สามีข้า คือพรานป่า 278 สองพี่น้องถึงคราวแตกหัก

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 278 สองพี่น้องถึงคราวแตกหัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 278 สองพี่น้องถึงคราวแตกหัก

หลังจากหวงซื่อกล่าวจบนางก็สะบัดแขนเสื้อและพาลูกชายออกไปทิ้งครอบครัวเฉินซ่งที่จมอยู่ในความมืดมนไว้เบื้องหลัง

กว่าเฉินไฉ่อจะฟื้นคืนสติจากความตื่นตระหนกคนนอกก็ออกไปจากลานบ้านหมดแล้วเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ในที่สุดนางตื่นจากความฝันของนางเอกในโลกนิยาย

นางไม่อยากถูกจับถ่วงน้ำจนตาย!สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดสามารถปลุกนางขึ้นมาได้ในพริบตาจากนั้นจึงลุกขึ้นจากพื้นและใช้ชายเสื้อเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าหลังจากนอนเกลือกกลิ้งไปมาตั้งแต่เช้านางยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อยตอนนี้จึงรู้สึกหิวโหยเป็นอย่างมาก

“ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว!”

ภรรยาของเฉินซ่งขมวดคิ้วแต่ก็ไม่กล่าวอะไรขณะที่กําลังจะหันเข้าไปในครัวนางจึงพบว่าลูกสะใภ้มองมาอย่างไม่พอใจนักแม้จะเก็บซ่อนสายตาไว้ได้ทันท่วงทีแต่ก็ยังปรากฏร่องรอยให้ เห็น

“ลูกสะใภ้ เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องสาวของเจ้าหิว?ยังไม่รีบไปทําอาหารอีก!”

ภรรยาของเต่ออันกรุ่นโกรธขึ้นมาทันทีซึ่งานที่ดีทําหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้มากมายแต่กลับถูกทําลายโดนน้องสาวสามีที่ไร้ยางอายผู้นี้ หลังจากแต่งงานก็ได้พบกับความหายนะไม่น่าแปลกใจเลยที่นางสร้างปัญหาได้ถึงเพียงนี้ ตอนนี้นางถูกสามีเก่าทอดทิ้งและเพิ่งกลับมาถึง

นก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้งถึงอย่างไรบุตรชายของเต่ออันย่อมได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม่สามีผู้มีเหตุผลมาโดยตลอด วันนี้กลับเพิกเฉยทั้งยังสั่งให้นางปรนบัติน้องสามความโกรธทั้งหมดผสมปนเปกันและปะทุขึ้นมาในชั่วพริบตา!

“ท่านแม่! หากน้องสะใภ้มีเหตุผลและเชื่อฟังแม้ว่านางจะไม่ทําอันใดเลยข้าก็ยินดีปรนนิบัติรับใช้แต่ท่านดูเถิดนอกจากนางจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังทําให้ตระกูลของเราเป็นเช่นนี้!ท่านแม่ข้าไม่อาจกล้ํากลืนฝืนทนรับใช้นางได้จริง ๆ”

อันที่จริงภรรยาของเฉินซึ่งนับว่าเป็นคนมีเหตุผลโดยแท้นางรู้ดีว่าชีวิตของนางหลังจากนี้ล้วนขึ้นอยู่กับบุตรชายและลูกสะใภ้จึงไม่เคยมีสักครั้งที่จะทําให้ลูกสะใภ้ต้องขุ่นเคืองใจแต่ตอนนี้เมื่อถูกความโกรธเข้าครอบงําลูกสะใภ้กล้าที่จะโต้แย้งด้วยประการนี้ทําให้ความเชื่อมั่นที่นางมีมาตลอดพังทลายลงในทันที

“ดียิ่งนักเจ้าเป็นลูกสะใภ้แต่กล้าปีนขึ้นไปบนหัวแม่สามีอย่างข้างั้นหรือ? ไม่ใช่เพราะข้าดีกับเจ้ามาโดยตลอดจึงทําให้เจ้ากล้าพูดจากับข้าเช่นนี้? ไม่ว่านางจะเกินทนเพียงใดแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวแท้ๆของสามีเจ้า!เตืออันเหตุใดไม่รู้จักสั่งสอนภรรยาดูเอาเถิดว่าพูดอะไรออกมา? แม้ผู้อื่นจะพูดจาให้ร้ายน้องสาวของเจ้าอย่างไรแต่พี่สะใภ้ควรช่วยเหลือนางเมื่ออยู่ในบ้านตอนนี้ทุกคนกลับพากันเยาะเย้ยนาง!”

ความฝันที่จะเป็นดั่งนางเอกในนิยายของเฉินไฉ่อพังทลายทั่วทั้งร่างกายของนางราวกับถูกหนามทิ่มแทงใคร ๆ ต่างก็พากันมองนางไม่ดียิ่งไปกว่านั้นพี่สะใภ้ผู้นี้ยังมักจะดูถูกนางอยู่เสมอในใจของนางหรือจะไม่รู้ว่านี่คือโอกาสอันดีหากนางไม่ยุยงให้หญิงผู้นี้ถูกหย่าร้างนางคงเจ็บใจตัวเองยิ่งนัก!

“ท่านแม่! ท่านยังไม่แก่เลยด้วยซ้ําแต่ลูกสะใภ้กลับไม่เชื่อฟังถึงเพียงนี้!แค่ขอให้นางทําอาหารเท่านั้นหาใช่งานหนักอันใดข้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพราะท่านทําให้เสียนิสัยจนเคยชิน!ส่วนพี่ชายตอนนี้แต่งงานมีภรรยาแล้วกลับลืมท่านแม่ผู้ให้กําเนิดทั้งท่านพ่อและท่านแม่ต่างเลี้ยงดูท่านมาจนโตทว่าตอนนี้ท่านไม่แม้แต่จะควบคุมภรรยาของตนเอง!”

เฉินเต่ออันไม่เคยคาดคิดว่าน้องสาวผู้เป็นที่รักของเขาจะทําเช่นนี้ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่นําเงินเก็บทั้งหมดมอบให้นาง

“เฉินไฉ่อเจ้าเอาแต่คิดว่าพี่สะใภ้ไม่เชื่อฟังแล้วตัวเจ้าเองเล่า?เจ้าเชื่อฟังนักหรือ?เจ้าคิดว่ามันใช้เวลานานเพียงใด?ไม่รู้หรือว่าห้องครัวของบ้านอยู่ตรงไหน? ไม่รู้จริงๆหรือว่าอาหารทําอย่างไร? เพ้อฝันว่าตนเองเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ต้องรอให้ผู้อื่นมาปรนนิบัติหากเจ้ามีความสามารถมากนักก็หาเงินให้ได้เหมือนแม่นางหยุนและจ้างคนมาดูแลเจ้าสิพี่สะใภ้มิใช่คนรับใช้ของเจ้าเหตุใดต้องคอยรองมือรองเท้าให้เจ้าด้วย!”

“ท่านแม่ หากท่านยังตามใจนางอีก เช่นนั้นพวกเราก็แยกบ้านกันเถิดข้ารู้สึกอับอายยิ่งนักที่เป็นครอบครัวเดียวกับนางเมื่อต้องออกไปข้างนอก เสียงนินทาเหล่านั้นทําให้ข้าอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าผู้ใดแล้วหากปล่อยให้นางออกไปเสียตั้งแต่วันนี้คงจะทําให้พวกเราดูดีขึ้นบ้างแต่ท่านกลับรั้งตัวนางไว้ถึงสามวัน ท่านคิดว่าสามวันนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงคลื่นลมได้หรือ?”

“ในฐานะที่ข้าเป็นพี่ชาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้าก็ทําอย่างสุดความสามารถ! หญิงสาวในหมู่บ้านเราหากไม่ออกไปทํานา อย่างน้อยก็ยังทํางานบ้าน แต่ท่านดูหญิงสาวในบ้านเราสิ สิบนิ้วไม่เคยสัมผัสแสงแดดและสายน้ำ* คงคิดว่าตนเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้สร้างความอับอายให้กับคนทั้งครอบครัวยังมีหน้ามาชี้นิ้วสั่งให้พี่สะใภ้ทํางานให้นางอีก!”

* สิบนิ้วไม่เคยสัมผัสแสงแดดและสายน้ำ อุปมาถึง ผู้หญิงที่ไม่เคยต้องทํางานบ้านทําอาหารหรือช่วยเหลือตัวเอง

เมื่อกล่าวจบเฉินเต่ออันก็เอื้อมมือไปดึงตัวภรรยาเดินกลับเข้าห้อง จากนั้นก็ปิดประตูไม่รับฟังเรื่องน่ารําคาญใจจากครอบครัวที่อยู่ด้านนอก

เฉินไฉ่อได้ยินพี่ชายที่คอยตามใจนางมาตลอด ตอนนี้กลับชี้หน้าด่านางว่าไร้ยางอายสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น และรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกิดจากการยุงยงของพี่สะใภ้ที่ทําให้พวกเขาต้องแตกคอกัน

อย่างไรก็ตามคําพูดของเต่ออันทําให้ภรรยาของเฉินซึ่งตระหนักได้หลังจากนั้นบุตรสาวผู้นี้ช่างไร้ค่านักแต่งงานออกไปแล้วยังไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรนับประสาอะไรกับการช่วยเหลือครอบครัวมารดาแม้ว่าจะรู้สึกลําบากใจยิ่งนักแต่ภรรยาของเฉินซึ่งก็เข้าใจดีหากบุตรสาวของนางไม่แต่งออกไปชีวิตนี้คงถึงคราวจบสิ้น

หากบุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งผู้นี้ทําให้ลูกชายและลูกสะใภ้ขุ่นเคืองใจจนต้องแยกบ้านออกไปในภายหน้ายามแก่เฒ่านางคงไร้ที่พึ่งแล้วจริง ๆ

แต่ตอนนี้บุตรสาวของนางเพิ่งเผชิญกับความเจ็บปวดหากต้องทอดทิ้งนางไว้ลําพังภรรยาของเฉินซ่งยิ่งให้ทุกข์ใจนักนางตั้งครรภ์เด็กผู้นี้มาถึงสิบเดือนกว่าจะได้อุ้มชูบุตรสาวแสนน่ารักที่นางเฝ้ารอมานาน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางได้แต่ทอดถอนใจอยู่นานจากนั้นจึงก้มศีรษะไม่มองลูกสาวที่น่าผิดหวังผู้นี้แต่หันหลังกลับเข้าไปในครัวและเริ่มเก็บกวาดงานในครัว

“ไฉ่อ! เข้ามาเรียนรู้ในสิ่งที่เจ้าไม่เคยทําเถิด แม้ว่าอยู่ในบ้านเดิมจะเป็นปัญหาอันใดแต่เมื่อเจ้าแต่งงานออกไปกับคนเช่นนั้นหากงานในครัวก็ทําไม่ได้เกรงว่าหวงซื่อจะยิ่งทําให้เจ้าลําบากแม้ว่าเวลาเพียงสามวันจะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะสามารถเรียนรู้งานเหล่านี้แต่ถึงอย่างไรก็ควรเรียนรู้เอาไว้สักหน่อยเถิด”

เฉินไฉ่อไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากที่นางแต่งงานกับใครสักคนนางจะต้องทํางานในครัวด้วยทั้งควันและคราบน้ำมันที่กระจายไปทั่วจึงทําให้กองพื้นที่อยู่ตรงมุมห้องสกปรกเป็นอย่างมากเมื่อนึกว่านางจะต้องมีชีวิตเช่นนี้ในวันข้างหน้าเฉินไฉ่อพลันรู้สึกว่าโลกทั้งใบของนางช่างแสนมืดมน

แต่ในบ้านหลังนี้มีเพียงมารดาผู้เดียวเท่านั้นที่ยังสนใจนางอยู่แม้แต่คนโง่ยังรู้จักแสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย!เฉินไฉ่อจึงจําต้องกัดฟันเดินเข้าไปในครัวเวลานี้นางไม่กล้าแม้แต่จะทําให้มารดาขุ่นเคืองมิฉะนั้นในอนาคตนางจะไม่มีแม้แต่คนที่คอยหนุนหลัง

“อา! เพิ่งหัดเข้าครัว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะล้างข้าวและหุงข้าวได้ ดังนั้นเจ้าควรเรียนรู้วิธีจุดไฟก่อนเถิด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 278 สองพี่น้องถึงคราวแตกหัก

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 278 สองพี่น้องถึงคราวแตกหัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 278 สองพี่น้องถึงคราวแตกหัก

หลังจากหวงซื่อกล่าวจบนางก็สะบัดแขนเสื้อและพาลูกชายออกไปทิ้งครอบครัวเฉินซ่งที่จมอยู่ในความมืดมนไว้เบื้องหลัง

กว่าเฉินไฉ่อจะฟื้นคืนสติจากความตื่นตระหนกคนนอกก็ออกไปจากลานบ้านหมดแล้วเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ในที่สุดนางตื่นจากความฝันของนางเอกในโลกนิยาย

นางไม่อยากถูกจับถ่วงน้ำจนตาย!สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดสามารถปลุกนางขึ้นมาได้ในพริบตาจากนั้นจึงลุกขึ้นจากพื้นและใช้ชายเสื้อเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าหลังจากนอนเกลือกกลิ้งไปมาตั้งแต่เช้านางยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยแม้แต่น้อยตอนนี้จึงรู้สึกหิวโหยเป็นอย่างมาก

“ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว!”

ภรรยาของเฉินซ่งขมวดคิ้วแต่ก็ไม่กล่าวอะไรขณะที่กําลังจะหันเข้าไปในครัวนางจึงพบว่าลูกสะใภ้มองมาอย่างไม่พอใจนักแม้จะเก็บซ่อนสายตาไว้ได้ทันท่วงทีแต่ก็ยังปรากฏร่องรอยให้ เห็น

“ลูกสะใภ้ เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องสาวของเจ้าหิว?ยังไม่รีบไปทําอาหารอีก!”

ภรรยาของเต่ออันกรุ่นโกรธขึ้นมาทันทีซึ่งานที่ดีทําหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้มากมายแต่กลับถูกทําลายโดนน้องสาวสามีที่ไร้ยางอายผู้นี้ หลังจากแต่งงานก็ได้พบกับความหายนะไม่น่าแปลกใจเลยที่นางสร้างปัญหาได้ถึงเพียงนี้ ตอนนี้นางถูกสามีเก่าทอดทิ้งและเพิ่งกลับมาถึง

นก็ได้แต่งงานใหม่อีกครั้งถึงอย่างไรบุตรชายของเต่ออันย่อมได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แม่สามีผู้มีเหตุผลมาโดยตลอด วันนี้กลับเพิกเฉยทั้งยังสั่งให้นางปรนบัติน้องสามความโกรธทั้งหมดผสมปนเปกันและปะทุขึ้นมาในชั่วพริบตา!

“ท่านแม่! หากน้องสะใภ้มีเหตุผลและเชื่อฟังแม้ว่านางจะไม่ทําอันใดเลยข้าก็ยินดีปรนนิบัติรับใช้แต่ท่านดูเถิดนอกจากนางจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังทําให้ตระกูลของเราเป็นเช่นนี้!ท่านแม่ข้าไม่อาจกล้ํากลืนฝืนทนรับใช้นางได้จริง ๆ”

อันที่จริงภรรยาของเฉินซึ่งนับว่าเป็นคนมีเหตุผลโดยแท้นางรู้ดีว่าชีวิตของนางหลังจากนี้ล้วนขึ้นอยู่กับบุตรชายและลูกสะใภ้จึงไม่เคยมีสักครั้งที่จะทําให้ลูกสะใภ้ต้องขุ่นเคืองใจแต่ตอนนี้เมื่อถูกความโกรธเข้าครอบงําลูกสะใภ้กล้าที่จะโต้แย้งด้วยประการนี้ทําให้ความเชื่อมั่นที่นางมีมาตลอดพังทลายลงในทันที

“ดียิ่งนักเจ้าเป็นลูกสะใภ้แต่กล้าปีนขึ้นไปบนหัวแม่สามีอย่างข้างั้นหรือ? ไม่ใช่เพราะข้าดีกับเจ้ามาโดยตลอดจึงทําให้เจ้ากล้าพูดจากับข้าเช่นนี้? ไม่ว่านางจะเกินทนเพียงใดแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวแท้ๆของสามีเจ้า!เตืออันเหตุใดไม่รู้จักสั่งสอนภรรยาดูเอาเถิดว่าพูดอะไรออกมา? แม้ผู้อื่นจะพูดจาให้ร้ายน้องสาวของเจ้าอย่างไรแต่พี่สะใภ้ควรช่วยเหลือนางเมื่ออยู่ในบ้านตอนนี้ทุกคนกลับพากันเยาะเย้ยนาง!”

ความฝันที่จะเป็นดั่งนางเอกในนิยายของเฉินไฉ่อพังทลายทั่วทั้งร่างกายของนางราวกับถูกหนามทิ่มแทงใคร ๆ ต่างก็พากันมองนางไม่ดียิ่งไปกว่านั้นพี่สะใภ้ผู้นี้ยังมักจะดูถูกนางอยู่เสมอในใจของนางหรือจะไม่รู้ว่านี่คือโอกาสอันดีหากนางไม่ยุยงให้หญิงผู้นี้ถูกหย่าร้างนางคงเจ็บใจตัวเองยิ่งนัก!

“ท่านแม่! ท่านยังไม่แก่เลยด้วยซ้ําแต่ลูกสะใภ้กลับไม่เชื่อฟังถึงเพียงนี้!แค่ขอให้นางทําอาหารเท่านั้นหาใช่งานหนักอันใดข้าเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเพราะท่านทําให้เสียนิสัยจนเคยชิน!ส่วนพี่ชายตอนนี้แต่งงานมีภรรยาแล้วกลับลืมท่านแม่ผู้ให้กําเนิดทั้งท่านพ่อและท่านแม่ต่างเลี้ยงดูท่านมาจนโตทว่าตอนนี้ท่านไม่แม้แต่จะควบคุมภรรยาของตนเอง!”

เฉินเต่ออันไม่เคยคาดคิดว่าน้องสาวผู้เป็นที่รักของเขาจะทําเช่นนี้ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่นําเงินเก็บทั้งหมดมอบให้นาง

“เฉินไฉ่อเจ้าเอาแต่คิดว่าพี่สะใภ้ไม่เชื่อฟังแล้วตัวเจ้าเองเล่า?เจ้าเชื่อฟังนักหรือ?เจ้าคิดว่ามันใช้เวลานานเพียงใด?ไม่รู้หรือว่าห้องครัวของบ้านอยู่ตรงไหน? ไม่รู้จริงๆหรือว่าอาหารทําอย่างไร? เพ้อฝันว่าตนเองเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ต้องรอให้ผู้อื่นมาปรนนิบัติหากเจ้ามีความสามารถมากนักก็หาเงินให้ได้เหมือนแม่นางหยุนและจ้างคนมาดูแลเจ้าสิพี่สะใภ้มิใช่คนรับใช้ของเจ้าเหตุใดต้องคอยรองมือรองเท้าให้เจ้าด้วย!”

“ท่านแม่ หากท่านยังตามใจนางอีก เช่นนั้นพวกเราก็แยกบ้านกันเถิดข้ารู้สึกอับอายยิ่งนักที่เป็นครอบครัวเดียวกับนางเมื่อต้องออกไปข้างนอก เสียงนินทาเหล่านั้นทําให้ข้าอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าผู้ใดแล้วหากปล่อยให้นางออกไปเสียตั้งแต่วันนี้คงจะทําให้พวกเราดูดีขึ้นบ้างแต่ท่านกลับรั้งตัวนางไว้ถึงสามวัน ท่านคิดว่าสามวันนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงคลื่นลมได้หรือ?”

“ในฐานะที่ข้าเป็นพี่ชาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้าก็ทําอย่างสุดความสามารถ! หญิงสาวในหมู่บ้านเราหากไม่ออกไปทํานา อย่างน้อยก็ยังทํางานบ้าน แต่ท่านดูหญิงสาวในบ้านเราสิ สิบนิ้วไม่เคยสัมผัสแสงแดดและสายน้ำ* คงคิดว่าตนเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ไปแล้วจริง ๆ ตอนนี้สร้างความอับอายให้กับคนทั้งครอบครัวยังมีหน้ามาชี้นิ้วสั่งให้พี่สะใภ้ทํางานให้นางอีก!”

* สิบนิ้วไม่เคยสัมผัสแสงแดดและสายน้ำ อุปมาถึง ผู้หญิงที่ไม่เคยต้องทํางานบ้านทําอาหารหรือช่วยเหลือตัวเอง

เมื่อกล่าวจบเฉินเต่ออันก็เอื้อมมือไปดึงตัวภรรยาเดินกลับเข้าห้อง จากนั้นก็ปิดประตูไม่รับฟังเรื่องน่ารําคาญใจจากครอบครัวที่อยู่ด้านนอก

เฉินไฉ่อได้ยินพี่ชายที่คอยตามใจนางมาตลอด ตอนนี้กลับชี้หน้าด่านางว่าไร้ยางอายสีหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น และรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกิดจากการยุงยงของพี่สะใภ้ที่ทําให้พวกเขาต้องแตกคอกัน

อย่างไรก็ตามคําพูดของเต่ออันทําให้ภรรยาของเฉินซึ่งตระหนักได้หลังจากนั้นบุตรสาวผู้นี้ช่างไร้ค่านักแต่งงานออกไปแล้วยังไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรนับประสาอะไรกับการช่วยเหลือครอบครัวมารดาแม้ว่าจะรู้สึกลําบากใจยิ่งนักแต่ภรรยาของเฉินซึ่งก็เข้าใจดีหากบุตรสาวของนางไม่แต่งออกไปชีวิตนี้คงถึงคราวจบสิ้น

หากบุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งผู้นี้ทําให้ลูกชายและลูกสะใภ้ขุ่นเคืองใจจนต้องแยกบ้านออกไปในภายหน้ายามแก่เฒ่านางคงไร้ที่พึ่งแล้วจริง ๆ

แต่ตอนนี้บุตรสาวของนางเพิ่งเผชิญกับความเจ็บปวดหากต้องทอดทิ้งนางไว้ลําพังภรรยาของเฉินซ่งยิ่งให้ทุกข์ใจนักนางตั้งครรภ์เด็กผู้นี้มาถึงสิบเดือนกว่าจะได้อุ้มชูบุตรสาวแสนน่ารักที่นางเฝ้ารอมานาน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้นางได้แต่ทอดถอนใจอยู่นานจากนั้นจึงก้มศีรษะไม่มองลูกสาวที่น่าผิดหวังผู้นี้แต่หันหลังกลับเข้าไปในครัวและเริ่มเก็บกวาดงานในครัว

“ไฉ่อ! เข้ามาเรียนรู้ในสิ่งที่เจ้าไม่เคยทําเถิด แม้ว่าอยู่ในบ้านเดิมจะเป็นปัญหาอันใดแต่เมื่อเจ้าแต่งงานออกไปกับคนเช่นนั้นหากงานในครัวก็ทําไม่ได้เกรงว่าหวงซื่อจะยิ่งทําให้เจ้าลําบากแม้ว่าเวลาเพียงสามวันจะเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะสามารถเรียนรู้งานเหล่านี้แต่ถึงอย่างไรก็ควรเรียนรู้เอาไว้สักหน่อยเถิด”

เฉินไฉ่อไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากที่นางแต่งงานกับใครสักคนนางจะต้องทํางานในครัวด้วยทั้งควันและคราบน้ำมันที่กระจายไปทั่วจึงทําให้กองพื้นที่อยู่ตรงมุมห้องสกปรกเป็นอย่างมากเมื่อนึกว่านางจะต้องมีชีวิตเช่นนี้ในวันข้างหน้าเฉินไฉ่อพลันรู้สึกว่าโลกทั้งใบของนางช่างแสนมืดมน

แต่ในบ้านหลังนี้มีเพียงมารดาผู้เดียวเท่านั้นที่ยังสนใจนางอยู่แม้แต่คนโง่ยังรู้จักแสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย!เฉินไฉ่อจึงจําต้องกัดฟันเดินเข้าไปในครัวเวลานี้นางไม่กล้าแม้แต่จะทําให้มารดาขุ่นเคืองมิฉะนั้นในอนาคตนางจะไม่มีแม้แต่คนที่คอยหนุนหลัง

“อา! เพิ่งหัดเข้าครัว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะล้างข้าวและหุงข้าวได้ ดังนั้นเจ้าควรเรียนรู้วิธีจุดไฟก่อนเถิด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+