สามีข้า คือพรานป่า 349 ไม่ยอมปริปาก

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 349 ไม่ยอมปริปาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 ไม่ยอมปริปาก

หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีสตรีที่ไม่แยแสลูกของตัวเอง

“ไม่เป็นไร ต่อให้เจ้าจะอยากรักษาไว้เด็กคนนี้ก็จากไปแล้ว ทว่าเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะปกป้องคนที่ทําให้เจ้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาไม่ได้สนใจไยดีชีวิตเจ้ากับเด็กในท้องเลยแม้แต่น้อย!”

เฉินเจียวเจียวเผยรอยยิ้มขมขึ้น “อย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจทําอะไรคนผู้นั้นได้หรอก แม้แต่เจ้า ข้าก็ยังกลัวว่าสักวันหนึ่งจะต้องทุกข์ทรมานด้วยน้ํามือของเขา ช่างมันเถิด! หยุนเกียนเถียน… วันนี้เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้ดังนั้นจากนี้ไปข้าจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีกแล้ว ทว่าหากเจ้าต้องการมีชีวิตที่สงบสุขแล้วล่ะก็… จงอย่าพยายามค้นหาว่าใครเป็นผู้วางแผนใส่ร้ายเจ้าในวันนี้!”

จนถึงบัดนี้เฉินเจียวเจียวก็ยังคงหัวแข็ง หยุนเถียนเถียนรู้สึกหมดหนทางที่จะเจรจาต่อ ในเมื่อนางกล่าวออกมาเช่นนี้แล้วก็ไม่อาจเค้นเอาคําตอบจากนางได้อีก

หมอรีบวิ่งมาทันที ขณะที่มู่หรงป้อผู้เป็นโอรสของจักรพรรดิแห่งอวหยางก็มาถึง

หมอนั่งลงกับพื้นทันที่เพื่อตรวจดูอาการของสตรีมีครรภ์ท้องแรกผู้นี้ หยุนเสียนเถียนกําลังคิดจะหากระโจมมาช่วยบังแดดให้เฉินเจียวเจียว

ทว่ามู่หรงซื้อรีบวิ่งมาหาก่อนจะถามหยุนเถียนเถียนทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง? มีคนมากวนใจเจ้าอย่างนั้นหรือ? เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าไม่รีบบอกข้าก่อน?”

หยุนเสียนเกียนยกยิ้มอย่างขมขึ้น “สตรีผู้นี้ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมารบกวนข้า หากข้าสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ข้าก็คงรีบบอกท่านไปแล้ว วันนี้มีใครบางคนวางแผนส่งนางมาใส่ร้าย ข้า… บัดนี้ยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนผู้นั้นคืออะไร”

มู่หรงป๋อได้ยินดังนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะช่วยชีวิตสตรีร้ายกาจเช่นนี้? บางทีเจ้าอาจกําลังช่วยชีวิตงูเห่าอยู่ก็ได้”

“แม้ว่าข้าจะถูกใครบางคนจงใจผลักให้ล้ม ทว่าทุกคนก็เห็นเต็มสองตาว่าข้าเป็นคนล้มทับนาง ข้าเองก็รู้สึกผิดที่มีส่วนทําให้นางต้องบาดเจ็บ ปกติแล้วหากไม่ใช่คนที่ข้าเกลียดชังที่สุดข้าย่อมไม่แก้แค้นด้วยวิธีรุนแรงถึงเพียงนี้”

เมื่อหยุนเกียนเถียนกล่าวจบก็ก้มหน้าถามว่า “เฉินเจียวเจียว… เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเฉินไฉ่อีจึงต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วง?”

เฉินเจียวเจียวตื่นตระหนกก่อนละล่ําละลักถาม “หรือนี่จะเป็นผลงานชิ้นเอกของเจ้า?”

หยุนเกียนเถียนส่ายหน้าอย่างสงบ “ข้าไม่ได้ทําอะไรเลย! นางเพียงแค่ต้องการจะทําร้ายข้า ด้วยสารพัดวิธีของนางเอง ทว่านางไม่เชื่อคําพูดของข้าจึงต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายเช่นนั้น… เจ้าไม่ยอมปริปากบอกความจริงแล้วข้าจะแก้แค้นให้ลูกของเจ้าที่ตายไปได้อย่างไร?”

เฉินเจียวเจียวขัดจังหวะ “เฉินไฉ่อต้องโงถึงเพียงไหนกันจึงจะเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดได้?”

หยุนเสียนเถียนยักไหล่ “เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หากในอนาคตเจ้ามีโอกาสก็ลองถามนางดูเองสิ!”

อันที่จริงหยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด ตราบใดที่มนุษย์อับจนหนทางทว่ายังคงมีความปรารถนาในใจก็ย่อมเชื่อคําแนะนําจากผู้อื่นทั้งนั้น เฉินไฉ่อผู้มีจิตใจเปี่ยมล้นไปด้วยความเกลียดชังยอมทําทุกอย่างเพื่อแก้แค้นหวงฉือ แม้แต่การยอมมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหลินฮั่นจินในตอนท้ายของชีวิตก็ตาม

น่าเสียดายเพราะคนที่นางต้องการจะเอาคืนกลับยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ตามปกติ ทว่าความอับอายขายหน้าจากเรื่องฉาวโฉ่ที่นางได้กระทําไว้ก็ยังคงเป็นที่โจษจัน แม้ว่านางจะสิ้นลมไปแล้วก็ตาม

เฉินเจียวเจียวพูดขึ้นเสียงเบาเหมือนรําพึงกับตัวเอง “ข้าคิดว่าเฉินเต่ออันเป็นคนซื่อเกินไปทําให้บัดนี้ทั้งตัวเขาเอง ภรรยาและแม่ของเขามีชีวิตที่ยากล่ามากนัก”

“มีเหตุผลมากเพียงใดที่จะทําให้ภรรยาของเฉินเต่ออันคิดจะแต่งงานใหม่? ที่นางบาดหมางกับแม่สามีก็เพราะเฉินไฉ่อผู้เป็นน้องสาวของสามีตน บัดนี้ครอบครัวของพวกเขากําลังเผชิญปัญหาหนัก”

“แล้วเจ้าจะจัดการกับข้าอย่างไรเล่า? ทุกคนต่างก็มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเองทั้งนั้น พวกเขาตัดสินใจทําเรื่องพวกนี้ด้วยตนเองก็ย่อมต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ เช่นนี้แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับคําพูดของเจ้าด้วย?”

เฉินเจียวเจียวกล่าวประชดประชัน บัดนี้นางไม่มีความละอายเหลืออยู่อีกแล้ว แม้ว่านางจะอยู่ ในกระโจมทว่าก็ยังโผล่หน้าออกมาข้างนอก ทุกคนที่มามุงดูต่างรู้ว่าขณะนี้หมอกําลังจัดการกับร่างกายส่วนล่างของนางอยู่

จากนี้ไปแม้ว่านางจะยังมีชีวิตรอดทว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ต่างกันนัก

“เรื่องที่พวกเขาสร้างปัญหาให้ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าก็จริง ทว่าข้าจําได้ว่าเฉินเต่ออันไม่เคยทําให้เจ้าขุ่นเคืองเลย อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือเจ้าตลอดด้วย ส่วนเฉินซ่งก็เคยเมตตา เจ้ามาก่อน สุดท้ายเจ้าก็ยังปล่อยให้พวกเขาต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้”

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มมุมปาก “พวกเจ้าทุกคนก็เป็นเช่นนี้กันหมด เมื่อแผนการร้ายของตนล้มเหลวก็หันกลับมาโทษข้าว่าเป็นตัวต้นเหตุ อีกทั้งยังโยนความผิดให้ข้าว่าเป็นผู้ทําให้เกิดเหตุการณ์ชีวิตพังของพวกเจ้าอีก เช่นนี้แล้วข้าควรยอมรับความผิดที่ข้าไม่ได้ก่ออย่างนั้นหรือ?

“เป็นความผิดของพ่อแม่ที่ไม่อบรมสั่งสอนลูกสาวของตนให้ดี! ส่วนเฉินเต่ออันก็เป็นพี่ชายที่ตามใจเฉินไฉ่อมาแต่ไหนแต่ไรจนนางเสียนิสัย ต่อให้ข้ากับเจ้าจะไม่พูดทว่าทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้เรื่องนี้ดี เขาคอยให้ท้ายเฉินไฉ่อเมื่อนางทําสิ่งผิดจึงต้องรับกรรมเช่นนี้… เจ้ามีอะไรจะเถียงอีกหรือไม่?”

“อีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าไม่อาจมาโทษข้าได้ก็คือใครบอกให้เขาทําชีวิตตัวเองราวกับจะตายตามองสาวไปเช่นนี้เล่า!”

ตอนแรกเหล่าชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้เฉินเจียวเจียว ทว่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ของอําเภอเดินทางมาถึงก็เกิดความรู้สึกเกรงกลัวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

แม้แต่หยุนเถียนเถียนและเฉินเจียวเจียวก็หยุดการสนทนาทันที ทุกคนจึงไม่ได้ยินเสียงของพวกนางอีกแล้ว

“เอาล่ะ บาดแผลของเจ้าได้รับการรักษาแล้ว วันนี้เจ้าเดินทางมาที่นี่เพื่อสร้างความวุ่นวายให้ข้าสําเร็จตามใจปรารถนาของเจ้า ทว่าก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียลูกในท้องไปซึ่งเป็นผลกรรมของเจ้าเอง… แน่นอนว่าในใจเจ้าคงจะโทษว่าเป็นความผิดของข้า ทว่าข้าไม่สนใจหรอกเพราะเจ้าไม่มีทางทําอะไรข้าได้

“ทว่าข้าขอกล่าวด้วยความสัตย์จริง แม้ไม่มีใครทันเห็นทว่าเจ้าควรจะรู้ไว้ว่าที่ข้าล้มทับเจ้าก็เพราะมีคนจงใจวิ่งมาผลักข้า ข้าได้บอกเจ้าไปแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายของเจ้านั่นแหละที่เป็นคนทํา ซึ่งเจ้าก็ยังคงไม่กล้าเผยตัวตนของเขาออกมาให้ข้าได้รู้ เจ้าต้องระวังให้ดี… คนผู้นั้นคงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

หยุนเสียนเถียนบอกให้คนหามเฉินเจียวเจียวกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดา ส่วนชาวบ้านเหล่านั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

มู่หรงหยุนเคอไม่เต็มใจนักเพราะต้องการพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ให้ชัดแจ้งต่อหน้าชาวบ้าน ทว่าดวงตาอันเฉียบคมของหยุนเถียนเถียนที่จ้องมองมายังสามารถรั้งเขาไว้ได้

“ความจริงนางก็เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง หากนางยังคงทําเรื่องชั่วร้ายไม่เล็กก็เพียงแค่สังหารนางเสีย! บัดนี้ไม่ผิดเลยที่ข้าจะโกรธสตรีร้อยเล่ห์เช่นนาง

มู่หรงป๋อมองหญิงสาวตรงหน้า แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างสตรีทั้งสองก็ตาม

ทว่าเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทําให้เขารู้สึกดีต่อมู่หรงหยุนเคอเลย

“อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าจะถูกเปิดเผยว่าเป็นใครในอนาคต ข้าก็จะจดจําเจ้าไว้ในฐานะน้องสาว มู่หรงหยุนเคอสร้างปัญหาใหญ่ให้เจ้าลําบากใจเช่นนี้ ข้าจึงคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนรักของเจ้าหรอก!”

“หากเจ้ากับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันก็จงกลับเมืองหลวงกับข้าเสียตอนนี้เลย… หากคนอื่นในพระราชวังอวหยางไม่ว่าอะไร ความเมตตาของพ่อข้าที่เคยทะนุถนอมแม่ของเจ้าอย่างดีย่อมช่วยเกื้อหนุนเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าไม่จําเป็นต้องหวาดกลัวเขาหรอก”

มู่หรงหยุนเคอเดือดดาลทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายได้ที่ซ้ําเติมตนเช่นนั้น เขาจึงกล่าวเยาะเย้ยว่า “เจ้าคิดหรือว่าพระราชวังอวหยางจะสามารถรับมือคนอย่างข้าได้? ลองดูสิ เจ้าจะนําตัวสตรีผู้นี้กลับไปก็ย่อมได้ ทว่าก่อนอื่นจงให้ข้าได้ช่วยกวาดล้างสิ่งโสมมภายในวังนั่นให้หมดจดเสียก่อนเถิด!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 349 ไม่ยอมปริปาก

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 349 ไม่ยอมปริปาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 349 ไม่ยอมปริปาก

หยุนเถียนเถียนคาดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีสตรีที่ไม่แยแสลูกของตัวเอง

“ไม่เป็นไร ต่อให้เจ้าจะอยากรักษาไว้เด็กคนนี้ก็จากไปแล้ว ทว่าเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะปกป้องคนที่ทําให้เจ้าต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาไม่ได้สนใจไยดีชีวิตเจ้ากับเด็กในท้องเลยแม้แต่น้อย!”

เฉินเจียวเจียวเผยรอยยิ้มขมขึ้น “อย่างไรเสียข้าก็ไม่อาจทําอะไรคนผู้นั้นได้หรอก แม้แต่เจ้า ข้าก็ยังกลัวว่าสักวันหนึ่งจะต้องทุกข์ทรมานด้วยน้ํามือของเขา ช่างมันเถิด! หยุนเกียนเถียน… วันนี้เจ้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้ดังนั้นจากนี้ไปข้าจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีกแล้ว ทว่าหากเจ้าต้องการมีชีวิตที่สงบสุขแล้วล่ะก็… จงอย่าพยายามค้นหาว่าใครเป็นผู้วางแผนใส่ร้ายเจ้าในวันนี้!”

จนถึงบัดนี้เฉินเจียวเจียวก็ยังคงหัวแข็ง หยุนเถียนเถียนรู้สึกหมดหนทางที่จะเจรจาต่อ ในเมื่อนางกล่าวออกมาเช่นนี้แล้วก็ไม่อาจเค้นเอาคําตอบจากนางได้อีก

หมอรีบวิ่งมาทันที ขณะที่มู่หรงป้อผู้เป็นโอรสของจักรพรรดิแห่งอวหยางก็มาถึง

หมอนั่งลงกับพื้นทันที่เพื่อตรวจดูอาการของสตรีมีครรภ์ท้องแรกผู้นี้ หยุนเสียนเถียนกําลังคิดจะหากระโจมมาช่วยบังแดดให้เฉินเจียวเจียว

ทว่ามู่หรงซื้อรีบวิ่งมาหาก่อนจะถามหยุนเถียนเถียนทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง? มีคนมากวนใจเจ้าอย่างนั้นหรือ? เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าไม่รีบบอกข้าก่อน?”

หยุนเสียนเกียนยกยิ้มอย่างขมขึ้น “สตรีผู้นี้ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมารบกวนข้า หากข้าสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ข้าก็คงรีบบอกท่านไปแล้ว วันนี้มีใครบางคนวางแผนส่งนางมาใส่ร้าย ข้า… บัดนี้ยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนผู้นั้นคืออะไร”

มู่หรงป๋อได้ยินดังนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะช่วยชีวิตสตรีร้ายกาจเช่นนี้? บางทีเจ้าอาจกําลังช่วยชีวิตงูเห่าอยู่ก็ได้”

“แม้ว่าข้าจะถูกใครบางคนจงใจผลักให้ล้ม ทว่าทุกคนก็เห็นเต็มสองตาว่าข้าเป็นคนล้มทับนาง ข้าเองก็รู้สึกผิดที่มีส่วนทําให้นางต้องบาดเจ็บ ปกติแล้วหากไม่ใช่คนที่ข้าเกลียดชังที่สุดข้าย่อมไม่แก้แค้นด้วยวิธีรุนแรงถึงเพียงนี้”

เมื่อหยุนเกียนเถียนกล่าวจบก็ก้มหน้าถามว่า “เฉินเจียวเจียว… เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเฉินไฉ่อีจึงต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วง?”

เฉินเจียวเจียวตื่นตระหนกก่อนละล่ําละลักถาม “หรือนี่จะเป็นผลงานชิ้นเอกของเจ้า?”

หยุนเกียนเถียนส่ายหน้าอย่างสงบ “ข้าไม่ได้ทําอะไรเลย! นางเพียงแค่ต้องการจะทําร้ายข้า ด้วยสารพัดวิธีของนางเอง ทว่านางไม่เชื่อคําพูดของข้าจึงต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายเช่นนั้น… เจ้าไม่ยอมปริปากบอกความจริงแล้วข้าจะแก้แค้นให้ลูกของเจ้าที่ตายไปได้อย่างไร?”

เฉินเจียวเจียวขัดจังหวะ “เฉินไฉ่อต้องโงถึงเพียงไหนกันจึงจะเชื่อสิ่งที่เจ้าพูดได้?”

หยุนเสียนเถียนยักไหล่ “เรื่องนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หากในอนาคตเจ้ามีโอกาสก็ลองถามนางดูเองสิ!”

อันที่จริงหยุนเถียนเถียนรู้ดีว่าเป็นเพราะเหตุใด ตราบใดที่มนุษย์อับจนหนทางทว่ายังคงมีความปรารถนาในใจก็ย่อมเชื่อคําแนะนําจากผู้อื่นทั้งนั้น เฉินไฉ่อผู้มีจิตใจเปี่ยมล้นไปด้วยความเกลียดชังยอมทําทุกอย่างเพื่อแก้แค้นหวงฉือ แม้แต่การยอมมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหลินฮั่นจินในตอนท้ายของชีวิตก็ตาม

น่าเสียดายเพราะคนที่นางต้องการจะเอาคืนกลับยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ตามปกติ ทว่าความอับอายขายหน้าจากเรื่องฉาวโฉ่ที่นางได้กระทําไว้ก็ยังคงเป็นที่โจษจัน แม้ว่านางจะสิ้นลมไปแล้วก็ตาม

เฉินเจียวเจียวพูดขึ้นเสียงเบาเหมือนรําพึงกับตัวเอง “ข้าคิดว่าเฉินเต่ออันเป็นคนซื่อเกินไปทําให้บัดนี้ทั้งตัวเขาเอง ภรรยาและแม่ของเขามีชีวิตที่ยากล่ามากนัก”

“มีเหตุผลมากเพียงใดที่จะทําให้ภรรยาของเฉินเต่ออันคิดจะแต่งงานใหม่? ที่นางบาดหมางกับแม่สามีก็เพราะเฉินไฉ่อผู้เป็นน้องสาวของสามีตน บัดนี้ครอบครัวของพวกเขากําลังเผชิญปัญหาหนัก”

“แล้วเจ้าจะจัดการกับข้าอย่างไรเล่า? ทุกคนต่างก็มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเองทั้งนั้น พวกเขาตัดสินใจทําเรื่องพวกนี้ด้วยตนเองก็ย่อมต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ เช่นนี้แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับคําพูดของเจ้าด้วย?”

เฉินเจียวเจียวกล่าวประชดประชัน บัดนี้นางไม่มีความละอายเหลืออยู่อีกแล้ว แม้ว่านางจะอยู่ ในกระโจมทว่าก็ยังโผล่หน้าออกมาข้างนอก ทุกคนที่มามุงดูต่างรู้ว่าขณะนี้หมอกําลังจัดการกับร่างกายส่วนล่างของนางอยู่

จากนี้ไปแม้ว่านางจะยังมีชีวิตรอดทว่าจะเป็นหรือตายก็ไม่ต่างกันนัก

“เรื่องที่พวกเขาสร้างปัญหาให้ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าก็จริง ทว่าข้าจําได้ว่าเฉินเต่ออันไม่เคยทําให้เจ้าขุ่นเคืองเลย อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือเจ้าตลอดด้วย ส่วนเฉินซ่งก็เคยเมตตา เจ้ามาก่อน สุดท้ายเจ้าก็ยังปล่อยให้พวกเขาต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้”

หยุนเถียนเถียนแสยะยิ้มมุมปาก “พวกเจ้าทุกคนก็เป็นเช่นนี้กันหมด เมื่อแผนการร้ายของตนล้มเหลวก็หันกลับมาโทษข้าว่าเป็นตัวต้นเหตุ อีกทั้งยังโยนความผิดให้ข้าว่าเป็นผู้ทําให้เกิดเหตุการณ์ชีวิตพังของพวกเจ้าอีก เช่นนี้แล้วข้าควรยอมรับความผิดที่ข้าไม่ได้ก่ออย่างนั้นหรือ?

“เป็นความผิดของพ่อแม่ที่ไม่อบรมสั่งสอนลูกสาวของตนให้ดี! ส่วนเฉินเต่ออันก็เป็นพี่ชายที่ตามใจเฉินไฉ่อมาแต่ไหนแต่ไรจนนางเสียนิสัย ต่อให้ข้ากับเจ้าจะไม่พูดทว่าทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้เรื่องนี้ดี เขาคอยให้ท้ายเฉินไฉ่อเมื่อนางทําสิ่งผิดจึงต้องรับกรรมเช่นนี้… เจ้ามีอะไรจะเถียงอีกหรือไม่?”

“อีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าไม่อาจมาโทษข้าได้ก็คือใครบอกให้เขาทําชีวิตตัวเองราวกับจะตายตามองสาวไปเช่นนี้เล่า!”

ตอนแรกเหล่าชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้เฉินเจียวเจียว ทว่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ของอําเภอเดินทางมาถึงก็เกิดความรู้สึกเกรงกลัวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

แม้แต่หยุนเถียนเถียนและเฉินเจียวเจียวก็หยุดการสนทนาทันที ทุกคนจึงไม่ได้ยินเสียงของพวกนางอีกแล้ว

“เอาล่ะ บาดแผลของเจ้าได้รับการรักษาแล้ว วันนี้เจ้าเดินทางมาที่นี่เพื่อสร้างความวุ่นวายให้ข้าสําเร็จตามใจปรารถนาของเจ้า ทว่าก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียลูกในท้องไปซึ่งเป็นผลกรรมของเจ้าเอง… แน่นอนว่าในใจเจ้าคงจะโทษว่าเป็นความผิดของข้า ทว่าข้าไม่สนใจหรอกเพราะเจ้าไม่มีทางทําอะไรข้าได้

“ทว่าข้าขอกล่าวด้วยความสัตย์จริง แม้ไม่มีใครทันเห็นทว่าเจ้าควรจะรู้ไว้ว่าที่ข้าล้มทับเจ้าก็เพราะมีคนจงใจวิ่งมาผลักข้า ข้าได้บอกเจ้าไปแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายของเจ้านั่นแหละที่เป็นคนทํา ซึ่งเจ้าก็ยังคงไม่กล้าเผยตัวตนของเขาออกมาให้ข้าได้รู้ เจ้าต้องระวังให้ดี… คนผู้นั้นคงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

หยุนเสียนเถียนบอกให้คนหามเฉินเจียวเจียวกลับไปยังหมู่บ้านเทพธิดา ส่วนชาวบ้านเหล่านั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

มู่หรงหยุนเคอไม่เต็มใจนักเพราะต้องการพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ให้ชัดแจ้งต่อหน้าชาวบ้าน ทว่าดวงตาอันเฉียบคมของหยุนเถียนเถียนที่จ้องมองมายังสามารถรั้งเขาไว้ได้

“ความจริงนางก็เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง หากนางยังคงทําเรื่องชั่วร้ายไม่เล็กก็เพียงแค่สังหารนางเสีย! บัดนี้ไม่ผิดเลยที่ข้าจะโกรธสตรีร้อยเล่ห์เช่นนาง

มู่หรงป๋อมองหญิงสาวตรงหน้า แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างสตรีทั้งสองก็ตาม

ทว่าเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทําให้เขารู้สึกดีต่อมู่หรงหยุนเคอเลย

“อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าจะถูกเปิดเผยว่าเป็นใครในอนาคต ข้าก็จะจดจําเจ้าไว้ในฐานะน้องสาว มู่หรงหยุนเคอสร้างปัญหาใหญ่ให้เจ้าลําบากใจเช่นนี้ ข้าจึงคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนรักของเจ้าหรอก!”

“หากเจ้ากับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันก็จงกลับเมืองหลวงกับข้าเสียตอนนี้เลย… หากคนอื่นในพระราชวังอวหยางไม่ว่าอะไร ความเมตตาของพ่อข้าที่เคยทะนุถนอมแม่ของเจ้าอย่างดีย่อมช่วยเกื้อหนุนเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าไม่จําเป็นต้องหวาดกลัวเขาหรอก”

มู่หรงหยุนเคอเดือดดาลทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายได้ที่ซ้ําเติมตนเช่นนั้น เขาจึงกล่าวเยาะเย้ยว่า “เจ้าคิดหรือว่าพระราชวังอวหยางจะสามารถรับมือคนอย่างข้าได้? ลองดูสิ เจ้าจะนําตัวสตรีผู้นี้กลับไปก็ย่อมได้ ทว่าก่อนอื่นจงให้ข้าได้ช่วยกวาดล้างสิ่งโสมมภายในวังนั่นให้หมดจดเสียก่อนเถิด!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+