สามีข้า คือพรานป่า 353 ลูกสาวข้าหลวงหยิ่ง

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 353 ลูกสาวข้าหลวงหยิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 353 ลูกสาวข้าหลวงหยิ่ง

ปกติแล้วมู่หรงป๋อจะเก็บตัวอยู่แต่ในตําหนัก ส่วนหยิงอิงเอ๋อก็พร่ําเพ้อหมายปองจันทราเพราะนางต้องการหาโอกาสอยู่สองต่อสองกับมู่หรงป๋อ

น่าเสียดายที่กิจวัตรประจําวันของมู่หรงป้อนั้นเรียบง่ายนัก หากไม่ออกไปไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของผู้คนหรือสืบหาเรื่องราวที่เขาต้องการทราบ เขาก็จะหมกตัวอยู่ในห้องอ่านหนังสือโดยไม่ออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกเลย

จนกระทั่งมู่หรงป๋อออกจากตําหนักไป

จนกระทั่งพ่อของนางออกจากตําหนักของมู่หรงป๋อไป หยิงอิงเอ๋อก็ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวเขาเลย

อ๋องล่วยหายสาบสูญไปนานแล้ว เขาจึงต้องปกปิดตัวตนไว้เป็นความลับ ดังนั้นแม้ว่ามู่หรงป๋อจะบอกแก่นายอําเภอถึงตัวตนที่แท้จริงของหยุนเคอแล้ว ทว่าเขาก็ย้ําเตือนว่าอย่าให้ผู้อื่นรู้เป็นอันขาด

ดังนั้นเมื่อหยิงอิงเอ๋อได้พบกับแขกผู้มาเยือนเป็นครั้งแรกจึงไม่รู้ว่าอ๋องล่วยก็อยู่ที่นี่ด้วย

ในความคิดของของนางนั้น รัฐทายาทต้องเป็นบุรุษที่มีบุคลิกสง่างามนัก ทว่าในบรรดาแขกผู้มาเยือนทั้งหมดบุรุษที่ดูโดดเด่นสง่างามมากที่สุดก็คือมู่หรงหยุนเคอ

“หยิงถึงเอ่อ…ลูกสาวของข้าหลวงผู้นี้ขอทําความเคารพองค์รัฐทายาท”

ด้วยน้ําเสียงอันไพเราะและท่าทางการเคลื่อนไหวเช่นนั้นยิ่งทําให้นางดูงดงามมากขึ้น หยุนเถียนเถียนจึงไม่เพียงแต่ยิ้มในใจเท่านั้นทว่าเกือบจะหัวเราะออกมา

สตรีผู้นี้ช่างงดงามนักและน้ําเสียงของนางก็ช่างอ่อนหวาน หากแต่สายตาของนางอาจจะพร่ามัวไปแล้วหรืออย่างไรกัน? นางเอ่ยแนะนําตัวกับรัฐทายาททว่านางกลับยืนอยู่ตรงหน้าของมู่หรงหยุนเคอ

ปฏิกิริยาแรกของหยุนเคอคือรีบหันหน้าไปมองหยุนเถียนเถียนทันที ซึ่งบัดนี้นางกําลังพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก

มู่หรงป่อผู้ยืนอยู่ข้างหยุนเคอถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นี้จะมีตาหามีแววไม่! รัฐทายาทเช่นข้ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนกลับมองผิดไปเสียได้”

ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของหยิงอิงเอ๋อก็ราวกับมืดมนขึ้นมาทันที “รัฐทายาทยืนอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ทว่าขากลับเรียกผิดคน…ช่างน่าขายหน้าเสียจริง”

บัดนี้ใบหน้าของหญิงสาวแดงกําด้วยความอับอาย

หยุนเถียนเถียนไม่อาจทนดูต่อไปได้ นางเป็นเพียงสาวน้อยคนหนึ่งทว่าต้องมายืนต่อหน้าแขกด้วยท่าทางอึดอัดเช่นนี้ช่างน่าเวทนานัก

“มู่หรงป๋อ อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีนะ… นางยังไม่เคยเจอท่านมาก่อนจึงไม่แปลกที่จะทักคนผิด ท่านอย่าหยาบคายกับนางเลย! เจ้าชื่อแม่นางหยิงใช่หรือไม่? เจ้าทักผิดคนจริง ๆ เพราะคนผู้นี้คือรัฐทายาท ส่วนคนที่ยืนตรงหน้าเจ้าเป็นเพียงพรานป่าบนภูเขาเท่านั้น ต้องขอบคุณความเมตตาของรัฐทายาทที่โปรดปรานเขาจนพามาที่นี่ด้วยในฐานะแขก”

หยิงอิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยหัวใจอันเย็นเยียบ ตั้งแต่หยุนเถียนเถียนเข้ามาในเมืองนี้ นางก็ปลอมตัวมาโดยตลอดเพื่อความปลอดภัยทว่าเนื่องจากมีองค์รัฐทายาทเดินอยู่เคียงข้างการอาพรางใบหน้าของนางจึงดูเป็นเรื่องปกติ

การปลอมตัวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหยุนเถียนเถียนเท่าใดนัก เพราะปกตินางก็ไม่ใช่สตรีรักสวยรักงามที่ห่วงรูปลักษณ์ของตนเองอย่างสุดโต่ง อีกทั้งเครื่องสําอางที่ใช้ประทินโฉมก็มักจะสร้างความระคายเคืองแก่ใบหน้าของนาง

ดังนั้นวันนี้หยิงอิงเอ๋อจึงได้เห็นใบหน้าอันปราศจากเครื่องประทินโฉมของหยุนเกียนเถียน ใบหน้านั้นงดงามราวกับภาพเขียนของจิตรกรฝีมือดี ดวงตาคู่งามของนางก็เปล่งประกายสุกใส หยิ่งอิงเอ๋อเห็นเช่นนั้นก็เจ็บแปลบที่หัวใจด้วยความริษยา

“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?”

เดิมทีหยุนเสียนเถียนรู้สึกสงสารสตรีผู้นี้จึงออกตัวแก้ต่างให้นาง ทว่าบัดนี้นางกลับรู้สึกว่าตนได้ทําคุณบูชาโทษเสียแล้วเพราะนางรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังที่เต็มเปี่ยมในสายตาของสตรีผู้นี้

“ข้าหรือ! ฮ่าฮ่า… ข้าก็เป็นเพียงหญิงชาวนาคนหนึ่งเท่านั้น ใช่แล้ว… ข้าได้รับเชิญมาให้เป็น แขกของที่นี่ก็เพราะความเมตตาของท่านรัฐทายาทเช่นกัน มีอะไรหรือ? เจ้ายังคลางแคลงใจกับสถานะของข้าหรือ?”

หยิงอิงเอ๋ออยากจะพูดออกมาดัง ๆ ว่า “คนบ้านนอกเช่นเจ้าสมควรไปนอนที่ลานหน้าบ้านมากกว่าไม่ใช่หรือ?” เพียงแต่นางไม่อาจพูดเช่นนั้นต่อหน้ารัฐทายาทได้

“เปล่าหรอก! ข้าเพียงแต่คิดว่าใบหน้าของแม่นางช่างงดงามจนดูไม่เหมือนสาวชาวนาในชนบทเลย”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้ม “ไม่สําคัญหรอกว่าข้าจะดูเหมือนหรือไม่ อย่างไรเสียข้าก็เป็นแค่สาวชาวนาคนหนึ่งในชนบทเท่านั้น อิงเอ๋อ… พ่อของข้าฝากให้ข้าติดตามองค์รัฐทายาทเพื่อคอยอํานวยความสะดวกแก่เขาหากเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อยพวกเราเข้าไปก่อนดีไหม?”

อิงเอ๋ออดทนเก็บความอาฆาตแค้นไว้ภายในจิตใจก่อนจะแสร้งทําเป็นยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ข้าเคยเกือบได้พบรัฐทายาทตอนที่พ่อของข้าไปเข้าเฝ้าที่ต่าหนักแล้วพาข้าไปด้วย… เหตุใดจึงไม่ให้ข้าเป็นคนพาพวกท่านไปด้วยตัวเองล่ะ! เจ้าช่างโชคดีนักเพราะพ่อข้าบอกว่าทุกคนที่มาในวันนี้คือแขกผู้มีเกียรติ แม้แต่ห้องส่วนตัวของข้าก็ยังต้องยกให้ผู้ติดตามที่เป็นเพียงหญิงชาวนา ได้มีโอกาสพักอาศัย

หากไม่ได้ฟังครึ่งหลังของประโยคก็ต้องถือว่าการวางตัวของหญิงสาวไม่เลวเลย ทว่าครึ่งหลังของประโยคนั้นแสดงให้เห็นว่าหยิงอิงเอ่อลืมตัวจนเผลอกล่าวประชดประชันขึ้นมาความเสแสรั้ง ของนางจึงถูกเปิดเผยออกมาทันทีทว่านางยังคงไม่รู้ตัว

มู่หรงป๋อมองหยุนเถียนเถียนที่บัดนี้มีแววตาขี้เล่น ก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นก็รีบไปกันเถิด เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร!”

หยุนเกียนเถียนก้าวไปข้างหน้าก่อนจะจับแขนของหยิงอิงเอ๋อไว้แน่น “แน่นอนว่าความรู้ของข้าช่างน้อยนิดเพราะเป็นเพียงลูกชาวนา ดังนั้นข้าต้องขอรบกวนให้แม่นางหยิงช่วยชี้แนะสิ่งต่าง ๆ ให้แก่ข้าด้วยเถิด”

หยิงอิงเอ่อรู้สึกกระอักกระอ่วนใจนัก “ข้าไม่เข้าใจว่าสตรีผู้นี้กําลังกล่าวถึงสิ่งใดกันแน่? อันที่จริงนางมาแตะต้องแขนของข้าแบบหน้าตาเฉยเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามือที่เอาแต่ทํางานในทุ่งนาเช่นนั้นจะเอาคราบสกปรกมาแปดเปื้อนข้าหรือไม่”

ทว่ารัฐทายาทยังคงอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นไม่ว่านางจะไม่พอใจสักเพียงไหนก็ทําได้เพียงแค่อดกลั้นไว้ภายในใจ

หยิงอิงเอ๋อเดินนําทางไปด้วยท่าทางแข็งกร้าว นางนึกอยากจะสะบัดมือที่เกาะแขนอยู่ออกไปให้พ้น ทว่าเป็นเพราะหยุนเถียนเถียนต้องการจะแกล้งนางเล่น เช่นนี้แล้วจะดึงมือนั้นออกได้อย่างไร?

“แม่นางหยิงยังไม่ทราบสิ้นะว่านามสกุลของข้าคือหยุน! ข้าว่าแม่นางหยิงดูกระฟัดกระเฟียด อย่างไรชอบกล…เจ้าไม่พึงใจข้าใช่หรือไม่?”

“รู้ตัวก็ดีแล้ว! แม่ในใจของหยิงอิงเอ๋อจะคิดเช่นนั้นทว่าภายนอกนางก็ยังคงแสร้งทําเป็นใสซื่อ

“ไม่ใช่! ข้าจะไม่พึงใจแม่นางหยุนได้อย่างไร? เจ้างดงามถึงเพียงนี้…”

ข้าหลวงหยิ่งที่เดินอยู่ด้านข้างถึงกับเหงื่อตก เขาเกรงว่าลูกสาวที่ไม่รู้จักสํารวมวาจาของตนจะทําให้รัฐทายาทขุ่นเคืองจึงคิดจะเข้ามาเตือนนาง ทว่ามู่หรงป้อมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง

“แสดงว่าเจ้าพึงใจข้าสินะ เยี่ยมไปเลย! ข้าจะได้อาศัยอยู่ในห้องส่วนตัวของเจ้าอย่างไม่เกรงใจแล้วนะ”

หยิงอิงเอ๋อพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเพิกเฉยต่อสาวชาวนาผู้น่ารําคาญที่อยู่ข้าง ๆ ตนในตอนนี้ นางทําสีหน้าเขินอายเล็กน้อยเมื่อหันไปมองมู่หรงป๋อ

อย่างไรก็ตามสถานะของนางยังคงต่ําเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสตรีที่เป็นลูกสาวคนโตของฮูหยินคนใด หากต้องการจะสานสัมพันธ์กับมู่หรงป๋ออย่างจริงจังก็ไม่อาจทําได้สําเร็จ เพราะยศศักดิ์ของเขาสูงกว่าพวกนางนัก

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “แม่นางหยิ่ง ข้าคิดว่าวัยของเจ้าเหมาะสมที่จะมีคู่ครองได้แล้ว ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าแต่งงานแล้วหรือยัง?”

“เมื่อมีแขกมาที่บ้านสตรีผู้นี้กลับไม่ต้องการซ่อนตัวอยู่ในห้องของตัวเอง ทว่าวิ่งออกมาต้อนรับแขกที่เป็นผู้ชายกับพ่อของนาง พฤติกรรมเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมไม่ใช่หรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 353 ลูกสาวข้าหลวงหยิ่ง

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 353 ลูกสาวข้าหลวงหยิ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 353 ลูกสาวข้าหลวงหยิ่ง

ปกติแล้วมู่หรงป๋อจะเก็บตัวอยู่แต่ในตําหนัก ส่วนหยิงอิงเอ๋อก็พร่ําเพ้อหมายปองจันทราเพราะนางต้องการหาโอกาสอยู่สองต่อสองกับมู่หรงป๋อ

น่าเสียดายที่กิจวัตรประจําวันของมู่หรงป้อนั้นเรียบง่ายนัก หากไม่ออกไปไต่ถามสารทุกข์สุขดิบของผู้คนหรือสืบหาเรื่องราวที่เขาต้องการทราบ เขาก็จะหมกตัวอยู่ในห้องอ่านหนังสือโดยไม่ออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกเลย

จนกระทั่งมู่หรงป๋อออกจากตําหนักไป

จนกระทั่งพ่อของนางออกจากตําหนักของมู่หรงป๋อไป หยิงอิงเอ๋อก็ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงตัวเขาเลย

อ๋องล่วยหายสาบสูญไปนานแล้ว เขาจึงต้องปกปิดตัวตนไว้เป็นความลับ ดังนั้นแม้ว่ามู่หรงป๋อจะบอกแก่นายอําเภอถึงตัวตนที่แท้จริงของหยุนเคอแล้ว ทว่าเขาก็ย้ําเตือนว่าอย่าให้ผู้อื่นรู้เป็นอันขาด

ดังนั้นเมื่อหยิงอิงเอ๋อได้พบกับแขกผู้มาเยือนเป็นครั้งแรกจึงไม่รู้ว่าอ๋องล่วยก็อยู่ที่นี่ด้วย

ในความคิดของของนางนั้น รัฐทายาทต้องเป็นบุรุษที่มีบุคลิกสง่างามนัก ทว่าในบรรดาแขกผู้มาเยือนทั้งหมดบุรุษที่ดูโดดเด่นสง่างามมากที่สุดก็คือมู่หรงหยุนเคอ

“หยิงถึงเอ่อ…ลูกสาวของข้าหลวงผู้นี้ขอทําความเคารพองค์รัฐทายาท”

ด้วยน้ําเสียงอันไพเราะและท่าทางการเคลื่อนไหวเช่นนั้นยิ่งทําให้นางดูงดงามมากขึ้น หยุนเถียนเถียนจึงไม่เพียงแต่ยิ้มในใจเท่านั้นทว่าเกือบจะหัวเราะออกมา

สตรีผู้นี้ช่างงดงามนักและน้ําเสียงของนางก็ช่างอ่อนหวาน หากแต่สายตาของนางอาจจะพร่ามัวไปแล้วหรืออย่างไรกัน? นางเอ่ยแนะนําตัวกับรัฐทายาททว่านางกลับยืนอยู่ตรงหน้าของมู่หรงหยุนเคอ

ปฏิกิริยาแรกของหยุนเคอคือรีบหันหน้าไปมองหยุนเถียนเถียนทันที ซึ่งบัดนี้นางกําลังพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก

มู่หรงป่อผู้ยืนอยู่ข้างหยุนเคอถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นี้จะมีตาหามีแววไม่! รัฐทายาทเช่นข้ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนกลับมองผิดไปเสียได้”

ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของหยิงอิงเอ๋อก็ราวกับมืดมนขึ้นมาทันที “รัฐทายาทยืนอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ ทว่าขากลับเรียกผิดคน…ช่างน่าขายหน้าเสียจริง”

บัดนี้ใบหน้าของหญิงสาวแดงกําด้วยความอับอาย

หยุนเถียนเถียนไม่อาจทนดูต่อไปได้ นางเป็นเพียงสาวน้อยคนหนึ่งทว่าต้องมายืนต่อหน้าแขกด้วยท่าทางอึดอัดเช่นนี้ช่างน่าเวทนานัก

“มู่หรงป๋อ อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีนะ… นางยังไม่เคยเจอท่านมาก่อนจึงไม่แปลกที่จะทักคนผิด ท่านอย่าหยาบคายกับนางเลย! เจ้าชื่อแม่นางหยิงใช่หรือไม่? เจ้าทักผิดคนจริง ๆ เพราะคนผู้นี้คือรัฐทายาท ส่วนคนที่ยืนตรงหน้าเจ้าเป็นเพียงพรานป่าบนภูเขาเท่านั้น ต้องขอบคุณความเมตตาของรัฐทายาทที่โปรดปรานเขาจนพามาที่นี่ด้วยในฐานะแขก”

หยิงอิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยด้วยหัวใจอันเย็นเยียบ ตั้งแต่หยุนเถียนเถียนเข้ามาในเมืองนี้ นางก็ปลอมตัวมาโดยตลอดเพื่อความปลอดภัยทว่าเนื่องจากมีองค์รัฐทายาทเดินอยู่เคียงข้างการอาพรางใบหน้าของนางจึงดูเป็นเรื่องปกติ

การปลอมตัวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหยุนเถียนเถียนเท่าใดนัก เพราะปกตินางก็ไม่ใช่สตรีรักสวยรักงามที่ห่วงรูปลักษณ์ของตนเองอย่างสุดโต่ง อีกทั้งเครื่องสําอางที่ใช้ประทินโฉมก็มักจะสร้างความระคายเคืองแก่ใบหน้าของนาง

ดังนั้นวันนี้หยิงอิงเอ๋อจึงได้เห็นใบหน้าอันปราศจากเครื่องประทินโฉมของหยุนเกียนเถียน ใบหน้านั้นงดงามราวกับภาพเขียนของจิตรกรฝีมือดี ดวงตาคู่งามของนางก็เปล่งประกายสุกใส หยิ่งอิงเอ๋อเห็นเช่นนั้นก็เจ็บแปลบที่หัวใจด้วยความริษยา

“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?”

เดิมทีหยุนเสียนเถียนรู้สึกสงสารสตรีผู้นี้จึงออกตัวแก้ต่างให้นาง ทว่าบัดนี้นางกลับรู้สึกว่าตนได้ทําคุณบูชาโทษเสียแล้วเพราะนางรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังที่เต็มเปี่ยมในสายตาของสตรีผู้นี้

“ข้าหรือ! ฮ่าฮ่า… ข้าก็เป็นเพียงหญิงชาวนาคนหนึ่งเท่านั้น ใช่แล้ว… ข้าได้รับเชิญมาให้เป็น แขกของที่นี่ก็เพราะความเมตตาของท่านรัฐทายาทเช่นกัน มีอะไรหรือ? เจ้ายังคลางแคลงใจกับสถานะของข้าหรือ?”

หยิงอิงเอ๋ออยากจะพูดออกมาดัง ๆ ว่า “คนบ้านนอกเช่นเจ้าสมควรไปนอนที่ลานหน้าบ้านมากกว่าไม่ใช่หรือ?” เพียงแต่นางไม่อาจพูดเช่นนั้นต่อหน้ารัฐทายาทได้

“เปล่าหรอก! ข้าเพียงแต่คิดว่าใบหน้าของแม่นางช่างงดงามจนดูไม่เหมือนสาวชาวนาในชนบทเลย”

หยุนเถียนเถียนยกยิ้ม “ไม่สําคัญหรอกว่าข้าจะดูเหมือนหรือไม่ อย่างไรเสียข้าก็เป็นแค่สาวชาวนาคนหนึ่งในชนบทเท่านั้น อิงเอ๋อ… พ่อของข้าฝากให้ข้าติดตามองค์รัฐทายาทเพื่อคอยอํานวยความสะดวกแก่เขาหากเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็ปล่อยพวกเราเข้าไปก่อนดีไหม?”

อิงเอ๋ออดทนเก็บความอาฆาตแค้นไว้ภายในจิตใจก่อนจะแสร้งทําเป็นยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ข้าเคยเกือบได้พบรัฐทายาทตอนที่พ่อของข้าไปเข้าเฝ้าที่ต่าหนักแล้วพาข้าไปด้วย… เหตุใดจึงไม่ให้ข้าเป็นคนพาพวกท่านไปด้วยตัวเองล่ะ! เจ้าช่างโชคดีนักเพราะพ่อข้าบอกว่าทุกคนที่มาในวันนี้คือแขกผู้มีเกียรติ แม้แต่ห้องส่วนตัวของข้าก็ยังต้องยกให้ผู้ติดตามที่เป็นเพียงหญิงชาวนา ได้มีโอกาสพักอาศัย

หากไม่ได้ฟังครึ่งหลังของประโยคก็ต้องถือว่าการวางตัวของหญิงสาวไม่เลวเลย ทว่าครึ่งหลังของประโยคนั้นแสดงให้เห็นว่าหยิงอิงเอ่อลืมตัวจนเผลอกล่าวประชดประชันขึ้นมาความเสแสรั้ง ของนางจึงถูกเปิดเผยออกมาทันทีทว่านางยังคงไม่รู้ตัว

มู่หรงป๋อมองหยุนเถียนเถียนที่บัดนี้มีแววตาขี้เล่น ก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นก็รีบไปกันเถิด เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร!”

หยุนเกียนเถียนก้าวไปข้างหน้าก่อนจะจับแขนของหยิงอิงเอ๋อไว้แน่น “แน่นอนว่าความรู้ของข้าช่างน้อยนิดเพราะเป็นเพียงลูกชาวนา ดังนั้นข้าต้องขอรบกวนให้แม่นางหยิงช่วยชี้แนะสิ่งต่าง ๆ ให้แก่ข้าด้วยเถิด”

หยิงอิงเอ่อรู้สึกกระอักกระอ่วนใจนัก “ข้าไม่เข้าใจว่าสตรีผู้นี้กําลังกล่าวถึงสิ่งใดกันแน่? อันที่จริงนางมาแตะต้องแขนของข้าแบบหน้าตาเฉยเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามือที่เอาแต่ทํางานในทุ่งนาเช่นนั้นจะเอาคราบสกปรกมาแปดเปื้อนข้าหรือไม่”

ทว่ารัฐทายาทยังคงอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นไม่ว่านางจะไม่พอใจสักเพียงไหนก็ทําได้เพียงแค่อดกลั้นไว้ภายในใจ

หยิงอิงเอ๋อเดินนําทางไปด้วยท่าทางแข็งกร้าว นางนึกอยากจะสะบัดมือที่เกาะแขนอยู่ออกไปให้พ้น ทว่าเป็นเพราะหยุนเถียนเถียนต้องการจะแกล้งนางเล่น เช่นนี้แล้วจะดึงมือนั้นออกได้อย่างไร?

“แม่นางหยิงยังไม่ทราบสิ้นะว่านามสกุลของข้าคือหยุน! ข้าว่าแม่นางหยิงดูกระฟัดกระเฟียด อย่างไรชอบกล…เจ้าไม่พึงใจข้าใช่หรือไม่?”

“รู้ตัวก็ดีแล้ว! แม่ในใจของหยิงอิงเอ๋อจะคิดเช่นนั้นทว่าภายนอกนางก็ยังคงแสร้งทําเป็นใสซื่อ

“ไม่ใช่! ข้าจะไม่พึงใจแม่นางหยุนได้อย่างไร? เจ้างดงามถึงเพียงนี้…”

ข้าหลวงหยิ่งที่เดินอยู่ด้านข้างถึงกับเหงื่อตก เขาเกรงว่าลูกสาวที่ไม่รู้จักสํารวมวาจาของตนจะทําให้รัฐทายาทขุ่นเคืองจึงคิดจะเข้ามาเตือนนาง ทว่ามู่หรงป้อมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง

“แสดงว่าเจ้าพึงใจข้าสินะ เยี่ยมไปเลย! ข้าจะได้อาศัยอยู่ในห้องส่วนตัวของเจ้าอย่างไม่เกรงใจแล้วนะ”

หยิงอิงเอ๋อพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเพิกเฉยต่อสาวชาวนาผู้น่ารําคาญที่อยู่ข้าง ๆ ตนในตอนนี้ นางทําสีหน้าเขินอายเล็กน้อยเมื่อหันไปมองมู่หรงป๋อ

อย่างไรก็ตามสถานะของนางยังคงต่ําเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสตรีที่เป็นลูกสาวคนโตของฮูหยินคนใด หากต้องการจะสานสัมพันธ์กับมู่หรงป๋ออย่างจริงจังก็ไม่อาจทําได้สําเร็จ เพราะยศศักดิ์ของเขาสูงกว่าพวกนางนัก

หยุนเถียนเถียนยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “แม่นางหยิ่ง ข้าคิดว่าวัยของเจ้าเหมาะสมที่จะมีคู่ครองได้แล้ว ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าแต่งงานแล้วหรือยัง?”

“เมื่อมีแขกมาที่บ้านสตรีผู้นี้กลับไม่ต้องการซ่อนตัวอยู่ในห้องของตัวเอง ทว่าวิ่งออกมาต้อนรับแขกที่เป็นผู้ชายกับพ่อของนาง พฤติกรรมเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมไม่ใช่หรือ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+