“ทว่าข้าไม่อาจกอบกู้ชื่อเสียงได้ด้วยการปล่อยสตรีเหล่านี้ไป ข้าถูกหยุนเพียนเพียนใส่ร้ายป้ายสีเพราะข้าได้แตะต้องผู้หญิงไปเพียงสองสามคนเท่านั้น…ตอนนี้ข้าไม่ต้องการให้มีข่าวลือว่ามีผู้หญิงมากมายถูกกักขังอยู่ในสนามหลังบ้านข้าอีกต่อไปแล้ว เจ้าคิดว่าข้าควรจัดการเรื่องนี้เช่นไรดี?”

หยุนเถียนเถียนมองหน้าหลี่ซื่อฮวาด้วยความประหลาดใจ “ท่านไม่ควรมาถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้… ท่านควรถามสตรีพวกนั้นต่างหาก! ถามถึงสิ่งที่พวกนางต้องการ! ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าบนโลกนี้การเกิดเป็นผู้หญิงนั้นเสียเปรียบนัก ท่านต้องให้โอกาสพวกนางตัดสินใจด้วยตัวเอง!”

หลี่ซื่อฮวาจึงกล่าวเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนเองบ้าง “แน่นอนสิ ข้าต้องการให้พวกนางได้มีโอกาสตัดสินใจเอง มิฉะนั้นข้าคงจะสังหารพวกนางไปแล้ว! ทว่าต่อให้ข้าปล่อยตัวพวกนางออกไปสู่โลกภายนอก ก็ยังไม่เพียงพอที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของข้าให้กลับคืนมาได้หรอก! ถึงแม้นางจะใส่ร้ายข้าหนักหนานัก ทว่าข้าก็ได้แตะต้องสตรีเหล่านั้นจริงเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น”

“ข้าแค่อยากจะถามเจ้าว่า ข้าควรเก็บซ่อนหญิงสองสามคนที่ข้าได้แตะต้องไปแล้วนั้นไว้ดีหรือไม่? ข้าเกรงว่าหากปล่อยนางไปแล้วนางอาจเอาไปโพนทะนาให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้”

หยุนเวียนเถียนมองหลี่ซื่อฮวาด้วยสายตาดูแคลน “ทีแรกท่านยังกล้าบังคับจิตใจของสตรีมากมาย แล้วเหตุใดจึงจะทนสตรีสองสามคนนี้ไม่ได้เล่า? หากท่านต้องการให้ข้าช่วยชี้แนะแก่ท่านตามความจริงข้าก็ได้พูดไปแล้ว เช่นนี้ท่านยังมีปัญหาใดอีก? สตรีโฉดผู้นั้นตายไปแล้วจึงไม่เป็นการดีหากท่านจะกล่าวถึงนางในเชิงเสียหายอีก… ทว่าจะดีกว่านักหากปล่อยให้นางถูกสาปแช่งไล่หลังจากดวงวิญญาณที่ถูกนางฆ่าตาย”

หลี่ซื่อฮวาพยักหน้าก่อนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาลอบมองหยุนเสียนเถียนอย่างกังวลแล้วพูดขึ้น “เหตุใดช่วงนี้หยุนเคอชอบทําตัวมีลับลมคมในนัก? เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะมีสิ่งใดปิดบังเจ้าอยู่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าช่วงที่องค์ชายหายตัวไป… เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หยุนเคอปรากฏตัวขึ้น! ข้าคิดมานานแล้วว่าหยุนเคอของเจ้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายอย่างแน่นอน!”

หยุนเวียนเถียนตกตะลึง หยุนเคอยิ่งกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายเสียอีกเพราะเขานั่นแหละที่เป็นองค์ชาย! นางไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หยุนเคอกําลังทําอยู่จําเป็นต้องปกปิดหรือไม่ ทว่านางก็ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าหยุนเคอมีความลับ! นายน้อยหลี่… ข้าว่าบางอย่างก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว ท่านหันมาให้ความสนใจกับการทําธุรกิจเพื่อความรุ่งเรืองของเราไม่ดีกว่าหรือ?”

น้ําเสียงของหยุนเถียนเถียนแปร่งไปอย่างเห็นได้ชัด นางกําลังปกปิดบางอย่างกับเขา หลี่ซื้อฮวาจึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานเขาก็เข้าใจว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับคนใหญ่คนโตเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอาจเอื้อมอย่างยิ่ง

เมื่อเดินมาถึงร้านขายของโบราณก็พบว่ามีลูกค้าอยู่เพียงคนเดียว ดูเหมือนว่าเขากําลังสนใจ แจกันลายครามสีฟ้าขาวอยู่ บางทีอาจต้องการนําไปตกแต่งห้องรับแขกก็เป็นได้

ของโบราณร้านนี้ล้วนแต่มีคุณภาพดี หลี่ซื่อฮวาได้ทําเครื่องหมายระบุปีที่พบสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ อีกทั้งของโบราณแต่ละชิ้นก็ไม่ค่อยมีตําหนิอีกด้วย

ทว่าสินค้าในร้านยังคงมีน้อยเกินไป โดยทั่วไปแล้วของโบราณเหล่านี้มีมูลค่าสูงมาก ดังนั้นจึงมีของปลอมปะปนอยู่หลายอย่าง

ของปลอมดังกล่าวมีราคาไม่แพงนักซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอม… กระนั้นก็ยังมีผู้เต็มใจที่จะซื้ออยู่ดี

หยุนเกียนเถียนถอนหายใจยาว “นายน้อยหลี่… ไม่ใช่ว่าข้าต้องการจะขัดท่านหรอกนะ ทว่าที่นี่มีสินค้าที่เป็นของแท้น้อยเกินไป ไม่แปลกใจเลยที่ร้านจะเงียบเหงาเช่นนี้… พวกที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ส่วนใหญ่มักเป็นระดับปรมาจารย์ด้านของโบราณทั้งนั้น ฉะนั้นพวกเขาคงไม่มาถึงร้านของท่านเพียงเพื่อซื้อของปลอมกลับไปหรอก!”

หลี่ซื่อฮวายกยิ้ม “ในเมืองแห่งนี้มีไม่กี่คนที่กล้าใช้ของโบราณของแท้ คนส่วนใหญ่ที่มาซื้อของแท้ไปประดับตกแต่งบ้าน หรือซื้อเพื่อนําไปเป็นของขวัญมอบให้กันในวาระพิเศษได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนระดับเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ดังนั้นหากคนฐานะค่อนข้างจะซื้อของปลอมไปใช้ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าละอายนัก”

หยุนเสียนเถียนถามขึ้นขณะยืนดูของบนชั้นวาง “แล้วท่านนําของโบราณเหล่านี้มาจากที่ใดกัน?”

“ของโบราณพวกนั้นข้ารับมาจากคนอื่น… บางชิ้นก็มาจากโจรปล้นสุสานขุดขึ้นมาจากหลุมศพแล้วขายทอดตลาดมืด จากนั้นข้าก็ไปซื้อมาได้ นอกจากนี้หลายชิ้นก็เป็นมรดกตกทอดประจําตระกูล เมื่อถึงคราวตกยากเจ้าของจึงนํามาขายให้ข้าถึงที่นี่ ซึ่งข้าก็สามารถนํามาขายต่อเพื่อทํากําไรได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+