สามีข้า คือพรานป่า 96 ความสงสัยของหยุนเคอ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 96 ความสงสัยของหยุนเคอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 96 ความสงสัยของหยุนเคอ

 

ตรงหน้าเฉินเฉินมีซาลาเปาเนื้อชิ้นใหญ่วางอยู่ห้าลูก เด็กหนุ่มกลืนน้ําลายลงคออย่างยากลําบากขณะนั่งดมกลิ่น

 

“พี่สาว จะให้ข้ากินทั้งหมดนี้คงไม่ไหวหรอก”

 

เถียนเถียนถอนหายใจพร้อมลูบศีรษะเด็กชาย “เจ้ารีบกินเถิด หากอิ่มแล้วก็เก็บไว้กินคราวหลัง เดี๋ยวเจ้าอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านข้าก่อนแล้วค่อยกลับ ข้าเกรงว่าพ่อของเจ้าจะ…”

 

เฉินเฉินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังพร้อมกับเอื้อมมือหยิบซาลาเปา

 

“อ้อ! ตอนนี้เจ้าต้องรีบเก็บหนังสือทั้งหมดและไปอยู่ที่บ้านของลุงหยุนเสียก่อน ช่วงบ่ายเจ้าจงศึกษาอยู่ที่บ้านของเขา หากติดขัดสิ่งใดสามารถถามลุงหยุนได้โดยตรง”

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่เข้าใจว่าทําไม แต่ก็รีบหยิบหนังสือและมุ่งหน้าไปบ้านของหยุนเคอ

 

เถียนเถียนมองดูเขาจนลับตา จากนั้นจึงนั่งลงและเริ่มกินซาลาเปาของตัวเองบ้าง

 

หยุนเคอเปิดประตูบ้านออกมาและเห็นเด็กชายตัวน้อยยืนอยู่ เขาจึงเปิดประตูและหลีกทางให้เกิดช่องว่างเล็กน้อย ส่วนเฉินเฉินเข้าใจนิสัยของลุงหยุนผู้นี้เป็นอย่างดี เขาจึงรีบแทรกตัวผ่านช่องว่างเล็กๆนั้นเข้าไปด้านในและเริ่มมองหาโต๊ะเก้าอี้เพื่ออ่านหนังสือ

 

หลังจากหยิบหนังสือขึ้นมา เด็กน้อยพลันนึกถึงซาลาเปาที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อ!

 

“ลุงหยุน พี่สาวให้ซาลาเปามาห้าลูก ข้าคงกินไม่หมดแน่ จึงอยากแบ่งให้ท่านสักสองลูก”

 

หยุนเคอมองเด็กชายล้วงซาลาเปาในห่อกระดาษน้ํามันออกมาจากอกเสื้อด้วยสายตาที่ไร้ความอยากอาหาร

 

ขณะนั้นเองเขาพลันตระหนักถึงบางอย่าง ขณะที่เด็กสาวคนนั้นเดินไปมาในตลาด เขาจับจ้องนางตลอดเวลา… แล้วเช่นนี้นางเอาเวลาที่ไหนไปซื้อซาลาเปา?

 

นอกจากนี้ร้านซาลาเปาทั้งหลายไม่มีทางทําซาลาเปาชิ้นใหญ่เช่นนี้ได้แน่

 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หยุนเคอจึงรับซาลาเปาจากเด็กน้อยและกัดมันหนึ่งคํา…. กลิ่นหอมลอยฟังขึ้นจมูกพร้อมกับความรู้สึกประหลาด

 

รสชาติของมันเยี่ยมยอดเกินกว่าจะพรรณา… เกรงว่าแม้แต่เมืองหลวงก็คงไม่มีซาลาเปารสเลิศเช่นนี้!

 

เช่นนั้นแล้วนางไปซื้อซาลาเปาแบบนี้มาที่ใด? แม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรมากนัก

 

แน่นอนว่ามันอร่อยยิ่ง เฉินเฉินยัดซาลาเปาเข้าปากด้วยเช่นกัน ขณะที่เคี้ยวอยู่ เด็กชายก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำไปด้วย “มันอร่อยจริง ๆ”

 

“ลุงหยุน ท่านเคยกินซาลาเปาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนหรือไม่?”

 

หยุนเคอสายศีรษะแทนคําตอบ

 

เมื่อเฉินเฉินเห็นอย่างนั้นจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เด็กชายเปิดหนังสือและเริ่มศึกษาอีกครั้ง

 

เมื่อหยุนเคอเห็นว่าเด็กชายเริ่มศึกษาอย่างจริงจังก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เด็กสาวคนนั้นคงจะชื่นชอบเฉินเอ๋อมาก เช่นนั้นเขาก็ควรจะช่วยเหลือนางด้วยการสนับ สนุนเด็กน้อยคนนี้ ใช่หรือไม่?

 

หลังจากที่หยุนเถียนเถียนอิ่มท้องได้เพียงครู่ หญิงสาวจํานวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านของนาง

 

ที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ตระเตรียมน้ําชาเอาไว้ หยุนเถียนเถียนมีเพียงน้ําต้มสุกหนึ่งโถ… จากนั้นนางจึงไปหยิบเศษผ้าออกมาจากห้อง

 

เศษผ้าทั้งหมดนี้นางได้รับมาจากร้านผ้าในเมือง ซึ่งไม่ได้เสียเงินแม้แต่แดงเดียว!

 

จากนั้นหญิงสาวทั้งหมดก็เริ่มเรียนทําปิ่นดอกไม้จากเศษผ้า พวกนางพูดคุยและหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน

 

ในยุคนี้ สตรีทุกคนล้วนแต่เย็บปักเป็น เพียงแค่สอนวิธีเล็กน้อย พวกนางก็สามารถต่อยอดได้จนงดงามกว่าที่เถียนเถียนทําขึ้นเสียอีก

 

ส่วนเถียนเถียนเองก็ไม่คิดปิดบังหรือหมกเม็ดสิ่งใด นางสอนทุกอย่างจนหมดสิ้น ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และเมื่อเสร็จสิ้นจึงแยกย้ายกลับบ้านไป

 

หลังจากทุกอย่างจบลง เถียนเถียนถอนหายใจออกอย่างโล่งอก แม้จะซื้อของอร่อยจากเถาเปามามากมาย แต่นางก็ตัดสินใจที่จะทํามื้อเย็นด้วยตนเอง

 

อีกทั้งหากหยิบของกินออกมาจากเถาเปาบ่อยๆ เกรงว่าจะทําให้ผู้อื่นยิ่งสงสัยได้

 

ควันขาวขุ่นลอยออกจากห้องครัวน้อย ทุกวันนางจะทําอาหารตามความทรงจําเดิมของเถียนเถียนคนเก่า อาหารทั้งหมดล้วนเรียบง่ายแต่มีรสชาติยอดเยี่ยม!

 

หลังจากทําเสร็จแล้วนางจัดการตักใส่ชามและเดินตรงไปที่บ้านของหยุนเคอ

 

“เฉินเอ๋อกลับบ้านได้แล้ว รีบมากินอาหารเย็นแล้วรีบกลับบ้านตัวเอง เดี๋ยวหากพ่อเจ้าจับได้คงถูกทุบตีจนตาย”

 

หยุนเถียนเถียนตะโกนออกพร้อมกับผลักประตูอย่างแรง นางวางชามอาหารลงบนโต๊ะพร้อมกับจูงเด็กชายออกไป

 

นางไม่แม้แต่จะพูดคุยกับหยุนเคอแม้เพียงครึ่งคํา เขาได้แต่ตื่นตระหนกกับท่าทางรวดเร็วของนาง เมื่อเห็นอีกฝ่ายวางชามลงบนโต๊ะก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือส่วนของเขา

 

หยุนเคอไม่ชอบทําอาหารและไม่มีความคิดที่จะทําอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาอยากจะทําแต่ก็ไม่มีพรสวรรค์แม้แต่น้อย เขาจึงเอาเวลาทั้งหมดไปฝึกฝนร่างกายจนหมดสิ้น หลังจากลองชิมมันดูหนึ่งคํา… รสชาติที่ยอดเยี่ยมทําให้เขาถึงกับตกตะลึง

 

เช่นนี้เขาจึงไม่คิดเกรงใจอีกต่อไป ชายหนุ่มยกชามข้าวพร้อมเริ่มกินมันอย่างมูมมาม อาหารที่เด็กสาวคนนี้ทําช่างแตกต่างจากรสมือคนอื่นๆยิ่งนัก

 

เฉินเอ๋อรีบเร่งในขณะที่ฟ้ายังสว่าง เขากินข้าวเย็นอย่างรวดเร็วและแอบย่องกลับเข้าบ้านด้วยความระมัดระวัง

 

เด็กชายแอบเข้าบ้านจากประตูหลัง ส่วนเฉินผิงอันนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ไม่รับรู้เลยด้วยซ้ําว่าลูกชายที่ออกจากบ้านไปกลับมาแล้ว

 

ขณะนั้นหลินชวนฮวานอาหารออกมาวางตั้งไว้ที่ห้องโถงของบ้าน

 

แม้นางจะดีใจที่เฉินผิงอันไม่ให้เฉินเฉินกินข้าว แต่ต่อหน้าสามีแล้วนางต้องสวมบทบาทความเป็นแม่ให้แนบเนียน

 

“ข้าว่าลองใจเย็นสักนิดดีไหม… เฉินเอ๋อยังเยาว์นัก เรียกเขาออกมากินข้าวเถิด”

 

เฉินผิงอันตะหวาดกลับอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่! ข้าอยากจะรู้นักว่ามันจะดื้อรั้นไปได้อีกสักเท่าไหร่! วันๆไม่คิดจะทําสิ่งใดเพื่อครอบครัว หากต้องการเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างนั้น ก็ลองดู! อยากรู้เช่นกันว่าจะยอมอดข้าวไปได้สักกี่วัน!”

 

หลินชวนฮวาแสร้งถอนหายใจราวกับทําสิ่งใดไม่ได้ นางเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเฉินเฉินแต่ไม่ได้มีความคิดจะเข้าไป ที่ต้องทําเช่นนี้เพราะว่าเดี๋ยวการแสดงละครนั้นจะไม่สมบูรณ์

 

“เฉินเอ๋อ.. ออกมาขอโทษพ่อเจ้าเร็วเข้า เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าดื้อรั้นนักเลย มิฉะนั้นเจ้าจะอดตายในเร็ววัน!”

 

ส่วนเฉินเฉินแอบซ่อนตัวอยู่ยังคงปิดปากเงียบ เป็นเพราะเขายังเด็กจึงไม่รู้ว่าควรตอบสิ่งใดกลับ

 

ในที่สุดหลินชวนฮวาก็รู้สึกว่าสมควรหยุดเล่นละครได้แล้ว นางจึงส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะกลับไปนั่งกินข้าวร่วมกับสามี ทั้งคู่กินข้าวและหยอกล้อกันราวกับลืมไปแล้วว่ามีลูกชายอีกหนึ่งคนอยู่ในบ้านด้วย

 

สุดท้ายแล้วการหลบหนีออกจากบ้านของเฉินเฉินไม่ได้ทําให้พวกเขาฉุกคิดอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

 

วันรุ่งขึ้นหลินชวนฮวาตระเตรียมอาหารเช้าพร้อมกับคิดจะเข้าไปหาชายคนนั้นที่รอนางอยู่ในเมืองด้วยใจเสน่หา แต่สภาพบ้านในวันนี้เต็มไปด้วยฝุ่น ลานบ้านสกปรก และเสื้อผ้ามากมายที่ยังไม่ได้ซัก

 

หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก นางจึงรู้สึกว่าเด็กชายเห็นแก่ตัวยิ่งที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง เหตุใดเขาจึงได้นอนสบายๆโดยไม่ต้องทําสิ่งใดเลย?

 

แววตาทอประกายวูบไหวหลังจากคิดอะไรบางอย่างได้ นางร้องเรียกเฉินผิงอันที่กําลังเดินมาด้วยน้ําเสียงออดอ้อน

 

“สามี… งานในบ้านนั้นมากมายเหลือเกิน ข้าว่าควรให้เฉินเอ๋อออกมาช่วยสักหน่อยน่าจะเบาแรงได้มาก”

 

เฉินผิงอันได้ฟังก็พลันโกรธลูกชายยิ่ง เขาเตะประตูห้องของเด็กชายอย่างรุน

แรงทําให้เฉินเฉินที่เพิ่งตื่นถึงกับตกใจจนร่วงหล่นจากเตียง

 

แต่เฉินผิงอันและหลินชวนฮวามิใช่คนเขลา พวกเขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แต่เหตุใดใบหน้ายังสดใสราวกับคนปกติทั่วไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สามีข้า คือพรานป่า 96 ความสงสัยของหยุนเคอ

Now you are reading สามีข้า คือพรานป่า Chapter 96 ความสงสัยของหยุนเคอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 96 ความสงสัยของหยุนเคอ

 

ตรงหน้าเฉินเฉินมีซาลาเปาเนื้อชิ้นใหญ่วางอยู่ห้าลูก เด็กหนุ่มกลืนน้ําลายลงคออย่างยากลําบากขณะนั่งดมกลิ่น

 

“พี่สาว จะให้ข้ากินทั้งหมดนี้คงไม่ไหวหรอก”

 

เถียนเถียนถอนหายใจพร้อมลูบศีรษะเด็กชาย “เจ้ารีบกินเถิด หากอิ่มแล้วก็เก็บไว้กินคราวหลัง เดี๋ยวเจ้าอยู่กินข้าวเย็นที่บ้านข้าก่อนแล้วค่อยกลับ ข้าเกรงว่าพ่อของเจ้าจะ…”

 

เฉินเฉินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังพร้อมกับเอื้อมมือหยิบซาลาเปา

 

“อ้อ! ตอนนี้เจ้าต้องรีบเก็บหนังสือทั้งหมดและไปอยู่ที่บ้านของลุงหยุนเสียก่อน ช่วงบ่ายเจ้าจงศึกษาอยู่ที่บ้านของเขา หากติดขัดสิ่งใดสามารถถามลุงหยุนได้โดยตรง”

 

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่เข้าใจว่าทําไม แต่ก็รีบหยิบหนังสือและมุ่งหน้าไปบ้านของหยุนเคอ

 

เถียนเถียนมองดูเขาจนลับตา จากนั้นจึงนั่งลงและเริ่มกินซาลาเปาของตัวเองบ้าง

 

หยุนเคอเปิดประตูบ้านออกมาและเห็นเด็กชายตัวน้อยยืนอยู่ เขาจึงเปิดประตูและหลีกทางให้เกิดช่องว่างเล็กน้อย ส่วนเฉินเฉินเข้าใจนิสัยของลุงหยุนผู้นี้เป็นอย่างดี เขาจึงรีบแทรกตัวผ่านช่องว่างเล็กๆนั้นเข้าไปด้านในและเริ่มมองหาโต๊ะเก้าอี้เพื่ออ่านหนังสือ

 

หลังจากหยิบหนังสือขึ้นมา เด็กน้อยพลันนึกถึงซาลาเปาที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อ!

 

“ลุงหยุน พี่สาวให้ซาลาเปามาห้าลูก ข้าคงกินไม่หมดแน่ จึงอยากแบ่งให้ท่านสักสองลูก”

 

หยุนเคอมองเด็กชายล้วงซาลาเปาในห่อกระดาษน้ํามันออกมาจากอกเสื้อด้วยสายตาที่ไร้ความอยากอาหาร

 

ขณะนั้นเองเขาพลันตระหนักถึงบางอย่าง ขณะที่เด็กสาวคนนั้นเดินไปมาในตลาด เขาจับจ้องนางตลอดเวลา… แล้วเช่นนี้นางเอาเวลาที่ไหนไปซื้อซาลาเปา?

 

นอกจากนี้ร้านซาลาเปาทั้งหลายไม่มีทางทําซาลาเปาชิ้นใหญ่เช่นนี้ได้แน่

 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หยุนเคอจึงรับซาลาเปาจากเด็กน้อยและกัดมันหนึ่งคํา…. กลิ่นหอมลอยฟังขึ้นจมูกพร้อมกับความรู้สึกประหลาด

 

รสชาติของมันเยี่ยมยอดเกินกว่าจะพรรณา… เกรงว่าแม้แต่เมืองหลวงก็คงไม่มีซาลาเปารสเลิศเช่นนี้!

 

เช่นนั้นแล้วนางไปซื้อซาลาเปาแบบนี้มาที่ใด? แม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรมากนัก

 

แน่นอนว่ามันอร่อยยิ่ง เฉินเฉินยัดซาลาเปาเข้าปากด้วยเช่นกัน ขณะที่เคี้ยวอยู่ เด็กชายก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำไปด้วย “มันอร่อยจริง ๆ”

 

“ลุงหยุน ท่านเคยกินซาลาเปาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนหรือไม่?”

 

หยุนเคอสายศีรษะแทนคําตอบ

 

เมื่อเฉินเฉินเห็นอย่างนั้นจึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เด็กชายเปิดหนังสือและเริ่มศึกษาอีกครั้ง

 

เมื่อหยุนเคอเห็นว่าเด็กชายเริ่มศึกษาอย่างจริงจังก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เด็กสาวคนนั้นคงจะชื่นชอบเฉินเอ๋อมาก เช่นนั้นเขาก็ควรจะช่วยเหลือนางด้วยการสนับ สนุนเด็กน้อยคนนี้ ใช่หรือไม่?

 

หลังจากที่หยุนเถียนเถียนอิ่มท้องได้เพียงครู่ หญิงสาวจํานวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบ้านของนาง

 

ที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ตระเตรียมน้ําชาเอาไว้ หยุนเถียนเถียนมีเพียงน้ําต้มสุกหนึ่งโถ… จากนั้นนางจึงไปหยิบเศษผ้าออกมาจากห้อง

 

เศษผ้าทั้งหมดนี้นางได้รับมาจากร้านผ้าในเมือง ซึ่งไม่ได้เสียเงินแม้แต่แดงเดียว!

 

จากนั้นหญิงสาวทั้งหมดก็เริ่มเรียนทําปิ่นดอกไม้จากเศษผ้า พวกนางพูดคุยและหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุกสนาน

 

ในยุคนี้ สตรีทุกคนล้วนแต่เย็บปักเป็น เพียงแค่สอนวิธีเล็กน้อย พวกนางก็สามารถต่อยอดได้จนงดงามกว่าที่เถียนเถียนทําขึ้นเสียอีก

 

ส่วนเถียนเถียนเองก็ไม่คิดปิดบังหรือหมกเม็ดสิ่งใด นางสอนทุกอย่างจนหมดสิ้น ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และเมื่อเสร็จสิ้นจึงแยกย้ายกลับบ้านไป

 

หลังจากทุกอย่างจบลง เถียนเถียนถอนหายใจออกอย่างโล่งอก แม้จะซื้อของอร่อยจากเถาเปามามากมาย แต่นางก็ตัดสินใจที่จะทํามื้อเย็นด้วยตนเอง

 

อีกทั้งหากหยิบของกินออกมาจากเถาเปาบ่อยๆ เกรงว่าจะทําให้ผู้อื่นยิ่งสงสัยได้

 

ควันขาวขุ่นลอยออกจากห้องครัวน้อย ทุกวันนางจะทําอาหารตามความทรงจําเดิมของเถียนเถียนคนเก่า อาหารทั้งหมดล้วนเรียบง่ายแต่มีรสชาติยอดเยี่ยม!

 

หลังจากทําเสร็จแล้วนางจัดการตักใส่ชามและเดินตรงไปที่บ้านของหยุนเคอ

 

“เฉินเอ๋อกลับบ้านได้แล้ว รีบมากินอาหารเย็นแล้วรีบกลับบ้านตัวเอง เดี๋ยวหากพ่อเจ้าจับได้คงถูกทุบตีจนตาย”

 

หยุนเถียนเถียนตะโกนออกพร้อมกับผลักประตูอย่างแรง นางวางชามอาหารลงบนโต๊ะพร้อมกับจูงเด็กชายออกไป

 

นางไม่แม้แต่จะพูดคุยกับหยุนเคอแม้เพียงครึ่งคํา เขาได้แต่ตื่นตระหนกกับท่าทางรวดเร็วของนาง เมื่อเห็นอีกฝ่ายวางชามลงบนโต๊ะก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือส่วนของเขา

 

หยุนเคอไม่ชอบทําอาหารและไม่มีความคิดที่จะทําอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาอยากจะทําแต่ก็ไม่มีพรสวรรค์แม้แต่น้อย เขาจึงเอาเวลาทั้งหมดไปฝึกฝนร่างกายจนหมดสิ้น หลังจากลองชิมมันดูหนึ่งคํา… รสชาติที่ยอดเยี่ยมทําให้เขาถึงกับตกตะลึง

 

เช่นนี้เขาจึงไม่คิดเกรงใจอีกต่อไป ชายหนุ่มยกชามข้าวพร้อมเริ่มกินมันอย่างมูมมาม อาหารที่เด็กสาวคนนี้ทําช่างแตกต่างจากรสมือคนอื่นๆยิ่งนัก

 

เฉินเอ๋อรีบเร่งในขณะที่ฟ้ายังสว่าง เขากินข้าวเย็นอย่างรวดเร็วและแอบย่องกลับเข้าบ้านด้วยความระมัดระวัง

 

เด็กชายแอบเข้าบ้านจากประตูหลัง ส่วนเฉินผิงอันนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ไม่รับรู้เลยด้วยซ้ําว่าลูกชายที่ออกจากบ้านไปกลับมาแล้ว

 

ขณะนั้นหลินชวนฮวานอาหารออกมาวางตั้งไว้ที่ห้องโถงของบ้าน

 

แม้นางจะดีใจที่เฉินผิงอันไม่ให้เฉินเฉินกินข้าว แต่ต่อหน้าสามีแล้วนางต้องสวมบทบาทความเป็นแม่ให้แนบเนียน

 

“ข้าว่าลองใจเย็นสักนิดดีไหม… เฉินเอ๋อยังเยาว์นัก เรียกเขาออกมากินข้าวเถิด”

 

เฉินผิงอันตะหวาดกลับอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่! ข้าอยากจะรู้นักว่ามันจะดื้อรั้นไปได้อีกสักเท่าไหร่! วันๆไม่คิดจะทําสิ่งใดเพื่อครอบครัว หากต้องการเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างนั้น ก็ลองดู! อยากรู้เช่นกันว่าจะยอมอดข้าวไปได้สักกี่วัน!”

 

หลินชวนฮวาแสร้งถอนหายใจราวกับทําสิ่งใดไม่ได้ นางเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าห้องของเฉินเฉินแต่ไม่ได้มีความคิดจะเข้าไป ที่ต้องทําเช่นนี้เพราะว่าเดี๋ยวการแสดงละครนั้นจะไม่สมบูรณ์

 

“เฉินเอ๋อ.. ออกมาขอโทษพ่อเจ้าเร็วเข้า เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าดื้อรั้นนักเลย มิฉะนั้นเจ้าจะอดตายในเร็ววัน!”

 

ส่วนเฉินเฉินแอบซ่อนตัวอยู่ยังคงปิดปากเงียบ เป็นเพราะเขายังเด็กจึงไม่รู้ว่าควรตอบสิ่งใดกลับ

 

ในที่สุดหลินชวนฮวาก็รู้สึกว่าสมควรหยุดเล่นละครได้แล้ว นางจึงส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะกลับไปนั่งกินข้าวร่วมกับสามี ทั้งคู่กินข้าวและหยอกล้อกันราวกับลืมไปแล้วว่ามีลูกชายอีกหนึ่งคนอยู่ในบ้านด้วย

 

สุดท้ายแล้วการหลบหนีออกจากบ้านของเฉินเฉินไม่ได้ทําให้พวกเขาฉุกคิดอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

 

วันรุ่งขึ้นหลินชวนฮวาตระเตรียมอาหารเช้าพร้อมกับคิดจะเข้าไปหาชายคนนั้นที่รอนางอยู่ในเมืองด้วยใจเสน่หา แต่สภาพบ้านในวันนี้เต็มไปด้วยฝุ่น ลานบ้านสกปรก และเสื้อผ้ามากมายที่ยังไม่ได้ซัก

 

หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก นางจึงรู้สึกว่าเด็กชายเห็นแก่ตัวยิ่งที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง เหตุใดเขาจึงได้นอนสบายๆโดยไม่ต้องทําสิ่งใดเลย?

 

แววตาทอประกายวูบไหวหลังจากคิดอะไรบางอย่างได้ นางร้องเรียกเฉินผิงอันที่กําลังเดินมาด้วยน้ําเสียงออดอ้อน

 

“สามี… งานในบ้านนั้นมากมายเหลือเกิน ข้าว่าควรให้เฉินเอ๋อออกมาช่วยสักหน่อยน่าจะเบาแรงได้มาก”

 

เฉินผิงอันได้ฟังก็พลันโกรธลูกชายยิ่ง เขาเตะประตูห้องของเด็กชายอย่างรุน

แรงทําให้เฉินเฉินที่เพิ่งตื่นถึงกับตกใจจนร่วงหล่นจากเตียง

 

แต่เฉินผิงอันและหลินชวนฮวามิใช่คนเขลา พวกเขารู้ดีว่าเด็กคนนี้ไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แต่เหตุใดใบหน้ายังสดใสราวกับคนปกติทั่วไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+