จอมนักรบท้าโลก 806 เก็บอาการเก่ง

Now you are reading จอมนักรบท้าโลก Chapter 806 เก็บอาการเก่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ญาติและผู้อาวุโสเหล่านี้ยกย่องเชิดชูเจียงชื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่ความสามารถไปจนถึงลักษณะอุปนิสัย พวกเขาต่างยกย่องทุกอย่างเท่าที่จะยกย่องได้

ซึ่งก็ทำให้เจียงชื่อถึงกับทำตัวไม่ถูก เขาได้แต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ที่โต๊ะและแทบไม่กล้ามองหน้าใครอีกเลย

เจียงชื่อผู้ซึ่งเคยประสบกับลมพายุของชีวิต แต่สิ่งเดียวที่เป็นจุดอ่อนของเขาก็คือการอ่อนไหวต่อคำชมของญาติพี่น้องเหล่านี้ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากกว่าการทำร้ายเขา

ติงเมิ่งเหยนใช้ข้อศอกดันเจียงชื่อเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไม ยังรู้สึกอายด้วยเหรอ? มันดูไม่เหมือนคุณเลยนะ”

เจียงชื่อยักไหล่อย่างจนใจ และไม่รู้จะตอบอย่างไร

ติงเมิ่งเหยนยิ้มพูดต่อ “ปกติคุณไม่สนใจอะไรเลย ไม่ว่าใครจะทำร้ายคุณ จะด่าคุณ คุณไม่เคยใส่ใจพวกเขา แต่ทำไมวันนี้คุณถึงหน่วงไปเลยล่ะ? ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดถากถางของติงเมิ่งเหยน เจียงชื่อไม่อยากสนใจเธอ ได้แต่หลบสายตาอย่างเงียบๆ

และเมื่อติงเมิ่งเหยนเห็นพฤติกรรมเหมือนเด็กของเจียงชื่อ เธอก็หัวเราะคิกคักอย่างไม่หยุด ปกติแล้วเธอเป็นฝ่ายถูกเจียงชื่อ ‘รังแก’ มาตลอด วันนี้ถึงเวลาเธอเอาคืนสักที

แต่แน่นอนว่าคนที่มีความสุขที่สุดในค่ำคืนนี้ก็คือ ติงฉี่ซาน

เขาได้แต่นั่งอยู่บนที่นั่งขนาดใหญ่แล้วหันหน้าไปทางทิศใต้ของโต๊ะ บนตัวสวมเสื้อผ้าใหม่ และสีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

เมื่อดูจากภายนอกแล้ว เขาเคร่งขรึมมาก ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่จริงๆ แล้ว ในใจของเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะดีใจ เขาแทบจะอดไม่ได้ที่จะลึกขึ้นมาเต้น

แต่เขายังเลือกเก็บอาการ แล้วนั่งนิ่งอยู่กับที่

หลังจากอาหารเย็นเริ่มต้น ติงฉี่ซานก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจและพูดพร้อมกับแก้วไวน์ในมือว่า “เพื่อนๆ และมิตรสหายทั้งหลาย ขอบคุณที่ท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานวันเกิดของข้าพเจ้าในวันนี้”

“ที่จริงแล้ว ติงฉี่ซานคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เป็นแค่ตัวประกอบในสังคม แล้วจะมีปัญญาจัดงานใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“ตั้ง 100 โต๊ะเลยนะ ค่าใช้จ่ายแต่ละโต๊ะก็สองหมื่นหยวนขึ้นไป!”

“ผมติงฉี่ซานที่จนมาทั้งชีวิตก็ทนไม่ไหวกับสิ่งนี้ ผมบอกกับลูกเขยหลายครั้งแล้ว ว่าอย่าใช้เงินฟุ่มเฟือย มันก็แค่วันเกิด ทุกปีก็ต้องมี แล้วจะเสียเงินมากมายไปทำไม?”

“แต่ลูกเขยผมเป็นคนหัวดื้อหัวแข็งไปหน่อย แกไม่ยอมฟังผมเลย จะให้ผมจัดงานเลี้ยงนี้ให้ได้ แถมยังให้ผมจัดงานเลี้ยงในโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองอีกด้วย”

“ยังบอกว่าผมทำงานหนักมาทั้งชีวิต ตอนนี้ถึงเวลาใช้ความสุขแล้ว และยังบอกว่าถ้าผมไม่ยอมเชื่อฟัง อนาคตเขาจะไม่เลี้ยงดูผมอีก”

“เฮ้อ ผมก็จนปัญญาจริงๆ เถียงเขาไม่ไหว ได้แต่ยอมรับโดยดี”

“แต่ไหนๆ ทุกท่านก็มากันแล้ว ฉะนั้นทุกท่านไม่ต้องเกรงใจนะครับ ตามสบายเลยนะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดลูกเขยผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง!”

“มาครับ ผมขอหมดแก้วแด่ทุกๆ ท่านก่อนนะครับ”

จากนั้นติงฉี่ซานก็ดื่มไวน์ในแก้วหมดทันที

แม้สีหน้าจะดูเคร่งขรึมมาก แต่ในใจช่างมีความสุขเหลือเกิน

ที่อยู่ข้างๆ ได้แต่ส่ายหัวแล้วหันไปพูดกับลูกสาวว่า “เมิ่งเหยน เธอเห็นมั้ย? พ่อเธอแสดงละครเก่งแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่ตื่นเต้นขนาดนี้ หางไก่ก็แทบจะยกขึ้นแล้ว แต่ยังแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ติงเมิ่งเหยนหัวเราะคิกคัก “หนูก็ครั้งแรกเหมือนกันที่เห็นพ่อเป็นแบบนี้ เก็บอาการเก่งจริงๆ วันนี้เขาคงปลาบปลื้มใจแล้วไปอวดเพื่อนร่วมงานได้อีกหลายวันเลยล่ะ”

“ก็นั่นน่ะสิ!”

ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหาร คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา ซึ่งผู้นำก็คือติงเฟิงเฉิง

“อาสามครับ ขออภัยที่มาช้านะครับ พอทีที่บริษัทงานยุ่งหน่อยครับ”

“ไม่เป็นไรๆ งานสำคัญกว่า อาเข้าใจ เร็วเข้าๆ รีบนั่งลง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมนักรบท้าโลก 806 เก็บอาการเก่ง

Now you are reading จอมนักรบท้าโลก Chapter 806 เก็บอาการเก่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ญาติและผู้อาวุโสเหล่านี้ยกย่องเชิดชูเจียงชื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า ตั้งแต่ความสามารถไปจนถึงลักษณะอุปนิสัย พวกเขาต่างยกย่องทุกอย่างเท่าที่จะยกย่องได้

ซึ่งก็ทำให้เจียงชื่อถึงกับทำตัวไม่ถูก เขาได้แต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ที่โต๊ะและแทบไม่กล้ามองหน้าใครอีกเลย

เจียงชื่อผู้ซึ่งเคยประสบกับลมพายุของชีวิต แต่สิ่งเดียวที่เป็นจุดอ่อนของเขาก็คือการอ่อนไหวต่อคำชมของญาติพี่น้องเหล่านี้ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดมากกว่าการทำร้ายเขา

ติงเมิ่งเหยนใช้ข้อศอกดันเจียงชื่อเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไม ยังรู้สึกอายด้วยเหรอ? มันดูไม่เหมือนคุณเลยนะ”

เจียงชื่อยักไหล่อย่างจนใจ และไม่รู้จะตอบอย่างไร

ติงเมิ่งเหยนยิ้มพูดต่อ “ปกติคุณไม่สนใจอะไรเลย ไม่ว่าใครจะทำร้ายคุณ จะด่าคุณ คุณไม่เคยใส่ใจพวกเขา แต่ทำไมวันนี้คุณถึงหน่วงไปเลยล่ะ? ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดถากถางของติงเมิ่งเหยน เจียงชื่อไม่อยากสนใจเธอ ได้แต่หลบสายตาอย่างเงียบๆ

และเมื่อติงเมิ่งเหยนเห็นพฤติกรรมเหมือนเด็กของเจียงชื่อ เธอก็หัวเราะคิกคักอย่างไม่หยุด ปกติแล้วเธอเป็นฝ่ายถูกเจียงชื่อ ‘รังแก’ มาตลอด วันนี้ถึงเวลาเธอเอาคืนสักที

แต่แน่นอนว่าคนที่มีความสุขที่สุดในค่ำคืนนี้ก็คือ ติงฉี่ซาน

เขาได้แต่นั่งอยู่บนที่นั่งขนาดใหญ่แล้วหันหน้าไปทางทิศใต้ของโต๊ะ บนตัวสวมเสื้อผ้าใหม่ และสีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

เมื่อดูจากภายนอกแล้ว เขาเคร่งขรึมมาก ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่จริงๆ แล้ว ในใจของเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะดีใจ เขาแทบจะอดไม่ได้ที่จะลึกขึ้นมาเต้น

แต่เขายังเลือกเก็บอาการ แล้วนั่งนิ่งอยู่กับที่

หลังจากอาหารเย็นเริ่มต้น ติงฉี่ซานก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจและพูดพร้อมกับแก้วไวน์ในมือว่า “เพื่อนๆ และมิตรสหายทั้งหลาย ขอบคุณที่ท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานวันเกิดของข้าพเจ้าในวันนี้”

“ที่จริงแล้ว ติงฉี่ซานคนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เป็นแค่ตัวประกอบในสังคม แล้วจะมีปัญญาจัดงานใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร?”

“ตั้ง 100 โต๊ะเลยนะ ค่าใช้จ่ายแต่ละโต๊ะก็สองหมื่นหยวนขึ้นไป!”

“ผมติงฉี่ซานที่จนมาทั้งชีวิตก็ทนไม่ไหวกับสิ่งนี้ ผมบอกกับลูกเขยหลายครั้งแล้ว ว่าอย่าใช้เงินฟุ่มเฟือย มันก็แค่วันเกิด ทุกปีก็ต้องมี แล้วจะเสียเงินมากมายไปทำไม?”

“แต่ลูกเขยผมเป็นคนหัวดื้อหัวแข็งไปหน่อย แกไม่ยอมฟังผมเลย จะให้ผมจัดงานเลี้ยงนี้ให้ได้ แถมยังให้ผมจัดงานเลี้ยงในโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองอีกด้วย”

“ยังบอกว่าผมทำงานหนักมาทั้งชีวิต ตอนนี้ถึงเวลาใช้ความสุขแล้ว และยังบอกว่าถ้าผมไม่ยอมเชื่อฟัง อนาคตเขาจะไม่เลี้ยงดูผมอีก”

“เฮ้อ ผมก็จนปัญญาจริงๆ เถียงเขาไม่ไหว ได้แต่ยอมรับโดยดี”

“แต่ไหนๆ ทุกท่านก็มากันแล้ว ฉะนั้นทุกท่านไม่ต้องเกรงใจนะครับ ตามสบายเลยนะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดลูกเขยผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง!”

“มาครับ ผมขอหมดแก้วแด่ทุกๆ ท่านก่อนนะครับ”

จากนั้นติงฉี่ซานก็ดื่มไวน์ในแก้วหมดทันที

แม้สีหน้าจะดูเคร่งขรึมมาก แต่ในใจช่างมีความสุขเหลือเกิน

ที่อยู่ข้างๆ ได้แต่ส่ายหัวแล้วหันไปพูดกับลูกสาวว่า “เมิ่งเหยน เธอเห็นมั้ย? พ่อเธอแสดงละครเก่งแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่ตื่นเต้นขนาดนี้ หางไก่ก็แทบจะยกขึ้นแล้ว แต่ยังแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ติงเมิ่งเหยนหัวเราะคิกคัก “หนูก็ครั้งแรกเหมือนกันที่เห็นพ่อเป็นแบบนี้ เก็บอาการเก่งจริงๆ วันนี้เขาคงปลาบปลื้มใจแล้วไปอวดเพื่อนร่วมงานได้อีกหลายวันเลยล่ะ”

“ก็นั่นน่ะสิ!”

ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหาร คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา ซึ่งผู้นำก็คือติงเฟิงเฉิง

“อาสามครับ ขออภัยที่มาช้านะครับ พอทีที่บริษัทงานยุ่งหน่อยครับ”

“ไม่เป็นไรๆ งานสำคัญกว่า อาเข้าใจ เร็วเข้าๆ รีบนั่งลง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+