Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 384 โลงศพปราชญ์
ตอนที่ 384 โลงศพปราชญ์
สมุนไพรวิญญาณจําพวกนี้หายากเป็นอย่างยิ่ง มันหายากยิ่งกว่าสมุนไพรวิญญาณสําหรับเพิ่มการบ่มเพาะพลังหรือบํารุงและโลหิตมิฉะนั้น, ป่ายหลี่ซีคงไม่มีช่วงเวลายากลําบากเช่นนี้ในการตามหาสมุนไพร
ในตอนที่เซี่ยวเฉินสํารวจด้วยสัมผัสวิญญาณของเขามีสมุนไพรประเภทนี้เพียงหกต้นที่มีอายุมากกว่าหาร้อยปี
นอกจากนั้น พวกมันยังอยู่ค่อนข้างห่างกัน เซี่ยวเฉินใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงในการเก็บเกี่ยวพวกมันทั้งหมด
นี่เป็นต้นสุดท้ายแล้ว มีบางคนบนมันเข้าก่อนเซียวเฉินต่อสู้กับคนผู้นี้และไล่เขาถอยหนีออกไปก่อนที่เขาจะได้มันมาอยู่ในมือ
เซียวเฉินโยนบปผาโลหิตแดงเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาลของเขา เขาเผยรอยยิมพึงพอใจ,สําเร็จ!
เซียวเฉินสามารถเก็บสมุนไพรที่เขาต้องการเร่งด่วนได้ทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น,เขายังเก็บสมุนไพรวิญญาณอมตะได้ในระหว่างทาง ผลการเก็บเกี่ยวของคนอื่นไม่อาจเทียบกับเขาได้
เซี่ยวเฉินใช้เวลาที่เหลือไปกับการมองหาสมุนไพรวิญญาณที่มีมูลค่าสูงเพื่อนําไปแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณไม่มีความจําเป็นที่เขาต้องเร่งรีบแล้ว
“มือกระบี่ชุดขาวเซี่ยวเฉิน,ดูเหมือนว่าเจ้าจะเก็บเกี่ยวได้เยอะนะ!”
เสียงไพเราะคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของเซี่ยวเฉิน เขาหันกลับไปและพบกับเยว่เฉินซี
ในสวนแห่งนี้,ในที่ที่มีพืชพันธุ์เรียงรายทุกระเบียดนิ้ว,และกลิ่นหอมยาที่ฟังออกมา ยิ่งขับความงามของเยว่เฉินซีคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะต้องเหลียวมามองที่นางสองสามครั้ง
จินอูจี่ยืนอยู่ด้านข้างของนางมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา,เห็นชัดว่าเขาได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาเห็นเซียวเฉิน,ฉีฆ่าฟันที่ยากจะสังเกตเห็นวูบไหวในดวงตาของเขา
เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวขึ้น “ก็ไม่เลว แล้วเจ้าเป็นเช่นไร?”
เยว่เฉินซีเล่นกับผมสีดําขลับของนางและส่ายหัว “ข้าโชคไม่ดีอย่างเจ้า ข้าไม่เจอสิ่งที่กําลังตามหา อย่างไรก็ตาม,ข้าได้สมุนไพรวิญญาณสําหรับเพิ่มการบ่มเพาะพลังมาบ้าง”
ในตอนนั้นเอง, ที่สุดทางของสวนสมุนไพร, มีเสียงร้องดังสะท้อนไปทั่ว ผู้คนรีบไปรวมตัวกันที่ตรงนั้น
เซียวเฉินมองไปอย่างสมสัย เขาพบว่าที่ที่ฝูงชนไปรวมตัวกันคือด้านนอกของสวนสมุนไพรเซี่ยวเฉินไม่ได้ตรวจสอบที่ตรงนั้นด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาเมื่อครู่นี้ ดังนั้นเจาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่
สีหน้าของจินอุจเปลี่ยน,และเขากล่าวขึ้น “ไปดูกันเถอะ!”
เซี่ยวเฉินและเยว่เฉินซีตามจินอไป ในตอนที่พวกเขามาถึง,เซี่ยวเฉินพบว่ามันมีสวนสมุนไพรเล็กอีกแห่งหนึ่งที่สุดทางของสวนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสมุนไพรล้ําค่าในสวนสมุนไพรเล็กแห่งนี้ กลับกัน,มันมีดอกไม้สีน้ําตาลไหม้อยู่
โลงศพปราชญ์ที่ทําขึ้นมาจากหยกขาวตั้งอยู่ตรงกลางของสวนเล็กแห่งนี้มันดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
“โลงศพปราชญ์! มันเป็นโลงศพปราชญ์จริงๆ! มันทํามาจากหยกสีทองค่าขาวทั้งโลง มีเพียงขอบเขตปราชญ์ยุทธที่จะหลับไหลอยู่ในโลงนี้!”
“พวกเรารวยแล้ว! ของที่ฝังไปพร้อมกับปราชญ์ล้วนแต่มีค่าอย่างยิ่ง!”
หากนี่เป็นปราชญ์ยุทธที่กําลังจะทะลวงสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ,ครึ่งก้าวจักรพรรดิยุทธ,หลังจากผ่านไปพันปี มันอาจจะกลายเป็นสมบัติปราชญ์,ทําให้การบ่มเพาะพลังเพิ่มขึ้นสองเท่า!”
ตามตํานาน,หากมีผู้บ่มเพาะพลังขึ้นไปถึงครึ่งก้าวจักรพรรดิยุทธก่อนที่จะตกตายลง,ศพของพวกเขาจะไม่เน่าเปื่อยเป็นเวลาพันปี
หากเต่ําของศพถูกเก็บเอาไว้อย่างถูกต้อง,การบ่มเพาะพลังและประสบการณ์แห่งปราชญ์จะควบแน่นกลายเป็นสมบัติมหาปราชญ่อยู่ภายในร่างศพ
ส่วนสําหรับผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิยุทธ,ไม่จําเป็นที่จําต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้น ในตอนที่พวกเขาตกตายลง,พวกเขาจะทิ้งสมบัติปราชญ์เอาไว้อย่างแน่นอนนอกจากนั้น มันจะเป็นสมบัติจักรพรรดิที่ระดับสูงกว่า
ผู้บ่มเพาะพลังกว่าสองร้อยคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดเผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกับอุทานขึ้น
ชายชุดดําหน้าแผลเป็นที่อยู่ในฝูงชนก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาเช่นกัน เขากล่าวด้วยน้ําเสียงที่พอได้ยิน “ข่าวเป็นความจริง มีร่างศพของปราชญ์ยุทธอยู่ที่นี่ ท่านผู้นํานิกายจะต้องยินดีกับเรื่องนี้”
เซี่ยวเฉินยังคงนิ่งเงียบและเผยสีหน้าครุ่นคิด เขาตรวจดูรายละเอียดและรูปทรงของสาวนสมุนไพรเล็กแห่งนี้
ในไม่ช้าเขาก็พบบางอย่างน่าสนใจ ที่ขอบของสวนสมุนไพรใหญ่มีรอยเวาเยื้องลึก
สวนสมุนไพรเล็กก็อยู่ในรอยเว้าตรงนี้ พลังงานจิตวิญญาณของสวนสมุนไพรใหญ่ไหลเข้าสู่ส่วนเล็กแห่งนี้
มีเพียงเหตุผลเดียวสําหรับเรื่องนี้ และมันเป็นเพราะเพื่อบํารุงเต๋าและถนอมสมบัติปราชญ์มันจะต้องมีสมบัติปราชญ์อยู่ภายในร่างศพปราชญ์ยุทธอย่างแน่นอน
เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,บรรพบุรุษผู้นี้พยายามอย่างมากเพื่อทิ้งสมบัติเอาไว้ให้ลูกหลานของเขา
หลังจากที่ทายาทของบรรพบุรุษผู้นี้ได้แผนที่สมบัติไป,พวกเขาสามารถเข้ามายังเกาะแห่งนี้ เพื่อบ่มเพาะพลังหรือรับเอาสมบัติไปได้ในทุกๆสามปี นี่เป็นการรับรองความแข็งแกร่งของสานศิษย์ของตระกูล,ส่งต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีขาดสาย
สัตว์อสูรปีศาจและรุ่นรบที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้เฝ้าสมบัติก็เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของสานุศิษย์ตระกูล นี่เป็นการบังคับไม่ให้พวกเขาหย่อนยาน เพื่อที่จะได้รับสมบัติมา,พวกเขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอ
หากตระกูลไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ,พวกเขาจะต้องรอสานุศิษย์ผู้มีพรสวรรค์รุ่นต่อไปเพื่อที่จะเข้ามาเอาสมบัติสร้างระบบการทดสอบขึ้นมา
นี่ทําให้ความรุ่งเรื่องของตระกูลไม่สิ้นสุดลง หลังจากผ่านไปหนึ่งพันปี,หลังจากที่ตระกูลได้รับสมบัติปราชญ์จากร่างของบรรพบุรุษ,ตระกูลจะสามารถเรืองอํานาจขึ้น
อย่างไรก็ตาม,บรรพบุรุษครึ่งก้าวจักรพรรดิผู้นั้นคงไม่คาดคิดว่าเหล่าทายาทของเขาจะได้ประโยชน์ถึงเพียงนี้
ไม่นานหลังจากบรรพบุรุษผู้นั้นตกตายลง,ทายาททั้งหมดของเขาถูดเข่นฆ่า,และแผนที่สมบัติกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งหญ้ามารอสูร
ขณะที่เซี่ยวเฉันคิดได้ดังนี้ ผู้บ่มเพาะพลังประมาณสองร้อยคน,รวมถึงจินอุจ,เร่งรีบตรงไปที่สวนสมุนไพรเล็ก
เยว่เฉินซีเหลียวมองไปยังเซี่ยวเฉินที่ไม่ขยับเขยื้อน นางถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “มือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน,เจ้าไม่สนใจในสมบัติปราชญ่หรือ? ถึงแม้ว่าเจ้าอาจจะไม่ได้สมบัติปราชญ์มา,เจ้าไม่น่าจะมีปัญหาที่จะฉกฉวยของที่ถูกฝังมาสักสองสามชิ้น”
เซี่ยวเฉอนยิ้มเบาๆและไม่ได้กล่าวอะไร เขาจดจ่อสายตาของเขาไปที่มือกระบี่ชุดสีดําที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรคนผู้นี้ก็ไม่ได้ตรงเข้าไปเช่นกัน
หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินก็ชี้ไปที่ฝูงชน,มีขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอยู่ตรงหน้าสองสามคนสิ่งที่เขาหมายถึงชัดเจน
มันไม่ใช่ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่สนใจ กลับเป็นเขาที่ไม่มีโอกาส แม้ว่าเขาจะดึงดันเข้าไปท่มกลางฝูงชนพยายามจะฉกฉวยส่วนแบ่ง มันก็ไม่มีประโยชน์
มีขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอีกหกคนอยู่ในสวนแห่งนี้ พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันพร้อมกับยิ้มขึ้นเป็นนัย
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เส้นกระบี่และดาบอันแข็งแกร่งพลันขยายออกมาจากอาวุธของทั้งหก,โจมตีไปที่ผู้บ่มเพาะพลังคนอื่น
อาวุธฉีดเข้าที่ร่างของพวกเขาก่อนที่พวกเขาตะทันได้ตอบสนอง พวกที่มีการป้องกันแข็งแกร่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้
สําหรับพวกที่มีพลังป้องกันอ่อน,พวกเขาถูกสับตัวขาดครึ่งในทันท,ตกตายลงศพไม่ครบสมบูรณ์
เหล่าขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดใช้พลังเต็มกําลังในอตนที่พวกเขาโจมตีออกมา,บวกกับพลังปราณที่พลุ่งพล่านและสภาวะที่แข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาไม่เทียมทาน
เมื่อขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดร่วมมือกัน,พวกเขาสังหารผู้คนไปกว่าเจ็ดสิบคนในช่วงอึดใจ อีกหลายคนที่บาดเจ็บสาหัส,สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปโดยสมบูรณ์
มีหลายคนที่บาดแผลฉกรรจ์ ในเมื่อทั้งหกคนไม่มีใครออมพลัง,ก็ไม่มีผู้บ่มเพาะพลังคนไหนที่จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง,มือกระบโลหิตเป็นคนแรกที่หยุดมือลง เขากล่าวด้วยเสียงล็ก “มหาสมบัติของครึ่งก้าวขอบเขตจักรพรรดิยุทธเป็นไม่สิ่งที่คู่ควรกับพวกเจ้าคนไหน กลับไปหาสมุนไพรวิญญาณที่สวนซะ”
มือสังหารพันศพ,หวังเหอ,ก็หยุดมือลงเช่นกัน เขาค่อยปาดเลือดออกจากมือของเขา เขากล่าวอย่างชั่วร้าย “หากมีใครไม่พอใจ,พวกเจ้าสามารถลองท้าทายกับข้า”
ขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอีกสี่คนก็หยุดมือลง ทั้งหกปลดปล่อยฉีฆ่าฟันอันพลุ่งพล่านของพวกเขาออกมาในตอนที่พวกมันหลอมรวมกัน,มันก่อเกิดเป็นมหาสมุทรกดลงบนฝูงชน
ผู้บ่มเพาะพลังที่เหลือดรอดชีวิตหวาดกลัวถึงขีดสุด
เดิมที่,ด้วยความแข็งแกร่งของคนทั้งสองร้อย,พวกเขาสามารถต่อสู้กับทั้งหกคน
แต่อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครคาดคิดว่าขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุดเหล่านี้จะรู้กันและลงมือทําลายคู่แข่งของพวกเขา
ขณะที่ฝูงชนไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งหกคนได้สังหารพวกเขาบาดเจ็บล้มตายไปนับร้อย สําหรับผู้บ่มเพาะพลังที่เหลืออยู่ แม้ว่าพวกเขาอยากที่จะสู้,พวกเขาก็ไม่สามารถรวมกําลังกันไปอีกต่อไป
สถานการณ์ที่เปลี่ยนอย่างฉับพลันทําให้เยว่เฉินซีตกตะลึง
ในตอนที่เยว่เฉินซีมองไปที่เซี่ยวเฉิน, นางเห็นว่าเซี่ยวเฉินมีสีหน้านิ่งสงบราวกับเขารู้อยู่ก่อน แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นความรู้สึกที่หยั่งไม่ถึงเกิดขึ้น
“เจ้ารู้ว่ามันจะเกิดขึ้น?” เยว่เฉันอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
เซี่ยวเฉินพยักหน้า เขากล่าวขึ้นเบาๆ “หลักการง่ายๆ ข้าเดาได้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาร่วมมือกัน ไม่ให้ผู้บ่มเพาะพลังคนใดเข้ามาในสวนแห่งนี้ก่อนพวกเขา”
พวกเขาไม่ได้ทําการฆ่าล้างในสวนสมุนไพรก็เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีสมบัติใดที่คุ้มค่าพอ นอกจากนั้น,สวนสมุนไพรแห่งนี้ยังกว้างขวาง,มันมีเหลือเฟือที่จะแบ่งกัน
ตอนนี้สมบัติปราชญ์ได้ปรากฏขึ้น,เห็นชัดว่าแบ่งกันหกคนก็แทบจะไม่พอ ทําไมพวกเขาถึงอยากจแบ่งให้กับผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นอีก
เยส่เฉินซีถามต่อ “เช่นนั้นแล้วทําไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่? เป็นไปได้ว่ายังมีโอกาสอยู่อีก?”
เซี่ยวเฉินไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่มองไปยังชายชุดดําที่อยู่ไกลออกไปหนึ่งร้อยเมตร
“ข้าจะนับถึงสิบ ข้าหวังว่าจะไม่มีคนที่เจ็ดอยู่ตรงนี้ มิฉะนั้น,ทุกคนตาย!” ขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างไรอารมณ์
ขอบเขตกษัตริย์ยทธคนหนึ่งกล่าวขึ้น “นี่มันข่มเหงกัน! ทําไมเจ้าเผด็จการเพียงนี้?!”
ความโกรธเติมเต็มจนอจ,ที่มองดูอยู่ท่ามกลางฝูงชน อย่างไรก็ตาม,เขาจ้องไปที่ผมสีดําที่อยู่ในมือของเขา
ก่อนหน้านี,จินอจี้เข้าใกล้เกินไปและถูกมือกระบโลหิตซุนกวงฉวนหมายหัว เดิมที่,ซุนกวงฉวนสามารถสังหารเขาได้,แต่ในตอนที่เขาเห็นใบหน้าของจีนอจี้,เขาเฉือนโดนเพียงเส้นผมจินอูจี้รู้ว่า อีกฝ่ายเห็นแก่นกายของเขา หากเขาเป็นคนอื่น,พวกเขาคงไม่สนใจแม้แต่น้อย
“หนึ่ง,สอง ,สาม…เจ็ด,แปด…”
ในตอนที่ขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุดคนนั้นกําลังนับ พวกเขารู้สึกไม่พึงพอใจ,แต่อย่างไรก็ตาม,ในตอนที่พวกเขามองดูกองซากศพนองเลือดมากมาย,พวกเขาทําได้เพียงออกจากสวนสมุนไพรเล็กไปอย่างช่วยไม่ได้ในตอนที่นับมาถึงแปด,ทุกคนก็ออกไป
“ขอบเขตกษัตริย์ยุทธผู้นี้หยุดนับลงในทันที เขาเผยรอยยิ้มพึงพอใจ เขากล่าว”ดี แม้ว่าจะมีมหาสมบัติอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีค่าหากเจ้าต้องตายเพื่อมัน”
“บูม!”
ขณะที่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดคนนั้นกําลังจะกล่าวจบ,ชายชุดดําที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ได้เข้าไปถึงด้านข้างของโลงศพปราชญ์แล้ว เขาซัดฝ่ามือไปที่ฝาโลง,ทําให้มันบินขึ้นไป
“ฟุ่ ฟิ่ว! ฟุ่ฟิ่ว!”
ฝาโลงศพที่ทํามาจากหยกทองค่าขาวหมุนไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นพายุหมุน
เสียงพายุหมุนโหมร้องเสียงคําครามของพยัคฆ์และหมาป่าดังสะท้อนมรจากภายใน ฝุ่นควันฟังไปทั่วทุกที่เติมเต็มไปในอากาศสภาพอากาศภายในสวนสมุนไพรเล็กแปลเปลี่ยน
ฝาโลงศพแบกพลังสายลม,ฝุ่นควันและแรงเหนี่ยวนําที่พลุ่งพล่านรุนแรงพร้อมกับตรงไปที่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั้งหกคน
Comments
Immortal and Martial Dual Cultivationบทที่ 384 โลงศพปราชญ์
ตอนที่ 384 โลงศพปราชญ์
สมุนไพรวิญญาณจําพวกนี้หายากเป็นอย่างยิ่ง มันหายากยิ่งกว่าสมุนไพรวิญญาณสําหรับเพิ่มการบ่มเพาะพลังหรือบํารุงและโลหิตมิฉะนั้น, ป่ายหลี่ซีคงไม่มีช่วงเวลายากลําบากเช่นนี้ในการตามหาสมุนไพร
ในตอนที่เซี่ยวเฉินสํารวจด้วยสัมผัสวิญญาณของเขามีสมุนไพรประเภทนี้เพียงหกต้นที่มีอายุมากกว่าหาร้อยปี
นอกจากนั้น พวกมันยังอยู่ค่อนข้างห่างกัน เซี่ยวเฉินใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงในการเก็บเกี่ยวพวกมันทั้งหมด
นี่เป็นต้นสุดท้ายแล้ว มีบางคนบนมันเข้าก่อนเซียวเฉินต่อสู้กับคนผู้นี้และไล่เขาถอยหนีออกไปก่อนที่เขาจะได้มันมาอยู่ในมือ
เซียวเฉินโยนบปผาโลหิตแดงเข้าไปในแหวนห้วงจักรวาลของเขา เขาเผยรอยยิมพึงพอใจ,สําเร็จ!
เซียวเฉินสามารถเก็บสมุนไพรที่เขาต้องการเร่งด่วนได้ทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น,เขายังเก็บสมุนไพรวิญญาณอมตะได้ในระหว่างทาง ผลการเก็บเกี่ยวของคนอื่นไม่อาจเทียบกับเขาได้
เซี่ยวเฉินใช้เวลาที่เหลือไปกับการมองหาสมุนไพรวิญญาณที่มีมูลค่าสูงเพื่อนําไปแลกเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณไม่มีความจําเป็นที่เขาต้องเร่งรีบแล้ว
“มือกระบี่ชุดขาวเซี่ยวเฉิน,ดูเหมือนว่าเจ้าจะเก็บเกี่ยวได้เยอะนะ!”
เสียงไพเราะคุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลังของเซี่ยวเฉิน เขาหันกลับไปและพบกับเยว่เฉินซี
ในสวนแห่งนี้,ในที่ที่มีพืชพันธุ์เรียงรายทุกระเบียดนิ้ว,และกลิ่นหอมยาที่ฟังออกมา ยิ่งขับความงามของเยว่เฉินซีคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะต้องเหลียวมามองที่นางสองสามครั้ง
จินอูจี่ยืนอยู่ด้านข้างของนางมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา,เห็นชัดว่าเขาได้สิ่งที่ต้องการมาแล้ว อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาเห็นเซียวเฉิน,ฉีฆ่าฟันที่ยากจะสังเกตเห็นวูบไหวในดวงตาของเขา
เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวขึ้น “ก็ไม่เลว แล้วเจ้าเป็นเช่นไร?”
เยว่เฉินซีเล่นกับผมสีดําขลับของนางและส่ายหัว “ข้าโชคไม่ดีอย่างเจ้า ข้าไม่เจอสิ่งที่กําลังตามหา อย่างไรก็ตาม,ข้าได้สมุนไพรวิญญาณสําหรับเพิ่มการบ่มเพาะพลังมาบ้าง”
ในตอนนั้นเอง, ที่สุดทางของสวนสมุนไพร, มีเสียงร้องดังสะท้อนไปทั่ว ผู้คนรีบไปรวมตัวกันที่ตรงนั้น
เซียวเฉินมองไปอย่างสมสัย เขาพบว่าที่ที่ฝูงชนไปรวมตัวกันคือด้านนอกของสวนสมุนไพรเซี่ยวเฉินไม่ได้ตรวจสอบที่ตรงนั้นด้วยสัมผัสวิญญาณของเขาเมื่อครู่นี้ ดังนั้นเจาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่
สีหน้าของจินอุจเปลี่ยน,และเขากล่าวขึ้น “ไปดูกันเถอะ!”
เซี่ยวเฉินและเยว่เฉินซีตามจินอไป ในตอนที่พวกเขามาถึง,เซี่ยวเฉินพบว่ามันมีสวนสมุนไพรเล็กอีกแห่งหนึ่งที่สุดทางของสวนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ไม่มีสมุนไพรล้ําค่าในสวนสมุนไพรเล็กแห่งนี้ กลับกัน,มันมีดอกไม้สีน้ําตาลไหม้อยู่
โลงศพปราชญ์ที่ทําขึ้นมาจากหยกขาวตั้งอยู่ตรงกลางของสวนเล็กแห่งนี้มันดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
“โลงศพปราชญ์! มันเป็นโลงศพปราชญ์จริงๆ! มันทํามาจากหยกสีทองค่าขาวทั้งโลง มีเพียงขอบเขตปราชญ์ยุทธที่จะหลับไหลอยู่ในโลงนี้!”
“พวกเรารวยแล้ว! ของที่ฝังไปพร้อมกับปราชญ์ล้วนแต่มีค่าอย่างยิ่ง!”
หากนี่เป็นปราชญ์ยุทธที่กําลังจะทะลวงสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ,ครึ่งก้าวจักรพรรดิยุทธ,หลังจากผ่านไปพันปี มันอาจจะกลายเป็นสมบัติปราชญ์,ทําให้การบ่มเพาะพลังเพิ่มขึ้นสองเท่า!”
ตามตํานาน,หากมีผู้บ่มเพาะพลังขึ้นไปถึงครึ่งก้าวจักรพรรดิยุทธก่อนที่จะตกตายลง,ศพของพวกเขาจะไม่เน่าเปื่อยเป็นเวลาพันปี
หากเต่ําของศพถูกเก็บเอาไว้อย่างถูกต้อง,การบ่มเพาะพลังและประสบการณ์แห่งปราชญ์จะควบแน่นกลายเป็นสมบัติมหาปราชญ่อยู่ภายในร่างศพ
ส่วนสําหรับผู้เชี่ยวชาญระดับจักรพรรดิยุทธ,ไม่จําเป็นที่จําต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้น ในตอนที่พวกเขาตกตายลง,พวกเขาจะทิ้งสมบัติปราชญ์เอาไว้อย่างแน่นอนนอกจากนั้น มันจะเป็นสมบัติจักรพรรดิที่ระดับสูงกว่า
ผู้บ่มเพาะพลังกว่าสองร้อยคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดเผยสีหน้าตกตะลึงพร้อมกับอุทานขึ้น
ชายชุดดําหน้าแผลเป็นที่อยู่ในฝูงชนก็เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาเช่นกัน เขากล่าวด้วยน้ําเสียงที่พอได้ยิน “ข่าวเป็นความจริง มีร่างศพของปราชญ์ยุทธอยู่ที่นี่ ท่านผู้นํานิกายจะต้องยินดีกับเรื่องนี้”
เซี่ยวเฉินยังคงนิ่งเงียบและเผยสีหน้าครุ่นคิด เขาตรวจดูรายละเอียดและรูปทรงของสาวนสมุนไพรเล็กแห่งนี้
ในไม่ช้าเขาก็พบบางอย่างน่าสนใจ ที่ขอบของสวนสมุนไพรใหญ่มีรอยเวาเยื้องลึก
สวนสมุนไพรเล็กก็อยู่ในรอยเว้าตรงนี้ พลังงานจิตวิญญาณของสวนสมุนไพรใหญ่ไหลเข้าสู่ส่วนเล็กแห่งนี้
มีเพียงเหตุผลเดียวสําหรับเรื่องนี้ และมันเป็นเพราะเพื่อบํารุงเต๋าและถนอมสมบัติปราชญ์มันจะต้องมีสมบัติปราชญ์อยู่ภายในร่างศพปราชญ์ยุทธอย่างแน่นอน
เซียวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง,บรรพบุรุษผู้นี้พยายามอย่างมากเพื่อทิ้งสมบัติเอาไว้ให้ลูกหลานของเขา
หลังจากที่ทายาทของบรรพบุรุษผู้นี้ได้แผนที่สมบัติไป,พวกเขาสามารถเข้ามายังเกาะแห่งนี้ เพื่อบ่มเพาะพลังหรือรับเอาสมบัติไปได้ในทุกๆสามปี นี่เป็นการรับรองความแข็งแกร่งของสานศิษย์ของตระกูล,ส่งต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีขาดสาย
สัตว์อสูรปีศาจและรุ่นรบที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้เฝ้าสมบัติก็เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของสานุศิษย์ตระกูล นี่เป็นการบังคับไม่ให้พวกเขาหย่อนยาน เพื่อที่จะได้รับสมบัติมา,พวกเขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอ
หากตระกูลไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ,พวกเขาจะต้องรอสานุศิษย์ผู้มีพรสวรรค์รุ่นต่อไปเพื่อที่จะเข้ามาเอาสมบัติสร้างระบบการทดสอบขึ้นมา
นี่ทําให้ความรุ่งเรื่องของตระกูลไม่สิ้นสุดลง หลังจากผ่านไปหนึ่งพันปี,หลังจากที่ตระกูลได้รับสมบัติปราชญ์จากร่างของบรรพบุรุษ,ตระกูลจะสามารถเรืองอํานาจขึ้น
อย่างไรก็ตาม,บรรพบุรุษครึ่งก้าวจักรพรรดิผู้นั้นคงไม่คาดคิดว่าเหล่าทายาทของเขาจะได้ประโยชน์ถึงเพียงนี้
ไม่นานหลังจากบรรพบุรุษผู้นั้นตกตายลง,ทายาททั้งหมดของเขาถูดเข่นฆ่า,และแผนที่สมบัติกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งหญ้ามารอสูร
ขณะที่เซี่ยวเฉันคิดได้ดังนี้ ผู้บ่มเพาะพลังประมาณสองร้อยคน,รวมถึงจินอุจ,เร่งรีบตรงไปที่สวนสมุนไพรเล็ก
เยว่เฉินซีเหลียวมองไปยังเซี่ยวเฉินที่ไม่ขยับเขยื้อน นางถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “มือกระบี่ชุดขาว,เซี่ยวเฉิน,เจ้าไม่สนใจในสมบัติปราชญ่หรือ? ถึงแม้ว่าเจ้าอาจจะไม่ได้สมบัติปราชญ์มา,เจ้าไม่น่าจะมีปัญหาที่จะฉกฉวยของที่ถูกฝังมาสักสองสามชิ้น”
เซี่ยวเฉอนยิ้มเบาๆและไม่ได้กล่าวอะไร เขาจดจ่อสายตาของเขาไปที่มือกระบี่ชุดสีดําที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรคนผู้นี้ก็ไม่ได้ตรงเข้าไปเช่นกัน
หลังจากนั้น,เซี่ยวเฉินก็ชี้ไปที่ฝูงชน,มีขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอยู่ตรงหน้าสองสามคนสิ่งที่เขาหมายถึงชัดเจน
มันไม่ใช่ว่าเซี่ยวเฉินจะไม่สนใจ กลับเป็นเขาที่ไม่มีโอกาส แม้ว่าเขาจะดึงดันเข้าไปท่มกลางฝูงชนพยายามจะฉกฉวยส่วนแบ่ง มันก็ไม่มีประโยชน์
มีขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอีกหกคนอยู่ในสวนแห่งนี้ พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันพร้อมกับยิ้มขึ้นเป็นนัย
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เส้นกระบี่และดาบอันแข็งแกร่งพลันขยายออกมาจากอาวุธของทั้งหก,โจมตีไปที่ผู้บ่มเพาะพลังคนอื่น
อาวุธฉีดเข้าที่ร่างของพวกเขาก่อนที่พวกเขาตะทันได้ตอบสนอง พวกที่มีการป้องกันแข็งแกร่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้
สําหรับพวกที่มีพลังป้องกันอ่อน,พวกเขาถูกสับตัวขาดครึ่งในทันท,ตกตายลงศพไม่ครบสมบูรณ์
เหล่าขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดใช้พลังเต็มกําลังในอตนที่พวกเขาโจมตีออกมา,บวกกับพลังปราณที่พลุ่งพล่านและสภาวะที่แข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาไม่เทียมทาน
เมื่อขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดร่วมมือกัน,พวกเขาสังหารผู้คนไปกว่าเจ็ดสิบคนในช่วงอึดใจ อีกหลายคนที่บาดเจ็บสาหัส,สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปโดยสมบูรณ์
มีหลายคนที่บาดแผลฉกรรจ์ ในเมื่อทั้งหกคนไม่มีใครออมพลัง,ก็ไม่มีผู้บ่มเพาะพลังคนไหนที่จะบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง,มือกระบโลหิตเป็นคนแรกที่หยุดมือลง เขากล่าวด้วยเสียงล็ก “มหาสมบัติของครึ่งก้าวขอบเขตจักรพรรดิยุทธเป็นไม่สิ่งที่คู่ควรกับพวกเจ้าคนไหน กลับไปหาสมุนไพรวิญญาณที่สวนซะ”
มือสังหารพันศพ,หวังเหอ,ก็หยุดมือลงเช่นกัน เขาค่อยปาดเลือดออกจากมือของเขา เขากล่าวอย่างชั่วร้าย “หากมีใครไม่พอใจ,พวกเจ้าสามารถลองท้าทายกับข้า”
ขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดอีกสี่คนก็หยุดมือลง ทั้งหกปลดปล่อยฉีฆ่าฟันอันพลุ่งพล่านของพวกเขาออกมาในตอนที่พวกมันหลอมรวมกัน,มันก่อเกิดเป็นมหาสมุทรกดลงบนฝูงชน
ผู้บ่มเพาะพลังที่เหลือดรอดชีวิตหวาดกลัวถึงขีดสุด
เดิมที่,ด้วยความแข็งแกร่งของคนทั้งสองร้อย,พวกเขาสามารถต่อสู้กับทั้งหกคน
แต่อย่างไรก็ตาม,ไม่มีใครคาดคิดว่าขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุดเหล่านี้จะรู้กันและลงมือทําลายคู่แข่งของพวกเขา
ขณะที่ฝูงชนไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งหกคนได้สังหารพวกเขาบาดเจ็บล้มตายไปนับร้อย สําหรับผู้บ่มเพาะพลังที่เหลืออยู่ แม้ว่าพวกเขาอยากที่จะสู้,พวกเขาก็ไม่สามารถรวมกําลังกันไปอีกต่อไป
สถานการณ์ที่เปลี่ยนอย่างฉับพลันทําให้เยว่เฉินซีตกตะลึง
ในตอนที่เยว่เฉินซีมองไปที่เซี่ยวเฉิน, นางเห็นว่าเซี่ยวเฉินมีสีหน้านิ่งสงบราวกับเขารู้อยู่ก่อน แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นความรู้สึกที่หยั่งไม่ถึงเกิดขึ้น
“เจ้ารู้ว่ามันจะเกิดขึ้น?” เยว่เฉันอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
เซี่ยวเฉินพยักหน้า เขากล่าวขึ้นเบาๆ “หลักการง่ายๆ ข้าเดาได้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาร่วมมือกัน ไม่ให้ผู้บ่มเพาะพลังคนใดเข้ามาในสวนแห่งนี้ก่อนพวกเขา”
พวกเขาไม่ได้ทําการฆ่าล้างในสวนสมุนไพรก็เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีสมบัติใดที่คุ้มค่าพอ นอกจากนั้น,สวนสมุนไพรแห่งนี้ยังกว้างขวาง,มันมีเหลือเฟือที่จะแบ่งกัน
ตอนนี้สมบัติปราชญ์ได้ปรากฏขึ้น,เห็นชัดว่าแบ่งกันหกคนก็แทบจะไม่พอ ทําไมพวกเขาถึงอยากจแบ่งให้กับผู้บ่มเพาะพลังคนอื่นอีก
เยส่เฉินซีถามต่อ “เช่นนั้นแล้วทําไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่? เป็นไปได้ว่ายังมีโอกาสอยู่อีก?”
เซี่ยวเฉินไม่ได้กล่าวอะไรเพียงแต่มองไปยังชายชุดดําที่อยู่ไกลออกไปหนึ่งร้อยเมตร
“ข้าจะนับถึงสิบ ข้าหวังว่าจะไม่มีคนที่เจ็ดอยู่ตรงนี้ มิฉะนั้น,ทุกคนตาย!” ขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างไรอารมณ์
ขอบเขตกษัตริย์ยทธคนหนึ่งกล่าวขึ้น “นี่มันข่มเหงกัน! ทําไมเจ้าเผด็จการเพียงนี้?!”
ความโกรธเติมเต็มจนอจ,ที่มองดูอยู่ท่ามกลางฝูงชน อย่างไรก็ตาม,เขาจ้องไปที่ผมสีดําที่อยู่ในมือของเขา
ก่อนหน้านี,จินอจี้เข้าใกล้เกินไปและถูกมือกระบโลหิตซุนกวงฉวนหมายหัว เดิมที่,ซุนกวงฉวนสามารถสังหารเขาได้,แต่ในตอนที่เขาเห็นใบหน้าของจีนอจี้,เขาเฉือนโดนเพียงเส้นผมจินอูจี้รู้ว่า อีกฝ่ายเห็นแก่นกายของเขา หากเขาเป็นคนอื่น,พวกเขาคงไม่สนใจแม้แต่น้อย
“หนึ่ง,สอง ,สาม…เจ็ด,แปด…”
ในตอนที่ขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงสุดคนนั้นกําลังนับ พวกเขารู้สึกไม่พึงพอใจ,แต่อย่างไรก็ตาม,ในตอนที่พวกเขามองดูกองซากศพนองเลือดมากมาย,พวกเขาทําได้เพียงออกจากสวนสมุนไพรเล็กไปอย่างช่วยไม่ได้ในตอนที่นับมาถึงแปด,ทุกคนก็ออกไป
“ขอบเขตกษัตริย์ยุทธผู้นี้หยุดนับลงในทันที เขาเผยรอยยิ้มพึงพอใจ เขากล่าว”ดี แม้ว่าจะมีมหาสมบัติอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีค่าหากเจ้าต้องตายเพื่อมัน”
“บูม!”
ขณะที่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดคนนั้นกําลังจะกล่าวจบ,ชายชุดดําที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ได้เข้าไปถึงด้านข้างของโลงศพปราชญ์แล้ว เขาซัดฝ่ามือไปที่ฝาโลง,ทําให้มันบินขึ้นไป
“ฟุ่ ฟิ่ว! ฟุ่ฟิ่ว!”
ฝาโลงศพที่ทํามาจากหยกทองค่าขาวหมุนไปในอากาศอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นพายุหมุน
เสียงพายุหมุนโหมร้องเสียงคําครามของพยัคฆ์และหมาป่าดังสะท้อนมรจากภายใน ฝุ่นควันฟังไปทั่วทุกที่เติมเต็มไปในอากาศสภาพอากาศภายในสวนสมุนไพรเล็กแปลเปลี่ยน
ฝาโลงศพแบกพลังสายลม,ฝุ่นควันและแรงเหนี่ยวนําที่พลุ่งพล่านรุนแรงพร้อมกับตรงไปที่ขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั้งหกคน
Comments