สามีข้า คือพรานป่า 382 ตัวตน

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 382 ตัวตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 382 ตัวตน

เด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน บาดแผลบนร่างกายถูกพอกด้วยยาขนานต่าง ๆ

หยุนเถียนเถียนลงจากรถม้า พร้อมกับเดินเข้ามาในลานบ้านพลางตะโกนหาจิ๋นเหยียนเสียงดัง จินเหยียนที่เป็นบุรุษย่อมแข็งแรงกว่าสตรีเพศอยู่แล้ว จึงอุ้มเด็กหนุ่มเข้าห้องไปอย่างง่ายดาย

“ข้ารู้ว่าตัวตนของเจ้าคงไม่ธรรมดาแน่ จึงไม่มีทางที่เจ้าจะอยู่เป็นข้ารับใช้ใต้โอวาทของข้าได้ เช่นนั้นจะอยู่หรือไปก็เป็นสิทธิ์ของเจ้า… แต่ก่อนหน้านั้นก็จงพักฟื้นให้หายดีก่อนเถิด!”

เสียงครวญครางเล็ดลอดจากปากของเด็กหนุ่มราวกับจะถามอะไรบางอย่าง

แม่ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร กระนั้นก็พอเดาค่าถามที่เด็กหนุ่มต้องการสื่อได้

“อย่าคิดมากเลย… ถึงเงินสองร้อยตําลึงจะมิใช่น้อย ๆ สําหรับข้า แต่เมื่อเงินหมดไปข้าหาใหม่ได้เสมอ ทีแรกข้าเห็นแล้วสงสารจึงได้ไถ่ตัวเจ้ามา! ดังนั้นเมื่อเจ้าหายดีแล้วก็จงมาเอาใบสําคัญที่ข้าเสีย จากนั้นจงไปตามทางที่เจ้าต้องการ”

“แต่หากเจ้าต้องการแก้แค้น ข้าว่าเจ้าควรรอก่อน! อย่างไรเสียเจ้าก็มิใช่คนธรรมดาสามัญ ดังนั้นคนที่กล้าปองร้ายเจ้าก็คงอันตรายยิ่งกว่า เจ้าใช่จุดนี้เป็นแรงจูงใจในการล้างแค้นได้ มิฉะนั้น มันอาจกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนเจ้า”

ดูเหมือนเด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนดีเช่นนี้อยู่ในโลก ตรงมุมปากของเขายกขึ้นอย่างฝัน ๆ เล็กน้อย

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าต่อให้อธิบายมากเพียงได้ก็เปล่าประโยชน์ นางจึงขอให้เซินสังวางยาสมานแผลเอาไว้ ก่อนหันหน้าเดินออกจากห้องไป

“คุณหนู… ข้าว่าเจ้าเด็กนี่ดูไม่ได้สํานึกบุญคุณท่านเลย ท่านพาเขามาเช่นนี้ไม่เกรงว่าจะเป็นผลเสียเชียวหรือ? บางทีท่านอาจต้องเดือดร้อนเพราะเขาก็ได้…”

หยุนเทียนเถียนก้มหน้าพลางยิ้ม “เจ้านี่ใจดําจังนะ ข้าไม่สนหรอกว่าเขาจะสํานึกอะไรหรือไม่ เพียงแต่ข้าไม่อาจทนเห็นผู้คนถูกซื้อขายเยี่ยงวัวควายเช่นนั้นได้หรอก… น่าเสียดายที่ข้ามีความสามารถไม่พอช่วยเหลือคนพวกนั้น!”

“เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่กับนายหน้าล้วนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ทว่าเด็กคนนี้กลับมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา อย่างน้อยเขาก็ไม่ยอมแพ้แม้จะถูกนายหน้าลงมือหนักกว่าคนอื่น”

“เพราะอย่างนี้ข้าจึงต้องการช่วยเขา ดังนั้นจะสํานึกหรือไม่ก็คงไม่ต่างกัน อย่างไรเสียข้าก็ไม่คาดหวังว่าจะมีใครมาตามจองเวรข้าเช่นกัน”

เซ็นสิ่งพยักหน้าแต่ไม่เข้าใจ “หากคุณหนูคิดเช่นนั้นก็ดีแล้ว… ตราบที่มันเป็นความสุขของท่าน ข้าก็ไม่ขัดข้อง

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างหน้าค่อนบูดก่อนจะเดินจากไป ครู่นั้นนางก็กล่าวว่าพึ่ง “จู่เทียนสิ่งงั้นหรือ… เด็กคนนี้เลือกชื่อเพราะดีนะ แค่ฟังข้าก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนทั่วไป…”

เมื่อเสียงฝีเท้านั้นหายไป หัวใจด้านชาของเทียนสิ่งก็พลันอ่อนนุ่มลง เขาหยิบยาสมานแผลขึ้นมาก่อนโรยมันลงบนบาดแผลที่มีอยู่ทั่วตัว

อันที่จริงอาการเขาไม่ได้รุนแรงนักเพราะทั้งหมดเป็นเพียงอาการบาดเจ็บภายนอก สิ่งเดียวที่ให้เขาไม่สบายกายในยามนี้คือยาที่ทําให้เขาอยู่ในสภาพอ่อนเปลี้ยตลอดเวลา

ปัจจัยอีกอย่างคือภาวะขาดสารอาหารจากการกินที่ย่ําแย่หลายวัน หากต้องไปยืนท่ามกลางคนรู้จักก็คงไม่มีผู้ใดจำเขาได้แน่

หยุนเกียนเถียนเร่งให้เซ็นสิ่งนําความเรื่องเด็กหนุ่มไปบอกกับกับหยุนเคอทันที นางไม่ต้องกา บิดบังเรื่องนี้กับอีกฝ่าย

เมื่อรู้ข่าวว่ามีคนแปลกหน้าเข้าใกล้หยุนเสียนเถียน มู่หรงหยุนเคอก็ตื่นตัวและออกปากว่าจะตรวจสอบเรื่องของรู่เทียนสิ่งทันที

จิ๋นเหยียนจึงรีบส่งนกพิราบสื่อสารออกไปอย่างรวดเร็ว อันที่จริงตัวหยุนเคอก็นึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของลู่เทียนสิ่งเช่นกัน

แม้แซ่จู่จะไม่แปลกในด้าเยว่ กระนั้นมันก็เป็นแซ่ของแคว้นตาฉ่ซึ่งเป็นหนึ่งในยุคนี้

เหตุที่ฉีเทียนสิ่งต้องตกอับเช่นนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องปัญหาเรื่องสถานะชนชั้นสูงของเขาแน่ ดูจากท่าทีแล้วเขาอาจเป็นเชื้อพระวงศ์ของตาฉ่ผู้หนึ่ง

ทว่าต้าเยวและต้านุ่มิได้ติดต่อกันนัก และบางครั้งหากเกิดเรื่องใหญ่ในแคว้นใดแคว้นหนึ่งก็จะไม่มีการส่งบรรณาการให้แก่กันอีกต่อไป

กระนั้นในฐานะที่เป็นอ๋องแต่เดิม มู่หรงหยุนเคอดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อจู่เทียนสิงมาก่อน ทว่าบัดนี้ก็ใช่ว่าเขาจะจดจําได้เสียทีเดียว

จะอย่างไรเรื่องของแคว้นตาลู่นั้นมีจักรพรรดิคอยจัดการอยู่แล้ว

ในเมื่อเขาเป็นเชื้อพระวงศ์และอยู่ต่อมาจนถึงบัดนี้ เขาจึงไม่อาจหลุดพ้นจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในหมู่เชื้อพระวงศ์ได้ และหากเขาเป็นเชื้อพระวงศ์จริง ปัญหาที่หยุนเถียนเถียนสร้างไว้ก็มิใช่เรื่องเล็กน้อยเช่นกัน!

มู่หรงหยุนเคอขอให้มีการตรวจสอบ ทว่าเขาก็เดินเข้าไปในห้องของฉ่เทียนสิ่งด้วยเช่นกัน

ฉ่เทียนสิ่งหมดแรงก่อนจะทันได้เยียวยาบาดแผลบนร่างตัวเอง เมื่อได้ทานข้าวต้มที่เซ็นสิ่งทําให้ก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

เพิ่งจะผ่อนคลายได้ไม่ทันไร ฉีเทียนสิงก็เป็นอันต้องระแวงอีกครั้ง เมื่อมู่หรงหยุนเคอเร่งรัดเข้ามาในห้องด้วยท่าที่เข้มงวดและดุดัน

“ได้ยินว่าฮูหยินช่วยไถ่ตัวคนมาจากข้างนอก ข้าที่เป็นสามีจึงขอมาดูเสียหน่อย เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม? เซิ่นสิง… อย่าบอกนะว่าภรรยาข้ายอมหักหลังข้าเพื่อเจ้าเด็กนี่น่ะ!”

ฉ่เทียนสิงคนึงหาสตรีที่ให้ความอบอุ่นกับตนพลางนึกอิจฉาสามีของนางที่อยู่ตรงหน้า แม้จะอิจฉาที่เขามีภรรยาที่ดีเช่นนี้ กระนั้นเขาก็ยังคงโบกมือแสดงท่าทางเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่าง

“เป็นคนบ้าใบ้งั้นหรือ…”

ดูเหมือนเซินสิ่งจะไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนเคอจึงมองตนด้วยสายตาเกี้ยวกราดเช่นนั้น ก่อนจะเข้าใจว่าองค์ชายผู้นี้คงกําลังแสดงละครอยู่

ดังนั้นนางจึงเดินช้า ๆ ไปประกบด้านข้างของลู่เทียนสิ่ง “หากเจ้าจะบอกอะไรนายท่าน ก็เขียนเอาเถิด”

ฉ่เทียนสิ่งที่อ่อนแรงรีบขยับไปตรงขอบโต๊ะก่อนนุ่มมือลงในถ้วยน้ําชาและเริ่มเขียนข้อความบนโต๊ะนั้น

“ขอบคุณฮูหยินที่ช่วยเหลือ ข้าน้อยกับฮูหยินบริสุทธิ์ใจ!”

มู่หรงหยุนเคอเงยหน้าขึ้นยิ้มแบบไม่เป็นพิธี “ข้าไม่รู้นะว่าเจ้าจะปกป้องภรรยาข้าหรือเปล่า? เจ้าบาดเจ็บหนักเพียงนั้นก็คงไม่คุ้มที่นางจะไถ่ตัวเจ้าออกมา หรือว่าเจ้าจะมีอะไรอีก?”

ฉ่เทียนสิงเป็นกังวลนักจนมือเริ่มสั่น “ข้าน้อยถูกบีบให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้… หากคุณชายยอมให้ข้าได้พักพิง ข้าก็ยินดีออกไปเมื่อหายดี และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับฮูหยินอีก”

“หากข้ากลับบ้านได้ คงจะเป็นหนี้บุญคุณท่านไม่น้อย ไม่ทราบว่าคุณชายจะช่วยข้าน้อยได้หรือไม่?”

มู่หรงหยุนเคอตอบอย่างขอไปที่ “ขอบคุณ? ใครจะรู้หากเจ้าจะกลับไปดื้อ ๆ เช่นนี้ ได้ ยินฮูหยินบอกว่าเจ้าชื่อจู่เทียนสิง…ไยชื่อแซ่เจ้าจึงดูแปลกจากชาวบ้านนัก?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 382 ตัวตน

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 382 ตัวตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 382 ตัวตน

เด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน บาดแผลบนร่างกายถูกพอกด้วยยาขนานต่าง ๆ

หยุนเถียนเถียนลงจากรถม้า พร้อมกับเดินเข้ามาในลานบ้านพลางตะโกนหาจิ๋นเหยียนเสียงดัง จินเหยียนที่เป็นบุรุษย่อมแข็งแรงกว่าสตรีเพศอยู่แล้ว จึงอุ้มเด็กหนุ่มเข้าห้องไปอย่างง่ายดาย

“ข้ารู้ว่าตัวตนของเจ้าคงไม่ธรรมดาแน่ จึงไม่มีทางที่เจ้าจะอยู่เป็นข้ารับใช้ใต้โอวาทของข้าได้ เช่นนั้นจะอยู่หรือไปก็เป็นสิทธิ์ของเจ้า… แต่ก่อนหน้านั้นก็จงพักฟื้นให้หายดีก่อนเถิด!”

เสียงครวญครางเล็ดลอดจากปากของเด็กหนุ่มราวกับจะถามอะไรบางอย่าง

แม่ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร กระนั้นก็พอเดาค่าถามที่เด็กหนุ่มต้องการสื่อได้

“อย่าคิดมากเลย… ถึงเงินสองร้อยตําลึงจะมิใช่น้อย ๆ สําหรับข้า แต่เมื่อเงินหมดไปข้าหาใหม่ได้เสมอ ทีแรกข้าเห็นแล้วสงสารจึงได้ไถ่ตัวเจ้ามา! ดังนั้นเมื่อเจ้าหายดีแล้วก็จงมาเอาใบสําคัญที่ข้าเสีย จากนั้นจงไปตามทางที่เจ้าต้องการ”

“แต่หากเจ้าต้องการแก้แค้น ข้าว่าเจ้าควรรอก่อน! อย่างไรเสียเจ้าก็มิใช่คนธรรมดาสามัญ ดังนั้นคนที่กล้าปองร้ายเจ้าก็คงอันตรายยิ่งกว่า เจ้าใช่จุดนี้เป็นแรงจูงใจในการล้างแค้นได้ มิฉะนั้น มันอาจกลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนเจ้า”

ดูเหมือนเด็กหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนดีเช่นนี้อยู่ในโลก ตรงมุมปากของเขายกขึ้นอย่างฝัน ๆ เล็กน้อย

หยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าต่อให้อธิบายมากเพียงได้ก็เปล่าประโยชน์ นางจึงขอให้เซินสังวางยาสมานแผลเอาไว้ ก่อนหันหน้าเดินออกจากห้องไป

“คุณหนู… ข้าว่าเจ้าเด็กนี่ดูไม่ได้สํานึกบุญคุณท่านเลย ท่านพาเขามาเช่นนี้ไม่เกรงว่าจะเป็นผลเสียเชียวหรือ? บางทีท่านอาจต้องเดือดร้อนเพราะเขาก็ได้…”

หยุนเทียนเถียนก้มหน้าพลางยิ้ม “เจ้านี่ใจดําจังนะ ข้าไม่สนหรอกว่าเขาจะสํานึกอะไรหรือไม่ เพียงแต่ข้าไม่อาจทนเห็นผู้คนถูกซื้อขายเยี่ยงวัวควายเช่นนั้นได้หรอก… น่าเสียดายที่ข้ามีความสามารถไม่พอช่วยเหลือคนพวกนั้น!”

“เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่กับนายหน้าล้วนหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ทว่าเด็กคนนี้กลับมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา อย่างน้อยเขาก็ไม่ยอมแพ้แม้จะถูกนายหน้าลงมือหนักกว่าคนอื่น”

“เพราะอย่างนี้ข้าจึงต้องการช่วยเขา ดังนั้นจะสํานึกหรือไม่ก็คงไม่ต่างกัน อย่างไรเสียข้าก็ไม่คาดหวังว่าจะมีใครมาตามจองเวรข้าเช่นกัน”

เซ็นสิ่งพยักหน้าแต่ไม่เข้าใจ “หากคุณหนูคิดเช่นนั้นก็ดีแล้ว… ตราบที่มันเป็นความสุขของท่าน ข้าก็ไม่ขัดข้อง

หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างหน้าค่อนบูดก่อนจะเดินจากไป ครู่นั้นนางก็กล่าวว่าพึ่ง “จู่เทียนสิ่งงั้นหรือ… เด็กคนนี้เลือกชื่อเพราะดีนะ แค่ฟังข้าก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนทั่วไป…”

เมื่อเสียงฝีเท้านั้นหายไป หัวใจด้านชาของเทียนสิ่งก็พลันอ่อนนุ่มลง เขาหยิบยาสมานแผลขึ้นมาก่อนโรยมันลงบนบาดแผลที่มีอยู่ทั่วตัว

อันที่จริงอาการเขาไม่ได้รุนแรงนักเพราะทั้งหมดเป็นเพียงอาการบาดเจ็บภายนอก สิ่งเดียวที่ให้เขาไม่สบายกายในยามนี้คือยาที่ทําให้เขาอยู่ในสภาพอ่อนเปลี้ยตลอดเวลา

ปัจจัยอีกอย่างคือภาวะขาดสารอาหารจากการกินที่ย่ําแย่หลายวัน หากต้องไปยืนท่ามกลางคนรู้จักก็คงไม่มีผู้ใดจำเขาได้แน่

หยุนเกียนเถียนเร่งให้เซ็นสิ่งนําความเรื่องเด็กหนุ่มไปบอกกับกับหยุนเคอทันที นางไม่ต้องกา บิดบังเรื่องนี้กับอีกฝ่าย

เมื่อรู้ข่าวว่ามีคนแปลกหน้าเข้าใกล้หยุนเสียนเถียน มู่หรงหยุนเคอก็ตื่นตัวและออกปากว่าจะตรวจสอบเรื่องของรู่เทียนสิ่งทันที

จิ๋นเหยียนจึงรีบส่งนกพิราบสื่อสารออกไปอย่างรวดเร็ว อันที่จริงตัวหยุนเคอก็นึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของลู่เทียนสิ่งเช่นกัน

แม้แซ่จู่จะไม่แปลกในด้าเยว่ กระนั้นมันก็เป็นแซ่ของแคว้นตาฉ่ซึ่งเป็นหนึ่งในยุคนี้

เหตุที่ฉีเทียนสิ่งต้องตกอับเช่นนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องปัญหาเรื่องสถานะชนชั้นสูงของเขาแน่ ดูจากท่าทีแล้วเขาอาจเป็นเชื้อพระวงศ์ของตาฉ่ผู้หนึ่ง

ทว่าต้าเยวและต้านุ่มิได้ติดต่อกันนัก และบางครั้งหากเกิดเรื่องใหญ่ในแคว้นใดแคว้นหนึ่งก็จะไม่มีการส่งบรรณาการให้แก่กันอีกต่อไป

กระนั้นในฐานะที่เป็นอ๋องแต่เดิม มู่หรงหยุนเคอดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อจู่เทียนสิงมาก่อน ทว่าบัดนี้ก็ใช่ว่าเขาจะจดจําได้เสียทีเดียว

จะอย่างไรเรื่องของแคว้นตาลู่นั้นมีจักรพรรดิคอยจัดการอยู่แล้ว

ในเมื่อเขาเป็นเชื้อพระวงศ์และอยู่ต่อมาจนถึงบัดนี้ เขาจึงไม่อาจหลุดพ้นจากการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในหมู่เชื้อพระวงศ์ได้ และหากเขาเป็นเชื้อพระวงศ์จริง ปัญหาที่หยุนเถียนเถียนสร้างไว้ก็มิใช่เรื่องเล็กน้อยเช่นกัน!

มู่หรงหยุนเคอขอให้มีการตรวจสอบ ทว่าเขาก็เดินเข้าไปในห้องของฉ่เทียนสิ่งด้วยเช่นกัน

ฉ่เทียนสิ่งหมดแรงก่อนจะทันได้เยียวยาบาดแผลบนร่างตัวเอง เมื่อได้ทานข้าวต้มที่เซ็นสิ่งทําให้ก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

เพิ่งจะผ่อนคลายได้ไม่ทันไร ฉีเทียนสิงก็เป็นอันต้องระแวงอีกครั้ง เมื่อมู่หรงหยุนเคอเร่งรัดเข้ามาในห้องด้วยท่าที่เข้มงวดและดุดัน

“ได้ยินว่าฮูหยินช่วยไถ่ตัวคนมาจากข้างนอก ข้าที่เป็นสามีจึงขอมาดูเสียหน่อย เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม? เซิ่นสิง… อย่าบอกนะว่าภรรยาข้ายอมหักหลังข้าเพื่อเจ้าเด็กนี่น่ะ!”

ฉ่เทียนสิงคนึงหาสตรีที่ให้ความอบอุ่นกับตนพลางนึกอิจฉาสามีของนางที่อยู่ตรงหน้า แม้จะอิจฉาที่เขามีภรรยาที่ดีเช่นนี้ กระนั้นเขาก็ยังคงโบกมือแสดงท่าทางเพื่อสื่อสารอะไรบางอย่าง

“เป็นคนบ้าใบ้งั้นหรือ…”

ดูเหมือนเซินสิ่งจะไม่รู้ว่าเหตุใดหยุนเคอจึงมองตนด้วยสายตาเกี้ยวกราดเช่นนั้น ก่อนจะเข้าใจว่าองค์ชายผู้นี้คงกําลังแสดงละครอยู่

ดังนั้นนางจึงเดินช้า ๆ ไปประกบด้านข้างของลู่เทียนสิ่ง “หากเจ้าจะบอกอะไรนายท่าน ก็เขียนเอาเถิด”

ฉ่เทียนสิ่งที่อ่อนแรงรีบขยับไปตรงขอบโต๊ะก่อนนุ่มมือลงในถ้วยน้ําชาและเริ่มเขียนข้อความบนโต๊ะนั้น

“ขอบคุณฮูหยินที่ช่วยเหลือ ข้าน้อยกับฮูหยินบริสุทธิ์ใจ!”

มู่หรงหยุนเคอเงยหน้าขึ้นยิ้มแบบไม่เป็นพิธี “ข้าไม่รู้นะว่าเจ้าจะปกป้องภรรยาข้าหรือเปล่า? เจ้าบาดเจ็บหนักเพียงนั้นก็คงไม่คุ้มที่นางจะไถ่ตัวเจ้าออกมา หรือว่าเจ้าจะมีอะไรอีก?”

ฉ่เทียนสิงเป็นกังวลนักจนมือเริ่มสั่น “ข้าน้อยถูกบีบให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้… หากคุณชายยอมให้ข้าได้พักพิง ข้าก็ยินดีออกไปเมื่อหายดี และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับฮูหยินอีก”

“หากข้ากลับบ้านได้ คงจะเป็นหนี้บุญคุณท่านไม่น้อย ไม่ทราบว่าคุณชายจะช่วยข้าน้อยได้หรือไม่?”

มู่หรงหยุนเคอตอบอย่างขอไปที่ “ขอบคุณ? ใครจะรู้หากเจ้าจะกลับไปดื้อ ๆ เช่นนี้ ได้ ยินฮูหยินบอกว่าเจ้าชื่อจู่เทียนสิง…ไยชื่อแซ่เจ้าจึงดูแปลกจากชาวบ้านนัก?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+